โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

แถลงการณ์เรื่องขอให้ยุติการคุกคามและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน

Posted: 01 Dec 2013 08:15 AM PST

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ,สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ แถลงวอน กปปส.อย่าคุกคามสื่อ  ยอมรับสถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดตามผังรายการไม่เห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์ของผู้ชุมนุม  ประกาศเตือนนักข่าวให้ระวังไม่ทำข่าวในพื้นที่เสี่ยงอันตรายเกินความจำเป็น

๐๐๐๐

แถลงการณ์เรื่องขอให้ยุติการคุกคามและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน


จากที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำมวลชนไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส โดยกดดันให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ถ่ายทอดสัญญาณการเคลื่อนไหวและคำแถลงของกปปส. และห้ามนำเสนอข่าวจากฝ่ายรัฐบาลนั้น

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย  สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์  ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ซึ่งขัดแย้งต่อเจตนารมณ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่กปปส.กล่าวอ้างว่าจะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และขอให้กปปส.ยุติการกระทำดังกล่าวทันที

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอยืนยันหลักการว่า สื่อมวลชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและความคิดเห็นของทุกฝ่ายตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นกองบรรณาธิการและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ต้องยืนหยัดในหลักการดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นสื่อสาธารณะที่มีกฎหมายรองรับความเป็นอิสระ จะต้องยืนยันหรือไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามากดดัน หรือครอบงำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารโดยเด็ดขาด หากต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกดดันหรือครอบงำ การยุติการออกอากาศถือเป็นแนวทางปฏิบัติตามหลักสากลที่ควรกระทำ

อย่างไรก็ตาม องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความเข้าใจถึงมูลเหตุ ที่กลุ่มมวลชนของกปปส.ไม่พอใจสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นสถานการณ์สำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน นับตั้งแต่เหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ที่มีความต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ในวันที่ 1 ธันวาคม 2556 โดยปรากฏว่าสถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่ยังคงนำเสนอรายการตามผังรายการตามปกติ เป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์ของสถานีเป็นหลัก มากกว่าการคำนึงถึงสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน

ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ในสังกัดหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้มีความอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน และให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสาธารณะ โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาล จะต้องไม่ยอมรับการถูกแทรกแซงหรือสั่งการจากฝ่ายรัฐบาล ให้นำเสนอข่าวสารเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาทิ กรณีที่รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สั่งให้สื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์นำเสนอข่าวสารเชิงบวกต่อรัฐบาล(อ้างถึงบันทึกเลขที่นร0213.071721 เรื่องขอให้กำกับดูแลการนำเสนอข่าวลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556) เป็นต้น

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในภาคสนามทุกคน โดยขอให้ระมัดระวังการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเกินความจำเป็น ทั้งนี้ ให้ตระหนักว่าความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านมานำเสนอต่อสาธารณะชน

เราขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกคน ที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านต่อประชาชน และขอให้ทุกฝ่ายเคารพและไม่แทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ


สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์
1 ธันวาคม 2556

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สุเทพเผยได้พบ 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ต่อหน้า ผบ.เหล่าทัพ แต่ไม่มีการเจรจาใดๆ

Posted: 01 Dec 2013 07:53 AM PST

เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยช่วงค่ำเผยได้พบนายกรัฐมนตรี แต่ย้ำว่าไม่ได้ไปเจรจาต่อรองใดๆ แต่เป็นการนำความต้องการของประชาชนไปเรียกร้องให้รัฐบาลรีบคืนอำนาจเพื่อให้มีการปฏิรูป เมื่อปฏิรูปเรียบร้อย กปปส. จะคืนอำนาจและจัดเลือกตั้ง พร้อมย้ำให้ข้าราชการหยุดงานจันทร์นี้ 

บรรยากาศปราศรัยของสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เมื่อคืนวันที่ 1 ธ.ค. 2556 ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย

ช่วงเวลาเดียวกับที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัย สถานีโทรทัศน์ TPBS ได้ตัดเข้าสู่ช่วงปราศรัยของเลขาธิการ กปปส. เช่นกัน แต่เป็นการออกอากาศเพียงช่วงต้นของการปราศรัยเท่านั้น จากนั้นเป็นการนำเสนอรายการ "ทางออกประเทศไทย" สลับกับรายงานข่าวตามปกติ ทั้งนี้การนำเสนอของ TPBS ในช่วงกลางคืน ต่างจากการนำเสนอช่วงกลางวัน ที่ให้เวลาออกอากาศการแถลงข่าวของเลขาธิการ กปปส. ตลอดช่วงการแถลงข่าว สำหรับช่องอื่นๆ นั้น สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และช่อง 5 นำเสนอการปราศรัยเพียงบางส่วนเช่นกัน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 นำเสนอข่าวการแถลงของเลขาธิการ กปปส. นานที่สุด

 

สุเทพเผยได้พบยิ่งลักษณ์ พร้อมขอให้คืนอำนาจให้ประชาชนแต่โดยดี

1 ธ.ค. 2556 - เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันนี้ (1 ธ.ค. 56) ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. ได้แถลงข่าวโดยระบุว่าเพิ่งพบกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อหน้า ผบ.เหล่าทัพสามเหล่าทัพ อย่างไรก็ตามขณะที่รายงานอยู่นี้ยังไม่มีการยืนยันข่าวดังกล่าวจาก ผบ.เหล่าทัพ และนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้สุเทพ แถลงว่า รัฐบาลได้หมดความชอบธรรมในทางการเมืองที่จะบริหารประเทศ เพราะประชาชนเจ้าของประเทศได้ลุกขึ้นยืนปฏิเสธอำนาจบริหารราชการแล้ว และวันนี้ได้บอกกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า "ประชาชนมีความประสงค์ที่จะใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน เป็นประชาธิปไตยทางตรง ให้ยอมส่งมอบอำนาจให้ประชาชนแต่โดยดี เราก็จะปฏิบัติต่อคุณยิ่งลักษณ์ด้วยความเป็นสุภาพชน เพราะพวกเราล้วนเป็นพลเมืองดีทั้งสิ้น ที่ประชาชนจะมาบริหารเอง เพราะไม่สามารถอดทนกับระบอบทักษิณได้ ขอให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฟังเสียงประชาชน คืนอำนาจให้ประชาชน ประชาชนต้องการให้บอกนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ โดยตรง ซึ่งหน้า และชัดเจนที่สุด"

จากนั้นผู้ชุมนุมตะโกนว่า "ออกไป ออกไป" อย่างกึกก้อง

 

ไม่มีข้อเรียกร้อง ไม่มีการต่อรอง ต้องให้ประชาชนจัดการประเทศ

สุเทพกล่าวต่อว่า "ผมได้บอกคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อหน้า ผบ.สามเหล่าทัพว่า มวลมหาประชาชนลุกขึ้นกระทำการเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพื่อประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ใครคนใดคนหนึ่ง พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เป็นเรื่องของประชาชน ไม่ใช่เรื่องพรรคการเมือง จนกว่าประชาชนจะได้จัดตั้งสภาประชาชน และรัฐบาลของประชาชน เพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ปฏิรูปบ้านเมืองให้เรียบร้อยหลังจากนั้นจะคืนอำนาจให้เป็นอำนาจตัดสินตามกระบวนการประชาธิปไตย พรรคการเมืองใดจะลงมาสมัครเลือกตั้งต้องอยู่ภายใต้กฎประชาธิปไตยอันบริสุทธิ์ ภาระจะสิ้นสุดลงเมื่อบ้านเมืองได้รับการจัดการเรียบร้อยอย่างที่กราบเรียนมานี้"

"และได้แจ้งให้ยิ่งลักษณ์ทราบว่า ทางออกประเทศไทยมีอย่างเดียว คือให้ประชาชนมีอำนาจจัดการประเทศ ตามเจตนารมณ์ของประชาชนโดยรวมทั้งประเทศที่ลุกขึ้นมาในคราวนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีข้อต่อรอง และที่มวลมหาประชาชนได้ดำเนินการมา และดำเนินการต่อไปนั้น จะต้องเสร็จสิ้นภายใน 2 วันนี้ จึงไม่มีข้อเรียกร้อง ไม่มีข้อต่อรองใดๆ ที่จะเสนอต่อรัฐบาล"

"รัฐบาลโดยคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยินยอมโดยดี มอบอำนาจคืนประชาชน หรือจะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและคณะ ประชาชนจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะมีอำนาจจัดการประเทศเต็มที่และบรรลุเป้าหมาย ตามเจตนารมณ์ที่ประชาชนได้กำหนดร่วมกัน"

 

ยันจะเป็นการพบครั้งสุดท้าย จนกว่าชัยชนะจะเป็นของประชาชน

สุเทพกล่าวว่า "นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่ได้ตอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผมถือว่าได้เป็นตัวแทนประชาชน บอกเจตนารมณ์แท้จริงของมวลมหาประชาชนแล้ว นี่จะเป็นการพบกันครั้งเดียวระหว่างผมกับคุณยิ่งลักษณ์ จะไม่มีการพบกันอีกจนกว่าชัยชนะจะเป็นของประชาชน"

"จะยึดหลักสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ จะใช้วิธีการอหิงสาเท่านั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะเดินการอย่างไร เราจะใช้หลักอหิงสาและไม่กลัวรัฐบาล ถ้าหากฝ่ายรัฐบาลใช้มาตรการรุนแรงกับประชาชนมีผู้บาดเจ็บ มีผู้เสียชีวิตแบบที่ทำกับนักศึกษารามคำแหง ประชาชนจะไม่ยอมและจะลุกขึ้นทั้งประเทศ ผมได้บอกกับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ว่าถ้าคิดปราบปรามประชาชน จับกุมผม จะฆ่าผม จะมีประชาชนอีกหลายสิบล้านลุกขึ้นมาทำการแทนผม จนกว่าจะบรรลุเจตนารมณ์ประชาชน"

"ให้นายกรัฐมนตรีพึ่งรู้ว่า ประชาชนไม่อดทนต่อไม่ ไม่ยืดเยื้อเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น นี่ไม่ใช่การต่อรองแต่เป็นเจตนารมณ์ของคนไทยทั้งประเทศที่ไม่ต้องการให้มีระบอบทักษิณอีกต่อไปแล้ว"

สุเทพยืนยันว่า ที่ไปพบกับยิ่งลักษณ์นั้น เป็นการพบต่อหน้า ผบ.เหล่าทัพสามเหล่าทัพ ไม่มีลับลบคมใน "ไปสื่อสารว่า ประชาชนคิดอย่างไร ต้องการอย่างไร เท่านั้นเอง" อย่างไรก็ตาม สุเทพระบุว่าไม่ขอพูดถึงรายละเอียดของการพบ แต่ยืนยันว่าเป็นการพบต่อหน้า ผบ.เหล่าทัพ

สุเทพกล่าวด้วยว่า "สำหรับพี่น้องตำรวจ ถ้าวางอาวุธไม่ทำร้ายประชาชน จะพร้อมอ้าแขนต้อนรับ เพราะตำรวจเป็นข้าราชการประชาชนเช่นเดียวกัน ผมได้บอกยิ่งลักษณ์ว่า ที่วันนี้มวลมหาประชาชนต้องไปล้อมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพราะไม่ต้องการให้ตำรวจยกกำลังพร้อมอาวุธมาทำร้ายประชาชน เป็นการป้องกันโดยชอบตามกฎหมายและตามประเพณีนิยมของอารยะขัดขืนโดยแท้"

 

