โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

วุฒิฯผ่านกม.คลื่น-เปิดทหารคุม กสทช.

Posted: 04 Jun 2010 11:52 AM PDT

วุฒิสภา ไม่ถึงครึ่งผ่านร่างพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ฯ เพิ่มกสทช.ฝ่ายความมั่นคง ศาสนา จาก 11 เป็น 15 คน เปิดให้องค์กรรัฐ-เอกชนด้านความมั่นคงและบริหารราชการคัดเลือกกันเอง และต้องจัดคลื่นเพื่อความมั่นคงอย่างพอเพียง 

<!--break-->

30 พ.ค. 2553 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญนัดพิเศษ โดยมีนางสาวทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.... ที่คณะกรรมการของวุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้ว

สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.นี้คือ การตั้งกรรมการในองค์กรอิสระ (กสทช.) เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแล ออกใบอนุญาต ทั้งกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ซึ่งปัจจุบันธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท จึงเป็นที่ถูกจับตาโดยเฉพาะประเด็นความพยายามเข้ามาเป็นกรรมการจัดสรรผล ประโยชน์ให้กับหน่วยงานของตน ทั้งหน่วยงานรัฐ กองทัพ และภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ประเด็นสำคัญ คือมาตรา 6 ที่กำหนดสัดส่วนและองค์ประกอบของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ที่วุฒิสภาแก้ไขจากเดิม 11 คน เป็น 15 คน โดยเพิ่มสัดส่วนกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านความมั่นคงของ รัฐหรือการบริหารราชการ 2 คน และ การศาสนาและพัฒนาสังคมอีก 2 คน

ส่วนการเสนอรายชื่อเพื่อคัดเลือกกันเองเข้าเป็นกรรมการ กสทช. ได้แก้ไขโดยเปิดช่องให้สถาบันการศึกษาของรัฐและองค์กรเอกชนด้านความมั่นคง และบริหารราชการเสนอตัวแทนเข้าร่วมคัดเลือกกันเองด้วย  องค์ประกอบเพิ่มเติมดังนี้ 1)องค์กรเอกชนด้านการศึกษา วัฒนธรรม หรือศาสนาหรือพัฒนาสังคม 2)สถาบันการศึกษาของรัฐด้านความมั่นคง 3)องค์กรเอกชนด้านความมั่นคง 4)สถาบันการศึกษาของรัฐด้านการบริหารราชการ และ 5)องค์กรเอกชนด้านการบริหารราชการ

พร้อมทั้งแก้ไขคุณสมบัติด้านอายุของกรรมการจาก 30-65 ปี เป็น 35-70 ปี

สำหรับการแก้ไขแผนแม่บทการจัดสรรคลื่นความถี่ในชั้นวุฒิสภา ได้เพิ่มเติมให้ต้องกำหนดรายละเอียดคลื่นความถี่เพื่อใช้งานด้านความมั่นคง ของรัฐอย่างเพียงพอและเหมาะสมในร่างมาตรา 48

หลังจากที่ประชุมวุฒิสภาอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ได้ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 59 ต่อ 26 คน ไม่ลงคะแนน 6 คน
ในวันต่อมา (1 มิ.ย.) นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมหน้า(ส.ค.) ซึ่งก็ต้องดูว่าสภาผู้แทนราษฎรจะเห็นด้วยกับการแก้ไขของวุฒิสภาหรือไม่

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

จีนคุมเข้มจตุรัสเทียนอันเหมิน ด้านกลุ่ม "แม่เหยื่อเทียนอันเหมิน" ร่วมรำลึกครบ 21 ปี

Posted: 04 Jun 2010 11:29 AM PDT

กลุ่มแม่เหยื่อในเหตุการณ์ "เทียนอันเหมิน" ร่วมจุดเทียนไว้อาลัยลูกซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เรียกร้องประชาปไตยของนักศึกษาและประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมินและถุกสังหารจำนวนหลายพันคน ในช่วงวันที่ 3-4 มิ.ย. 2532 โดยปีนี้กลุ่มผู้ไว้อาลัยจุดเทียนรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ท่ามกลางการคุมเข้มของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

<!--break-->

กลุ่ม "แม่เหยื่อเทียนอันเหมิน" ร่วมรำลึกโอกาสครบ 21 ปี

(4 มิ.ย.53) เหตุการณ์ปราบปรามผู้ประท้วงนำโดยนักศึกษาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในจตุรัสเทียนอันเหมินของจีนช่วง 3-4 มิถุนายน 2532 ผ่านพ้นมาจนครบ 21 ปีแล้ว และติง จี้หลิน ประธานของกลุ่ม "เทียนอันเหมิน มาเธอร์ส" ซึ่งเป็นกลุ่มแม่ของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ไปจุดเทียนรำลึกแก่ลูกชายวัย 17 ตรงจุดที่เขาเสียชีวิต เมื่อเวลา 5 ทุ่มของคืนวันที่ 3 มิถุนายน โดยทางการให้อนุญาตให้เธอและสามีจัดงานนี้ได้ แต่มีตำรวจคุมเข้มกันไม่ให้สื่อมวลชนเข้าใกล้

กลุ่มเทียนอันเหมินมาเธอร์สได้พยายามเคลื่อนไหวมาโดยตลอด เพื่อไม่ให้การต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของวีรชนเหล่านั้นต้องถูกลืมเลือนไป และเพื่อให้ทางการทบทวนจุดยืนของรัฐบาลต่อเหตุการณ์ประท้วงครั้งนั้น แต่ในปีนี้ทางกลุ่มไม่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อรัฐบาลเหมือนเช่นทุกปีที่เคยทำมาตลอด 20 ปี โดยบอกว่ารัฐบาลไม่สมควรได้รับจดหมาย เพราะนอกจากจะไม่สนใจแล้ว ยังพยายามจับกุมพวกเขาด้วย โดยในแต่ละปีนางติงและคนอื่นๆ ในกลุ่มมักถูกจับตาอย่างเข้มงวดไม่ให้ไปพบปะกับสื่อมวลชนหรือนักการทูต ในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างนี้

จีนคุมเข้มความปลอดภัยจตุรัสเทียนอันเหมิน

ด้านสำนักข่าวไทยรายงาน ตำรวจจีนลาดตระเวนบริเวณโดยรอบจตุรัสเทียนอันเหมินอย่างเข้มงวด ร่วมกับหน่วยจู่โจมที่พร้อมเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบและฝูงชน เนื่องในวันครบรอบ 21 ปี เหตุกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่จตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2532 อย่างไรก็ดี ทางการจีนคาดว่า การประท้วงของกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในวาระครบรอบครั้งนี้จะผ่านไปอย่างสันติ

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์เทียนอันเหมินว่า จีนได้ตัดสินใจแก้ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ และพัฒนาประเทศในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่จีนเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ เพื่อผลประโยชน์ของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

ร้องจีนครบ 21 ปีเทียนอันเหมิน ปรับท่าทีสิทธิมนุยชน

ขณะที่กรุงเทพธุรกิจรายงานข่าวว่า นายหม่า อิง จิว ประธานาธิบดีไต้หวัน ออกโรงกระตุ้นให้จีนเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ ยอมรับคุณค่าของประชาธิปไตย และอุดช่องว่างด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างช่องแคบไต้หวัน

ในแถลงการณ์ความยาวหนึ่งหน้ากระดาษที่เผยแพร่โดยทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันระบุว่า "เราหวังว่าทางการจีนจะปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสิทธิมนุษยชน และค่อยๆแก้ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนด้วยความจริงใจและเชื่อมั่น พร้อมทั้งใช้มาตรการที่เปิดกว้างกว่าเดิมในการรับมือกับผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกัน" นายหม่ากล่าว

"การกระทำดังกล่าวไม่เพียงทำให้ชาวจีนรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจทางการจีนมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยอุดช่องว่างด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างช่องแคบไต้หวัน และยังทำให้ประชาคมโลกเห็นว่าจีนให้ความสำคัญกับสันติภาพ เสรีภาพ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน" เขา กล่าว

นอกจากนั้นนายหม่ายังยกตัวอย่างเหตุการณ์สังหารหมู่ 228 เมื่อปี พ.ศ.2490 ซึ่งมีชาวไต้หวันถูกสังหารไปหลายหมื่นคน รวมถึงเหตุการณ์ที่เรียกว่า White Terror เพื่อให้จีนหันมาเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์

ทั้งนี้ นายหม่าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มสิทธิมนุษยชนจากการที่เขาไม่เอาจริงเอาจังเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีน รวมถึงในไต้หวันเอง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

ที่มา: เนชั่นทันข่าว สำนักข่าวไทย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

อนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ 10 เม.ย. ยื่นจดหมายลาออกต่อประธาน กสม.

Posted: 04 Jun 2010 10:35 AM PDT

ผู้ช่วย ศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และ นางสาวสาวตรี สุขศรี  ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ความรุนแรง 10 เม.ย. ยื่นจดหมายลาออกต่อประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแล้ว

<!--break-->

รายละเอียดดังนี้

เรียน ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ตามที่คณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติได้มีคำสั่งที่ ๔๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๓ เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ความ รุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓, คำสั่งที่ ๔๔/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบด้านกฎหมายและระเบียบที่ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ และคำสั่งที่ ๔๕/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ เรื่องแต่งตั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบ รวมพยานหลักฐานกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ นั้น

พวกข้าพเจ้า ดังมีรายนามต่อไปนี้ ขอลาออกจากตำแหน่ง ดังนี้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ความ รุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ และอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบด้านกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓

นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยาน หลักฐานกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อ วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ความ รุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ และอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบด้านกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ความ รุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ และอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานกรณี เหตุการณ์ความรุนแรงจากการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓

นางสาวสาวตรี สุขศรี ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบด้านกฎหมายและระเบียบที่ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓

ทั้งนี้ ให้มีผลนับแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๓
ผู้ช่วย ศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา
นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร
นายปิยบุตร แสงกนกกุล
นายสมบัติ บุญงามอนงค์
นางสาวสาวตรี สุขศรี

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

นายกจีนเยือนพม่า

Posted: 04 Jun 2010 10:27 AM PDT

นายเหวินเจียเป่า  นายกรัฐมนตรีของจีนเดินทางถึงพม่าแล้ว โดยมีกำหนดเยือนพม่าเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งนับเป็นการเยือนพม่าของรัฐมนตรีของจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

<!--break-->

เจ้าหน้าที่ทางการพม่าคาดการณ์กันว่า การเยือนของนายเหวินเจียเป่าครั้งนี้  น่าจะมีการลงนามระหว่างพม่าและจีนในโครงการด้านพลังงานและโครงการเขื่อน เพราะเป็นที่ทราบดีว่า  จีนคือคู่ค้าสำคัญและเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในแหล่งพลังงานธรรมชาติในพม่ามหาศาล ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตน้ำมันหลักของจีนได้เริ่มก่อสร้างท่อส่งก๊าซทั่วพม่าแล้ว ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของจีนยังรวมถึงแหล่งพลังงานก๊าซและน้ำมันในรัฐอาระกัน ที่รัฐบาลจีนได้สร้างท่อส่งก๊าซและน้ำมันเพื่อนำพลังงานดังกล่าวส่งต่อไปยังมณฑลยูนนานของจีน

อย่างไรก็ตาม  เมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและพม่าได้ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง หลังกองทัพพม่าเข้าโจมตีในเขตพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยกองกำลังโกกั้ง (Myanmar National Democratic Alliance Army หรือ MNDAA) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งติดกับชายแดนจีน เป็นเหตุให้ผู้ลี้ภัยหลายพันคนต้องลี้ภัยสงครามไปอยู่ในฝั่งจีน

นักวิเคราะห์มองว่า  รัฐบาลจีนจะยังคงแสดงความวิตกกังวลเรื่องความไม่มั่นคงตรงชายแดนจีนซึ่งติดกับพม่าต่อไป ซึ่งนี่จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะมีการนำมาหยิบยกพูดคุยในการเยือนของนายกรัฐมนตรีของจีนในครั้งนี้ด้วย

เอตาอ่อง  ผู้นำชาวอาระกันแสดงความคิดเห็นการเยือนของนายกจีนในครั้งนี้ว่า นายเหวินเจียเป่าควรบอกกับรัฐบาลพม่าให้เปลี่ยนแปลงนโยบายในการปฏิรูปประเทศด้วย เพราะจีนเป็นมิตรที่สำคัญของรัฐบาลพม่า และรัฐบาลอาจเชื่อฟังสิ่งที่จีนบอก แม้ว่าจะไม่เชื่อทั้งหมดก็ตาม เอตาอ่องกล่าว

มีรายงานว่า นายเหวินเจียเป่าจะเข้าร่วมงานในโรงเรียนแห่งหนึ่งก่อน จากนั้นจะเดินทางไปเยี่ยมชมเจดีย์ชเวดากอง และมีการคาดการณ์กันว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 3 พ.ค.53 นายเหวินเจียเป่าจะเข้าพบกับนายพลอาวุโสตานฉ่วยและคณะรัฐบาลในกรุงเนย์ปีดอว์

มีการคาดการณ์กันว่า นายเหวินเจียเป่าจะเข้าร่วมงานเปิดศูนย์ประชุมนานาชาติในกรุงเนย์ปีดอว์ ซึ่งได้รับทุนสร้างจากจีน ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศ
ที่มา: DVB/Irrawaddy 2 พ.ค.53

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

แรงงานบังกลาเทศเดินขบวนเรียกร้อง "อภิสิทธิ์" ปล่อย "สมยศ"

Posted: 04 Jun 2010 09:53 AM PDT

สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งชาติของบังกลาเทศเดินขบวนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีของไทยปล่อยตัว "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" อย่างไม่มีเงื่อนไข พร้อมส่งแถลงการณ์ทางโทรสารถึงสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย

<!--break-->

คนงานสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งชาติ (NGWF) ของบังกลาเทศ เดินขบวนเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีของไทย ปล่อยตัว สมยศ พฤกษาเกษมสุข อย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา (ที่มาของภาพ: NGWF)

 

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่กรุงธากา บังกลาเทศ สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งชาติ (NGWF) ซึ่งเป็นสหพันธ์แรงงานของบังกลาเทศได้เดินขบวนเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งเป็นนักกิจกรรมด้านแรงงานของไทย และบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin อย่างไม่มีเงื่อนไข

"พวกเราในนามของสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งชาติ และสมาชิก 27,500 คน ทราบว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเราคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักกิจกรรมด้านแรงงานมาอย่างยาวนาน "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" โชคร้ายที่ต้องอยู่ในที่คุมขังและถูกกักกัน เราเรียกร้องให้ปล่อยตัว "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" เพื่อนของเราทันที อย่างไม่มีเงื่อนไข" แถลงการณ์ซึ่งส่งโทรสารไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุ

000

รายละเอียดแถลงการณ์ภาษาอังกฤษที่ส่งโทรสารถึงสำนักนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

National Garment Workers Federation
Central Office: 31/F Topkhana Road, Dhaka-1000
Phone : 88 02 7160110, Mobile : 01911 340268,01731 201302  Fax : 7171711, E-mail: ngwf@dhaka.net
Ref.
Date : 04.06.2010

To, Mr. Abhisit Vejjajiva,
Honorable Prime Minister of Thailand,
Government House, Bangkok, Thailand.
Fax number : 0066 2 9727751

We , on behalf of the National Garment Workers Federation and its 27,500 members come to know that – One of our best friend , long term trade union activist SOMYOT PRUKSAKASEMSUK unfortunately in the prison and in detention .
We demanding Immediate and Unconditional Release of our friend  SOMYOT RUKSAKASEMSUK

Yours truly

Amirul Haque Amin
President
National Garment Workers Federation

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ประวิตร โรจนพฤกษ์: หลัง 19 พฤษภา: ธงครึ่งเสา คำขอโทษ และ คณะกรรมการตรวจสอบ "ข้อเท็จจริง"

Posted: 04 Jun 2010 09:41 AM PDT

<!--break-->

ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วกับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ทำให้มีคนเจ็บ ตาย และอาคารถูกเผา อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปเลย ความเกลียดชังระหว่างสองฝ่ายก็ยังเหมือนเดิม ในขณะที่เหล่าผู้ที่ต้องการเห็นคนเสื้อแดงถูกลงโทษก็ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ . . . ไม่มีการเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

สำหรับฝ่ายเสื้อแดงที่มีผู้ล้มตายไปจำนวนมากแล้ว รัฐบาลก็ยังคงไล่บี้ขบวนการคนเสื้อแดงอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยการใช้พรก.ฉุกเฉินมาไล่จับกุมคนเสื้อแดง โดยทั้งหมดเป็นการทำในนามของความมั่นคงของชาติ

การพูดว่าจะสมานฉันท์นั้นจะไร้สาระมาก ถ้าคุณยังคงปิดหู ปิดตา ปิดปาก ผู้คนที่คุณบอกว่าจะปรองดองด้วย แถมด้วยการจับกุมผู้ที่ประกาศว่าเขาจะจัดการชุมนุมเล็กๆ นอกพื้นที่ พรก.ฉุกเฉิน อย่าง สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถูกจับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและถูกปล่อยตัวออกมาไม่นานนี้ ในขณะที่ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” กับสุธาชัยอย่าง สมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการซ้ายจัดของ “Voice of Taksin” ยังไม่ได้ถูกปล่อยตัวเพราะไม่มีสถานะนักวิชาการ
นักสิทธิมนุษยชนคนหนึ่งได้เคยโพล่งออกมาว่า แม้แต่ช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก็ยังมีการเปิดเผยชื่อของคนที่ถูกจับ แต่สำหรับเหตุการณ์คราวนี้ ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วก็ไม่มีแม้แต่ลิสต์รายชื่อเดียวให้เห็น

แล้วกรุงเทพฯ และอีก 23 จังหวัดจะต้องอยู่ใต้พรก.ฉุกเฉินไปอีกนานเท่าไร? ควรจะต่อไปอีกหนึ่งเดือน หรือให้ยาวไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าซะเลยดีไหม ชะตากรรมของพวกเราต่างขึ้นกับ “ความเมตตา” ของอภิสิทธิ์และคนที่อยู่เบื้องหลังเขา ซึ่งกำลังรู้สึกไม่มั่นคงอย่างที่สุด และก็เริ่มเสพติดอำนาจจากพรก.ฉุกเฉินที่ให้ทำให้บ้านเมือง “สงบ” ได้อย่างชั่วครั้งชั่วคราว

และในบรรยากาศของการ “สมานฉันท์” นี้ ช่างหน้าตลกที่ความโปร่งใส และสิทธิเสรีภาพทางการเมือง โดยเฉพาะในด้านการชุมนุมกลับหายไป การจับกุมและปิดปากสื่อแบบตามใจชอบภายใต้ “กฎหมาย” เริ่มจะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่

หนึ่งใน “ข้อเท็จจริง” ที่กวนใจที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่อง 6 ศพในวัดปทุมวนาราม แม้ว่าอภิสิทธิ์จะบอกในสภาว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการ “อิสระ” เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์การสลายการชุมนุม แต่แถลงการณ์ของรัฐบาลที่ออกมาในวันที่ 20 พ.ค. หลังการเหตุการณ์อันน่าสลดเพียงหนึ่งวันก็ได้กล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็น “การวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ฉวยโอกาสใช้วัดซึ่งเป็นเขตอภัยทาน”

ถ้าอย่างนั้นแล้วจะมีคณะกรรมการไปทำไมอีกเล่า ในเมื่อ “ความจริงที่สุด” นั้นปรากฏออกมาแล้วหลังเหตุการณ์เพียงแค่หนึ่งวัน ผมคิดว่า การที่รัฐบาลไม่ยอมลดธงชาติลงครึ่งเสาเพียงแค่สักหนึ่งวันเพื่อที่จะไว้อาลัยแก่คนตายนั้นเป็นสิ่งๆ เดียวที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริงของรัฐบาล และในขณะเดียวกัน การที่ไม่มีแกนนำเสื้อแดงคนใดกล่าวคำขอโทษต่อผู้บาดเจ็บ ล้มตาย และผู้ที่เสียทรัพย์สินไปเพราะถูกเผาทำลาย ก็ไม่สามารถให้อภัยได้เช่นกัน

