โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 7-13 มิ.ย. 2553

Posted: 13 Jun 2010 10:01 AM PDT

<!--break-->

"สุพจน์" จี้การรถไฟฯ เร่งตั้ง 3 หน่วยธุรกิจ เล็งเรียกพนักงาน-สหภาพฯ เจรจาเดือน ก.ค. เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทลูกเดินแอร์พอร์ตเรลลิงค์ 2 พันล้านบาท
ไทยโพสต์ (12 มิ.ย. 53) -
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหาร ร.ฟ.ท.ปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (Business Unit) 3 หน่วย ประกอบด้วย หน่วยเดินรถ หน่วยบริหารทรัพย์สิน และหน่วยซ่อมบำรุงให้เสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้ ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างจัดทำเอกสารแยกบัญชีการดำเนินงาน และคัดเลือกบุคลากรและอัตรากำลังของแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินงานภายในวันที่ 1 ต.ค.2553
ทั้งนี้ ประมาณกลางเดือน ก.ค.นี้ ร.ฟ.ท.จะนัดพนักงานทั้งหมดเข้ารับฟัง และชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนบริหารงานของแต่ละหน่วยธุรกิจ รวมทั้งจะเรียกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เข้ารับฟังด้วย
สำหรับบริษัทลูกเพื่อเดินรถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์) ได้จัดตั้งเสร็จแล้ว โดยได้คัดเลือกบุคลากรซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงเสร็จแล้ว เหลือเพียงการคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเท่านั้น ส่วนการขอปรับเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม 500 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท ล่าสุดได้ผ่านการเห็นชอบจากบอร์ด ร.ฟ.ท.แล้ว อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
ปัจจุบันทรัพย์สินทั้งหมดของ ร.ฟ.ท.ที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดมี 2.34 แสนไร่ แบ่งเป็นทรัพย์สินที่มีไว้ใช้เพื่อการเดินรถ 1.98 แสนไร่ มีรายได้ 1,500 ล้านบาทต่อปี, ทรัพย์สินที่ไม่ได้มีไว้เพื่อการเดินรถ 3.6 หมื่นไร่ คาดว่าเมื่อนำมาพัฒนาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 2,700 ล้านบาท
เตือนคนไทยไปทำงานมาเลเซียหากไม่ถูกกม.ถูกจับ
ฐานเศรษฐกิจ (12 มิ.ย. 53)
- สำนักงานแรงงานในประเทศมาเลเซีย ( สนร.มาเลเซีย ) ย้ำเตือนคนไทยที่ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศโดยเฉพาะคนไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นิยมเดินทางเข้ามาทำงานในร้านอาหาร ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ลดความเสี่ยงต่อการถูกจับกุมหากตรวจพบจากทางการมาเลเซีย
นายสิงหเดช ชูอำนาจ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) รายงานว่าได้ร่วมกับคณะของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปเยี่ยมคนไทย ณ สถานกักกัน Lenggeng รัฐเนกรีซัมบิลัน ซึ่งคนไทยดังกล่าวได้พ้นโทษและอยู่ระหว่างรอส่งตัวกลับประเทศไทย ในวันที่เข้าเยี่ยมมีคนไทย 24 คน เป็นชาย 21 คน หญิง 3 คน พร้อมส่งตัวกลับ 16 คน ในการนี้คณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สัมภาษณ์คนไทยทั้งหมดเพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าเกือบทั้งหมดเป็นคนไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ามาทำงานในร้านอาหารประเภทต้มยำ ในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟและพ่อครัว โดยการชักชวนของเพื่อนที่มาทำงานอยู่ก่อน ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ใช้วิธีเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเข้ามาใหม่ทุกเดือน และถูกจับในข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงาน และอยู่ในมาเลเซียนานเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต ( Overstay )
สนร.มาเลเซีย มีความเห็นว่า ยังมีคนไทยจำนวนมากที่ไม่ให้ความสำคัญกับการทำใบอนุญาตทำงาน และเข้ามาอาศัยอยู่นานเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต (วีซ่านักท่องเที่ยวอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือน) เป็นเหตุให้ถูกจับกุมเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นจึงขอประชาสัมพันธ์แก่ผู้สนใจเข้ามาทำงานในมาเลเซีย โดยเฉพาะคนไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นิยมเดินทางเข้ามาทำงานในร้านอาหาร ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อป้องกันการถูกจับต่อไป
พนักงาน บ. ไทยคูน ประท้วงปิดถนนหน้าศูนย์ราชการเรียกร้องพ่อเมืองระยองเจรจานายจ้างจ่ายเงินโบนัส
โพสต์ทูเดย์ (
11 มิ.ย. 53) - พนักงาน บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป(ประเทศไทย ) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 99 ม. 1 ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง กว่า 100 คน พากัน ปิดถนน สุขุมวิท 1เลน ฝั่งขาเข้า หน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ประท้วง นายจ้าง ที่ไม่ยอมเพิ่มเงินเดือน และจ่ายโบนัส ตามที่เรียกร้อง และขับพนักงาน กว่า 100 คน ออกจากหอพัก