เรียกร้องข้าราชการใช้ดุลยพินิจหยุดงานไม่ทำตนเป็นสมุนระบอบทักษิณ

สุเทพกล่าวด้วยว่า ในการพบกันคราวนี้ผมคิดว่าเป็นข่าวดี เพราะ ผบ.สามเหล่าทัพ แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่ากองทัพอยู่ข้างประเทศไทย ท่านผู้บัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดต่อหน้าผบ.เหล่าทัพว่า "กองทัพไม่ต้องการเห็นประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพราะกองทัพอยู่ข้างประเทศไทย" สุเทพอ้าง และกล่าวว่า "ผมได้เรียนกับ ผบ.เหล่าทัพทั้งสามเหล่าทัพว่า พวกเราที่ลุกขึ้นกระทำการมีเจตนารมณ์แน่วแน่ทำเพื่อประเทศไทยและลูกหลานของเรา จะยึดหลักสันติ อหิงสา ไม่บีบบังคับข้าราชการกลุ่มใดทั้งสิ้น แต่เรียกร้องข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ใช้ดุลยพินิจตัดสินใจ ยืนอยู่ข้างประชาชน ฉะนั้นขอกราบเรียนผู้รักชาติทั้งหลายว่า เราจะเดินหน้าปฏิบัติการของเราต่อไป ขอเรียนข้าราชการทุกกรมกอง แผนกการ ไม่ว่าพลเรือน ตำรวจ ทหาร ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ท่านต้องหยุดปฏิบัติราชการ ไม่ทำตนเป็นสมุนระบอบทักษิณ"

สุเทพกล่าวถึงผู้ชุมนุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า "ขอให้พี่น้องทั้งหลายอดกลั้น อดทน และไม่แสดงอาการที่รุนแรงใดๆ รวมทั้งพี่น้องทั้งหลายที่รวมกันอยู่รอบๆ ทำเนียบรัฐบาล ผมได้บอกกับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ผบ.เหล่าทัพว่าเรารู้ดีว่าการกระทำการอย่างนี้ แม้แต่ล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่ราชการ เป็นความจำเป็น และเราพร้อมรับการดำเนินคดี พิจารณาคดีตามกฎหมาย โดยไม่หลีกเลี่ยง ขอให้ชาติอยู่รอดได้ มวลมหาประชาชนพอใจแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมบอกคุณยิ่งลักษณ์ มาสรุปให้พี่น้องฟัง"

 

ย้ำส่งท้าย ขอให้ข้าราชการหยุดงานจันทร์นี้ เพราะรัฐบาลหมดความชอบธรรมแล้ว

สุเทพย้ำว่า "โอกาสนี้เท่านั้นที่เราจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้น รอดพ้นจากอำนาจระบอบทักษิณ ให้พี่น้องได้มั่นใจว่าตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนั้น อำนาจอธิปไตยแท้จริงเป็นของปวงชนชาวไทย เมื่อรัฐล้มเหลวที่จะบริหารราชการก็เป็นความชอบทำที่ประชาชน ลุกขึ้นแสดงพลัง ทุกการปฏิบัติการ ในการปฏิบัติของมวลมหาประชาชนโดยพร้อมเพียงกัน"

"ขออนุญาตเป็นตัวแทนมวลมหาประชาชน เรียนกับพี่น้องข้าราชการอีกครั้งว่า ท่านต้องตัดสินใจตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ที่จะต้องหยุดงานพร้อมเพรียงกัน โดยสมัครใจ ด้วยหัวใจของท่านรู้ผิดถูก ประโยชน์ชาติ ประโยชน์ประชาชนอยู่ที่ไหน ประชาชนรอคำตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ ขอย้ำกับข้าราชการว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมทางกฎหมายแล้ว รัฐบาลได้แสดงตนเป็นผู้กบฎต่อรัฐธรรมนูญ และประชาชนได้แสดงตนเป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ขอให้ข้าราชการได้ตัดสินใจเพื่อชาติโดยพร้อมเพรียงกัน"

บรรยากาศของการชุมนุม กปปส. ที่ ถ.ราชดำเนิน ภายหลังจากที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สิ้นสุดลง

หลังการปราศรัยของสุเทพที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะจบลง ต่อมาที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ประกาศว่าในวันพรุ่งนี้ตามที่สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศให้มีการหยุดงานนั้น จงออกมาร่วมกับมวลมหาประชาชนให้ยิ่งใหญ่ไพศาลทั่วทั้งประเทศ ประชาชนจะได้ลุกขึ้นมากำชัยชนะขึ้นสุดท้าย ไม่มีวันเสียของเด็ดขาด และต้องชนะให้ได้

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กลุ่มหนุนพรรคขวาจัดในกรีซ ประท้วงเรียกร้องปล่อยตัวผู้นำพรรค

Posted: 01 Dec 2013 07:48 AM PST

ผู้สนับสนุนพรรคโกลด์เดนดอว์น พรรคแนวคิดฟาสซิสม์ในกรีซ ราว 1,000 คน ออกมาเดินขบวนประท้วงต่อต้านการกุมขังหัวหน้าพรรค นิโคเลาส์ มิคาโลลิยาโคส ผุ้ถูกจับกุมฐานพัวพันกับกลุ่มองค์กรอาชญากรรม โดยเขาถูกจับหลังจากกรณีนักร้องเพลงแร๊พต่อต้านฟาสซิสม์ถูกสังหาร

1 ธ.ค. 2556 กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคโกลด์เดนดอว์นซึ่งเป็นพรรคขวาจัดในประเทศกรีซราว 1,000 คน พากันมาชุมนุมประท้วงหน้ารัฐสภาของกรีซเพื่อประท้วงต่อต้านการกุมขังก่อนการดำเนินคดีของหัวหน้าพรรค นิโคเลาส์ มิคาโลลิยาโคส ในฐานะผู้ต้องหาคดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรม

กลุ่มผู้ชุมนุมในประเทศกรีซสวมชุดสีดำออกมาเดินขบวนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยถือคบเพลิงและธงชาติกรีซพร้อมทั้งตะโกนคำขวัญว่า "ปล่อยตัวพรรคโกลด์เดนดอว์น อย่ากุมขังนักชาตินิยม" พร้อมทั้งมีการร้องเพลงพื้นเมืองของกรีซและเพลงเดินขบวน โดยที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลคอยดูแลไม่ให้มีการปะทะกันกับผู้ชุมนุมฝ่ายซ้ายที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง

การชุมนุมในครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายขวาจัดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการต้อนจับกุมส.ส. ของพรรคโกล์ดเดน ดอว์นในข้อหาจัดตั้งหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม หลังจากเกิดคดีสังหารพาฟลอส ฟีสแซส นักร้องเพลงแร๊พผู้ต่อต้านลัทธิเผด็จการฟาสซิสม์ แต่จำนวนผู้คนก็มาเข้าร่วมน้อยกว่าที่คาดไว้

มีผู้แทนพรรคโกลด์เดนดอว์นในสภา 13 คน จากทั้งหมด 18 คน ถูกกุมขังช่วงก่อนการดำเนินคดี ถูกฟ้องร้อง หรือถูกยกเลิกความคุ้มกันทางสภา (parliamentary immunity) เนื่องจากพนักงานอัยการได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีที่บ่งบอกว่า ส.ส. พรรคโกลด์เดนดอว์นส่วนหนึ่งมีส่วนรู้เห็นกับการใช้อาวุธโจมตีผู้อพยพและสัตรูทางการเมืองในรูปแบบกึ่งกองกำลัง

ทางด้านพรรคโกลด์เดนดอว์นปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องที่ว่าฝ่ายตนใช้ความรุนแรง และบอกว่าส.ส.ของพวกเขาถูกดำเนินคดีเพียงเพราะเรื่องความเชื่อในแนวคิดชาตินิยมเท่านั้น

พรรคโกลด์เดนดอว์นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2528 มีแนวคิดแบบชาตินิยมจัด ส.ส.จำนวนหนึ่งของพรรคนี้ได้รับเลือกเข้ามาในสภาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา โดยอาศัยความรู้สึกต่อต้านผู้อพยพที่มีเพิ่มมากขึ้นในประเทศกรีซหลังจากเกิดภาวะคนตกงานสูงขึ้นเนื่องจากนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล

จากการสำรวจโพลล์ความคิดเห็นประชาชนกรีซพบว่าพรรคโกลด์เดนดอว์นได้รับเสียงสนับสนุนลดลงราว 1 ใน 3 หลังจากกรณีการเสียชีวิตของนักร้องเพลงแร๊พ แต่ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยในเดือน ต.ค. หลังจากที่เกิดคดีสังหารผู้สนับสนุนพรรค 2 คน จากฝีมือกลุ่มที่เรียกตนเองว่าเป็นกลุ่มนักรบปฏิวัติประชาชน (Militant People's Revolutionary Forces)


เรียบเรียงจาก

Greece's ultra-right party stages protest, Aljazeera, 30-11-2013
 


ข้อมูลเพิ่มเติมจาก

http://en.wikipedia.org/wiki/Golden_Dawn_(Greece)

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

นาซ่า วางแผนทดลองปลูกพืชบนดวงจันทร์ภายในปี 2558

Posted: 01 Dec 2013 07:33 AM PST

นาซ่า มีแผนการ 'ลงหลักปักฐาน' บนดวงจันทร์โดยเริ่มจากทดลองส่งพืชไปบนดาวเคราะห์เพื่อสังเกตการเติบโต เป็นการทดลองว่าจะสามารถให้มนุษย์ไปอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ได้อย่างไร โดยอาศัยความร่วมมือจากโครงการกูเกิ้ลลูนาร์เอ็กซ์ไพร์ซ ที่มีแผนส่งคนไปดวงจันทร์

29 พ.ย. 2556 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซ่า (NASA) ประกาศในเว็บไซต์ว่าพวกเขามีแผนการปลูกพืชบนดวงจันทร์ภายในปี 2558 เพื่อทดลองหาโอกาสที่มนุษย์จะสามารถอาศัยอยู่นอกโลกได้

โดยนาซ่ามีแผนการส่งทีมเพาะปลูกพืชบนดวงจันทร์ (Lunar Plant Growth Habitat) เพื่อเป็นการเปิดทางก่อนทดลองส่งมนุษย์ขึ้นไปอาศัยอยู่ ซึ่งเว็บไซต์นาซ่าระบุว่า "ถ้าหากการเพาะปลูกพืชให้ผลดี มนุษย์ก็น่าจะอาศัยอยู่ได้"

ทีมเพาะปลูกประกอบด้วย นักวิทยาศาสตร์ ผู้รับจ้าง และนักศึกษา จะทำงานร่วมกันเพื่อนำเมล็ดและต้นอ่อนของพืชส่งไปสู่ดวงจันทร์ผ่านยานอวกาศของกลุ่มเอกชนใดๆ ก็ตามที่ชนะทุนโครงการกูเกิ้ลลูนาร์เอ็กซ์ไพร์ซ (Google Lunar XPRIZE) ซึ่งเป็นโครงการของบริษัทกูเกิ้ลที่มีการประกวดให้ทุนองค์กรเอกชนที่มีแผนการส่งคนไปบนดวงจันทร์แบบที่เคยทำมาแล้วในยุคสมัยของโครงการอพอลโล่

