โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ประชาไท | Prachatai.info

ประชาไท | Prachatai.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

เคิร์ท เอ็ม. แคมเบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เผยท่าทีต่อไทย

Posted: 10 May 2010 02:39 PM PDT

<!--break-->

วันที่ 9 พ.ค. 2553 เจ้าหน้าที่สถานฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้ประสานให้เคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เข้าพบปะพูดคุยกับ จาตุรนต์ ฉายแสง และนพดล ปัทมะ ก่อนเดินทางไปเยือนพม่าต่อ ทางเว็บไซต์ของสถานฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกัน โดยมีเนื้อหาดังนี้

สวัสดีตอนเช้า เป็นโอกาสดีที่ได้มาเยือนไทยอีกครั้ง เอกอัครราชฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย อิริค จอห์น ได้พบกับผมเพื่อปรึกษาหารือร่วมกับผู้มีชื่อเสียงอีกจำนวนหนึ่งอย่างมีชีวิตชีวาจนกระทั่งได้ข้อสรุป ผมได้พูดคุยกับผู้ที่มาจากฝ่ายรัฐบาล ผู้ที่ร่วมกับฝ่ายต้านรัฐบาล และภาคประชาสังคม พวกเราแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็เป็นไปด้วยความเคารพต่อกันและกัน

ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อไกล่เกลี่ยข้อเรียกร้องหรือให้การสนับสนุนผลลัพธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เพื่อย้ำให้เห็นว่าสหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรเก่าแก่ของพวกเราในเอเชีย และเพื่อให้การสนับสนุนประชาชนไทยในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

แม้ว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีเหตุอันควรที่เราจะต้องสนับสนุนให้มีการเชื่อมสะพานระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายผู้ชุมนุม นปช. และมีการเจรจาด้วยความเป็นธรรมและประนีประนอม พวกเรายอมรับโร้ดแม็ปของนายกรัฐมนตรีเพื่อความปรองดองในชาติและข้อตกลงให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นอย่างมาก พวกเรายังได้สนับสนุนให้ฝ่ายนปช. มีการตอบรับในเชิงบวกกับโร้ดแม็ปและหวังว่าแกนนำจะใช้โอกาสนี้ในการนำประเทศไทยพ้นจากภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้อย่างรวดเร็วและด้วยความรับผิดชอบ การอดทนอดกลั้นปละการมองการณ์ไกลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งสองฝ่ายในตอนนี้

อย่างไรก็ตามพวกเรายังคงเฝ้าระวังการดำเนินการเพราะยังมีผู้ที่ไม่ต้องการสันติหรือความก้าวหน้าทางการเมืองยังคงใช้ความรุนแรงเพื่อบ่อนทำลายข้อสรุประหว่างความขัดแย้งทางการเมือง เช่น เหตุยิงกันในคืนวันศุกร์ (7 พ.ค.) ที่ผ่านมาจนมีผู้เสียชีวิตหลายราย ซึ่งการก่อความรุนแรงทางการเมืองนี้นอกจะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บโดยตรงแล้ว มันยังเป็นการทำความเสียหายต่อชาติ บ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตยและกลไกด้านกฏหมายในการหารือข้อตกลงร่วมกัน พวกเราเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดทนและดำเนินการอย่างสันติปรองดองเพื่อเป็นไปตามหลักนิติธรรมและไปสู่เป้าหมายที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น

อเมริกา พร้อมเสมอที่จะสนับสนุนประเทศไทยและประชาชนของประเทศ ขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการเพื่อไปสู่ข้อสรุปในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เคิร์ท เอ็ม. แคมเบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เผยท่าทีต่อไทย

Posted: 10 May 2010 02:38 PM PDT

<!--break-->

วันที่ 9 พ.ค. 2553 เจ้าหน้าที่สถานฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้ประสานให้เคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เข้าพบปะพูดคุยกับ จาตุรนต์ ฉายแสง และนพดล ปัทมะ ก่อนเดินทางไปเยือนพม่าต่อ ทางเว็บไซต์ของสถานฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกัน โดยมีเนื้อหาดังนี้

สวัสดีตอนเช้า เป็นโอกาสดีที่ได้มาเยือนไทยอีกครั้ง เอกอัครราชฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย อิริค จอห์น ได้พบกับผมเพื่อปรึกษาหารือร่วมกับผู้มีชื่อเสียงอีกจำนวนหนึ่งอย่างมีชีวิตชีวาจนกระทั่งได้ข้อสรุป ผมได้พูดคุยกับผู้ที่มาจากฝ่ายรัฐบาล ผู้ที่ร่วมกับฝ่ายต้านรัฐบาล และภาคประชาสังคม พวกเราแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็เป็นไปด้วยความเคารพต่อกันและกัน

ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อไกล่เกลี่ยข้อเรียกร้องหรือให้การสนับสนุนผลลัพธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เพื่อย้ำให้เห็นว่าสหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรเก่าแก่ของพวกเราในเอเชีย และเพื่อให้การสนับสนุนประชาชนไทยในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

แม้ว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีเหตุอันควรที่เราจะต้องสนับสนุนให้มีการเชื่อมสะพานระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายผู้ชุมนุม นปช. และมีการเจรจาด้วยความเป็นธรรมและประนีประนอม พวกเรายอมรับโร้ดแม็ปของนายกรัฐมนตรีเพื่อความปรองดองในชาติและข้อตกลงให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นอย่างมาก พวกเรายังได้สนับสนุนให้ฝ่ายนปช. มีการตอบรับในเชิงบวกกับโร้ดแม็ปและหวังว่าแกนนำจะใช้โอกาสนี้ในการนำประเทศไทยพ้นจากภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้อย่างรวดเร็วและด้วยความรับผิดชอบ การอดทนอดกลั้นปละการมองการณ์ไกลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งสองฝ่ายในตอนนี้

อย่างไรก็ตามพวกเรายังคงเฝ้าระวังการดำเนินการเพราะยังมีผู้ที่ไม่ต้องการสันติหรือความก้าวหน้าทางการเมืองยังคงใช้ความรุนแรงเพื่อบ่อนทำลายข้อสรุประหว่างความขัดแย้งทางการเมือง เช่น เหตุยิงกันในคืนวันศุกร์ (7 พ.ค.) ที่ผ่านมาจนมีผู้เสียชีวิตหลายราย ซึ่งการก่อความรุนแรงทางการเมืองนี้นอกจะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บโดยตรงแล้ว มันยังเป็นการทำความเสียหายต่อชาติ บ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตยและกลไกด้านกฏหมายในการหารือข้อตกลงร่วมกัน พวกเราเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดทนและดำเนินการอย่างสันติปรองดองเพื่อเป็นไปตามหลักนิติธรรมและไปสู่เป้าหมายที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น

อเมริกา พร้อมเสมอที่จะสนับสนุนประเทศไทยและประชาชนของประเทศ ขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการเพื่อไปสู่ข้อสรุปในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

รายงาน: รำลึกวีรชนนิรนาม ‘คนึง ฉัตรเท’ รปภ.จุฬาฯ ผู้จากไปเมื่อ 10 เมษา

Posted: 10 May 2010 02:01 PM PDT

<!--break-->

 
วันที่ 10 พ.ค.53 กลิ่นอายบรรยากาศแห่งความยินดีและสนุกสนานของการตระเตรียมกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆเริ่มคึกคักขึ้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็เช่นกัน เสียงโห่ร้องดังสลับเสียงกลองตามจังหวะต่างๆ กึกก้องไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ทว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งประกอบไปด้วยประชาชนทั่วไป นักศึกษา คณาจารย์ ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันจุฬาฯ ได้อาศัยพื้นที่เล็กๆ จัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ษ.53 โดยเฉพาะ “คนึง ฉัตรเท” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยที่สูญเสียชีวิตไปกับเหตุการณ์ครั้งนั้น โดยไม่ได้รับการเหลียวแลใดๆ จากรัฐบาล
กลุ่มประกายไฟจัดพิธี “รำลึกวีรชนนิรนาม” ครบรอบหนึ่งเดือนการสังหารประชาชน ที่ลานหน้าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ มีการผลัดกันกล่าวไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตและมีการเสวนาสั้นเกี่ยวกับเหตุการณ์การ “ขอพื้นที่คืน” ของรัฐบาล และในตอนท้ายมีการร่วมจุดเทียนไว้ลัยแก่ผู้เสียชีวิตด้วย
สุดา รังกุพันธ์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า มีโอกาสได้เข้าไปคุยกับทางครอบครัวของคนึง ทราบว่าไปร่วมชุมนุมหลังเลิกงานที่ราชประสงค์ เมื่อจะมีรถคนเสื้อแดงจากแยกเฉลิมเผ่าเตรียมไปยับยั้งทหารที่ผ่านฟ้าเลยขอขึ้นรถไปด้วยและได้เสียชีวิตที่แยกคอกวัว คุณคนึงเห็นว่าสังคมไทยไม่มีซึ่งความยุติธรรม และสิ่งที่ไม่พอใจมากที่สุดคือการเป็นสองมาตรฐาน
“สิ่งที่เรายังไม่เห็นคือการให้ความช่วยเหลือที่มีต่อ “ยาม” เขาดูแลบุคลากรของจุฬาฯร่วม 30 ปี แต่ยามอีกฝั่งหนึ่งที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มอำนาจหนึ่ง (ทหาร) กลับได้รับปูนบำเหน็จอย่างดี มันก็คงอยู่ที่ภาระของพวกเราทุกคนที่ต้องร่วมกันสร้างสังคมที่ปราศจากสองมาตรฐาน”
 
ชัยธวัช ตุลาฑล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน กล่าวว่าตนไม่ได้มางานวันนี้ในฐานะบรรณาธิการหนังสือ แต่มาในฐานะอดีตนิสิตจุฬาฯคนหนึ่ง พร้อมเล่าเรื่องราวด้วยเสียงสั่นเครือว่า คนึงเข้าทำงานเป็นลูกจ้างเงินงบประมาณแผ่นดินที่จุฬาฯตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เริ่มจากเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย จนล่าสุดทำงานเป็นสายตรวจนอกเครื่องแบบ เขาพักอาศัยอยู่บนแฟลตเจ้าหน้าที่ในจุฬา คนึงมีลูกชายอายุ 13 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2
 
“พี่คนึงมีบุคลิกคล่องแคล่วรวดเร็ว สนุกสนาน คุยเก่ง ไม่ชอบทะเลาะกับใคร เป็นคนเรียบร้อย รับผิดชอบทำงานบ้านและทำอาหารแทนภรรยา เวลาตั้งวงสุรา เขามักจะเป็นคนผูกขาดเข้าครัวทำกับแกล้มให้เพื่อนๆ รวมทั้งคอยบริการเติมเครื่องดื่มไม่ให้พร่องแก้ว จนเพื่อนๆ ตั้งให้เป็น ‘ขุนระริน’ ”
 
ชัยธวัชเสริมว่า ที่ผ่านมาวชิพยาบาลระบุว่า “คนึง” น่าจะเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย แต่ท้ายที่สุดผลการชันสูตรศพพบว่า คนึงเสียชีวิตจากการถูกยิง กระสุนเข้าซี่โครงด้านขวา ไประเบิดที่ปอดก่อนกระจายไปที่ไขสันหลัง เลือดคลั่งในช่องอก ปอดฉีกขาด
 
ภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมแบบจุฬาๆ โดยปกติ คนอย่างพี่คนึงไม่ค่อยจะได้รับเกียรติอยู่แล้ว เพื่อนของพี่คนึงระบายให้ฟังว่า พวกเขาต้องรองรับอารมณ์จากอาจารย์เสมอ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยมักจะใช้อารมณ์ โวยวาย ต่อว่าเจ้าหน้าที่ รปภ.อยู่เสมอเมื่อเกิดเหตุให้หงุดหงิด ไม่สะดวก ไม่พอใจ”
 
 
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การทำให้ “คนเป็น” ไม่ใช่คนนั้นแย่พอแล้ว แต่การทำให้ “ความตาย” ของคนนั้นไร้ค่าถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก เรื่องใหญ่ก็คือการปฏิเสธว่ามีคนตายจากการ “สั่ง” ขอพื้นที่คืน ในสังคมพุทธเวลามีคนตายก็ต้องให้เกียรติกัน
“ในสมัยก่อนที่มีคนตาย สังคมสะเทือนมากกว่านี้ หนึ่งเดือนที่ผ่านมามีคนตาย คนเจ็บมากขนาดนี้ ยังจะมีโร้ดแม็ปอีก ในชีวิตผมไม่เคยรู้สีกตกต่ำถึงขนาดนี้ สมัยนี้มีกระทั่งการจัดงานศพหมา แต่กลับปฏิเสธการตายของคน ผมว่ามันน่าลำบากแล้ว”
“ผมยังจำบรรยากาศตอนเย็นวันนั้นได้ คนเริ่มเคลื่อนไปตรงนั้น ผมเดินไปวัด พระอาจารย์บอกผมว่า เหมือนอยู่ตะวันออกกลาง เสียงพระสวดไป ก็มีเสียงปืนยิงด้วย ผมเจอป้าคนหนึ่งนั่งร้องไห้ ‘จะให้ทำอย่างไร มันยิงคนตายอย่างกับหมาอย่างนี้’ ผมฟังบรรยากาศจากวิทยุ ประกาศให้คนออกมาจากเต็นท์ ให้เห็นว่านี่คือ “คน” ไม่มีอาวุธใดๆ อย่าทำอะไรนะ แต่กลับโปรยแก็สน้ำตาลงมา”
หลังจากเสวนาและการกล่าวไว้อาลัยเสร็จสิ้น ก็มีการจุดเทียนและยืนสงบนิ่งเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต อนึ่ง ครอบครัวและเพื่อนพ้องของ “คนึง ฉัตรเท” ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานในปัจจุบัน

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิค้านข้อเสนอ พธม.ใช้กฎอัยการศึก

Posted: 10 May 2010 01:34 PM PDT

<!--break-->

 
 
10 พ.ค.53 เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและองค์กรภาคี ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่องคัดค้านข้อเสนอให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก ด้วยขัดต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่กองทัพต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
 
00000
 
แถลงการณ์ ฉบับที่ 3
คัดค้านข้อเสนอให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก
ด้วยขัดต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่กองทัพต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
 
สืบเนื่องจากข้อเสนอของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 นำโดย พล.ตรี จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สนับสนุนให้ประกาศใช้กฏอัยการศึกตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 เพื่อจัดการกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) และยังย้ำว่าหากรัฐบาลและทหารไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ก็จำเป็นที่ประชาชนจะต้องออกมาเคลื่อนไหวปกป้องบ้านเมืองนั้น [1]
 
องค์กรที่มีรายชื่อข้างท้ายนี้ ขอแสดงเจตนาคัดค้านข้อเสนอดังกล่าว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
 
1.  การที่ พล.ตรี จำลอง ศรีเมือง ให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่เรียกร้องให้กองทัพ โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.พล 1 ประกาศกฎอัยการศึกโดยไม่ต้องฟังคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีเป็นการขัดต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่กองทัพต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง

2.  ข้อเสนอดังกล่าวของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอาจถูกตีความไปในทางที่เป็นการยุยงให้กองทัพก่อรัฐประหารเงียบ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการต่อต้านกองทัพรุนแรงยิ่งขึ้น

3.  การประกาศกฎอัยการศึกเพื่อให้อำนาจเด็ดขาดแก่ของทัพเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนเพื่อเข้าจัดการกับสถานการณ์ ถือเป็นการสนับสนุนให้ใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม อันจะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรง เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อ อันจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น

4.  พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก มีบทบัญญัติจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวางและรุนแรง ซึ่งจะใช้บังคับได้ก็แต่ในกรณีจำเป็นอย่างยิ่งยวดเช่นภาวะสงคราม โดยที่ไม่มีหนทางอื่นใดแล้วที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้แล้วเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหตุจำเป็นเพียงพอที่จะประกาศใช้กฎอัยการศึกแต่อย่างใด
 
บทเรียนจากการใช้ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก เพื่อให้กองทัพมีอำนาจเหนือรัฐบาลพลเรือนในการเข้าจัดการกับสถานการณ์ความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้มากว่า 5 ปี ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถลดความรุนแรงและการสูญเสียเลือดเนื้อได้ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดช่องว่างนำไปสู่การใช้อำนาจโดยมิชอบ การทรมาน เกิดภาวะเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดลอยนวลไม่ต้องรับโทษและมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ประชาชนสูญเสียความไว้วางใจ และรัฐสูญเสียการสนับสนุนจากภาคประชาชน อันทำให้การปฏิบัติภาระกิจของรัฐในการรักษาความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่บรรลุผลจนถึงปัจจุบัน
 
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น องค์กรที่มีรายชื่อข้างท้ายนี้จึงเห็นว่า การประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตกรุงเทพมหานครเพื่อใช้เป็นเครื่องมือจัดการกับสถานการณ์ความขัดแย้งและการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ย่อมไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ อีกทั้งหากพิจารณาจากแนวทางการปรองดองที่รัฐบาลได้เสนอไว้ ซึ่งจะสำเร็จลุล่วงได้ก็ด้วยความจริงใจและความไว้วางใจระหว่างทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างคู่ขัดแย้ง และจะต้องเป็นการแก้ปัญหาโดยวิถีทางการเมือง โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ดังนั้นการประกาศกฎอัยการศึกเพื่อให้กองทัพเข้ามามีอำนาจเด็ดขาดเหนือรัฐบาลพลเรือนนั้น ไม่สามารถสร้างความไว้วางใจได้ และขัดต่อหลักการและวิถีทางประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง
 

เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (
HRLA)
โครงการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF)
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF)
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)
 
 
------------------------------
 
[1] http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000063147
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

บทสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างชาติ: ในสถานการณ์ซึ่งยากจะ 'เป็นกลาง'

Posted: 10 May 2010 01:15 PM PDT

<!--break-->

 
เอเดรียน คัลลาน เป็นช่างภาพโทรทัศน์อิสระที่ทำงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เขาคือคนที่ถ่ายทำเรื่องราวการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยภาพข่าวของเขาได้รับการเผยแพร่ไปยังที่ต่างๆ เช่น อัลจาซีร่าของอังกฤษ, ไอทีเอ็น, แชนแนล 4 และแซดดีเอฟ ของเยอรมนี
 
เขายังได้ถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก แต่ภาพถ่ายของเขาในช่วงที่มีการประท้วงของคนเสื้อแดงนั้น ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นช่างภาพข่าว แต่ยังเป็นการที่เขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลังการประท้วงด้วย
 
แดน เมสัน ได้พูดคุยกับเอเดรียนเกี่ยวกับความท้าทายในการถ่ายทำเรื่องราวความขัดแย้งที่อยู่เฉียดใกล้ปลายเท้าเขานิดเดียว
 
 
หากให้เลือกภาพหนึ่ง ภาพไหนที่น่าจะเป็นบทสรุปของเรื่องราวที่คุณถ่ายทำ?
 
เอเดรียน : มันยากที่จะหารูปๆ หนึ่งที่จะสรุปเหตุการณ์นี้ แต่ผมก็เลือกมารูปหนึ่งที่ผมชอบเพราะมันดูขัดแย้งกันดี คือภาพที่มีฉากหลังเป็นห้างหรูขณะที่มีผู้ประท้วงปักหลักกันอยู่ด้านนอก
 
นักข่าวหลายคนรู้สึกว่ายากมากที่จะจับเรื่องราวพวกนี้ มันซับซ้อนมากและต้องอาศัยเวลามากกว่าการนำเสนอโทรทัศน์สองสามนาทีในการอธิบาย นักข่าวสื่อสิ่งพิมพ์มีโอกาสดีกว่าในการนำเสนอบทความเช่นที่ปรากฏใน ดิ อิโคโนมิสต์ และใน เดอะ ไทม์
 
(สามารถเข้าชมรูปภาพของ เอเดรียน ได้ในบทความต้นฉบับและในบล็อกของเขา)
 
ผมชอบรูปนี้เพราะว่ามันเน้นให้เห็นถึงประเด็นสำคัญอันหนึ่งคือ 'การแบ่งแยกทางสังคม' มีห้างสรรพสินค้าสำหรับคนรวยเป็นฉากหลัง แม้แต่ผมก็ไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะมาช็อปปิ้งที่นี่ และสำหรับเสื้อแดงแล้วเรื่องจะมาช็อปนี่คงไม่ต้องพูดถึง กลุ่มชนชั้นล่างทั้งในชนบทและในเมืองที่รวมตัวกันเป็นเสื้อแดงต่างก็มาจากโลกที่งานหนักของพวกเขาไม่ได้รับค่าตอบแทนมากนัก มันสะท้อนความจริงของชีวิต ผมชอบที่มีป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์อยู่เหนือผู้ชุมนุม
 
 
... แล้วสำหรับภาพวิดิโอ ภาพไหนที่คุณคิดว่าเป็นบทสรุป?
 
เอเดรียน : ผมเลือกภาพวิดิโอที่ผมถ่ายให้อัลจาซีร่า เป็นภาพวิดิโอในช่วงที่มีกองกำลังตำรวจกว่า 1,000 นายนั่งลงบนท้องถนน พวกเขาสวมชุดปราบจลาจลเต็มยศ แล้วก็นั่งลงเป็นแถว วางโล่ไว้ที่เท้า ขณะที่มีกลุ่มเสื้อแดงล้อมพวกเขาไว้
 
พอพวกตำรวจนั่งลงแล้ว พวกเขาก็ได้รับน้ำและอาหารจากผู้ชุมนุม แกนนำได้เจรจากับตำรวจ (ซึ่งก็มีตำรวจบางส่วนที่สนับสนุนเสื้อแดง) แล้วจึงตัดสินใจว่า จากการที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ต้องออกจากพื้นที่ พวกเขาจึงต้องนั่งลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ผมว่าเป็นภาพที่ประหลาดมาก
 
 
"แล้วมันก็เป็นเรื่องผิดด้วยที่จะบอกว่าคนเสื้อแดงเป็นแค่คนชนบทที่ไม่รู้อะไร
พวกเขาหลายคนพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว"
 
 
แล้วตำรวจไทยกับผู้ชุมนุมมีทัศนคติอย่างไรกับผู้สื่อข่าวบ้าง?
 
เอเดรียน : ในตอนแรกทุกคนล้วนเป็นมิตรกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ แล้วส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่
 
ต่อมาอัลจาซีร่าฉบับภาษาอังกฤษ (AJE) เริ่มถูกกล่าวโจมตีหลังจากที่เผยแพร่ภาพ 'คนชุดดำ' (ซึ่งน่าจะเป็นฝ่ายทหารของเสื้อแดง ที่มาจากทหารที่อาจจะ 'ไม่ค่อยภักดี' กับกองทัพนัก)
 
หลังจากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น AJE ก็นำภาพวิดิโอจากสำนักข่าว AP ที่เผยให้เห็นคนชุดดำยิงปืนอาก้า (AK47) ใส่ทหาร แล้วภาพดังกล่าวก็ถูกนำไปเผยแพร่ต่อในหนังสือพิมพ์ไทย ซึ่งมีตรา AJE ติดไปด้วย ทำให้มีการพูดปากต่อปากว่าให้ระวังคนที่เกี่ยวข้องกับ AJE ไว้ให้ดี แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็ลืมเรื่องนี้กันไป อาจจะมีอยู่ไม่กี่คนที่ไม่ชอบเรื่องนี้นัก แต่คนส่วนใหญ่ก็มองว่ามันคือความจริง
 
ตามปกติแล้ว ทหารหรือตำรวจจะยิ้มให้คุณไม่ก็เมินเฉยต่อคุณ ขณะที่คนเสื้อแดงจะให้น้ำให้อาหาร และมีจำนวนมากที่อยากพูดคุยกับคุณ พวกเขาสงสัยว่าทำไมคุณถึงสนใจในพวกเขา
 
แล้วมันก็เป็นเรื่องผิดด้วยที่จะบอกว่าคนเสื้อแดงเป็นแค่คนชนบทที่ไม่รู้อะไร พวกเขาหลายคนพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว
 
 
มีวิธีการไหนที่คุณ (รวมถึงผู้สื่อข่าวคนอื่น ๆ) ใช้ในการรักษาตัวเองให้ปลอดภัย?
 
เอเดรียน : ในวันที่ 10 เม.ย. ที่มีการปะทะกันระหว่างเสื้อแดงกับทหารจนมีผู้เสียชีวิต ผมอยู่ในที่ประท้วงอีกจุดหนึ่งใจการเมือง อุณหภูมิสูงมาก ร้อนระอุพอๆ กับอารมณ์คน (เมษายนเป็นช่วงกลางฤดูร้อนของไทย) ขณะที่ผมกลับสำนักงาน ผมเห็นภาพเจ้าหน้าที่ 2,000 นายกำลังดันกับกลุ่มผู้ชุมนุม
 
ในตอนนั้นตำรวจได้ถอยออกไป แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเหตุการณ์เลวร้ายลงมาก ฮิโระ มุราโมโตะ ช่างภาพจาก Reuters ถูกยิงเสียชีวิต
 
ช่วงที่มีบรรยากาศของความขัดแย้งนี้อาจจะมีประโยชน์มาก แต่คุณก็ควรรู้เส้นทางหลบหนี มีปฏิภาณรับรู้อันตราย ประเมินอารมณ์ของมวลชนได้ คาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์ลื่นไหลนี้ ใช้ประสบการณ์ที่เรียนรู้มาในการวางตัวเองอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยที่สุด
 
โชคดีที่อุปกรณ์ป้องกันจากเยอรมนีอาจกันกระสุนและช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ แต่เป็นโชคร้ายอยู่เขาไปในที่ที่อันตรายอย่างใจกลางถนนที่อยู่ในวิถีกระสุน และใช้ขาตั้งกล้อง (ซึ่งในตอนมืดมันจะดูเหมือนอาวุธและทำให้คุณกลายเป็นเป้าถูกโจมตี)
 
 
คุณชอบทำงานคนเดียวหรือทำงานร่วมกับผู้สื่อข่าวคนอื่น?
 