นายชัชวาล สมเพชร ประธานสหภาพแรงงานไทยคูนประเทศไทย กล่าวว่า สหภาพแรงงานไทยคูนประเทศไทย มีนายจ้างเป็นชาวไต้หวัน เป็นบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ ประกอบกิจการจำหน่ายเหล็ก น๊อต สกรู ส่งขายต่างประเทศ และในประเทศ มีพนักงาน 779 คน และยังมีพนักงานรับเหมา ที่เป็นคนไทย และกัมพูชา อีก 413 คน สหภาพแรงงานได้ยิ่นข้อเรียกร้อง 2 ข้อ เมื่อ วันที่ 10มีนาคม 2553 ให้ปรับเงินเดือนพนักงานทุกคนขั้นต่ำ 7 % ของฐานเงินเดือน และขอโบนัส ประจำปี 2553 4 เดือน
ทั้งนี้หลังจากการเรียกร้อง ได้มีการเจรจา ข้อพิพาท รวม 15 ครั้ง พนักงาน รวมตัวประท้วง ที่ หน้าโรงงาน และหน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง หลายครั้ง แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้ เพราะนายจ้างอ้างว่าบริษัทขาดทุน ซึ่งขัดกับตัวเลขรายได้ ในปี 2552 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 4,986.58 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความไม่ปลอดภัยในการทำงาน หลายอย่างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้ที่ผ่านมาพนักงาน ได้รับอุบัติเหตุจากการทำงานขั้นร้ายแรงบ่อยครั้ง ล่าสุดบริษัทได้ประกาศให้พนักงานที่พักอาศัยอยู่ในหอพักของบริษัท ย้ายออกจากหอพักภายในวันที่ 11 มิ.ย. 2553 ซึ่งเป็นการกลั่นแกล้ง สร้างความเดือดร้อนให้พนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่ได้รับค่าจ้างรายวัน อาศัยอยู่หอพักเพราะสะดวกต่อการเดินทางมาทำงาน ที่สำคัญ บริษัทไม่มีสวัสดิการรถรับส่งพนักงาน
"กลุ่มพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อน จึงพากันมาประท้วงที่ศูนย์ราชการ เพื่อขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พูดคุยกับนายจ้าง แต่เจ้าหน้าที่ ไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าไปภายในสถานที่ราชการ จึงต้องปักหลักประท้วงบนถนนสุขุมวิท"นายชัชวาล กล่าว
ผลวิจัยพบไทย 6 จว.ใช้เด็กทำงานไม่เหมาะสม
เสียงใต้รายวัน (11 มิ.ย. 53) -
นางสินี ช่วงฉ่ำ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยถึงผลการศึกษาปัญหาการใช้แรงงานเด็กในพื้นที่ 6 จังหวัดคือ เชียงราย ตาก สมุทรสาคร สงขลา ปัตตานีและอุดรธานี ในการสัมมนาเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กในประเทศไทย ว่า พบเด็กทำงานไม่เหมาะสม 425 ราย เป็นเด็กไทย 176 ราย เด็กไร้สัญชาติ 38 ราย สัญชาติอื่นกว่า 200 ราย ทั้งหมดจัดเป็นเด็กทำงานไม่เหมาะสม เช่น รับจ้างในร้านอาหารคาราโอเกะ ที่ต้องทำงานเวลากลางคืน งานเกษตรกรรมที่สัมผัสใกล้ชิดสารเคมี การวิจัยพบจำนวนเด็กที่ทำงานไม่เหมาะสมแม้จะลดลงกว่าเมื่อ 4-5 ปีก่อน แต่พบว่างานในประเภทเกษตรกรรมมีสูงร้อยละ 60 ตามกฎหมายเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่ควรทำงานเพราะต้องเรียนหนังสือ ซึ่งอายุ 15-18 ปี ถือเป็นกลุ่มแรงงานเด็กคือทำงานได้ แต่ต้องดูแลให้ทำงานที่เหมาะสม เช่น งานที่ไม่มีปัญหาด้านการล่วงละเมิดทางเพศ 
นางสินี กล่าวด้วยว่า การศึกษานี้ยังไม่สามารถเป็นตัวแทนเด็กไทยทั้งประเทศได้เพราะพื้นที่ที่ศึกษาเป็นพื้นที่ทำอาชีพเกษตรกรรม จึงอาจมีส่วนทำให้จำนวนอาชีพเกษตรกรรมมีจำนวนมากที่สุดคือร้อยละ 60 ทั้งนี้ผลการศึกษาจะส่งให้คณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือแรงงานหญิงและเด็กระดับจังหวัดเพื่อส่งให้คณะทำงานแห่งชาติว่าด้วยเรื่องการแก้ปัญหาหญิงและแรงงานเด็ก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนระดับชาติ ที่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูล สำหรับข้อมูลการศึกษาแรงงานเด็กใน 6 จังหวัดนี้จะช่วยให้คณะทำงานนำไปประกอบการทำงาน อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชนและนานาชาติถึงความใส่ใจในการทำงานแก้ปัญหาแรงงานเด็กของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานในการสัมมนาดังกล่าว มีการนำเสนอแบบอย่างการปฏิบัติที่ดีและบทเรียนจากการทดลองระบบเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งมีผู้แทนจากนักวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้แทนจากท้องถิ่น และผู้แทนองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ร่วมเสวนา จะนำผลที่ได้สรุปเสนอเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ของแผนชาติต่อไป
อาชีวะจับมือ ก.แรงงานยกระดับฝีมือแรงงาน
เดลินิวส์ (