โดยหลังจากสามารถนำพันธุ์พืชขึ้นไปบนดวงจันทร์ได้แล้ว จะมีการให้น้ำแก่เมล็ดที่อยู่ในการทดลองและติดตามผลการเติบโตของมันเป็นระยะเวลา 5-10 วัน เทียบกับเมล็ดที่ทดลองบนโลก โดยตัวอย่างพืชที่จะนำไปทดลองได้แก่ ต้นอะราบิดอฟซิส (Arabidopsis พืชตระกูลมัสตาร์ด), ต้นโหระพา และผักกาดหัว

สิ่งที่ท้าทายการเติบโตของพืชคือคือเรื่องที่ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงต่างจากโลกและมีรังสีที่อาจส่งผลกระทบต่อพันธุกรรม โดยพืชจะถูกส่งไปพร้อมที่เก็บน้ำและมีอากาศพอให้เติบโตได้ 5 วัน มีกล้องกับระบบตรวจจับคอยเฝ้าดูพืชและส่งข้อมูลกลับมายังโลก นอกจากนี้นาซ่ายังมีแผนการให้โรงเรียนทั่วสหรัฐฯ ได้เห็นผลการเติบโตของพืชที่อยู่บนดวงจันทร์อีกด้วย

นาซ่ากล่าวถึงความสำคัญที่มีการทดลองให้พืชไปเติบโตบนดวงจันทร์ เนื่องจากพืชเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตทั้งในแง่แหล่งอาหาร, อากาศ และน้ำ สำหรับมนุษย์ที่จะอาศัยอยู่ที่นั่น และการมีพืชอยู่ด้วยยังทำให้ผู้อาศัยเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เช่นที่เคยเห็นผลมาแล้วในเรือนกระจกที่แอนตาร์กติกาและบนสถานีอวกาศ

ดร.คริส แมคเคย์ นักวิทยาศาสตร์ด้านดาวเคราะห์ประเมินว่า ถ้าเกิดโครงการนี้เมื่อยี่สิบปีที่แล้วจะต้องใช้เงินทุนราว 300 ล้านดอลลาร์ แต่ในปัจจุบันนาซ่าจะใช้แค่ 2 ล้านดอลลาร์เท่านั้น โดย ดิ อินดิเพนเดนท์ ระบุว่าโครงการนี้อาจถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวของนาซ่า เพราะนอกจากจะทำให้นาซ่าสามารถหาเงินทุนเพื่อทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว ยังถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่มีความฝันในการสำรวจดาวเคราะห์ด้วย

 

เรียบเรียงจาก

LPX First flight of Lunar plant growth experiment, NASA, 29-11-2013
 

Nasa to grow plants on the moon by 2015: 'If they can thrive, we probably can too', The Independent, 29-11-2013
 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สุเทพ เทือกสุบรรณอ้างมาตรา 3 แห่งรัฐธรรมนูญใช้ยึดอำนาจรัฐไม่ได้

Posted: 01 Dec 2013 05:23 AM PST

เมื่อเวลา 16:30 น. วันนี้ (1 ธันวาคม 2556) คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ประกาศยึดอำนาจรัฐ ควบคุมอาคารสถานที่ราชการและสถานีโทรทัศน์ของรัฐและเอกชน รวมทั้งศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ แล้วประกาศบังคับให้ทุกส่วนราชการหยุดงาน โดยถือว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรสิ้นความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลต่อไปแล้ว โดยอ้างว่ารัฐบาลและพรรคการเมืองของรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจึงสิ้นความเป็นรัฐบาลเพราะไม่ยึดหลักนิติธรรมตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓

มาตรา ๓ ในรัฐธรรมนูญจึงถูกคุณสุเทพใช้เป็นข้ออ้างว่าตนเองกับคณะกรรมการประชาชนฯที่เรียกว่า กปปส. มีความชอบธรรมในการเข้าควบคุมยึดอำนาจรัฐ และรัฐบาลปัจจุบันหมดความชอบรรมตามมาตรา ๓ นี้ด้วย

มาตรา ๓ ในรัฐธรรมนูญฯ มีสองวรรค (สองย่อหน้า) บัญญัติไว้ดังนี้:

มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม

อธิบายได้ดังนี้:

วรรคหนึ่ง :
ที่ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยนั้นถูกต้อง แต่พระมหากษัตริย์เป็นผู้ทรงใช้อำนาจนั้น ผ่านคณะรัฐมนตรี ดังนั้นมวลชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจึงไม่มีอำนาจตั้งคณะรัฐมนตรีเอาเองตามใจชอบได้ และพระมหากษัตริย์ก็มิได้ทรงมีอำนาจจะทำอะไรตามพระทัยชอบได้ ต้องทรงใช้พระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ คือจัดให้ต้องเลือกตั้ง ต้องมีรัฐสภา ต้องเลือกรัฐบาลตามขั้นตอนปรกติตามกฎหมายเลือกตั้ง รัฐบาลของคุณสุเทพ - หากจะตั้งเมื่อไรมีใครบ้างก็แล้วแต่ - จะตั้งโดยการยึดอำนาจ ตั้งสภาประชาชนเอาตามใจชอบไม่ได้ คุณสุเทพ และพวก กปปส. จึงต้องตั้งพรรคการเมืองแล้วลงสมัครรับเลือกตั้งในวาระหน้า คืออีกประมาณสองปีข้างหน้า หรือหากมีการยุบสภาก็เตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งได้เลย ไม่มีทางลัดทางอื่นเลย เพราะคุณสุเทพยังเคารพรัฐธรรมนูญอยู่ และรัฐบาลก็ยังอยู่

วรรคสอง :
เฉพาะเรื่องรัฐบาล หรือคณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญบอกว่าให้ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักนิติธรรม ที่คุณสุเทพว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้ยึดหลักนิติธรรม นั้นถูกต้อง เพราะรัฐบาลและพรรคการเมืองของรัฐบาลรวมทั้งรัฐมนตรีที่ร่วมแถลงด้วยก็แถลงแล้วว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นประเทศไทยวันนี้จึงมีรัฐบาลที่ไม่ยึดหลักนิติธรรม เมื่อไม่ยึดหลักนิติธรรมก็ตีความได้ว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์นั้นสิ้นความชอบธรรม สิ้นสภาพการเป็นรัฐบาลได้ ตามวรรคสอง แต่ผู้ที่จะตีความดังว่าได้นั้นคือผู้ใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน นั่นก็คือ "พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข" หรือจะให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะดีกว่า จะได้ไม่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

ดังนั้นคุณสุเทพและ กปปส. จึงไม่มีสิทธิที่จะคิดเอาเองว่ารัฐบาลพ้นอำนาจแล้วและพวกตนเองกับมวลมหาประชาชนมีสิทธิ์ที่จะยึดอำนาจและจัดตั้งรัฐบาลเองตามการตีความของตนเองตามใจชอบ เพราะไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง

นี่เป็นการอธิบายของผมเอง ซึ่งไม่ยากนักสำหรับประชาชนไทยทุกคนจะเข้าใจเช่นเดียวกันกับผม เพราะมาตรา ๓ นี้อ่านง่ายมาก

ดังนั้นกิจกรรมทางการเมืองของคุณสุเทพ และ กปปส. กับ "มวลมหาประชาชน" จึงไม่มีความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ที่จะยึดอำนาจและควบคุมกำกับปิดกั้นการทำงานของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ และไม่มีอำนาจใดๆที่จะเข้าไปข่มขู่บังคับสั่งงานสื่อมวลชนให้เข้าข้างตน

คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส. ไม่มีทางเดินไปไหนเลยในซอยที่เดินมาสุดทางแล้ว นอกจากจะฉีกรัฐธรรมนูญแล้วยึดอำนาจใหม่ ออกประกาศ กปปส.ฉบับที่หนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง!

ทางที่ดีที่สุด เป็นสามัญสำนึกในการเห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองมากที่สุด ก็คือให้รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ลาออกเพื่อเป็นแสดงความรับผิดฐานที่ประกาศไม่เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นความผิดที่น่าอับอายและวิกฤติที่สุดของการเป็นรัฐบาลที่ควรจะเคารพรัฐธรรมนูญแต่กลับไม่เคารพ ความผิดนี้ชัดแจ้ง ไม่บังควรที่จะให้พระมหากษัตริย์ต้องทรงมาใช้พระราชอำนาจยืนยันความผิดของรัฐบาลนาวสาวยิ่งลักษณ์ แม้จะทรงทำได้ก็ตาม แต่เรามิควรที่จะปล่อยให้พระองค์ต้องมาทรงลำบากพระทัย

เรื่องนี้เป็นสามัญสำนึกแท้ๆที่นางสาวยิ่งลักษณ์จำต้องมี หากไม่มีก็จะเป็นเรื่องที่น่าอับอายในความไม่ประสาทางวัฒนธรรมประชาธิปไตย  แม้ประชาชนธรรมดาหรือนักศึกษาวิชารัฐศาสตร์ก็ย่อมมีสามัญสำนึกเช่นนี้

คุณยิ่งลักษณ์ต้องรู้ว่า ณ ชั่วโมงนี้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องลาออกทั้งคณะ ทั้งๆที่ตามประเพณีปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญถึงเวลามาตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยแล้ว รัฐบาลต้องลาออกและยุบสภาผู้แทนราษฎร แล้วกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยพลัน

เมื่อรัฐบาลประกาศยุบสภาแล้ว กำนันสุเทพ และ กปปส. รวมทั้ง "มวลมหาประชาชนชาวไทย" ก็จะได้มีทางออกที่งดงาม พอไม่เสียหน้า กลับไปเริ่มกระบวนการตั้งพรรรคการเมืองของกลุ่มตน เสนอนโยบายที่เคยประกาศกันเองบนเวทีราชดำเนินตามสะดวก แล้วรณรงค์หาเสียงเอาชนะใจมวลมหาประชาชนให้ได้คะแนนเสียง ให้มากๆนับ ๑๐-๒๐ ล้าน เพราะเพียง ๑ ล้านเสียงที่ราชดำเนินไม่พอ แพ้ระบอบทักษิณแน่

ถ้าประชาชนเข้าใจความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ก็ไม่มีทางจะเลือกพรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจตั้งรัฐบาลได้ แล้วจะหันไปเลือกพรรค กปปส. ดังนั้นแล้ว กปปส. ก็จะได้เป็นรัฐบาล จัดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้ตามอุดมการณ์
ถ้าพรรค กปปส. ยกเลิกนโยบายข่มขู่สื่อ และไม่ทำอะไรตามใจตัวเองจนไม่ฟังคำทักท้วงของมวลมหาประชาชน ผมก็จะเลือกด้วยหนึ่งคะแนนแน่นอน
หากประชาชนยังชอบที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยให้ได้เสียงข้างมากมาจัดตั้งรัฐบาลระบอบทักษิณ ก็ต้องยอมรับเสียงของประชาชน อยู่ร่วมกันไปแบบไม่ชอบหน้ากันอย่างสันติ ก็น่าจะพออยู่กันได้

หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลจากระบอบยิ่งลักษณ์-ทักษิณอีก ก็จัดการชุมนุมมวลมหาประชาชนอีกรอบก็ได้ แล้วเราก็สู้กันต่อไปเรื่อยผ่านระบบเลือกตั้ง จนกว่าประชาชนจะเข้าใจอะไรดีอะไรไม่ดี

การล้มระบอบทักษิณขึ้นอยู่กับประชาชนจะลงคะแนนตอนเลือกตั้ง
จะล้มระบอบทักษิณโดยการยึดสถานที่ราชการไม่ได้
ต้องยึดหัวใจของประชาชนที่ต้องการล้มระบอบทักษิณให้ได้
จะได้กำจัดระบอบทักษิณไปได้ยั่งยืน