เอเดรียน : ในสถานการณ์ที่มีความรุนแรง มันเป็นเรื่องดีที่จะอยู่กับคนที่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรและสามารถดูแลตัวเองได้
 
การที่ไปอยู่ในสถานการณ์อันตรายกับบางคนที่คุณต้องคอยดูแลจะยิ่งทำให้เป็นอันตรายต่อตัวคุณเอง
 
ในการผลิตข่าวโทรทัศน์ คุณต้องอยู่ใกล้ชิดกับนักข่าวที่ถ่ายทำเหตุการณ์แทบจะโดยตลอด ควรมีการตกลงร่วมกันว่าควรจะทำอย่างไร เมื่อไหร่ ตรงจุดไหนให้พร้อม ตรงนี้สำคัญมาก ต้องมีการพูดคุยเตรียมไว้ก่อน เพื่อไม่ต้องมาถกเถียงกันเวลาที่มีอิฐและขวดน้ำลอยไปมา
 
 
 
"ผมถ่ายภาพของพวกเขา พวกเขาก็ยิ้มให้ผม และให้น้ำให้อาหารผม
แล้วผมก็นึกอยู่ในใจว่า
หากทหารจะปราบผู้ชุมนุมในคืนนี้
คนบางคนที่อยู่ในรูปผมอาจจะเสียชีวิตไปแล้วในวันรุ่งขึ้นก็ได้
ความรู้สึกแบบนี้ บวกกับการเซนเซอร์สื่อของรัฐบาล
ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะยังคงทำตัวให้เป็นกลางอยู่ได้"
 
 
 
ในบล็อกของคุณ คุณบอกว่ามันยากมากที่จะไม่ต้องเลือกข้าง แล้วมุมมองส่วนตัวของคุณมีผลต่อการทำงานของคุณไหม?
 
เอเดรียน : มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่เลือกข้าง มีประเด็นมากมายที่ผุดขึ้นมาจากการประท้วงนี้ ซึ่งการอยู่ให้ห่างจากความขัดแย้งทางความคิดนี้เป็นเรื่องยาก
 
สำหรับผู้สื่อข่าวแล้ว เสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นเรื่องสำคัญที่สุด มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผม หากไม่มีมันแล้ว คุณก็อย่าหวังเรื่องประชาธิปไตยเลย เอาง่ายๆ แค่นี้
 
ถ้าหากประชาชนถูกห้ามไม่ให้แสดงความคิดเห็น และสื่อก็ไม่ได้รับอนุญาตให้รายงานโดยไม่ถูกข่มขู่ การที่สังคมจะก้าวหน้าและพัฒนาไปสู่ยุคสมัยใหม่นั้นก็เป็นความหวังริบหรี่
 
แน่นอนว่าสื่อเจ้าต่าง ๆ จะต้องเอียงข้างไปทางใดทางหนึ่งในความขัดแย้งทางการเมือง แต่รัฐบาลที่บล็อกเว็บไซต์และสั่งปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์นั้นดูจะใกล้เคียงกับพวกเผด็จการเกาหลีเหนือมากกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยสมัยใหม่ ในประเทศไทยนั้น ผมคิดว่ากฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นกฏหมายที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการทำให้ประเทศก้าวสู่ความเป็นสังคมที่เจริญ
 
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความผิดในแง่การให้ข้อมูลเท็จและการโฆษณาชวนเชื่อ ผมเห็นว่ามีปัญญาชนคนไทยบางคนที่ถูกเล่นงานจากการโกหกหลอกลวงและแนวอุดมการณ์ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องตลก เมื่อมีคนเริ่มเลือกข้าง มันก็ทำให้ยากที่เขาจะมองเห็นภาพใหญ่ๆ แล้วมันจะทำให้เขาฝังรากและมองไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ กันแน่
 
ภรรยาเพื่อนผมบอกว่าเสื้อแดงมีปืนและอาวุธอื่นๆ ซึ่งเธอบอกว่าได้ฟังมาจากรัฐบาล ผมพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ผู้ชุมนุมหรอกที่มีอาวุธ แต่เป็นกลุ่มหนึ่งในกองทัพที่สนับสนุนพวกเขาอยู่ เธอไม่ยอมฟังเลย เพราะรัฐบาลบอกว่ากองทัพยังคงมีเสถียรภาพ
 
ผมยังเห็นว่ามีอคติในการรายงานข่าวของนักข่าวตะวันตกอยู่ บางคนก็ฟังจากช่องข่าวของรัฐบาลแล้วก็เชื่ออย่างสนิทใจโดยไม่ตั้งคำถามใดๆ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เขียนวิจารณ์รัฐบาลอย่างเดียว
 
ผมเชื่อว่าอย่างน้อยนักข่าวก็ควรพยายามทำตัวให้เป็นกลาง แม้ว่าเหตุผลเดียวที่คุณควรทำตัวเป็นกลางคือการที่จะทำให้คุณเห็นภาพในมุมที่กว้างขึ้นกว่าเดิมก็ตาม
 
ภาพที่ผมถ่ายไว้รอบๆ ที่ชุมนุมเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นประชาชนและไม่ได้เป็นเพียง 'ผู้ชุมนุม' ในเวลาเช่นนี้มันง่ายมากที่จะรู้สึกโกรธคนที่ต้องการทำร้ายคนเหล่านี้ แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่คุณควรจะจัดการกับมัน
 
ผมถ่ายภาพของพวกเขา พวกเขาก็ยิ้มให้ผม และให้น้ำให้อาหารผม แล้วผมก็นึกอยู่ในใจว่า "หากทหารจะปราบผู้ชุมนุมในคืนนี้ คนบางคนที่อยู่ในรูปผมอาจจะเสียชีวิตไปแล้วในวันรุ่งขึ้นก็ได้" ความรู้สึกแบบนี้ บวกกับการเซนเซอร์สื่อของรัฐบาล ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะยังคงทำตัวให้เป็นกลางอยู่ได้
 
 
คุณอยากแนะนำอะไรกับคนหนุ่มสาวที่ต้องการเป็นผู้สื่อข่าววิดิโอหรือช่างภาพ?
 
เอเดรียน : ถ้าจะเป็นนักข่าวโทรทัศน์หรือผู้สื่อข่าวด้วยภาพในทุกวันนี้ผมคิดว่าจะต้องมีทักษะเชี่ยวชาญอย่างมากทีเดียว
 
อนาคตของสื่อตอนนี้อยู่ที่อินเตอร์เน็ต สิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่เพียงแค่ความเร็วของโปรแกรมซอฟทฺ์แวร์และเครื่องมือ แต่คุณต้องคอยจับตาในทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

10 องค์กรสื่อรับแผนปรองดอง ‘อภิสิทธิ์’ เสนอ 9 ข้อปฏิรูปสื่อ

Posted: 10 May 2010 12:41 PM PDT

<!--break-->

 
10 พ.ค.53  องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 10 แห่งได้ร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี สื่อมวลชนและประชาชน นำเสนอการปฏิรูปสื่อมวลชนเพื่อให้การปรองดองดังที่นายกรัฐมนตรีประกาศได้เกิดขึ้นจริง
 
000
 
 
จดหมายเปิดผนึกต่อนายกรัฐมนตรี สื่อมวลชน และประชาชน
เรื่อง ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปสื่อมวลชน
 
ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศแผนปรองดองเพื่อแก้ไขวิกฤตประเทศไทย โดยได้ระบุถึงการสนับสนุนและยืนยันสิทธิการแสดงออกและการนำเสนอข้อมูลข่าวสารให้ประชาชน แต่ได้แสดงความกังวลถึงข้อวิจารณ์ว่า การใช้สื่อในช่องทางต่างๆ รวมทั้งการใช้สื่อของรัฐ มีส่วนสร้างความขัดแย้งหรือนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ดังนั้นในกระบวนการปรองดอง สื่อจะต้องมีสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องเป็นกลไกที่เป็นอิสระเข้ามากำกับดูแลอย่างแท้จริง และต้องไม่นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มุ่งสร้างความขัดแย้ง ความเกลียดชัง และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงต่อกัน แต่เป็นการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์จะทำให้สังคมก้าวพ้นความขัดแย้งและกลับมามีความปรองดองสงบสุขได้อย่างรวดเร็วนั้น
 
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนดังมีรายชื่อแนบท้ายข้อเสนอนี้ ได้พิจารณาข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีด้วยความรอบคอบแล้ว เห็นว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้มีการใช้สื่อมวลชนบางส่วนบิดเบือน ทั้งยังมีบุคคลบางกลุ่มอ้างตัวเป็นสื่อมวลชนกระทำการให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ขณะเดียวกันสื่อมวลชนที่ประพฤติอยู่ในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพก็ตกเป็นเป้าหมายถูกปิดกั้นการทำหน้าที่และถูกคุกคามในรูปแบบต่างๆ
 
ดังนั้น การดำเนินการเพื่อให้สื่อมวลชนมีสิทธิเสรีภาพควบคู่ไปกับสำนึกและความรับผิดชอบตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพนั้น นอกจากจะต้องมีกลไกอิสระเพื่อควบคุมกันเองที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องมีการดำเนินการในด้านอื่นๆ ที่รัฐบาล สื่อมวลชนและภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคม จะต้องร่วมกันผลักดันดังต่อไปนี้
 
1) รัฐบาลต้องเร่งรัดการปฏิรูปสื่อภาครัฐ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างการบริหารงานสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.11)ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการศึกษาการปฏิรูปสื่อภาครัฐที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมาเอง ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องกำกับดูแลให้หน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ เร่งเตรียมการจัดทำแผนจัดการคลื่นความถี่ให้องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่จัดสรรและกำกับดูแลสามารถนำมาจัดสรรใหม่ได้ทันทีที่การจัดตั้งองค์กรอิสระดังกล่าวเสร็จสิ้น
 
2) รัฐบาลต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45 โดยเคร่งครัด และดำเนินการออกกฎหมายตาม มาตรา 46 เพื่อกำหนดบทนิยามของคำว่า “สื่อมวลชน” ให้ชัดเจนว่า สื่อและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนที่สมควรได้รับความคุ้มครองตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นสื่อที่ปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ และต้องไม่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้ง ความเกลียดชัง และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงต่อกัน
 
3) วุฒิสภาต้องเร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ...... ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ขณะเดียวกัน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว รัฐบาลและฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
 
4) ในระหว่างยังไม่มี กสทช. คณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) แต่งตั้งขึ้น ต้องเร่งดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อกำกับดูแลสถานีวิทยุชุมชน โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และเคเบิลทีวีให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดโดยเคร่งครัด
 
5) สื่อมวลชนทุกสาขาต้องปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมแห่งตนด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องไม่เสนอข้อมูลข่าวสารที่มุ่งสร้างความขัดแย้ง ความเกลียดชัง และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงต่อกัน ต้องมีกลไกควบคุมความรับผิดชอบทางจริยธรรมและศีลธรรมต่อประชาชนและสังคมมากยิ่งขึ้น โดย องค์กรควบคุมกันเองทางวิชาชีพสื่อมวลชนตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ ทั้งจะต้องเร่งรัดปรับปรุงโครงสร้างและการดำเนินงาน โดยเฉพาะกระบวนการรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน และการรับผิดทางจริยธรรมของสื่อที่ละเมิดจริยธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
 
6) การบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินคดีต่างๆ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องกระทำด้วยความระมัดระวังทุกขั้นตอนให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมเพื่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เช่น การดำเนินคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทจะต้องเป็นไปเพื่อรักษาเกียรติยศ ชื่อเสียงและความเป็นส่วนตัวของบุคคลเท่านั้น ไม่ใช่ใช้เพื่อขัดขวางการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
 
7) ประชาชนควรเปิดรับข้อมูลข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายและใช้วิจารณญาณในการเปิดรับสื่อ และหากเห็นว่าสื่อใด นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสมให้ร้องเรียนต่อองค์กรควบคุมกันเองทางวิชาชีพโดยทันที
 
8) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนสนับสนุนให้มีองค์กรอิสระในภาควิชาการและภาคประชาสังคม ทำหน้าที่ตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การคุ้มครองผู้บริโภคสื่อ และส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันสื่อ
 
9) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนตามรายชื่อท้ายจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ พร้อมเป็นแกนกลางในการประสานความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ รวมทั้งรัฐบาลในการผลักดันกระบวนการปฏิรูปสื่อมวลชน เพื่อให้สื่อมวลชนสามารถทำหน้าที่ได้โดยมีเสรีภาพ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและนำไปสู่ความปรองดองของประชาชนไทยในที่สุด
 
 
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย
เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคเหนือ
เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคอีสาน
เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้
เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคกลางและภาคตะวันออก
 
10 พฤษภาคม 2553
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ศาลยกฟ้องกรณี 'สุธาชัย' ฟ้องหมิ่นประมาท 'มาร์ค-สุเทพ-สรรเสริญ' ทำผังโยงเครือข่ายล้มเจ้า

Posted: 10 May 2010 03:22 AM PDT

กรณี 'สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ' ฟ้อง 'มาร์ค-สุเทพ-สรรเสริญ' ฐานหมิ่นประมาท ละเมิด ใส่ชื่อ 'สุธาชัย' ในผังเครือข่ายล้มเจ้า ศาลแพ่งตัดสินจำเลยมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระทำในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ โจกท์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดเป็นการส่วนตัวได้จึงพิพากษายกฟ้อง ส่วนที่เป็นคดีอาญาศาลกำลังพิจารณา

<!--break-->

ตามที่ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 53 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดา นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. จำเลยที่2 และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก  ศอฉ. จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 157, 328 กรณีศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)  เผยแพร่แผนผังเครือข่ายล้มเจ้า ซึ่งมีชื่อของนายสุธาชัยปรากฏอยู่

นอกจากนี้นายสุธาชัย ยังได้ยื่นฟ้องศาลแพ่งในข้อหาละเมิด ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 300,554.80 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และขอให้ศาลเปิดการไต่สวนฉุกเฉินเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. ศาลไต่สวนฉุกเฉินโดยไต่สวนโจทก์เพียงปากเดียวพร้อมพยานเอกสารอีก 5 ชิ้น และนัดฟังคำสั่งในวันจันทร์ที่ 10 พ.ค.นี้