10 มิ.ย. 53) - เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ โรงแรมลองบีช ชะอำ จ.เพชรบุรี นายเฉลิมชัย สีอ่อน รมว.แรงงาน พร้อมด้วย น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ ได้ร่วมกันเปิดการสัมมนาเรื่อง “รวมพลังพัฒนาการผลิตกำลังคนของชาติ” โดย นายเฉลิมชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า ถือเป็นแนวคิดที่ดีที่กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) และ กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะร่วมมือกันยกระดับฝีมือแรงงานให้เป็นที่ยอมรับและมีมาตรฐานสากล ซึ่งจะส่งประโยชน์ต่อผู้ผลิตและแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศให้ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ด้าน น.ส.นริศรา กล่าวว่า การร่วมมือในครั้งนี้กระทรวงแรงงานจะเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์มาตรฐานของแรงงาน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการจะรับหน้าที่ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน พร้อมทั้งเตรียมบุคลากรให้มีความสอดคล้องตามที่กระทรวงแรงงานเสนอมา พร้อมกันนี้จะมีการประเมินผลและพัฒนาหลักสูตรไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานแรงงานให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
'โซนี่'ลงทุนในไทยเพิ่ม 2.6 พันล้าน จ้างงานเพิ่มอีก 1,029 คน
ไทยรัฐ (10 มิ.ย. 53) -
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอ ได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน แก่โครงการขยายการลงทุนผลิตกล้องถ่ายรูปดิจิตอล ชุดเลนส์และชิ้นส่วนสำหรับกล้องถ่ายรูปดิจิตอล ของบริษัท โซนี่ เทคโนโลยี ( ประเทศไทย ) จำกัด มูลค่า 2,606 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตกล้องถ่ายรูปดิจิติล 2,100,000 ชุดต่อปี ชุดเลนส์ 2,730,000 ชุดต่อปี และ ชิ้นส่วนสำหรับกล้องถ่ายรูป 2,200,000 ชุดต่อปี ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า จ.พระนครศรีอยุธยา
การขยายกิจการในครั้งนี้ บริษัทโซนี่ฯ จะใช้วัตถุดิบในประเทศ 2,481 ล้านบาทต่อปี เกิดการจ้างงานซึ่งเป็นแรงงานไทย 1,029 คน และบริษัทแม่ของโซนี่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของการลงทุนในไทยทั้งด้านต้นทุน ที่เหมาะสม และแรงงานที่มีฝีมือประณีต จึงต้องการขยายกิจการในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยเป็นอย่างดี และโครงการนี้จะเน้นการผลิตเพื่อส่งออก
ไทย-พม่าเห็นชอบจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติที่ระนอง
คม ชัด ลึก (10 มิ.ย. 53) -
เมื่อเวลา 11.00 น . วันที่ 10 มิถุนายน 2553 ที่โรงแรมทินิดีระนอง กรมการจัดหางาน ได้จัดประชุมหารือระดับวิชาการไทย-พม่า เกี่ยวกับการจัดหาสถานตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติและออกหนังสือเดินทางชั่วคราวให้กับแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยมีนายสุภัท กุขุน รองอธิบดีกรมการจัดหางาน นาย อู อ่องเตียน เอกอัครราชฑูตพม่า ประจำประเทศไทย และนายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เข้าร่วมประชุม
ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติและออกหนังสือเดินทางชั่วคราวให้กับแรงงานพม่าที่จังหวัดระนอง บริเวณแพปลาโกฟุก อยู่ในซอยชาวประมง ย่านสะพานปลาระนอง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งจะทำให้แรงงานสัญชาติพม่าที่ได้ยื่นเอกสารการพิสูจน์สัญชาติแล้วได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย
รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติแรงงานพม่า ที่จังหวัดระนอง เป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมที่เมืองพุกามประเทศพม่า ซึ่งทางฝ่ายไทยมีความเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยของแรงงานที่ต้องเดินทางไปพิสูจน์สัญชาติฝั่งพม่า ในช่วงฤดูมรสุม จึงได้เสนอให้ทางการพม่าส่งเจ้าหน้าที่มายังฝั่งไทย ซึ่งทางการพม่าได้รับข้อเสนอ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูสถานที่และประชุมร่วมกัน
ทั้งนี้ คาดว่าศูนย์ดังกล่าวสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ไปสิ้นสุดประมาณเดือนตุลาคม 2553 โดยจะส่งเจ้าหน้าที่มาประจำที่ศูนย์พิสูจน์สัญชาติที่จังหวัดระนองประมาณ 20 คน สามารถพิสูจน์สัญชาติได้วันละ 800 คน ส่วนในอนาคตจะมีการขยายเวลาหรือไม่ต้องมีการหารือกันต่อไป และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และ อ.แม่สาย จ.เชียงรายในอนาคตด้วยก็เป็นได้
รองอธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวด้วยว่า แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าที่ขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2552 จำนวนทั้งสิ้น 1,079,991 คน มีแรงงานขอรับใบอนุญาตทำงาน และยื่นแบบพิสูจน์สัญชาติ จำนวน 833,013 คน ได้รับหนังสือเดินทางแล้ว จำนวน 94 , 000 คน ยังไม่ได้รับหนังสือเดินทางประมาณ 739 ,900 คน ส่วนมีแรงงานที่ยังไม่เข้าระบบการพิสูจน์สัญชาติ จำนวน 246,978 คน ทางมหาดไทยกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต้องเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า การที่ทางการพม่ามาจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติแรงงานพม่าที่จังหวัดระนอง จะส่งผลดีกับทั้งสองประเทศเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกันและความสัมพันธ์อันดี ซึ่งในส่วนของจังหวัดระนองพร้อมอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องตามที่ทางการพม่าร้องขอ เช่น เรื่องการรักษาความปลอดภัย การดูแลสุขภาพอนามัยของเจ้าหน้าที่ และแรงงานที่เดินทางมาพิสูจน์สัญชาติ โดยทางจังหวัดจะได้เรียกหน่วยงานด้านความมั่นคง และสาธารณสุขจังหวัด มาจัดทำแผนปฏิบัติเฉพาะกิจของศูนย์พิสูจน์สัญชาติแห่งนี้ ส่วนการอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้ามาก็ไม่มีปัญหาอะไรทาง ตม.พร้อมดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล
พม.รณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์
ครอบครัวข่าว (
10 มิ.ย. 53) - นายอิสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดกิจกรรมเวทีสัญจร รณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ภายในสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งได้ร่วมกับหลายหน่วยงานจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึกกระตุ้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังและป้องกันแก้ไขการแก้ปัญหาค้ามนุษย์
ซึ่งสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นจุดที่แรงงานจากทุกภาคหลั่งไหลเดินทางเข้ามาและอาจถูกล่อลวงโดยขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่เป็นภัยร้ายแรง ซึ่งปัญหาการค้ามนุษย์เป็นภัยร้ายแรงต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ และสังคม จึงต้องอาศัยความพยายามและความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันป้องกันและแก้ไขทั้งในรูปแบบของแรงงานประมง ปัญหาการล่อล่วงแรงงาน และปัญหาการบังคับใช้แรงงานเด็ก ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนได้เข้าใจ และร่วมกันแก้ไขและไม่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
รมว.แรงงาน ประกาศเพิ่มประสิทธิภาพประกันสังคม
ช่อง
7 (9 มิ.ย. 53) - เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ ประกาศนโยบายหลังเข้าทำงาน โดยจะเร่งประเมินความเสียหายของผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม รวมถึงให้ความช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง และไม่ได้รับค่าล่วงเวลาทำงานในช่วงชุมนุมด้วย นอกจากนี้จะให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานซ่อมแซมบ้าน ร้านค้าย่อยให้ผู้เสียหาย ที่สำคัญจะเร่งเพิ่มสิทธิประกันสังคมให้แก่ผู้ประกันตนให้มากขึ้นครอบคลุมถึงภรรยา และลูก รวมทั้งพ่อและแม่ด้วย นอกจากนี้จะสานต่อนโยบาย 3 ลด 3 เพิ่มต่อจากนายไพฑูรย์ แก้วทอง
จับคนขับรถรับจ้างตุ๋นทำงานเรือประมงนรก
ข่าวสด (
9 มิ.ย. 53) - เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รองผบก.ปคม. พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปคม. พ.ต.ท.อุกฤต กัลยาณมิตร สว.กก.1 บก.ปคม. แถลงข่าวจับกุมนายสายัน นิลวาส อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/86 หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หมู่บ้านสาครเพลส ซอย 1 อ.เมืองสมุทรสาคร
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล เปิดเผยว่า เมื่อเดือนม.ค.2552 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกผู้ต้องหากับพวกหลอกลวง ให้ไปทำงานในเรือประมงชื่อโชคสถาพร ซึ่งหาปลาอยู่ในทะเลพื้นที่ของ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช อ้างว่ามีรายได้ดี สามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้าได้อีกด้วย จึงหลงเชื่อถูกพาไปทำงานที่เรือดังกล่าว ปรากฎว่าต้องทำงานหนักถึงวันละ20 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน ไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด หากทำงานช้าหรือไม่ยอมทำงานก็จะถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธต่างๆ สุดท้ายทนไม่ไหวต้องกระโดดทะเลหลบหนี ไปลอยคออยู่กลางทะเล ก่อนที่ตำรวจน้ำจะให้ความช่วยเหลือมาได้ หลังจากนั้นได้เข้าแจ้งความ และมีการสอบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องไปแล้วบางส่วน           
จากการสอบสวนนายสายัน ให้การปฏิเสธ อ้างว่าตนมีอาชีพขับรถกระบะรับจ้างทั่วไป โดยงานนี้ได้ค่าจ้าง 5,000 บาท เพื่อให้นำลูกเรือจากมหาชัยไปส่งที่ อ.หัวไทร โดยไม่รู้ว่าการหลอกบังคับใช้แรงงาน และก็ไม่ได้รู้จักกับผู้ว่าจ้างเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป
กรมสวัสดิฯ จี้นายจ้างจ่ายเงินชดเชยให้คนงาน “วงศ์ไพฑูรย์” ภายใน 30 วัน
สำนักข่าวไทย (8 มิ.ย.53) -
นางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือคนงานบริษัท วงศ์ไพฑูรย์ จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 500 คน ที่มาชุมนุมบริเวณด้านหน้ากระทรวงแรงงานเพื่อให้ช่วยเจรจากับนายจ้าง จ่ายค่าจ้างค้างจ่าย ค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าให้กับคนงานว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเขตพื้นที่ 7 เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดและจะให้ออกคำสั่งไปยังนายจ้างให้ดำเนินการจ่ายค่าจ้างที่ค้างจ่ายค่าชดเชย รวมทั้งค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ภายในวัน 30 วัน หากนายจ้างไม่มีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ทางกรมก็จะนำเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง จำนวน 25 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายให้กับคนงานไปก่อน และจะเรียกเก็บจากนายจ้างภายหลัง 
