โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ประชาไท | Prachatai.info

ประชาไท | Prachatai.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

ใบตองแห้งออนไลน์ : ทรราชย์!

Posted: 14 May 2010 02:34 PM PDT

<!--break-->

ศูนย์เอราวัณสรุปจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 10 ราย บาดเจ็บ 125 ราย จากการสลายการชุมนุมของทหาร ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นประชาชนที่ถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม ผู้บาดเจ็บเกือบทั้งหมดเป็นประชาชน รวมทั้งผู้สื่อข่าวช่างภาพ มีทหารบาดเจ็บเพียง 2-3 นาย 

การบาดเจ็บเสียชีวิตทั้งหมดชัดเจนว่าเป็นฝีมือทหาร เพราะภาพข่าว รายงานข่าวทั้งหมด ระบุว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธอย่างมากเพียงพลุ ระเบิดขวด ท่อนเหล็ก หนังสติ๊ก ไม่มีภาพของ “ชายชุดดำ” ยิงใส่ทหาร หรือผู้ก่อการร้ายถืออาวุธสงครามอย่างที่ไก่อูกล่าวหา ผู้ตายและบาดเจ็บเกือบทั้งหมดมาจากคำสั่ง ศอฉ. (ที่ได้ใบรับประกันจากศาลแพ่ง) ให้ทหารใช้กระสุนจริงได้ แม้ประชาชนผู้ชุมนุมจะไม่มีอาวุธร้ายแรง

นอกจากนี้ยังปรากฏข่าวที่ทหารยิงใส่รถมูลนิธิ ยิงใส่รถประชาชนที่ขับมาบนถนน ตอนดึกยิงใส่รถตู้ นปช.ที่ขับแหกด่านจนพรุน คนขับสาหัส เด็ก 10 ขวบและคนยืนอยู่แถวนั้นโดนลูกหลงสาหัส แสดงว่าซัลโวกันไม่นับเหมือนในหนัง

นี่หรือที่อ้างว่าไม่ต้องการทำร้ายประชาชน “สุภาพบุรุษ” ชายชาติทหาร ลบเฟซบุคหรือยัง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวชัดเจน ว่าทหารยิงช่างภาพของเขา แต่ไก่อูกลับบอกประชาชนอย่าเชื่อข่าวต่างชาติ (เหมือนพฤษภา 35) แน่จริงก็ไปหาเทปภาพชายชุดดำมาอีกสิครับ มันจะมีได้ไงในเมื่อ ศอฉ.บอกเองว่าส่งพลแม่นปืนขึ้นประจำทุกตึกสูง

ไม่ว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงจะเสียความชอบธรรมไปเพียงไรก็ตาม จากความดันทุรังของแกนนำที่หวังเอาชีวิตมวลชนเข้าแลก แต่พฤติกรรมอำมหิตของรัฐที่กระทำกับมวลชน ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ว่านี่คือพฤติกรรม “ทรราชย์” ของแท้มาเอง เพียงต่างจากถนอมประภาสหรือสุจินดา เพราะทรราชย์ออกซ์ฟอร์ดได้รับฉันทานุมัติจากชนชั้นนำและชนชั้นกลาง ให้เข่นฆ่าคนชั้นล่าง แท็กซี่ สามล้อ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง พวก “bad hygiene” (ช่วยฆ่ามันเร็วๆ ก่อนที่ลูกเราจะเปิดเทอม ไม่งั้นรถติดแย่ ไปเรียนพิเศษไม่ทัน จะสอบแอดมิชชั่นไม่ติดคณะนิติศาสตร์)

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน 2 วันนี้ ทำให้ข้อเรียกร้องที่ว่าแกนนำเสื้อแดงควรเลิกดันทุรัง ต้องตกไปเป็นเรื่องรอง เพราะเรื่องหลักต้องประณามทรราชย์ และหยุดทรราชย์ก่อน เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า ศอฉ.กำลังออก “ใบอนุญาตฆ่า” โดยไม่คำนึงว่าการเข้าสลายการชุมจะทำให้มวลชนบาดเจ็บล้มตายสักเพียงไร โดยอาศัยการปลุกผี “ผู้ก่อการร้าย” ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าคราวนี้ไม่มีชายชุดดำ มีแต่ “ชายชุดเขียว” ที่ฆ่าคน

หยุดทรราชย์และประณามทรราชย์ แล้วจึงค่อยเรียกร้องให้มีการเจรจา ถ้าชาวขาวเนียนรักสันติจริง ก็ต้องประณามการเข่นฆ่าครั้งนี้ เรียกร้องให้ยุติการใช้กำลัง แล้วจึงค่อยเรียกร้องให้แกนนำเสื้อแดงเลิกดันทุรัง

ผมไม่ปฏิเสธว่าต้องประณามแกนนำเสื้อแดงเช่นกัน ที่ดื้อรั้นจนทำให้สังคมอิดหนาระอาใจ เสียหายทางการเมือง ขาดความเห็นใจ จนนำไปสู่ฉันทานุมัติให้สลายม็อบ ต้องรอให้มวลชนตาย ต้องรอให้เลือดนอง เพื่อจะฉวยกระแสตีกลับว่ารัฐบาลทรราชย์

มันทรราชย์จริงครับ แต่การที่คุณจงใจเอาชีวิตคนมาเสี่ยงเพื่อตีโต้ทางการเมือง เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ต้องประณาม (เหมือนพันธมิตรเมื่อ 7 ตุลานั่นแหละ แต่ยังดีที่แกนนำอย่างจตุพร, อริสมันต์ มันกล้าเสี่ยงตายด้วยกันกับมวลชน)

ที่สำคัญการที่แกนนำฆ่าตัวตายทางการเมือง มันทำให้การเสียสละของผู้พลีชีพ ไม่ได้ส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างที่ควร เว้นแต่ในอารยะประเทศที่เขาถือสิทธิมนุษยชนสำคัญกว่ากระแส จึงเห็นว่าการปราบประชาชนเป็นความผิดร้ายแรง

ขอย้ำว่าผู้รักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชน (ตัวจริง) และนักสันติวิธี (ถ้าจริง) ต้องประณามรัฐบาลทรราชย์ และเรียกร้องให้ยุติการปราบประชาชน เป็นอันดับแรก เพราะรัฐคือผู้ใช้อำนาจ เป็นผู้กำหนดระดับความรุนแรงว่าจะให้เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด

แกนนำเสื้อแดงทำไม่ถูกจริง แต่รัฐก็ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตคน กระทั่งออกใบอนุญาตให้ “ชายชุดเขียว” ไปยิงหัวใครก็ได้

แต่ถ้าห้ามกันไม่อยู่ๆจริง ถ้าวันเสาร์นี้ยังขยายการปราบปรามอย่างรุนแรง สิ่งที่หลายคนทำนายไว้ก็น่าจะเป็นจริงคือ สงครามกลางเมืองเริ่มต้นแล้ว แต่นี่แค่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น 

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

รายงานการสลายการชุนนุม 15 พ.ค. (03.20 น.)

Posted: 14 May 2010 01:14 PM PDT

<!--break-->

 
03.20 น. ไอเอ็นเอ็น รายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพวชิระพยาบาลสามารถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงล้มลง บริเวณซอยรางน้ำได้แล้วจำนวน 2 ราย
เจ้าหน้าที่คุมเข้มซอยรางน้ำ ห้ามเข้าออก ช่วยคนเจ็บบางส่วนยังไม่ได้

เวลาประมาณ

02.00 น. ทีวีไทยรายงานว่า บริเวณซอยรางน้ำยังมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ จากการปะทะกันหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร และกลุ่มนปช.ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงขณะนี้ ซึ่งตลอดการชุมนุมผู้ชุมนุมได้จุดไฟเผายางรถยนต์เป็นจุดๆ ซึ่งในจุดนี้มีรายงานข่าวว่ามีผู้ถูกยิงตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมาบางคนที่ยังไม่สามารถนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ เพราะว่าที่เกิดเหตุยังมีทหารปิดล้อมห้ามคนภายนอกเข้าไป ซึ่งอยู่ในบริเวณถนนราชปรารภ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ปิดกั้นวอยรางน้ำฝั่งถนนราชปรารภ โดยไม่อนุญาติให้บุคคลเข้าไปในพื้นที่ได้ ซึ่งยังมีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งตอนนี้มีกลุ่มนปช.ที่เฝ้าสังเกตุเหตุการณ์ และชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงออกมาดูเหตุการณ์

เวลา 01.30 น. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง สถานการณ์ยังคงตึงเครียด มีประชาชนจำนวนมากทยอยสมทบนับพันคน มีรถจอดหลายร้อยคัน และประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมายังคงมีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นอีก 1 ครั้ง

เวลาเดียวกัน ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยังสถานีวิทยุชุมชน 97.25 สำโรง หลังจากได้รับกระแสข่าวที่ว่ามีการระดมคนจากสมุทรปราการเพื่อร่วมป้องกันทหารเข้าสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ โดยเจ้าหน้าที่สถานีระบุว่า ขณะนี้ได้มีการระดมคนโดยผ่านสถานีวิทยุ 97.25 และ 101.25 มารวมตัวกันที่บริเวณอิมพีเรียลสำโรงได้ในหลักพันแล้ว โดยมีทั้งรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ และแท็กซี่ และกำลังจะเดินทางไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่คลองเตยเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารเข้าไปถึงแยกศาลาแดง 

 

ภาพจากเว็บไซต์เดลินิวส์

เวลา 00.30 น.เว็บไซต์เดลินิวส์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณถนนราชปรารภ เกิดเหตุรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮค 8561 กทม. ขับมาบนถนนราชปรารภมุ่งหน้าไปทางดินแดงด้วยความเร็วสูง เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน ก่อนข้ามทางรถไฟ ได้มีด่านตรวจค้นทหารส่งสัญญาณให้หยุดรถ แต่รถตู้คันดังกล่าวได้พุ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่ทหาร

เจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ แต่รถตู้ยังคงวิ่งพุ่งไปหาด่านอีก เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจระดมยิงด้วยกระสุนยางและกระสุนจริงจนรถพรุนไปทั้งคัน ทำให้คนขับตู้เป็นชายวัยกลางคนสภาพมีกลิ่นเหล้าคลุ้ง ถูกยิงที่สีข้างขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส

นอกจากนี้มีเด็กชายอายุประมาณ 10 ปี ถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่หน้าท้องจนไส้แตก อาการสาหัส นอกจากนี้ยังมีคนขับรถแท็กซี่อีก 1 คน ที่รอรถกลับบ้านบริเวณดังกล่าว ถูกยิงเข้าที่ลำตัวบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เจ้าหน้าที่รีบนำคนเจ็บทั้ง 3 ราย ส่ง รพ.พญาไท 1 เพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าจากการตรวจค้นภายในรถพบมีดหัวตัดสัญลักษณ์ของกลุ่ม นปช.จำนวนมาก

00.45 น. สปริงนิวส์ รายงานว่าบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งถูกตัดไฟจนมืด มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนโห่ร้อง และใช้ก้อนหินและไม้ทุบกระจกด้านหน้าธนาคารกรุงเทพสาขาสามเหลี่ยมดินแดง โดยมีคนบางส่วนที่ตะโกนห้าม และยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

สนนท.จี้รัฐบาล-ศอฉ. รับผิดชอบ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทย-เทศ จัดเลือกตั้งใหม่ทันที

Posted: 14 May 2010 12:08 PM PDT

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ออกแถลงการณ์ ประณามการปราบปรามประชาชนด้วยอาวุธสงคราม สนับสนุนข้อเรียกร้อง การลุกขึ้นสู้และป้องกันตนเองของคนเสื้อแดงในทุกรูปแบบ

<!--break-->

แถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
ประณามการปราบปรามประชาชนด้วยอาวุธสงคราม
สนับสนุนข้อเรียกร้อง การลุกขึ้นสู้และป้องกันตนเองของคนเสื้อแดงในทุกรูปแบบ

เมื่อวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2553 ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกฉิน (ศอฉ.) ได้ใช้มาตรการในการปราบปรามประชาชนคนเสื้อแดงด้วยความโหดร้าย ล้อมกรอบและตัดสาธารณูปโภคและการติดต่อสื่อสาร ตลอดจนการคมนาคมทั้งหมดในบริเวณ ซึ่งไม่สามารถตีความเป็นอื่นได้เลย ว่านี่คือความพยายามในการล้อมปราบปรามเข่นฆ่าผู้ชุมนุมด้วยวิถีทางรุนแรง จนกระทั่งทำให้เกิดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าวด้วย โดยไม่มีความรับผิดชอบใดๆออกมาจากฝ่ายรัฐบาลและ ศอฉ. หนำซ้ำ ความพยายามปราบปรามสลายการชุมนุมยังคงมีกระบวนการเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจความสูญเสียของประชาชน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เรามีข้อเรียกร้องดังนี้:
๑. รัฐบาล และ ศอฉ. จะต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ตลอดจนผู้รับผิดชอบใน ศอฉ. สมควรลาออกจากตำแหน่ง และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งภายในและระหว่างประเทศ ตลอดจนจัดมีการเลือกตั้งใหม่เพื่อแก้ไขวิกฤติในทันที

๒. ให้มีการยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติความมั่นคงในทุกพื้นที่ในทันทีและหยุดการคุกคามปิดกั้นการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นช่องโทรทัศน์ วิทยุ และเว็ปไซต์ต่างๆ

๓. ขอให้องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลและประชาคมโลก ได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำการกดดันรัฐบาลให้รับผิดชอบต่อการสูญเสีย ตลอดจนแทรกแซงหากจำเป็น

ทั้งนี้ เราไม่เห็นด้วยกับการโยนความผิดของการสูญเสียนี้ให้เป็นของคนเสื้อแดง เพราะว่าการตัดสินใจชุมนุมเรียกร้องภายใต้เงื่อนไขใหม่ของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นส่วนของแกนนำหรือมวลชนเอง ไม่ว่าจะมีฝ่ายใดมองว่าขัดต่อแนวทางปรองดองหรือไม่ถูกใจใครหลายคนแค่ไหนก็ตาม ย่อมไม่ควรเป็นเหตุผลแห่งการเข่นฆ่าได้ การกล่าวอ้างว่าคนเสื้อแดงไม่ยอมรับแนวทางปรองดองจนนำไปสู่การเข่นฆ่า ย่อมเท่ากับเป็นการยอมรับการเข่นฆ่า โดยปฏิเสธสิทธิที่ประชาชนจะมีการชุมนุมทางการเมืองไม่ว่าจะด้วยความคิดเห็นหรือข้อเรียกร้องทางการเมืองใดก็ตาม แทนที่จะถามว่า “ทำไมคนเสื้อแดงไม่รับแนวทางปรองดอง?” เราควรจะถามมากกว่าว่า “รัฐบาลมีสิทธิอันใดในการฆ่าประชาชน?” ที่มีความคิดแตกต่างไปจากรัฐบาล

ภายใต้สภาวะที่ถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เราสนับสนุนการลุกขึ้นต่อสู้ตอบโต้และป้องกันตัวจากการถูกสังหารหมู่ในทุกรูปแบบ เพื่อพิทักษ์ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ชุมนุม มิให้ต้องถูกสังหารทำลายล้างโดยกองกำลังทหารอย่างป่าเถื่อน และขอสนับสนุนข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงที่ต้องการให้มีการยุบสภาและนำตัวผู้สั่งการสังหารหมู่ประชาชนมาสู่การลงโทษต่อไป

ขอประณามผู้สังหารหมู่ประชาชนและผู้สนับสนุนหรือยอมรับการเข่นฆ่าทุกฝ่าย
การต่อสู้ของประชาชนจะต้องได้รับชัยชนะ!

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

บันทึกแดง 14 พฤษภาคม

Posted: 14 May 2010 11:54 AM PDT

<!--break-->

บ่ายวันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม ถนนวิทยุ ถนนซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพ ช่างเงียบเหงา เหมือนแดนสนธยา มีแต่เพียงเสียงปืนและเสียงเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนเวียนอยู่เหนือถนนวิทยุเป็นระยะๆ ด่านเสื้อแดงตรงแยกชิดลม-วิทยุ ที่เดินผ่านก่อนเข้าถนนวิทยุถูกปิดตายโดยเสื้อแดงด้วยลวดหนาม ยางรถยนต์และไม้ไผ่เหลาแหลม ป้ายๆ หนึ่งที่ด่านมีข้อความเขียนว่า “ขออภัยในความไม่สะดวก กำลังปิดซ่อมประชาธิปไตย”

ตรงแยกเพลินจิตที่ผมเดินผ่านก่อนหน้านั้นมีทหารหลายร้อยนายเตรียมตั้งด่าน ทหารนายหนึ่งก็ตะโกนบอกผมว่า ไม่ควรเข้ามา

ถนนวิทยุว่างเปล่า เหลือแต่ยามและเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง หากมีการเคลื่อนไหวบ้างก็เป็นมอเตอร์ไซต์ของเสื้อแดงที่วิ่งเข้าวิ่งออกเป็นระยะแต่ไม่มาก

13.40น. ผมเห็นมอเตอร์ไซต์ซ้อนสาม พาคนเจ็บนั่งตรงกลาง ร่างดูไร้สติ วิ่งผ่านสถานทูตอเมริกาออกไปทางชิดลม คุยกับยามบริเวณนั้นก็ได้ยินข่าวว่า มีนักข่าวถูกยิงแถวสวนลุมอย่างน้อยสองคน

ก่อนหน้านั้น ระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านสถานทูตเนเธอร์แลนด์อยู่นั้น ผมเห็นเลือดหยดเป็นทาง พอมาถึงแยกสารสิน-วิทยุ ก็มีเพียงเหล่าเสื้อแดงฮาร์ดคอและการ์ดแดงทั้งหลาย ผู้รอประจันหน้ากับทหารผู้ที่ต้องการเข้ามา “กระชับวงล้อม”

เหล่าการ์ดยืนคุยกันอย่างฮึกเหิม พร้อมด้วยอาวุธพื้นบ้านอย่าง ระเบิดขวด ท่อเหล็ก หนังสติ๊กและไม้ไผ่

“ไม่กลัว” การ์ดเสื้อแดงในชุดดำคนหนึ่งตอบผมเมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ไม่กี่นาทีหลังจากที่มีการปะทะกันระหว่างทหารและคนเสื้อแดง ซากรถบัสตำรวจ ตชด.ที่ถูกเผาเมื่อตอนเที่ยงยังจอดอยู่ห่างจากเราไปประมาณ 100 เมตรใกล้สวนลุมไนท์บาซาร์ มีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นนักข่าว และมีรายงานว่า มีคนตายหนึ่งคนด้วย

“ทหารยิงมั่ว รัฐบาลชุดนี้แม่งเหี้ยจริงๆ ป่านนี้แม่งยังไม่ลาออกเลย” ชายเสื้อแดงคนหนึ่งบอกบรรดาเพื่อนๆ
หน้าด่านมีป้ายผ้าสีดำ เขียนด้วยตัวอักษรสีขาวว่า “ในโลกนี้ยังมีสัตว์ร้ายชนิดใด ทำลายล้างชีวิตผู้คนมากกว่าคน”

พวกเสื้อแดงฮาร์ดคอยังคงเล่าแลกเปลี่ยนเรื่องราวการปะทะตั้งแต่ช่วงสายไม่นานนักก็มีมอเตอร์ไซต์วิ่งกลับมาและบอกว่า พี่น้องเสื้อแดงจำนวนหนึ่งถูกพันธมิตรโจมตี โดยที่แท็กซี่คนหนึ่งถูกพันธมิตรไล่ฟันและยึดรถไป บนตอม่อสะพานลอยที่เรายืนอยู่ข้างใต้นั้น มีสเปรย์พ่นเขียนเป็นภาษาไทยซึ่งสะกดผิดไปหน่อยว่า “กูรอมึงมา ไอ้หมารอบกัด” ซึ่งจริงๆ แล้วศัตรูเสื้อแดงก็คงอยู่ “รอบๆ”