ล่าสุดบ่ายวันนี้ (10 พ.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งในคดีที่นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ  อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ). และ พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. เป็นจำเลยที่ 1 – 3 เรื่อง ละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 300,554 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่จำเลยทั้งสามจัดทำแผ่นปลิวโฆษณา ระบุว่าเป็นแผนผังของ ศอฉ. แสดงเครือข่ายที่มีพฤติการณ์ส่อล้มสถาบันพระมาหกษัตริย์  โดยระบุชื่อโจทก์ว่าเป็นหนึ่งที่อยู่ในเครือข่ายของขบวนการดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

ศาลแพ่งพิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบเอกสารแล้วตามที่โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนจำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3ได้รับมอบหมายอำนาจจากจำเลยที่ 1 ร่วมกันจัดทำแผ่นปลิวโฆษณาดังกล่าว และนำไปแจกจ่ายแก่ผู้สื่อข่าวและประชาชน นั้นแสดงว่า จำเลยทั้งสามกระทำไปในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ทั้งตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  ได้นิยามคำ”สถานการณ์ฉุกเฉิน” หมายความว่า  สถานการณ์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นภัยต่อความมั่งคงของรัฐ หรืออาจทำให้ประเทศหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือกระทำผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา การรบ หรือการสงคราม จำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความปลอดภัยของประชาชน การดำรงชีวิต การคุ้มครองสิทธิ์เสรีภาพ ความสงบเรียบร้อยหรือประโยชน์ส่วนรวม และอื่นๆ แสดงให้เห็นว่า ศอฉ. มีอำนาจดำเนินการใด ๆ ตามกฎหมายเพื่อป้องกัน แก้ไข  และระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน

แม้หากจำเลยทั้งสามจะกระทำตามมูลเหตุที่โจทก์นำมาฟ้อง ก็เป็นการกระทำภายในขอบอำนาจที่ พ.ร.ก.ดังกล่าวบัญญัติให้อำนาจไว้ จึงไม่มีเหตุผลที่พวกจำเลยจะดำเนินการไปในฐานะส่วนตัวเพื่อกลั่นแกล้ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามให้รับผิดเป็นการส่วนตัวได้  ตาม พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  พ.ศ.2539 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง พิพากษายกฟ้อง

ส่วนคดีที่นายสุทธาชัยยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และ พ.อ.สรรเสริญ เป็นจำเลยในคดีอาญา กรณีเดียวกันฐานหมิ่นประมาทเมื่อวันที่ 7 พ.ค.นั้น  ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะรับฟ้องคดีไว้หรือไม่

ทั้งนี้ เนื้อหาในคำฟ้องฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาของนายสุทธาชัยซึ่งเป็นโจกท์ ระบุว่า สืบเนื่องจากที่นายอภิสิทธิ์ (จำเลยที่ 1) ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (จำเลยที่ 2) เป็นประธานกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ในฐานะ ผอ.ศอฉ. โดยมี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ทำหน้าที่เป็นโฆษก ศอฉ.

จำเลยทั้งสามที่มีอำนาจหน้าที่ใน ศอฉ.ได้กระทำผิดกฎหมาย โดยการร่วมกันจัดทำแผ่นปลิวโฆษณาระบุว่า แผ่นปลิวดังกล่าวเป็นแผนผังของ  ศอฉ. ซึ่งแสดงเครือข่ายที่มีพฤติการณ์ส่อล้มสถาบัน โดยมีรายชื่อของโจทก์ปรากฏอยู่ในเครือข่ายนั้นด้วย ทั้งที่จำเลยทั้งสามก็ทราบดีอยู่แล้วว่า โจทก์มิได้เป็นเครือข่ายขบวนการดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำโดย เจตนาทุจริต ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และปฏิบัติโดยทุจริตทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ จำเลยทั้งสามยังได้ทำการโฆษณาแจกจ่ายแผ่นปลิวดังกล่าวให้กับผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อมวลชนทั่วไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ซึ่งตามความจริงแล้ว โจทก์ไม่ได้เป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์ต้องการจาบจ้วง และล้มล้างสถาบันแต่อย่างใด ทั้งนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสาม ไม่ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับ หรือป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย แต่เป็นการทุจริต เลือกปฏิบัติเกินสมควรแก่เหตุ และไม่ใช่กรณีที่จำเป็น ดังนั้นจำเลยทั้งสามจึงไม่ควรได้รับความคุ้มครองใดๆ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ประมวลภาพ: พิธีอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553

Posted: 10 May 2010 02:07 AM PDT

<!--break-->

วันนี้ (10 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่เวทีราชประสงค์ ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดงและญาติผู้เสียชีวิต ร่วมจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิตเนื่องในโอกาสครบ รอบ 1 เดือน เหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เมษายน 2553 โดยในขณะที่พระสงฆ์กำลังเจริญพุทธมนต์ ได้เกิดลมกระโชกแรง พัดเอาภาพถ่ายผู้เสียชีวิตหลายภาพที่ตั้งบนโต๊ะล้มลงถึง 2 ครั้ง

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

รำลึก 10 เมษา: ภาพปะติดปะต่อเหตุการณ์ และชีวิตแหว่งวิ่น-ปลิดปลิว

Posted: 09 May 2010 12:04 PM PDT

<!--break-->

ครบ 1 เดือน เหตุการณ์ 10 เมษายน ดูเหมือนถึงวันนี้ภาพในหัวของเราก็ยังแหว่งวิ่น เหตุการณ์วันนั้นดูวุ่นวายคล้ายไม่มีจุดจบ มี ‘ตัวเล่น’ บนเวทีมากมายออกแถลงข่าวครั้งแล้วครั้งเล่าในภายหลัง ขณะที่ข้อเท็จจริงทั้งหมดกลับปรากฏเพียงเล็กน้อย และความทรงจำของผู้คนทำท่าจะสูญหายไปพร้อมเวลาที่เนิ่นนาน ความตายกลาดเกลื่อนเพียงชั่วครู่แล้วหายวับไป คนบาดเจ็บหลายร้อยคนปรากฏให้เห็นไม่กี่วันก่อนเงียบหาย ทั้งที่หลายคนยังนอนอยู่บนเตียงจนวันนี้ บางคนพิการตลอดชีวิต บางคนกลับภูมิลำเนา บางคนกลับมาที่ราชประสงค์

ครบ 1 เดือน เหตุการณ์ 10 เมษายน ความพยายามปะติดปะต่อภาพความสูญเสียของผู้ชุมนุมก็ยังไม่ครบถ้วน เราคัดเลือกบางส่วนจากผู้บาดเจ็บหลายร้อยคนมาจัดลำดับเวลา-สถานที่ให้เห็นถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ตั้งแต่บ่ายถึงค่ำ ก่อนที่เอ็ม-79 จะเกิดขึ้นสร้างความสูญเสียให้กับทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน ขณะเดียวกันก็กลายเป็นประเด็นที่กลบความสูญเสียอื่นๆ เสียมิด

ข้อมูลเวลา สถานที่ ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นำมาจากทีมงานของมูลนิธิดวงประทีป และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการของ นปช. ซึ่งพยายามเก็บรวมรวมไว้ แม้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แต่มันแหล่งข้อมูลเดียวที่พอจะหาได้

 

รายนามผู้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต (ส่วนหนึ่ง)

 

 
ที่
สถานที่
เวลา
(โดยประมาณ)
ชื่อผู้บาดเจ็บ
(ขอสงวนนามสกุล)
ภูมิลำเนา
(จังหวัด)
อาการ
1.
สะพานมัฆวานฯ
14.00 น.
นายมาลัย
สุพรรณบุรี
ถูกตีด้วยด้ามปืนที่แก้มซ้าย
2
สะพานมัฆวานฯ
15.00 น.
นายสงคราม
หนองคาย
โดนยิงด้วยกระสุนยางเข้าใต้ตาซ้าย
3
สะพานมัฆวานฯ
16.30 น.
นายสมัย
เชียงใหม่
โดนยิงด้วยกระสุนยางเข้าแก้มขวา, ลำคอ
4
สะพานมัฆวานฯ
(ไม่ระบุ)
นายเดชชัย            
           
 
เพชรบูรณ์
โดนยิงแก้มซ้ายทะลุและข้อนิ้วมือซ้ายแตก เป็นแผล
5
สะพานมัฆวานฯ
(ไม่ระบุ)
นายคำ
ศรีสะเกษ
โดนทหารใช้กระบองตี เย็บ 10 เข็ม
6
สี่แยกคอกวัว
17.00 น.
นายคำรณ
ชัยนาท
ถูกยิงหูซ้ายฉีกขาด
7
สี่แยกคอกวัว
17.00 น.
นายสันติพงษ์
กรุงเทพฯ
ถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าตาขวา
(หมอผ่าตัดควักลูกตาออกเนื่องจากติดเชื้ออย่างหนัก)
8
ร.ร.สตรีวิทยา
18.00 น.
นายวสุ
ปทุมธานี
 
ถูกตีที่ศีรษะมีเลือดคั่งในสมอง อาการสาหัส
9
ร.ร.สตรีวิทยา
18.45 น.
นายสมเจตน์
กรุงเทพฯ
ถูกยิงสะโพกซ้าย กระสุนฝังใน กระดูกแตก ผ่าตัดแล้ว 3 ครั้ง
10
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
19.00 น.
พระบุญเหลือ
นครราชสีมา
นิ้วกลางหัก กระดูขาซ้ายหัก
11
สี่แยกคอกวัว
19.00 น.
นายจันทรา
ศรีสะเกษ
โดนยิงทะลุหลัง ปอดฉีก
12
สี่แยกคอกวัว
19.30 น.
นางราชวัล
อยุธยา
โดนยิงด้วยกระสุนจริงทะลุขา
13
สี่แยกคอกวัว
19.30 น.
น.ส.ดวงนภา
นนทบุรี
ถูกยิงที่แก้มขวา ฟันหัก 3 ซี่ ลิ้นขาด
14
สี่แยกคอกวัว
20.00 น.
นายอภิชาติ
นครราชสีมา
ถูกยิงด้วยกระสุนจริงหน้าท้องด้านซ้าย
15
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
20.00 น.
นางสุวรรณี
 
สุรินทร์
ถูกยิงที่อก / มีแผลสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว
16
สี่แยกคอกวัว
20.00 น.
นายปรีชา           
 
กรุงเทพฯ
ถูกยิงด้วยกระสุนจริงที่ท้อง
17
สี่แยกคอกวัว
20.00 น.
นายบุญเชิด
กาญจนบุรี
สะเก็ดระเบิดเข้าซี่โครงขวา ฝังที่ปอดและตับ ยังผ่าออกไม่ได้
18
สี่แยกคอกวัว
20.00 น.
นายสายธาร
กรุงเทพฯ           
ถูกยิงที่ลำคอ
19
สี่แยกคอกวัว
20.00 น.
นายจตุรวิทย์
บุรีรัมย์
ถูกยิงด้วย M16 สะโพกซ้าย 2 นัดถูกกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้ลำไส้ไหลออกมาด้านนอก
20
ถนนดินสอ
20.00 น.
นายสุนันท์
อุบลราชธานี
ถูกยิงทะลุท้อง
21
ร.ร.สตรีวิทยา
20.00 น.
นายพร้อมพงศ์
ปทุมธานี
โดนยิงขาซ้าย
22
สี่แยกคอกวัว
20.00 น.
นายสมิง แตงเพชร
นนทบุรี
ถูกยิงศีรษะเสียชีวิต
 
 
 
 
 
มีผู้ยิงระเบิด M-79 เข้าใส่ที่ชุมนุมบริเวณ ถ.ดินสอ
23
ถนนดินสอ
21.30 น.
นายพิเชษฐ
กรุงเทพฯ
ถูกยิงหน้าอกและตับ กระสุนฝังใน
24
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
22.00 น.
นายสมชาย
นนทบุรี
กระสุนเข้าหน้าท้อง
25
สี่แยกคอกวัว
22.30 น.
นายบุญธรรม ทองผุ้ย
ชัยภูมิ
ถูกยิงที่ศีรษะ
26
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
(ไม่ระบุ)
นายอำพน ตติยรัตน์
กรุงเทพฯ
ถูกยิงจากด้านหลังทะลุหน้า
27
สี่แยกคอกวัว
(ไม่ระบุ)
นายบัญชา
 
สุโขทัย
ถูกยิงด้วยกระสุนจริงที่แขน 1 นัด
28
สี่แยกคอกวัว
(ไม่ระบุ)
นายเลิศ
สุรินทร์
ถูกกระสุนจริงบริเวณหัวเข่า
29
ร.ร.สตรีวิทยา
(ไม่ระบุ)
นายบดินทร์
กรุงเทพฯ
ถูกยิงที่ท้อง ลำไส้ฉีกขาด
30
ร.ร.สตรีวิทยา
(ไม่ระบุ)
นายประเสริฐ
กรุงเทพฯ
โดนกระสุนจริงยิงบริเวณราวนมด้านขวา
31
ร.ร.สตรีวิทยา
(ไม่ระบุ)
นายวิเชียร
ชลบุรี
ถูกยิงที่ท้องทะลุปอดและตับ
32
ร.ร.สตรีวิทยา
(ไม่ระบุ)
นายเวทย์
กรุงเทพฯ
ถูกยิงกระสุนเข้าบริเวณช่องท้อง
33
ร.ร.สตรีวิทยา
(ไม่ระบุ)
นายสิทธิ์
ปทุมธานี
ถูกยิงที่กรามขวาทะลุปาก
34
ร.ร.สตรีวิทยา
(ไม่ระบุ)
นายไชยดภูมิ
อยุธยา
โดนกระสุนจริงสะโพกซ้าย ทะลุต้นขา
 