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าคนงานจำนวน 510 คน จาก 1,343 คน ได้โอนย้ายไปทำงานกับบริษัท วีรับเบอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตรองเท้าส่งออกเช่นเดียวกับ บริษัทวงศ์ไพฑูรย์แล้ว สำหรับการให้ความช่วยเหลือคนงานอีกประมาณ 800 คน ที่ยังไม่มีงานทำนั้น กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะเข้าไปดำเนินการฝึกอบรมอาชีพให้ โดยจะได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 120 บาท
แรงงานไทยถูกฆ่าตายในแคนาดา
ช่อง
7 (8 มิ.ย. 53) - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอภิชาติ สุดเสน่ห์ หนุ่มเมืองแพร่ วัย 37 ปี แรงงานช่างเชื่อมในเมืองเอดมันตั้น ประเทศแคนาดา เสียชีวิตขณะกลับจากไปซื้อของในช่วงกลางดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ใกล้กับอพาร์ตเมนต์ที่พัก
โดยเพื่อนของเขาถูกคนร้ายจับตัวไว้ และรุมทำร้ายร่างกาย นายอภิชาติจึงได้เข้าไปช่วยจนถูกแทงในที่สุด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับกุม หรือตั้งข้อหา
เพื่อนร่วมงานของเขาเล่าว่านายอภิชาติ เป็นคนอดทนดีมาก ได้ส่งเงินกลับบ้านมาให้แม่ที่ประเทศไทยอยู่ตลอด และมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนคนไทยอยู่เสมอ รวมทั้งมีแผนจะเดินทางกลับประเทศไทยในสัปดาห์นี้ด้วย
ด้านกรมการจัดหางาน แจ้งว่าจากการตรวจสอบ นายอภิชาติ เป็นสมาชิกในกองทุนช่วยเหลือคนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ โดยกรมจะจ่ายค่าจัดการศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 40,000 บาท และขณะนี้ญาติทราบแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยให้แม่ของผู้เสียชีวิตทราบ เพราะกำลังป่วยหนักเป็นโรคหัวใจ
ผู้นำแรงงานประสานเสียง วอน รมว.แรงงานคนใหม่ สานต่องานคนเก่า
สำนักข่าวไทย (8 มิ.ย. 53) -
ผู้นำแรงงานประสานเสียงวอน รมว.แรงงานคนใหม่ สานต่องานคนเก่า เชื่ออายุ-ประสบการณ์น้อยไม่เป็นอุปสรรค แต่ต้องตั้งใจจริง อย่าหวังแค่ตำแหน่งทางการเมือง ระบุเรื่องเร่งด่วนต้องช่วยผู้เดือดร้อนจากการชุมนุมที่ยังไม่ทั่วถึง ผลักดันอนุสัญญา 87 และ 98
น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงการแต่งตั้งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ ว่าขอฝากไปยังนายเฉลิมชัย ให้ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาแรงงานอย่างมุ่งมั่น จริงจัง พร้อมกับเปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้แรงงานได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา อย่าคิดว่ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อหวังตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น ที่สำคัญควรจะสานงานต่อจากนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที คือ การเร่งให้ความช่วยเหลือลูกจ้างและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ได้รับความผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ยังมีหลายคนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องระยะยาว คือ การเดินหน้าให้เกิดการรับรองอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 87 และ 98 ซึ่งว่าด้วยการรวมตัวของผู้ใช้แรงงาน การเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน การปฏิรูประบบประกันสังคมให้เป็นองค์กรอิสระ และปฏิรูปกระบวนการจัดส่งคนงานไปทำงานต่างประเทศทั้งระบบ โดยเชื่อว่าอายุและประสบการณ์ของนายเฉลิมชัยที่แม้จะมีไม่มาก แต่จะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน หากมีความตั้งใจจริง โดย คสรท.เตรียมเข้าพบนายเฉลิมชัย เพื่อหารือถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขในเร็ว ๆ นี้
ด้านนายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศ กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ควรที่จะเข้ามาสานต่องานของนายไพฑูรย์ โดยเฉพาะนโยบาย 3 ลด 3 เพิ่ม ที่สามารถชะลอการเลิกจ้างในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจได้ และอยากฝากให้รัฐมนตรีคนใหม่เดินหน้าเรื่องอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 87 และ 98 การปฏิรูประบบประกันสังคม รวมถึงการแก้ไขกฎหมายที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ใช้แรงงาน ทั้งนี้ เท่าที่รู้จัก นายเฉลิมชัย ถือว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง กล้าตัดสินใจ เป็นคนที่ตรงไปตรงมา น่าจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาแรงงานได้
 