ผู้คนจำนวนมาก ทั้งที่แดง และไม่แดง ต่างก็ต้องต่อสู้กับความทุกข์และความเจ็บปวดด้วยตัวของเขาเอง หญิงเสื้อแดงคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คนเสื้อแดงในต่างจังหวัดต่างรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีที่ยืนในประเทศนี้อีกต่อไป สื่อของพวกเขาถูกปิด และศัตรูตัวสำคัญของพวกเขาอย่างคนเสื้อเหลืองก็ต่างมีความสุขกับความพ่ายแพ้ของพวกเขา และสำหรับเสื้อแดงบางคน การฆ่าตัวตายก็ดูจะเป็นทางออกเดียวที่เหลืออยู่

เสื้อแดงจากกรุงเทพฯ บางคนได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนเสื้อแดงของพวกเขาในต่างจังหวัด และพบว่า คนเสื้อแดงต่างจังหวัดบางคนต่างซุ่มฝึกซ้อมฝีมือยิงปืน เพื่อจะได้มาแก้แค้นในภายภาคหน้า

กลับมาที่กรุงเทพฯ: ในขณะที่มีคนเขียนโน้ตไว้อาลัยโรงหนังสยามนับร้อยแผ่น มีเพียงแผ่นเดียวที่เคยไว้อาลัยให้กับคนตาย

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

'สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้เรียนรู้จากวัฒนธรรมไทย'

Posted: 04 Jun 2010 09:07 AM PDT

เว็บบล็อก Bangkok in Development นำเสนอบทความชื่อ 'สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้เรียนรู้จากวัฒนธรรมไทย' (A small lesson in Thai culture) โดย fredmarmann ซึ่งเป็นบันทึกกึ่งแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเสวนาเรื่อง "ประเทศไทยในสายตาของคนอื่น" (Thailand in the Eyes of Others) ที่จัดขึ้นที่ FCCT เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา

<!--break-->

3 มิ.ย. 2553 - เว็บบล็อก Bangkok in Development นำเสนอบทความชื่อ 'สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้เรียนรู้จากวัฒนธรรมไทย' (A small lesson in Thai culture) โดย fredmarmann ซึ่งเป็นบันทึกกึ่งแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเสวนาเรื่อง "ประเทศไทยในสายตาของคนอื่น" (Thailand in the Eyes of Others) ที่จัดขึ้นที่ FCCT เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา

หมายเหตุผู้แปล - ผู้แปลเห็นว่าบทความชิ้นนี้มีการเขียนแบบประชดเสียดสีในหลาย ๆ จุด ซึ่งผู้แปลจะแปลตรงตัวตามประโยคนั้นและพยายามรักษาน้ำเสียงประชดประชันไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

000

เย็นวานนี้มีการจัดเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย (FCCT) ในหัวข้อ "ประเทศไทยในสายตาของคนอื่น" ที่พูดถึงเรื่องวิธีการที่สื่อต่างประเทศมองไทย

มีวิทยากรผู้ร่วมเสวนาคือ :

สุเมธ ชุมสาย - สถาปนิก, ศิลปิน และนักวิจารณ์สังคม
ไกรศักดิ์ ชุณหวัณ - รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อดีตส.ว. และผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ
พนา จันทรวิโรจน์ - กรรมการ บ.มจ. เดอะ เนชั่น
สมเถา สุจริตกุล - นักประพันธ์เพลง, นักเขียน และนักวิจารณ์สังคม

การเสวนาเริ่มจากสมเถาผู้ที่ดูเป็นกลางมากที่สุดใน 4 คน เขาขึ้นต้นด้วยการแสดงความโกรธต่อการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศที่ไม่เป็นกลางและบอกว่าเหตุใดคนไทยถึงรู้สึกว่าขุ่นเคือง จากนั้นเขาจึงให้เหตุผล 3 เหตุผลว่าทำไมถึงคิดว่าข้อเขียนของสื่อต่างประเทศนั้นมีอคติหรือนำเสนอผิด ๆ ดังนี้:

- บุคลิกของผู้สื่อข่าว (โง่, ถูกจ้าง, ...)
- อคติทางวัฒนธรรม (พวกเขาเข้าไม่ถึงแก่นของความขัดแย้ง)
- "สงครามปฏิรูป" (เป็นเพียงการโฆษณาชวนเชือจากทักษิณ)

เรื่องฮา ๆ คือ : เสียงของเขา (สมเถา) ฟังดูเหมือนตัวการ์ตูนชื่อ Stewie จากเรื่อง Family Guy หยุดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เลยเชียว

คนพูดคนถัดมาคือสุเมธ เขาเป็นศิลปินผู้ "โชกโชน" และเป็นสถาปนิกที่ได้รับการยอมรับในไทย สำหรับผมแล้วคงต้องบอกว่าผมไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่เพราะเขาชอบพูดล่วงเกินและถากถางคนอื่น ทำให้ทุกคนและทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นตัวตลกไปหมด การอภิปรายของเขาในตอนตันส่วนใญ่เป็นเรื่องล้อเลียนนักข่าวต่างประเทศ ที่เขาคิดว่าเป็นแค่คนโง่ที่พบเจอได้ตาม 'ซอยคาวบอย' (ย่านอโคจร) จากนั้นเขาจึงพูดถึงเสื้อแดง และพฤติกรรมของพวกเขาที่สร้างความรุนแรงและเอาเด็กมาเป็นโล่กำบัง (น่าจะหมายถึงเรื่องที่มีชายคนหนึ่งอุ้มลูกของเขาไว้ที่แนวกั้นโดยมีทหารอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วฉากนี้ก็ถูกสื่อนำมาใช้ประโยชน์อย่างมาก อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างเดียวของคุณพ่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนหนึ่ง) ความเห็นที่เด็ดที่สุดของเขาคือ แม้แต่พวกนาซียังไม่ทำแบบนี้เลย (มีเสียงตอบรับเกรียวกราว) โลกนี้จะเป็นอย่างไรบ้างหากไม่มีพวกนาซี? ก็ไม่มีใครไว้ให้เปรียบเทียบไงเล่า ... ในตอนท้ายเขาบอกว่าเขาเกลียดพวกนักวิชาการที่ทำให้การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงดู 'โรแมนติก' โดยละเลยความเป็นม็อบรุนแรง

ไกรศักดิ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่เป็นรัฐบาลอยู่ตอนนี้เป็นคนพูดคนถัดมา ผมขอสาธยายการอภิปรายของเขาออกมาเป็นข้อ ๆ เพราะไม่มีอะไรให้วิเคราะห์มากนัก เขาดูเป็นพวกชอบถากถางเท่านั้นเอง...

- เขายกตัวอย่างว่ามีนักข่าวต่างประเทศโทรหาเขาในตอนกลางคืนบ่อยมาก เพื่อถามเขาว่าทำไมรัฐบาลถึงถูกควบคุมโดยกองทัพ แล้วก็แสดงความโกรธต่อพวกนักข่าวที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร เพราะแน่นอนว่ารัฐบาลไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของกองทัพ

- เขาเปลี่ยนเรื่องมาสู่เรื่องการสังหารหมู่โดยทหารในภาคใต้ในสมัยรัฐบาลทักษิณ

- เขาปฏิเสธเข้าร่วมการเชิญจาก FCCT ในคราวก่อนหน้านี้เรื่องจากมีเสื้อแดงชุมนุมกันอยู่โดยรอบ และเขาเชื่อว่าพวกนี้ต้องมารุมทำร้ายเขาแน่

- ทักษิณเป็นผู้ที่นำรถบรรทุกน้ำมันสองคันมาแถวดินแดงเพื่อระเบิดแถวนั้น

- ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่รัฐบาลสั่งระงับการทำธุรกรรมของทักษิณ

- พวกเสื้อแดงคิดว่า นี่เป็นการปฏิวัติอย่างโรแมนติก

- ล้อพวกนักข่าวที่พูดไทยไม่ได้และบอกว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าใจการปราศรัยบนเวที ที่เป็นเรื่องการยุยงความรุนแรงทั้งนั้น

- บ่นเกี่ยวกับเรื่องโร้ดแม็ปของอภิสิทธิ์ เพราะคิดว่าการเจรจากับเสื้อแดงจะทำให้เกิดความรุนแรง และเขาจะไม่รณรงค์หาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือเนื่องจากกลัวว่าเขาจะ "ถูก M79 ยิงใส่"

- เกี่ยวกับ เสธ.แดง เขาเป็นพวกนักเลง (gangster) จึงไม่ถือว่าเป็นการสูญเสียเพราะมีนายพลมากพอแล้ว และไมมีใครเลยยอมรับว่าเขาเป็นเสื้อแดง

- ไม่ใช่คนที่ชื่นชอบอภิสิทธิ์ด้วย เนื่องจากเขาไม่สามารถจัดการกับปัญหาความขัดแย้งอย่างปัญหาภาคใต้ และสงครามยาเสพติดได้

สำหรับ พนา ซีอีโอของหนังสือพิมพ์อนุรักษ์นิยมที่ชื่อเนชั่น ผมเห็นว่าเขาน่าเบื่อเล็กน้อย และผมยอมรับว่าเขาทำเอาผมจับความไม่ได้หลายครั้ง เขาพูดถึงเกี่ยวกับสื่อตะวันตกที่ไม่เห็นใจประชาชนไทยและมองเห็นแค่คุณค่าของประชาธิปไตยเท่านั้น ความขัดแย้งทั้งหมดนี้เป็นสงครามผ่านตัวแทน (Proxy war) โดยทักษิณ และคนไทยที่มีการศึกษานั้นไม่ได้โง่แล้วก็มองเห็นว่าอะไรเป็นสาเหตุของความไม่เท่าเทียม ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว (failed state) เนื่องจากตำรวจไม่ทำงาน และสิ่งเดียวที่ทหารทำเป็นคือยิงปืน

จากนั้นก็มาถึงช่วง ถาม/ตอบ ตามมาด้วยการถกเถียงที่นำไปสู่ความว้าวุ่นบ้า ๆ บอ ๆ เล็กน้อย แต่ก็อีกเช่นเคยที่คำถามนั้นสำคัญกว่าคำตอบ

คำถาม : นักข่าวต่างประเทศมีอคติจริงหรือ? พวกเขาไปอยู่ในแนวหน้าของการชุมนุมขณะที่นักข่าวไทยกำลัง "เล่นละครน้ำเน่า"

วิทยากรหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนี้ ซึ่งจริงอยู่ว่ามีนักข่าวไทยเข้ามารายงานจากพื้นที่ ในตอนจบ

คำถาม (จากทูตสวีเดน) : ในปี 1766 สวีเดนมีกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพสื่อ (Freedom of Speech) ซึ่งสิทธิ์นี้ไม่ได้มีเพื่อปกป้องแค่ความเห็นจากรัฐบาลหรือความเห็นทางการเมืองที่ถูกต้องตามหลักการเท่านั้น มีข้อเสนออะไรไหม?

คำตอบคราวนี้เป็นสิ่งที่ฮาที่สุดและในสายตาของผม มันเป็นคำตอบที่มีประโยชน์สุด ๆ ไปเลยในตลอดค่ำวันนี้

สุเมธ : "คุณก็มีเสรีภาพทางเพศ (free sex) ใน 'สแกนดิเนเวีย'  ด้วยนี่นา" (ทำไมเขาถึงกล่าวล่วงเกินได้ขนาดนี้?) จากนั้นเขาก็เปรียบเทียบเรื่องเสรีภาพสื่อกับการที่จิตรกรฉี่ใส่รูปของพระเยซู และมีเพียงชาวมุสลิมที่บ่นเรื่องนี้เนื่องจากพระเยซูก็เป็นหนึ่งในศาสดาของพวกเขาด้วย

(มีความเห็นใน Twitter โดย _bm ถึงเรื่องนีว่า "คุณอาจจะโกรธในเรื่องที่เขาพูดถึงเสรีภาพทางเพศ แต่นั่นมาจากการมองว่าประเทศตะวันตกนั้นมีแต่พวกนักท่องเที่ยวสะพายเป้ที่มาเริงสำราญทางเพศเพียงอย่างเดียว" โดยมี Hashtag ด้วยว่า #nosurprise หรือ 'ไม่แปลกใจเลย')

ขณะที่สมเถาตอบอย่างจริงใจว่าจริง ๆ แล้วประเทศนี้สมควรมีการฟังความเห็นจากทุกฝ่าย พลเมืองทุกคนสามารถเสนอความเห็นของตนได้

คำถาม : ชนชั้นนำไทยจะมีการตั้งแง่ไว้ก่อนแล้วว่าไม่มีฝรั่ง (ชาวต่างชาติ) คนไหนจะสามารถเข้าใจวัฒนธรรมไทย มีข้อเสนอไหม?

สมเถา : เขาเป็นเหยื่อของการตั้งแง่นั้นอยู่แล้ว เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วพวกเขาอาศัยอยู่ต่างประเทศ (ผมคิดว่าถ้ามองอย่างนี้ อภิสิทธิ์ก็เป็นชาวตะวันตกเอามากเหมือนกัน แล้วเขาจะเข้าใจมันไหม?)

คำถาม : CNN และสื่อต่างประเทศอื่น ๆ ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานจริง ๆ หรือ? ถ้าหากใช่ ทำไมพวกเขายังคงได้รับอนุญาตให้ทำงานในไทย

วิทยากรไม่ได้ให้คำตอบที่เกี่ยวข้องกับคำถามนี้เลย

คำถาม : ถ้าหากประเทศไทยนั้นมีลักษณะเฉพาะจนสื่อต่างประเทศไม่สามรถแตกต้องได้ แล้วไทยจะไปรู้เรื่องของประเทศอื่นได้อย่างไร?

สมเถา : เรื่องนี้ใครเป็นคนบอก?

จากนั้นก็มีคนเข้ามาเสริมเวที เริ่มพูดถึงประสบการณ์ของเขาจากการที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีเสื้อแดงชุมนุม และเขาก็บอกว่าไม่เห็นใครยิงปืนเลย (แต่ผมกลัวว่ารูปภาพและวิดิโอบ่งบอกถึงสิ่งที่ต่างจากนี้น่ะสิ)

คำถาม : มีคนอังกฤษคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางเสื้อแดง แล้วเขาก็ได้ยืนแต่การล้างสมองใน "แบบฮิตเลอร์" (hitleroesque) บนเวที แล้วก็มีปืนกับอาวุธอื่น ๆ จำนวนมากในที่ชุมนุมเสื้อแดง แล้วทำไมถึงไม่มีผู้สื่อข่าวคนไหนเห็นสิ่งเหล่านี้เลย (แล้วทำไมถึงแทนไม่มีรูปที่แสดงให้เห็นเลย?)

คำถาม : บ่นเกี่ยวกับการทำงานของสื่อไทย ว่าผู้สื่อข่าวไทยแอบเข้าไปเป็นสายลับรายงานเรื่องเสื้อแดงให้กับทหาร (ซึ่งนี่เรื่องที่ควรจะถามเกี่ยวกับจรรยาบรรณด้วย)

คำถาม : มีคนไทยหลายคนรู้สึกว่าโดยดูถูกและถูกข่มขืนโดยสื่อต่างชาติ ทำไมรัฐบาลไทยถึงไม่เคยพูดถึงภาพลักษณ์ไทยในสายตาต่างชาติเลย

คำถาม : ทักษิณมีเงินอยู่เท่าไหร่กัน

ผมคิดว่าคำถามเหล่านี้น่าสนใจ แตวิทยากรบนเวทีก็ตอบอะไรไม่ประติดประต่อ และทำให้ผมจับประเด็นไม่ได้ ความเห็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะจากสุเมธและไกรศักดิ์ จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังและท่าทีเย้ยหยันเสื้อแดงและสื่อต่างประเทศ

นี่เป็น 'สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้เรียนรู้จากวัฒนธรรมไทย' ที่แสดงให้เห็นว่าความคิดของทั้ง 2 ฝ่ายหยิ่งทะนงเพียงใด (แม้ว่าจะไม่มีวิทยากรที่เป็นเสื้อแดงบนเวทีเลย) ความขัดแย้งฝังลึกเข้าไปอีก และผม ฝรั่งคนหนึ่งที่เรียนรู้เรื่องประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ไม่นาน ยังคงต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้อีกมาก

แปลจาก

A small lesson in Thai culture…, fredmarmann, Bangkok in Development

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

นักโทษ พรก.ฉุกเฉิน ออสเตรเลีย เผยถูกทำร้ายในคุก

Posted: 04 Jun 2010 08:59 AM PDT

<!--break-->

 

 

4 มิ.ย. 2553 สำนักข่าว ABC ของออสเตรเลีย รายงานว่าคอเนอร์ เดวิด เพอร์เซลล์ ชายชาวออสเตรเลียอายุ 30 ปี ที่ถูกจับกุมตัวโดยทางการไทยก่อนหน้านี้จากเหตุที่เขาไปเข้าร่วมขึ้นเวทีปราศรับของกลุ่มเสื้อแดง

โดยในวันนี้ (4) เพอร์เซลล์ก็มาที่ศาลโดยมีกุญแจมือล่ามอยู่ที่ข้อเท้า เขาดูหงุดหงิดและตะโกนบอกนักข่าวที่รออยู่ว่าเขาถูกขังรวมอยู่กับคนอื่นอีก 31 คน และถูกทุบตี

"คนที่มีอาวุธ 7 คนทุบตีทำร้ายผมในคุก เพื่อที่เขาจะได้พาผมไปยังสถานที่ที่มีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุด" เพอร์เซลล์กล่าว

รัฐบาลไทยกล่าวหาเขาในข้อหาละเมิด พรก. ฉุกเฉิน จากการที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่ถือเป็นการชุมนุมมากกว่า 5 คน

โดยในวันนี้ทางศาลได้บอกกับเขาว่าตำรวจต้องใช้เวลาส่วนหนึ่งในการเตรียมคดี ดังนั้นคำสั่งควบคุมตัวเขาจึงเลื่อนไปเป็นวันพฤหัสบดีหน้า (10) อย่างไรก็ตามทนายความของเขาเปิดเผยว่าหากมีการอนุมัติให้ประกันตัว วงเงิน 7,000 ดอลลาร์ (ราว 220,000 บาท) จะต้องมีคนในกลุ่มเสื้อแดงจ่ายให้แน่นอน

ที่มา
Aussie protester in Thailand applies for bail, Zoe Daniel, ABC
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ความจากใจในกระดาษแผ่นน้อย สีสันที่ยังส่งเสียงของคนเสื้อแดง

Posted: 04 Jun 2010 06:12 AM PDT

<!--break-->

บ่ายของ 19 พ.ค. อาจเป็นเวลาที่รัฐบาลโดยอาศัยกองกำลังทหารเข้ายึดพื้นที่แยกราชประสงค์คืนจากคนเสื้อแดง ขณะที่คนเสื้อแดงแตกฮือจากกระสุนที่ ‘ไม่ทราบทิศทาง’ จาก ‘กองกำลังไม่ทราบฝ่าย’ พวกเขาหลายคนกระจัดกระจายออกไปอยู่ตามพื้นที่รอบนอกซึ่งตั้งเวทีชุมนุมขึ้นอย่างฉุกละหุก และอีกเป็นหลักพันคนเลือกเข้าไปหลบในเขตอภัยทาน ของวัดปทุมวนารามตามที่ได้มีการประสานไว้ กระทั่งยังมีความตายอีก 6 ศพตามมา ให้เป็นปุจฉาที่ไม่อาจหาวิสัชนาได้ในอนาคตอันใกล้

วันที่ 20 พ.ค. เขตราชประสงค์กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม เหลือเพียงเศษซากของเวที และอุปกรณ์การชุมนุมที่ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ ว่าหนึ่งวันก่อนหน้านี้ยังมีคนจำนวนมากมาชุมนุมอยู่ ณ ที่นี้

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่หายไป นั่นคือเจตจำนงของคนเสื้อแดงซึ่งถูกประกาศไว้บนบอร์ดเล็กๆ ด้านหน้าห้างสรรสินค้าเกสรพลาซ่า บอร์ดนั้นบรรจุไว้ด้วยกระดาษแผ่นเล็กๆ สีสันสดใสยังคงอยู่ท่ามกลางขี้เถ้าและความเปียกชื้นของน้ำที่ถูกใช้ดับไฟห้างใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง

ขณะที่ไม่มีใครสนใจ กระดาษข้อความเหล่านี้ถูกจัดเก็บไว้เป็นหลักฐานและกำลังเดินทางไปต่างแดน ในฐานะ “กระบอกเสียง” ของคนเสื้อแดง โดยนักบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์รายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าข้อความเหล่านี้ คือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งจะถูกเก็บรักษาไว้ และนำออกจัดแสดง เพื่อเป็นหลักฐานชั้นต้นให้กับผู้ที่สนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย

กระดาษแผ่นเล็ก จำนวนกว่า 1,109 แผ่น สะท้อนความคิดความเห็นส่วนหนึ่งของพวกเขาที่ชุมนุมอยู่ที่แยกราชประสงค์ บ้างเป็นความเห็นเสนอแนะต่อแกนนำ บ้างสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกต่อรัฐบาลและผู้มีอำนาจ บ้างเต็มไปด้วยถ้อยคำผรุสวาทด้วยความเกลียดชังต่อผู้นำประเทศและรัฐบาล และบ้างก็แสดงความรักใคร่ เอ็นดู ศรัทธา จนถึงคลั่งไคล้ต่อผู้นำการชุมนุม

ประชาไท นำข้อความเหล่านี้มาเผยแพร่อีกครั้ง ในฐานะเสียงสุดท้าย ที่หยัดอยู่ ณ พื้นที่ราชประสงค์ ในวันที่ 19 พ.ค. โดยคงการสะกดตามต้นฉบับเดิม ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา เราสามารถคัดลอกมาได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

000

 

กูไม่สามารถสื่อสารกับคนเสื้อแดงได้สะดวก กูจึงต้องมาหาความจริงที่นี่

ผมขับแท็กซี่ ก็พยามปลีกเวลามาหาเวทีของเราอยู่เสมอ ช่วยทุกอย่างที่ช่วยได้ ขอให้ทุกทุกท่านมีความสุข และชนะด้วย

เพื่ออนาคตของลูก เสื่อแดงสู้ๆ

พวกเราต้องได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างแน่นอนที่สุด แกนนำทุกท่านรักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ความยุติธรรมจะบังเกิดขึ้นเมื่อบุคคลที่มีความเท่าเทียมกันได้รับสิ่งที่กำหนดให้แบบเดียวกัน ดังนั้นการออกแบบกฎหมายให้มีความยุติธรรมนอกจากคำนึงถึงหลักความเสมอภาคและการห้ามเลือกปฏิบัติแล้วยังต้องคำนึงถึงว่าบุคคลเหล่านั้นอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมทั้งทางกายภาพหรือสติปัญญาหรือไม่เพียงใด รูปแบบของกฎหมายที่ออกในยุคแรกๆ ก็น่าจะมีการคำนวณสัดส่วน และให้น้ำหนักให้มีคสามยุติธรรมที่เท่าเทียมกันในรูปแบบต่างๆ

รักเสื้อแดงสุดหัวใจ สู้ๆ นะครับ จากคนสุรินทร์

ขอให้กำลังใจแกนนำทุกท่านและพลังประชาชนทุกคน ขอให้ช่วยกันเอาประชาธิปไตยของเราคืนมา สู้ๆๆๆ นะคะ อย่ายอมแพ้

ขอบคุณแกนนำและรักพี่น้องเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยแด่ลูกหลานคนไทยต่อไป www.sanamluang.tv

เป็นกำลังใจให้แกนนำทุกๆ ท่าน รู้นะว่าเหนื่อย แต่ถ้าไม่มีพวกท่าน พวกเรารากหญ้าก็ลำบาก ขอนับถือในน้ำใจและความอดทน+กล้าหาญ นับถือ คนกรุง ศศกรณ์

ขอให้แกนนำทุกท่านสู้ต่อไปอย่าหลงเชื่อคำพูดของทรราชและพวกพ้องเพราะท่านทำดีมาตลอดและทรราชกำลังอ่อนแอร์ สู้สู้ครับ ทวีชัย

ถ้าเราชนะ อยากให้กระทรวงศึกษาไทยใหม่ ได้เรียนภาษาจีน พม่า เขมร บ้าง 7/05/53

ขอให้พี่น้องเสื้อแดงได้รับชัยชนะ ผมขอให้พี่น้องพ้นภัยอันตรายจากการชัยกำลังของพวกทหารบ้าอำนาจของรัฐบาลชั่ว จาก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง

ประเทศไทยต้องมีเสรีภาพอย่างแท้จริง

ขอให้เสื้อแดงสู้ต่อไป ผมขอเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ขับไล่รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง Kร้อยเอ็ด

ห้ามแกนนำ นปช.ยอมซูเอี๋ยกับอภิสิทธิ์ อย่าแหกตาประชาชน (เด็ดขาด)

สู้ๆ นะพี่น้องชาวไพร่ทุกคน เอาประชาธิปไตยกลับบ้านเฮาให้ได้เด้อ / คนจนก็คน

ถ้าวันนี้มีท่าน “ทักษิณ” อยู่จะไม่ลำบากเลย จะทัดเทียมนานาชาติทั่วโลก สู้นะ เป็นกำลังให้แกนนำทุกท่าน/ แดงกรุงเทพฯ ร่มเกล้าฯ

แดงต้องยืนหยัดเพื่อวีรชนจะได้ไม่สูญเปล่า ขอร่วมจนชนะ/ แดงสมุทรปราการ ครอบครัวแสนสุดและเรือนเจริญ

ฉันและเธอสู้มาไกล ใกล้ถึงจุดหมาย (ประชาธิปไตย) จงสู้ต่อไป อย่าท้อ และยอมให้กับเผด็จการ/คนเสื้อแดง

เข้มแข็งและอดทน สู้ สู้ ขอให้กำลังใจแกนนำทุกๆ คนเพื่อได้ประชาธิปไตยกลับมาสู่พี่น้องชาวเสื้อแดง/แดง ตลิ่งชัน

To คุณณํฐวุฒิ ดูดีขึ้นทุกวันเลยนะ จนทำให้สาวเล็กสาวใหญ่ติดใจเป็นแถวๆ คงจำน้องคนนี้ได้นะ เสื้อแดงที่บุกเข้าไปขอถ่ายรูป ขอบคุณมากๆ นะคะ/ From สาวเสื้อแดง

อยากให้นายกทักษิณกลับมา ชาวนาจะแย่กันหมดแล้ว รักแกนนำทุกท่านค่ะ/ ชาวนา เพชรบูรณ์

เบื่อ 2 มาตรฐาน เบื่อพันธมิตร รักเสื้อแดงทุกคน

หนูรักทักษิณ อยากให้ทักษิณกลับมาไวๆ / เสิงสาง-ครบุรี 

ไอ้อภิสิทธิ์ ไอ้สุเทพ ทรราช ฆาตกรมือเปื้อนเลือดสองปีซ้อน 14 เม.ย. 52
          10 เม.ย. 53
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นจงสนองโดยเร็ววัน

RED SHIRT WIN WIN FOR OUR PEOPLE AND JUSTICE/ MAY 4 2010

สู้ต่อไม่มีวันหยุด จนกว่าชนะแบบใสๆ/ โหน่ง สันป่าตอง ชม.

รักแกนนำทุกๆ คนที่ต่อสู้เพื่อป.ช.ต. ขอให้สู้ๆ ถ้าพวกเรารวมใจเป็น 1เดียว ชัยชนะต้องเป็นของพวกเรา / เพ็ญสุดา เซียร์ รังสิต

ขอเป็นกำลังใจให้คุณขวัญชัยสู้ๆ นะคะ/แดง นิรินทร์ 9 กทม.

ผม น.ป.ช. สุรินทร์ ขอให้แกนนำทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรงทุกคน และพี่น้อง น.ป.ช. ทุกคน/จาก น.ป.ช. สุรินทร์

5/5/53 ขอให้แกนนำคนเสื้อแดง มีสุขภาพแข็งแรงทุกคนนะคะ อย่าท้อแท้นะคะ หลายๆ คนเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ ค่ะ / แม่บ้านตำรวจ กทม.

ออกไปซะที จะได้จบๆ รำคาญเว๊ย!

ขอเป็นกำลังใจให้กับแกนนำทุกท่าน ท่านคือผู้ที่กล้าหาญมากๆ ขอขอบคุณสำหรับประชาธิปไตยที่พวกผมจะได้รับ

รักณัฐวุฒิที่สุด p'ณัฐวุฒิ เปนกำลังใจหั้ยทุกคน /ซ.โซดา จ. กทม.

ขอพรเทพเทวา ขอบรามีองค์พระราชาคุ้มครองคนเสื้อแดง “รักในหลวง....(อ่านไม่ออก ตัวหนังสือเลือนเนื่องจากเปียกน้ำ) 
   
ขอเป็นกำลังใจให้แกนนำทุกท่าน ท่านเป็นผู้กล้า ให้ทุกท่านรักษาสุขภาพด้วย เป็นขวัญใจของเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน

เสื้อแดงสู้ๆๆ ยุบสภาซะที อ้ายควาย

ขอให้ท่านทักษิณกลับประเทศไทยเร็วๆ รักเสื้อแดง สู้ต่อไปจนกว่าจะชนะ

ขอให้พี่น้องและแกนนำ น.ป.ช. ทุกคนจงประสบชัยชนะ คิดสิ่งใดให้สมความปรารถนาทุกประการ สู้ตลอดถ้าเรายอม มันจะกดขี่ข่มเหงเราตลอด และจะให้คดีเราอีกเยอะแยะ

จงสู้ต่อไปจนกว่าจะได้ชัยชนะนะครับ พวกเรารักประชาธิปไตย

อยากได้ประชาธิปไตย รวบรวมใจเป็นหนึ่งเดียว/ชัย ชมภู

ระวัง! ให้ชุมนุมอย่างสันติ อย่าบุกสถานที่ราชการ จะเสียคะแนน

เพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตย เพื่ออนุชนคนรุ่นหลัง ขอเป็นแนวร่วมและกำลังใจ ขอให้ท่านแกนนำทั้งหมดจงสู้ต่อไป อย่าท้อและอย่าถอย สวรรค์จบันดาล/ เทพจักร

The People Voice!! Balls Deep!

คนกรุงเทพฯ ออกมาช่วยทุกเมื่อ เมื่อเสื้อแดงต้องการ จาก...คนกรุงเทพฯ

แดงเลย ขอให้สู้ๆ อย่าท้อ เราต้องชนะ การะเจต

ให้กำลังใจ ชัยชนะกำลังมาถึง (อภิสิทธิ์ทรราชยอมได้แล้ว)

รักทักษิณ ขอให้แกนนำเสื้อแดงชนะ

อย่าปรองดอง เพราะคนที่ตายและประชาธิปไตยจะไม่ได้รับความยุติธรรม/ จากคนพฤษภา 35 ตี๋ ตุ๊กแก

ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่เท่าคนเสื้อแดงอีกแล้ว สู้ต่ออีกนิด ชัยชนะจะเป็นของพวกเรา นับถือในความต่อสู้ของพวกท่าน

5/5/10 กองทัพมดแดงจงชนะ สู้ ๆ ๆ/ may

ต้องสู้จึงจะชนะ...นานแค่ไหนก็ต้องสู้/สมุทรปราการ

สู้ๆ นะค่ะ ร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สู้ๆ สู้ๆ ชอบคุณณัฐวุฒิมากค่ะ

ยุบสภาเสียที อยากนอนหลับให้เต็มที่ นอนก็ไม่หลับเพราะกลัวมันจะมาสลายเสื้อแดง / จาก จงกล

ขอเป็นกำลังใจให้แกนนำทุกท่านและเสื้อแดงทุกคนต่อสู้ประสบความสำเร็จ นำความยุติธรรมสู่สังคมไทย ขจัดคนไม่ดีออกไป เอาประชาธิปไตยกลับคืนมา ขอคุณพระคุ้มครองด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณที่ทำให้คนไทยมองหาอิสรภาพของตนเอง “ปลดแอก” ร่วมกัน

ขอให้เสื้อแดงของเราสู้อย่างสันติ /จากแดง หนองวัวซอ รักเสื้อแดงทุกคน

ขอเป็นกำลังใจเสื้อแดงทุกคนสู้ๆ ชัยชนะจะมาถึงแล้วค่ะ/ น.ป.ช. ราชประสงค์ ZEN ป้าทอง

รักเสื้อแดงทุกคน ทุกๆ คน สู้-สู้ แดง-ลำปาง

รัก คุณณัฐวุฒิมาก ขอเป็นกำลังใจให้สู่ ให้ชนะ รักแกนนำทุกคน

มึงน่ะแทนที่จะยุบสภาเสียก่อนแล้วค่อยมาปองดอง

นรกร้อนมืดและน่ากลัว มีไม้แทงตูด มีต้นงิ้ว มีกระทะทองแดง รู้ไหมไอ้อภิสิทธิ์ ไอ้เทพ อีเปรม ไอ้ห้อย

มาด้วยใจ รักแกนนำเสื้อแดงทุกคน เอาใจช่วยและมาเคียงข้างเสื้อแดงตลอด รักเสื้อแดง/ ปราณี สู้ สู้ สมุทรปราการ

รักวีระขอให้สู่ๆ นะ จากเด็กหลุยส์ บางซื่อ LOUIS ตึกแดง

แกนนำทุกท่าน ทำดีที่สุดแล้ว ขอเป็นกำลังใจ

อีกกี่ชีวิตมึงถึงจะพอ ไอ้อภิสิตร ชาตชั่ว จาก สนกร ไชยมงคล

กระผม นาวาอากาศ..........คนอุดรธานี ไม่หนี ไม่กลัว สู้จนตัวตาย ถวายชีวิต มาเพื่อมวลประชา ข้าฯ ขอสู้เพื่อมาตรฐานเดียวเท่านั้น

แดงสู้ๆ ยุบสภาอย่างเดียว รักกลุ่มเสื้อแดงเสมอ/ แดง ปราจีณฯ

'ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ' ขอเป็นกำลังใจ ขอให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เขามาเรียกร้องอย่างสันติ ปราศจากอาวุธอย่าใส่ร้าย

แค่ยุบสภา มึงทำไม่ได้หรอ.......

คนเสื้อแดงพวกเราต่อสู้เพื่อประเทศเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้มาต่อสู้เพื่อใคร หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ขอให้แกนนำคนเสื้อแดงทุกทานและประชาชนคนเสื้อแดงทุกคน สู้ สู้

จากกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. คุณอภิสิทธิ์จ๋า หยุดทำร้ายประชาชนซะเถอะ ตัดสินใจยุบสภาให้ประชาชนคนไทยทุกๆ คนซะ

รัฐธรรมนูญใหม่ต้องบัญญัติว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ปวงชนฯ เป็นผู้ใช้อำนาจนั้น ประชาชนเป็นจอมทัพไทย

ไอ้เหี้ยอภิสิทธิ์ มึงฆ่าประชาชน มึงต้องชดใช้กรรมของมึง รู้ไม ไอ้อภิสิทธิ์ กูเกียรมึง ไอ้เหี้ย ขอให้แกนนำสู้ครับ จากใจ

ผมชื่อธนรงค์ อภิชาติพัฒน์ ไม่เห็นด้วยที่รัฐใช้กำลังทหาร ทำแรงต่อต่อประชาชนของชาติไทยเรา/ธณรงค์

ที่บ้านผม จ.พิจิตร ก็เหมือน จ.ตาก คืนเกณฑ์เอาเด็กนักเรียนชั้นประถมใส่กางเกงขาสั้นเป็นแถวมาเดินโบกธงชาติเป็นเสื้อหลากสีต้านคนเสื้อแดงออก TV. ช่องฟรี TV ทุกช่อง คงคิดว่าคนอื่นมองไม่รู้เรื่องหรือไง ทุเรศจริงๆ เลย คงคิดว่าคนอื่นกินหญ้าไม่ได้กินข้าวหรือไง

ขอให้คุณณัฐวุฒิและพี่ตู่ จตุพร จงสู้ต่อไป เพื่อประชาชนคนไทย /จากนักศึกษาแพทย์จุฬา เอกครับ

To แกนนำ อีกอึดใจเดียวเราก็ชนะแล้ว ขอให้ท่านต่อสู้เพื่อพวกเราคนรักประชาธิปไตยและเพื่อประเทศชาติที่ขาวสะอาด เอาให้พวกชั่วต้องอยู่ไม่ได้ ขอให้ท่านสู้ๆ นะคะ From เสื้อแดงบางกะปิ

เรารวมใจรักประเทศไทย หยุด! เข่นฆ่าประชาชน รักทุกคน /from ขอนแก่น

ณัฐวุฒิ สู้ๆ นะ รักแกนนำ น.ป.ช. ทุกคน จาก น.ป.ช.เสื้อแดง คนพิจิตร สู้ๆ นะ

ทุกคนเสื้อชาวแดงสู้ๆๆ เพื่อสังคมที่ดี และอนาคตของประเทศชาติ ชีวิตเพื่อชาติ ไม่มีอะไรสูงส่งกว่า...(อ่านไม่ออก) นอกหัวใจ

ณัฐวุฒิ โคตรหล่อเลยอ่ะ สเป็กช้าน...เลย รักน่ะ จุ๊บๆ

ขอขอบคุณน่ะค่ะที่ทำให้ดิฉันทราบว่าการชุมนุมครั้งนี้เพื่อประชาธิปไตยทั้งสิ้น แต่ก่อนดิฉันอาจจะไม่ทราบเกี่ยวกับรัฐบาลฆาตรกร ที่คอยปกครองคนไทยอยู่วันนี้ ทราบแล้วและขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ สู้ๆ ๆ ๆ เด้อ/ เกณิกา

ขอไม่คุยกับรัฐบาลโกหกตลอด พูดจาไม่อยู่กับร่องกับลอย ขอให้กำลังใจแกนนำทุกท่านสู้ๆ นะค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะอยู่ข้างคุณๆ ตลอดไปและตลอดกาล

เมื่อไหร่จะไปไกลๆ ประเทศไทยซะทีไอ้เด็กอมมือ/ เด็กพัฒนาการ

คิดถึงทักษิณมากๆ เลย อยากให้ทักษิณกลับมาเร็วๆ

สู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยของเราคืนมา พี่น้องเราที่ที่ตายไปต้องไม่ตายป่าว.....Champagne

ไอ้เสื้อลากสีมึงทำเพื่อใครกันแน่ มึงทำเพื่อไอ้สนธิใช่หรือไม่ แล้วมึงกฃ้เอาของสูงมาแอบอ้างเพื่อเป็นฉากบ่างหน้าใช่หรือไม่ มึงรักสถาบันแต่มึงพูดเรื่องการเมืองทำไม นี่นะหรือมึงบอกว่ารักสถาบัน มึงปกป้องใครกันแน่วะไอ้เหี้ย

แกนนำทุกท่านสู้ๆ อย่ายอมแพ้ เราต้องได้ประชาธิปไตยคืนมา/ เด็ก รภ. เพชรบุรี แดงสู้ๆ

เป็นกำลังใจให้ผมเมือฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

เราต้องชนะ/เสื้อแดงรังสิต

ขออำนาจท้าวมหาพรหมจงดลบันดาลให้แกนนำ น.ป.ช. แดงทั้งแผ่นดินจงชนะรัฐบาลอภิสิทธิ์ (เพราะมันคือรัฐบาลโจร)

เสื้อแดงสู้ทุกเมื่อเพื่อประชาธิปไตย ความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่มี

ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแกนนำทุกท่านปลอดภัยและขอให้ทุกท่านเสื้อแดงปลอดภัยจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สู้ต่อไปจนกว่าชนะ สักวันต้องเป็นของพวกเราชาวเสื้อแดง รวมพลังสู้จากดิฉันอยู่พัทยามาร่วมสู้ทุกวัน /จากแดงพัทยา มาลัย หาสูงเนิน

ขอให้กำลังใจแกนนำและชาวเสื้อแดงทุกท่าน ท่านทั้งหลายคือนักรบประชาธิปไตย ให้ประสบความสำเร็จ

แดงสู้ ยุบสภา/ ด.ญ.จิตสิณีย์ น้องฟ้า

คุณวีระ คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ คุณคือฮีโร่ นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ขอเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ/พวงจันทร์

แม่หนูชอบจตุพร

น.ป.ช.รักในหลวง

เสื้อแดงสู้ๆ เมื่อยุติชุมนุมแล้วตั้งเป็นองค์กรพิทักษ์ประชาธิปไตยต่อไปครับ (มังกรเขียว)

เราต่างคนต่างมา แต่คนเสื้อแดงก็รักกันเป็นมิตรซึ้งกันและกัน ขอให้เสื้อแดงเราจงชนะเร็วๆ /จำรัส สีทน คนชัยภูมิ เทพสถิต

ป้าทำงานแม่บ้านของเราเอง กูมาด้วยใจ ไม่มีใครจ้างเว้ย/ จากฟ้า ลาดพร้าว

ขอให้แกนนำ, การ์ด และเสื้อแดงทุกคนสู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

คนพะยามากั๋นนักกั๋นหลาย ขอหื้อสู้ๆ เน้อ/ หล่ายกว๊าน

ขอให้พี่น้องเราสู้จนกว่าจะได้ชัยชนะ คนที่ฆ่าประชาชนให้ตกนรกหมกไหม้

ขอให้คนเสื้อแดงพี่น้องประชาชนทุกท่านจงมีแต่ความสุขและชัยชนะ ขอให้รัฐบาลทีมันเป็นทรราชพ่ายแพ้และได้รับกรรมนั้นทันที

สู้ จนให้ได้ชัยชนะเป็นชัยชนะของคนทั้งชาติ

มึงต้องยุบสภาเสียไอ้เหี้ยมารค์ ไอ้เหี้ยสุเทพ /จาก น้ำพอง

แกนนำทุกท่าน พวกเรารู้นะว่าแกนนำทุกท่านเหนื่อย พวกเราก้อเหนื่อยไม่แพ้แกนนำ ขอเพียง “เราร่วมเดินไปด้วยกัน” เหนื่อยก็จะหมด เมื่อยก็จะหาย และเราก็จะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง สู้ สู้ ครับ

We need you! UN. Bring back justice

4/5/53 ขอให้แกนนำแข็งแรงอย่าไปหลงกลพวกรัฐบาลและ DSI นะค๊า เป็นห่วงแกนนำมากๆ ดูแลตัวเองให้ดีๆ เมื่อจากกันไปหลังเลิกชุมนุมออกทีวีบ่อยๆ น๊ะค๊ะจะได้หายห่วงและคิดถึงค่ะ/Monticha

เป็นคนกรุงเทพมหานคร เป็นครั้งแรกที่ออกมาเรียกร้อง ขอให้แกนนำทุกท่านปลอดภัย คุณพระคุ้มครอง เราเสื้อแดงเลือดสีแดงจะต้องชนะการมาเรียกร้องในครั้งนี้แน่นอน/จาก คนกรุงเทพฯ

ยายเป็นกำลังใจให้สู้ สู้นะ น.ป.ช.