ไม่นานนัก ประมาณ 14.30น. หัวหน้าการ์ดเสื้อแดง ณ จุดนั้นก็ตะโกนให้มวลชนเข้ามาในด่าน โดยบอกว่า ทางส่วนกลางได้สั่งให้เข้ามาและปิดด่านเพื่อที่ว่า หากทหารบุกเข้ามาจะได้เผายางรถยนต์ที่ด่านเพื่อสกัด
“เพราะตอนนี้เขาเริ่มเคลื่อนตัวย้ายกำลังกันแล้ว” หัวหน้าการ์ดพูด

ผมตัดสินใจเดินก้าวข้ามก่อนด่านถูกปิด เข้าสู่เขตที่เสื้อแดงบางคนเรียกว่า “เขตปลดปล่อย” เดินได้สักพักก็ถึงร้านขายอาหารร้านหนึ่งบนถนนหลังสวน จึงตัดสินใจเข้าไปซื้อน้ำอัดลมกระป๋อง อาซ้อเจ้าของร้านอายุราว 60 นั่งดูทีวีช่อง TNN อยู่พร้อมปลอกมังคุด ผมสังเกตเห็นโปสเตอร์รูปคนเสื้อเหลืองถวายพรในหลวงรูปใหญ่ติดอยู่ข้างผนัง จึงถามซ้อว่า ไม่ห่วงความปลอดภัยบ้างหรือ

“แดงหรือเหลือง” ซ้อถามผมกลับ พอผมบอกว่าเป็นนักข่าว The Nation เธอก็เริ่มพูดไม่หยุดเพราะคงรู้ว่า เนชั่นคือสื่อที่ไม่เอาแดง

“จริงๆ ไม่ชอบแดงเลย รถมันก็ตรวจ จะบอกให้นะ ถ้าของมีค่ามันเอาไปเลย เอาทุกอย่างเพราะมันจ้างมา . . . เป็นเด็กติดยาทั้งนั้นเลย แล้วมันตั้งโต๊ะจ่ายเงิน คันละ 800 แต่พอเอาจริงๆ ให้มันแค่ 500” อาซ้อกล่าวถึงมอเตอร์ไซต์เสื้อแดงใน “ชุดความจริง” ของเธอ

ผมถามซ้อต่อว่า ไม่กลัวโดนเผาหรือ ถ้ามีการปราบและปะทะกัน

“ไม่กล้าเผาหรอก คิดว่ามันไม่โหดเหี้ยม แต่อยากให้มันไปตาย เราหากินไม่ได้ ปราบที่ไหนก็มีคนตายทั้งนั้นแหละ”

ผมถามต่อเรื่องเสธแดงว่า เธอคิดว่าใครเป็นคนยิง เธอตอบว่าไม่รู้ แต่บอกว่าเสธแดงศัตรูเยอะ และกล่าวพร้อมชี้ไปที่หน้าอกซึ่งหมายถึงเสื้อกันกระสุนซึ่งเธอเชื่อว่าเสธแดงใส่เมื่อคืนวันก่อน “ยิงแถวนี้ไม่มีประโยชน์ เนี่ย สมองชั้นหนึ่งเลย คนยิงนี่เก่งมาก ฉันว่าคนนี้ถูกยิงน่ะดีแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น คุณว่าจริงไหม ทุกอย่างทักษิณมันอยู่เบื้องหลังตัวเอ้เลย แค้นมากเงินสี่หมื่นล้านโดนยึด ต้องรีบปราบให้เสร็จ ต้องให้เร็วที่สุด ตายก็ตาย ถ้าสงครามไม่มีใครตาย ไม่ได้ . . . คนแถวนี้เขาเรียก [เสื้อแดง] ถ่อย ถุน เถื่อน เขาไม่เรียกว่าไพร่”

ได้ยินเช่นนั้นผมก็คิดว่า คงถึงเวลาเดินทางต่อ เดินออกมาได้ไม่นาน แวะยืนฟังการ์ดเสื้อแดงคุยกันก็ได้ยินเสียงคนทัก ปรากฎว่า เป็นอดีตแกนนำนักศึกษาที่ยังหนุ่มแน่น ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้ชุมนุมเสื้อแดงระดับขาประจำ นอนอยู่แถวเวทีราชประสงค์มาเป็นเวลาหลายคืนแล้ว แกบอกว่า ได้ยินมากับหูว่า การ์ดเสื้อแดงบางคนมีการ “วอเรียก M79” และแกก็พูดถึงความจริงอีกชุดว่า การ์ดเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยเป็นเด็กรามฯ

เราสองคนเดินไปจนถึงข้างเวทีราชประสงค์ก็เกิดเหตุชุลมุน รถพยาบาลของมูลนิธิร่วมกตัญญูสองคัน วิ่งฝ่าวงผู้ชุมนุมจากทางด่านประตูน้ำเข้ามาจอดข้างเวทีด้านขวาใกล้โรงพยาบาลตำรวจอย่างเร่งด่วน

เจ้าหน้าที่รีบนำคนเจ็บออกจากรถ ในขณะที่เสียงบนเวทีบอกให้ผู้ชุมุนุมเคลียร์เส้นทางให้คนเจ็บเข้าโรงพยาบาลตำรวจ ผู้บาดเจ็บคนหนึ่งถูกผ้าคลุมทั้งร่างยกเว้นเท้าที่บ่งบอกว่า เขาเป็นผู้ชาย เลือดเปรอะผ้าคลุมสีขาวและการที่คุลมศีรษะด้วยบ่งชี้ว่า ท่าทางคงสาหัสมาก

“เหี้ย ใจร้าย รัฐบาลส้นตีน” ผู้หญิงเสื้อแดงที่ดูเหมือนมาจากต่างจังหวัดตะโกนด่า พร้อมน้ำตาที่ไหลเอ่อ เมื่อเธอเห็นสองร่างถูกนำตัวผ่านหน้าเธอไป

“ไอ้เหี้ย เผาแม่งไปเลยดีกว่า รออะไรเนี่ย เผาแม่งไปเลยดีกว่า”

ชายเสื้อแดงคนหนึ่งพยายามมาปลอบเธอบอกให้ใจเย็นๆ แต่ก็ได้รับคำตอบจากเธอว่า ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ

เธอร้องไห้และตะโกนต่อไปว่า “รัฐบาลส้นตีนอย่างนี้เอาไว้ทำไม”

เพลงนักรบธุลีดินถูกเปิดบนเวที เสื้อแดงทั้งหมดยืนให้ความเคารพคนเจ็บและคนตาย หลายคนน้ำตาซึมและใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญูว่า เกิดอะไรขึ้น เขาตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ทหารยิง” และหนึ่งในสองคนที่นำมาส่งนั้น ชีพจรอ่อนมากแล้ว
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

'สนธิ' ลาออกหัวหน้าพรรค ต้านประชาธิปไตย หนุนธรรมาธิปไตย จี้ทหารปฏิวัติถ้า 'มาร์ีค' ทำไม่ได้

Posted: 14 May 2010 09:52 AM PDT

สนธิ ลิ้มทองกุล ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในรอบปีทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ลั่นลาออกจากพรรคการเมืองใหม่ ชูธรรมาธิปไตย ต่อต้านระบบหนึ่งคนหนึ่งเสียง

<!--break-->

วันนี้ (14 พ.ค.) รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ระหว่างเวลา 20.30-22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยกล่าวกับผู้ชมดังนี้

สวัสดีครับท่านผู้ชมและพ่อแม่พี่น้องชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ครับ ไล่มันออกไป และเอาประเทศไทยของเราคืนมา เมื่อกี้นี้ผมนั่งดูเพลงไตเติ้ลขึ้นรายการ "เทียนแห่งธรรม" ดูแล้วอดน้ำตาซึมไม่ได้ ดูความสงบ สันติ อหิงสา ของพลังศีลธรรมที่แท้จริง ทั้งจริยธรรมที่ลุกขึ้นมาสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ไม่ได้สู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง หรือไม่ได้สู้เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ ผมหายไปนานพอสมควร ที่ผมหายไปนานนั้นพ่อแม่พี่น้องหลายคนก็เป็นห่วงเป็นใย พวกศัตรูก็บอกว่าผมหนีไปแล้ว ผมเคยให้สัมภาษณ์คุณแอน จินดารัตน์ ในรายการแอน จินดารัตน์ เมื่อแอนถามว่า คุณสนธิหายไปไหน ผมบอกคุณแอนว่า ผมไม่ได้ไปไหน ผมคือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ลูกเจ๊กแซ่ลิ้ม คนไทยเชื้อจีน ที่ได้ทำหน้าที่เกินกว่าความเป็นลูกเจ๊กแซ่ลิ้ม เมื่อทำหน้าที่จบแล้ว ผมก็ลงจากเวทีแล้วผมก็อยู่อย่างเงียบๆ ผมไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษ ผมไม่ต้องการยึดติดต่อเสียงสรรเสริญ เสียงชื่นชม หรือแม้กระทั่งไม่ต้องการทะเยอทะยานที่จะไปมีอำนาจวาสนาใดๆ ทั้งสิ้น

วันนี้เป็นเรื่องที่ผมจะต้องออกมาพูด หลังจากระยะเวลา 2 ปีกว่าที่รัฐบาลชุด คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาบริหารชาติบ้านเมือง ผมไม่เคยพูด ผมได้เก็บความรู้สึกเงียบๆ สงบ สังเกตทุกอย่าง ด้วยความรู้สึกของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วผมก็เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย ผมเห็นการที่จะออกมาทำลายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผมเห็นการกล่าวร้ายป้ายสีว่าสังคมไทยนั้นมันแตกแยก เพราะว่ามีคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงทะเลาะกัน หรือแม้กระทั่งมีการกลั่นแกล้งด้วยการทำเป็น MV เรื่องของการรักชาติ รักบ้านรักเมือง แล้วเอาชุดที่ประชาชนไปร่วมฉลองเนื่องในวาระโอกาสที่องค์พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯ ครองราชย์มาครบ 60 ปี ที่หน้าพระบรมรูปทรงม้า ที่ประชาชนใส่เสื้อสีเหลือง คนบางคนเกลียดสีเหลือง อุตส่าห์ไปเปลี่ยนสีทางคอมพิวเตอร์ในภาพยนตร์เป็นเสื้อสีชมพู ผมภูมิใจในความเป็นเหลืองของผม ผมไม่เคยถอย เพราะสีเหลืองเป็นสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นสีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมที่สุดองค์หนึ่งในบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย

ผมไม่เคยคิดที่จะอับอายขายหน้าที่จะต้องเปลี่ยนสีเสื้อ ผมเกิดมาเทิดทูนสีเหลือง ผมก็พร้อมที่จะตายด้วยสีเหลืองเช่นกัน

ผมไม่เคยออกมาทวงบุญคุณชาติบ้านเมือง ไม่เคยออกมาพูด บาดเจ็บแสนสาหัส ผ่านกระสุนมา 200 กว่านัด เดินเข้าโรงพยาบาลเอง ไม่เคยทวงบุญคุณว่าผมทำเพื่อใคร แต่ผมทำในฐานะที่เป็นหนี้ของแผ่นดิน ผมไม่เคยใฝ่ฝันว่าผมจะต้องมาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตลอดเวลา ผมตอบคุณแอน จินดารัตน์ไป ผมตอบว่า ถ้าเป็นสมัยโบราณแล้วผมก็เหมือนกับชาวไร่ชาวนาคนหนึ่ง เมื่อข้าศึกศัตรูรุกประชิดกำแพงเมือง ผมก็ทิ้งจอบทิ้งเสียม ออกไปจับดาบจับหอก ขี่ม้ารำทวน สู้ศัตรูจนเลือดอาบ เมื่อยันจนกระทั่งศัตรูถอยไปแล้ว เหตุการณ์สงบลง ผมก็กลับมาที่ไร่ที่นา วางดาบวางหอก วางธนู แล้วก็หันไปจับจอบจับเสียม ทำไร่ไถนาทำมาหากินต่อไป ไม่มีใครรู้จักผม

ท่านผู้ชมครับ และพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คำพูดนี้ศักดิ์สิทธิ์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน ศักดิ์สิทธิ์ตรงที่ว่า มันเป็นที่รวมของจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ ไม่มีเบื้องหลัง ไม่มีเบื้องหน้า ไม่มีอะไรเคลือบแฝงเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ใจเท่านั้นเอง ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน นี่คือที่มาของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผมภูมิใจที่อยู่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องไปแปลงสารไปเป็นเสื้อหลากสีหรือเสื้อสีอะไรก็ตาม

พี่น้องครับ วันนี้ผมมีข่าวใหญ่ 1 ข่าวที่ผมจะเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบ และหลังจากข่าวใหญ่นี้ ผมจะเล่าความเป็นมาว่า ทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มันถึงเกิดขึ้นได้ แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมมีที่มาที่ไปแล้วหลังจากเหตุการณ์อันนี้เราจะไปตรงไหน วันนี้ผมมองข้าม คุณทักษิณ ชินวัตร และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปแล้ว ไม่มีความหมายเลยสำหรับผม เพราะว่าชาติบ้านเมืองที่จะเป็นไปในอนาคตข้างหน้านั้น ถ้าเราเดินให้เป็น เราเดินให้ดี เราก็ยังจะรักษามรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา คือ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ได้ แต่ถ้าเราเดินไม่ดี นี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบของมรดกของเรา

ท่านผู้ชมและพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังจำได้ไหม วันที่ผมตัดสินใจเข้าไปรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ หลายคนไม่เห็นด้วย หลายคนบอกว่าผมทะเยอทะยาน หลายคนบอกว่าไหนผมบอกจะไม่เล่นการเมือง ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องครับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ลูกเจ๊กแซ่ลิ้มคนนี้ยังไม่เคยผิดสัจจะ จำได้หรือไม่ ผมบอกว่า ผมไม่อยากรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ แต่ผมต้องรับเพื่อให้พรรคมันเกิดขึ้น จำได้ไหมผมเคยพูดบอกว่า ในชีวิตผม ผมไม่เคยทำอะไรแล้วคนจะเข้าใจทันที จะต้องผ่านขวากผ่านหนามผ่านอุปสรรค ขึ้นเขาลงเหวข้ามห้วย กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางเลือดตาแทบกระเด็น และวันนั้นคนถึงเข้าใจผม และเข้าใจแล้วก็ลืมไปแล้ว ผมไม่ต้องการทวนความจำ หรือทวงบุญคุณ

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการล้มเจ้า ที่เราสู้ขึ้นเป็นคนแรก ด้วยเสื้อสีเหลืองตัวแรกที่เราใส่ ที่เขียนว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง" สมัยนั้นก็ถามว่า เอ๊ะสู้ไปทำไมเพื่อในหลวง คุณเสนาะ เทียนทอง ถึงกับแดกดัน บอกว่าสู้ไปเพื่อท่านทำไมท่านสบายดีอยู่แล้ว อย่าไปยุ่งกับท่าน แล้วเป็นยังไง 48, 49, 50, 51, 52 ต่อ 53 วันนี้รัฐบาลยอมรับเองว่ามีขบวนการล้มเจ้า

พี่น้องครับ เมื่อผมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ผมได้พูดกับพี่น้องประชาชน ผมพูดหรือเปล่า ให้ทบทวนความจำ ผมพูดบอกว่า ผมจะมารับตำแหน่งเพื่อให้พรรคมันเกิด ชั่วคราวแล้วผมก็จะจากไป ท่านผู้ชมครับ พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวานนี้ผมได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่เรียบร้อย แล้วครับ และยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองใหม่เรียบร้อยแล้ว ผมรักษาสัจจะผม วันพรุ่งนี้เขาจะมีการประชุมสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ ก็จะเป็นวาระของการที่เขาจะต้องตัดสินใจเลือกกันว่าแล้วเขาจะเอาใครเป็นหัว หน้าพรรค เขามีเวลา 45 วัน ทำไมผมต้องออก ข้อที่ 1 เป็นการรักษาคำมั่นสัญญา พี่น้องจำได้ไหมผมเคยพูดว่าอย่างไรในตอนที่ผมสู้ ผมสู้โดยเอาธรรมนำหน้า ธรรมข้อหนึ่งของพระพุทธเจ้า คือ สัจจวาจา คนเราพูดจาอะไรไป รับปากอะไรไปต้องทำเช่นนั้น

หลายคนบอกว่า คุณสนธิออกทำไม นาทีนี้ เวลานี้ พรรคการเมืองใหม่มีโอกาสอย่างสูงที่จะมีเสียง ส.ส.เข้ามาไม่ต่ำกว่า 40-50 เสียง ถ้าร่วมกับพรรคที่ดีๆ มีกระทรวงที่ต้องบริหารอยู่ในมือ 5 กระทรวง รัฐมนตรีว่าการทั้งสิ้น คนพูดเช่นนั้นไม่เข้าใจในตัวผมเลย เพราะผมอยากจะกลับไปทำไร่ไถนาของผม ผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมถูกจำกัดด้วยกุญแจมือของกฎหมายพรรคการเมือง ผมทำอะไรเกินเลยก็ไม่ได้ ผมแสดงความคิดเห็นอะไรที่ตรงไปตรงมาก็ไม่ได้ หลายคนบอกว่าคุณสนธิอยู่สิ อย่าลาออกเลย อยู่ดีกว่า เพราะอย่างน้อยถ้าพรรคการเมืองมี ส.ส.40-50 คน เราคือกำลังที่สำคัญ ผมบอกว่า พรรคการเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องพึ่งผม ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเลือกสรรหาคนขึ้นมา ผมขออนุญาต ขออนุญาตกลับมาสู่นายสนธิ ลิ้มทองกุล คนเดิม คนที่กล้าพูด คนที่กล้าแสดงออก เป็นสื่อมวลชนปากกล้า ที่ชูธงโต้กระแสทวนจริงๆ เป็นสื่อมวลชนที่เลวน้อยที่สุด ผมขอเข้ามา กลับเข้ามาสู่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว โดยไม่มีสายใยที่ผูกพันกับพรรคการเมืองใหม่ ร่วมกับพี่จำลอง ศรีเมือง และพี่พิภพ ธงไชย

การที่ผมพูดเช่นนี้ ผมกำลังจะชี้ให้ชัดว่าจุดยืนของผมอยู่ตรงไหน ผมสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะผมคิดว่าพรรคการเมืองใหม่อย่างน้อยที่สุด ในวังวนของน้ำเน่าและน้ำคลำ ยังเป็นน้ำดี ถึงแม้ว่าจะมีเพียง 1-2 ขัน ในโอ่งใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำคลำ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าทุกๆ พรรค

ผมสามารถจะแสดงความคิดเห็นออกได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องไปตะขิดตะขวงใจ หรือหวั่นเกรงคำครหานินทาว่าผมพูดเพื่อทำคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใหม่ ไม่จำเป็น เพราะว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น คือที่รวมของคนที่มีจิตวิญญาณ มีศีลธรรม มีจริยธรรม ไม่จำเป็นต้องมีบัตรสมาชิก คนที่คิดดีทำดี รักบ้านรักเมือง ยินดีที่ออกมาปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เขาก็คือ คนที่มีอุดมการณ์เดียวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่อยากร่วมกับเราไม่เป็นไร แต่ขอให้มีองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้