“เฉลิมชัย” รมว.แรงงาน ประเดิมงานแรกเยียวยาลูกจ้าง-นายจ้าง แยกราชประสงค์ 
แนวหน้า (7 มิ.ย. 53) -
เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงแนวทางการเยียวยาแก้ปัญหาเรื่องแรงงาน ว่า ในเบื้องต้นจะเป็นการแก้ปัญหาในพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์เป็นอันดับแรก ซึ่งทางกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการไปแล้ว คือ ขยายระยะเวลาในการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของผู้ใช้แรงงานและนายจ้างออกไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม และมาตรการถัดมาก็จะให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เข้าไปสำรวจความเสียหายในพื้นที่แยกราชประสงค์ และขอให้ครม.เศรษฐกิจอนุมัติในส่วนของงบประมาณในการซ่อมแซม ไม่ว่าจะเป็นกระจกหรืออะไรก็ตามที่ได้รับความเสียหาย สิ่งที่จะเข้าไปดูอีกเรื่องคือสำนักงานประกันสังคม เพราะวันนี้ผู้ใช้แรงงานน่าจะได้รับประโยชน์สิทธิต่างได้มากกว่านี้ ไม่ว่าในส่วนของบุตร คู่สมรส รวมถึงบิดามารดาด้วย ซึ่งควรได้สิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าบัตรทอง แต่ตนยังตอบไม่ได้ว่าจะเสร็จทันในสมัยนี้หรือไม่ ต้องขอเวลาให้รัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ในการทำงานร่วมกับข้าราชการ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่มีปัญหาครับ เพราะท่านรมต.แรงงาน(นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน) ก็พูดชัดเจนแล้วว่าพร้อมจะให้คำปรึกษากับตนทุกอย่าง เรื่องนโยบายของท่านที่เป็นประโยชน์ตนก็จะดำเนินการต่อ โดนส่วนตัวแล้วค่อนข้างจะสนิทกัน แล้วเย็นวันนี้ท่านก็จะมาร่วมงานเลี้ยงของกระทรวงที่โรงแรม อโนมา กรุงเทพ ด้วย
 