 

หมายเหตุ  กปปส = คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

 

ที่มา: https://m.facebook.com/notes/somkiat-onwimon

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รัฐบาลแถลงว่าการกระทำของ 'สุเทพ เทือกสุบรรณ' เข้าข่ายกบฎ

Posted: 01 Dec 2013 04:56 AM PST

ประชา พรหมนอกแถลงการกระทำของสุเทพ เทือกสุบรรณที่ทำการยึดสถานที่ราชการ และใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจบริหาร มิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และเข้าข่ายกบฎ ม.113 และพรุ่งนี้ข้าราชการทำงานปกติ พร้อมประกาศให้งดออกจากเคหะสถาน 4 ทุ่มถึงตี 5

1 ธ.ค. 2556 - หลังจากที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้อ่านแถลงการณ์ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ที่มีการเชื่อมต่อสัญญาณกับสถานีโทรทัศน์บลูสกายเมื่อช่วงเย็นวันนี้นั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

เมื่อสักครู่นี้ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่คำแถลงของ ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง โดยระบุว่า

"การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บุกรุกสถานที่ราชการ บุกยึดสถานีโทรทัศน์บังคับให้ถ่ายทอดรายการตามความต้องการของต้น ใช้กำลังประทุษร้ายเข้ายึดสถานที่ราชการ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายด้านความมั่นคง ขอชี้แจงว่ากรณีที่สุเทพ เทือกสุบรรณ แถลงว่ารัฐบาลไม่ยอมรับคำนิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. นั้นขอแจ้งให้ทราบว่า รัฐบาลไม่เคยมีแถลงการณ์ใดๆ หรือการแสดงใดๆ ที่ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การแถลงดังกล่าวเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาไม่ใช่รัฐบาล"

ประชาแลถงต่อว่า "ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ไม่ใช่ร่างของคณะรัฐมนตรี เป็นร่างของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติแยกจากฝ่ายบริหาร และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าวุฒิสภาไม่ได้รับหลักการร่างฉบับนี้ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้สนับสนุนร่างฉบับนี้ต่อไป ถือว่าร่างฉบับนี้ตกไปไม่มีโอกาสใช้แน่นอนแล้ว"

"การที่นายสุเทพ ประกาศให้วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการนั้น ขอประกาศว่าวันพรุ่งนี้หน่วยงานราชการจะเปิดตามปกติ ต่อกรณีให้สื่อโทรทัศน์เลิกการนำเสนอข่าวของรัฐบาลและให้เสนอเหตุการณ์ของการชุมนุมนั้น ขอเรียนว่านายสุเทพไม่มีอำนาจรัฐ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ที่จะสั่งให้สื่อโทรทัศน์หยุดการเสนอข่าวของรัฐบาล และตามที่นายสุเทพอ้างการชุมนุมเป็นการใช้สิทธิมาตรา 69 ของรัฐธรรมนูญ ขอเรียนให้พี่น้องทราบว่า มาตรา 69 มีข้อความดังนี้"

"บุคคลมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปในวิธีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ" คือการกระทำนั้นต้องเป็นไปโดยสันติวิธี แต่วิธีของนายสุเทพ และการนำบุคคลอื่น ยึดสถานที่ราชการ สถานีโทรทัศน์ หรือสถานที่ของรัฐบาลอื่นใดมิได้เป็นไปโดยสันติวิธี มีการใช้กำลังพังผนังกั้นที่ทำด้วยปูน มีการขว้างระเบิดปิงปองเข้าไปในหน่วยงานรักษาความปลอดภัย

ประชาแถลงว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาเป็นรัฐบาลผ่านการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่ได้กระทำการได้เพื่อให้ได้อำนาจปกครองประเทศในวิธีการที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในทางตรงกันข้าม การดำเนินการที่กล่าวมาของนายสุเทพที่ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจบริหาร หรือให้ฝ่ายบริหารใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ เป็นการกระทำที่เข้าองค์ประกอบความผิดการเป็นกบฎ ตามมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มีโทษประหารชีวิต หรือจำคุกประหารชีวิต

กรณีความรุนแรงที่ ถ.รามคำแหง และที่ราชมังคลากีฬาสถาน เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อสืบทราบขยายผลหาผู้กระทำผิด กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเข้าจับกุมผู้กระทำผิด เชื่อว่าจะสามารถขยายผลเพื่อดำเนินคดีผู้บงการ และผู้กระทำความผิดได้ในไม่ช้า ตำรวจได้แจ้งให้ทราบแล้วว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย มีฝ่าย นปช. 2 ราย และผู้ชุมนุม 1 ราย จากสถานการณ์ที่รุนแรงในเขตพื้นที่ดังกล่าวข้างต้นนั้น จากการสืบทราบของหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานความมั่นคงพบว่ามีความพยายามของกลุ่มบุคคลที่สาม อาศัยสถานการณ์ก่อความไม่สงบ โดยเชื่อว่ามีการกระทำที่รุนแรง มีการใช้อาวุธอันตรายต่อพี่น้องประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเกลียดชังต่อรัฐบาล และยกระดับสถานการณ์

ดังนั้น หลังเวลา 22.00 น. ถึง 05.00 น. ของวันใหม่ หากไม่มีความจำเป็น ขอให้พี่น้องประชาชนไม่ควรออกนอกเคหะสถาน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลที่สามดังกล่าว

รัฐบาลขอประกาศว่าขณะนี้รัฐบาลได้ควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ไว้ด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ดีรัฐบาลมีความปรารถนาดีที่จะรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย พวกเราทุกคนจะหันหน้าเข้ามาปรึกษาหารือ เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน จึงกราบเรียนให้ประชาชนมีความมั่นใจและสบายใจว่ารัฐบาลนี้เป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน ดังนั้นรัฐบาลจะให้ความสำคัญด้วยการรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนและจะนำมาซึ่งความปกติสุขโดยเร็วที่สุด เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยมีความพร้อมถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

พบกระดูกคนบนซากรถบัสถูกเผา ศูนย์เอราวัณสรุปล่าสุดปะทะรามฯ ตาย4 เจ็บ57

Posted: 01 Dec 2013 04:10 AM PST

ศูนย์เอราวัณสรุปล่าสุดตัวเลขล่าสุดจากเหตุปะทะที่บริเวณ ม.รามฯ เมื่อคืน ตาย 4 เจ็บ 57 พบโครงกระดูกมนุษย์ในรถบัสที่ถูกเผาหน้าม.ราม

1 ธ.ค.56 เมื่อเวลา 15.30 น. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร รายงานสรุปจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะของกลุ่มชนบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 30 พฤศจิกายนจนถึงเช้าวันที่ 1 ธันวาคม พบผู้บาดเจ็บจำนวนทั้งสิ้น   57   ราย และเสียชีวิตจำนวน  4 ราย   คือนายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว อายุ 21 ปี ถูกยิงชายโครงขวา  และนายวิษณุ เภาพู่ อายุ 26 ปี ถูกยิงหน้าอก โดยทั้งคู่อยู่ที่โรงพยาบาลรามคำแหง     

นอกจากนี้ยังมีพลทหารธนสิทธิ์ เวียงคำ อายุ 22 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ และรายงานจากนิติเวช พบรายวิโรจน์ เข็มนาค อายุ 43 ปี รวมเสียชีวิต 4 รายจากผู้บาดเจ็บ 53 ราย โดยผู้บาดเจ็บกระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ ดังนี้ ส่วนผู้บาดเจ็บกระจายรักษาที่ รพ.รามคำแหง 6 คน รพ.แพทย์ปัญญา 15 คน รพ.เพชรเวช 4 คน รพ.จุฬารัตน์9 จำนวน 1 คน รพ.วิภาราม 7 คน รพ.ราชวิถี 12 คน รพ.รามาธิบดี 8 คน รพ.คามิลเลียน 2 คน รพ.เปาโลโชคชัย 4 จำนวน 1 คน  และ รพ.นพรัตนราชธานี 1 คน

สำหรับการ์ดเสื้อแดงที่ถูกยิงที่ศีรษะ บริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 24 ด้านหลังสนามราชมังคลากีฬาสถาน  เมื่อ เวลา 1.55 น. นั้น โพสต์ทูเดย์ดอทคอม รายงานว่าทราบชื่อจากแฟนสาวผู้เสียชีวิตที่อยู่ในอาการโศกเศร้าว่า ชายคนดังกล่าวชื่อ พลทหารธนสิทธิ์ เวียงคำ อายุ 23 ปี เป็นทหาร อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยไม่ได้ทำหน้าที่การ์ดควบคุมการชุมนุมแต่อย่างใด ทั้งนี้ศพได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลพญาไท 1 แล้ว

ผู้สื่อข่าวโพสต์ทูเดย์รายงานเพิ่มเติมจากการสอบถามกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ร่วมเหตุการณ์ปะทะ ซึ่งเปิดเผยว่า ฝ่ายตรงข้ามได้เดินมาบริเวณซอยรามคำแหง  24 แยก 14 ด้านหลังสนามราชมังคลาฯ โดยโห่ร้อง และตะโกนด่าคนเสื้อเเดง จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนรวมถึงผู้เสียชีวิตจึงหยิบไม้และขวดแก้วเป็นอาวุธออกไปต่อสู้ในซอยดังกล่าว ปรากฏว่าฝ่ายตรงข้ามได้ใช้อาวุธปืนยิงสวนมายังพลทหารธนสิทธิ์นัดแรกแต่ไม่โดน จากนั้นได้ยิงนัดที่สองเข้าศีรษะทะลุหมวกกันน็อคจนเสียชีวิตคาที่ ทำให้ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงแตกกระเจิง จากนั้นผ่านไปสักระยะทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้รีบไปนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ก่อนรถของมูลนิธิจะนำร่างส่งโรงพยาบาล   

พบโครงกระดูกมนุษย์ในรถบัสที่ถูกเผาหน้าม.ราม

วันเดียวกันแนวหน้ารายงานว่า จากกรณี รถบัส 2 ชั้น ทะเบียน 30-0170 กำแพงเพชร ถูกเพลิงเผาไหม้บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ควบคุมเพลิงได้แล้ว และจากการตรวจสอบพบโครงกระดูกห้อย ที่ห้องน้ำชั้นล่างรถบัส แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นคนหรือไม่ ทั้งนี้ต้องรอให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบต่อไป

 

 

ทั้งนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Cyberclasher Cybergames ซึ่งบันทึกวิดีโอขณะที่รถบัสเกิดเพลิงไหม้ คอมเมนท์ตอบคำถามผู้สนใจในโพสต์ด้วยว่า เหตุดังกล่าวนักศึกษาเป็นเป็นผู้เผา 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าหลังจากที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้ประกาศยุติการชุมนุมผู้ชุมนุมก็เริ่มทยอยอกจากสนามกีฬาฯตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 น. แล้ว 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

‘ศอ.รส.’ แถลงขอคืนพื้นที่"คลัง-ศูนย์ราชการ" ใช้เบาไปหนัก ยึดหลักสากล

Posted: 01 Dec 2013 02:29 AM PST

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. แถลงขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ และกระทรวงการคลัง ยืนยันใช้ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และยึดหลักสากล