พี่น้องครับ ในบทบาทใหม่ ซึ่งแท้ที่จริงคือบทบาทเก่าของผมนั้น ผมจะสามารถทำอะไรให้สังคมไทยได้มากกว่าการที่ถูกใส่กุญแจมือในฐานะที่เป็น หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ติดขัดกฎระเบียบข้อบังคับ ติดขัดทุกๆ อย่าง พูดตรงนั้นเดี๋ยวจะถูกยุบพรรค พูดตรงนี้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะถูกหาว่า คุณเข้ามาเล่นการเมืองแล้ว เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หัวหน้าพรรคการเมือง คุณมาออกโทรทัศน์ไม่ได้ทุกวัน พลานุภาพของผมอยู่ที่คำพูดของผม ที่บอกว่าเป็นพลานุภาพของผม เพราะว่าเป็นคำพูดที่มาจากใจ เป็นคำพูดที่กลั่นกรองด้วยปัญญา เป็นคำพูดที่มาจากองค์ความรู้ 60 กว่าปีของชายชราผมดอกเลาคนนี้ เป็น 60 กว่าปีของการผ่านโลก ผ่านร้อน ผ่านหนาว เห็นทุกอย่าง ชืดชากับลาภยศ ชืดชากับสิ่งเย้ายวน ต้องการเพียงอย่างเดียววันนี้ให้ชาติบ้านเมืองอยู่ได้

พี่น้องครับ วันนี้หลังจากวันซึ่งผมได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ มาจนกระทั่งวันนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ผมต้องอดทนต่อคำนินทาให้ร้าย ผมไม่กล้าพูด พูดแล้วเดี๋ยวจะบอกว่า พูดเชียร์พรรคการเมืองใหม่ วันนี้ผมเป็น นายสนธิ ลิ้มทองกุล คนเก่าที่กลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง คนเก่าที่ต่อสู้ ลุกขึ้นมาสู้คนแรก คนที่มีความเชื่อว่าชาติบ้านเมืองจะดีขึ้นนั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วม คนที่เชื่อว่าชาตินั้นต้องประกอบด้วย ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพราะว่าถ้าศาสนาอ่อนแอพระมหากษัตริย์ก็อ่อนแอ ถ้าพระมหากษัตริย์อ่อนแอศาสนาก็อ่อนแอชาติก็อ่อนแอ เป็นคนที่ทำ แม้กระทั่งชีวิตยังต้องเอาไปเสี่ยง เป็นคนที่ทำแล้วเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยตัวเอง ไม่ใช่เป็นคนหรือเป็นพรรคที่เหยียบศพประชาชนแล้วขึ้นมาเป็นใหญ่ แล้วก็ลืมกำพืดว่าตัวเองมาจากไหน ลืมถึงขนาดพูดบอกว่า ถ้าไม่มีเขาไม่มีเราวันนี้

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถ้าจะทานข้าวที่คนเอามาให้เราทาน เราไม่ได้ขอบคุณคนที่เอาข้าวมาให้เราทาน แต่เราจะขอบคุณชาวนาที่ปลูกข้าว ปลูกเสร็จเอามาเข้าโรงสี สีเสร็จเอามาเข้าห่อเข้าพก แล้วเราซื้อมาหุงข้าว คนบางคนได้ข้าวที่หุงในหม้อ กินเสร็จแล้วบอกว่า ถ้าไม่มีเขาไม่มีเรา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปลูกข้าวมา หว่านข้าว ล้มหายตายจาก ชีวิตของน้องโบว์ ชีวิตคน 10 กว่าศพ กลายเป็นศพที่ถูกเท้าของนักการเมืองโสมมสปรก ชั่วช้าเหยียบขึ้นมาเป็นใหญ่

พี่น้องครับ การเมืองไทยต้องเปลี่ยน วันนี้ผมพูดในฐานะ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผมจะพูดให้เต็มที่ และก็เหมือนครั้งก่อนๆ ที่ผมพูดอะไร เสนออะไรไปแล้วทุกคนก็จะก่นด่าผม แต่พอผ่านไประยะหนึ่งความจริงเริ่มปรากฏ ทุกคนจะเริ่มบอกว่า ไอ้สนธิมันพูดถูก

พี่น้องครับ ประเดี๋ยวเราพักกันสักครู่หนึ่งแล้วเราจะกลับมาแล้วบอกให้ทราบว่า วันนี้ ณ เวลานี้ที่ประเทศไร้ขื่อไร้แป กลียุคในสังคมไทย ยิงกันสนั่น ไม่มีใครยอมใคร กบฏในราชอาณาจักรเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ท่านผู้ชม พักสักครู่แล้วประเดี๋ยวกลับมาฟังตำนานอันนี้ เมื่อฟังจบ เข้าใจแล้ว แล้วผมจะบอกท่านผู้ชมว่าเราจะเดินไปอย่างไรกัน แล้วผมจะเสนอความคิดให้ คุณผู้ชมครับพักสักครู่แล้วประเดี๋ยวเราจะกลับมาเจอกันครับ

ท่านผู้ชมครับ ช่วงที่ผมพักไปนั้น มีความเห็นเข้ามามาก หลายๆ ความเห็นบอกว่าดีใจที่ผมกลับมาสู่ภาคประชาชน ท่านผู้ชมครับ อย่าเข้าใจผิด ผมยังให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่อยู่เหมือนเดิมทุกประการ เพราะอะไรรู้ไหมครับท่านผู้ชม เพราะพรรคการเมืองในขณะนี้เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ยึดถืออุดมการณ์ของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อจิตวิญญาณเดียวกัน เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง อนาคตข้างหน้าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากพรรคการเมืองใหม่บิดเบือน หรือประพฤติปฏิบัติไปในทางตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ที่ผมและพี่น้องสู้มา เราก็คงจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ แต่ ณ วันนี้พรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคเดียวเท่านั้นเองที่ยึดถือในคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ที่การเมืองที่แท้จริงควรจะมี

ท่านผู้ชมครับทำไมชาติบ้านเมืองมันถึงเลวร้ายเช่นนี้ บางคนก็โทษว่าเพราะเรามีการปฏิวัติรัฐประหาร การรัฐประหารมากจนเกินไป บางคนก็โทษบอกว่า เพราะว่าเรามีนักการเมืองที่ไม่ดี ท่านผู้ชมครับ หลายคนชอบพูดว่าเรามีปฏิวัติมากเกินไป ผมจะขอกราบเรียนท่านผู้ชมวันนี้ เวลานี้ ว่าเราไม่เคยมีการปฏิวัติเลยแม้แต่นิดเดียว เรามีแต่รัฐประหาร รัฐประหารคือการผ่องถ่ายอำนาจอันหนึ่งไปสู่อำนาจอีกอันหนึ่ง เท่านั้นเอง ล่าสุดก่อนที่ผมจะเดินทางต่อไปในหัวข้อต่อไปนั้น อยากให้ไปดูเทปเก่า สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในยุค คมช. ผมเป็นคนแรกที่พูดในที่สาธารณะ ว่านี่กลายเป็นสมบัติผลัดกันชมไปแล้ว รัฐประหารที่ไม่ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาที่แท้จริง เทปอันนี้ถ้าจำไม่ผิด ออกในห้องส่งนี้ และใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 6-7 นาทีเท่านั้นเอง ผมอยากให้ท่านผู้ชมชมสักนิดหนึ่ง แล้วลองดูซิว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นจริงหรือไม่จริง เชิญเลยครับ

(VTR : โครงสร้างทางการเมือง)

ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก วันนั้นที่ผมพูดคือ วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2550 นับมาถึงวันนี้แล้วก็เป็นเวลา 3 ปี กับอีกเกือบๆ 30 วัน สัจธรรมตัวนี้ยังอยู่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ชาติบ้านเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลงกันตอนไหน ถ้าถามผมว่ายุคไหนการปกครองของชาติบ้านเมืองดีที่สุด ผมต้องบอกว่ายุคที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ นำโดยหัวหอกคือ พรรคประชาธิปัตย์ เลือกท่านขึ้นมา ทุกคนเลือกท่านขึ้นมา ท่านไม่มีพรรคไม่มีพวก ท่านมีแต่ชาติบ้านเมืองมีแต่ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ท่านเอาความสงบสุขเป็นตัวตั้ง ท่านไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับการเงินการทอง แต่ท่านบริหารเศรษฐกิจได้อย่างฉับไว เฉียบพลัน และเด็ดขาด

ท่านผู้ชมและพี่น้องที่โตไม่ทันยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ช่วงนั้นประเทศไทยกำลังประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ เราต้องลดค่าเงินบาท พล.อ.เปรม ท่านเรียกคุณสมหมาย ฮุนตระกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามาพบ พล.อ.เปรม ท่านถามบอกว่า มีความจำเป็นที่จะต้องลดค่าเงินบาทหรือไม่ คุณสมหมายบอกจำเป็น จำเป็นมาก ลดค่าเงินบาทอาจจะทำให้ประเทศชาติลำบากชั่วระยะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นแล้วจะดีขึ้น ท่านผู้ชมครับ ผมยังจำได้ ตอนนั้นผมทำหนังสือพิมพ์นิตยสารผู้จัดการรายเดือนอยู่ คุณสมหมาย ฮุนตระกูล ประกาศลดค่าเงินบาท ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว มีแค่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และคุณสมหมาย ฮุนตระกูล เท่านั้นที่รู้ ตกใจกันทั้งวงการ ไม่เหมือนสมัยคุณชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลดค่าเงินบาท คุณทักษิณ ก็รู้ ทนง พิทยะ ก็รู้ โภคิน พลกุล ก็รู้ รู้กันไปหมด นักธุรกิจใหญ่ๆ ก็รู้ แค่นี้ก็มองเห็นถึงคุณภาพของผู้นำ เผอิญตอนที่ลดค่าเงินบาทนั้น คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ บริษัทปุ๋ยแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าผมจำชื่อไม่ผิด เจ้าของคือ คุณสว่าง เลาหทัย คุณสว่าง เลาหทัยนั้น เป็นนักธุรกิจที่ผูกพันกับธนาคารกรุงเทพอย่างมหาศาล เรียกว่ามีอิทธิพลต่อการกู้ยืมเงินธนาคารกรุงเทพ หนี้สินคุณสว่าง เลาหทัย ก็เลยเพิ่ม จากดอลลาร์นึงประมาณ 20 บาท กลายเป็นดอลลาร์ 25 บาท 26 บาท เพิ่มอีกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ คุณสว่างโกรธ เผอิญคุณสว่างสนิทสนมอย่างมากๆ กับ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบก ก็ไปฟ้อง พล.อ.อาทิตย์ พล.อ.อาทิตย์ ลืมในหน้าที่ตัวเองว่าตัวเองนั้นคือ ผู้บัญชาการทหารบก ดูแลความมั่นคงของชาติบ้านเมือง พล.อ.อาทิตย์ เลยให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ไม่พอใจ ระบายความรู้สึกของตัวเองออกไป ท่านผู้ชมครับ พล.อ.เปรม ท่านไม่ว่าอะไรสักคำเลย ท่านเงียบสนิทท่านไม่พูด ผมจำได้ว่าท่านบินลงไปทางใต้ไปตรวจราชการ จังหวะที่ท่านเหยียบสงขลาปั๊บมีพระบรมราชโองการปลด พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก จากผู้บัญชาการทหารบกทันที

ทำไม พล.อ.เปรม ทำได้แล้วทำไมคนอื่นทำไม่ได้ ที่ พล.อ.เปรม ท่านทำได้เพราะท่านเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ท่านไม่ได้เอาส่วนตัว ถ้ารัฐบาลทั้งหมดที่อยู่ในสภาตอนนั้นไม่พอใจ พล.อ.เปรม ไปปลด พล.อ.อาทิตย์ หรือว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของทุน ของคุณสว่าง เลาหทัย ธนาคารกรุงเทพฯ ก็สามารถจะยกมือ แล้วก็ปลด เปลี่ยน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ทันที แต่ พล.อ.เปรม ท่านไม่สนใจ ไปก็ไป ท่านไม่ยึดติด เพราะว่าการบริหารชาติบ้านเมืองนั้น การเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง คือการเอาธรรมนำหน้า ต่อจากนั้นก็มีกระบวนการล่ารายชื่อนักวิชาการเพื่อกดดัน พล.อ.เปรม กลายเป็นว่า นักรัฐศาสตร์ก็บอกว่า พล.อ.เปรม ไม่ได้รับการเลือกตั้งแต่มาถูกเลือกขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มันไม่ใช่ประชาธิปไตย มันประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งประเดี๋ยวผมจะพูดให้พี่น้องฟัง ว่าพวกเราเนี่ยหลงผิดในอวิชชา ในมิจฉาทิฐิมานานแล้ว ในเรื่องคำว่าประชาธิปไตย เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

พล.อ.เปรม ท่านก็เลยเบื่อ เขาก็เลยเลือก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จากจุดที่ พล.อ.เปรม ลงแล้ว พล.อ.ชาติชาย ขึ้น นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของกองทัพไทย ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น ถ้าเราเข้าใจคำว่าชาติเหมือนอย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้ ชาตินั้นประกอบด้วยศาสนา และพระมหากษัตริย์ ศาสนาเจริญรุ่งเรือง พระสงฆ์องค์เจ้าอยู่ในศีล อยู่ในธรรม พระป่าเน้นในเรื่องของการปฏิบัติ พระในเมืองเน้นในเรื่องของปริยัติ แต่ทั้งหมดนั้นยึดถือเอาพระไตรปิฎกเป็นที่ตั้ง เอาพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง สอนพุทธศาสนา สอนให้คนทำคุณงามความดี สอนให้คนละอัตตา สอนให้คนเข้าใจหลักไตรลักษณ์ สอนให้รู้ว่าการทำบุญนั้นอยู่ที่จิตเจตนา คนที่เจตนาบริสุทธิ์ มีเงินอยู่ 1 สลึง แล้วก็ทำบุญทั้งสลึง หรือว่าพ่อแก่แม่แก่ที่มีแค่กล้วยน้ำว้า 1 หวี สำหรับกิน ยอมยกให้พระทั้งหวี แล้วตัวเองกินข้าวเหนียวเปล่าๆ กับเศรษฐีที่เอาหูฉลามไปถวาย หรือไปสร้างอุโบสถ แต่ไปสร้างเพื่อหวังมีชื่อเสียง มีชื่อติดในอุโบสถแล้ว คนที่ถวายเงิน 1 สลึง กับคนที่ถวายกล้วย 1 หวี กลับจะได้บุญมากกว่าคนซึ่งไปสร้างอุโบสถ แต่วันนี้ศาสนาเราเสื่อม เพราะมีลัทธิจานบิน มาบอกเราบอกว่า ยิ่งทำบุญมากเท่าไร ยิ่งขึ้นสวรรค์ได้เร็วเท่านั้น เห็นหรือยังพี่น้อง

จาก 2520 มา 2553 สามสิบสามปี สามสิบสามปี ศาสนาตกต่ำลงมามาก มาจนวันนี้ จะให้ดูศาสนา เอาภาพที่ 1 ของพระมาให้ดูซิ รูปที่พ่อแม่พี่น้องดู ที่เขียนว่าสมถะนั้น คือท่านพุทธทาส สมถะ นั่นคือพระที่อยู่ในวงเสื้อแดง คือสมถ่อย รูปที่ 2 คงจะนั่งสวดโอวาทปาติโมกข์กัน รูปบน เขาเรียกว่าแสงแห่งธรรม ข้างล่าง สวดสาปแช่ง ไฟแห่งกรรม รูปต่อไป รูปบนคือที่อยู่ของสงฆ์ที่ควรอยู่ รูปล่างก็คือที่สงฆ์ไม่ควรอยู่ รูปต่อไป รูปบนคือพระโปรดทหารที่ออกไปสู้รบ รูปล่างคือพระปราบทหาร รูปต่อไป แผ่เมตตาจิต นี่คือพระห่มจีวรแดง เอาเลือดไปสาดที่อนุสาวรีย์แห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ สาปแช่ง รูปต่อไป ละแล้วซึ่งกิเลส นั่งสมาธิ อยู่ในกุฎีเล็กๆ อีกอันคือล้อมด้วยกิเลส รูปต่อไป ปลีกวิเวก เดินจงกลม อีกรูปหนึ่งคือไปวิวาท รูปต่อไป นักธรรมน้อย นักเลงใหญ่ พระเป็นนักเลง

พี่น้องเห็นหรือยัง ศาสนาเสื่อมหรือเปล่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ศาสนาเสื่อมไหม

เคยมีครั้งไหนมั้ยที่องค์สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จญาณฯ ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งทรงพระประชวรอยู่ที่จุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ พวกที่ชุมนุมอยู่ ไม่กลัวบาปกลัวกรรม ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมจนพระองค์ท่านบรรทมไม่ได้ บุกรุกเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาฯ จนกระทั่งในที่สุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ กังวลในความปลอดภัยของพระพี่เลี้ยงของพระองค์ท่าน และสมเด็จพระสังฆราชฯ พระองค์นี้ ต้องให้สมเด็จพระเทพฯ เคลื่อนย้ายสมเด็จพระสังฆราชฯ ออกไป ผมเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมไม่เคยเจอแบบนี้

หรือรถของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วิ่งจะเข้าวัดที่อุดรฯ คนเสื้อแดงไปขวางรถ ขอค้นรถท่าน นรกกินหัว

พี่น้องเห็นหรือยังนี่คือศาสนา ถ้าศาสนาเสื่อมแล้วพระมหากษัตริย์ก็อ่อนแอไปด้วย พระมหากษัตริย์สมัยก่อน สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พระองค์ท่านทรงเป็นสัญลักษณ์ของชาติบ้านเมือง ศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดชาติขึ้นมาได้ เราต้องทำความเข้าใจกันตรงนี้ก่อน เรามีฉันทามติร่วมกันหรือเปล่าว่า ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ชาติคือองค์ประกอบของ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งศาสนาและพระมหากษัตริย์นั้น ศาสนาต้องเจริญก้าวหน้าไปในทางที่ถูก สถาบันกษัตริย์ต้องมั่นคง ถ้าเรามีฉันทามติร่วมกัน แสดงว่าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน พี่น้องจำได้ไหม ผมเคยขึ้นเวทีแล้วผมเคยประกาศ ผมประกาศว่าอย่างไร ผมประกาศว่า ใครก็ตามเอากษัตริย์และเห็นว่าสถาบันกษัตริย์ยังมีความจำเป็นต่อสังคมไทยให้ มายืนฝั่งนี้ คือมายืนฝั่งเสื้อเหลือง ใครไม่เอาไปยืนฝั่งโน้น แบ่งแยกกันให้ชัดเจนเลย ผมพูดมาหลายครั้ง

จากวันที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วได้พระราชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นประธานองคมนตรีมาจนถึงวันนี้ 33 ปีที่ผ่านมานี้ การเมืองทำให้ 2 สถาบันนี้ง่อนแง่นมาตลอด ไม่ใช่คนอื่นทำ นักการเมืองเป็นผู้ทำ ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น ทำไมถึงต้องมีทหารเสือราชินี ทำไมถึงต้องมีกองทหารรักษาพระองค์ ก็เพราะว่า ในสมัยก่อนนั้นกษัตริย์จะอยู่ได้ กษัตริย์เป็นจอมทัพที่นำทัพออกไปต่อสู้ เพราะฉะนั้นทหารของพระองค์ท่าน คือผู้ซึ่งรบกับท่าน เคียงบ่าเคียงไหล่ ตายต่อหน้าต่อตาของพระองค์ท่าน ปกป้องพระองค์ท่าน สถาบันทหารก็เลยเป็นเสาหลักในการค้ำจุนสถาบันกษัตริย์ ไม่ใช่สถาบันทางการเมือง ไม่ใช่