ขอให้มึงตายเจ็ดร้อยชั่วโคตร สัตว์...อภิสิทธิ์ และสุเทพ. ควย. พ.พ.

นายกปัญญาอ่อน ไม่ยุบ ไม่กลับ

เครียดโว้ย! คิดถึง PEPEL CHANNAL

คนบ้านหัวดอน อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร พ่อบอกว่าเอาประชาธิปไตยคืนมาให้ได้นะลูก สัญญาครับพ่อ/ชายหล้า

เราจะสู้ไปด้วยกันกับแกนนำ นปช. ทุกท่าน ขอให้สู่ๆ/อานนท์ สมุทรปราการ
สู้ๆ จนกว่าจะชนะนะคะ เอาใจช่วยแกนนำทุกคนค่ะ คนกรุงเทพฯ รักเสื้อแดง (ประตูน้ำ)

คน ก.ท.ม. สนับสนุนคนเสื้อแดงทุกคน

สู้ สู้ สู้ ต่อไป พวกเราจะเป็นกำลังใจตลอดไป

ไอ้อภิสิทธิ์มึงฆ่าคนตาย มึงยังไม่รู้ไม่ชี้อีกหรือ/ป.

คนเสื้อแดง = ต้องการมากที่สุดคือ ระบอบประชาธิปไตย์ ความเป็นธรรม + ความถูกต้อง และความเป็นจริงเท่านี้บ้านเมืองก็จะสงบสุข

สถาปนาประชาธิปไตย ศรีอารียาจงบังเกิดแด่ชาวไทย/ การ์ด น.ป.ช.

เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประขาราษฎร์ สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์ แม้ชาติใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน จะน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน

ประชาชนมาลำบากทุกข์ยาก มึงยังหน้าด้านอยู่อีกโดยไม่สนใจคนทุกข์ยาก ไอ้ชั่วมาร์ค

พี่มาร์ค พี่เทือก ไอ้เปรม And all... หนูเกลียดมึงว่ะ ไปตายไป๊ รักพี่เต้น อิอิ

เสื้อแดงอุดรธานี อธิษฐานให้ชนะโดยการยุบสภาโดยเร็ว ดต. อุดมพงษ์ฯ

ไอ้ฆาตรกร ทรราช อภิสิทธิ์เมื่อไหร่มึงจะลงซะที ประเทศไทยจะเจ๊งอยู่แล้ว ควย!

ประชาชนส่วนมากเค้ารู้ความประพฤติมึงหมดแล้ว ไอ้รัฐบาลอภิสิทธิ์ มึงยุบสภาเถอะ

สิทธิเสรีภาพ อิสรภาพ เสมอภาค เสื้อแดง

ขอมอบกำลังใจให้แก่แกนนำทุกท่าน คำ หนึ่งที่อยากจะบอกท่านว่า – ท่านได้ถือดวงใจของพวกเราทุกคน ที่ฝากความหวังไว้กับท่านเพราะเราทุกคนมาด้วยใจจริง เราจะสู้และก้าวไปพร้อมกัน อย่าทำให้เราผิดหวัง จุดหมายข้างหน้าต้องชัยชนะเท่านั้น

ร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แดงทั่วตัวและหัวใจ สู้.....รักทุกท่านที่มีอุดมการณ์เดียวกัน

Abhisith you are the tyrant. You are the murderer. Shame on you!!

หยุดฆ่าประชาชน/ จาก มหาสาร

สู้เพื่อเสื้อแดง

5/04/53 Today is sametime I come here and I give Red-Shirt Good Luck again

THE GRANDNAM  ARE ALL GREAT AND THEY FEEL FOR their COUNTRY THY SUPPORT ALL THE THAI PEOPLE WITH GOOD INTENSIONS FOR THE FREEDOM OF THAILAND WHICH IS THEIR OWN COUNTRY. GOD BLESS THE M ALL.

เราจะร่วม...กันสู้ สู้ จนกว่าจะได้รับชัยชนะ สู้โดยสามเกลอ

ทหารชั่ว ฆ่าประชาชน

มีนายกเป็นคนปัญญาอ่อน สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงส่งลูกเป็นโรคปัญญาอ่อนมาให้ถึงสองคน อภิสิทธิ์ ทรราช ฆ่าประชาชน

“ประชาชนต่อรองไม่ได้= รัฐบาลเผด็จการ” !/ปชต. 100%

แดง สู้ สู้...อยากกินปลาหมึกย่าง

ถึงป่านนี้แล้ว “คุณโตหรือยัง” สมองยังไม่เท่ากับอายุเลย ไอ่เด็กเห่อหมอย 55+

ยุบสภา อย่างเดียว/ คนร้อยเอ็ด

อภิสิทธิ์ ลิงหลอกเจ้า คำพูดของมึงชั่วช้าเหบือเกินไอ้บัตรสพ

อภิสิทธิ์เป็นคนตอแหลหลอกลวง ชาวบ้านปากเกร็ดประชาชนไม่พอใจ อภิสิทธิ์เลว เอาทหารมาแกล้งคนปากเกร็ด อภิสิทธิ์หน้าหมา+เลว

เสื้อแดงสู้ต่อไป สู้เพื่อชาติ /ฮุ้ง ปราสาท สุรินทร์

ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนสู้ต่อไปค่ะ หนูโรงเรียนวัดด่านสำโรง จะคอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

อยากได้ประชาธิปไตยเร็วๆ

สู้ไม่มีหนี จากตุ๊กๆ สามล้อ ร้อยเอ็ด

ขอให้กำลังใจเสื้อแดงทุกคนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเสื้อแดงสู้ๆ จากเสื้อแดงโกสุมพิสัยฯ

Love รักแกนนำทุกคนโดยเฉพาะคุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ สู้ๆ ยังงัยก็ชนะอยู่ดี Love / from เด็กอุดมสุข 24, 13 อายุ 17-18

ฉันมาจากนครนายก 3 คนแม่ลูก ขอเอาใจช่วยเสื้อแดงทุกๆ คนสุดหัวใจ โดยเฉพาะแกนนำ คุณณัฐวุฒิ พูดได้โดนใจมาก

คนบุรีรัมย์รัก...ทักษิณนะ! รักเสื้อแดง ณัฐวุฒิสู้ตาย อย่ายอมแพ้มัน/เด็กบ้านกรวด

ขอให้พวกเราชาวเสื้อแดงทั้งหลายจงต่อสู้ต่อไป เอานายกของเรากลับมาอยู่ในใจเราตลอดไป/จากไก่ โคราช สู้นะครับ

ขอบคุณแกนนำทุกท่าน รู้ท่านเหนื่อย รู้ว่าท่านเสียสละ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ด้วยกันจนถึงที่สุด/ทิชาพัฒณ์

 

อยากให้ประเทศชาติมีความสามัคคี สงบสุข อยากให้ทางเสื่อมีความเป็นกลาง อย่าเข้าข้างรัฐบาลหากมันไม่ดี เข้าข้างเสื้อแดงบ้าง เป็นกลางหน่อย

ขอให้ทุกๆ คนสู้ต่อไป จะคอยเป็นกำลังใจให้นะค่ะ ยังไงคนชั่วก็แพ้คนดีอย่างพวกเราแน่นอน รักคุณณัฐวุฒินะค่ะ

ขอให้นายกทักษิณกลับมาเร็วๆ ประเทศถอยหลังไปมากแล้ว แย่จัง

“ขอเป็นแรงใจให้กับคนเสื้อแดง รอวันที่ชัยชนะจะเป็นของเราพร้อมกัน-สู้ๆ ค่ะ เพื่อประชาธิปไตย”

สู้ต่อไป อย่ายอมรัฐบาล เอาใจช่วยครับ!

ขอให้กำลังใจนายหัวและแกรนนำทุกคน ขอให้ร่างกายสุขภาพแข็งแรง สู้ๆ จนกว่าจะชนะ (ฉันเบื่อรัฐบาลทีมนี้ มีแต่โกงและขู่ประชาชน ฉันและครอบครัว 40 คน) อย่าท้อน่ะค่ะ สู้ๆ ให้กำลังใจเสมอน่ะค่ะ

ไอ้หน้าเหี้ยอภิสิทธิ์ ไอ้หน้าไม่มียางอาย ไอ้ชาติชั่วฆ่าประชาชน ไอ้นายกไร้ความคิด ไอ้ส้นตีน (กูเกลียดอภิสิทธิ์)

ขอเป็นกำลังใจให้กับแกนนำทุกคนโดยเฉพาะณัฐวุฒิ

เอาประชาธิปไตยของเราคืนมา APISIT GET OUT! อี๊ด+หน่อย รักเสื้อแเดงทุกคน ชัยรัตน์

Never stop Fighting till the Fight is over. Red Land Forever/ John U.S.A.

ชุมนุมยืดเยื้อเสื้อแดงจะเสียเปรียบหรือเปล่า/ด้วยความเป็นห่วง

รัฐบาลโจรโคตรเหี้ยม ใครเลือกมึงมาเป็นนายกรัฐบาลว่ะ ไอ้พวกเหี้ย/ หน่อง คนดอย

ห่วงแกนนำทุกคร ขอให้น.ป.ช.แดงทั้งแผ่นดินสู้ๆ /จากแดงอุดมสุข ซอย 6 แดงทั้งซอย

คุยภาษาคนไม่รู้เรื่อง ไอ้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

มึงจะออกดีๆ หรือมึงยากเป็นศพ ไอ้อภิสิ....หัวควาย

8/5/53 รักคนเสื้อแดงตลอดไป/ ดี๊ชมรมคนรักอุดรฯ

ขอให้คุณณํฐวุฒิ คุณจตุพร และคุณวีระ คนดีทั้ง 3 คน จงมีความสุข ความเจริญตลอดๆ ไป ประชาธิปไตยกลับคืนสู้คนไทยทั้งประเทศ

เป็นกำลังใจให้คนเสื้อแดงทุกทาน ชอบมากครับคุณณัฐวุฒิมากๆ คุณณัฐวุฒิคือขวัญใจของผม/แมว แจแลนนคร

ฟ้าแผ่นกว้าง หานทางยาวไกล มุ่งมั่นไว้ แล้วไปให้ถึง....ประชาธิปไตยนะคะ

ขอให้นายกทักษิณจงกลับมา ไอ้รัฐบาลชาติชั่วจงยุบสภาออกไป กูไม่ได้เลือกมึงไอ้ฆาตรกร..(อ่านไม่ออก) ไปตายเสีย

บ้านเมืองฉิบหายเพราะไอ้ควายอภิสิทธิ์ตัวเดียว

รักจตุพร ค่ะ (มากๆๆๆๆ) สู้ๆ จุ๊บๆๆ

ขอให้กำลังแกนนำเสื้อแดงทุกคน (รักทุกคน) ชอบน้ำใจเสื้อแดง ยอมใจพวกท่านจริงๆ รักนี้ไม่มีวันลืม ขอให้ได้ประชาธิปไตยไวๆ นะคะ เสื้อแดงทำถูกต้องแล้ว รักเสื้อแดง และแกนนำทุกคน โดยเฉพาะคุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รักมาตั้งแต่สมัยโต้คารมมัธยมศึกษา ปี 2535/ จากแดง สุรินทร์

แดง สู้ๆๆๆๆๆๆๆ ขอให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง/ ดอนเมือง

ขอความเป็นธรรมในแผ่นดิน ช่วยคุ้มครองพวกเราชาวเสื้อแดงทุกคน/ ด้วยความจริงใจ

Hello! K เต้น รักนะจุ๊บๆ พิมพ์ แดงนาน 5/5/53

สู้ต่อไป ท่าน นปช. ผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริงครับ

จากกลุ่มไก่ชน หนองจอก5/5/53 เสื้อแดงสู้สู้ค่ะ เสื้อแดงของเราเป็นคนดีมีคุณธรรม ยังงัยก็จะต้องชนะมารชั่วๆ อยู่แล้วค่ะ แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมารค่ะ

ขอให้คนเสื้อ (แดง) แกนนำทุกคนจงชนะศึกครั้งนี้

คุณอภิสิทธิ์..ผู้น่านั๊กจังไร เมื่อไหร่คุณจะออกซักที จบตั้งสูงพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือจ้า...ต้องพูดภาษาอะไรถึงจะเข้าใจซักทีเนี่ย!

Where's a wall, There's a way. KEEP ON FIGHTING UDD.

เสื้อแดงต้องชนะ แดงชัยภูมิลูกพ่อแล อภิสิทธิ์ ทรราช เกิไป ออกไปได้แล้ว

สู้จนกว่าจะได้ชัยชนะ เลิกสองมาตรฐานยุบสภาเท่านั้น

Good Luck Red Shirts We believe in you! Charlotte from England

ยุบสภายังทำไม่ได้ แล้วมึงจะพัฒนาประเทศได้อย่างไร ออกไป

ขอบคุณคนเสื้อแดงจริงๆ ค่ะ “สู้เพื่อประชาธิปไตย” สู้ๆๆ /จากคนสุขุมวิท

ขอบคุณที่เป็นแกนนำในการต่อสู้สงครามชนชั้น ประชาชนจนต้องได้รับชัยชนะ ขอบคุณแกนนำทุกคน

เวลาออกไปข้างนอก ขอให้แกนนำทุกคนอย่าทิ้งมวลชน เวลาที่เกิดการปะทะอยากให้มีแกนนำอยู่ สามารถเป็นแม่ทัพได้บุก-หรือถอย/ นรินทร์ มีสุข

แกนนำและพี่น้องคนเสื้อแดง แดงสู้ทุกคน สู้เพื่อประชาธิปไตยได้ชัยกันทุกคน/ จากคนเมืองน้ำดำ

เสื้อแดงสู้ อย่ายอมแพ้/แดงคนเมืองช้างค่ะ

K. จตุพรเท่สุดๆ ณัฐวุฒิ นายแน่มาก/ น.ป.ช. อยุธยา

รักคนเสื้อแดงทุกๆ คนค่ะ ขอให้แกนนำทุกคนสู้ๆ สู้นะค่ะ

มาทวงถามประชาธิปไตย ความยุติธรรม ความจริง ยุบสภาคืนอำนาจให้....ประชาชน

เป็นกำลังใจให้แกนนำทุกคน ขอให้พี่ณัฐวุฒิ สู้สู้! นะ! “เพื่อประชาธิปไตยของเราคนไทน”/from...บางซื่อ

คนรักอุดรธานี ขอบคุณ น.ป.ช.

เรารักประชาธิปไตร/ แดงโคกถลาง ต.เพ็กใหญ่ อ.พล

สวัสดีค่ะ แกนนำที่เคารพรัก ขอให้ทุกท่านแข็วแรง&...เหนียวแน่นเช่นนี้ตลอดไปนะคะ กำลังใจหอบใหญ่จากดิฉัน+ครอบครัว/ KK&JJ

ขอให้ท่านแกนนำ นปช. สู้ ด้วยใจ พวกเราจะเป็นแนวหน้าและปกป้องท่านด้วยใจ

ขอเป็นกำลังแรงให้ชาวเสื้อแดง สู้ๆ ต่อไปนะคับ/ โอภาส สุพรรณบุรี

To ณัฐวุฒิ ค่ะ SENIOR ขอชมความมั่นคงของคุณและแกนนำทุกคน และขอขอบคุณการ์ด นปช. ที่ช่วยเหบือดิฉันวันที่ 28 เม.ย.53 / SENIOR

ศ.อ.ฉ. ไอ้ศูนย์อับเฉา บรรลัย ความฉิบหาย เสื้อแดง สู้ๆ

ไอ้เปรมต้องไม่ตาย อยู่ดูความแพ้ของมึงก่อนแล้วค่อยตาย/ แดง ประชาชื่น

ขอเป็นกำลังใจให้แกนนำเสื้อแดงทุกๆ คนจงสู้ๆ เพื่อประชาธิปไตย/ บาดโพธิ์ นครปฐม

ยายรัชรักแรมโบ้มากๆ สู้ๆ /แม่รัช แดงขอนแก่น

ขอให้กรรมสนองพวกมึงดูแลสุขภาพด้วยน่ะค่ะ คุณณัฐวุฒิ คุณจตุพร คุณวีระ และแกนนำทุกคน/ จาก จนท. ศาลแพ่ง

ขอให้คนเสื้อแดงโชคดี และแกนำทุกคน/อนงค์

เพื่ออนาคตของลูกหลาน ร่วมกันต้านรัฐบาล “ทรราช”

ขอให้สู้ต่อไปเพื่อความสุขของประชาชน/ ติ๋ม กทม.

เดิ้ลคร้าบ รักเสื้อแดงทุกคนเลย อยากให้เทพเทือกเจอ M79 เร็วๆ จัง/ จากเด็ก กทม.

เรารักและศัทธาในตัวแกนนำทุกคน (โดยเฉพาะณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ จตุพร ผู้มากไปด้วยปัญญา ชิงไหวชิงพลิบเสมอเหมือนทหารเอกของพระเจ้าตาก เหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดกับเมืองสยามอยู่มิขาด สมัยโบราณสู้รบกันด้วยอาวุธ แต่สมัยนี้สู้รบกันด้วยปัญญา ณัฐวุฒิคงเกิดมาเพื่อรบกับพวกนี้โดยเฉพาะ*จากสภาโจ๊กมาเป็นนักรบทางสติปัญญา ที่เอกอุเสมอเหมือนพระยาพิชัยดาบหักของพระเจ้าตาก เราขอศรัทธาด้วยหัวใจ

hate you more than everything Apisit please go to hell!! ได้โปรดไปลงนรกเถอะอภิสิทธิ์/ Ayumi Bangkok :)

ผมขอให้กำลังใจแกนนำ นปช.ทุกท่านที่ต่อสู้กัยฝ่ายอำมาตชาติชั่ว ทุกตัวตัวที่มันทำลายละบอบประชาธิปไตยขอให้พวกมันจงพินาศเร็วๆ/ จากแตงโม ก.ท.ท.