 

ผู้เสียชีวิต

1.นายอำพน ตติยรัตน์ 26 ปี กรุงเทพ กระสุนปืนทำลายสมองจากด้านหลังศีรษะ ทะลุด้านหน้า

2.นายยุทธนา ทองเจริญพูลพร 23 ปี ราชบุรี กระสุนปืนทำลายสมองจากด้านหลังศีรษะทะลุด้านหน้า

3.นายไพรศล ทิพย์ลม 37 ปี ขอนแก่น กระสุนปืนทำลายสมองจากด้านหน้าทะลุท้ายทอย

4.นายสวาท วางาม 43 ปี สุรินทร์ กระสุนปืนทำลายสมองจากด้านหลังทะลุด้านหน้า

5.Mr.Hiroyuri Muramoto 43 ปี ญี่ปุ่น กระสุนปืนยิงทะลุปอดหลอดเลือดแดงใหญ่ เลือดออกในช่องเยื้อหุ้ม หัวใจ

6.นายธวัฒนะชัย กลัดสุข 36 ปี นนทบุรี กระสุนปืนทะลุปอด ตัดเส้นเลือดแดงใหญ่ ทะลุหลัง (ข้อมูล นปช.ระบุบาดแผลที่ต้นขาซ้าย)

7.นายทศชัย เมฆงามฟ้า 44 ปี กรุงเทพ บาดแผลกระสุนปืนทะลุหัวใจ เข้าหน้าอกซ้ายไปทะลุหลัง

8.นายจรูญ ฉายแม้น 46 ปี กาฬสินธุ์ กระสุนปืนทำลายปอดและตับ เข้าด้านขวาทะลุปอดและตับและทะลุหลัง

9.นายวสันต์ ภู่ทอง 39 ปี สมุทรปราการ กระสุนปืนทำลายสมอง ด้านหลังศีรษะทะลุด้านหน้า

10.นายสยาม วัฒนนุกุล 53 ปี นครสวรรค์ กระสุนปืนทะลุช่องอกและปอด เส้นเลือดใหญ่ฉีกขาด

11.นายคะนึง ฉัตรเท 50 ปี กรุงเทพ กระสุนเข้าซี่โครงขวา เลือดออกที่ช่องท้อง

12.นายเกรียงไกร คำน้อย 23 ปี ชลบุรี ถูกยิง

13.นายบุญธรรม ทองผุย47 ปี ชัยภูมิ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง (ข้อมูล นปช.ระบุกระสุนปืนเข้าที่ศีรษะ)

14.นายสมศักดิ์ แก้วสาน 34 ปี หนองคาย ถูกแรงอัดกระแทกเข้าที่ท้อง (ข้อมูล นปช.ระบุถูกยิงช่องท้อง เสียโลหิตมาก เส้นเลือดใหญ่ฉีกขาด)

15.นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ 29 ปี ปทุมธานี แผลที่หน้าอกซ้าย ทะลุหัวใจและปอด

16.นายนภพล เผ่าพนัส 30 ปี ชลบุรี ถูกยิงที่ท้อง

17.นายมานะ อาจราญ 23 ปี เป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดุสิต เสียชีวิตจากวัตถุความเร็วสูงเข้าที่ศีรษะ

18.นายสมิง แตงเพชร 49 ปี นนทบุรี ถูกยิงที่ศีรษะ (ข้อมูล นปช.ระบุสมองบวมช้ำ)

19.นายมนต์ชัย แซ่จอง 54 ปี สมุทรปราการ ระบบการหายใจล้มเหลว โดยผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวถุงลมโป่งพอง และสัมผัสแก๊สน้ำตา

20.ชายไทยไม่ทราบชื่อ 50 ปี  รพ.รามาธิบดี ถูกยิงที่ขาหนีบซ้าย

21.สิบเอกอนุพล หอมมาลี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ

22.พลฯภูริวัฒน์ ประพันธ์  ถูกยิงเสียชีวิตก่อนถึงรพ.

23.ส.ท.อนุพงษ์ เมืองอำพัน

24.พลฯสิงหา อ่อนทรง ถูกยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย

25.พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่กระโหลกศีรษะ

ข้อมูลจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร www.ems.bangkok.go.th วันที่ 18 เมษายน 2553 เวลา 18.00 น.

 

ลำดับเหตุการณ์ 10 เมษายน 53

หมายเหตุ: 1.เวลาเกิดเหตุที่แยกคอกวัว และสตรีวิทย์ เป็นการกะประมาณช่วงเวลาของผู้บอกเล่า 2.ที่มาของข้อมูลเรียงเรียงจากเว็บไซต์ข่าวทั่วไปเช่น มติชน, ข่าวสด, ไอเอ็นเอ็น, สำนักข่าวไทยฯ ทีวี เช่น ทีพีบีเอส, ช่อง7, สทท., ช่อง 9, เนชั่นทีวี วิทยุชุมชน และบันทึกผู้ร่วมเหตุการณ์* 3.พื้นสีเทา=ภาพรวม, สีฟ้า = รายงานผู้บาดเจ็บ, เสียชีวิต, สีเขียว=แถลงข่าวจาก ศอฉ., นายกรัฐมนตรี

 
เวลา
สถานที่
ปฏิบัติการ
หมายเหตุ
10.30
เวทีราชประสงค์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แถลงกับผู้ชุมนุมว่าจะปักหลักอยู่กับที่ 4-5 วัน ไม่เคลื่อนพลไปไหน และให้ฉลองสงกรานต์ร่วมกัน หลังจากนั้นจะมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
 
11.00
เวทีราชประสงค์
ตำรวจจากกรมตำรวจนครบาล 2 นาย นำหมายศาลมายืนอยู่หลังเวทีเป็นหมายจับ 3 ใบ คือ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นายวรพล พรหมิกบุตร, นายประมวล ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก โดยนายตำรวจ 2 นายต้องการมาดูว่าทั้ง 3 คน อยู่หลังเวทีหรือไม่ ทำให้ผู้ชุมนุมตะโกนขับไล่และการ์ด นปช. ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจออกนอกบริเวณดังกล่าว นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ร้องเพลงให้ผู้ชุมนุมฟัง จนกระทั่งกลับเข้ามาสู่ความสงบ
 
12.30
เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
ไพจิตร อักษรณรงค์ แกนนำประกาศว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ใกล้สะพานวันชาติติดอาวุธประมาณ 100 คน แกนนำประกาศให้ผู้ชุมนุมอยู่อย่างสงบและไม่ตอบโต้
 
12.45
หน้าทัพภาค 1
ขวัญชัยประกาศได้ข่าวทหารจะมาสลายการชุมนุมในวันนี้ จึงระดมคนไปที่ประตูทางเข้ากองทัพภาคที่ 1 เพื่อกันไม่ให้ทหารออกมา ผู้ชุมนุมนำรถยนต์และรถ6ล้อมาจอดขวางประตู พร้อมผลักดันทหารเข้าไปภายใน มีการขว้างสิ่งของเข้าไปด้านในจนเกิดการปะทะกัน เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำแรงดันสูงพร้อมยิงกระสุนยางเพื่อผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกไปนอกบริเวณ แต่ผู้ชุมนุมก็พยายามฝ่าแรงดันน้ำเข้าไป มีเสียงระเบิดดังขึ้น3ครั้ง พร้อมกับมีการฉีดน้ำสกัดตลอดเวลา ผู้ชุมนุมล่าถอยมาตั้งหลักบริเวณใกล้เคียง
 
13.00
เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
มีข่าวแจ้งว่าทหารได้เริ่มนำรถหุ้มเกราะออกมาวิ่งบนถนนสามเสนแล้ว และกำลังมุ่งหน้ามายังผ่านฟ้า ทำให้ที่ชุมนุมเริ่มประกาศให้มวลชนนำรถไปปิดตามช่องทางต่างๆ เพื่อสกัดทหารที่จะเข้ามาสลาย
 
13.00
 
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เกรงจะมีการสลายการชุมนุมในคืนนี้ และจะทำให้ประชาชนไม่พอใจจาการสลายการชุมนุมและการปิดกั้นข่าวสาร ซึ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น
 
14.00
สะพานผ่านฟ้าฯ
มีเฮลิคอปเตอร์บินเสียงดังอยู่เหนือพื้นที่ชุมนุมผ่านฟ้า และวนไปมาอยู่หลายรอบ
 
14.17
ศาลาว่าการ กทม.
ทีวีไทยแพร่ภาพทหารถือโล่และปืน เอ็ม 16 เข้าประจำการบริเวณลานคนเมืองศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
 
14.20
เวทีราชประสงค์
ตำรวจปราบจลาจลพร้อมโล่และกระบอง ประมาณ 400 นาย ตั้งขบวนจากด้านถนนเพลินจิต มุ่งหน้าไปแยกราชประสงค์ บนเวทีแกนนำได้ประกาศขอให้ BTSหยุดเดินรถชั่วคราว โดยอ้างรายงานว่าจะมีการนำกำลังทหารมาเสริมผ่านทางรถไฟฟ้า
 
รถไฟฟ้า BTS ประกาศปิดสถานี 3 สถานี คือ ราชดำริ เพลินจิต ราชเทวี
 
14.30
หอประชุมคุรุสภา
ทหารพร้อมอาวุธประจำกาย ได้แก่โล่และกระบอง ปืนลูกซอง ปืนเอ็ม 16 และปืน TAR-21 พร้อมรถหุ้มเกราะชนิด T-85 9 คัน รถฮัมวี่ และรถยูนิม็อก เคลื่อนมาจากสามเสนเข้าสู่ถนนนครราชสีมา และเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมที่แยกวังแดง ผู้ชุมนุมพยายามเจรจาไม่ให้ทหารเคลื่อนกำลัง แต่ทหารไม่ยอมและได้ใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ชุมนุม มีการใช้โล่และกระบองผลักดันผู้ชุมนุมข้ามคลองผดุงกรุงเกษมไปตั้งหลักที่ถนนประชาธิปไตย
 
ส่วนทหารสามารถยึดพื้นที่ตั้งแต่แยกวังแดงถึงหน้าหอประชุมคุรุสภาไว้ได้และตรึงกำลัง ทหารประกาศให้ประชาชนกลับบ้าน ประชาชนที่อยู่ภายในรั้วหอประชุมคุรุสภามีการตะโกนขับไล่ทหาร
 
14.45
แยกมิสกวัน
ทหารยังคงเดินหน้าจากแยกมิสกวันอย่างต่อเนื่อง มีการยิงแก๊สน้ำตาและไล่ตีผู้ชุมนุมที่พยายามขัดขวางผู้ชุมนุมบางส่วนตอบโต้ด้วยการขวางปาสิ่งของ บางส่วนปะทะกับเจ้าหน้าที่บริเวณแยกคุรุสภา ขณะที่ส่วนใหญ่ถอยร่นไปบริเวณผ่านฟ้า
 
14.50
 
บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BTS) ประกาศหยุดเดินรถทั้งระบบ ทุกสถานี
 
15.00
สะพานชมัยมรุเชฐ
ทหารสามารถยึดพื้นที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐคืนจากผู้ชุมนุมได้ มีการใช้ทั้งเครื่อง LRAD รถฉีดน้ำ มีการยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ผู้ชุมนุมถอยออกไปจากพื้นที่เกือบหมด เหลือไม่ถึง 40 คน และยังเผชิญหน้ากันอยู่
 
15.00
 
ปตท.หยุดให้บริการขนส่งก๊าซ NGV ใน กทม.และปริมณฑลเนื่องจากสถานการณ์การชุมนม
 
15.00
สะพานผ่านฟ้าฯ
ทหารระดมกำลังจากทุกทิศทางโดยรอบถนนราชดำเนินตั้งแต่สนามหลวงไปจนถึงแยกตัดถนนศรีอยุธยา มีการเคลียร์ผู้ชุมนุมเริ่มจากด้านถนนศรีอยุธยา มีการยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะ และใช้กระบอง ส่วนผู้ชุมนุมขว้างปาตอบโต้ด้วยวัสดุเช่น ไม้ ขวดพลาสติก ขวดแก้ว จากผู้ชุมนุม เสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นการยิงกระสุนกระดาษขู่ อย่างไรก็ตามมีรายงานผู้บาดเจ็บออกมาเป็นระยะ
 
15.00
บริเวณหน้าเวทีผ่านฟ้า
เฮลิคอปเตอร์ได้โปรยกระดาษจำนวนมากลงมา แกนนำบนเวทีหยุดปราศรัยแล้วนำแผ่นใบปลิวมาอ่าน เป็นประกาศแจ้งให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นความผิด พร้อมทั้งประกาศว่าศาลอนุมัติหมายจับแกนนำแล้ว
ภาพรวม
15.00
เวทีราชประสงค์
มีการระดมเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณรอบนอก อาทิ ที่สวนชูวิทย์ ถนนสุขุมวิท อนุสาวรีย์ชัยฯ ขณะที่รอบในบริเวณแยกราชประสงค์ยังคงใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลในระยะเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม โดยล้อมอยู่ทุกด้าน แต่ยังไม่ปิดการเข้าออกบริเวณที่ชุมนุม
ภาพรวม
15.11
คุรุสภา
หน้าคุรุสภาบริเวณคลองผดุงกรุงเกษม ถนนนครราชสีมาต่อถนนประชาธิปไตย สถานการณ์ตรึงเครียด ทหารและผู้ชุมนุมยังตั้งแนวเผชิญหน้า ทหารขว้างแก๊สน้ำตา ยิงปืนขึ้นฟ้าทำให้เกิดเสียงดัง บริเวณดังกล่าวมีรถฉีดน้ำ 3 คัน
 