ที่น่าสนใจพี่น้องรู้ไหม 2475 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโดยคณะราษฎร์เปลี่ยนแปลง กลายเป็นพวกศักดินาและพวกอำมาตย์ทั้งหลาย เห็นว่าต้องมีการเมืองแล้ว ก็เลยตั้งพรรคการเมืองพรรคนึงขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ พรรคนั้นชื่อพรรคประชาธิปัตย์ น่าสนใจมาก 2475 มาจนถึงวันนี้ กลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เพิกเฉยต่อการปกป้องสถาบันกษัตริย์ ปกป้องเฉพาะวาจาเท่านั้นเอง ไม่มีการกระทำใดๆ ทั้งสิ้นที่พิสูจน์ให้เห็น เพิ่งจะมาแสดงออกและทำอย่างจริงจังเมื่อไม่ถึง 2 เดือนนี่เอง น่าสนใจมาก พรรคที่เกิดขึ้นจากอำมาตย์และศักดินา กลายเป็นพรรคซึ่งเพิกเฉย ไม่สนใจอะไร จนกระทั่งถูกเล่นงาน ถูกโจมตี แล้วใครล่ะถ้าไม่ใช่ ASTV และผู้จัดการ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ขึ้นมาต่อจาก พล.อ.เปรม สถานภาพการแต่งตั้งทหารก็เลยเปลี่ยไป สถาบันกษัตริย์แต่ก่อนไม่เคยไว้ใจสถาบันทางการเมือง จะไว้ใจสถาบันการทหารมากกว่า ทีนี้พอทหารเริ่มต้องขึ้นต่อนักการเมือง สมัยก่อน พล.อ.เปรม ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี และท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม การแต่งตั้งทหารของท่านนั้น แต่งตั้งด้วยความซื่อสัตย์ เอาผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ผู้ที่อาวุโส ที่สำคัญที่สุด ผู้ที่จงรักภักดี ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง พอการเมืองเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรเกิดขึ้น รัฐมนตรีกลาโหมเริ่มมีอำนาจ ใครตั้ง การเมืองตั้ง เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนก็ต้องวิ่งเข้าหารัฐมนตรีกลาโหม พอรัฐมนตรีกลาโหมและนายกรัฐมนตรีเกิดเป็นคนไม่เที่ยงธรรม ไม่ได้จงรักภักดี ไม่ได้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหมือนอย่างที่ตัวเองพูด การกระทำตรงกันข้ามกับคำพูดตัวเอง ก็เริ่มเลือกคนซึ่งเป็นพวกตัวเอง คนนี้เด็กของเราให้เป็น ผบ.ทบ. คนนี้ขึ้นแม่ทัพภาค 1 คนนี้จากแม่ทัพภาค 1 ขึ้น เสธ.ทบ. แล้วปีหน้าผมอยู่ผมจะตั้งคุณเป็น ผบ.ทบ. กลายเป็นหนี้บุญคุณที่จะต้องออกมาปกป้องพรรคการเมืองพรรคนั้น นายกฯ คนนั้น ความสำคัญ ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ สถาบันกษัตริย์ ก็เลยกลายเป็นคำพูดที่ติดอยู่บนผนังว่า เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน แค่คำพูดเฉยๆ เห็นหรือยังพี่น้อง

พัฒนาการการทำให้สถาบันทหารอ่อนแอโดยทางการเมืองนั้นเริ่มมาเรื่อยๆ เริ่มมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมารุนแรงที่สุดในยุคของ ทักษิณ ชินวัตร สมัยก่อนทักษิณก็มีปัญหาเพื่อความเป็นธรรม สมัยที่รุ่น 2 รุ่นทะเลาะกัน คือรุ่น 5 ที่มี พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นหัวหน้ารุ่น และรุ่น 7 ที่มี พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร พล.ต.มนูญกฤต การปะทะกัน 2 รุ่น ก็เลยก่อให้เกิดการเลือกรุ่นยกรุ่นกันหมดเลย คือ รุ่นกูเป็นใหญ่กูก็จะเอาแต่รุ่นกูขึ้นมาหมดคนอื่นไม่สนใจ นั่นคือจุดตกต่ำไปเรื่อยๆ

น่าสนใจอะไรบางอย่าง ผมต้องเรียนให้ท่านทราบ พรรคการเมืองที่มีมาตั้งแต่ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แล้วคั่นด้วยการยึดอำนาจของ รสช. รัฐประหาร การรัฐประหารของ รสช.นั้น เป็นสูตรที่รัฐประหารเพราะว่า รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย คอร์รัปชั่น โกง แต่น่าสนใจอย่าง สมัยก่อนทหารยึดอำนาจเพราะว่านักการเมืองโกง พอต่อมาภายหลัง บางรัฐประหาร ทหารยึดอำนาจแล้วทหารมาโกงเอง ต่อมาภายหลังกลายเป็นว่า ทหารยึดอำนาจให้นักการเมืองเลือกตั้งใหม่ พอเลือกตั้งใหม่แล้วนักการเมืองเกรงใจทหารก็ปล่อยให้ทหารใช้งบประมาณทหาร ปู้ยี่ปู้ยำไปตลอด

ทั้งหมดวิวัฒนาการตรงนี้มันเริ่มเลวร้ายในยุคของ คุณทักษิณ ชินวัตร เพราะคุณทักษิณ ชินวัตร ต้องการจะรวบอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือ ประกอบกับคุณทักษิณ ชินวัตร มีพวกฝ่ายซ้ายจัด ซ้ายอกหัก ซ้ายที่อยู่ในป่า อยู่เบื้องหลังคุณทักษิณ คนพวกนี้ก็เลยป้อนข้อมูล วางแผนยุทธศาสตร์เอาประชาชนมาล้อม เอาทรัพยากรธรรมชาติ เอาเงินภาษีอากรไปซื้อใจประชาชน มอมเมาประชาชนด้วยเงินด้วยทอง ไม่เคยสอนประชาชนหัดยืนอยู่บนตัวเอง ตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า คือ อัตตาหิอัตโนนาโถ ไม่มี เพราะฉะนั้นประชาชนที่มีปัญญายังไม่พอเพียง เพราะรัฐไม่เคยให้ปัญญาประชาชน ก็เสพติดกับผลประโยชน์ที่คุณทักษิณให้ เมื่อเสพติดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยความเชื่อมั่น หรือด้วยความเชื่ออย่างโง่ๆ ของนักวิชาการทางรัฐศาสตร์ว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ก็เลยทำให้สูตรของการเลือกตั้งกลายเป็นว่า ประชาชนเลือกผมมา มีอะไรไปตกลงกันที่สภา แล้วก็เป็นสูตรเดียวที่แม้กระทั่งนายกฯ อภิสิทธิ์ก็พูดว่า ทุกอย่างต้องจบที่สภา เพราะว่าตัวเองลืมตัวว่าตัวเองนั้นได้รับเลือกตั้งเข้ามาอย่างบริสุทธิ์และ โปร่งใสที่สุด ลืมตัว

ส.ส.100 คน มีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้รับเลือกตั้งมาเพราะประชาชนนิยมชมชอบ 90 เปอร์เซ็นต์ ใช้เงินกันทั้งสิ้น เริ่มจากสมัย คุณสุจิน เชาว์วิศิษฐ บิดาของคุณสุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยุคคุณทักษิณ ชินวัตร เริ่มซื้อเสียงประชาชนด้วยการแจกปลาทู เขาถึงตั้งชื่อแกว่า ส.ส.ปลาทูเค็ม ปลาทูพัฒนากลายเป็นน้ำปลา กลายเป็นเหล้า แล้วกลายเป็นเงิน จากหัวละ 5 บาท เป็นหัวละ 25 หัวละ 50 หัวละ 100 กลายเป็นความเชื่อมั่นที่ฝังลึกลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางภาค ว่าภาคนี้ถ้าไม่ใช้เงินไม่มีทางจะได้เสียง

พี่น้องครับ เมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว คำถามผมมีอยู่ ตอบให้ผมทราบนิดนึง ผู้ที่เชื่อมั่นในหลักประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้ง จากคุณชาติชายมา การซื้อเสียงนั้นเริ่มรุนแรงทีละนิดๆ จนกระทั่งมาเดี๋ยวนี้ ถ้ามีไม่ถึง 30 ล้าน หรือ 50 ล้าน เป็น ส.ส.ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วการลงทุนใน ส.ส.ก็คือการเข้ามาซื้อผลประโยชน์ของประเทศไทย นั่นคือที่มาของว่าทำไมถึงแบ่งก๊กกัน ทำไมต้องมีก๊กพญานาค ทำไมต้องมีก๊กงูเห่า ทำไมต้องมีก๊กวังตะคอง เพราะว่าแต่ละก๊กนั้นจะมี ส.ส.ในมือ 10 คน ส.ส.ในมือ 8 คน ส.ส.ในมือ 20 คน พวกนี้ชีวิตนี้ไม่ต้องการเป็นฝ่ายค้าน เพราะเป็นแล้วจน คำพูดนี้หลุดออกมาจากคุณบรรหาร ศิลปอาชา คนที่เล่นการเมืองมาตลอดชีวิต พร้อมที่จะลืมทุกอย่าง ขอเข้าร่วมรัฐบาล ขอได้เป็นรัฐมนตรี ขอได้มีงบประมาณในการใช้ เพราะอะไร เพราะว่าจะได้ได้ผลประโยชน์จากงบประมาณ เอามาคืนทุน เอามาสะสม จากสมัยก่อน 3 เปอร์เซ็นต์ 5 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ของโครงการก่อสร้าง พุ่งขึ้นไปเป็น 20-30 เปอร์เซ็นต์ ในยุคคุณทักษิณ ชินวัตร เพราะฉะนั้นจากการใช้เงินเพื่อซื้อประชาธิปไตยมา เคยใช้น้อยกลายเป็นใช้มาก และก็จะมากยิ่งขึ้น

เห็นหรือยังพี่น้อง นี่คือประชาธิปไตยที่บรรดานักการเมืองพยายามพูด บอกว่าทุกอย่างต้องตกลงกันในสภา นักการเมืองไม่เว้นหน้า ผมไม่สนใจว่าใคร ไม่ว่าพรรคไหน ต้องการจะปกป้องอาชีพตัวเอง เพราะอาชีพตัวเองเป็นอาชีพที่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว เพียงสมัยเดียวก็สามารถจะคืนทุนได้ สามารถจะใช้อำนาจสร้างฐานของตัวเองขึ้นมาได้ ทั้งหมดนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็คือ 300-500 บาท ลงคะแนนเสียงให้ อีกส่วนหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ไม่ต้องซื้อ ส่วนใหญ่ไม่ต้องซื้อ แต่ว่ามีสิทธิ์เฉพาะ เดินเข้าไปในคูหาการเลือกตั้ง แล้วก็หยอดบัตร ทั้งหมดไม่เกิน 4 วินาที นั่นคือที่มาของคำพูดของผม ซึ่งผมพูดเป็นคนแรกว่า ประชาธิปไตย 4 วินาที

พี่น้อง เริ่มเห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อทุนมันเข้ามา เมื่อทุนมันเข้ามา สถาบันหลักซึ่งเคยเป็นสถาบันซึ่งเคยเป็นสถาบันซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เคยพึ่ง ก็ย่อมหวั่นไหว เพราะว่าสถาบันนั้นเป็นเพียงนามธรรม แต่คนที่อยู่ในสถาบันนั้นคือมนุษย์ปุถุชน เริ่มเห็นลาภเห็นยศเป็นเรื่องใหญ่ ใครสามารถให้ลาภให้ยศได้ ก็สามารถจะเทไปที่คนๆ นั้นได้ ทำไมเตรียมทหารรุ่น 10 ถึงสนับสนุนคุณทักษิณ ชินวัตร เต็มที่ ก็เพราะว่าคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และสามารถจะให้คุณให้โทษ ให้ลาภให้ยศ แต่คุณทักษิณดีๆ ชั่วๆ ยังใช้ได้กว่าคนบางคนในรัฐบาลชุดนี้ เขาอาจจะไม่ซื้อคน แต่เขาเลือกคนมาทำงานให้เขา คุณทำให้ผมได้ไหม คุณจัดการเรื่องภาษีให้ผมได้ ผมให้คุณเป็นอธิบดี นี่คือนิสัยเขา เหตุผลเพราะว่าเขามองภาพใหญ่ เขาต้องการสร้างเครือข่ายซึ่งเป็นของเขาหมด แต่ในยุครัฐบาลชุดนี้ ตำรวจต้องซื้อตำแหน่ง นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ต้องซื้อตำแหน่ง ถ้าตำรวจระดับผู้บัญชาการ บางคนต้องซื้อถึง 60-80 ล้าน ผู้การต้องซื้อถึง 15-20 ล้าน ถามต่อว่า คนพวกนี้เมื่อเขาจ่ายเงินไปแล้ว เขาจะมาทำงานให้ส่วนรวมทำไม เขาต้องทำงานให้ตัวเขาเอง แล้วใครคุมตำรวจล่ะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วใครให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คุมตำรวจล่ะ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่าสั่งตำรวจ สั่งทหารไม่ได้ พี่น้องครับ นี่ผมเอาสัจจธรรมข้อเท็จจริงมาพูด

พี่น้อง ผมมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมกราบไหว้บูชา ฟังคำสอนของท่าน ท่านบอกตลอดเวลาเลยว่า สนธิ ธรรมะคือหน้าที่ แม้กระทั่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยังพูดเลยว่า คนเรามีหน้าที่อะไรก็ขอให้ทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์ แล้วปัญหาจะไม่เกิด ใครเป็นทหาร ต้องทำหน้าที่ทหาร ใครเป็นนักการเมืองต้องทำหน้าที่นักการเมือง ทุกคน ข้าราชการ เมื่อเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง นักการเมืองเข้ามาเล่นการเมืองก็ต้องเสียสละให้ส่วนรวม แต่ว่าในข้อเท็จจริงเข้ามาเพื่อกอบโกยอย่างเดียว ไม่เว้นหน้า อาจจะพูดได้ว่ากอบโกยกัน 95 เปอร์เซ็นต์ อีก 5 เปอร์เซ็นต์ อาจจะเป็นคนซึ่งใช้ได้

พี่น้องครับ ทั้งหมดนี้มันเริ่มรุนแรงมาในยุคคุณทักษิณ ชินวัตร เพราะฉะนั้นแล้ว คุณทักษิณ หรือแม้กระทั่งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือผลผลิตของระบอบนี้ ระบอบน้ำคลำ ระบอบน้ำเน่า

การตั้งรัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลที่ผมเรียกว่ารัฐบาลเทพอสูร เทพคือคุณอภิสิทธิ์ อสูรคือพวกพรรคร่วมรัฐบาล และคุณเนวิน ชิดชอบ พรรคภูมิใจไทย ร่วมกับทหาร นี่คือสภาวะที่แม่ยกคุณอภิสิทธิ์ถามตลอดเวลาว่า คุณอภิสิทธิ์เขาไม่มีทางเลือก น่าเห็นใจเขา มีสิครับ เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องไม่ลืมภาระคำว่า "หน้าที่" หน้าที่ที่มีต่อชาติบ้านเมือง หน้าที่ที่มีต่อส่วนรวม ต้องสำคัญยิ่งใหญ่ไปกว่าบุญคุณส่วนตัว ที่สนับสนุนให้คุณเป็นนายกฯ นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง

แต่ผมก็ยังมาบอกว่า ผมมองข้ามคุณทักษิณ และคุณอภิสิทธิ์ไปแล้ว มีคนขอให้ผมวิพากษ์วิจารณ์โรดแม็ป ผมไม่วิพากษ์วิจารณ์ ผมถือว่าการแสดงออกในเรื่องโรดแม็ปนั้น คือการเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่สุด แต่ไม่เป็นไร มนุษย์ที่ขี้ยังเหม็นอยู่ กิเลสยังเต็มตัว ผมไม่ว่ากัน แต่ผมกำลังจะบอกว่า ชาติบ้านเมืองต้องเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง พรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย คุณทักษิณ ชินวัตร ชอบพูดตลอดเวลาว่า เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่เอาประชาชนของคุณทักษิณนั้น หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า ประชาชนที่พร้อมจะรับเงินรับทองจากเขาแล้วลงคะแนนเสียงให้เขา นั่นแหละคือประชาชนของเขา

จริงๆ แล้วพี่น้องรู้ไหม เคยมีคนถามผมบอกว่า คุณสนธิคุณกับพวกเสื้อแดงคุยกันไม่ได้หรอ ผมบอกทำไมจะไม่ได้เราคนไทยด้วยกัน สังคมคงตกใจถ้าคุณสนธิจับมือกับพวกเสื้อแดง ผมบอกจับได้ พวกเสื้อแดงต้องก้าวข้ามคุณทักษิณไปซะก่อนข้อแรก ต้องก้าวข้ามไปเลยว่าวันนี้ไม่ได้สู้เพื่อคุณทักษิณแล้ว แล้วอีกก้าวข้ามหนึ่งพวกเสื้อแดงต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า อุดมการณ์เดียวกับผมหรือเปล่า ผมอุดมการณ์คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมเชื่อว่าคนเสื้อแดงไม่น้อยที่รักพระเจ้าอยู่หัวฯ แต่ได้ข้อมูลที่ผิดๆ ทำไมได้ข้อมูลที่ผิดๆ ก็เพราะว่าสื่อของรัฐไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ เหมือนสมัยนึงในยุค คุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ผมออกรายการช่อง 11 ยามเฝ้าแผ่นดิน ออกอยู่ 11 วัน มีผลกระเทือนต่อคุณทักษิณมาก มีการต่อสายไปหาคุณสุรยุทธ์ใครก็ไม่รู้ คุณสุรยุทธ์ต่อสายมาหาผมเป็นส่วนตัว บอกคุณสนธิวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้ออก พรุ่งนี้ผมขออย่าออกเลย เห็นหรือยัง อะไรมันจะสำคัญยิ่งกว่าการให้ปัญญาคน

พี่น้องครับ แล้วพี่น้องรู้ไหมว่า วันที่คุณสมัคร สุนทรเวช ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนคุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ในยุคคุณสุรยุทธ์ พวกเสื้อแดงไปออก DTV โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ออกตลอดเลย พอคุณสมัครเป็นนายกฯ คุณสมัครให้ 3 เกลอหัวขวด จัดรายการความจริงวันนี้ที่ช่อง NBT โดยคุณจักรภพ เพ็ญแข เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 198 วันที่เขาออกถล่ม พูดจาโกหก ไม่ได้พูดข้อเท็จจริงให้ประชาชนฟัง จนกระทั่งเขาสร้างมวลชนเขาขึ้นมา พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาจะ 2 ปีกว่า ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว พึ่งจะมาทำเมื่อ 60 วันที่แล้ว แล้ววันนี้ คุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ยังลอยหน้าลอยตามาออกทีวี ความพินาศฉิบหายของสังคมไทยวันนี้ ความที่เสื้อแดงขยายตัวตลอดเวลาจนกระทั่งมีปัญหาในเรื่องของการสลาย จนกระทั่งมีปัญหาในเรื่องของการปราบปราม ส่วนใหญ่แล้วมาจากคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แล้วคุณสาทิตย์คือใครล่ะ ถ้าไม่ใช่คู่หูของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกือบ 2 ปีกว่า ท่านมองไม่เห็นเชียวหรือ จู่ๆ จะมาประนีประนอมกับเสื้อแดง มาบอก ASTV ว่า ให้ลดโทนลงหน่อย ผมจะไปลดได้ยังไง ผมลดไม่ได้ เพราะอะไรคือชาติ อะไรคือศาสนา อะไรคือพระมหากษัตริย์ ผมยืนของผมอยู่ตรงนี้ ผมยืนของผมอยู่ตรงนี้ ฝนจะตกหนักแค่ไหน ฟ้าจะมืดครึ้มแค่ไหน ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ พอแดดออกก็ยังเห็นผมยืนอยู่ที่เก่า ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง พันธมิตรฯ มีแต่เสียชีวิตเพื่อยืนอยู่ที่นี่ พันธมิตรฯ ไม่ใช่คนอื่นที่รอคนอื่นเขาตายแล้วเอาส้นตีนเหยียบศพเขาขึ้นมาเป็นใหญ่ แล้วมาบอกที่ จ.ปทุมธานี ต่อหน้าประชาชน ต่อหน้าข้าราชการ บอกว่า ชาติบ้านเมืองทุกวันนี้วิกฤตเพราะว่า มีคน 2 กลุ่มสร้างวิกฤต กลุ่มนั้นคือเสื้อแดงและเสื้อเหลือง คำพูดนี้คือคำพูดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