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

นักข่าวพลเมือง: ทีวีไทยลงอุดรธานีฟังปัญหาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนา

Posted: 13 Jun 2010 09:03 AM PDT

<!--break-->

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.53 เวลาประมาณ 12.00 น. ณ ศาลาวัดอรุณธรรมรังษี บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี สภาผู้ชมและผู้ฟังรายการขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือทีวีไทย จำนวนกว่า 70 คนได้เดินทางมาเพื่อรับฟัง และแลกเปลี่ยนในประเด็นปัญหาของชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ

โดยมีกลุ่มชาวบ้านที่จากหลายพื้นที่ อาทิ กลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการขุดลอกลำห้วยพะเนียง จ.หนองบัวลำภู  กลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ขนาด 500 กิโลโวลต์ (น้ำพอง 2 – อุดรธานี 3)  และกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี

บรรยากาศในเวทีเป็นไปอย่างเป็นกันเอง  เริ่มจากการรับประทานอาหารร่วมกันในมื้อเที่ยง มีการแลกเปลี่ยนสนทนากันระหว่างรับประทานอาหาร หลังจากนั้น เมื่อเริ่มเวทีคุย ก็มีการเล่าถึงสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ โครงการพัฒนาต่างๆที่สร้างผลกระทบกับชาวบ้าน แนวทางการเคลื่อนไหว ต่อสู้ของแต่ละพื้นที่ประสบการณ์ต่างๆ มีการถาม-ตอบกันอย่างไม่ขาดสาย ตลอดจนการมีข้อเสนอ และให้กำลังใจกันและกัน

พ่อวิเชียร  ศรีจันทร์นนท์ หนึ่งในชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการขุกลอกลำพะเนียง จังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ การพัฒนาที่ไม่ได้เกิดจากการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ที่รัฐเอามาวางไว้หน้าบ้าน ทุกวันนี้โครงการขุดลอกลำพะเนียงได้สร้างผลกระทบกับวิถีชีวิตตนและชาวบ้านในแถบเดียวกันอย่างยิ่ง เช่น การหาอยู่หากินที่ยากขึ้นเนื่องจากปลา และพืชน้ำหลายชนิดหายไปกับการขุดลอกดังกล่าว นอกจากนี้ยังต้องเสียเงินลงทุนในการสูบน้ำขึ้นมาใช้ในการเกษตรมาขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัวอีกด้วย ดังนั้น ตนจึงอยากให้สื่ออย่างทีวีไทยมาช่วยนำเสนอถึงปัญหา ณ จุดนี้ไปสู่สาธารณชนด้วย

พ่อบุญเลี้ยง โยธะกา ตัวแทนจากคณะกรรมการชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้า (คชส.) กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนต้องนอนทุกข์ เพราะกำหนดชะตาชีวิตของตนเองไม่ได้ แนวสายส่งไฟฟ้าที่พาดผ่านบ้านและที่นานั้น ขนาด 500 กิโลโวลต์จะทำให้มีโอกาสเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว และที่ดินผืนดังกล่าวก็จะไม่สามารถนำไปจำนอง หรือขายไม่ได้ราคา ค่าชดเชยที่ทางไฟฟ้าจะจ่ายให้นั้นแม้จะมาก แต่ถ้าเทียบกับที่ทำกินทั้งชีวิตตลอดจนรุ่นลูกรุ่นหลานแล้วไม่คุ้มกัน

“ขอบคุณทางสภาผู้ชมและผู้ฟังเป็นอย่างมากที่มารับฟังเรื่องราวความทุกข์ของชาวบ้าน โดยเฉพาะการนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ให้ไปสู่สังคมภายนอกให้ได้รับรู้ ให้เรื่องราวของชาวบ้านเป็นแบบอย่าง เป็นแนวทางให้คนทั่วไปได้คิดว่า สิ่งที่รัฐเอามาให้ชาวบ้านนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีและถูกต้องเสมอไป”

แม่จันทา สัตยาวัน แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดอุดรธานี เล่าให้พี่น้องในเวทีฟังว่า “ทุกวันนี้ ความเจริญจากข้างนอกที่รัฐเอามาให้นั้น ได้ทำลายความเป็นชุมชนท้องถิ่นไปมาก คนสะดวกสบายจนลืมวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น ยิ่งตอนนี้ชาวบ้านกำลังต่อสู้กับโครงการเหมืองแร่โปแตชที่กำลังเกิดขึ้นในชุมชน ทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย เช่น ความแตกต่างในชุมชน จึงอยากฝากทางรายการทีวีไทยให้ไปบอกสังคมข้างนอกว่า ความเจริญในความหมายของรัฐ กับความเจริญในความหมายของชาวบ้านไม่เหมือนกัน อย่ายัดเยียดอะไรที่ใหญ่เกินตัวมาให้พวกแม่อีกเลย”

นายกิตติชัย ใสสะอาด ประธานสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการทีวีไทย กล่าวว่า การที่ตนได้มีโอกาสรับฟังปัญหาชาวบ้านในครั้งนี้ ถือว่าเป็นผลดีอย่างยิ่ง จะได้รวบรวมข้อมูลที่สะท้อนความต้องการ ของผู้ชมและ ผู้ฟังรายการทีวีไทย ตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะที่มีเหตุผลสนับสนุนที่สมบูรณ์จากข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ เสนอต่อคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. เพื่อให้ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด

ประธานสภาผู้ชมฯ ยังกล่าวให้กำลังใจกับกลุ่มชาวบ้านว่า “การต่อสู้ของชาวบ้านแต่ละพื้นที่ถือว่าเป็นตัวอย่างที่สำคัญมาก และต้องบอกว่าขอให้ทุกคนสู้ต่อไป อย่าท้อ การคิดที่จะพึ่งตนเองต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นสิ่งที่ควรยกย่องและนำเสนอต่อคนอื่นอย่างยิ่ง” นายกิตติชัย กล่าว

ด้านนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน กล่าวว่า ตนทำงานกับชาวที่ได้รับผลกระทบอย่างนี้เป็นเวลานาน ส่วนหนึ่งที่สำคัญของการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวบ้านก็คือ สื่อต้องมีบทบาทสำคัญเพื่อมาช่วยหนุนเสริม เพื่อขับเคลื่อนประเด็นในพื้นที่ และชาวบ้านก็มีช่องทางการสื่อสารของตน เช่น วิทยุชุมชน จดหมายข่าว เขียนข่าวส่งให้กับสื่อ ต่างๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อนำเสนอประเด็นปัญหา ข้อเท็จจริงของชาวบ้านในพื้นที่ออกสู่สาธารณะ

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ทหารยกทัพเฝ้าหมู่บ้านในมุกดาหาร อ้างซ้อมรบก่อนลงชายแดนใต้

Posted: 13 Jun 2010 08:18 AM PDT

ทหารจากค่ายพระยอดเมืองขวางหลายกองร้อยประจำอย่างน้อย 5 ตำบลในจ.มุกดาหาร อ้างซ้อมรบก่อนลงชายแดนใต้ ฝึกค้นบ้านชาวบ้านหารูปแกนนำ นปช. ถือปืนคุ้มครองพระสงฆ์บิณฑบาต ชาวบ้านในพื้นที่เครียดหนัก

<!--break-->

 

11 มิ.ย..53   มีรายงานข่าวแจ้งว่ามีกำลังทหารพร้อมอาวุธสงคราม รวมถึงพาหนะในราชการทหารได้แก่รถยีเอ็มซีและรถหุ้มเกราะแบบล้อยาง เคลื่อนย้ายกำลังลงประจำการในพื้นที่ 5 แห่งในจังหวัดมุกดาหาร ได้แก่ ต.ร่มเกล้า, ต.กกแดง, ต.โชคชัย ใน อ.นิคมคำสร้อย  และ ต.ป่าไร่, ต.บ้านบาก ใน อ.ดอนตาล โดยได้มีกองกำลังทหารเข้าไปประจำการกว่า 200 คนในแต่ละตำบล

โดยนายทหารหัวหน้าชุดปฏิบัติการได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศต่อประชาชนผ่านหอกระจายข่าวในชุมชนว่า เจ้าหน้าที่ทหารจะเข้ามาฝึกซ้อมรบในหมู่บ้านก่อนที่จะลงไปปฏิบัติภารกิจในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

หัวหน้าชุดกองกำลังดังกล่าวได้แจ้งเพิ่มเติมกับหัวหน้าหน่วยงานราชการในระดับท้องที่ว่า กองกำลังทหารที่เข้าประจำในพื้นที่ได้เคลื่อนย้ายมาจากค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม และยังได้แจ้งภารกิจเพิ่มเติมด้วยว่านอกเหนือจากการซ้อมรบแล้วยังเป็นการลงมาเชื่อมความสัมพันธ์กับประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ กองกำลังดังกล่าวได้เคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ ในคืนวันที่ 11 พ.ค. โดยกำลังทหารส่วนหนึ่งได้พักอาศัยในบ้านของผู้ใหญ่บ้าน แต่ส่วนใหญ่แล้วพักอยู่ในโรงเรียนหรือวัดในแต่ละตำบล 

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นอกจากการซ้อมรบโดยใช้อาวุธจริงเป็นอาวุธประจำกายแล้ว ยังมีการฝึกการจัดชุดคุ้มครองติดอาวุธเพื่อคุ้มครองพระสงฆ์ในขณะบิณฑบาตตามท้องถนน การตั้งด่านตรวจสกัดบริเวณทางเข้าชุมชน รวมถึงการซ้อมค้นบ้านของชาวบ้านด้วย โดยในการฝึกซ้อมค้นบ้านนั้นทางทหารได้นำภาพของแกนนำ นปช.ในพื้นที่มุกดาหารเป็นเป้าหมายในการฝึกซ้อม

จากการสอบถามเพิ่มเติมจากผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งพบว่า ก่อนหน้าที่จะมา อ.นิคมคำสร้อย กองกำลังดังกล่าวได้ทำการฝึกที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหารมารอบหนึ่งแล้ว 

เมื่อถามถึงความรู้สึกของชาวบ้านพบว่า บางส่วนรู้สึกสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่บางส่วนรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจและไม่พอใจภารกิจทางทหารที่พวกเขารู้สึกว่าคุกคามประชาชนครั้งนี้

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น