เฉดหัวออกไปได้แล้ว หน้าด้านอยู่ทำไมล้มเหลวทุกอย่าง แถมยังโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ยังกล้า สัตว์เดรัจฉาน/ คนหัวใจสีแดง

อยากให้พวกเราชาวเสื้อแดงมีการสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เพื่อบุญกุศลจะได้คุ้มครองพวกเราให้ปลอดภัยและได้รับชัยชนะโดยเร็ว

4 พ.ค. 53 วันนี้ฉันมาเดินที่สี่แยกราชประสงค์ฟังคำปราศรัยของ นปช. รู้สึกว่ารัฐบาลเห็นแก่ตัวมากที่สุด และไม่มีความยุติธรรมกับพวกเสื้อแดงเลย ดูจากเสื้อเหลืองทำอะไรก็ถูก รัฐบาลนี้น่าเกลียดมากๆ/ เด็กลพบุรี

มาตั้งแต่ 12 มี.ค. 53 มึงยุบสภาเสียที กูอยากกลับบ้าน คิดถึงหมาโว้ย/ หมากูมันซื่อสัตย์ ไม่เหมือนพวกสัตว์นรกมาเกิดอย่างพวกมึง ชั่วๆๆ

กูเป็นเด็กนครปฐม มาเพื่อช่วยคนเสื้อแดงให้อภิสิทธิ์ราออก คืนอำนาจให้กับประชาชนซะ

รัฐบาลชั่ว สั่งทหารฆ่าประชาชน รัฐบาลทรราช รัฐบาลโจร รัฐบาลสูปกินเลือดประชาชน

จงอย่าเชื่อคำตอแหลของไอ้พวกทรราชเด็ดขาด อย่า! หลงประเด็น คือ ยุบสภา! ไล่มันออกไปเท่านั้น! /จงประเสริฐ สถาพร

ทหารจงออกไป อย่าคุกคามคนเสื้อแดง/ จากแดง ยโสธร

8/5/53 เราเสื้อแดงไม่กลัวผนตก เราก็ไม่ถอย แดดออกเราก็ไม่กลัว แต่เรากลัวอย่างเดียว อภิสิทธิ์ไม่ยุบสภา/ รัก นปช.

ขอสนับสนุนให้แกลนน้ำ น.ป.ช. สู้ และคนเสื้อแดงทั่วประเทศสู้เพื่อประชาธิปไตยและขอให้อภิสิทธิ์กันยาตาย ผูกคอตาย อะไรก็ได้ขอให้ตายไปจากโลกนี้

ถึงคุณณัฐวุฒิ คุณนำเสนอดีมากทั้งเนื้อหาสาระ รวยมท้งความจริงทุกอย่าง สู้ๆ ค่ะ

กูไม่เอาทรราช กูอยากได้ประชาธิปไตย

อภิสิทธิ์ ทรราชชาติหมา สั่งฆ่าประชาชน ฉ่อฉลแดกบ้านแดกเมือง ใจต่ำช้า จงไปฆ่าตัวตายและเอาประชาธิปไตยกูคืนมา

มากน้าด้าน

รัฐบาลชุดนี้มันเลวกว่าที่คิด

รัฐบาลโจรเปรตครองเมือง ถ้าทักษิณไม่กลับมา โลกาจะวินาศ

ทำไมใจร้ายจัง กูทำอะไรผิด แค่ต้องการความเสมอภาค

เงินภาษีราษฎร์หายไปไหน...หรือว่าน้ำเงินมาซื้อขายน้ำกามให้ฝรั่งหมดว่ะ ไอ้เหี้ย!

หนึ่งเดือนที่จากไป ไว้อาลัยวีระชน ทุกคนจะเพรียกหาประชาธิปไตย พร้อมสู้เพื่อประชาธิปไตย/ นปช. แดง ควนยาง

ตายอย่างผู้เสียสละ ดีกว่าอยู่อย่างโดนสาบแช่ง

ขอย่าให้คนไทยเสื้อแดงลืมอะไรง่ายๆ ว่าไอ้อภิสิทธิ์กับไอ้เทพเทือกมันเป็นทรราชฆ่าประชาชน ฉนั้น มันทั้งสองคนจะมีชีวิตอยู่ในประเทศนี้อีกต่อไปไม่ได้เด็ดขาด พวกกูจะตามมึง...จนสิ้นซาก!

ระวังมันยุบสภา เลือกตั้งใหม่ มันจะทำเหมือน 19 ก.ย. 49 อีกนะ/ นปช.คลองเตย

วันที่ 10 เมษายน 53 กูเสียเลือด แต่กูไม่ยอมเสียประชาธิปไตย ประชาชนต้องเป็นใหญ่/ เพชร ลำพูน

อย่าไปเชื่ออภิสิทธิง่ายๆ มันเป็นฆาตรกร อำมหิต มันไม่จริงใจ/ รักแกนนำ

เมื่อไหร่...พวกมึงจะ...ออก....จะยุบ...จะตาย....มั่งว่ะ! กูเริ่มเบื่อมึงแล้วนะ...ไอ้มาร์ค, สุเทพ หน้าดำ

ข้ามาด้วยใจ ไม่ต้องจ้าง มึงเป็นรัฐบาลที่บ้าและดูถูกใจเพื่อนมนุษย์มากอย่างที่สุด

ขอให้แกนนำมีอุดมการณ์อย่างนี้ตลอดไป แม้เวลาเปลี่ยนไป อย่าเปลี่ยนแปลง/ หนึ่ง เพชรบุรี

รัฐบาลอภิสิทธิ์นำทหารมาสลายคนเสื้อแดงที่สี่แยกคอกวัวนำอาวุธสงครามมาฆ่าประชาชนที่ปราศจากอาวุธสู้กันไม่ได้เลยที่ชุดดำมาช่วยไว้ได้

มาที่นี่เพือที่จะมาทวงสิทธิ-อำนาจ ของเราคืน อภิสิทธิ์มึงคืนอำนาจกูกลับมา

คำก็กบฎ คำก็ก่อการร้าย คำก็ล้มล้างสถาบัน คุณรัฐบาล คุณพันธมิตร คุณเสื้อหลากสี (ก็พวกคุณนั่นแหละพวกเดียวกัน) หยุดให้ร้ายคนเสื้อแดงได้แล้ว พวกเรามีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เต็ม 100% พวกคุณนั่นแหละเป็นผู้เริ่มต้นความเลวทั้งหมด ทำลายชาติ ศาสน์ กศัตริย์ คุณนั่นแหละ

เสียดายเวลา 4-5 ปีที่ถูกยึดอำนาจไป ไม่งั้นประเทศไทยเป็นนิคไปนานแล้ว เพราะถูกโจนปล้น คนไทยถึงได้ลำบากอยู่ทุกวันนี้ เป็นหนี้หลาย 1000000000/ บุญสม

พวกมึงฆ่าประชาชนกูจะจำรัฐบาลเลวๆ แบบมึงไปจนตาย พวกมึงมันหมาลอบกัด/ กู ยอร์ช บางพลัด

พวกมึงฆ่าพี่น้องกูทำไม กูมามือเปล่า มึงไม่อายบ้างหรือ ฆ่าคนไม่มีทางสู้ ไอ้หน้าตัวเมีย หน้าด้าน ยังไม่พอ ยังขี้โกงอีกต่างหาก เกิดมาชาติใดอย่าได้พบพวกมึงอภิสิทธิ์ เทพเทือก สาธิต ไอ่ไก่อู เจ้าเล่

กูสู้มือเปล่า มึงไม่ฆ่า กูบนดิน วันใดกูลงใต้ดิน มึงจะรู้สึกว่าสายไปแล้ว ไอ้เทือก

อภิสิทธิ์พูดอะไรออกมามันเข้าตัวเองหมด ไม่มีสมองคิดนโยบายของตัวเอง เอาแต่ของคนอื่น คิดว่าตัวเองเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน ใหญ่ให้ได้อย่างกูไหม/ เด็ก ม.ปลาย

ทหารมาจากประชาชน แต่ฆ่าประชาชน แล้ววันข้างหน้าจะมีประชาชนมาเป็นทหารหรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมเป็นชาติก็คือ ประชาชน ไม่ใช่อภิสิทธิชน/ จากแดง อุดรธานี

สู้จนชีวิตจะดับไป

มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลานว่าอย่าให้มันเป็นทหาร เพราะทหารไม่มีเกียจ ไม่มีศักดิ์ศรีแล้ว

โปรดทราบ จากแดงแอบทั้งแผ่นดิน ที่ไม่ปรากฏตัว ขอประณาม สื่อแห่งความตาย สื่อแห่งความแตกแยก

วีรชนเราสู้ทั้งรู้ว่าต้องตาย พวกเราที่อยู่จะไม่หน่ายต่ออธรรมทรราชชาติชั่ว เราต้องสู้ให้มันรู้ว่ากูเสื้อแดงไม่กลัวมึง ทรราชอภิสิทธิ์ ไอ้เทพ

ปิดสนามบินเป็นรัฐบาล ปิดถนนเป็นผู้ก่อการร้าย ถุย...สาดดด

4-5-53 เราต้องการความเสมอภาคในประเทศนี้

อยากให้เจ้าหน้าที่อำเภอและหน่วยงานราชการพูดจาสุภาพกับประชาชนและมองคนจนเป็นคน

TV ของคนเสื้อแดงต้องเปิดได้ ไม่ได้กูไม่ยอม

แดง กทม. จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เราจะเอาประชาธิปไตยและสิทธิอันชอบธรรมของเรากลับมาให้เป็นของขวัญแก่ลูกหลาน เยาวชนในภายภาพหน้า/ Fr ปริญญาโท เซนต์จอห์น

มีเสื้อเหลืองต้องมีเสื้อแดง มีตะวันต้องมีพระจันทร์ มีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต้องมีปิดราชประสงค์

ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ชั่วทั้งพรรค มันฆ่าประชาชนแล้วยังลอยนวลอีก ตั้งแต่เกิดมาแม่งก็เพิ่งเคยเห็นทั้งโกงกิน โกหก ฆ่าคนทำลายเจ้า ชาติหน้าพวกมึงเกิดมาอย่าเป็นคนเลย

สวัสดีคนเสื้อแดง เราขอสู้และอยู่เคียงข้างคนเสื้อแดงเสมอ เพื่อประชาธิปไตย เขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไอ้พวกเสื้อหลากสีต่างหาก....(อ่านไม่ออก)

ไอ้ไก่อู ชาติชั่วเป็นทหารที่พูดโกหกเก่งมาก ชาติหมาไอ้บ้า/ คนกทม.

พอ.สรรเสริญ ครับ ผมว่าคุณควรไปศึกษาหลักสูตร ปจว. ใหม่ นะครับ เพราะว่ายิ่งออกทีวี คนยิ่งเยอะขึ้นมากเรือยๆ เลยครับ หลักสูตรนี้ไม่มีผลกับคนเสื้อแดง

ทำไมพวกค้องทำร้ายประชาชน เพราะอะไร คนไทยต้องการประชาธิปไตยผิดด้วยหรือ เราเสื้อแดงสู้ๆ

ไม่มีกำแพงอันใดจะแข็งแกร่งไปกว่า “ความสามัคคี” ขอให้รักษาความสามัคคีนี้ไว้ ให้สมศักดิ์ศรี “UDD” RED IN THE LAND ผู้ยิ่งใหญ่ ขอแสดงความนับถือ/ ครอบครัวโพธิ์ทอง

เลิกชุมนุม ลงใต้ดิน เล่นมันเลย แยกอิสานล้านนา

000

หมุดที่ใช้ติดกระดาษซึ่งผู้เก็บข้อมูลได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้วย

ราชประสงค์วันนี้กลับมาเป็นแหล่งช็อปปิ้งได้อย่างเคย ขณะที่คนกรุงสูญเสียตึกเซ็นทรัลเวิลด์ให้กับพระเพลิงที่เผาไหม้ และคนเสื้อแดงสูญเสียชีวิตไป 89 คน บาดเจ็บอีกกว่า 1800 คน สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ เสียงของคนเสื้อแดงแม้ยังไม่จางหายไปจากหน้าสื่อ แต่ก็แผ่วเบาลงตามกระแส สงบ สามัคคี ปรองดอง กระดาษแผ่นเล็กๆ เหล่านี้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว อยู่ในที่ปลอดภัยและจะไปเปล่งเสียงยังอีกซีกโลกหนึ่ง
 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เปิดจดหมายบนกล่องขนม จาก ‘สมยศ’ ถึงกรรมการสิทธิฯ – ศาลอนุญาตคุมตัวต่อถึง 13 มิ.ย.

Posted: 04 Jun 2010 05:40 AM PDT

<!--break-->

 

4 มิ.ย.53 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสมยศ พฤษาเกษมสุข บรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งถูกควบคุมตัวที่ค่ายอดิศร จ.สระบุรีมาตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.53 ได้ฝากจดหมายผ่านนายไพโรจน์ พลเพชร เลขาธิการสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน มายังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยเป็นการเขียนด้วยลายมือลงในกล่องขนมที่คาดว่ามีคนซื้อไปเยี่ยม นายไพโรจน์ระบุว่าจะนำจดหมายฉบับจริงส่งต่อคณะกรรมการสิทธิฯ ในวันจันทร์ที่ 7 มิ.ย.นี้ แม้ว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯ จะเดินทางเข้าเยี่ยมในสมยศที่ค่ายอดิศรและรับเรื่องร้องเรียนจากนายสมยศด้วยตัวเองแล้ว

ส่วนความคืบหน้าในทางกฎหมายนั้น เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายสมยศ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปล่อยตัวนายสมยศ เนื่องจากเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำไปโดยไม่มีเหตุตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 11 (1) เพราะการควบคุมตัวนายสมยศไม่ได้เป็นการกระทำตามเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้กระทำการ หรือร่วมมือกระทำการอันใดที่จะก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง หรือเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการระงับเหตุร้ายแรง เพราะในขณะนี้เหตุการณ์ทุกอย่างยุติลงโดยสิ้นเชิงแล้ว นอกจากนี้ในการควบคุมตัวนายสมยศ ในค่ายทหารยังไม่อนุญาตให้ติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก ห้ามอ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ ทหารยหรือผู้ที่เข้าเยี่ยมถูกตรวจค้นอย่างเคร่งครัด ถูกถ่ายรูปทำประวัติจนเกิดความหวาดกลัวอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อนายสมยศเสมือนหนึ่งบุคคลผู้กระทำความผิดแล้ว ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรา 12 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งกำหนดว่าจะปฏิบัติต่อบุคคลในลักษณะผู้กระทำความผิดมิได้ จึงขอให้ศาลนำตัวนายสมยศมายังศาล ไต่สวนคำร้องโดยเร่งด่วน และมีคำสั่งให้ปล่อยตัวนายสมยศทันที

ต่อมาวันเดียวกัน ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้อง โดยระบุว่าเชื่อว่าสถานการณ์ร้ายแรงยังคงอยู่ และนายกรัฐมนตรียังไม่ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง

ส่วนในวันนี้ (4 มิ.ย.) ทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านการขยายระยะเวลาควบคุมตัวฯ โดยระบุว่า วันครบกำหนดการคุมตัวครั้งที่ 2 จะหมดในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ขอคัดค้านการขยายการคุมตัวอีก 7 วันเนื่องจากคำร้องขอของผู้ร้อง (เจ้าหน้าที่) ไม่มีเหตุผล ข้อเท็จจริงและความจำเป็นอย่างชัดเจนเพียงพอ ในการขอขยายเวลาคุมตัวเพื่อประกอบการใช้ดุลยพินิจของศาล เพื่อให้ศาลสามารถวินิจฉัยสั่งคำร้องได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบเนื่องจากเกี่ยวพันและกระทบสาระสำคัญแห่งสิทธิเสรีภาพของผู้ถูกคุมตัว อีกทั้งสถานการณ์ก็อยู่ในความสงบเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ศาลได้ยกคำร้องคัดค้านการขยายระยะเวลาคุมตัวนี้ โดยระบุว่า “ผู้ร้องแถลงว่า ขณะนี้ยังมีความจำเป็นต้องควบคุมตัวเพราะเกรงว่าอาจจะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและต่อการจับกุม และต้องการข้อมูลบางอย่าง ทั้งรับว่าหากหมดความจำเป็นจะเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป พิเคราะห์แล้วเห็นว่ายังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อยู่และการควบคุมตัวมิได้ขึ้นอยู่กับผู้ถูกควบคุมตัวแต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และยังไม่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งผู้ร้องรับรองว่า หากหมดความจำเป็น ในการควบคุมตัวจะเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อไม่ขอขยายการควบคุมตัว กรณีจึงมีเหตุอันสมควรให้ขยายระยะเวลาการควบคุมตัวถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2553”

 
 
 

                                                                                         

                                                                                               เขียนที่ ค่ายทหารอดิศร จ.สระบุรี

                                                           

                                                                        วันที่ 31 พฤษภาคม  2553

เรื่อง ร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เรียน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

           

      จากการที่รัฐบาลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อาศัยอำนาจศอฉ.ตาม พรก.ฉุกเฉิน ออกหมายจับเพื่อควบคุมตัวข้าพเจ้านายสมยศ พฤษาเกษมสุข และ ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยจะก่อเหตุร้ายแรงขัดต่อ พรก.ฉุกเฉิน โดยที่ข้าพเจ้าและดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ได้เข้ามาอบตัวต่อพนักงานตำรวจกองปราบปรามเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมาและถูกนำตัวมาควบคุมไว้ที่ค่ายอดิศร จ.สระบุรี การกระทำของรัฐบาลเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงโดยมีข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้

1.     ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นแกนนำนปช. มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 เป็นต้นมา ไม่เคยมีส่วนร่วมการประชุมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับแกนนำนปช.ทุกระดับชั้น ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าและที่ราชประสงค์ระหว่างวันที่ 14 มีนาคม – 19 พ.ค.2553

2.     ข้าพเจ้าเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยาสารรายปักษ์ “Voice of Taksin” ทำหน้าที่สื่อมวลชนวิชาชีพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารความเป็นจริง แสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลตามปกติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวขเองใดๆ กับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชื่อหนังสือ Voice of Taksin เป็นเพียงเครื่องหมายการค้าและได้จดทะเบียนชื่อหนังสือนิตยสารถูกต้อง

3.     การที่ข้าพเจ้า, ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ , อ.เยี่ยมยอด ศรีมันตะ ได้จัดการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม53 เวลา 12.30 น. ที่หน้าสำนักงานมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 มีเพียง 3 คน จึงไม่ใช่การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป การแถลงข่าวในวันดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นแตกต่างไปจากรัฐบาลและได้เสนอข้อเรียกร้อง 5 ข้อเพื่อสร้างความสงบสุขและการปรองดองอย่างแท้จริง

            การแถลงว่าจะจัดการชุมนุมในวันที่ 30 พ.ค.53 ที่สวนสาธารณะเขาแก่นจันทร์ จ.ราชบุรี เป็นการประกาศล่วงหน้า 10 วัน มีกำหนดการเริ่มต้นเวลา 15.00 น. และสิ้นสุดเวลา 21.00 น. เป็นการประชุมที่ศาลาเอนกประสงค์ บรรจุผู้เข้าร่วมได้ราว 500 คนเท่านั้น

            การชุมนุมดังกล่าวจัดขึ้นในจังหวัดราชบุรี นอกเขตพรก.ฉุกเฉิน และการจัดกิจกรรมในสวนสาธารณะมีกำหนดการแน่นอน และหัวข้ออภิปรายชัดเจน จึงเป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่ก่อความเดือดร้อนต่อสาธารณะ ไม่ก่อให้เกิดสถานการณ์ร้ายแรง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ

            ส่วนการประกาศจัดงานครบรอบ 78 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นกิจกรรมวิชาการ เป็นการให้ความรู้ต่อประชาชน ซึ่งกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจัดให้มีขึ้นทุกปีกอยู่แล้วโดยจัดขึ้นที่โรงแรมรัตนโกสินทร์หรืที่สนามหลวง

              ถ้าหากรัฐบาลเห็นว่าการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่สงบ รัฐบาลมีอำนาจตามพรก.ฉุกเฉินออกคำสั่งให้ยุติหรือมีคำสั่งห้าม แต่รัฐบาลกลับใช้อำนาจควบคุมตัว จำกัดสิทธิเสรีภาพอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

4.     การควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อสื่อสาร ทำให้ข้าพเจ้าและดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ไม่มีโอกาสปรึกษาหารือกับทนายความ ไม่มีโอกาสนำเสนอข้อเท็จจริง พยานหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นการกล่าวหาตั้งข้อสงสัยฝ่ายเดียว ทำให้ข้าพเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม

5.     รัฐบาลเสนอแผนปรองดอง แต่กลับใช้อำนาจเกินขอบเขตควบคุมกักขังข้าพเจ้าโดยไม่มีการพูดเจรจาเพื่อการปรองดอง

6.     การใช้อำนาจหน้าที่ของรัฐบาลในการจับกุมตัวและควบคุมตัวข้าพเจ้าและดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ก่อให้เกิดความเสียหายในชีวิต ทรัพย์สิน ทั้งในด้านครอบครัว และอาชีพการงา่นอย่างรุนแรง

            ระหว่างการควบคุมตัว ข้าพเจ้าได้รับความสะดวกสบายและมิตรไมตรีจากทหารในค่ายอดิศรเป็นอย่างดีทุกประการ แต่การใช้อำนาจเกิดขอบเขตของรัฐบาล เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

            จึงขอร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาข้อร้องเรียนของข้าพเจ้า และ ดร.สุธาชัย เป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนต่อไป

 

 

                                                                        ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

                                                                                    ลายเซ็น

                                                                        (นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข)   

 

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

‘จากนี้ไปเราต้องอยู่กับความรุนแรง’ 2 ทัศนะจากเหลือง–แดงปักษ์ใต้

Posted: 04 Jun 2010 02:59 AM PDT

ทัศนะทางการเมืองไทยของ  2 แกนนำเสื้อเหลืองและเสื้อแดงปักษ์ใต้ ต่อมุมมองสถานการณ์หลังเหตุการณ์เมษา – พฤษภาวิปโยคที่เกิดขึ้นใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยแห่งปี 2553 ที่ผ่านมานั้น เส้นทางความขัดแย้งจะดำเนินต่อไปอย่างไรและมีจุดบรรจบอย่างไร นี่คือมุมมองจาก 2 ฟากฝั่งอุดมการณ์ที่อยู่ในแผ่นดินเดียวกัน

<!--break-->

เอกชัย  อิสระทะ
ระยะยาวจะเป็นการต่อสู้เชิงอุดมการณ์

ในห้วงแห่งความขัดแย้งทางการเมืองตลอด  4 ปีกว่า “เอกชัย อิสระทะ” เป็นอีกบุคคลหนึ่ง ที่มีบทบาทอยู่ในระดับนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลืองภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา

เมื่อความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่าง 2 ซีกฝ่าย ยกระดับความรุนแรง จนนำไปสู่การเข่นฆ่ากันกลางกรุงเทพมหานคร จนมีผู้บาดเจ็บและล้มหายตายกันไปมากมายมหาศาล

ความคิดเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  ของคนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง  ในท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องหลายปี ย่อมมิอาจมองข้ามได้

ต่อไปนี้  เป็นความคิดความเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมือง ผ่านสายตาและความคิดของ “เอกชัย  อิสระทะ”

……………………………………………….. 
 