พี่น้องครับ เห็นหรือยังว่าการเมืองในที่สุดแล้วไม่ว่าจะมาพรรคเทพอะไรก็ตาม เบื้องหลังก็คือ ซ่อนความเป็นอสูรไว้ในใจ เพราะว่าไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม ถ้าทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วันนี้เสื้อแดงไม่มีกำลังมากพอที่จะมารวมตัวกันแบบนี้ โชคดีที่โรดแม็ปพังไปแล้ว เพราะว่าการออกโรดแม็ปอันนั้นคือการลอยแพสถาบันกษัตริย์ไปเลย สถาบันกษัตริย์พึ่งอะไรไม่ได้ พึ่งการเมืองก็ไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคซึ่งเกิดจากศักดินาและอำมาตย์ในอดีตหลัง 2475 ยังพึ่งไม่ได้แล้วจะไปพึ่งอะไร ทหารพึ่งได้ไหม ทหารแตงโมเยอะแยะไปหมด หัวหน้าทหารบางคนยังเป็นทหารแตงโม พี่น้องเห็นหรือยังว่าผมเห็นตรงนี้ พี่น้องครับ ผมเห็นตรงนี้มาตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว พี่น้องจำได้ไหม ผมเคยขึ้นเวทีที่ทำเนียบแล้วผมพูด พูดไปร้องไห้ไป ผมบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่มีที่พึ่งแล้ว ผมพูดผิดที่ไหนล่ะพี่น้อง ผมพูดไม่เคยผิดเลย

พี่น้องครับ จะเห็นได้ชัดว่าการเมืองมันวิวัฒนาการมาทำเพื่อนักการเมือง นักเลือกตั้งเท่านั้นเอง ส่วนรวมไม่เคยคิด อาจจะคิดอยู่ไม่กี่คน คุณอภิสิทธิ์อาจจะคิดในเรื่องส่วนรวม คุณกรณ์ จาติกวณิช อาจจะคิดในเรื่องส่วนรวม แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่คิด แต่พอคิดเพื่อส่วนรวม ต้องตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจนั้นมันจะสะเทือนสถานภาพของการที่ตัวเองจะต้องไม่ได้นั่ง ตรงนั้นก็ต้องคิดมาก

พี่น้องครับ ประเดี๋ยวเราพักกันสักครู่หนึ่ง แล้วเราจะมาตอนจบว่า ชาติบ้านเมืองจะเดินไปอย่างไรจากนี้ไป แต่พี่น้องเริ่มเข้าใจหรือยัง วันนี้ผมจะลุกขึ้นมาสู้กับประชาธิปไตยแนวทางตะวันตก ผมจะลุกขึ้นมาสู้กับวันแมนวันโหวต ผมจะลุกขึ้นมาพูดสัจธรรมที่เป็นข้อเท็จจริง แล้วผมพร้อมจะถูกตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์กันให้เต็มที่ เพราะผมไม่ใช่นักประชาธิปไตย ก่อนที่ผมจะจบตอนนี้ ผมจะถามพ่อแม่พี่น้อง เราเคยชินใช่ไหมกับการที่เรานั่งในห้องประชุมแล้วบอก ใครเห็นด้วยยกมือ อ้าวพรึ่บ ใครไม่เห็นด้วย เห็นด้วย 42 คน ไม่เห็นด้วย 2 คน เห็นด้วยชนะไป ฟังดูมันยุติธรรม ฟังดูมันสวย แต่ลองหมุนกลับอีกด้านหนึ่ง ในห้องๆ หนึ่งมีคนอยู่ 500 คน มีโจรนั่งอยู่ 499 คน มีพระนั่งอยู่องค์หนึ่ง ยกทีไร 499 คนก็ชนะใช่ไหม แล้วมติอันนั้นคือมติโจร ผมถามว่า แล้วนี่เป็นประชาธิปไตยหรือเปล่า เป็น แล้วส่วนใหญ่ได้ไหม ไม่ได้ ได้เฉพาะโจร 499 คนเท่านั้นที่ยกมือ มีพระองค์เดียวเท่านั้นเองมี 1 เสียง อ๋อพระคุณท่านเสียงเดียวหรอ 499 เขาเอาแบบนี้ เอาไปปล้นกัน เห็นหรือยังพี่น้อง

พี่น้องเคยทอดกฐินใช่ไหม ถ้าพี่น้องเคยทอดกฐิน จำได้ไหมตอนถวายผ้ากฐิน ที่จะมอบผ้ากฐินให้ใครนั้นประธาน พระซึ่งเป็นประธานจะบอกว่า ผ้านี้ได้พิจารณากันแล้ว ขอมอบให้กับพระองค์นี้ๆ ถ้าเห็นด้วยอนุโมทนาสาธุ ทุกคนก็บอกสาธุ ไม่มีใครยกมือ เพราะทำไม เพราะเป็นธรรมาธิปไตย เดี๋ยวเราพักกันสักครู่แล้วกลับมาช่วงสุดท้ายของรายการนะครับ อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ

ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรามาถึงจุดที่ แล้วเราถามตัวเราเองว่าเราจะเดินกันยังไงต่อไป พี่น้องสังเกตไหมว่า นับตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมา ไม่เคยมีความพยายามอันใดเลย จนกระทั่งถึงปัจจุบันที่จะพยายามทำให้การเลือกตั้งนั้นโปร่งใส ทุกอย่างโยนเป็นภาระให้ กกต.ไปหมด จริงๆ แล้วมันมีมาตรการอีกมากมายหลายอย่าง ถ้ารัฐต้องการที่จะทำให้ที่มาที่ไปของ 1 เสียง ส.ส.นั้น เป็นที่มาที่ไปที่บริสุทธิ์พอสมควร แต่รัฐทุกแห่ง รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ ก็ไม่สนใจที่จะทำ เพราะอะไรพี่น้อง เพราะการใช้อำนาจ ใช้อิทธิพล ใช้เงินใช้ทองนั้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของการได้มาซึ่ง one man one vote

ผมไม่ต้องการออกมาในรูปของการกีดกันใครๆ ทั้งสิ้น ผมจะตั้งปุจฉา แล้วให้ช่วยกันวิสัชนา ข้อคิดนี้เป็นข้อคิดที่เอาไปคิดให้ลึกๆ เวลาเราส่งหมาไปประกวด กรรมการที่ประกวด ตัดสินหมานั้นต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องหมา ใช่มั้ย ถ้าไม่รู้เรื่องจะตัดสินได้อย่างไรว่าหมาตัวนี้สวย หมาตัวนี้พ่อพันธุ์มาจากไหน แม่พันธุ์มาจากไหน หรือประกวดไก่ หรือประกวดวัว หรือประกวดพันธุ์ข้าว หรือการแข่งขันตำส้มตำ ว่าใครทำส้มตำได้อร่อย อย่างน้อยกรรมการก็ต้องกินส้มตำเป็น ผู้เชี่ยวชาญ ฉันใดฉันนั้น ควรหรือไม่ควร คนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ควรจะต้องมีความรู้ทางการเมืองเบื้องต้น ผมให้ท่านวิสัชนา ทำไมใครก็ตาม ผมเห็นในวันนี้ ในภาพ ในเว็บไซต์ผู้จัดการ เขาจับพวกเสื้อแดงที่ก่อกวน ไปดูสารรูปแต่ละคนสิ แล้วพวกนี้บอกมาสู้เพื่อประชาธิปไตย ทุกคนไม่รู้ พอบอกว่ามาทำไม นักข่าวฝรั่งถาม บอกสู้เพื่อประชาธิปไตย แล้วประชาธิปไตยคืออะไร ไม่รู้ล่ะ ประชาธิปไตยก็แล้วกัน คนบนเวทีบอกสู้เพื่อประชาธิปไตย ฉันก็จะบอกสู้เพื่อประชาธิปไตย

ท่านผู้ชมครับ ในที่สุดมันกลับไปที่ปัญญา ผมเคยพูดตลอดเวลา แล้วผมไม่ได้พูด ไม่ได้คิดเอง ผมเลียนแบบมาจากคนๆ หนึ่ง เมื่อ 2,500 กว่าปีที่แล้ว ชื่อพระสมณโคดม องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ท่านบอกว่าให้ใช้ปัญญา ปัญญาคือกุญแจไขปริศนาทุกอย่างออกหมด พี่น้องครับ ในการต่อสู้ของผมตั้งแต่ปี 2548 มา พี่น้องจำได้ไหมผมบอกว่า ผมจะเอาธรรมนำหน้า จากการต่อสู้วันนี้ต่อไป นอกจากธรรมนำหน้าแล้ว ยังต้องอยู่กับพุทโธตลอด ก็คือต้องมีสติตลอดเวลา ต้องมีสติรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ต้องมีสติรู้ว่าเรามีหน้าที่อะไรที่ต้องทำ ต้องมีสติรู้ว่าเราต้องตัดสินใจอะไรบ้าง

ถ้าปัญญาไม่มี ก็จะเที่ยวไปกล่าวหาคนผิดๆ อย่างเช่นไปกล่าวหาพี่ลองของผมว่าเป็นคนกระหายเลือด หรือที่พรรคประชาธิปัตย์ยุคนั้นได้อำนาจขึ้นมาก็เพราะว่าไปปั่นกระแสว่า พล.ต.จำลอง พาคนไปตายในช่วงพฤษภาทมิฬ ทั้งๆ ที่วันที่เขายิงกัน พล.ต.จำลอง ติดคุกอยู่ข้างใน ปัญญา ปัญญาสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อที่มาต้นน้ำที่มันส่งน้ำออกมามันสกปรก ส.ส.ที่นั่งอยู่ในสภา หาเสียงบริสุทธิ์ได้ยากมากเลย ยาก ชาติบ้านเมืองมันถึงเละเทะ สถาบันกษัตริย์พึ่งทหารก็ไม่ได้ เพราะวันนี้ทหารวิ่งเข้าหานักการเมือง นักการเมืองคนไหนให้ประโยชน์ ทหารก็จะยืนกับนักการเมือง ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์กองทัพไทยที่ทหารไทยจะแตกแยกกันมากเท่านี้ และจุดที่แตกแยกก็คือ ผลประโยชน์เท่านั้นเอง

สมัยก่อน ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้นมั่นคง แต่พอมาวันนี้ควมจงรักภักดีเป็นเพียงแต่การบริการทางคำพูดเท่านั้นเอง กลับปล่อยให้ลูกเจ๊กลูกแป๊ะอย่างผม ลูกจีนอย่างพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ หรือลูกไทย ลูกแขก ต้องมาสู้เพื่อในหลวง

พี่น้องครับ เพราะฉะนั้นการเมือง ศาสนา ก็เสื่อมทุกวันนี้ เคยเห็นมั้ยที่พระใส่จีวรแล้วก็มาชูมือ กระโดดโลดเต้นอยู่หน้าเวทีเสื้อแดง ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นแล้ว เคยเห็นมั้ยที่มีวิทยุ ที่มีเว็บไซต์ ที่บนเวที กล่าวอาฆาตมาดร้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จาบจ้วงสถาบันตลอดเวลา มีหลักฐานไปหมด แล้วทหารนั่งกระดิกเท้า ผมเพิ่งจะมาเห็นในช่วงที่ผมแก่ตัวลงนี่ล่ะ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยเห็นเลย แล้วไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นวันนั้นด้วย ไม่เคยคิดว่าวันนั้นจะมาถึงวันนี้ อันตราย ถ้าตราบใดเรายังเชื่อเหมือนอย่างที่ผมเชื่อ แล้วเรามีอุดมการณ์เดียวกันว่า ชาตินั้นประกอบด้วยศาสนา พระมหากษัตริย์นั้น เราต้องถอยในเรื่องนี้ไม่ได้เลย เราถอยไม่ได้อีกแล้ว

จริงๆ แล้วปัญหาคนเสื้อแดงนั้น เป็นปัญหาของชาติบ้านเมือง ปัญหาความยากจน ทำไมเราไม่แก้ เราแก้มาในอดีต วิธีที่คุณทักษิณแก้ก็คือเอาเงินให้เขา วิธีที่รัฐบาลชุดนี้แก้ก็คือส่งเสริมการส่งออก ส่งเสริมการปลูก แต่เราไม่เคยแก้ให้เขารวยขึ้นมาจริงๆ ด้วยตัวเขาเอง ทำไมเราไม่แก้ เพราะถ้าเราแก้อย่างนั้น เราต้องใช้วิธีใหม่ในการแก้ เราต้องปฏิเสธนายทุนที่เคยหนุนพรรคการเมือง เราต้องปฏิเสธผู้ส่งออก เราต้องไปปฏิเสธคนที่วิ่งเต้นโควต้า ทำไมเราถึงไม่สามารถที่จะทำให้ราคาข้าว ขั้นต่ำอยู่ในตลาดต้องไม่ต่ำกว่า 12,000 บาท เราทำได้ แต่การจะทำเช่นนั้น เราจะต้องกำจัดผลประโยชน์ส่วนตัวของคนมีอำนาจ ที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับพ่อค้า พ่อค้ายินดีเอาประโยชน์มาให้ แล้วก็ไปทำความเดือดร้อนให้กับชาวไร่ชาวนา คือคนยากจน ไม่ต้องไปดูอะไรไกล ปัญหาหญ้าปากคอก ล็อตเตอรี่ ขายให้แค่ราคาตามหน้าล็อตเตอรี่ ทำไมเราไม่มีปัญญาทำ ที่เราไม่มีปัญญาทำเพราะเราไปมีโควต้า ทำไมเราต้องมีโควต้า เพราะว่าเจ้าของโควต้าเอาเงินส่วนแบ่งให้นักการเมืองที่ให้โควต้ามา เพราะฉะนั้นถ้านักการเมืองสามารถที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมได้ ไม่รับเงินจากคนที่มาขอโควต้าล็อตเตอรี่ เอาโควต้าออกไปกระจายไปทุกจังหวัด ในราคาซึ่งลดแล้ว เมื่อเขาขายตามหน้าล็อตเตอรี่ เขาก็ยังมีกำไรอยู่ ล็อตเตอรี่ก็ขายในราคาตามหน้าล็อตเตอรี่ได้ ถามว่าแก้ได้ไหม ดแก้ได้ แต่มันอยู่ที่ไหน อยู่ที่นักการเมืองต้องไม่มีกิเลส ต้องเห็นแก่ประชาชน ถึงแม้ว่าล็อตเตอรี่จะเป็นเรื่องที่มอมเมาก็ตาม แต่มันเป็นบทพิสูจน์ มันเป็นบทพิสูจน์ครับพี่น้อง ว่าถ้านักการเมืองทำงานให้กับส่วนรวม เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว ชาติบ้านเมืองไปได้ ไปได้จริงๆ แต่นักการเมืองสมัยนี้ไม่มีใครทำงานเพื่อส่วนรวม ทุกคนทำงานเพื่อส่วนตัว เพราะว่าได้ลงทุนไปแล้วกับการที่ต้องมานั่งในสภา ได้ลงทุนไปแล้วกับการซึ่งมี ส.ส.อยู่ในมือ เพราะฉะนั้นแล้วประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวหรือ ไม่ใช่ ไม่ใช่เด็ดขาด

เราจะมีทางไหนบ้างล่ะที่จะให้คนซึ่งเป็นชาวรากหญ้ามานั่งในสภาได้ บ้าง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการที่จะต้องไปจ่ายเงินซื้อเสียง เรจะมีทางไหนบ้างที่จะให้คนใช้แรงงานได้เข้ามานั่งในสภา เราจะมีทางไหนบ้างที่จะให้คนชนชั้นกลาง พ่อค้าอิสระ หรือนักธุรกิจระดับใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์ ทุกส่วนของสังคมไทยนั้นเป็นส่วนผสมของคนหลายๆ ส่วน ประชาชนระดับล่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่เขาต้องมีสิทธิ์มีเสียง กรรมกร แรงงาน ก็ต้องมีส่วน ทำไมกรรมกรไม่มีสิทธิ์ได้ค่าแรงวันละ 200 บาท ทำไมเงินเดือนขั้นต่ำของคนที่จบปริญญาตรีถึงไม่มีสิทธิ์จะได้ 20,000 บาท มันจะทำได้ยังไง เพราะมันทำทีไรพวกนายทุนพรรค หรือคนซึ่งเอาเงินไปยัดให้กับคนซึ่งมีอำนาจ บอกว่าไม่ได้หรอก เดี๋ยวเศรษฐกิจพัง นี่เป็นคำกล่าวหาที่บิดเบือนอย่างที่สุด เพียงเพื่อที่จะกดขี่คนยากคนจน คนใช้แรงงาน

เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่คนเสื้อแดงบางส่วนเขาสู้นั้นเขามีเหตุผล เขาสู้เพราะเขาไม่เคยได้รับความเป็นธรรม เมื่อเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว เขาถูกส่องแสงสว่างโดยบนเวทีเสื้อแดง เพียงแต่เวทีเสื้อแดงบอกว่า ไอ้ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะว่าอำมาตย์เป็นตัวการ ตอนนี้ผิดประเด็นแล้ว พี่น้องเข้าใจหรือยัง

ผมไม่เคยตำหนิคนเสื้อแดง แต่ผมตำหนิโจร ตำหนิคนซึ่งจงใจที่จะให้ร้ายประเทศ ตำหนิคนซึ่งสู้เพื่อทักษิณเพียงคนเดียว ถ้าคุณยังก้าวไม่ข้ามทักษิณ ชีวิตคุณลงนรกแน่ แต่ถ้าคุณก้าวข้ามทักษิณได้ แล้วคุณยืนหยัดอยู่กับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คุณกับผมจับมือกันได้ เพราะเราคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าคุณยังเชื่อผู้นำคุณบางคน ซึ่งข้างหลังผู้นำคุณบางคนนั้น ตามมาเงินของคนสูญเสียอำนาจ แล้วข้างหลังคนที่มีเงินนั้นก็คือฝ่ายซ้ายที่ต้องการล้มล้างการปกครอง แล้วต้องการสร้างรัฐไทยใหม่ คุณกับผมเจอกัน คุณกับผมเจอกัน ที่เจอกันไม่ใช่เพราะผมมีอะไรกับคุณ แต่ที่เจอกันเพราะว่าอุดมการณ์เราไม่เหมือนกัน