1 ธ.ค.56 เมื่อเวลา 16.22 น. ไทยพีบีเอส รายงานคำแถลงของ พล.ต.ต., โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ว่า ขอให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากสถานที่ชุมนุมโดยเร็ว เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการเข้าไปในพื้นที่สถานที่ราชการต่างๆ อาทิ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ฯลฯ ทางศอ.รส. จึงได้มีการปรับแผนการดำเนินการ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ได้สั่งการให้ชุดควบคุมฝูงชน และชุดเคลื่อนที่เร็ว ไปขอคืนพื้นที่ในบริเวณศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ และบริเวณกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ยืนยันจะดำเนินการด้วยความเรียบร้อยให้เกิดการกระทบกระทั่งน้อยที่สุด และยึดถือนโยบายของรัฐใช้มาตรการทำความเข้าใจกับประชาชนก่อนหากมีการฝ่าฝืนกฎหมาย และเกิดสถานการณ์ไม่สงบขึ้น จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และจะแจ้งเตือนเป็นระยะ และยึดหลักสากล

สำหรับกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อม และบุกรุกสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี นั้น ศอ.รส. ได้ดำเนินการประสานกับทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือต่อไป

ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดเชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมสังเกตุการณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของศอ.รส. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตอบรับ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'สุเทพ เทือกสุบรรณ' อ่านแถลงการณ์ กปปส. ไปยังประชาชนชาวไทย

Posted: 01 Dec 2013 02:23 AM PST

ฟรีทีวีต่อสัญญาณบลูสกายสดๆ 'เลขาธิการ กปปส.' แถลงเพราะรัฐบาลไม่ยอมรับศาล รธน. จึงขาดความชอบธรรมทางการเมือง กปปส. จึงลุกฮือมา 32 วันแล้ว เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ขจัดระบอบทักษิณ จะปฏิรูปให้ประเทศมีความเป็นธรรมและเป็นสุข ขอให้ทีวีทุกช่องถ่ายสด กปปส. งดออกข่าวรัฐบาล และวันจันทร์นี้ให้ข้าราชการหยุดงาน

การอ่านแถลงการณ์ กปปส. ที่ปรากฏในหน้าจอของสถานีโทรทัศน์บลูสกาย แชนเนล

สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อ่านแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556 นอกจากการถ่ายทอดสดในสถานีโทรทัศน์บลูสกายแล้ว ยังมีการรายงานสดผ่านสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีหลายช่อง

สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายงานสด สุเทพ เทือกสุบรรณ อ่านแถลงการณ์ กปปส. เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556

 

1 ธ.ค. 2556 - เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี เลขาธิการ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. ได้อ่านคำแถลงของ กปปส. ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2556 โดยมีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีหลายช่อง เชื่อมสัญญาณจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกายทีวี

ตอนหนึ่ง สุเทพระบุว่า รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.เสียงข้างมาก ละเมิดรัฐธรรมนูญโดยทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ปฏิเสธคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการปฏิเสธรัฐธรรมนูญ รวมถึงไม่ขอคืนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทูลเกล้าแล้ว รัฐบาลจึงขาดความชอบธรรมทางการเมืองซึ่งการกระทำดังกล่าว จึงเข้าเงื่อนไขมาตรา 69 ที่มวลมหาประชาชนสามารถออกมาแสดงพลังสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยการดำเนินการของ กปปส. ใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญมาตรา 69 ในฐานะเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย ตามมาตรา 3 มีการยึดประชาธิปไตยทางตรง อหิงสา สันติ เพื่อขจัดพรรคการเมืองนายทุนระบอบรัฐสภา ที่เรียกว่า ระบอบทักษิณ ให้พ้นจากแผ่นดินไทย เพื่อธำรงรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไว้ในประเทศไทยสืบไป

คณะกรรม กปปส. ชวนคนไทยทุกหมู่เหล่า สมัครสมานสามัคคี พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ให้การปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขาดความชอบธรรมทางการเมืองพ้นไปจากแผ่นดิน จากนั้นประชาชนจะช่วยกันทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยสมบูรณ์ ปฏิรูปประเทศให้มีสังคมที่เป็นทำ และเป็นสุขต่อไป

จากนั้น สุเทพ ได้ขอรายงานสถานการณ์ โดยระบุว่า การชุมนุมของมวลมหาประชาชนที่ดำเนินการมาวันที่ 32 ตามหลักอหิงสา สันติ สงบ เปิดเผย ปราศจากอาวุธ มีมวลมหาประชาชนเข้าร่วมนับล้านล้านคน วันนี้ กปปส. และมวลมหาประชาชนได้ดำเนินการเดินอารยะเข้าควบคุมพื้นที่ส่วนราชการที่สำคัญหลายพื้นที่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กสท. ทีโอที กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยุติธรรม พาณิชย์ สำนักงบประมาณ มหาดไทย แรงงาน ต่างประเทศ กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งทุกที่ดำเนินการได้อย่างสันติ ไม่มีความรุนแรงใดๆ ในส่วนของสื่อมวลชน กปปส. และมวลมหาประชาชนได้ประสานเจรจาขอความร่วมมือถ่ายทอดสัญญาณการแถลงของ กปปส. สื่อมวลชนเข้าใจ กปปส. เป็นอย่างดี

ทั้งนี้มวลมหาประชาชนต้องการขจัดระบอบทักษิณที่กอบโกย โกงกินประเทศไทย ทำลายนิติรัฐ นิติธรรม ใช้มวลชนอันธพาลทำร้ายนักศึกษาประชาชน ทำให้ประชาชนทนไม่ไหว มีการกบฎรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับไม่ยอมรับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เลยต้องปกป้องรัฐธรรมนูญจากระบอบทักษิณที่มาคุกคาม

อย่างไรก็ตามยังมีส่วนของรัฐบาล และ ศอ.รส. ที่ยังมุ่งทำร้าย ให้ร้าย มวลมหาประชาชน อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งแข็งกร้าวต่อมวลมหาประชาชน โดย กปปส. จะดำเนินการต่อไป เพื่อให้การปฏิบัติการของมวลมหาประชาชนมีความต่อเนื่องในการขจัดระบอทักษิณ ขอประกาศให้จันทร์ที่ 2 ธ.ค. นี้เป็นวันหยุดงานทั่วประเทศของทุกส่วนราชการ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

สุเทพได้กล่าวด้วยว่า และนับจากเวลานี้เป็นต้นไปขอให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องอุทิศตนเป็นสื่อของมวลมหาประชาชน งดออกอากาศข่าวรัฐบาล ที่จะสร้างความสับสนแก่ประชาชน ให้ทุกสถานีถ่ายทอดเฉพาะข่าวของ กปปส. และรายงานสถานการณ์จริงต่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ

เลขาธิการ กปปส. กล่าวถึงเหตุทำร้ายที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่า กรณีเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 42 รายดังกล่าว ไม่ใช่ผลงานของ กปปส. โดยกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของรัฐบาล โดยระบุว่าขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวนักศึกษา ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ "ขอประณามรัฐมนตรีมหาดไทย ตำรวจ ที่กระทำต่อนักศึกษาอย่างไร้สำนักชั่วดีใดๆ ทั้งสิ้น" สุเทพกล่าว

สุเทพได้กล่าวขอบคุณ "มวลมหาประชาชขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพ เพื่อนข้าราชการ โดยเฉพาะทหาร แพทย์ พยาบาล นักวิชาการ นิสิต นักศึกษาที่ร่วมแนวทางมวลมหาประชาชน และยืนหยัดต่อสู้ร่วมกันจนกว่าจะขจัดระบอบทักษิณหมดสิ้นจากแผ่นดินไทย และชัยชนะเป็นของประชาชน ขอเรียกร้องรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นแก่บ้านเมือง หยุดใส่ร้าย หยุดทำร้ายประชาชน และคืนอำนาจประชาชน ให้ประชาชนได้ใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชนไปดำเนินการแก้ไขปัญหาประเทศชาติต่อไป ความคืบหน้าในการดำเนินการ กปปส. จะได้ประกาศให้ทราบโดยทั่วไปเป็นระยะ"

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ใบตองแห้ง : รัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภา

Posted: 01 Dec 2013 01:37 AM PST

ม็อบอนาธิปไตยคนชั้นกลางชาวกรุง (และชาวใต้) ได้เริ่มก่อความเสียหายรุนแรงขึ้นในวันเสาร์ ทั้งยังเกิดเหตุปะทะระหว่างนักศึกษารามฯ กับมวลชนเสื้อแดงที่รัชมังคลา ซึ่งอาจลุกลามบานปลาย วันอาทิตย์ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อม็อบประกาศจะบุกทำเนียบรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กระทรวงต่างๆ ตลอดจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจนครบาล

ถ้ายอมให้ม็อบบุกทุกแห่ง รัฐบาลก็จะเป็นอัมพาต ตำรวจก็จะเป็นอัมพาต แล้วจะควบคุมสถานการณ์กันอย่างไร

เรื่องน่าประหลาดใจคือหลังผ่านพ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันพฤหัส ท่ามกลางข้อเสนอให้ยุบสภา ทั้งจากฝ่ายก้าวหน้า เป็นกลาง และล้าหลัง รัฐบาลก็ยังนิ่งเฉย กระทั่งมหาตมะคานเทือกประกาศดีเดย์ 1 ธ.ค.รัฐบาลก็ยังเฉย เพียงประกาศพร้อมเจรจา ซึ่งน่าจะไม่พอ

รัฐบาลควรเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้อง "เจรจากับโจร" ไม่จำเป็นต้องยกระดับเทพเทือกเป็นคู่เจรจา แต่รัฐบาลต้องเจรจากับสังคม แสดงท่าทีต่อข้อเสนอทั้งฝ่ายนักวิชาการก้าวหน้า กลุ่ม อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ อ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ ฯลฯ ที่เสนอให้ยุบสภาพร้อมกับลงประชามติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แสดงท่าทีต่อข้อเสนอของที่ประชุมอธิการบดี หรือแสดงท่าทีต่อข้อเสนอของฝ่ายเป็นกลาง อย่างหอการค้า ที่เสนอตัวเป็นคนกลาง ประสานภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สื่อ จัดเจรจาระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้าน

เออ มีคนเขายอมเป็นคนกลาง ทำไมรัฐบาลไม่รับ รัฐบาลนิ่งเฉยทำไมครับ

สถานการณ์อย่างนี้ รัฐบาลควรประกาศว่า "จะยุบสภา" "พร้อมยุบสภาในทันที" แต่เนื่องจากการยุบสภาเพียงอย่างเดียวอาจแก้ปัญหาไม่ได้ จึงขอเชิญทุกฝ่ายมาร่วมกันหาทางออก มาหารือว่าจะแก้ไขปัญหาอะไรบ้างก่อนยุบสภา

แล้วก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง สมมติ เชิญทั้งพวกอธิการบดี หอการค้า สภาอุตสาหกรรม นักวิชาการก้าวหน้า อ.นิธิ หมอประเวศ อานันท์ ฯลฯ (เอามาเหอะน่า อย่างน้อยก็แก้วิกฤติ) เพื่อตกลงว่าจะให้รัฐบาลยุบสภาเมื่อไหร่และควรทำอะไรบ้างก่อนยุบ

นี่คือวิธีโดดเดี่ยวม็อบ เพราะต้องเข้าใจว่ากระแสสังคมส่วนใหญ่ ต่อให้คนที่ไม่พอใจรัฐบาล ก็ไม่เห็นด้วยกับม็อบ แม้แต่คนที่อ้างว่ามากันเป็นล้านเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะเห็นด้วยกับการบุกยึดสถานที่ราชการเสียทั้งหมด

แต่ที่แน่ๆ กระแสที่ลุกฮือมาแสดงความไม่พอใจรัฐบาล จะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะมี "ผลลัพธ์" อย่างใดอย่างหนึ่ง