เราต้องเตรียมใจยอมรับความขัดแย้งทางความคิด  ที่จะอยู่กับเราไปอีกนับ  10 ปี อาจจะไม่รุนแรง หรืออาจจะรุนแรงกว่าคราวนี้ คงต้องดูปัจจัย 2 – 3 ตัวประกอบ

ข้อแรก  ความขัดแย้งทางความคิดที่เริ่มชัดเจนขึ้นระหว่าง 2 ชุดความคิด

ชุดความคิดแรก เป็นความคิดของประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในกลุ่มคนที่สมาทานชุดความคิดนี้  มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันอยู่

ชุดความคิดที่สอง  เป็นประชาธิปไตยในอีกแบบที่ยังแลเห็นรายละเอียดไม่ชัด แต่จะพัฒนาก้าวข้ามพ้นจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่วนนี้เรายังไม่รู้ว่า เขาออกแบบรายละเอียดอย่างไร โครงสร้างสังคมไทยใหม่จะเป็นแบบไหน

การปะทะกันของสองชุดความคิดนี้ มีลักษณะที่ก้าวหน้ากว่าการเคลื่อนไหวทางสังคมที่ผ่านมา เพราะที่ผ่านมาเป็นประชาธิปไตยของนักเลือกตั้ง กรอบคิดของนักการเมืองทั้งหมด เป็นแบบทุนนิยมเสรีโลกาภิวัตน์ รายละเอียดทางความคิดของนักการเมืองแต่ละพรรคไม่แตกต่างกันคือ นำพาประเทศไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรม

หลังจากนี้รูปแบบประชาธิปไตยที่แต่ละกลุ่มเสนอมา จะมีกรอบชัดเจนมากขึ้น จะเป็นชุดความคิดประชาธิปไตยเสรีนิยมสนับสนุนทุนข้ามชาติ หรือจะเป็นสังคมนิยมตะวันออกแบบพอเพียง หรือประชาธิปไตยสีเขียวกินได้ หรือประชาธิปไตยที่เป็นธรรม นี่คือรายละเอียดของการต่อสู้ที่จะชัดเจนขึ้น

บทบาทของนักการเมืองชุดเก่าจะลดลง  เฉพาะหน้าจำนวนก็น่าจะลดลงถึงร้อยละ 50 ที่เหลืออยู่ในสภา จะมีทั้งฝ่ายเสื้อเหลือง และฝ่ายเสื้อแดง

ภาคประชาชนเอง กรอบคิดของกลุ่มคนเสื้อแดงจะชัดเจนขึ้น  ในส่วนของกลุ่มคนเสื้อเหลือง  รวมทั้งที่ออกมาเคลื่อนไหวกับพรรคการเมืองใหม่ กรอบคิดก็จะชัดเจนขึ้นเช่นกัน ผมคิดว่าคนส่วนนี้น่าจะก้าวข้ามพ้นการเมืองแบบเก่าไปได้ ทิศทางการเมือง จะเปลี่ยนแปลงพอสมควร

หลังจากนี้  การเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสงบจะลำบากมากขึ้น เพราะคู่ความขัดแย้งจะใช้ความรุนแรงตอบโต้ ถ้าแต่ละฝ่ายลดความเคืองแค้นลงได้ เหตุการณ์อาจจะสงบ แต่เป็นไปได้ยาก  เพราะฉะนั้นการชุมนุมทางการเมืองแบบเดิมๆ ตั้งเครื่องเสียงขึ้นเวทีปราศรัย เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

ในส่วนการเคลื่อนไหวเรื่องปากท้องของชาวบ้าน  ที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง  น่าจะยังใช้รูปแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ต่อไปได้

ผมคิดว่า  การหลีกเลี่ยงความรุนแรงในช่วง  10 ปีนี้ยากมาก เพราะความแค้นถูกฝังเอาไว้ลึกเกินกว่าจะพูดคุยกันได้ด้วยดี

คนภาคใต้เราที่มีสีสันทางการเมืองติดตัวอยู่  คงไม่สามารถไปเยี่ยมเยียนพี่น้องทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคเหนือ แบบสบายอกสบายใจได้อีกต่อไปแล้ว

ผมได้แต่หวังว่า เราจะข้ามผ่านความรุนแรง  ก้าวข้ามผ่านความคิดเดิมๆ ไปได้ ซึ่งนั่นหมายความว่า เราต้องร่วมกันยกการเมืองไปอีกระดับหนึ่ง ถ้าก้าวผ่านไม่ได้ ก็เป็นชะตากรรมของประเทศ

ส่วนจะก้าวข้ามผ่านไปได้หรือไม่  อาจจะผ่านไปได้ หรืออาจจะติดกับดัก อันนี้ยังดูไม่ออก ใจลึกๆ ยังอยากเห็นทิศทางที่นำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ความพยายามที่จะก้าวข้ามไปให้ได้ นับว่ายากลำบากมาก เพราะขณะนี้ความเคียดแค้นชิงชังสูงมาก แต่คนไทยอาจจะลืมง่ายก็ได้

เฉพาะหน้าควรจะเรียกร้องให้กระบวนการศาลยุติธรรม  เข้ามาเป็นกลไกในการสร้างความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย  ถ้าทำได้ปัญหาอาจจะคลี่คลายลงไปได้ระดับหนึ่ง  ยกตัวอย่างการปิดสื่อ ควรให้ศาลยุติธรรมเป็นผู้พิจารณา ไม่ควรปล่อยให้รัฐใช้อำนาจปิดสื่อ โดยไม่ผ่านศาล

ประการต่อมา ต้องกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่น  ลดอำนาจ หรือยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคลง  ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น  จะได้แก้ที่ท้องถิ่น ปัญหาจะได้ไม่ต้องไปกระจุกอยู่ที่ส่วนกลาง นักเลือกตั้งหน้าเดิมๆ จะหายไป

ถ้ากลไกศาลยุติธรรม  และการปกครองท้องถิ่นเป็นจริง ความตึงเครียดในสังคมน่าจะลดลง  เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองลดลง  การต่อสู้ทางการเมืองจะไปอยู่ที่การต่อสู้ทางความคิด ไม่ออกมาในรูปของความขัดแย้ง  ที่จะนำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรง

ความผิดพลาดในช่วงที่ผ่านมา  อยู่ตรงความไม่เป็นธรรม กระบวนการยุติธรรมไม่เป็นอิสระ  ศาลซึ่งเป็นกลไกที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้  ถูกมองว่าโดนแทรกแซงจากอำนาจภายนอก  โดยเฉพาะจากนักเลือกตั้ง

สื่อ  80 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถยกระดับความคิดความอ่านให้กับสังคมได้ แถมยังนำสังคมไปติดกับดักของทุน สื่อมีข้อมูลมากก็จริง แต่ไม่สามารถนำออกมาเสนอให้สังคมมีสติปัญญาแยกแยะอะไรได้เลย

กระบวนการการศึกษาทั้งระบบก็เป็นปัญหา  เพราะไม่สามารถสร้างคนให้วิเคราะห์แยกแยะอะไรได้ ไม่สามารถสร้างนักคิด สร้างผู้นำที่มีขีดความสามารถนำพาสังคมได้ การศึกษาในทุกระดับ จึงเป็นปัญหาใหญ่อีกโจทย์หนึ่งในขณะนี้

ผมคิดว่าการต่อสู้ขณะนี้ถูกยกระดับไปเป็นการต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์แล้ว อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง  แต่ผมไม่ได้หมายความว่าแกนนำการต่อสู้ที่ผ่านมาทุกคน จะออกมาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์  ขณะที่ผู้เข้าร่วมชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย ต้องการล้มระบบอำมาตย์จริงๆ คนส่วนนี้ก้าวข้ามพ้นการต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเองไม่รู้ตัว

ผมคิดว่า  จนถึงวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ยังเชื่อว่าเงินกำกับทิศทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศไทยได้

ถึงกระนั้นชุดความคิดเชิงอุดมการณ์ ก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะเข้าไปกุมการนำ เพื่อนำพาขบวนก้าวข้ามพ้นการเคลื่อนไหวเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้

ผมเชื่อว่าภาพของพรรคเพื่อไทย  ไม่ได้เป็นภาพฝันของกลุ่มคนเสื้อแดงในซีกอุดมการณ์ เพราะฉะนั้นในอนาคต กลุ่มคนเสื้อแดงจะแตกเป็น 2 กลุ่มความคิด ตอนนี้ยังมีความจำเป็นต้องอยู่ร่วมกัน เพราะทั้งสองฝั่งยังต้องพึ่งพากันและกัน

อีก 10 ปีข้างหน้า ระบบอำมาตย์จะหายไปจากประเทศนี้อยู่แล้ว มันต้องหมดไปจากประเทศไทยโดยธรรมชาติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ระบบอำมาตย์แบบเดิมหายไปแล้ว ระบบอำมาตย์ในรูปแบบใหม่จะไม่เกิดขึ้นมาแทนที่ เป็นไปได้มากว่า ระบบอำมาตย์ในรูปแบบใหม่จะไม่เกิดขึ้นอีก ถึงแม้กลุ่มเสื้อแดงซีกอุดมการณ์ จะชนะจนสามารถสถาปนาขึ้นครองอำนาจได้เองก็ตาม

ทำไมผมคิดเช่นนี้  เพราะเท่าที่ดูๆ แล้ว สังคมไทยโดยรวมยังก้าวข้ามไม่พ้นกรอบคิดเดิม ล้มอำมาตย์แบบเดิมไปได้ ก็เป็นไปได้ว่าจะเรียกหาอำมาตย์หน้าใหม่ขึ้นมาอีก

การจะก้าวข้ามพรมแดนตรงนี้ไปได้  นับว่าเป็นเรื่องยากมาก

เฉพาะหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อาจจะคุมสถานการณ์ได้ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงจะกลับมาอีก  ตรงนั้นอาจจะเกิดความรุนแรงอีกครั้ง ซึ่งอาจจะนำไปสู่จุดเปลี่ยนทางการเมืองของไทยก็ได้

ถึงแม้คราวนี้ ดูเหมือนคนจะยอมรับความรุนแรงได้  แต่ไม่ได้หมายความว่า คนจะยอมรับความตายของผู้คนได้ เหตุที่คราวนี้ยอมรับกันได้ เพราะความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงมีไม่มากพอ

วันนี้  การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยชูพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชูพรรคเพื่อไทยจบลงโดยสิ้นเชิงแล้ว กลุ่มคนเสื้อเหลืองถ้าออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป ก็ต้องชูอุดมการณ์ที่ชัดเจน พรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องบอกให้ได้ว่า จะนำพาสังคมไทยไปสู่ทิศทางไหน

การต่อสู้ในระยะยาว  จะเป็นการต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์
 

000

 

สัมพันธ์  ละอองจิตต์
นับจากนี้ไปเราต้องอยู่กับความรุนแรง

ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองกว่า  4 ปี ถึงแม้ภาคใต้จะถูกมองว่า เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ในภาคใต้เช่นกัน

“สัมพันธ์ ละอองจิตต์” เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดสงขลา ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในชื่อย่อ “นปช.” ที่กรุงเทพมหานครฯ

แม้ในระหว่างการชุมนุม จะเดินทางไปทำภารกิจที่กรุงเทพมหานครฯ นานหลายวัน  ก็ไม่ยอมเฉียดกรายไปยังสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง  ซึ่งในที่สุดก็ลงเอยที่ความรุนแรง จากการเผชิญหน้าระหว่างผู้กุมอำนาจรัฐกับกลุ่มผู้ชุมนุม

ต่อไปนี้  เป็นความคิดความเห็นต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น จากบุคคลที่หน่วยงานความมั่นคงระบุว่า เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงภาคใต้  นาม “สัมพันธ์ ละอองจิตต์”

……………………………………………………..

ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้ น่าจะใช้เวลาพอสมควรถึงจะลงเอยกันได้ แต่คงจะไม่ถึง 10 ปี

ถ้านำไปเปรียบเทียบกับความขัดแย้งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย  นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อปี 2475 เป็นต้นมา ความรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จนมาถึงสถานการณ์ที่ราชประสงค์ นับเป็นปฐมบทของความขัดแย้งที่รุนแรงครั้งสำคัญของสังคมไทย

เนื่องจากนัยสำคัญของความขัดแย้งครั้งนี้ เกิดจากโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง เป็นความขัดแย้งที่นำพาปริมณฑลทางเศรษฐกิจ มาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปริมณฑลทางความคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง

ความขัดแย้งในระดับนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี  2475 ระหว่างขุนนางสมัยใหม่กับระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ครั้งต่อมาคือ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ระหว่างนักศึกษา ปัญญาชน กับเผด็จการทหาร

รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกับรัฐไทย ที่ยาวนานกว่า 30 ปี

ความขัดแย้งครั้งล่าสุด  มีลักษณะที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะแตกต่างกันอย่างมาก  เมื่อนำไปเปรียบเทียบความขัดแย้งในอดีต

เนื่องจากฐานความขัดแย้งในสังคมไทยที่ผ่านมา  มีลักษณะแคบ อย่างปี 2475 ฐานความขัดแย้งเป็นแค่ขุนนางกลุ่มหนึ่ง ที่จบการศึกษาจากต่างประเทศ กับระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

ความขัดแย้งเมื่อวันที่  14 ตุลาคม 2516 ฐานความขัดแย้งจำกัดอยู่ที่ปัญญาชน โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษา กับเผด็จการทหาร

ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย  สถาปนาตัวเองเป็นแค่ตัวแทนชนชั้นกรรมาชีพ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจรัฐ

ขณะที่ความขัดแย้งหลังวันที่ 19 กันยายน 2549 ฐานความขัดแย้งกระจายตัวออกสู่วงกว้าง ตั้งแต่คนอ่านหนังสือไม่ออก หรือพออ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น ไปจนถึงคนที่มีการศึกษาสูง เป็นครูบาอาจารย์ เป็นศาสตราจารย์ ผนวกรวมกับผู้ใช้แรงงาน ชาวนาชาวไร่ ไปจนถึงมหาเศรษฐี มีทั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความเชื่อทางการเมือง ผนวกรวมเข้าด้วยกัน

กระทั่งยกระดับความคิดทางการเมืองขึ้นมา  ถึงขั้นอุดมการณ์

ต้องยอมรับว่า ในรอบไม่กี่ปีมานี้ กลุ่มทุนใหม่ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก  คนกลุ่มนี้เข้ามามีบทบาท ทั้งในพื้นที่ทางเศรษฐกิจ และพื้นที่ทางการเมือง รุกเข้ามาแทนที่กลุ่มทุนเก่า เช่น ทุนน้ำเมา ทุนป่าไม้ ทุนธนาคาร ที่ทำธุรกิจโดยอาศัยการคุ้มครองจากอำนาจรัฐเดิม ที่บัดนี้บทบาทค่อยๆ หมดไป หลีกทางให้กลุ่มทุนใหม่ในภาคสื่อสารและภาคบริการ เข้ายึดพื้นที่ไปเกือบหมด

เห็นได้จากบทบาททางการเมืองของกลุ่มทุนใหม่เหล่านี้ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540

การเติบโตของกลุ่มทุนใหม่  ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มทุนเก่า หลังปี 2540 เป็นต้นมา กลุ่มทุนเก่าสูญเสียทั้งอำนาจทางการเมือง และอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยเริ่มสูญเสียสถานะทางเศรษฐกิจมาก่อนหน้านี้แล้ว

ในด้านการเมืองหลังเหตุการณ์พฤษภาคม  2535 ส่งผลให้ภาคประชาสังคมเติบโต มีพัฒนาการด้านจิตสำนึกทางการเมืองอย่างก้าวกระโดด ทำให้เกิดการปฏิรูปการเมืองครั้งสำคัญ ผ่านรัฐธรรมนูญปี 2540

รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เกิดขึ้นท่ามกลางความก้าวหน้าของเทคโนโลยี กระทั่งรัฐไม่สามารถจำกัดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนภาคส่วนต่างๆ ได้ ทำให้ความไม่ชอบมาพากลของการรัฐประหาร ได้รับการเปิดเผยอย่างกว้างขวาง ส่งผลลึกซึ้งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

จุดนี้ทำให้เกิดภาวะก้าวกระโดดครั้งสำคัญในทางการเมือง กระทั่งนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ ถึงขั้นปรับรื้อโครงสร้างสังคมไทย ภายใต้คำขวัญล้มระบบอำมาตย์ สร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

อันที่จริงความขัดแย้งเชิงโครงสร้าง  ทั้งในทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ ดำรงอยู่ในสังคมไทยมายาวนานนับสิบปีแล้ว โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เป็นต้นมา จนคาดการณ์กันว่าสักวันหนึ่งสังคมไทยจะเกิดความขัดแย้งอย่างหนัก ถึงขั้นมีการปะทะกันครั้งใหญ่ ซึ่งก็มาถึงแล้ว

แนวโน้มจะจบลงอย่างไร  คงคาดเดาได้ยาก เพราะความขัดแย้งจะจบก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ่อนกำลัง ความขัดแย้งคราวนี้ มิอาจจบลงด้วยความสมานฉันท์ โดยละเลยข้อเท็จจริงทางภววิสัย

จากนี้เป็นต้นไป เราจะเข้าสู่บรรยากาศความรุนแรง เนื่องจากความขัดแย้งหนนี้  ถูกยกระดับขึ้นเป็นความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์อย่างเข้มข้น ทุกอย่างจึงไม่ได้เรียบง่ายเหมือนอย่างแต่ก่อน

วันนี้มีคนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าระบบอำมาตย์ เป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้นต้องจำกัดอำนาจของระบบอำมาตย์ ซึ่งเขามองไม่เห็นวิธีอื่น  นอกจากต้องใช้ความรุนแรง

ขณะที่ฝ่ายอำมาตย์เองก็มองว่า  ฝ่ายตรงกันข้ามเป็นศัตรูหลักที่ต้องกำจัดให้สูญสิ้น

เมื่อทั้ง 2 ฝ่าย ต่างมองอีกฝ่ายเป็นศัตรูสำคัญ ต้องกำจัดให้หมดไป ความรุนแรงขนานใหญ่จึงหลีกเลี่ยงได้ยาก เห็นได้จากขณะนี้มีการดึงบางสถาบันในสังคมไทยมาเป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตรงกันข้ามอย่างโจ่งแจ้ง