พวกกลางกลวง พวกสีขาว จะไปไหนก็ไป ไปนรกซะ เพราะว่าโลกมีแต่ผิดและถูก ดีกับชั่ว ผมบอกมาตั้งนาน ขี้หมากองหนึ่งบนโต๊ะ กับข้าวจานหนึ่ง คุณจะกินข้าวหรือกินขี้ คุณก็บอกฉันกินข้าว เอ้า ถ้างั้นเป็นกลาง ก็เอาข้าวผสมขี้แล้วคุณกินไหมล่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ชอบพูดนัก เป็นกลางๆ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ชอบพูดนัก เป็นกลางๆ เวลาไปอยู่พรรคฝ่ายค้านทำไมไม่เป็นกลางล่ะ แต่พอมีอำนาจหน่อย เป็นกลางทันที พี่น้องเข้าใจหรือยัง ตอนนี้ บ้านเมืองเราเหมือนบ้างหลังใหญ่หลังหนึ่ง คนอยู่กัน แล้วมีห้องกลาง ห้องรับแขก ห้องรับแขกนี้กลายเป็นสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. รัฐบาล ปรากฏว่าห้องรับแขกนี้สกปรก เน่าเหม็น เฟอะฟะ ดูให้ดีๆ แล้วใครอยู่ในห้องรับแขกนั้น หนูกับแมลงสาบ พูดไม่ผิดหรอก นักการเมืองไทยส่วนใหญ่คือแมลงสาบ ไม่มีประโยชน์อะไรกับชาติบ้านเมืองเลย ชาติบ้านเมืองมาได้วันนี้ พินาศฉิบหายได้วันนี้ เพราะนักการเมืองเสียส่วนใหญ่ นักการเมืองจริงๆ ผมยังไม่เคยเห็นการปฏิรูปทางการเมืองที่ดำริ ริเริ่มโดยนักการเมือง ทำให้กับสังคมโดยส่วนใหญ่ มีแต่คิดจะแก้รัฐธรรมนูญ แก้เอาเขตเล็กบ้าง เขตใหญ่บ้าง เพื่ออะไร เพื่อให้นักการเมืองเลือกตั้งง่ายขึ้น มีแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้นักการเมืองพ้นผิด สรุปแล้วประเทศไทยนี้เป็นของพวกคุณเท่านั้นหรือ ถ้าจะถามคำฮิตติดปาก มึงจะแก้ มึงจะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศ มึงถามกู้หรือยัง ทุกคนมีสิทธิ์ทั้งนั้น เสื้อแดงมีสิทธิ์ ผมก็มีสิทธิ์ ถ้าผมเป็นคุณอภิสิทธิ์ตั้งแต่ต้น ผมจะบอกชัดเจนเลยว่า ผมจะยุบสภาปีหน้า เดือนธันวาคม แต่จากวันนี้เป็นไปต้นไป จนกระทั่งถึงเดือนกันยายนปีหน้า ผมจะปฏิรูปการเมือง และผมจะปฏิรูปการเมืองโดยผมขอฉันทามติจากสภา ว่าเมื่อคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วถ้ามีการยอมรับกันทั่วประเทศแล้ว ให้ถือว่าเป็นมติโดยที่ไม่ต้องเอาเข้าสภา เพราะคุณอยู่ในสภา คุณเป็นนักการเมือง ถ้าคณะกรรมการซึ่งภาคประชาชนเขามีส่วนร่วม เขาปฏิรูปการเมืองที่ทำให้คุณเสียเปรียบ พอเข้าสภาคุณก็ไม่เอา ผมถึงบอกว่าวันนี้ชาติบ้านเมืองมันไปไม่ได้แล้ว ถนนพระราม 4 ถนนวิทยุ มันยิงกันอย่างกับเทกซัส ประเทศเทกซัสนะ เกิดมาไม่เคยเจอ ไม่เคยพบไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ แล้วใครเป็นคนสร้างตรงนี้ขึ้นมา นักการเมืองทั้งนั้น ผมสร้างเหรอ ผมไม่ได้สร้าง นักการเมืองสร้างทั้งนั้น นักการเมืองสร้างทำให้เกิดทหารแตงโม นักการเมืองสร้างทำให้เกิดตำรวจแตงโม นักการเมืองสร้างทำให้เกิดช่องทางที่ทำให้ซ้ายอกหักต้องการจะล้มล้างสถาบัน กษัตริย์ นักการเมืองทั้งนั้น เห็นแก่ตัวกันมากพวกคุณ

การเมืองไทยต้องมีการปฏิรูป การเมืองไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลง ประเทศต้องมีการเปลี่ยนแปลง ประเทศต้องเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โอกาสของมนุษย์ต้องเท่าเทียมกัน สถาบันกษัตริย์ต้องคงอยู่ การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้นเป็นเรื่องที่สถาบันกษัตริย์ต้องปฏิรูปในที่สุด แต่ต้องคงอยู่ไม่อยู่ไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ใช่สหรัฐอเมริกา เราไม่ใช่อังกฤษ อย่าเอาทฤษฎีประชาธิปไตยของตะวันตกมาใช้กับเมืองไทยเด็ดขาด ท่านพุทธทาสพูดไม่ใช่หรอว่า ประชาธิปไตยคือความสุขของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ท่านไม่หมายความว่าประชาธิปไตยคือเสียงข้างมากนะ ท่านไม่เคยพูด ในธรรมะไม่ได้บอกนะว่า ธรรมาธิปไตยคือเสียงข้างมาก ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ เหมือนกัน คนมีธรรมด้วยกันไม่ต้องยกมือ พูดถึงเรื่องนี้ทุกคนเข้าใจเห็นด้วย เพราะว่ามันคือธรรม และไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ธรรมไม่สามารถจะแก้ได้

พี่น้องครับ ผมอยากให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่แสดงความกล้าหาญสักครั้งหนึ่ง เป็นผู้นำประเทศ นำพรรคการเมืองทุกพรรค หัวหน้าพรรคการเมือง เสียสละให้ชาติบ้านเมือง เสียสละ ทุกคนทั้งคุณบรรหาร คนโน้นคนนี้ ที่กระสันต์อยากเป็นรัฐบาลใจแทบขาด ที่อยากจะหลุดออกมาจาก 111 คนเพื่อเล่นการเมือง ทุกคนเสียสละเพื่อประเทศไทยสักครั้งได้ไหม เลิกเล่นการเมือง 3 ปี ถวายอำนาจคืนพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงตั้งรัฐบาลขึ้นมา เพื่อปฏิรูปสังคม ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปชาติ ถ้าอย่างนั้นประเทศชาติมีโอกาสรอด ถ้ายังยุบสภาเลือกตั้ง การเลือกตั้งต่อไปจะฆ่ากัน คนไปยืนหาเสียง ถ้า เสธ.แดง โดนสไนเปอร์ยิงได้ คนก็ยิงสไนเปอร์ได้ ถ้าเขายิง M79 บนถนนพระราม 4 ถนนวิทยุ ข้างๆ โรงเรียนมาแตร์ฯ ทำไมเขาจะไม่สามารถยิงได้ที่บุรีรัมย์ ที่โคราช หรือที่หนองคาย เงินจะซื้อเสียง อาวุธจะข่มขู่คน เพราะฉะนั้นจะกลายเป็นประชาธิปไตยที่ซื้อได้ด้วยเงิน และก็เกิดมาด้วยเลือดที่นองแผ่นดิน นี่คือประชาธิปไตยที่คุณต้องการหรอ ผมไม่ต้องการ เพราะมันจะก้าวเข้าไปสู่การเป็นเผด็จการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในที่สุดแล้วใครก็ตามที่มีเงิน มีอาวุธ ปกครองประเทศไทย วันนั้นก็คือการล่มสลายของชาติบ้านเมือง เพราะวันนั้นสถาบันกษัตริย์จะไม่อยู่ในสายตาคนพวกนี้แล้ว พวกคุณต้องเสียสละ พวกคุณกอบโกยชาติบ้านเมืองมานานแล้ว เชื่อผม ปัญหาประเทศชาติจบในสภาไม่ได้เพราะว่าสภานั้นคือตัวปัญหาที่แท้จริงของ ประเทศชาติ

ถ้าคุณไม่ทำ ผมเสนอให้ทหารดีๆ ที่รักชาติรักบ้านรักเมืองปฏิวัติ นี่คือทางออกทางที่ 2 แต่ผมไม่ได้เสนอให้รัฐประหาร ผมเสนอให้ปฏิวัติ ปฏิวัติเพื่อที่จะจัดระเบียบทุกอย่างให้เดินต่อไปให้ถูกต้องในชาติบ้านเมือง แต่ไม่ใช่ทหารมาจัดการ ปฏิวัติเสร็จให้ภาคประชาชนเข้ามา มามีส่วนร่วมในการให้ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียง ในการให้ทุกคนได้ความโปร่งใสในการทำงาน ได้ความโปร่งใสในที่มาที่ไป นักการเมืองเข้าใจในหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ ข้าราชการเข้าใจหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ ทหารกลับไปเป็นทหารเหมือนเดิม

น่าตกใจไหม หลายคนคงช็อก อย่าไปช็อกนี่คือความจริง นี่คือสัจธรรม จะยุบสภาวันนี้ จะยุบสภาสิ้นปีนี้ จะยุบสภาปีหน้า เหมือนกันไม่ต่างอะไรกัน พรรคเพื่อไทยจะวิ่ง ข้างหลังพรรคเพื่อไทยจะมีเงินคุณทักษิณ มีเงินพวก 111 คน มีเงินของบ้านจันทร์ส่องหล้า ใส่เข้าไป พรรคประชาธิปัตย์ก็จะวิ่ง ใช้อำนาจรัฐ พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้เงินเป็นหมื่นล้าน มีทั้งกองกำลังตำรวจอยู่ในมือ สู้กันเพื่ออะไร เพื่อแย่งชิงอำนาจโดยที่ไม่คำนึงถึงวิธีการ และแต่ละคนมาบาดเจ็บ เข้ามาในสภาใส่เสื้อนอกแล้วก็วันแมนวันโหวต ยกมือแล้วบอกว่า นี่คือประชาธิปไตย ทุกอย่างต้องจบที่สภา มันจบ ประเทศชาติจบ พวกคุณไม่จบหรอก

พี่น้องครับ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีความกล้าหาญ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องยอมรับว่าระบบการเมืองปัจจุบันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทหารก็ล้มเหลว ตำรวจก็ล้มเหลว สถาบันหลัก แม้กระทั่งศาลบางส่วนก็ล้มเหลว อัยการบางส่วนก็ล้มเหลว เราแทบไม่มีอะไรจะพึ่งได้อีกแล้วในสังคมไทยวันนี้

วันนี้ วันที่ 14 พฤษภาคม 1 ปีกับ 17 วัน 1 ปีกับ 27 วัน ที่ผมถูกยิงเกือบ 200 นัด แผลเป็นอยู่ที่นี่ คดีความผมเงียบสนิท คนที่รู้ว่าใครยิงผมก็เพิ่งถูกยิงตายไปเมื่อวานนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าขู่อยู่ตลอดเวลาว่าจะเปิดโปง เอาเถอะ แต่ไม่มีใครสนใจหรอก ผมยังดีกว่า เสธ.แดง หน่อยที่ผมยังเดินเข้าโรงพยาบาลได้ แต่สรุปแล้วผมกับ เสธ.แดง ก็ถูกยิงเหมือนหมาตัวนึงถูกยิงเหมือนกัน ต่างกันที่ว่าจับมือใครดมไม่ได้ เสียงปืน M79 ดังตลอดเวลา เสียงปืน M16 ดังตลอดเวลา เสียงระเบิดขว้างตูมตามตูมตาม ไฟลุกขึ้น พี่น้องครับไม่ใช่ริมชายแดนกัมพูชานะครับ กลางเมืองหลวง ลงข้างๆ โรงเรียนมาแตร์เดอี ศาลาแดง ข้างๆ สวนลุม ข้างหน้าโรงแรมดุสิตธานี ภาษาอังกฤษที่เขาชอบพูดว่า Failed State รัฐที่ล้มเหลว อันนี้มันไม่ใช่ Failed State แล้วนะครับ ผมเรียกว่า Waring State รัฐที่กำลังทำสงคราม พี่น้องครับ ไม่มีใครกระหายเลือด แต่มีแต่หน้าที่คืออะไร ต้องทำตามหน้าที่อันนั้น จะประคองตัวเองโดยที่ไม่มีบาดแผลไม่ได้หรอก อย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด ในอดีตนั้นบางครั้ง การทำสงครามนั้นทำเพื่อยุติสงคราม สงครามนั้นหลายๆ ครั้งทำเพื่อให้เกิดสันติภาพ

พี่น้องครับ ผมกลับมาครั้งนี้ผมคงได้เจอกับพี่น้องมากขึ้น ผมรู้ว่าแต่ละคนก็มีแม่ยกของตัวเอง ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็มีแม่ยกของท่าน ผมก็มีแม่ยกของผม เอาเป็นว่าพฤติกรรมของคนซึ่งมีแม่ยกนั้นขอให้อุดมการณ์ไม่เปลี่ยน หลักการยืนให้มั่นคง ไม่เป็นไรครับ จะยังไงก็ตาม จะรักใครชอบใครไม่ว่า แต่ให้อยู่กับพุทโธตลอด ให้มีสติ สติว่ายังไง สติว่าในที่สุดแล้วชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์รึเปล่า ถ้าชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์รอด จะเป็นแม่ยกใครไม่สำคัญหรอกครับ และอย่าเป็นแม่ยกอย่างงมงาย ลืมหูลืมตา แตะต้องพระเอกตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แม่ยกประเภทนี้เขาเรียกว่าแม่ยกงี่เหง้า แล้วค่อนข้างจะโง่ด้วย ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ทางการฝรั่งเศสตำหนิเหตุการณ์รุนแรงในไทย

Posted: 14 May 2010 09:24 AM PDT

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส นายเบอร์นาร์ด วาเลโร กล่าวกับผู้สื่อข่าว AFP ประจำกรุงปารีสว่า ขอตำหนิเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ France 24 ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิง พร้อมระบุทูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

<!--break-->

ปฏิรกริยาจากทางการฝรั่งเศสต่อกรณีที่นายเนลสัน แรนด์ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพของสถานีโทรทัศน์ France24 ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างประชาชนซึ่งประท้วงรัฐบาล หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในวันศุกร์ที่ 14 พ.ค. นั้น ล่าสุด เว็บไซต์ www.france24.com รายงานเพิ่มเติมว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส นายเบอร์นาร์ด วาเลโร กล่าวกับผู้สื่อข่าว AFP ประจำกรุงปารีสว่า ขอตำหนิเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ด้าน AFP นั้น รายงานว่า นายเนลสัน แรนด์ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพชาวแคนาเดียน ซึ่งทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์ France24 ถูกยิงขณะบันทึกภาพการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับทหารบริเวณสวนลุมไนท์ บาร์ซาร์ โดยที่เขาถูกยิงขณะที่ในมือนั้นถือกล้องวีดีโอและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์โดยฝ่ายผู้ชุมนุมไปอุ้มออกมาจากที่เกิดเหตุ

อาการบาดเจ็บของเนลสัน แรนด์ตามที่เพื่อนร่วมงานคือ ซีรีล ปาเยนเปิดเผยนั้น เขาถูกยิงที่มือ ขาและท้อง บาดเจ็บสาหัส เสียเลือดมาก และต้องใช้เวลาผ่าตัดอยู่นานหลายชั่วโมง ขณะเดียวกัน ซีรีล ปาเยน ผู้สื่อข่าวอีกคนของ France24 ระบุว่า ผู้ที่ยิงเนลสัน แรนด์คือทหาร เพราะมีเพียงทหารเท่านั้นที่ยิงปืนออกมา แต่เขาไม่แน่ใจว่าลูกปืนมาจากทิศทางไหน เพราะในขณะนั้นมีความสับสนมาก

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ศาลแพ่งยกคำร้อง นปช. ไม่ห้ามทหารใช้กำลังสลายม็อบ

Posted: 14 May 2010 09:05 AM PDT

<!--break-->

เมื่อเวลา17.00 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้องที่นายจตุพรพรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุมโดยใช้อาวุธสงคราม และห้ามไม่ให้มีการปิดกั้นหรือขัดขวาง ไม่ให้รถขนอาหารและน้ำดื่มเข้าไปบริเวณพื้นที่การชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ 

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) จำเลยที่1-2 ได้กำกับควบคุมสั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ฉบับ ลงวันที่ 13 พ.ค.53 และต่อมามีการปฏิบัติการตามประกาศฉบับดังกล่าว เพื่อสกัดกั้นมิให้ประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่การชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้ามาสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเดิม บริเวณสี่แยกราชประสงค์นั้น เป็นมาตรการหนึ่งในการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมืองไม่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐและไม่ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอันเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่จำเป็นต้องดำเนินการ แม้การปฏิบัติการดังกล่าวจะทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่ ตามคำร้องก็อยู่ในมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยประการหนึ่ง ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ศาลจึงมิอาจก้าวล่วงไปพิจารณาหรือทบทวนการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารนั้นได้ 

ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองมีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากนายคารม พลทะกลางทนายความโจทก์ว่าเหตุการณ์ใช้อาวุธต่อบุคคลที่ระบุในคำร้องไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ประกอบกับการที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง โดยมีอาวุธติดตัว ซึ่งหากมีความจำเป็นก็สามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล กรณียังไม่มีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามที่โจทก์ขอมาใช้บังคับได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคำร้องที่นายจตุพร โจทก์ ยื่นต้อศาลสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาโจทก์ได้ยื่นฟ้องนายอภิสิทธ์ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรี ฯ ในฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นจำเลยที่1-2 ข้อหาละเมิดกรณีจำเลยทั้งสองได้ออกคำสั่งให้ทหารพร้อมอาวุธสงครามเข้าขอคืนพื้นที่ในบริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันและและมีประชาชนและทหารเสียชีวิต รวม 25 ศพและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งครั้งนั้นศาลแพ่งพิจารณาแล้วมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวว่า หากจำเลยทั้งสองกระทำการใดๆ ในการขอคืนพื้นที่ หรือสลายการชุมนุมของผู้ร่วมชุมนุม นปช.ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นโดยคำนึงถึงความเหมาะสม มีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก 

ปรากฎว่าขณะนี้มีแนวโน้มที่จำเลยทั้งสองจะออกคำสั่งให้ทหารเข้าสลายการชุมนุมในพื้นที่สี่แยกราชประสงค์อีกโดยไม่ได้ดำเนินการตามหลักสากล กล่าวคือ จำเลยทั้งสองได้กำกับ ควบคุม สั่งการให้พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เรื่องห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ฉบับลงวันที่ 13 พ.ค.53 โดยจุดมุ่งหมายของการห้ามใช้เส้นทางคมนาคมคลให้สังคมเข้าใจว่าจะสกัดกั้นมิให้ประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่การชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเข้ามาสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเดิมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ แต่ในความเป็นจริงและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่ปฏิบัติตามคำสั่งกลับห้ามมิให้นำอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค 

การกระทำของจำเลยทั้งสองรวมทั้งพล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย คำสั่งศาล โดยไม่สุจริต อันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โจทก์จึงขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ดังนี้ 

1.ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยทั้งสองและเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยทั้งสองและพล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา ปิดกั้นหรือขัดขวางหรือกระทำการด้วยประการใดๆ ในเส้นทางคมนาคม เพื่อไม่ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดนำรถขนอาหารและน้ำดื่ม ยารักษาโรค ตลอดจนรถขนเครื่องอุปโภคและบริโภค ที่จำเป็นเข้าไปยังบริเวณพื้นที่การชุมนุมสี่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียง และให้บุคคลที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมสามารถเข้า-ออกจากที่ชุมนุมเพื่อไปซื้อสิ่งของจำเป็นดังกล่าวได้

2.ขอให้มีคำสั่งห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าสลายการชุมนุมใช้อาวุธสงครามใดๆ กระทำต่อประชาชนผู้ร่วมชุมนุมโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งที่โจทก์จะขอให้ศาลได้โปรดไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งโดยเร่งด่วน เพราะขณะนี้ปรากฎข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยทั้งสองได้ใช้กำลังปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางเข้า-ออกและใช้อาวุธสงครามเข้าปฏิบัติการดังกล่าวหากไม่มีคำสั่งของศาลทันท่วงที จะทำให้ชีวิตของผู้ชุมนุมและโจทก์อยู่ในความไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งจากการอดอาหาร รวมถึงได้รับอันตรายจากการใช้อาวุธสงครามของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้โจทก์ได้นำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาประกอบการไต่สวนแล้ว 

 

ที่มา: เว็บไซต์มติชน 

 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิต 10 ราย เจ็บ 125 ราย [24.00]

Posted: 14 May 2010 08:40 AM PDT

 

<!--break-->

รายชื่อผู้เสียชีวิต

1.นายอินแปลง เทศวงษ์ (รพ.กล้วยน้ำไท)
2.นายเสน่ห์ นิลเหลือง (รพ.กล้วยน้ำไท)
3.นายปิยะพงศ์ กิติวงษ์ (รพ.ตำรวจ)
4.นายประจวบ สิราพันธ์ (รพ.ตำรวจ)
5.นายสมศักดิ์ ศิลารักษ์ (รพ.ตำรวจ)
6.น.ส.สันธนา สรรพศรี (รพ.พญาไท 1)
7.นายชัยยันต์ วรรณจักร (รพ.พระมงกุฎเก้า)
8.นายสรไกร ศรีเมืองปุน (รพ.ราชวิถี)
9.นายบุญทิ้ง ปานศิลา ลูกข่ายวชิระพยาบาล (รพ.รามาธิบดี) 
10.นายกิติพันธ์ ขันทด (รพ.ราชวิถี)
 

วันที่ 15 พ.ค.