ต้องเข้าใจว่า กระแสอารมณ์คนชั้นกลาง แม้เริ่มต้นมีเหตุผล เกิดจากความไม่ชอบธรรมในการผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่พอเป็นอารมณ์แล้วก็พร้อมจะเตลิดไปเรื่อย จนทะลุเป้าอย่างใดอย่างหนึ่งจึงค่อย "หายบ้า" นี่ไม่ว่าเป้าหมายนั้นเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตยหรืออนาธิปไตย

ก็สมัยม็อบมือถือไล่สุจินดา เรียกร้องให้นายกฯ มาจากเลือกตั้ง ได้อานันท์ ปันยารชุน ยังโห่ร้องกันซะงั้น

แน่นอน รัฐบาลมีที่มาชอบธรรมจากการเลือกตั้ง ม็อบตั้งข้อเรียกร้องนอกวิถี ปล่อยให้อาละวาดไป ก็ยิ่งเสียความชอบธรรม ชาวบ้านด่ากันพึม แต่ไม่ใช่ว่าคิดอย่างนี้แล้วรัฐบาลจะนิ่งเฉย ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เพราะสถานการณ์ผันแปรได้ทุกวัน อุบัติเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

รัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภา เพราะเป็นวิถีทางที่ชอบธรรม เนื่องจากสภาใช้อำนาจไม่ชอบธรรม ในการผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมซึ่งทั้ง "เสียสัตย์" และลักหลับ เพียงแต่การยุบสภานั้นต้องให้สังคมมีส่วนร่วม รัฐบาลต้องแสดงท่าทีพร้อมยุบสภาวันนี้ เดี๋ยวนี้ แต่เปิดให้คนกลางทั้งหลายเข้ามามีส่วนร่วมตัดสินใจว่าควรยุบเมื่อไหร่ ควรทำอะไรก่อนยุบ (รู้หรอกน่าว่าบางคนก็ไม่เป็นกลาง แต่ให้มีความหลากหลาย)

ซึ่งถ้าเป็นไปได้ รัฐบาลก็ควรผลักดันข้อเสนอของนักวิชาการก้าวหน้า ยุบสภาพร้อมลงประชามติ ซึ่งอาจเลื่อนไปยุบสภาปลายเดือนมกราคม โดยประกาศลงประชามติในราชกิจจานุเบกษาก่อน

หรือถ้าเป็นไปได้ รัฐบาลก็ควรเสนอให้ "คนกลาง" ร่วมให้ฉันทามติ ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้ชุมนุมทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลืองตั้งแต่หลังรัฐประหารจนถึงเหตุการณ์พฤษภา 53 ตามเจตนารมณ์เดิมของร่างวรชัย (รวมครั้งนี้ด้วยก็ได้แต่ยกเว้นแกนนำ)

ข้อเสนอนี้ไม่แน่ใจว่าช้าไปหรือไม่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนทุกวัน รัฐบาลไม่ตัดสินใจวันหนึ่ง สถานการณ์ก็แย่ลงไปอีกวันหนึ่ง ยังไม่แน่ว่าเมื่อถึงวันที่ 5 ธ.ค.ถ้าเทพเทือกยึดทำเนียบได้แล้วจัดถวายพระพรร่วมกับ กทม.อะไรจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี รัฐบาลก็ต้องยืนหลักที่พร้อมยุบสภา และใช้การหารือกับทุกฝ่าย หาฉันทามติสังคม แต่จะปรับอย่างไรให้เข้ากับสถานการณ์วันต่อวัน สมมติเช่น อาจจะออกทีวีรวมการเฉพาะกิจในวันอาทิตย์ ประกาศเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องให้ยุบสภา โดยเชิญที่ประชุมอธิการบดี หอการค้า สภาอุตสาหกรรม นักวิชาการ ภาคส่วนต่างๆ ที่เรียกร้องให้ยุบสภา มาหารือกำหนดขั้นตอน


ไม่เข้าใจความชอบธรรม

พรรคเพื่อไทยมักเข้าใจแต่ว่าตัวเองได้อำนาจมาโดยชอบธรรม แต่ไม่เข้าใจการใช้อำนาจอย่างชอบธรรม ไม่เข้าใจการอยู่ในอำนาจอย่างชอบธรรม ไม่เข้าใจกระทั่งว่าทำอย่างไรให้คนไม่รักแต่ก็ไม่เกลียด

มิตรสหายชาวใต้ท่านหนึ่ง ตำหนิรัฐบาลว่าสาเหตุที่คนใต้ลุกฮือ ทั้งขึ้นรถบัสรถไฟมาจากภาคใต้เป็นหมื่นๆ รวมกับคนใต้ในกรุงอีกเป็นหมื่นๆ ก็เพราะรัฐบาลไม่รู้จักเอาใจคนใต้เลย คือรู้อยู่แล้วว่ายังไงคนใต้ก็เลือกหมากับเสาไฟฟ้าที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งมา แต่ทำอย่างไรให้เขาไม่เลือกแต่ไม่เกลียด รัฐบาลไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย ขณะที่แมลงสาบเป่าหูคนใต้ทุกวัน

พรรคเพื่อไทยดันทุรังในการใช้อำนาจ ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั่นเห็นชัด แต่กระทั่งเรื่องที่ถูกต้อง เช่น การที่รัฐสภาประกาศไม่รับอำนาจศาล รัฐสภาซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนก็ไม่ใส่ใจการชี้แจงประชาชน ไม่ใส่ใจการตอบโต้ ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย มีแต่นิติราษฎร์ กับนักกฎหมายบางคนชี้แจงให้ ฝ่ายการเมืองไม่สามารถแปรเป็นวาทกรรมทางการเมือง ไม่เหมือนประชาธิปัตย์ที่ตวัดลิ้นเก่ง

รัฐสภาทำถูก แต่ไม่รู้จักตอบโต้ข้อกล่าวหา เช่นที่ว่ารัฐสภาปฏิเสธอำนาจศาล ต้องบอกว่าในกรณีที่เป็นร่าง พ.ร.บ.เช่นเงินกู้ 2 ล้านล้าน รัฐสภา รัฐบาล ล้วนยอมรับอำนาจศาล แต่กรณีของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่รับเพราะเป็นอำนาจของรัฐสภาตามมาตรา 291

โดยเฉพาะประเด็นกระบวนการ ซึ่งมีพยานหลักฐานให้โต้ เช่นข้ออ้าง "ร่างปลอม" เอาเข้าจริงไม่ผิดข้อบังคับการประชุม ญัตติที่เสนอต่อสภา ผู้เสนอสามารถแก้ไขได้ตราบใดที่ยังไม่บรรจุวาระ ร่างที่เข้าวาระ 1 คือร่างที่แก้ไข แล้วก็ใช้อภิปรายมาจนวาระ 3 ไม่ได้ปกปิดใคร ข้อนี้ไม่ผิดเลย การเสียบบัตรแทนกัน 2-3 คนก็ไม่ทำให้มติเสียไป และไม่ได้เป็นเหตุให้ถอดถอนคนอื่นๆ การที่ประธานไม่ยอมให้ฝ่ายค้านอภิปราย อาจไม่เหมาะสม แต่ฝ่ายค้านก็ประกาศตีรวนลากยาวมาแต่แรกแล้ว

แต่จุดอ่อนของรัฐสภาคือ เมื่อเห็นว่าตัวเองมีอำนาจถูกต้อง ก็กลับไม่ทำความเข้าใจกับสังคมซะงั้น แล้วก็เป๋ไปเป๋มา ตอนแรกจะประชุมลงมติไม่รับอำนาจศาล ให้เป็นมติของอำนาจนิติบัญญัติ แต่พอม็อบคุกคาม ก็ไม่กล้าลง แล้วทีนี้จะเอาอะไรไปสู้เขาละครับ

การรับมือกับม็อบ การต่อสู้ช่วงชิงทางการเมืองกับม็อบก็มีปัญหา รัฐบาลมอบหมายให้ ศอ.รส.ซึ่งก็มีแต่ตำรวจ ไม่มีมือการเมือง โอเค ถูกต้องแล้วที่ตำรวจไม่ใช้กำลัง ไม่ปะทะ แต่ทำไมไม่เอาภาพโทรทัศน์ที่เทพเทือกนำฝูงชนบุกกระทรวงการคลัง บุกที่ต่างๆ มาเผยแพร่ต่อสาธารณะ ให้กว้างขวาง ให้มากที่สุด ทำไมไม่เอาภาพตำรวจที่ถูกฝูงชนทำร้าย หรือเอาตำรวจที่ต้องอดทนอดกลั้นให้ฝูงชนด่า มาถ่ายทอดความรู้สึกออกสื่อให้มากๆ

รัฐบาลมอบหมายให้ใครรับมือม็อบ มอบหมายคนพิการ เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์

เท่าที่ทราบ คนในพรรค คนในรัฐบาล จำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา เพราะเชื่อว่ายังครองอำนาจได้อยู่ (ก็พวกนี้แหละที่ดันทุรังสุดซอยโดยเชื่อว่าไม่มีปัญหา) ขอบอกว่าคิดผิดครับ เสถียรภาพรัฐบาลอยู่บนเส้นด้าย เหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ใต้เก้าอี้ ต่อให้พรุ่งนี้ม็อบเลิกไปก็กลับมาใหม่ได้ทุกเมื่อ เพียงแค่เป่านกหวีด

การดันทุรังไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากทำลายพลังประชาธิปไตย รัฐบาลต้องเลือกรักษาวิถีประชาธิปไตยมากกว่าอำนาจ ซึ่งถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสกลับมาใหม่ ต่อให้ผลการเลือกตั้งพลิก ปชป.ชนะ ก็ยังมีโอกาสกลับมาใหม่ ถ้าอยู่ต่อไป มีอุปสรรคขวากหนามอีกเยอะ เช่น นายกรัฐมนตรี 312 ส.ส. ส.ว.ถูกยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ถอดถอน หรือสิ้นเดือนธันวาคมนี้ ก็จะครบ 90 วันที่ทูลเกล้าฯ ร่างรัฐธรรมนูญ

พรรคเพื่อไทยไม่เคยเข้าใจว่า พลังประชาธิปไตยยังอยู่ในสถานะเป็นรองพลังอนุรักษ์นิยม ไม่ใช่แค่ศาล ทหาร องค์กรสถาบันต่างๆ แต่รวมถึงวิธีคิดแบบดั้งเดิม ความเชื่อเรื่องชั่วดีที่ไม่สอดคล้องกับวิถีประชาธิปไตย ซึ่งแสดงออกในพลังมวลชนครั้งนี้ การต่อสู้ของพลังประชาธิปไตยจึงต้องยึดมั่นในหลักความชอบธรรม ยึดการมีส่วนร่วม โอนอ่อนตามพลังทางสังคมในบางประเด็น

แน่นอนละ ก็พรรคเพื่อไทยไม่ใช่นักประชาธิปไตยสักเท่าไหร่ แต่ได้อำนาจด้วยกระแสประชาธิปไตย ถ้ายังรอดไปถึงการเลือกตั้ง ก็ต้องปรับรื้อครั้งใหญ่ ขบวนประชาธิปไตย มวลชนเสื้อแดง ต้องวิพากษ์พรรคเพื่อไทยเพื่อให้ปรับตัวครั้งใหญ่


ต้องทำให้ค้างกลางเหว

อันที่จริง ช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์มันส์มาก เพราะมันคือ Hello Test! Hello Test! ว่าภูมิคุ้มกันระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทยยังเข้มแข็งเพียงไร