ถึงแม้ชนชั้นนำในสังคมไทย จะมีความขัดแย้ง ทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่โครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นนำกับประชาชนทั่วไป ไม่ได้มีผลต่อกันมากนัก ที่สำคัญสังคมไทยสามารถพึ่งพาตัวเองด้านอาหารได้ โดยไม่ต้องพึ่งพิงพ่อค้านำเข้า ผู้คนในท้องถิ่นจึงน่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

ส่วนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คงจะเป็นด้านการเมืองมากกว่า

อันดับแรก ความไม่มั่นคงของรัฐจะสูงขึ้น คนจะเคารพกฎหมายน้อยลง  อาชญากรรมโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งจะพุ่งสูงขึ้น

ในส่วนของภาคใต้ น่าจะได้รับผลกระทบน้อยมาก  เพราะไม่ได้เป็นพื้นที่ขัดแย้งรุนแรง เศรษฐกิจภาคใต้พึ่งพาการส่งออก ที่ค่อนข้างเป็นอิสระจากเศรษฐกิจศูนย์กลาง

ทางออกจากความขัดแย้งครั้งนี้  คงต้องเรียกร้องให้ประชาชนออกมาคัดค้านการใช้ความรุนแรง  ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร การปราบปราม การตอบโต้ฝ่ายตรงกันข้ามด้วยวิธีการรุนแรง

เราต้องปล่อยให้การเมืองดำเนินไปตามกระบวนการ เปิดให้มีการเลือกตั้งโดยทุกฝ่ายต้องยอมรับผลที่ออกมา เพื่อให้รัฐสภาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่

ภาคประชาชนเอง ต้องยุติการเรียกร้องใดๆ  ที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง เพราะไม่มีใครฆ่าฝ่ายใดได้หมด ถ้าปล่อยให้ฆ่ากันต่อไป บ้านเมืองจะเกิดกลียุค

การปล่อยให้มีการเลือกตั้ง อาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้  ถ้าทุกคนยอมรับกติกา อย่าเอาปัญหาเล็กมาเป็นปัญหาใหญ่  มาถึงขั้นนี้แล้ว มีทางออกเดียวเท่านั้นคือ การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ไว้วางใจได้ โดยทุกฝ่ายยอมรับผลที่ออกมา ทางออกอื่นไม่มี ถ้าไม่ยอมรับทางออกนี้ ก็ต้องยอมรับสภาพกลียุค เดือดร้อนกันถ้วนหน้า

ข้อเรียกร้องนี้อาจจะเป็นไปได้ยาก  แต่ก็เป็นทางออกเดียวที่เหลืออยู่
 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

“ไชยยันต์” ทำแถลงการณ์จี้ปล่อย “สมยศ-ผู้ถูกจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ชุมชน Facebook ร่วมลงชือ

Posted: 04 Jun 2010 02:12 AM PDT

ไชยันต์ รัชชกูล เขียนแถลงการณ์ร้องรัฐฯ ปล่อยตัว สมยศและผู้ถูกควบคุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมจี้ยกเลิกโดยไม่มีเงื่อนไข แถมเรียกร้องมโนธรรมสำนึกผู้บริหารประเทศกล่าวคำขอโทษต่อประชาชนและลาออกไป ล่าสุดมีผู้ใช้ Facebook กว่า 200 คน ร่วมลงชื่อด้วย

<!--break-->

วันนี้ (4 มิ.ย.) แถลงการณ์ “ขอให้ปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และผู้ถูกจับกุมขุมขังจาก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งยกเลิก พ.ร.ก.นี้โดยด่วน” ที่เขียนและรวบรวมรายนามผู้ร่วมเรียกร้อง โดยนายไชยันต์ รัชชกูล นักวิชาการสาขานิติศาสตร์ ถูกนำไปลงใน Facebook ล่าสุด เมื่อเวลา 14.40 น.วันนี้ มีผู้ร่วมลงนามท้ายแถลงการณ์แล้วจำนวนกว่า 200 คน

แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า แม้การปล่อยตัว ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาถือเป็นการกระทำที่สมควร แต่ก็ยังมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และบุคคลที่สาธารณชนไม่ทราบชื่ออีกจำนวนมากซึ่งได้ถูกจับกุมและควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยบุคคลเหล่านั้นโดยเร็ว พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการยกเลิก พ.ร.ก.ฉบับนี้โดยไม่มีเงื่อนไขข้ออ้างใดๆ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ์ของประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล 

อีกทั้งยังเรียกร้องต่อรัฐบาลด้วยว่า เพื่อแสดงถึงมโนธรรมสำนึกทั้งในฐานะผู้รับผิดชอบการบริหารประเทศ และในฐานะมนุษย์ปกติ และเพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้แก่การพัฒนาสังคมประชาธิปไตยต่อไป จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้กล่าวคำขอโทษต่อประชาชนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเป็นทางการและกราบบังคมทูลลาออกไป 

“การพยายามทำการจับกุมผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง และผู้อยู่ตรงข้ามกับกำแพงความคิด ทั้งก่อนและหลังการทำลายการชุมนุมที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 นั้น เป็นดัชนีที่แสดงให้เห็นว่า นอกจากรัฐบาลชุดนี้จะมิได้สำนึกถึงบาปมหันต์ที่ก่อแก่ชีวิตและร่างกายของผู้คนจำนวนนับร้อยนับพันแล้ว ยังดำเนินการปราบปรามผู้คนที่รัฐบาลนึกคิดไปว่า จะกระทบกระเทือนความมั่นคงของตนอย่างไม่ลดละอีกด้วย” แถลงการณ์ระบุ

 

แถลงการณ์

ขอให้ปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และผู้ถูกจับกุมขุมขังจาก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งยกเลิก พ.ร.ก.นี้โดยด่วน

การพยายามทำการจับกุมผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง และผู้อยู่ตรงข้ามกับกำแพงความคิด ทั้งก่อนและหลังการทำลายการชุมนุมที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ นั้น เป็นดัชนีที่แสดงให้เห็นว่า นอกจากรัฐบาลชุดนี้จะมิได้สำนึกถึงบาปมหันต์ที่ก่อแก่ชีวิตและร่างกายของผู้คนจำนวนนับร้อยนับพันแล้ว ยังดำเนินการปราบปรามผู้คนที่รัฐบาลนึกคิดไปว่า จะกระทบกระเทือนความมั่นคงของตนอย่างไม่ลดละอีกด้วย

การกระทำเหล่านี้เกินขีดขั้นและทั้งทำลายหลักการ “นิติรัฐ” ที่หัวหน้ารัฐบาลชุดนี้ชอบกล่าวอ้างให้ความชอบธรรมของตน นายกรัฐมนตรี คงทราบหรือสมควรจะทราบว่า หลักข้อหนึ่งในบรรดาหลักสำคัญทั้งสามข้อของนิติรัฐ คือ การปกป้องพลเมืองภายใต้การกำกับของรัฐมิให้ถูกละเมิดสิทธิ์และข่มเหง ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใด รัฐจึงจำเป็นต้องบัญญัติกฎหมายตามหลักนิติธรรม แต่ถ้าจะมีเงื่อนไขที่จะใช้กฎหมายใดๆที่ขัดกับหลักการนี้ ก็จำต้องใช้อย่างจำกัดที่สุดเท่าที่ความจำเป็นบังคับ (เช่น ในลักษณะเดียวกับการป้องกันตนเองในสภาวะอันตรายเฉพาะหน้า) 

รัฐบาลนี้ได้กระทำการไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทั้ง ศีลธรรมเบื้องต้น จริยธรรมของการปกครอง ไปจนถึงการยึดหลักการนิติธรรมอย่างสิ้นเชิง โดยเนื้อแท้แล้ว ย่อมไร้ความชอบธรรมในการที่จะดำรงอยู่ในอำนาจเพื่อบริหารราชการแผ่นดินอีกต่อไป ดังนั้นข้าพเจ้าผู้มีรายนามตามที่ปรากฏข้างล่าง มีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

แม้การปล่อยตัว ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ นั้นจะเป็นการกระทำที่สมควร กระนั้นก็ยังมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และอีกหลายต่อหลายท่านที่สาธารณชนไม่ทราบนาม ที่กำลังตกอยู่ในฐานะเช่นเดียวกับที่อาจารย์สุธาชัยได้ประสบ จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวท่านทั้งหลายเหล่านั้นโดยเร็ว 

เพื่อเป็นการป้องกันการละเมิดสิทธิ์ของประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล จึงขอเรียกร้องให้ดำเนินการยกเลิก พ.ร.ก.ฉบับนี้โดยไม่มีเงื่อนไขข้ออ้างใดๆ

เพื่อแสดงถึงมโนธรรมสำนึกทั้งในฐานะผู้รับผิดชอบการบริหารประเทศ และในฐานะมนุษย์ปกติ และเพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้แก่การพัฒนาสังคมประชาธิปไตยต่อไป จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้กล่าวคำขอโทษต่อประชาชนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเป็นทางการและกราบบังคมทูลลาออกไป 

๒ มิถุนายน ๒๕๕๓

รายนามผู้ร่วมเรียกร้อง

นายไชยันต์ รัชชกูล อาจารย์พิเศษวิชานิติปรัชญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

กนิษฐ์ มิตินันท์วงศ์ ศิริจันทร์

สิริเพ็ญ พิริยจิตรกรกิจ 

วรยุทธ ศรีวรกุล

ธีรพจน์ ศิริจันทร์ 

สุชาติ เศรษฐมาลินี

ฯลฯ

 

รายชื่อล่าสุดเมื่อเวลา 14.40 น.วันที่ 4 มิ.ย.53 

ติดตามได้จาก  http://www.facebook.com/event.php?eid=122530091120185

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ปชป ปรับตำแหน่ง 5 รมต.

Posted: 04 Jun 2010 01:27 AM PDT

ปชป. ปรับออก 5 ตำแหน่ง ได้แก่คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช, สาทิตย์ วงศ์หนองเตย, ธีระ สลักเพชร, ไพฑูรย์ แก้วทอง และระนองรักษ์ สุวรรณฉวีเปลี่ยนเอา องอาจ คล้ามไพบูลย์, จุติ ไกรฤกษ์, เฉลิมชัยศรีอ่อน, ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ และนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติเข้าดำรงตำแหน่งแทน

<!--break-->

วันที่ 4 มิ.ย.  2553 ผลการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มติให้ปรับรัฐมนตรีในส่วนของพรรค 5 ตำแหน่งด้วยกัน ได้แก่

1.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกรทะรวงวิทยาศาสตร์ แทน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช โดยเป็นตำแหน่งสับเปลี่ยนในโควตา กทม.

2.นายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทนนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย

3.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขนธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แทนนายธีระ สลักเพชร ในโควตาภาคกลาง

4.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แทนนายไพฑูรย์ แก้วทอง

5. นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ถูกโยกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาฯ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที แทนตำแหน่งของ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี จากโควตากลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

3 เครือข่ายเอ็นจีโอต้านการค้ามนุษย์เผยสถานการณ์ค้ามนุษย์ในไทยเข้าขั้นวิกฤต

Posted: 04 Jun 2010 01:23 AM PDT

<!--break-->

3 เครือข่ายเอ็นจีโอต้านการค้ามนุษย์ผนึกกำลังแถลงข่าวเนื่องในวันต่อต้านการ ค้ามนุษย์แห่งชาติ เผยไทยสถานการณ์ค้ามนุษย์เข้าขั้นวิกฤต LPN เตือนไทยเสี่ยงถูกบอยคอตสินค้าที่เกี่ยวกับกระบวนการค้ามนุษย์ เอ็นจีโอเหนือเปิด 5 จังหวัดเสี่ยง เชียงราย ลำปาง พะเยา เชียงใหม่  สถิติถูกล่อลวงสูงสุด สลดสุดนำเด็กจากค่ายอพยพไปเป็นคนรับใช้ ด้านมูลนิธิกระจกเงาชี้แรงงานประมงถูกล่อลวงมากสุด แฉวงจรอุบาทว์ นักการเมืองไทยเล่นบทหนุนหลังกระบวนการคนค้าคน  พบ ทั้งเรือประมงเถื่อน ปลอมแปลงเอกสาร

3 มิ.ย.53 - เวลา 13.00 น.  ที่อาคารมูลนิธิกระจกเงา   3 เครือ ข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านการค้ามนุษย์ประกอบด้วย มูลนิธิกระจกเงา  มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN)  และหน่วยประสานงานต่อต้านการค้ามนุษย์ ภาคเหนือตอนบน (TRAFCORD) ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวเนื่องในวันต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติ โดยนายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) กล่าวว่า สืบเนื่องในวันที่ 5 มิ.ย.ที่จะถึงนี้เป็นวันต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติ ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอันดับโดยสหรัฐอเมริกาว่ามีสถานการณ์การค้ามนุษย์ที่น่า เป็นห่วง และตลอดเวลาการทำงานนั้นเราพบว่าสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทยไม่ได้ลด จำนวนลง ซ้ำร้ายกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นในหลายรูปแบบ โดยแรงงานที่เราพบว่ามีปัญหาในการถูกกระทำในกระบวนการค้ามนุษย์มากที่สุดคือ แรงงงานประมง โดยแรงงานข้ามชาติที่ถูกล่อลวงมากที่สุดคือชาวพม่า

ทั้งนี้ประเทศไทยมีสถานะเป็นประเทศปลายทางทีแรงงานข้ามชาติมุ่งตรงเข้ามา ประกอบอาชีพโดยมีจำนวนตัวเลขแรงงานโดยประมาณการทั้งหมดมาก 3-4 ล้านคน โดยเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมายประมาณ 7 แสนคนเท่านั้น

ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับจำนวนตัวเลขของแรงงานที่เข้ามาอย่างผิดกฏหมายนี้คือกระบวนการในการ เข้ามาของแรงงานข้ามชาติที่ต้องผ่านกระบวนการจ่ายเงินจากทั้งนายหน้า และนายหน้าก็จะต้องนำเข้ามาเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ของทางราชการบางส่วนที่รับ ผิดชอบในเรื่องนี้ในไทยซึ่ง และนอกจากนี้ในส่วนของผู้ประกอบการเองยังขาดจิตสำนึกในการจ้างงานให้ถูก กฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการบางคนอยากได้แรงงานที่มีราคาถูกโดยไม่สนใจซึ่งกระบวนการของ การได้มาของแรงงาน  และหากประเทศไทยยังคงสภาพการค้า มนุษย์อยู่แบบนี้ต่อไปไทยจะเสี่ยงต่อการถูกทั่วโลกบอยคอตสินค้าที่ได้มาจาก การประมงได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นปัญหาอีกเรื่องคือกระบวนการในการเยียวยาผู้เสียหายา จากภาครัฐที่เป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งกระทรวงแรงงานจำเป็นที่จะต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานหรือแผนกขึ้นมาเพื่อ รับผิดชอบเรื่องการค้ามนุษย์โดยเฉพาะ

ด้านนางสาวเดือน วงษา ผู้จัดการหน่วยประสานงานต่อต้านการค้ามนุษย์ภาคเหนือตอนบน (TRAFCORD) กล่าวถึงสถานการณ์ในการค้า มนุษย์ทางภาคเหนือว่า  สถิติการรับแจ้งเหตุของเราใน ปีพ.ศ. 2553 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 35 กรณี และได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทั้งสิ้น 4 กรณี มีผู้ได้รับความช่วยเหลือ 22 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 10 ราย โดยดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจากการค้ามนุษย์ จำนวน 11 คน ซึ่งสถานการณ์ปัญหาการค้ามนุษย์ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ส่วนมากเป็นรูปแบบการบังคับค้าประเวณี มีทั้งชาวไทย และชาวพม่า และกลุ่มชาติพันธุ์ มีการชักชวนและล่อลวงให้ขายบริการทางเพศในสถานค้าประเวณี ร้านคาราโอเกะ อาบอบนวด นอกจากนั้นยังมี มีขบวนการนำพาเด็กจากค่ายอพยพจังหวัดตากเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน เมื่อถูกจับจะมีขบวนการติดต่อนำเด็กไปขายเพื่อเป็นแรงงานรับใช้ในบ้าน โดยเด็กแทบจะไม่ได้รับเงินจากการทำงานและทำงานโดยไม่เต็มใจ

“นอกจากนี้ปัญหาในการค้ามนุษย์ทางภาคเหนือ เรายังพบการล่อลวงเด็กผู้ชายจากแม่สอดไปบังคับให้ขายขนมโรตีในจังหวัด เชียงใหม่ มีการข่มขู่และทำร้ายร่างกาย รวมถึงการติดต่อชักชวนเด็กเล็กจากครอบครัวในประเทศพม่ามายังจังหวัด เชียงใหม่เพื่อบังคับให้ขายดอกไม้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีขบวนการจัดหาคนไปทำงานต่างประเทศซึ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่ ไต้หวัน เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ และแถบยุโรปฯ พื้นที่มีความเสี่ยงสูงคือ จ.เชียงราย ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ โดยไปทั้งแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย นายหน้าจะหลอกให้จ่ายเงิน ในราคาสูงและต้องทำงานในสภาพที่เลวร้ายในต่างประเทศทั้งการบังคับใช้แรงงาน และค้าประเวณี” ผู้ประสานงาน TRAFCORDกล่าว

ขณะที่นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์มูลนิธิกระจกเงากล่าวว่า  ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศไทย เข้าสู่ขั้นวิกฤตโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมภาคประมง เพราะอุตสาหกรรมประมงของไทยมีขนาดใหญ่ระดับโลกแต่เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานขั้น รุนแรงจึงทำให้เกิดขบวนการค้ามนุษย์เพื่อจัดหาคนเข้าสู่อุตสาหกรรมดังกล่าว และข้อมูลที่น่าตกใจคือการลงพื้นที่เราพบว่าในบางพื้นที่มีนักการเมืองและ ข้าราชการสบคบกันหนุนหลังขบวนการเหล่านี้ ในขณะที่ระเบียบและกฎหมายในการควบคุมอุตสาหกรรมประมงหลายฉบับไม่สามารถใช้ อย่างได้ผล หรือเกิดการจงใจไม่บังคับใช้จากเจ้าหน้าที่รัฐ  แรงงานถูกดำเนินการโดยขบวนการนายหน้าค้ามนุษย์ มีการปลอมแปลงเอกสารคนประจำเรือหรือ (sea man book) ซึ่งเป็นเอกสารประจำตัวของลูกเรือประมงที่ใช้แสดงสถานะบนเรือประมง  พร้อมทั้งมีเรือประมงเถื่อนจำนวนมากที่ไม่สามารถตรวจสอบ ข้อมูลภายหลังจากกระทำผิดกับแรงงานได้ ซึ่งรูปแบบของการกดขี่แรงงานมีตั้งแต่ระดับเบาสุดจนถึงหนักสุด โดยระดับเบาสุดคือการไม่จ่ายค่าจ้างและการจ่ายค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม การทำร้ายทุบตี รวมถึงความโหดร้ายที่แรงงานต้องพบเจออย่างรุนแรงที่สุดคือการถูกฆาตกรรมด้วย รูปแบบที่ทารุณ ปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ใช่ว่าหน่วยงานภาครัฐจะไม่รับรู้ แต่ตกอยู่ในสถานะของการปิดตาข้างเดียว นิ่งเฉยต่อการแก้ไขปัญหาเพราะธุรกิจประมงส่วนหนึ่งมีนักการเมืองเป็นเจ้าของ กิจการ”หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงากล่าว

นายเอกลักษณ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามของเจ้าหน้าที่รัฐแม้ว่าจะดูเหมือนมี ความพยายามในการจัดการปัญหาแต่ก็เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์พ.ศ. 2551 ออกมาบังคับใช้ถึง 2 ปีเต็ม  แต่ยังเกิดปัญหาในการตีความของ ผู้บังคับใช้กฎหมายในเรื่องของคำว่า “ผู้เสียหาย” และองค์ประกอบของการกระทำความผิด จนทำให้ผู้เสียหายหลายรายไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่นมีผู้เสียหายหลายรายไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักแต่ตำรวจ พยายามทำให้คดีค้ามนุษย์กลายเป็นคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งในประเด็นนี้หน่วยงานจะมีข้อเสนอเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการอย่าง ถูกต้องต่อไป
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ใบตองแห้ง...ออนไลน์: The Last White Hope

Posted: 04 Jun 2010 12:52 AM PDT

<!--break-->

 
 
 
และแล้ว คนกรุง คนชั้นกลาง หมวยลี่ ผู้ดี เซเลบส์ ก็ได้ช็อปกระหน่ำฉ่ำใจแถมยังได้ช่วยชาติอีกต่างหาก ในมหกรรมช็อปแหลกแจกแถมหลากหลาย ที่จัดขึ้นเพื่อลบลืมคนตาย 88 ศพ บาดเจ็บ 1,885 คน (แล้วเอาช่อดอกไม้ไปให้กำลังใจซากตึกแทน)
 