00.30 น.  (เดลินิวส์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นเมื่อมีรถตู้โตโยต้าคอมมิวเตอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮค 8561 กรุงเทพมหานคร ขับมาบนถนนราชปรารภ มุ่งหน้าไปทางดินแดง ด้วยความเร็วสูง เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน ก่อนข้ามทางรถไฟ ได้มีด่านตรวจค้นทหารส่งสัญญาณให้หยุดรถ แต่รถตู้คันดังกล่าวกลับไม่ยอมลดความเร็ว เจ้าหน้าที่จึงใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ แต่รถตู้ยังพยายามวิ่งพุ่งชนด่าน ทหารจึงตัดสินใจระดมยิงด้วยกระสุนยางและกระสุนจริงจนรถพรุนไปทั้งคัน ทำให้คนขับตู้เป็นชายวัยกลางคน สภาพมีกลิ่นเหล้าคลุ้ง ถูกยิงที่สีข้างขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส

จากการตรวจค้นภายในรถ พบมีดหัวตัด สัญลักษณ์ของกลุ่ม นปช.จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ได้มีเด็กชายอายุประมาณ 10 ปี ถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่หน้าท้องจนไส้แตก อาการสาหัส นอกจากนี้ยังมีคนขับรถแท็กซี่อีก 1 คน ที่รอรถกลับบ้านบริเวณดังกล่าว ถูกยิงเข้าที่ลำตัวบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เจ้าหน้าที่รีบนำคนเจ็บทั้ง 3 ราย ส่ง รพ.พญาไท 1 เพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน

 

วันที่ 14 พ.ค.

24.00น. ศูนย์เอราวัณ รายงานตัวเลขล่าสุด มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 125 ราย เป็นชาวต่างชาติ 3 ราย สัญชาติแคนาดา โปแลนด์และพม่า อยู่ในห้องฉุกเฉิน 7 ราย http://www.ems.bangkok.go.th/report/witayu140553(5).pdf

23.15น.จากการสอบถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลราชวิถี ยืนยันนายสรไกร ศรีเมืองปุน ชาวกาฬสินธ์ุ มีแผลถูกยิงที่ศีรษะ สมองไหล เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล จุดเกิดเหตุที่ซอยรางน้ำ ศพอยู่ที่ รพ.ราชวิถี

22.30 น. (เดลินิวส์) ที่ซอยรางน้ำ ย่านอนุสาวรีย์ชัย หลังเกิดเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ กระทั่งเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าตรวจสอบความเสียหายได้ พบว่าที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ บริเวณสามแยกรางน้ำ พบศพชายชุดดำ ไม่ทราบชื่อ คาดว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ถูกยิงที่ศีรษะนอนจมกองเลือดเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังพบศพนายบุญทิ้ง ปรางศิลา อายุ 24 ปี ลูกข่ายวชิระพยาบาล ที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บขณะเกิดเหตุปะทะ ถูกกระสุนลูกหลงยิงเจาะเข้าลำคอ เสียชีวิตคาที่อีก 1 ศพ

 

22.00น. ศูนย์เอราวัณสรุปยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 ราย บาดเจ็บ 101 ราย โดย 9 รายอยู่ในห้องฉุกเฉิน http://www.ems.bangkok.go.th/report/witayu140553(4).pdf

21.50 น. (ข่าวสด) ผู้สื่อข่าวรายงานจากร.พ.พญาไท 1 สถานที่พยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร กับกลุ่มผู้ชุมนุมนปช. ที่ซ.หมอเหล็ง มีผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย เสียชีวิตจำนวน 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้นำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งร.พ. ผู้บาดเจ็บประกอบด้วยนายปรีชา สุกใส อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุม ถูกยิงบริเวณหน้าอก นายธนภัทร อนุวรรณ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุม ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่มือข้างขวา น.ส.จักรศรี จำปางาม อายุ 19 ปี ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในซ.หมอเหล็ง ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บบริเวณแขน นายมนู ท่าราช ไม่ทราบอายุ บาดเจ็บสาหัสโดนยิงที่ศีรษะ และน.ส.สันธนา สรรพศรี อายุ 32 ปี ถูกยิงที่บริเวณท้ายทอยซ้ายทะลุลำคอขวา กระสุนตัดเส้นเลือดใหญ่เสียชีวิตทันที โดยน.ส.สันธนาเป็นชาวบ้านที่ออกมามุงดูเหตุการณ์

21.32น. ทวิตเตอร์ จส.100 รายงานมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ที่ รพ.กล้วยน้ำไท ทำให้มีผู้็เสียชีวิตรวม 5 ราย บาดเจ็บ 81 ราย

ทหาร ยิงรถ จนท.กู้ชีพ
21.14น. เนชั่นทันข่าว รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม นายธีรภัทร์ กลมเกลี้ยง เจ้าหน้าที่กู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยกับ"คม ชัด ลึก"ว่าเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ตนพร้อมเพื่อนผู้ชายและผู้หญิงที่เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ กำลังเดินทางไปรับผู้บาดเจ็บจากการปะทะระหว่างคนเสื้อแดงและทหาร แต่มีผู้อื่นนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่เมื่อเข้าไปบริเวณดังกล่าวก็ไม่สามารถขับรถออกมาได้ ตนและเพื่อนเจ้าหน้าที่อีกสองคนจึงจอดรถพยาบาลของมูลนิธิไว้ที่บริเวณลานจอดรถโรงแรมพินนาเคิล ซอยงามดูพลี ถ.พระราม 4 ในระหว่างผู้ชุมนุมกำลังยั่วยุทหารโดยการขว้างก้อนหินใส่ จนกระทั่งมีเสียงปืนดังขึ้น ผู้ชุมนุมจึงต่างวิ่งหนีเข้ามาหลบในซอยดังกล่าว

ระหว่างนั้น ผู้ชุมนุมประมาณสิบคนวิ่งเข้ามาหลบที่ลานจอดรถที่ตนจอดรถอยู่ โดยมีเพื่อนสองคนนั่งอยู่ด้านในรถพยาบาล ส่วนตนยืนอยู่ข้างรถ เมื่อทหารวิ่งตามมาถึงลานจอดรถจึงตะโกนถามตนว่าเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงหรือไม่ ตนจึงตอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ในขณะนั้นมีทหารอีกคนเดินเข้ามาแล้วยิงปืนใส่กระจกรถตู้พยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนของตนนั่งอยู่ด้านใน ทำให้กระแจกแตก กระสุนโดนข้อมือของนาย สรายุทธ อำพันธุ์ อายุ 23 ปี ทำให้กระดูกแขนหัก ส่วนผู้หญิงอีกคนในรถได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระจกบาดเล็กน้อย ตนจึงขับรถคันดังกล่าวพาเพื่อนทั้งสองคนไปส่ง ร.พ.จุฬาฯ แต่ต่อมาได้มีการย้ายผู้บาดเจ็บไปยัง ร.พ.พระมงกุฎแล้ว

21.00 น (มติชน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณถนนสาทร ปรากฎว่าได้มีเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณถนนพระราม4 ก่อนถึงสะพานไทยเบลเยี่ยม เจ้าหน้าที่ทหารตั้งแนวป้องกันปิดถนนไม่ให้ประชาชนผ่านเข้าไปที่ถนนพระราม4 ตามประกาศของ ศอฉ. เจ้าหน้าที่ทหารได้ยิงกระสุน ใส่ประชาชนที่ขับรถไปตามเส้นทางถนนสาทร ช่วงบริเวณแยกไฟแดงซอยสาทร 6 หน้าโรงแรมเอฟเวอร์กรีน จนได้รับบาดเจ็บไป1ราย ทราบชื่อ นาย ปิยะรัตน์ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 18 ปี โดยถูกยิงเข้าที่บริเวณ ตรงตาตุ่มขาด้านขวา ทำให้กระสุนทะลุเจ้าหน้าที่ศูนย์เอราวัณช่วยลำเลียงส่งไปที่รพ.ตากสิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทหารยังได้ยิงขู่ประชาชนที่ขับรถเข้ามาตามถนนสาทรมุ่งหน้าถนนพระราม 4

20.45 น. (เดลินิวส์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณแยกหมอเหล็ง ย่านราชปรารภ มีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ทหาร โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามยั่วยุทหารด้วยคำพูดและขวางปาสิ่งของ ทำให้ทหารยิงปืนขึ้นฟ้าตอบโต้ และระหว่างนั้นมีกระสุนปืนปริศนาถูกลำคอของผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้ล้มลงกองกับพื้น ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงได้ถอยออกไปจากจุดดังกล่าว เมื่อทหารเข้าตรวจสอบพื้นที่พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวสวมกางเกงขายาว เสื้อโปโลสีแดง ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแต่ได้หามใส่เปลมารอรถนำส่งไปที่รพ.พญาไท 1

ต่อมา พบคนเจ็บอีก 1 ราย บริเวณแยกจตุรทิศ ซึ่งเกิดเหตุเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง กับเจ้าหน้าที่ทหาร พบเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างท้วม ที่พยายามขี่ จยย.เข้ามาที่ด่านทหาร ต่อมา รถ จยย.ได้ล้มลงไประหว่างทหารยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม สิ้นเสียงปืน เจ้าหน้าที่ทหารได้นำร่างชายคนดังกล่าวที่ถูกยิงที่ศีรษะส่ง รพ.พญาไท 1 เช่นกัน

20.00น. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร(ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครสรุปผู้บาดเจ็บ 81 ราย เสียชีวิต 4 ราย รวมทั้งหมด 85 ราย

1 โรงพยาบาลตากสิน 2 ราย 
2 โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 10 ราย
3 โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 8* ราย
4 โรงพยาบาลเทพธารินทร์ 5 ราย
5 โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ 1 ราย
6 โรงพยาบาลเลิดสิน 3 ราย
7 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 4 ราย
8 โรงพยาบาลตำรวจ 18* ราย
9 โรงพยาบาลทหารผ่านศึก 4 ราย
10 โรงพยาบาลราชวิถี 21 ราย
11 โรงพยาบาลรามาธิบดี 9 ราย

*เสียชีวิต 4 ราย

19.01 น. เนชั่นทันข่าวรายงานว่า นายแพทย์สุวินัย บุศราคัมวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า ได้มีการนำส่งผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะ เข้ารักษาที่โรงพยาบาล 8 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ 1.นายอินแปลง เทศวงศ์ อายุ 34 ปี ถูกยิงที่หน้าอก 2. นายเสน่ห์ นิลเหลือง อายุ 48 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายเช่นกัน

ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 6 รายนั้น ได้แก่ นายเกรียงศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 33 ปี ถูกยิงที่ปอดและที่หัวใจ ผ่าตัดแล้ว ขณะนี้รู้สึกตัวดี แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย 2.นายภานุทัศน์ อัศวศิริมั่นคง อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ปอดกระเทือนไปถึงไขสันหลัง ผ่าตัดช่วยเหลือแล้วเช่นกัน 3.นายธงชัย เหยียน ถูกยิงเข้าที่ก้นกระดูกเชิงกรานด้านหลัง ส่งต่อไปรักษาที่ รพ.วิภาวดีรามคำแหง 4.นายสุวิทย์ เลาหพันธ์ อายุ 29 ปี ไม่มีบาดแผล แต่ถูกรุมทำร้ายเข้ามาและได้ส่งต่อรักษาที่ รพ.วชิระ แล้ว 5.นายสมชาย สมบูรณ์ทรัพย์ ถูกยิงเข้าที่แก้ม บาดแผลไม่รุนแรงและผ่าตัดแล้ว และ 6.เมษ ยุวบุตร อายุ 32 ปี ถูกทำร้าย มีเลือดคั่งในสมอง และมีบาดแผลแตกที่คาง

ด้าน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ รพ.ตำรวจ มีการนำส่งผู้เสียชีวิต แล้ว 2 ราย ซึ่งนำส่งเมื่อเวลา 17.00-18.00 น. เป็นชายทั้ง 2 ราย ชื่อนายประจวบ จิราพันธุ์ ถูกยิงอกทะลุหลัง และ นายปิยะพงษ์ กิตติวงศ์ ถูกยิงปากทะลุกกหูขวา

สำหรับบรรยากาศที่ รพ.วชิระพยาบาล ล่าสุดเมื่อเวลา 19.38 น. มีการนำส่งผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะเข้ามาแล้ว โดยเป็นผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษา รพ.ตำรวจ และได้ประสานให้ส่งต่อมายัง รพ.วชิระ
 

 

 

16.55 น.(มติชน) รถของวชิรพยาบาลได้วิ่งฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุมมาจากแยกประตูน้ำ เพื่อนำผู้ชุมนุมที่ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ส่งโรงพยาบาลตำรวจ แต่ติดจอโปรเจ็คเตอร์ที่แยกราชประสงค์ จึงต้องลำเลียงผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตใส่เปลนำส่งโรงพยาบาลแทน ทั้งนี้นายณัฐวุฒิแจ้งว่า ผู้เสียชีวิตถูกยิงมาจากบริเวณสวนลุมพินี และต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงถึงนำร่างออกมาได้ ซึ่งนายณัฐวุฒิขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมยืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต การนี้มีผู้ชุมนุมบางส่วนร่ำไห้และบางรายก็แสดงความโกรธแค้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่มีการ์ด นปช.บาดเจ็บโดนกระสุนปืนซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมคาดว่าเป็นปืนเอชเค.เพราะสามารถทะลุเสื้อเกราะเข้าไปฝังอยู่บริเวณสะบักขวา

16.45 น.(มติชน) กลุ่มคนเสื้อแดงได้เริ่มจุดไฟเผายางรถยนต์บนสะพานไทย-ญี่ปุ่น ข้ามแยกศาลาแดง หลังจากนั้นกองกำลังทหารจากฝั่งริมรั้วสวนลุมพินี ตรงข้ามอาคารอื้อจือเหลียง ได้ระดมใช้ปืนลูกซองยิงกระสุนยางเข้าใส่ผู้ชุมนุมฝั่งแยกศาลาแดง เพื่อกดดันให้มีการสลายการชุมนุม ขณะที่การ์ด นปช.กว่า 200 คน ซึ่งหลบอยู่หลังบังเกอร์ได้ใช้ยางรถยนต์ปิดทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมนุมบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ฝั่งลานพระรูปรัชกาลที่ 6 หลังจากทหารยิงกระสุนยางได้ประมาณ 15 นาที ปรากฏว่ามีเสียงระเบิดคล้ายเอ็ม 79 ดังขึ้น 3 ครั้ง จากนั้นมีเสียงปืนจากฝั่งทหารรัวเข้ามาอีกหลายนัด ขณะที่บริเวณเคาน์เตอร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ รปภ.และตำรวจ 20 นาย กำลังรักษาความปลอดภัยภายในอาคาร ต่างวิ่งหลบหนีกลับกระสุนหัวน็อตและลูกแก้วกันโกลาหล ทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ต้องร้องขอให้ตำรวจทั้งหมดออกจากพื้นที่อาคาร เหตุการณ์จึงสงบ นั้นหน่วยกู้ชีพจากมูลนิธิร่วมกตัญญูได้นำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.จุฬาฯ 1 ราย เบื้องต้นเป็นชายถูกยิงด้วยกระสุนจริงเข้าที่เข่าขวา

 

 

 

 

 

 

15.30 น. (มติชน) บรรยากาศเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปักหลักอยู่บริเวณหน้าสนามมวยลุมพินีประมาณ 500 คน ได้ปั่นป่วนโดยมีการปาระเบิดขวด ประทัด และยิงพลุใส่ทหาร พร้อมเดินหน้ามายังที่ตั้งของทหารบริเวณเชิงสะพานไทย-เบลเยียม ทำให้ทหารต้องยิงแก๊สน้ำตา และยิงปืนขับไล่เป็นจำนวนหลายนัด ดังต่อเนื่องประมาณ 10 นาที จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นออกไปและมีบางส่วนหลบเข้าไปอยู่ภายในสนามมวยลุมพินี ซึ่งทหารสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้จำนวน 21 คน พร้อมของกลางระเบิดขวด หนังสติ๊ก ท่อนเหล็ก หมวกกันน็อค วิทยุสื่อสาร เสื้อเกราะกันกระสุน และอื่นๆ จำนวนมาก จากนั้นทหารได้ตรึงกำลังเข้ายึดพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้ง บริเวณหน้าอาคารลุมพินีทาวเวอร์ ซึ่งสามารถจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมได้อีกจำนวน 8 ราย จึงควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมกั้นแนวรั้วลวดหนามบริเวณหน้าสนามมวยลุมพินี ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักหลังแนวทหารประมาณ 100 เมตร โดยมีการยิงหนังสติ๊กลูกแก้วใส่ทหาร และปาประทัดยักใส่ทหารเป็นระยะ ขณะที่บริเวณหน้า สน.ลุมพินี กลุ่มคนเสื้อแดงได้ถอยร่นออกไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าวทำให้นายสุบิน น้ำจันทร์ ช่างภาพหนังสือพิมพ์มติชน ถูกยิงบริเวณขาขวา ได้รับบาดเจ็บ ขณะกำลังถ่ายภาพอยู่บริเวณถนนวิทยุ หน้า สน.ลุมพินี นำส่ง รพ.บำรุงราษรฎ์ ล่าสุด อาการปลอดภัยแล้ว และยังมีผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศถูกยิงเข้าที่ท้องอาการสาหัส นำส่ง รพ.จุฬาฯ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจำนวนกว่า 20 ราย นำส่ง รพ.กล้วยน้ำไท และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย

15.00 น. (มติชน) ทหารพยายามเข้าผลักดันม็อบในบริเวณย่านบ่อนไก่ บนถนนพระราม 4 จนเกิดการปะทะกันขึ้น ปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บนับ 10 คน ผู้เห็นเหตุการณ์ต่างรีบนำส่ง รพ.กล้วยน้ำไท รพ.เทพธารินทร์ และ รพ.ยาสูบ แต่ระหว่างนั้นนายอินแปลง เทศวงศ์ อายุ 33 ปี ชาวบ้านที่ถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่หน้าอกด้านขวาเสียชีวิต ศพอยู่ที่ รพ.กล้วยน้ำไท 1
 