การชุมนุมที่มีคนเป็นล้าน! (ไม่ถึงก็ไม่เป็นไรน่า คนมาไม่ได้อีกเพียบ) มวลมหาประชาชนชั้นกลางเก่าออกมาต่อต้านรัฐบาลมากมายมหาศาลขนาดนี้ ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน รัฐบาลโดนรัฐประหารไปเรียบร้อยแล้ว หรือไม่ก็จะมีคนปลุก "นายกฯ พระราชทาน" แต่ครั้งนี้เงียบ นอกจากพวกกองทัพธรรมกองทัพประชาชนอะไรนั่นของมหาจำลอง เทพเทือกอ้าง "ระบอบพระมหากษัตริย์ที่สมบูรณ์" แต่วันรุ่งขึ้นก็เปลี่ยนเป็นรัฐบาลประชาชน สภาประชาชน (ซึ่งก็คือเผด็จการเสียงข้างน้อยโดยคนชั้นกลางชาวกรุงและชาวใต้)

ไม่มีใครกล้าเรียกหารัฐประหาร แม้อาจจะหวังอยู่ลึกๆ ไม่มีใครกล้าพูดถึงนายกพระราชทาน แม้วาดฝันเป็น agenda

เงื่อนไขประชาธิปไตยที่สังคมไทยเข็ดรัฐประหารแล้ว เงื่อนไขประชาคมโลก เงื่อนไขเศรษฐกิจไทยในโลกาภิวัตน์ เรากำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ฯลฯ ทำให้พวกเขาไม่กล้าเรียกหารัฐประหาร และผู้นำเหล่าทัพก็ไม่กล้าทำรัฐประหารง่ายๆ ตราบใดที่รัฐบาลไม่ได้เป็นฝ่ายสร้างความรุนแรง ม็อบกลับเป็นฝ่ายรุกไล่อยากให้เกิดความรุนแรง

ม็อบพยายามจุดสถานการณ์ พยายามอาละวาดอย่างรุนแรงขึ้น โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมใดๆ แล้ว ถ้ารัฐบาลตอบโต้ ป้องกัน เกิดคนบาดเจ็บล้มตายก็เข้าทาง ถ้าไม่ พวกเขายึดทำเนียบรัฐบาลได้ ยึดสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ก็กลายเป็นบ้านเมืองไม่ขื่อแป รัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ นั่นคืออีกจุดที่พวกเขาหวังให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ

นี่คือเดิมพันครั้งสำคัญ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ พลังคนชั้นกลางเก่า ขบวนการไทยสลิ่ม ที่คิดว่าตัวเองเป็นไทยสปริง ยิ่งใหญ่กว่า 14 ตุลา กำลังต่อสะพานมาถึงกลางเหว หวังให้มีใครต่อสะพานมารับ หวังว่าจะเป็นกองทัพ หวังว่าจะเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อให้ไม่มีใครอยากรับ ก็พยายามกดดัน สร้างความปั่นป่วนเพื่อให้กองทัพหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องลงมาจัดการปัญหาการเมือง

ถ้าพวกเขาทำไม่สำเร็จ ก็จะตกเหวตาย เป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ของประชาธิปไตย แต่ถ้าทำสำเร็จ ประชาธิปไตยก็ลงเหว ล้าหลังไปอีกหลายปี

ที่บอกว่าตกเหวไม่ได้สาปแช่ง แต่ลองคิดดูว่าถ้าคนเหล่านี้ไปเกิดในอังกฤษ เบลเยียม นอรเวย์ คุณจะลุกฮือมาเรียกหารัฐประหารหรือนายกพระราชทานไหม เพราะทุกคนก็รู้ รัฐบาลประชาชน สภาประชาชน เป็นไปไม่ได้ แค่เอามาขายฝันให้คลุ้มคลั่ง

ถ้าตกเหวตายจะได้ต่อสู้ใหม่ เหมือนคนอังกฤษ เบลเยียม นอรเวย์ สเปน ถ้าไม่พอใจพรรคเพื่อไทย คุณก็เข้าไปร่วมพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิรูปประชาธิปัตย์ หรือถ้าไม่เอาทั้งสองพรรคก็ตั้งพรรคใหม่ หรือถ้าไม่ตั้งพรรคการเมืองก็รวมตัวเป็นขบวนประชาสังคม ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ทำให้ประชาธิปไตยก้าวหน้า กว่าลุกฮือมาโค่นล้มรัฐบาลอย่างไม่มีทางออก

รัฐบาลต้องพึ่งพลังทางสังคมเข้าสู้ ไม่ใช่เชื่อในกำลัง ไม่ว่ากำลังอำนาจรัฐ หรือกำลังมวลชน ต้องเชื่อว่าสังคมไทยเติบโตและมีบทเรียนแล้ว จากรัฐประหารเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ประเทศนี้อาจมีคนไม่ชอบรัฐบาล 40% 50% แต่คน 80-90% ก็เห็นว่าไม่มีวิถีทางอื่นนอกจากการเลือกตั้ง ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ เพียงแต่เขาอาจต้องการรัฐบาลที่ถูกใจกว่านี้ซักนิด (ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าประชาธิปัตย์) เท่านั้นเอง

       ใบตองแห้ง
       1 ธ.ค.56
..........................................

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สื่อมวลชนไม่เอาความรุนแรงจากสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองวอนทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง

Posted: 01 Dec 2013 01:03 AM PST

1 พ.ย. 2556 - กลุ่มสื่อมวลชนไม่เอาความรุนแรงจากสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองออกแถลงการณ์ "ขอให้ผู้ร่วมชุมนุมทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง และยึดแนวทางการชุมนุมแบบสันติอหิงสาในการชุมนุมทางการเมือง" โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

สืบเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงที่ดำรงอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความรุนแรงบานปลายยากจะควบคุมขึ้นไปอีก ในนามของกลุ่มสื่อมวลชนไม่เอาความรุนแรงจากสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมือง เรามีความกังวลต่อสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่คนจำนวนหนึ่งแบ่งฝักฝ่ายและเลือกข้างเพื่อร่วมต่อสู้ให้บรรลุเป้าหมายของตนเองโดยไม่สนใจวิธีการ อันจะนำมาซึ่งการเลือกใช้วิธีการยั่วยุ ท้าทาย และใช้ความรุนแรงเข้าจัดการกับกลุ่มที่ยืนอยู่คนละข้างในท้ายที่สุด กระทั่งมีคนบาดเจ็บและล้มตายลง เราจึงขอส่งเสียงขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นให้ถึงที่สุด และหยุดการยั่วยุท้าทายอันเป็นความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงระหว่างกัน

เรารู้ดีว่า การชุมนุมทางการเมืองเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนทุกคน แต่นั่นต้องไม่ใช่การละเมิดต่อสิทธิการชุมนุมของผู้อื่น ไม่สร้างผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไป เราขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุรุนแรงให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมทุกฝ่ายอย่างยุติธรรม ในขณะที่กลุ่มแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมต้องยึดถือแนวทางสันติอหิงสาอย่างแท้จริงดังที่ประกาศไว้ ต้องหาทางยุติการท้าทายยั่วยุ หรือความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรงทั้งปวง รวมทั้งการคุกคามละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพราะการใช้กำลังบีบบังคับ คนส่วนมากอาจได้ยินเสียงของท่าน แต่น้อยคนจะยอมรับฟัง

ท้ายที่สุด ขอให้สื่อมวลชนทุกท่าน ใช้สิทธิเสรีภาพนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน คำนึงถึงหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพ หลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวสารที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง แม้จะถูกบีบบังคับหรือถูกข่มขู่คุกคามก็ขอให้ทุกคนอดทนอดกลั้นทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็งต่อไป

กลุ่มสื่อมวลชนไม่เอาความรุนแรงจากสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมือง

ณรรธราวุธ เมืองสุข
ธนัชพงศ์ คงสาย
สุวิมล จินะมูล
เอกชัย จั่นทอง
วิทยากร อิสมาแอล
เฉลิมยุทธ คำประเสริฐ
ซากีย์ เริงสมุทร
เกียรติยศ พรหมหงษ์
สันติวิธี พรหมบุตร
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง
ตวงอรรถ รักษาพราหมณ์
รอมฎอน ปันจอร์
วรรณโชค ไชยสะอาด
อินทรชัย พานิชกุล
ชัยรัตน์ จิโรจน์มนตรี
สถาพร ด่านขุนทด
วิทยากร บุญเรือง
ซาฮารี เจ๊ะหลง
พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กลุ่มนกหวีดปิดล้อมไทยพีบีเอสขู่จอดำต่อสัญญาณบลูสกาย

Posted: 01 Dec 2013 12:00 AM PST

ผอ.สถานีไทยพีบีเอสทวีตยันหลังหลักความเป็นอิสระของสื่อ หลังผู้ชุมนุมผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลจำนวนกว่าพันคนไปปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านม เพื่อกดดันให้สถานีถ่ายทอดสัญญาณจากช่องบลูสกาย

1 ธ.ค.56 เวลา 13.00 น. ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลจำนวนกว่าพันคนไปปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านม เพื่อกดดันให้สถานีถ่ายทอดสัญญาณจากช่องบลูสกาย

นักข่าวไทยพีบีเอสผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยกับประชาไท เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงว่า กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่เต็มพื้นที่ของสำนักงานไทยพีบีเอสเต็มไปหมด รวมถึงด้านในของอาคารปฏิบัติการ หรือ ตึกเอ อย่างไรก็ตาม โดยที่ตึกปฏิบัติการซึ่งเป็นหัวใจของการออกอากาศยังปลอดภัยอยู่ เธอกล่าวว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยถูกกดดันโดยปริมาณผู้ชุมนุมให้ยอมเปิดประตูให้ผู้ชุมนุมเข้าไปภายในอาคารเอ และตอนนี้กำลังมีการเจรจาระหว่างผู้บริหารสถานี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการสถานี

ผู้ชุมนุมได้ตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราว รวมถึงเป่านกหวีด ซึ่งก็สร้างความโกลาหลให้กับการทำงานของพนักงาน ขณะนี้ไม่มีตำรวจอยู่ภายในสำนักงานขอสถานีเลย อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังมีเสรีภาพในการเข้าออกจากสถานี

เธอเล่าอีกว่า เมื่อมีผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเห็นเธอใช้บัตรพนักงานแตะประตูเพื่อเข้าตึกก็มีผู้ชุมนุมเดินมาหาเธอและพูดคุยกับเธอเรื่องสิ่งที่ควรปฏิบัติในการรายงานข่าว

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. สมชัย ได้ทวีตผ่าน @SomchaiThaiPBS ว่า "ไทยพีบีเอสขอยืนยันหลักการความเป็นอิสระของสื่อโดยเฉพาะความเป็นสื่อสาธารณะ เราขอรักษาหลักการตามวิชาชีพ"

 

 

คลิปบางช่วงของการเจรจาระหว่างตัวแทน กปปส. กับ คณะผู้บริการไทยพีบีเอส

ขู่จอดำ

ตัวแทน กปปส. : "วันนี้คำสั่งที่ผมได้รับมา ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นได้ มันก็มีทางเลือกถ้าเกิดทางพี่ไม่ทำตามผมเรียกร้องขอมา ผมคงต้องปิดสถานีให้เป็นจอดำ ต้องเป็นอย่างนั้น คือทางเดียวเท่านั้นผมไม่มีทางเจรจาให้เป็นอย่างอื่นได้เลย" "เราไม่สามารถให้ออกได้เลย นี่เป็นคำสั่งที่ผมรับมา ซึ่งผมก็ต้องทำตามภาระกิจที่ผมได้รับมอบหมาย"