15.14
สะพานชมัยมรุเชฐ
ทหารสามารถยึดสะพานชมัยมรุเชฐได้แล้ว
 
15.17
เวทีราชประสงค์
ผู้ชุมนุมนำถุงดำไปครอบที่กล้องวงจรปิดของ บช.น.บริเวณแยกราชประสงค์
 
15.20
 
นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผอ.ศูนย์เอราวัณ รายงานผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณถนนราชดำเนิน ทั้งผู้ชุมนุมและทหารจำนวน 33 คน ส่วนใหญ่เกิดจากแก๊สน้ำตา บางรายได้รับบาดเจ็บจากการถูกทุบตี ได้นำส่งโรงพยาบาลบริเวณใกล้เคียงแล้ว
 
15.30
สะพานปิ่นเกล้าฯ
เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฝั่งขาเข้าพระนคร มีโชเฟอร์แท็กซี่ขับแท็กซี่ 1 คัน มาจอดขวางเพื่อการจราจรเพื่อกั้นทหาร โดยมีทหารรอปฏิบัติการอยู่ที่แยกอรุณอัมรินทร์จำนวนหลายร้อยนาย แต่ยังไม่ติดอาวุธประจำกาย
 
15.30
 
สถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลสามารถกลับมารับชมได้ทางจานรับสัญญาณดาวเทียมดีทีวี (จานเหลือง) ซึ่งรับสัญญาณจากดาวเทียมไทยคม 5 KU Band
 
15.33
ราชประสงค์
ทหารตำรวจจากสวนลุมพินี เข้ากดดันผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องทั้งจากฝั่งราชดำริและลุมพินี 
 
15.35
ตลาดโบ๊เบ๊
ทหารตั้งด่านที่ตลาดโบ๊เบ๊ ด้านใกล้ ถ.หลานหลวง กันคนเข้าไปสมทบที่สะพานผ่านฟ้า มียิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม
 
15.35
คุรุสภา
เจ้าหน้าที่ทหารและรถหุ้มเกราะที่อยู่คุรุสภา ได้ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม เข้าสู่ถนนประชาธิปไตย พยายามเคลื่อนเข้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีการยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นระยะ
 
ส่วนที่วัดโสมนัสมุ่งหน้าสะพานมัฆวานฯ เจ้าหน้าที่ได้ดันและปะทะกับผู้ชุมนุม มีการยิงปืนขึ้นฟ้า อย่างไรก็ตามยังมีเสียงปืนดังขึ้นจากสะพานมัฆวานเป็นระยะๆ
 
15.35
ถนนพิษณุโลก
ถนนพิษณุโลกถูกปิดล้อมโดยทหาร สามารถสลายกลุ่มผู้ชุมนุมได้แล้ว
 
15.40
สะพานมัฆวานรังสรรค์
ทหารยิงแก๊สน้ำตาและยิงกระสุนยางผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกจากสะพานมัฆวานรังสรรค์
 
15.40
เวทีราชประสงค์
แกนนำ นปช.ที่เวทีแยกราชประสงค์พยายามปลุกเล้าให้ผู้ชุมนุมต่อสู้เพื่อรักษาพื้นที่ชุมนุมเอาไว้
 
15.40
ปทุมธานี
วิทยุคลื่น 95.75 MHz ที่รับฟังใน จ.ปทุมธานี และเขตดอนเมือง ประกาศให้คนเสื้อแดงไปชุมนุมหน้าราบ 11 รอ.
 
 
15.40
เชียงใหม่
ที่เชียงใหม่ สถานีวิทยุ 92.5 MHz ของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประกาศผ่านวิทยุเชิญชวนให้คนเสื้อแดงไปชุมนุมที่ศาลากลาง จ.เชียงใหม่
 
16.00
 
ทหารยังคงเดินหน้าเคลียร์พื้นที่จากทุกด้านเข้าสู่ศูนย์กลางที่ผ่านฟ้า โดยมีแนวโน้มในการใช้ปืนยิงข่มขู่มากขึ้นในบางพื้นที่อาทิ บริเวณวัดโสมนัสฯ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้กระสุนยางแล้ว
 
ส่วนที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีการระดมคนไปปิดตามแยกต่างๆ โดยเฉพาะแยกคอกวัว
ภาพรวม
16.00
 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เลื่อนการแถลงข่าวหลังร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
 
16.00
สี่แยกคอกวัว
ที่แยกคอกวัว ทหารนับร้อยนายเดินหน้ารุกเข้าสู่พื้นที่บริเวณถนนราชดำเนิน มีการขว้างปาก้อนหินและขวดน้ำไปมาจากทั้งทหารและผู้ชุมนุม ต่อมามีการยิงแก๊สน้ำตาเพื่อหวังเปิดทาง แต่ลมได้พัดแก๊สน้ำตาไปทางแนวรับของทหาร จนทำให้ทหารต้องถอยออกจากพื้นที่ ทิ้งไว้แต่รถทหารซึ่งผู้ชุมนุมทำการยึดไว้
 
ระหว่างทางจากแยก จปร.-สี่แยกคอกวัว มีคนเสื้อแดงถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้ากลางหลัง มีคนบาดเจ็บจำนวนมาก
 
16.00
สะพานมัฆวานรังสรรค์
มีการลำเลียงคนเจ็บจากการปะทะออกจากบริเวณสะพานมัฆวาน ขณะที่สถานการณ์ยังคงตึงเครียด ทหารยังคงใช้แก๊สน้ำตาและยิงกระสุนยางกดดันผู้ชุมนุม           
 
16.10
 
มีการทยอยนำผู้บาดเจ็บ ทั้งผู้ชุมนุมและทหารนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดหลายจุด มีการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับผู้ชุมนุม อาทิ บริเวณสะพานอรทัย เลียบคลองผดุงกรุงเกษม หลังทำเนียบรัฐบาล บริเวณแยกพาณิชยการ สะพานชมัยมรุเชฐ และบริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ (สถานที่สร้างอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม)
 
16.10
 
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ให้สัมภาษณ์สื่อ ระบุจำเป็นต้องดำเนินการหากปล่อยให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ประชาชนจะไม่เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ ย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจะดำเนินการโดยเกิดความเสียหายน้อยที่สุด
 
16.10
สะพานมัฆวานรังสรรค์
ผู้ชุมนุมผลักดันทหารที่สะพานมัฆวานฯ และสามารถยึดพื้นที่คืนได้ ทหารได้ล่าถอยออกไป ผู้ชุมนุมมีการตบมือร้องเพลงและพูดคุยทักทายกับทหาร
 
TPBS แพร่ภาพรอยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดที่ยิงเข้าสู่รถรายงานข่าวของผู้สื่อข่าว
 
16.10
 
ศูนย์เอราวันรายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 38 ราย
 
16.10
เวทีราชประสงค์
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ระบุ หากรัฐบาลจะดำเนินการกับผู้ชุมนุม ก็ขอให้ดำเนินการให้เด็ดขาดภายในวันพรุ่งนี้ หากไม่สามารถทำได้ ผู้ชุมนุมจะมีมาตรการตอบโต้กับรัฐบาล เบื้องต้นจะมีชุดติดตามนายกฯ ไปทุกที่
 
16.15
สะพานมัฆวานรังสรรค์
ทหารที่สะพานมัฆวานถูกดันกลับไปตั้งแถวที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการตรึงพื้นที่
 
หน่วยพยาบาลนำผู้บาดเจ็บจากการปะทะทั้งสองฝ่ายไปรักษาพยาบาลแล้ว ยังไม่พบผู้บาดเจ็บสาหัส นพ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระบุทหาร 10 นายบาดเจ็บ ส่วนใหญ่จากสะเก็ดระเบิด และอีก 7 คนยังระบุไม่ได้ว่าเป็นฝั่งใด
 
รพ.พระมงกุฎ รายงานว่า ทหาร 3 นายบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นไม่มีรายงานจากสื่ออื่นว่ามีเสียงระเบิดหรือมีการปาระเบิดบริเวณดังกล่าว
 
16.15
แยกนางเลิ้ง
ผู้ชุมนุมรวมตัวกันที่แยกนางเลิ้งและยึดพื้นที่คืนจากทหารได้ มีคนในชุมชนนางเลิ้งออกมาให้กำลังใจ โดยในบริเวณดังกล่าวไม่มีทหารประจำการแล้ว มีเพียงตำรวจกองปราบ 4-5 นายยืนรักษาการณ์
 
16.16
เวทีราชประสงค์
แกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัยบนเวที ท้าสลายก็ให้เด็ดขาด มิเช่นนั้นพรุ่งนี้จะรุกกลับ ส่งคนติดตามนายกรัฐมนตรีไปทุกที่ พร้อมประกาศยึดเวทีผ่านฟ้าคืนภายใน 2 ชั่วโมง
 
16.18
เชียงใหม่
กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ทยอยออกจาก รร.แกรนด์วโรส ไปชุมนุมที่ศาลากลาง
 
16.20
 
TPBS รายงานผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเบื้องต้นมี 38 คน ส่วนรอยเตอร์รายงานผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 93 ราย ทหาร 22 ราย
 
16.20
ขอนแก่น
นปช.ขอนแก่นประกาศชุมนุมที่ศาลากลาง          
 
16.20
 
พอ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ประกาศจะยึดพื้นที่ราชดำเนินให้ได้ภายใน 18.00 น. (ก่อนค่ำ)       
 
16.20
ทำเนียบรัฐบาล
ทหารที่อยู่รอบนอกทำเนียบรัฐบาลเริ่มต้านทานกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ไหว จึงถอยร่นไปอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล วัดโสมนัส และสี่แยกมิกสักวัน
 
ช่วงที่ทหารเปิดยุทธการขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากบริเวณสะพาน มัฆวานรังสรรค์ โดยมีการยิงแก๊สน้ำตาจำนวนมากใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มควันจากแก๊สน้ำตาได้กระจายเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาลด้วย ขณะเดียวกันทหารได้ทยอยนำทหารนับสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการ ปะทะเข้าปฐมพยาบาลภายในทำเนียบรัฐบาล โดยทหารส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บหัวแตกเนื่องจากถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเหยียบจากการปะทะกันแล้วล้มลง ขณะที่บางส่วนถูกปาด้วยของแข็ง นอกจากนี้ผู้ชุมนุมยังนำรถแท็กซี่มาปิดประตูทางเข้าออกทำเนียบฯ ไว้ทุกด้าน
 
ต่อมา ระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบฯ ปรากฏว่า กระสุนยางของทหารเริ่มร่อยหรอลง กลุ่มทหารที่ถูกปิดล้อมอยู่จึงใช้ปืนจริงยิงขึ้นฟ้า เพื่อขู่กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่โดยรอบ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ ระดมขว้างขวดน้ำใส่ทหารหลายสิบขวด จนทหารต้องหยุดยิง
 
16.25
กองทัพภาค 1
บริเวณหน้ากองทัพภาค 1 มีการเสริมกำลังทหาร และทยอยเข้ามาประมาณ 18 คันรถ
 
16.30
คอกวัว
สถานการณ์ยังตึงเครียด
 
16.30
 
ข้อมูลจากศูนย์เอราวัณฯ ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บ 84 ราย เป็นทหาร 19 นาย ตำรวจ 3 นาย ที่เหลือคือกลุ่มผู้ชุมนุม
 
16.30
เวทีราชประสงค์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำ นปช.ได้หารือกันด้วยความเคร่งเครียด
 
16.40
เชียงใหม่
คนเสื้อแดงเชียงใหม่กว่า 1,000 คนสามารถเข้าไปชุมนุมภายในศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ได้แล้ว หลังรู้ว่าทหารเข้าสลายการชุมนุมที่กรุงเทพฯ
 
16.40
ราบ 11 รอ.
ทหารตั้งด่านสกัดบริเวณถนนพหลโยธินทั้งขาเข้าและขาออก ในบริเวณที่ติดกับราบ 11 รอ. ทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้แล้ว ทหารยังมีการดึงสัญลักษณ์สีแดงออกจากรถ และตักเตือนไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมในพื้นที่ตอนใน
 
16.40
อุบลราชธานี
คนเสื้อแดงอุบลระดมพลเตรียมชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัด ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งใช้ประตูเดียวเข้าออก
 
16.45
เชียงใหม่
คนเสื้อแดงเชียงใหม่ที่อยู่ศาลากลาง นัดหมายว่าหากมีการปราบปรามประชาชนให้คนเสื้อแดงยึดศาลากลางทั่วประเทศ ส่วนกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ไป NBT เชียงใหม่ แล้วกว่า 200 คน
 