 

"โอ๊ค" ระบุสื่อโดนยิงเหตุเก็บภาพทหาร
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ว่าในจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมดเป็นผู้สื่อข่าวและช่างภาพ 3 ราย จากหนังสือพิมพ์มติชน 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จากสถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี (Voice TV.) 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 และจากสำนักข่าวต่างประเทศ 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ส่วนที่เหลือกระจายรักษาตัวในโรงพยาบาล 11 แห่ง ทั้งนี้ ได้ประสานงานกับโรงพยาบาลทุกแห่งให้ดูแลผู้บาดเจ็บ รวมทั้งผู้สื่อข่าวทั้ง 3 คน อย่างเต็มที่แล้ว

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตในเว็บบล็อกส่วนตัว http://twitter.com/oak_ptt ว่า "คำว่าปรองดองของรัฐบาล ดูจะรุนแรงถึงขั้นใช้กระสุนจริง ยิงกราดแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ช่างภาพมติชน ช่างภาพของผม (วอยซ์ทีวี) ช่างภาพต่างชาติโดนยิง มีข้อสันนิษฐานว่าสื่อที่โดนทหารยิง เพราะสามารถเก็บภาพการลับซุ่มยิงของทหารได้ คงต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป ขอให้ช่างภาพทุกคนปลอดภัยนะครับ" และ "ทราบข่าวว่าอาร์ท น้องช่างภาพของผมปลอดภัย ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากหมอและพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ ขอบคุณมากครับที่ช่วยดูแล และขอให้หายเร็วๆ"

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

สาทิตย์-สรรเสริญ แถลงจะ “กระชับพื้นที่” ต่อไป อ้างผู้ชุมนุมโจมตีก่อนจึงรุนแรง

Posted: 14 May 2010 07:32 AM PDT

ศอฉ. แถลงเดินหน้า “กระชับพื้นที่” ต่อไป อ้างผู้ชุมนุมโจมตีก่อนจึงรุนแรง บอกภาพที่สื่อเสนอออกไปเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เตือนประชาชนอย่ารับสื่อบิดเบือน

<!--break-->

14 พ.ค. 53 - นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเวลา 20.30 น. ระบุจะดำเนินการ "กระชับพื้นที่" ต่อไป และทางที่ดีที่สุดคือ ขอให้ยุติการชุมนุมแล้วรัฐบาลจะดำเนินการแผนการปรองดอง 5 ข้อ ตามที่เคยเสนอ อ้างเหตุรุนแรงเพราะผู้ชุมนุมโจมตีเจ้าหน้าที่ก่อน 

โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยกล่าวว่าการชุมนุมของผู้ชุมนุมนั้นดำเนินมากว่า 2 เดือนและเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือคำสั่งของศาลแพ่ง และเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการสลายการชุมนุมได้ทันที แต่รัฐบาลได้พยายามเจรจา 2 ครั้ง แต่ท้ายที่สุดผู้ชุมนุมปฏิเสธ และต่อมานายกฯ ได้แเสนอแผนปรองดอง 5 ข้อ และผู้ชุมนุมโดยแกนนำได้ยอมรับในเบื้องต้น แต่ที่สุดมีการปฏิเสธแผนปรองดองซึ่งเป็นผลจากการแทรกแซงและสั่งการของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การปฏิบัติของ ศอฉ.ที่ผ่านมานั้นพยายามคลี่คลายสถานการณ์โดยปฏิบัติตามหลักสากล และคำนึงถึงชีวิตของผู้ชุมนุม ซึ่งหากผู้ชุมนุมไม่มีการใช้อาวุธก็จะไม่มีการสูญเสีย แต่เมื่อผู้ชุมนุมมีอาวุธ โดยการสั่งการของแกนนำที่ใช้ความรุนแง จึงเกิดความสูญเสียและผลกระทบอย่างที่เห็น 

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการกระชับวงล้อม และสกัดกั้นไม่ให้มีการส่งกำลังสนับสนุนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมายและเสี่ยงต่อความรุนแรง การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเข้าไปในพื้นที่ของผู้ชุมนุม แต่เหตุการณ์ปรากฏว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธและใช้ความรุนแรงโจมตีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการกระชับวงล้อม ทั้งโจมตีที่ด่าน และที่กำลังเคลื่อนที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ ทางรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการกระชับพื้นที่ต่อไป แต่การปฏิบัติการนี้จะลดความสูญเสียได้ เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรง และรัฐบาลก็เช่นกัน วิธีการที่ดีที่สุดคือยุติการชุมนุม และแผนปรองดองทั้ง 5 ข้อก็จะดำเนินการต่อไปอย่างที่ได้ประกาศไว้แล้ว ทั้งการปฏิรูปสื่อ หรือการสร้างความเป็นธรรมทางการเมือง 

รัฐบาลขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีการสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปราบปรามหรือฆ่าประชาชนอย่างที่มีการบิดเบือนข่าวสารแต่อย่างใด แต่เป็นการดำเนินการให้เหตุการณ์สงบลงโดยเร็วให้ประชาชนได้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวสรุปการปฏิบัติในช่วง 2 วันที่ผ่านมา (13-14 พ.ค.) ว่า เนื่องจากมีความพยายามของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างภาพให้ประชาชนเห็นว่าทหารตำรวจปิดล้อมและใช้อาวุธสงครามยิงใส่ผู้ชุมนุม จำเป็นต้องทำความเข้าใน ดังนี้ 

1) ในวันที่ 13 พ.ค. ศอฉ.สั่งการให้ทหารตำรวจกระชับวงล้อมบริเวณที่ชุมนุมแยกราชประสงค์ทั้ง 4 ด้าน เป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เพิ่มเติมกำลังคน ตัดการส่งกำลังบำรุง จำกัดบริการสาธารณะ ทั้งประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรศัพท์บ้าน รวมทั้งปิดการจราจรทุกช่องทาง ซึ่งเห็นว่าเป็นวิธีการที่น่าจะสามารถยุติการชุมนุมได้ หรืออย่างน้อยทำให้จำนวนผู้ชุมนุมลดน้อยลง แต่ 2 วันที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้าย ผู้ชุมนุมบางส่วน กระทั่งกลุ่มรถจักรยานยนต์กวนเมืองได้กดดันด่านเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา มีการใช้อาวุธปืนหลายชนิด รวมถึง M79 โดยใช้ผู้ชุมนุมเป็นโล่กำบัง เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องป้องกันตนเองและผู้ไม่เกี่ยวข้อง โดยการใช้กำลังจากเบาไปหาหนัก เริ่มแต่ประชาสัมพันธ์ไปถึงการใช้กระสุนยางที่ยิงจากปืนลูกซอง 

ทั้งนี้ การขอพื้นที่ที่แยกคอกวัว สถานีไทยคม อนุสรณ์สถาน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุมเลย แต่ปรากฏว่าเมื่อผู้ชุมนุมเข้าถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำร้าย และยึดอาวุธ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องรักษาระยะห่างกับผู้ชุมนุม ถ้าผู้ชุมนุมจะเคลื่อนนเข้าหาเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องใช้ปืนลูกซองกระสุนจริงในการสกัดกั้น โดยจะพยายามยิงลงพื้นในแนวไม่เกินหัวเข่า เพื่อยับยั้งไม่ให้เข้ามาและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ประสงค์จะทำร้ายถึงชีวิต สำหรับปืน M16 ปืนทราโว้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติภารกิจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ก่อการร้ายมีอาวุธสงคราม ศอฉ.ได้กำหนดหลักเกณฑ์ใช้งานไว้ 1. ใช้ยิงข่มขวัญขึ้นฟ้า 2. ยิงเป้าหมายที่ตรวจสอบได้ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย หรือผู้ชุมนุมที่ถืออาวุธสงครามร้ายแรง ลูกระเบิด 3. ยิงป้องกันชีวิตเจ้าหน้าที่และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การใช้ปืนทั้งสองชนิดนั้นได้กำหนดให้ยิงทีละนัด ไม่มีการยิงเป็นชุด และจะไม่ใช้ M79 ระเบิดแบบขว้างหรืออาร์พีจีแน่นอน อย่างไรก็ตาม ภาพข่าวบางภาพอาจเป็นเพียงบางส่วนของเหตุการณ์จริง อาจได้เห็นเฉพาะช่วงที่ทหารจำเป็นต้องเคลื่อนเข้าผู้ชุมนุมเพื่อผลักดันให้ผู้ชุมนุมกลับพื้นที่ที่กำหนด หรือยิงสกัดกั้น อาจไม่ได้เห็นภาพทั้งหมด ในช่วงที่ผู้ชุมนุมผู้ก่อการร้ายยิงใส่เจ้าหน้าที่

2) แยกราชประสงค์เป็นพื้นที่อันตราย ไม่ว่าการสร้างสถานการณ์ของผู้ก่อการร้าย หรือในช่วง 10-20 นาทีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ 80 กว่าคน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังยึดอาวุธได้จากการ์ด นปช. ทั้งระเบิดขว้าง เอ็ม 16 ชัดเจนว่ามีการลักลอบเอาอาวุธมาใช้ โดยเฉพาะที่แกนนำเคยยึดได้ที่ลาดหลุมแก้ว คอกวัว รวมแล้วกว่า 68 รายการ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าพื้นที่นี้อันตราย การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้นเป็นการกระชับวงล้อม มิใช่การล้อมปราบ ขอเรียนวิงวอน นปช.จังหวัดต่างๆ ไม่ต้องเดินทางเข้ามา กทม. เพราะข้อมูลข่าวสารจากแกนนำบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ขณะนี้ ศอฉ.ควบคุมสถานการณ์โดยรวมไว้ได้ และจะหลีกเลี่ยงความรุนแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  

 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

France 24 ระบุ ผู้สื่อข่าวถูกยิงโดยทหารไทย

Posted: 14 May 2010 07:11 AM PDT

www.france24.com รายงานเหตุการณ์ที่ นายเนลสัน แรนด์ ชาวแคนาเดียน ผู้สื่อข่าวของ France24 ถูกยิงขณะเก็บภาพการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมเสื้อแดงกับทหารโดยทีมข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า ผู้ที่ยิงปืนมีเพียงทหารเท่านั้น

<!--break-->

ข่าวอ้าง คำสัมภาษณ์ของ ซีริล ปาเยน เพื่อนร่วมงานซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ว่า นายเนลสัน แรนด์ ถูกยิงเข้าที่มือ ขา และท้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่กำลังเก็บภาพความรุนแรงจากการประทะระหว่างคนเสื้อแดงผู้ประท้วงรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ใจกลางกรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ค. 

ปาเยน กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดเท่าที่รู้นั้น แรนด์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและรับการผ่าตัด เขาเสียเลือดมากและการผ่าตัดใช้เวลานานหลายชั่วโมง "รัฐบาลพยายามที่จะทำให้เกิดความสงบ แต่กลับไม่ได้ให้ข้อมูลเท่าที่ควร"

ปาเยนระบุด้วยว่า แรนด์ถูกลูกหลงจากการยิงของฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร "ผมอยู่ในเหตุการณ์ที่มีการยิง และยืนยันว่ามีเพียงทหารเท่านั้นที่ยิงปืนออกมา และกระสุนที่ยังนั้นเป็นกระสุนจริง ไม่ใช่กระสุนยาง แต่ผมก็ไม่ได้เห็นทิศทางทียิงมาว่ามาจากทางไหนแน่ เพราะตอนนั้นมันสับสนมาก" ปาเยนกล่าวกับ France 24

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ปากคำชาวต่างชาติผู้เห็นเหตุการณ์ผู้ชุมนุมถูกทหารยิงเสียชีวิตในคืน 13 พ.ค.

Posted: 14 May 2010 06:23 AM PDT

<!--break-->

ในเว็บบล็อกของแอนดรูว ดรัมมอนด์ ผู้สื่อข่าวอิสระชาวอังกฤษ เขียนไว้ในเว็บล็อก (Blog) ของเขา www.andrew-drummond.com เกี่ยวกับเหตุการยิงผู้ชุมนุม นปช. เมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า มีชายคนหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยชื่อ เจมส์ เวสท์ ได้เห็นเหตุการณ์ชายผู้ชุมนุมคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต

เจมส์ เวสท์ บอกว่า ชายที่ถูกยิงต่อหน้าต่อตาเขาถูกยิงหลังจากที่เขาใช้ปากกาฉายแสงไปที่ทหาร

"ผมกำลังติดตามกลุ่มผู้ชุมนุมราว 40 รายที่วิ่งเข้าไปที่ทหาร จากนั้นพวกเขาจึงด่าทอต่อว่าทหาร ชายคนหนึ่งซึ่งยืนห่างจากผมไปราวสองหลาเอาปากกาฉายแสงส่องไปที่ทหาร ผมคิดว่าเขาอะไรบ้าๆ จนต่อมาเขาก็ถูกยิง ผมรู้สึกถึงว่ามีส่วนหนึ่งกระเด็นมาโดนผมด้วย"

"ผมล้มลงในทันที มีแผลกระสุนกระเด็นออกมาที่หลังหัวของเขา" เวสท์กล่าว เขาเป็นช่างภาพมือสมัครเล่นและเป็นนักพัฒนาซอฟท์แวร์ให้กับบริษัทไมโครซอฟท์ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยตัวเขามาจากซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน

เวสท์ยังบอกอีกว่า ปากกาแสงเลเซอร์เป็นที่นิยมมากในกรุงเทพฯ และสามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไปรวมถึงที่พัฒน์พงศ์ มีนักท่องเที่ยวหลายคนซื้อมัน

ที่มา
http://www.andrew-drummond.com/2010/05/14/shot-protester-lit-up-soldier-with-laser-toy/
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

"เราบอกแล้ว เรายอมตาย ผมก็ยอมตาย ผมเขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว": ก่อแก้ว พิกุลทอง

Posted: 14 May 2010 05:59 AM PDT

<!--break-->

(14 พ.ค.) เวลาประมาณ 19.30 น. นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องเนชั่นชาแนล ภายหลังมีเหตุปาระเบิดแก๊สน้ำตา และระเบิดควันเข้าไปด้านหลังเวทีที่สี่แยกราชประสงค์ว่า ฝ่ายผู้ชุมนุมได้แต่ปกป้องไม่ให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้

"เรามีแค่ไม้ไผ่ ก้อนอิฐ เราไม่มีอาวุธ เราเป็นคนทำมาหากิน เป็นประชาชนมือเปล่า วันนี้ยอมไม่ได้ที่อภิสิทธิ์ฆ่าคนไทยมือเปล่าโดยไม่บันยะบันยัง "

นายก่อแก้ว กล่าวด้วยว่า การจะหยุดความนรุนแรงนั้น ขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสั่งการ แต่ผู้ชุมนุมจะไม่ยอมจำนนต่อคนที่ทำผิด

"ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณอภิสิทธิ์ เราบอกแล้ว เรายอมตาย ผมก็ยอมตาย ผมเขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเขามีจิตใจที่โหดเหี้ยมอย่างนั้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราเองชุมนุมอยู่ที่นี่นิ่งๆ เราไม่ได้ไปไหน แล้วคุณจะให้ผมหนีคนที่กระทำผิด คนที่กระทำการชั่วร้าย แล้วจะให้ผมยอมจำนวนต่อพวกเขาหรือครับ และผมไม่เชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ยุติ จะทำให้เขาชนะ แต่มันมีแต่จะทำให้ประเทศย่อยยับไปอีก" นายก่อแก้วกล่าวในที่สุด

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

โลกจับตาเรา: รวมภาพหน้าแรกของเว็บสื่อมวลชนทั่วโลก

Posted: 14 May 2010 04:32 AM PDT

<!--break-->

ภาพหน้าแรกของสื่อมวลชนต่างประเทศ เมื่อ 13-14 พ.ค. หลังสถานการณ์ในประเทศไทยตึงเครียด หลังการลอบยิง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล และการสลายการชุมนุมตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าวันนี้

BBC (อังกฤษ)

 

ซินหัว (จีน)

 

Washinton Post (สหรัฐอเมริกา)

 

The Star (มาเลเซีย)

 


NHK (ญี่ปุ่น)

 


Los Angeles Times (สหรัฐอเมริกา)



International Herald Tribune (สหรัฐอเมริกา)


CNN (สหรัฐอเมริกา)



อัลจาซีร่า (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)



Daylife.com

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

สมาคมนักข่าวฯ เตือนผู้สื่อข่าวหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

Posted: 14 May 2010 04:12 AM PDT

สมาคมนักข่าวฯ แสดงความห่วงใยสวัสดิภาพผู้สื่อข่าว ในการทำหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรง พร้อมเตือนผู้สื่อข่าวหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

<!--break-->

14 พ.ค. 53 - นายเสด็จ บุนนาค อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ เปิดเผยถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในขณะนี้ว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเจ้าหน้าที่ทหาร ในหลายจุดจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สมาคมนักข่าวฯ มีความห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของสื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่อยู่ภาคสนาม ซึ่งต้องทำหน้าที่ท่ามกลางสภาวะความกดดัน จึงขอแจ้งเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง และคำนึงความปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ที่อาจเป็นแนวปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งบริเวณหลังเวทีของกลุ่ม นปช. บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งหากสื่อมวลชนเห็นว่าการทำหน้าที่ในพื้นที่ไม่ปลอดภัย ขอให้ย้ายไปใช้พื้นที่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายเสด็จ กล่าวด้วยว่า สมาคมนักข่าวฯ ขอแสดงความห่วงใยไปยังผู้สื่อข่าว และช่างภาพ จากหนังสือพิมพ์มติชน สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ วอยซ์ทีวี รวมถึงผู้สื่อข่าวต่างประเทศอีกหลายสำนัก ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ชุมนุมฯ และเจ้าหน้าที่รัฐ ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้สื่อข่าว ซึ่งมีสัญลักษณ์ “ปลอกแขนสีเขียว” ของสมาคมนักข่าวฯ เป็นการแสดงตนในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เพื่อการรายงานข้อมูล ข้อเท็จจริงไปสู่ประชาชน

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ศอฉ.ประกาศห้ามใช้เส้นทาง ถ.พระราม 4 จากแยกสามย่าน-ปากซอยงามดูพลี ขู่โทษขัง-ปรับ

Posted: 14 May 2010 04:09 AM PDT

ประกาศ ศอฉ.เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ในเส้นทาง ถ.พระราม 4 ตั้งแต่สี่แยกสามย่านถึงแยกปากซอยงามดูพลี ผู้ใดฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

<!--break-->

ประกาศ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ฉบับที่ 2

-------------------------------

ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครปฐม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดน่าน จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดศรีษะเกษ แล้วนั้น

เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติได้โดยเร็ว และป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะในพื้นที่ ที่มีการชุมนุมที่ผิดกฎหมายเพิ่มเติม อาศัยตามอำนาจตามข้อ 3 แห่ง ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หัวหน้าผู้รับผิดชอบ จึงออกประกาศกำหนดดังนี้

ข้อ 1 ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะใดๆ เข้าหรือออกในเส้นทาง ถนนพระราม 4 ตั้งแต่สี่แยกสามย่าน ถึง แยกปากซอยงามดูพลี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ข้อ 2 ผู้ใดฝ่าฝืน ข้อห้ามตามประกาศนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ข้อ 3 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ชั้นสัญญาบัตรหรือเทียบเท่า เป็นผู้ดำเนินการตามประกาศนี้

ข้อ 4 ประกาศกำหนดนี้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

 

ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2553

(พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา)

หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

------------------------------------

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น