คณะผู้บริการไทยพีบีเอส : "ขณะนี้ผมคิดว่าไทยพีบีเอสนี่สื่อต่างประเทศกำลังมอนิเตอร์อยู่ เพราะเป็นสื่อเดียวที่ออกแล้วค่อนข้างได้รับความเชื่อถือ ดังนั้นการปฏิบัติการของพบกเรานี่ต้องคิดให้รอบคอบเพราะว่ามันมีผลต่อการเคลื่อนไหว"

ตัวแทน กปปส. : "ผมถามพีว่าสมติในขณะเป็นช่วงเวลาการปฏิวัติรัฐประหารโดยทหารนี่เขาจะยอมให้พี่ออกได้ช่องเดียวหรือเปล่าครับ เขาไม่ยอมอยู่แล้วครับ และวันนี้ก็เหมือนกันวันนี้เป็นการปฏิวัติประชาชน"

คณะผู้บริการไทยพีบีเอส : "ผมเข้าใจนะ ผมผ่านมาตั้งแต่ 6 ตุลา ดังนั้นฝากไปปรึกษาทางแกนนำว่าถ้าปิดช่งนี้ผมเชื่อได้เลยครับว่าแรงสะท้อนกลับจะเยอะ ซึ่งอันนี้ผมก็เคารพในการตัดสินใจของคุณ ทางพวกพี่นะครับ แต่ว่าผม ฝากไปพิจารณากลับไปนะครับว่าการเปิดโอกาสให้ช่องนี้ได้ทำข่าวอย่างค่อนข้างจะบาลลาน โดยใช้วิจารณญาณของนักข่าวมืออาชีพ กับการใช้คำสั่ง 100% ที่จะปิดสถานนี้นี่ ผมฝากไปคิดนะครับว่า ผลเสียผลดีที่จะตามมาของขบวนการปฏิวัติประชาชนจะเป็นอย่างไร" "สิ่งที่พวกเราในฐานะกรรมการบริหาร ขอเรียกร้องคือขอให้เราทำหน้าที่ในฐานะสื่ออย่างเต็มที่ เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นในฐานะที่ ผมมานั่งบริหารนี่ กฏหมายก็บังคับผมให้รักษาความอิสระ ผมยืนยันว่าสื่อภายใต้การบริหารของพวกผมนี่ขอความเป็นอิสระจากพวกท่าน ให้ไม่ให้เป็นสิทธิของท่า แต่ถ้าท่านไม่ให้เป็นจอดำขึ้นมานี่ ท่านก็ต้องรับผิดชอบ"

ตัวแทน กปปส. : "ครับผมก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ผมมาวันนี้ก็เตรียมใจอยู่แล้ว"

 

ภาพบรรยากาศ :

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 4 บ.จอร์จี้ บริษัทยันไม่ประกันโบนัสแต่จ่ายตามเกณฑ์ประเมิน

Posted: 30 Nov 2013 10:06 PM PST

1 ธ.ค. 2556 - สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอและตัดเย็บเสื้อผ้าสัมพันธ์ระบุว่าวานนี้ (30 พ.ย.) พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.เชียงใหม่ ได้เจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานระหว่างผู้แทนนายจ้างบริษัท จอร์จี้ แอนด์ ลู จำกัด กับผู้แทนลูกจ้าง เป็นครั้งที่ 4

โดยผลการเจรจาผู้แทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างได้ตกลงกันเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการเจรจาในข้อเรียกร้องที่ 2 โดยเปลี่ยนจากข้อความที่ว่า "บริษัทตกลงจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างรายเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 9,000 บาท" เปลี่ยนเป็น "บริษัทฯ ตกลงจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างรายเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 9,210 บาท"

โดยผลการเจรจาข้อเรียกร้องที่ 6 บริษัทฯ ระบุว่าไม่ตกลงตามข้อเสนอของลูกจ้างที่จะให้บริษัทฯ ประกันโบนัส 1.5 เท่าของรายได้ โดยลูกจ้างยินยอมที่จะให้บริษัทเปลี่ยนแปลงเวลาการทำงานและเวลาพักจากเดิม 7.5 ชั่วโมงเป็น 8 ชั่วโมง และเวลาพัก 1 ชั่วโมงแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงเช้า 10 นาที กลางวัน 40 นาที และช่วงบ่าย 10 นาที แต่บริษัทฯ ยังคงยืนยันตกลงจ่ายโบนัสประจำปี 2556 โดยการประเมินผลงานก่อนสิ้นปีล่วงหน้าสองสัปดาห์ตามข้อเสนอเดิม

ซึ่งผู้แทนลูกจ้างขอเสนอใหม่ว่ายินดีรับเงินประกันโบนัสจำนวน 1 เท่า โดยไม่มีการประเมินผลงาน และยินดีที่จะให้บริษัทฯ เปลี่ยนเวลาทำงานและพักตามที่บริษัทฯ เสนอโดยไม่ขอเซ็นต์สัญญาจ้างฉบับใหม่ แต่บริษัทฯ ยังคงยืนยันที่จะขอประเมินผลงานและจ่ายโบนัสให้ตั้งแต่ 0-3 เท่าของรายได้ ซึ่งผู้แทนลูกจ้างแจ้งว่ารับตามข้อเสนอของนายจ้าง แต่ในการจ่ายโบนัสให้แก่ลูกจ้างแต่ละคน ขอให้นายจ้างได้ระบุเหตุผลในการจ่ายไว้ในสลิปจ่ายโบนัสของแต่ละคนด้วย เพื่อลูกจ้างจะได้นำไปปรับปรุงตนเองในปีต่อไป โดยผู้แทนนายจ้างรับข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาและจะแจ้งผลให้ทราบในการเจรจาไกล่เกลี่ยครั้งต่อไป

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ดับอีก 1 เสื้อแดงถูกยิงอกซ้ายเมื่อเช้า

Posted: 30 Nov 2013 09:27 PM PST

1 ธ.ค.2556 จากเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มต่อต้าน นปช. และผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช. บริเวณราชมังคลากีฬาสถานและซอยรามคำแหง 24 และบริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อคืน 30 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 6.00 น. มีรายงานว่า นายวิโรจน์ เข็มนาค อายุ 43 ปี ชาวตำบลพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กลุ่มแดงพิมลราช ถูกยิงกระสุนเข้าที่อกด้านซ้ายเสียชีวิต ก่อนที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ชุมนุมบริเวณราชมังคลากีฬาสถานจะประกาศยุติการชุมนุม

ภาพจาก  Nithiwat  Wannasiri

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าศพดังกล่าวถูกนำมาไว้ที่เต็นท์4-CHANNEL บริเวณที่ชุมนุม นปช.และล่าสุดมีการนำร่างออกไปแล้ว

โดย Nithiwat Wannasiri โพสต์ภาพผู้เสียชีวิตผ่านเฟซบุ๊กหรือรายงานด้วยว่า นายวิโรจน์เสียชีวิตบริเวณด้านล่างอัฒจันทร์ ฝั่งติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ รามคำแหง

ทั้งนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันของทั้งสองฝ่ายรวมเป็น 3 คนแล้ว สำหรับยอดผู้บาดเจ็บจากรายงานของเฟซบุ๊กแฟนเพจ "Policespokesmen"  ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่ามีผู้บาดเจ็บขณะนี้ 45 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตนอกจากนายวิโรจน์นั้น ผู้เสียชีวิตอีก 2 คน คือ นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว อายุ 21 ปี ถูกกระสุนที่ชายโครงซ้าย  2 นัด และการ์ด นปช. (ยังไม่ทราบชื่อ) ถูกกระสุนปืนยิงทะลุหมวกกันน็อคเป็นบาดแผลบริเวณศีรษะ เมื่อเวลา 01.55 น. บริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 14

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เครือข่ายพลเมืองเน็ต: ความขัดแย้งต้องไม่พุ่งเป้าช่องทางสื่อสารของประชาชน

Posted: 30 Nov 2013 08:37 PM PST

1 ธ.ค. 2556 - เมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) เครือข่ายพลเมืองเน็ตได้ออกแถลงการณ์ "ความขัดแย้งต้องไม่พุ่งเป้าช่องทางสื่อสารของประชาชน" โดยมีรายละเอียดดังนี้

000

แถลงการณ์เครือข่ายพลเมืองเน็ต: ความขัดแย้งต้องไม่พุ่งเป้าช่องทางสื่อสารของประชาชน

จากเหตุการณ์การตัดไฟฟ้าในอาคารศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เขตบางรัก ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย หลังจากผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลบุกรุกเข้าไปในบริเวณสำนักงานดังกล่าว ประมาณเวลาเที่ยงของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 เป็นผลให้เว็บไซต์จำนวนมากรวมทั้งการสื่อสารหลายช่องทางต้องปิดตัวลง และส่งกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง

แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีข้อเท็จจริงยืนยันเกี่ยวกับการตัดไฟฟ้าว่า เป็นการกระทำของฝ่ายใด เครือข่ายพลเมืองเน็ตเห็นว่า ผู้ชุมนุม รัฐบาล และทุกฝ่ายของความขัดแย้ง ควรละเว้นจากการบุกรุก หรือ พุ่งเป้าไปที่สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับระบบการสื่อสาร และเครือข่ายโทรคมนาคม เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตนั้นถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานซึ่งได้รับการรับรองโดยสหประชาชาติตั้งแต่ พ.ศ. 2555 และเป็นช่องทางสื่อสารที่สำคัญของประเทศ จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างมหาศาล  ไม่เพียงแต่เว็บที่เกี่ยวกับความบันเทิงเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่เว็บไซต์ที่ประชาชนใช้ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการสถานการณ์การชุมนุมอย่าง ทวิตเตอร์ เว็บไซต์ข่าวผู้จัดการ และวอยซ์ทีวี ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย

ภายใต้สถานการณ์อันเปราะบางนี้ เครือข่ายสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยข่าวลือและข้อมูลไร้ที่มา ประชาชนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับข้อมูลที่หลากหลายและรอบด้าน เพื่อจะได้นำข้อเท็จจริงไปตรวจสอบกับข้อมูลไร้ที่มาและข่าวลือเหล่านั้น การกระทำที่ส่งผลต่อการปิดกั้นข้อมูลในภาวะเช่นนี้ จึงอันอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดและความรุนแรงได้  ดังนั้นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือ การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารไม่ว่าจะด้วยวิธีการและช่องทางใดก็ตาม

เครือข่ายพลเมืองเน็ต สนับสนุนการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่ได้รับการรับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หากแต่การแสดงออกทางการเมืองนั้นควรกระทำโดยสงบและไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น โดยเฉพาะเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และเสรีภาพในการสื่อสาร ดังที่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ได้รับรองไว้เช่นกันว่า "ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น; สิทธินี้รวมถึงสิทธิในการคิด โดยไม่มีการแทรกแซง และมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล การติดต่อสื่อสาร และความเห็นจากสื่อต่างๆ อย่างไร้พรมแดน"

เครือข่ายพลเมืองเน็ต ขอเรียกร้องให้ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องออกมาตรการปกป้องดูแลทรัพย์สินและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารประชาชนที่รัดกุมอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

เครือข่ายพลเมืองเน็ต
30 พฤศจิกายน 2556

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น