16.55
สะพานผ่านฟ้าฯ
แกนนำ นปช. นำอาวุธสงครามจำนวนมาก ทั้งปืน M16 ลูกซอง กระสุนจริง ที่ผู้ชุมนุมยึดได้จากทหารที่จะเข้าสลายการชุมนุม (ไม่ระบุว่าจากจุดไหนบ้าง) ขึ้นโชว์บนเวทีให้ช่างภาพถ่ายภาพ ประกาศจะไม่คืนรัฐบาลจนกว่าจะมีการยุบสภา แต่จะแจ้งตำรวจให้มาบันทึกรับทราบและนัดหมายการส่งมอบให้แก่ตำรวจ โดยระบุว่าจะไม่นำไปใช้ในการกระทำรุนแรงใดๆ แต่เป็นการเก็บไว้เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
 
17.00
สะพานผ่านฟ้า-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เฮลิคอปเตอร์อย่างน้อย 2 ลำ บินลงมาใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและสะพานผ่านฟ้ามีการโปรยใบปลิวออกหมายจับแกนนำ ต่อมาได้ทิ้งระเบิดแก๊สน้ำตาลงมาในพื้นที่ชุมนุมไม่น้อยกว่า 6 ลูก
 
17.00
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ถ.ดินสอ – รถหุ้มเกราะของทหารสามารถฝ่าผู้ชุมนุมจาก ถ.ประชาธิปไตย ข้ามสะพานวันชาติ มาตาม ถ.ดินสอ จนถึงแยกโรงเรียนสตรีวิทย์ ทหารได้ปิดถนน มีการโยนแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม แต่หลังจากมวลชนกระเจิงไปไม่นาน ผู้ชุมนุมก็เข้าไปรวมกลุ่มเผชิญหน้ากับรถหุ้มเกราะบริเวณแยกนั้นมากขึ้นๆ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ยังคงบินวนไปมา
 
ทหารเริ่มปฏิบัติการจิตวิทยา โดยการเปิดเพลงปลุกใจ เพลงพระราชนิพนธ์ ขณะที่ประจันหน้าอยู่นายทหารบนรถหุ้มเกราะได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน รัฐบาลได้เตรียมรถเดินทางกลับบ้านให้แล้วที่สนามม้านางเลิ้ง แต่ผู้ชุมนุมโห่ไล่ทหาร
 
เฮลิคอปเตอร์โปรยระเบิดแก๊สน้ำตาลงใส่ผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยทหารเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ประกอบอยู่ตลอด
 
มีรายงานว่าริมถนนด้านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้านหน้าร้านแมคโดนัลด์ ถูกทหารเทราดน้ำมันจนลื่น รถมอเตอร์ไซด์ของผู้ชุมนุมที่ขับขี่ผ่านจึงล้มกลิ้งไปหลายคัน ผู้ชุมนุมกล่าวภายหลังว่าทหารทำเช่นนี้เพื่อสร้างอุปสรรคแก่ผู้ชุมนุมที่จะขับมอเตอร์ไซด์มาสมทบ
 
17.05
 
ศอฉ.แถลงข่าว นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ชี้แจงวัตถุประสงค์ปฏิบัติการคืนพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ปกติ การจราจร ติดต่อสื่อสาร คมนาคม กลับสู่ปกติ และเป็นไปตามประกาศ
 
เนื่องจากการชุมนุมไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย กีดขวางการจราจรของประชาชน กระทบด้านความเป็นอยู่ จำเป็นต้องดำเนินการตามหลักกติกาสากล ตามหลักกฎหมาย ต้องแก้ไขปัญหาให้สถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และรับว่าจะกระทำการคืนพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนทุกคนรวมทั้งผู้ชุมนุม
 
ส่วน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ปฏิเสธว่าทหารไม่ได้ใช้กระสุนจริง เจ้าหน้าที่ที่ถือปืนมีเฉพาะนายทหารสัญญาบัตรที่อยู่แถวหลังเท่านั้น เพื่อยิงขู่ขึ้นฟ้า
 
17.20 - 18.00
แยกคอกวัว
ทหารเคลื่อนพลมาที่แยกคอกวัว บนเส้นทางถนนตะนาวเจอกับกลุ่มคนเสื้อแดง และมีเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่หลายรอบ ทหารยิงแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์คนวิ่งฮือหนีแก๊สทุกทิศทุกทาง
 
17.35
เวทีราชประสงค์
ตำรวจที่ตรึงกำลังอยู่โดยรอบเคลื่อนเข้าใกล้เวทีแต่ยังไม่มีการปฏิบัติการใดๆ คาดว่าเป็นการกดดันไม่ให้ผู้ชุมนุมไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า
 
17.39
เวทีราชประสงค์
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นำผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า
 
17.40
แยกเพลินจิต
ตำรวจนับพันนายได้ถอนกำลังออกจากบริเวณโดยสงบหลังมวลชนนั่งกดดันโดยรอบจำนวนมาก
 
17.45
เวทีสะพานผ่านฟ้า
เฮลิคอปเตอร์ทิ้งแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้า ซึ่งมีคนชุมนุมอยู่จำนวนมาก ผู้ชุมนุมได้ปล่อยลูกโป่งสวรรค์เพื่อตอบโต้
 
17.47
เชียงใหม่
คนเสื้อแดงเชียงใหม่เดินทางไปกดดันชุมนุมที่หน้าสถานีโทรทัศน์ NBTเชียงใหม่ ไม่มีเหตุรุนแรง แต่หากมีสถานการณ์รุนแรงในกรุงเทพฯ อาจมีการตอบโต้ในรูปแบบต่างๆ ต่อไป
 
18.00 –19.00
แยกคอกวัว
ทหารเปิดฉากรุกและยิงแก๊สน้ำตา นอกจากนี้มีการโยนแก๊สน้ำตามาจากเฮลิคอปเตอร์ต่อเนื่อง คนเสื้อแดงตอบโต้ด้วยขวดน้ำ ไม้ และก้อนหิน ส่วนทหารก็โยนตอบโต้มาเช่นกัน มีการดันกันและทหารเกือบจะหลุดเข้ามาในบริเวณแยกคอกวัวได้หลายครั้ง แต่เนื่องจากกระแสลมพัดกลับเอาแก๊สน้ำตาไปฝั่งทางทหาร ทำให้ทหารไม่สามารถยึดพื้นที่บริเวณแยกคอกวัวได้
 
18.00
แยกคอกวัว –อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย-ถนนดินสอ
ฟ้าเริ่มสลัว มีการระดมคนไปบริเวณแยกคอกวัว เกิดการปะทะ มีเสียงปืนลั่นเป็นชุดๆ มาตั้งแต่เย็น ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ยังคงระดมโยนแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมจนถึงตอนฟ้ามืด
 
18.10
เชียงราย
คนเสื้อแดงเชียงรายเคลื่อนขบวนจากเวทีด้านหน้าโรงแรมแสนภูไปยังค่ายทหารเม็งรายมหาราช เพื่อยื่นหนังสือให้ยุติการใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดงที่ กทม.
 
18.20
เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
แกนนำบนเวทีประกาศกับผู้ชุมนุมว่าให้ระวังผู้ไม่ประสงค์ดีนำท่อนไม้ตอกตะปูแบบหงายปลายแหลมมาแจกจ่าย ขอให้ผู้ชุมนุมอย่ารับท่อนไม้นั้นมาใช้ ขอให้ผู้ชุมนุมใช้สันติวิธีและมือเปล่ารับมือกับทหาร
 
18.20
ราชดำเนิน
ผู้ชุมนุมพยายามตอบโต้การโยนระเบิดควันและแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ด้วยการจุดประทัด ยิงพลุ ปล่อยลูกโป่ง และปล่อยโคมยี่เป็ง เพื่อรบกวนการบิน
 
18.50
เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยขึ้นเวทีร้องเพลง "คนบ้านเดียวกัน" และปราศรัยชวนคนเสื้อแดงมาผ่านฟ้า วอนอภิสิทธิ์หยุดปราบประชาชน
 
18.55
 
ผอ.วชิระพยาบาลเผยมีผู้ป่วยที่มีแผล "รูเข้าเล็ก รูออกใหญ่" และเลี่ยงตอบเมื่อผู้สื่อข่าวซักว่าเกิดจากอาวุธอะไร
 
19.00
วัดตรีทศเทพ
ผู้ชุมนุมปะทะกับทหารที่มีอาวุธครบมือ ไม่ทราบชนิดกระสุน ที่หน้าวัดตรีทศเทพ มีการคุมตัวคนเสื้อแดง 2 คนโดยทหารไปสอบสวนที่บริเวณสะพานวันชาติ คาดเป็นแกนนำที่อยู่บนรถเครื่องเสียง
 
19.20
แยกคอกวัว-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
มีการยิงแก๊สน้ำตาจากเฮลิคอปเตอร์ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสี่แยกคอกวัว
 
19.25
โรงพยาบาลกลาง
ผู้บาดเจ็บจากการปะทะที่สี่แยกคอกวัวทะลักเข้าโรงพยาบาลกลางแล้ว กลุ่มแรกกว่า 11 คน ส่วนใหญ่จากแก๊สน้ำตา และมีผู้บาดเจ็บที่คาดว่ามาจากการถูกยิงเข้ารักษาในชุดนี้ด้วย
 
19.40 (เป็นต้นไป)
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (ถนนดินสอ)
ทหารประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าขอให้สลายการชุมนุมเดี๋ยวนี้ ทหารจะใช้กำลังสลายแล้วประกาศราว 3 ครั้ง เสียงปืนก็ดัง (กระสุนยาง) แก๊สน้ำตา บรรยากาศตึงเครียดเป็นระลอก
 
รถเครื่องเสียงของแกนนำ (คาดว่าเป็น พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์) มาถึงและเปิดเพลงให้ผู้ชุมนุมเต้นผ่อนคลายกัน แต่เพลงยังไม่ทันจบ ทหารก็เริ่มยิงปืนอีกครั้ง คนเสื้อแดงก็วิ่งเข้าใส่รถหุ้มเกราะและแนวทหาร ทหารระดมยิงเป็นระยะๆ มีการขว้างระเบิดเสียง สลับกับเสียงปืนของทหารที่ประจำการบนรถหุ้มเกราะที่ยิงมาไม่ขาด
 
แก๊สน้ำตาที่ถูกยิงมาจากฝั่งทหารตกเข้าใส่รถหุ้มเกราะตรงพลขับพอดี ทำให้ทหารรีบถีบตัวออกจากรถหุ้มเกราะ ทหารคนอื่นๆ ถอยห่างจากรถหุ้มเกราะ เหลือทหารอีกนายควักปืนสั้นออกมาจ่อขู่ผู้ชุมนุมไม่ให้เข้าใกล้ พร้อมยิงขึ้นฟ้าขู่เป็นระยะ แต่สุดท้ายต้องยอมมอบตัวกับผู้ชุมนุม สำหรับทหารอีกหนึ่งนายที่อยู่ในรถหุ้มเกราะคันที่แก๊สน้ำตาตกเข้าไปนั้นคนเสื้อแดงได้เข้าไปช่วยออกมา และมีการ์ดคอยกันไม่ให้ถูกทำร้าย
 
มีการปะทะกันเป็นระยะ เสียงปืนดังไม่ขาดสาย
 
ผู้ชุมนุมบางรายขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่ทหาร ขณะที่ข่าวบางสำนักระบุว่ามีการใช้ระเบิดไม่ทราบชนิด คาดว่าเป็นเอ็ม 26 ขว้างใส่ทหารที่พยายามเคลื่อนเข้ามาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นอกจากนี้มีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 5 รายบาดเจ็บล้มลงหลังถูกกระสุนไม่ทราบชนิดจากทหารที่ยิงใส่
 
19.40
แยกคอกวัว
บันทึกผู้ร่วมเหตุการณ์ระบุว่าสถานการณ์เลวร้ายมาก ทหารเหมือนเหมือนตั้งเป้าว่าจะต้องยึดพื้นที่คืนให้ได้ เสียงปืน ระเบิด ดังอย่างกึกก้อง มีผู้ชุมนุมถูกยิงออกมาเรื่อยๆ
 
เริ่มมีรายงานผู้ถูกยิงที่แยกคอกวัว มีคนถูกหามออกมาเรื่อยๆ บางคนเสียชีวิตทันที บางคนเจ็บหนักและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล คนเสื้อแดงเริ่มโกรธ ขว้างสิ่งของใส่ทหาร อาทิ ก้อนอิฐ ไม้ และถังดับเพลิงเอาไปฉีดให้เป็นควันสกัดการมองเห็นของทหาร
 
มีชายคนหนึ่งที่ผู้ชุมนุมคิดว่าคือ “ทหารแตงโม” ใส่ชุดสีดำ ปิดหน้า ถือปืน AK-47 คอยยิงสกัดทหารไม่ให้ทำร้ายคนเสื้อแดง
 
 
 
19.50
 
ขณะเดียวกันมีคนจากราชประสงเดินทางมาอีกหลายคันรถ ขบวนมอเตอร์ไซด์จำนวนมาก มาสมทบ ทำให้ผู้ชุมนุมที่แยกคอกวัวมีกำลังใจ
 
19.45
ราชประสงค์
แกนนำ นปช.นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ ขึ้นเวที ประกาศยกระดับข้อเรียกร้อง 4 ข้อ โดยหนึ่งในนั้นคือการให้รัฐบาลยุบสภาในทันที และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกนอกประเทศ
 
แกนนำประกาศว่าจะให้กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยมีแกนนำ คือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และ พ.ต.ท.เสงี่ยม เจริญราษฎร์ เพื่อไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่อยู่ที่สะพานผ่านฟ้า และขู่ว่าถ้ายังใช้ทหารปราบประชาชนจะต่อสู้กับรัฐเต็มรูปแบบ
 