นี่หรือคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “เยียวยา” “ปรองดอง”
 
ป่วยการที่ฝ่ายค้านจะโชว์คลิปโชว์ภาพ มีควันหรือไม่มีควัน เพราะคนกรุงคนชั้นกลางกำลังมีความสุข “เอาความสุขของกูคืนมา” บางคนปฏิเสธที่จะรับฟังข้อมูลของ “พวกเผาบ้านเผาเมือง” ตั้งแต่ในมุ้ง บางคนร้ายกว่านั้น แกล้งทำเป็นกลางแล้วบอกว่าอย่ารื้อฟื้นสร้างความแตกแยก “ปรองดอง” กันบนกองศพดีกว่า
 
ผมไม่ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยทั้งสองวัน เพราะป่วยการที่จะดู คนชั้นกลางไว้วางใจ “ระบอบอภิสิทธิ์” อยู่แล้ว เพราะ “ระบอบอภิสิทธิ์” นำ “ความสุขคืนมา” ด้วยอำนาจเผด็จการพลเรือนเต็มรูปภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน คนชั้นกลางกำลังมีความสุข เพราะมีรัฐบาลถูกจริต อำมาตย์ กองทัพ ตุลาการ เป็นเกราะคุ้มครองป้องกัน และคนชั้นกลางก็จะเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันอำนาจเหล่านี้
 
ฉะนั้นถ้ารัฐบาลอยากใช้ พรก.ฉุกเฉินไปอีกเป็นปี คนกรุงคนชั้นกลางก็จะมอบฉันทามติให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ สมมติกองทัพจะตั้ง “ฉก.สองตัว” ขึ้นในภาคเหนือภาคอีสาน คนกรุงคนชั้นกลางก็คงจะเรี่ยไรกันซื้อเสื้อเกราะให้ทหารไปปราบ “ผู้ก่อการร้ายเสื้อแดง”
                                                                                            
คนชั้นกลางไม่เดือดร้อนที่’จารย์ยิ้มเพื่อนผม กับสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกจับกุมคุมขังโดยไม่ตั้งข้อหา กรรมการสิทธิ องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่เป็นปากเสียงของคนชั้นกลาง ไม่ยักต่อสู้ปกป้อง “สิทธิโจร” เหมือนที่โวยวายกันใน 3 จังหวัดภาคใต้ นปช.100 กว่าคนที่เป็นชาวบ้าน ถูกจับกุมคุมขัง ไม่มีใครไปดูแลปกป้องสิทธิของเขา สนใจเฉพาะแกนนำ 8 คนว่าต้องไม่ให้มันอยู่สบาย ต้องให้นอนคุกขี้ไก่
 
คนชั้นกลางอ้ารับคำชี้แจงของสุภาพบุรุษชายชาติทหาร ว่าไม่ได้สั่งฆ่าประชาชน ถ้าสั่งให้ยิงจริงต้องมีคนตายเป็นพัน จอมพลถนอมกับพลเอกสุจินดาฟังแล้วหัวร่อจนน้ำตาไหล ถนอมกับสุจินดาก็ไม่ได้สั่งว่าเห็นม็อบที่ไหนฆ่าแม่มให้หมด 14 ตุลากับพฤษภาทมิฬยังมีคนตายน้อยกว่านี้ แต่ทำไมถูกประณามเป็นทรราชย์ ก็เพราะสั่งการให้ใช้ทหารพร้อมอาวุธกระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม
 
นี่หนักกว่านะครับ เพราะติดป้าย “เขตใช้กระสุนจริง” พร้อมสั่งให้ยิงได้ทันทีถ้ามวลชนเข้าใกล้ ต่อให้ไม่มีอาวุธ แต่อ้างว่าให้ยิงขา ขณะที่มีสไนเปอร์ประจำทุกหน่วย มีภาพที่เล็งยิงไปยังผู้ชุมนุม แต่คนชั้นกลางต้องให้เห็นชัดเจนเหมือนในหนัง แบบว่ายิงเปรี้ยงแล้วแพนกล้องไปเห็นเสื้อแดงล้มลงชักแหง็กๆ หัวเป็นรูโบ๋
 
ในแง่ของผู้มีอำนาจสูงสุดฝ่ายบริหาร ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องสั่งให้ “ฆ่ามัน” ถึงต้องรับผิดชอบ แต่คุณออกคำสั่งปลายเปิด ที่เล็งเห็นได้ว่าจะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก คุณก็ต้องรับผิดชอบ
 
แต่เมื่อ “กระแสสังคม” (ซึ่งคนชั้นกลางเป็นตัวกำหนด) กำลังมีความสุขจากการใช้ “กระสุนจริง” ปราบปราม “พวกเผาบ้านเผาเมือง” กระแสสังคมจึงหลับตาข้างลืมตาข้างเพื่อปกป้อง
 
ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแปลกใจ ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เมื่อเสื้อแดงไปเขย่า “โลกอันสุขสงบและพอเพียง” ของคนกรุงคนชั้นกลาง พวกเขาก็ออกมาปกป้องสนับสนุนระบอบอภิสิทธิ์ อย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตร ไม่เฉพาะพวก ultra ราชาชาตินิยม แต่เป็นคนชั้นกลางข้างมากหลากหลาย กระทั่ง “มวลชนเฟซบุค” คนรุ่นใหม่ในโลกไซเบอร์ที่มีการศึกษาสูง จบโทจบเอก พูดได้หลายภาษา กล้าๆ เขียนไปตอบโต้ CNN จนเป็นฮีโร่ (ก็กล้าได้ตามสบาย เพราะแดน ริเวอร์ ไม่มีอำนาจจับใครไปคุมขัง)
 
โห ขนาดไก่อูได้ขึ้นปก a day ฉบับหน้าเอาสไนเปอร์มาสัมภาษณ์เลยครับ
 
คำถามที่อยากถาม “คนชั้นกลางหัวเขียว” คือ “โลกทั้งใบของนายคนเดียว” จะยังอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน จะหลบลืมไปได้นานแค่ไหน
 
ผมชอบใจและสะใจเล็กๆ ที่คนชั้นกลางบางราย อย่างสุกี้ สุโกศล ที่แม้จะปกป้องระบอบอภิสิทธิ์ แต่ก็ยอมรับว่า “ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จะไม่กลับไปอีกแล้ว” ต้องเปลี่ยนประเทศไทย (แต่ก็ยอมรับอีกว่า คนมีการศึกษา คนที่ทำอะไรได้ 95% ไม่ทำอะไร)
 
 
ปฏิรูปใต้อุ้ง?
 
เป็นเรื่องน่ายินดีปนน่าขำ ที่คนชั้นกลางจำนวนหนึ่งตื่นตัวกลัวหายนะ ลุกขึ้นมาบอกว่าจะต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ปฏิรูปประเทศไทย ทั้งคนหน้าใหม่ๆ และ NGO พันธมิตรหน้าเก่าๆ
 
ในจำนวนนี้ผมชื่นชมคุณสมเถา สุจริตกุล มากที่สุด ไม่ใคร่จะเห็นด้วยกับผู้ที่ตอบโต้คุณสมเถาอย่างร้อนแรง เพราะคุณสมเถาแสดงความเข้าใจและเห็นใจการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของมวลชนเสื้อแดงอย่างจริงใจ แม้ไม่เห็นด้วยกับแกนนำและวิธีการ แต่ก็ยอมรับว่าการลุกตื่นขึ้นมาของคนเสื้อแดงได้ “เปลี่ยนเมืองไทยไปแล้วชั่วนิรันดร์”
 
ผมยังชื่นชมที่คุณสมเถาเขียนได้สละสลวย งดงามจากก้นบึ้งของหัวใจ ของศิลปินผู้มีความหวังในการร่วมกันสร้างสรรค์สังคมดีงาม เราควรขอบคุณคุณสมเถา ที่เปิดหัวใจให้กับมวลชนเสื้อแดงอย่างพี่น้องร่วมชาติ ท่ามกลางกระแสของคนชั้นกลางส่วนใหญ่ที่มีแต่ “สะใจ” “ฆ่ามัน”
 
ผมเพียงเห็นต่างกับคุณสมเถาอย่างเดียว คือที่บอกว่า “คุณอภิสิทธิ์เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นในเชิงความคิดมากกว่าแกนนำจำนวนหนึ่งของคุณ หากเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าเขามีกรอบความคิดเหมือนผู้นำเผด็จการทหารหลายคนที่เคยมีมาในอดีต ซากศพจากเหตุเมื่อสองสามวันก่อนคงมากมายเกินกว่าจะทำใจได้”
 
กระนั้นผมก็ยังเห็นว่าในบรรดาคนชั้นกลางที่สนับสนุน “ระบอบอภิสิทธิ์” คุณสมเถาคือคนระดับ A+ เมื่อเทียบกับพวกปทปรมะ ที่คิดว่าคนเสื้อแดงคือพวก “ล้มเจ้า” “ทาสทักษิณ” “ม็อบรับจ้าง” “bad hygiene”
 
อย่างน้อยผมก็ชื่นชอบการเขียนถึง “ภูเขา” ของคุณสมเถา มากกว่า “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ของขุนนาง NGO ที่ออกมาไล่ๆ กัน
 
ตลกดีนะครับที่บุคคลชั้นนำแห่ออกมาประสานเสียงเรื่องการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ไม่ว่าอานันท์ ปันยารชุน (ตัวแทนชนชั้นนำสายพิราบ) หมอประเวศ วะสี, ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (คู่หูดูโอขุนนาง NGO)
 
น่าหัวร่อที่ทั้งอานันท์และหมอประเวศพูดถึง “ทางสายกลาง” หลังจากมีการรัฐประหาร ตุลาการภิวัตน์ ทำลายพรรคการเมืองและผู้นำทางการเมืองของคนชนบท แล้วก็ใช้อำนาจเผด็จการพลเรือนปราบปรามกวาดล้างพวกเขา คุณกลับมาพูดถึง “ทางสายกลาง” และ “อนาคตร่วมกัน”
 
ยังกะโฆษณาขายประกัน “เราคือพลังสร้างอนาคต”
 
“อนาคตร่วมกัน” ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงเนี่ยนะ หมอประเวศยังเสนอตั้ง “คณะกรรมการอิสระและสมานฉันท์ (ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง)” อีกต่างหาก
 
ปากว่าตาหยิบนะครับ ไม่เห็นมึใครเรียกร้องให้เลิก พรก.ฉุกเฉินโดยเร็ว แม้แต่พวกขาวลออ ที่เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังแกล้งๆ ลืมข้อเรียกร้องให้เลิก พรก.ฉุกเฉิน แล้วมันจะอิสระได้ไง
 
หมอประเวศพูดถึงปฏิรูปประเทศไทย ไพบูลย์เรียกว่าวาระประเทศไทย อานันท์เรียกว่าวาระประชาชน เร่งแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของการกระจายรายได้ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงและโอกาส ฯลฯ
 
ทั้งหมดนี้ พวกท่านทั้งหลายหวังว่าจะทำให้สำเร็จได้ภายใต้ “ระบอบอภิสิทธิ์(ชน)”
 
ฝันไปเถอะครับ
 
คุณสมเถาเขียนด้วยทัศนะที่มองโลกในแง่ดีว่า อภิสิทธิ์เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นมากกว่าแกนนำเสื้อแดง นั่นคือคุณสมเถายังมองอภิสิทธิ์ในแง่ตัวบุคคลมากกว่า “ระบอบ” ที่อภิสิทธิ์เป็นตัวแทนของระบอบอุปถัมภ์ ชนชั้นนำ รัฐราชการ ทหาร ตุลาการ อำมาตย์ ถามว่าคนเหล่านี้หรือที่จะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทย วาระประเทศไทย ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ฯลฯ
 
การมองภาพตัวบุคคลบนโพเดียมเป็นแค่ภาพลวงตา ด้วยคำพูด ด้วยอากัปกิริยา อภิสิทธิ์แสดงออกเหมือนผู้นำรุ่นใหม่ที่มีจิตใจประชาธิปไตย แต่ถามว่าพฤติกรรมในการขึ้นสู่อำนาจตั้งแต่ ม.7 มาถึงตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร มันแสดงออกถึงอะไร อภิสิทธิ์เมื่อปี 35 หรืออภิสิทธิ์เมื่อปี 51 กับอภิสิทธิ์วันนี้ไม่ใช่คนเดียวกันนะครับ อำนาจเปลี่ยนคนได้ไม่ว่าทักษิณหรือใครก็ตาม
 
แต่เอาเถอะ ตัวบุคคลยังไม่สำคัญเท่าระบอบ ต่อให้อภิสิทธิ์อยากปฏิรูป คนชั้นกลางวาดฝันว่าจะปฏิรูป โดยร่วมมือกับกองทัพ อำมาตย์ ชนชั้นนำ กลุ่มทุน (สองสูงแบบเจ้าสัวซีพีเอาไหม) สร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้ กระจายโอกาส ถามว่าเป็นจริงไปได้หรือ
 
คุณไปบอกเจ้าสัวแบงก์กรุงเทพฯ ขอกำหนดส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝากก่อนได้ไหม คุณไปบอกกองทัพที่ได้งบประมาณเพิ่ม 2 เท่าใน 4 ปีหลังรัฐประหาร ลดกำลังพลลดงบซื้ออาวุธลงได้ไหม คุณไปบอกพลเอกเปรมเลิกความฝันอยากเห็นกองพลทหารม้าที่ 3 ก่อนตาย ได้ไหม คุณไปบอกตุลาการว่าขอขึ้นเงินเดือนข้าราชการส่วนอื่น ไม่ขึ้นให้ตุลาการที่สูงปรี๊ดอยู่แล้ว ได้ไหม
 
นี่แค่ยกตัวอย่างจิ๊บๆ ไม่ต้องพูดถึงการกระจายอำนาจ การตรวจสอบอำนาจ ที่เป็นหลักประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์
 
เพราะอันที่จริงคนชั้นกลางก็ไม่ต้องการประชาธิปไตยสมบูรณ์อยู่แล้ว เพียงต้องการ “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” เพื่อปกป้องโลกอันแสนสุขของตนที่ประนีประนอมอยู่กับระบอบอุปถัมภ์ กระนั้นก็ยังทะลึ่งคิดว่า “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” นี้แหละ จะสร้างความเป็นธรรมให้สังคมได้
 
 
ความอยุติธรรม
 
ผมอ่านข้อเขียนของอานันท์ หมอประเวศ ไพบูลย์ เหมือนกันอยู่อย่างคือพูดถึงความปรองดอง เยียวยา แต่ไม่มีใครพูดถึง “ความยุติธรรม”
 
ถามว่าทำไมต้องพูดกันจังเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ เห็นว่าเสื้อแดงลุกฮือขึ้นมาเพราะจน อย่างนั้นหรือ โอเค อาจไม่ได้บอกว่ารับจ้างม็อบ อาจมองในแง่ดีขึ้นมาหน่อยว่าเพราะคนชนบทยากจน ฝากความหวังกับนโยบายประชานิยมของทักษิณ จึงรักทักษิณ สู้เพื่อทักษิณ
 
นั่นมันสี่ปีที่แล้วครับ ไม่ใช่ พ.ศ.นี้ สี่ปีที่แล้วคนชนบทรักทักษิณ คนจนคนชั้นล่างรักทักษิณ แต่สี่ปีผ่านไปมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย
 
สี่ปีที่ผ่านไป จากความรักทักษิณ มันพัฒนาไปเป็นความรู้สึกว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม ผู้นำที่เขาเลือกมาไม่ได้รับความยุติธรรม พรรคการเมืองที่เขาเลือกไม่ได้รับความยุติธรรม และพวกเขาเองก็ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน “ไม่มีเส้น”
 
เขาชนะเลือกตั้งแล้วถูกแย่งยึดอำนาจ ด้วยรัฐประหาร ด้วยตุลาการภิวัฒน์ สองครั้งซ้อน ทั้งล้มรัฐบาล ทั้งยุบพรรค และเมื่อออกมาต่อสู้บนท้องถนน ก็ถูกเลือกปฏิบัติจากชนชั้นนำ ชนชั้นกลาง และกองทัพ จนถูกปราบสองปีซ้อนอีกเช่นกัน
 
ถามว่าคนเรา ทั้งที่เห็นป้าย “เขตใช้กระสุนจริง” ยังไม่กลัวตาย มันเพียงเพราะหวังจะได้ประชานิยมหรือครับ มีใครมั่งยอมตายเพื่อ 30 บาท กองทุนหมู่บ้าน SML หรือเงิน 5 หมื่นที่ทักษิณสัญญาถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาล
 
คนชั้นกลางดูหมิ่นน้ำใจคนชนบทมากไป ที่เชื่อว่าพวกเขายอมตายเพราะรักทักษิณ หรือเพราะผลประโยชน์ ไม่ได้มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับมวลชนเสื้อแดงเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่แค่รัก ไม่ใช่เพราะชอบนโยบาย แต่มันกลายเป็นความรู้สึกร่วมอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ถูกกระทำเหมือนๆ กัน คับแค้นเหมือน ๆกัน
 
ความรักไม่ทำให้คนบ้าบิ่นไม่กลัวตายหรอกครับ มีแต่ความโกรธ เกลียด คับแค้นแน่นอก ที่เผชิญมาด้วยตนเอง จึงทำให้คนลุกขึ้นสู้พร้อมจะแลกชีวิต
 
ความอยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต่างหากที่ทำให้เสิ้อแดงพร้อมพลีชีพ กระทั่งพร้อมจะสู้ต่อไปทุกรูปแบบ ไม่ว่าใต้ดินบนดิน ท่านทั้งหลายพูดถึงความปรองดอง เยียวยา แต่ไม่พูดถึงความยุติธรรม แล้วจะปรองดองกันได้อย่างไร
 
ฉะนั้นก็เชิญปรองดองกันไปข้างเดียวเถอะครับ จะปฏิรูปประเทศไทยจะกระจายความเป็นธรรมอะไร ก็เชิญทำกันตามสบาย เพราะคนเสื้อแดงไม่ร่วมมือ คนชั้นกลาง “เสรีนิยม” อย่างผมก็ไม่ร่วมมือ เพราะผมไม่เชื่อการปฏิรูปโดย “ระบอบอภิสิทธิ์(ชน)” หรือ “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่เชื่อว่า “ระบอบทักษิณ” จะปฏิรูปได้ แต่ผมเชื่อในการละลายขั้วอำนาจ-ทุกขั้ว ให้ลงมาอยู่ติดดิน มันจึงจะเกิด “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” ที่ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง
 
อย่างไรก็ดี วันนี้โอกาสเป็นของพวกท่านแล้ว ที่จะร่วมมือกับ “ระบอบอภิสิทธิ์” ปรับโครงสร้าง ปฏิรูปประเทศไทย สร้างความเป็นธรรม หลังจากปราบเสื้อแดงได้สำเร็จ โดยคนเสื้อแดงหรือคนชั้นกลางเสรีนิยม คงจะได้แต่นั่งเอาเท้าแช่น้ำรอรับส่วนบุญ ถ้าพวกท่านทำสำเร็จ
 
แต่บอกก่อนนะครับ โอกาสนั้นคงไม่ยาวนานนัก ท่านต้องเร่งสร้างความเป็นธรรมขนานใหญ่เลยล่ะ ระหว่างส่งทหารลงไปตรึงพื้นที่สีแดงไม่ให้โงหัว แต่ถ้าเขาโงหัวได้เมื่อไหร่ โอกาสของพวกท่านก็หมด
 
ผมชอบใจที่สนธิ ลิ้มทองกุล เปรียบอภิสิทธิ์เป็น The Last White Hope มีคนท้วงว่าสนธิพูดผิด ชื่อหนังคือ The Great White Hope แต่ผมเชื่อว่าสนธิรู้และจงใจเหน็บ เพราะจริงๆ คือ Last
 
เพียงแต่ White ไม่น่าจะหมายเฉพาะประชาธิปัตย์ แต่หมายถึงคนชั้นกลาง ชนชั้นนำ และอำมาตย์ ที่มีอภิสิทธิ์เป็นความหวังสุดท้ายจริงๆ
 
หลังจากนั้น คนดำครองหมดทั้งวงการมวย บาสเกตบอล ฟุตบอล ทั้งอเมริกันและซอคเกอร์... สนธิรู้อยู่แก่ใจ
 
                                                                        ใบตองแห้ง
                                                                        4 มิ.ย.53
 
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น