20.10
 
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อมูลลงทวิตเตอร์เมื่อเวลา 20.10 น.ว่าตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล ถูกยิงด้วยระเบิด M 79 ได้รับความเสียหาย ส่วนเฮลิคอปเตอร์ที่บินเข้าเขตชุมนุมก็ถูกยิงด้วย มีทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
 
20.20
สะพานผ่านฟ้า
อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เดินทางจากราชประสงค์ถึงเวทีผ่านฟ้า
 
ณัฐวุฒิประกาศคนที่ราชประสงค์ไหลมาที่ผ่านฟ้าจำนวนมาก ทหารได้ยิงคนเสื้อแดงเสียชีวิตหนึ่งราย คือ นายสวาท วางาม ถูกยิงที่ศีรษะ
 
20.20
โรงพยาบาลกลาง
ผู้ป่วยอายุน้อยที่ รพ.กลาง รายหนึ่งอายุ 4 ขวบชื่อ ด.ช.ภูมินทร์ ก้อนมณี มากับผู้ปกครอง มีอาการสำลักแก๊สน้ำตา ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว อีกรายเป็นเด็กหญิง
 
20.30
แยกคอกวัว
สื่อมวลชนรายงานเกิดเหตุระเบิดซึ่งคาดว่าเป็น M79 ที่ยิงจากฝั่งผู้ชุมนุมเข้าใส่ทหาร ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บหลายราย
 
20.45
เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
โฆษกผ่านฟ้าประกาศว่าทหารที่ยิงประชาชนถูกทหารหน่วยอื่นจัดการ
 
20.55
โรงพยาบาลกลาง
นพ.พิชญา นาควัชระ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ รพ.กลาง มีผู้บาดเจ็บจากการชุมนุมรวม 50 กว่าราย เป็นผู้ชุมนุมที่มีอาการสาหัส ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน 4 ราย มี 1 รายบาดแผลถูกของแข็งตีอย่างหนักที่ศีรษะมีเลือดออกใต้กะโหลก แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ได้เปิดเผยถึงขีดความสามารถในการรับมือด้วยว่า ยังอยู่ในวิสัยที่จัดการได้ โดยได้ขณะนี้ได้ประสาน รพ.เจริญกรุง กับ รพ.ตากสิน เพื่อเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยแล้ว
 
21.00
สะพานผ่านฟ้า
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประกาศว่า “ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของอภิสิทธิ์ อนุพงษ์ และแม่ทัพทั้งหลาย ขอให้ท่านสั่งการทหารของท่านหยุดยิง อย่าทำร้ายประชาชน นายอภิสิทธิ์ คุณต้องฆ่าประชาชนอีกกี่คนคุณถึงจะพอใจ"
 
21.05
 
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.แถลงว่าถอนทหารออกจากแนวปะทะ พร้อมระบุว่า จากการเข้าปฏิบัติงานเพื่อทวงคืนพื้นที่ของเจ้าหน้าที่รัฐตามแผนที่ได้กำหนดไว้ตลอดวันที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อสู้ขัดขวางทุกรูปแบบ ทั้งการใช้ถังแก๊ส และลูกระเบิดขว้าง และยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ทหารด้วย ส่วนนายอภิสิทธิ์ได้ส่งกอร์ปศักดิ์ไปเจรจาแกนนำเสื้อแดงเพื่อยุติการปะทะ
 
21.10
แยกคอกวัว
พื้นที่ปะทะบริเวณแยกคอกวัว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 รายได้รับบาดเจ็บจากการทำร้ายของทหาร โดยรายหนึ่งถูกยิงเข้าที่หน้าอกหลังจากตะโกนด่าทหารว่า FUCK YOU! ขณะนี้ถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว
 
21.10
สะพานผ่านฟ้าฯ
ณัฐวุฒิ ประกาศบนเวทีว่าตนเองได้รับการติดต่อจากกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ซึ่งบอกว่าได้สั่งทหารให้หยุดยิงแล้ว และได้ประกาศให้คนเสื้อแดงถอนกำลังจากจุดต่างๆ
 
แกนนำ นปช.ได้ประกาศว่ามีผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งคนคือนายวสันต์ ภู่ทอง และได้มีการยืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต ระบุการต่อสู้คืนนี้จบลงแล้ว ขอให้ทหารที่ยังยิงประชาชนอยู่หยุดยิงทันที
 
21.15
รพ.หัวเฉียว
แรมโบ้อีสานไปนำศพคนเสื้อแดง 2 ศพที่เสียชีวิตออกจาก รพ.หัวเฉียวมุ่งหน้าไปที่ผ่านฟ้า
 
ศูนย์เอราวัณเผยมีผู้บาดเจ็บถึงเวลานี้ 235 ราย
 
21.25
สะพานผ่านฟ้าฯ
ณัฐวุฒิ ประกาศบนเวทีขอให้คนเสื้อแดงถอนกำลังจากทุกจุดทันที และส่งแกนนำไปรับคนเสื้อแดงจากสี่แยกคอกวัวกลับมายังบริเวณเวทีผ่านฟ้า
 
21.30
แยกคอกวัว
ทหารทั้งหมดถอยกลับทั้งที่ ถ.ตะนาว และ ถ.ดินสอ โดยทหารที่ ถ.ดินสอ ทิ้งรถฮัมวี่ รถหุ้มเกราะ T-85 6 คัน รถยูนิม็อกติดเครื่องขยายเสียงเอาไว้ โดยทหารนำรถหุ้มเกราะ T-85 กลับที่ตั้งได้เพียง 3 คันเท่านั้น ขณะที่ชายนิรนามชุดดำทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
 
ผู้ชุมนุมได้ช่วยกันเก็บหลักฐาน เฉพาะที่แยกคอกวัวที่เดียวเก็บปลอกกระสุนได้เป็นลังใหญ่ มีกระสุนจริง ปืน M16 ปืน TAR-21 ปืนกลติดรถหุ้มเกราะ มีการกันพื้นที่ตรงบริเวณที่คนเสื้อแดงถูกยิงจนบาดเจ็บและเสียชีวิต และมีการไว้อาลัยให้กับผู้ล่วงลับ
 
คนเสื้อแดงได้เข้าไปบันทึกหลักฐานด้วยกล้องถ่ายรูป พบรอยกระสุนจริงเป็นจำนวนมากที่ทะลุตัวถังรถ เสาไฟ กำแพง ป้าย ประตู ซึ่งรอยกระสุนมีวิถีพุ่งมาจากฝั่งทหาร ขณะที่นักข่าวต่างประเทศได้เข้าไปทำข่าวอย่างต่อเนื่อง
 
21.40
โรงพยาบาลกลาง
นพ.พิชญา นาควัชระ ผอ.รพ.กลาง รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย คือ
 
1.นายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ถูกยิงเข้าที่ทรวงอกเสียชีวิต
2.นายสวาท วางาม อายุ 43 ปี การ์ด นปช.
3.นายธวัฒนะชัย กลัดสุข อายุ 36 ปี จากนนทบุรี ถูกยิงที่ทรวงอก
4.นายทศชัย เมฆงามฟ้า ถูกยิงที่อกซ้าย
5.เป็นชายไทย ร่างสันทัด แต่หาหลักฐานไม่ได้
 
โดยทุกรายน่าจะเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ขณะนี้มีที่บาดเจ็บฉุกเฉินสองราย ทั้งนี้ นพ.พิชญา ได้ตอบคำถามเรื่องการดูแลร่างของผู้เสียชีวิตว่า ขอให้เชื่อมั่นว่าทางโรงพยาบาลจะดูแลร่างผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี และขอร้องให้แพทย์ได้ทำตามขั้นตอนการรักษา ระเบียบนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้ประสาน สน.พลับพลาชัยแล้ว
 
ศูนย์เอราวัณเผยผู้บาดเจ็บ 296 ราย
 
22.00
เวทีสะพานผ่านฟ้า
มีการปล่อยโคมลอยเพื่อระลึกถึงคนเสื้อแดงที่จากไป บนเวทีโชว์หลักฐานอาวุธสงครามจำนวนมากที่ยึดมาจากทหารได้ ระหว่างที่พิธีกรได้แถลงการณ์ประณามรัฐบาลบนเวที
 
22.15
โรงพยาบาลกลาง
นพ.พิชญา ผอ.รพ.กลาง แถลงว่าผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมที่อยู่ในความดูแลของ รพ.กลางว่า คือ นายวสันต์ ภู่ทอง 39 ปี ลักษณะกะโหลกแหว่ง ถูกนำตัวมาจากหลังเวทีผ่านฟ้า โดยคนที่นำส่งโรงพยาบาลให้การว่า ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ทั้งนี้ แพทย์ไม่ยืนยันจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
 
นพ.พิชญาเปิดเผยด้วยว่า ทั้งหมดของผู้บาดเจ็บมีเจ้าหน้าที่ทหารเพียง 2 ราย และผู้บาดเจ็บทั้งหมด หากเป็นช่วงเวลา 18.00 น.ส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยาง กระสุนกระดาษแต่หลังเวลา 18.00 น.ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่มาจากกระสุนจริง
 
22.30
เวทีสะพานผ่านฟ้า
ผู้ชุมนุมส่งเสียงฮือฮาดังขึ้น เนื่องจากกลุ่มการ์ด นปช. สามารถจับทหาร 4 นายจากบริเวณ ร.ร.สตรีวิทยา และ ถ.ดินสอ บริเวณที่มีรถหุ้มเกราะจอดอยู่ โดยนำทหารทั้งหมดมาขึ้นเวทีผ่านฟ้า
 
22.45
โรงพยาบาลกลางและวชิรพยาบาล
เกิดความวุ่นวายที่โรงพยาบาล เมื่อผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงขอนำศพไปดูแลรักษาโดยให้เหตุผลว่า เกรงว่ากองทัพและรัฐบาลจะนำศพไปซ่อนและปิดบังข้อมูลเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว
 
ที่ รพ.กลาง แกนนำคนเสื้อแดงได้พยายามเรียกร้องให้คนเสื้อแดงตั้งสติ และขอเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก่อน ซึ่งทำให้เหตุการณ์สงบลงได้
 
ที่วชิรพยาบาล ก็เช่นกัน แต่ทางโรงพยาบาลยังไม่ได้รายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกมาแต่อย่างใด แม้จะมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากถูกส่งมารักษา โดยมีรถฉุกเฉินวิ่งเข้าออกบ่อยครั้ง โดยเป็นการนำผู้บาดเจ็บเข้าทางด้านหลังแทนที่จะเป็นช่องทางฉุกเฉินปกติ
 
22.45
เวทีสะพานผ่านฟ้า
แกนนำ นปช.ลั่นไม่เจรจากับรัฐบาล หากไม่ถอนทหารออกไปทั้งหมด
 
22.50
โรงพยาบาลกลาง
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตรายหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อหนึ่งก่อนหน้านี้ ขณะนี้ทราบชื่อแล้วคือ นายจรูญ ฉายแม้น
 
22.50
 
ศูนย์เอราวัณรายงานตัวเลขล่าสุดของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 486 ราย และมีผู้เสียชีวิต 8 ราย โดยอยู่ที่ รพ.กลาง 5 ราย และรพ.หัวเฉียว 3 ราย
 
23.00
โรงพยาบาลรามาธิบดี
นพ.วินัย บรรณานุกูล รอง ผอ.รพ.รามาธิบดี เปิดเผยจำนวนผู้บาดเจ็บ 41 ราย อาการสาหัส 8 ราย ต้องเข้าห้องผ่าตัด 5 ราย ลักษณะบาดเจ็บคือในร่างกาย “มีรูเข้า” ซึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียด
 
นอกจากนี้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายเป็นชาย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ถูกกระสุนเข้าที่ท้อง รายละเอียดนอกจากนี้ยังไม่สามารถให้ได้ อีกทั้ง ยังฝากต่อว่าผู้ชุมนุมรายหนึ่งที่มารักษาตัว และแต่งตัวคนไข้ของโรงพยาบาลกลับไปขึ้นเวทีคนเสื้อแดง ทำให้เสียภาพพจน์ของโรงพยาบาล
 
23.00
กองบัญชาการตำรวจนครบาล
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. แถลงข่าวกรณี ด.ต.วิชิต สันติสิทธิมนต์ทอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.6 ที่ไปแทรกซึมป้องกันเหตุในกลุ่มผู้ชุมนุม จับกุมเครื่องยิงเอ็ม 79 พร้อมลูกกระสุนสีทอง ได้ในบริเวณจุดที่มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหาร ที่สี่แยกคอกวัว
 
23.15
ราชประสงค์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประกาศบนเวทีราชประสงค์ หากทหารปฏิวัติ คนเสื้อแดงและคนไทยทั้งแผ่นดินจะออกมาต่อต้านยิ่งกว่าการขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนี้
 
23.20
วชิรพยาบาล
ผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ทราบชื่อก่อนหน้านี้ คือนายคนึง ฉัตรเท อายุ 50 ปี อยู่เขตปทุมวัน กรุงเทพ เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าหัวใจวาย เนื่องจากไม่มีบาดแผลตามร่างกาย อย่างไรก็ตามมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งรายเป็นชาย ซึ่งคาดว่าถูกยิงที่ท้อง
 
23.25
 
นายกรัฐมนตรีแถลงพิเศษ อย่าเพิ่งโทษกัน เพื่อรักษาบรรยากาศสงบศึก และรอพิสูจน์ว่าการเสียชีวิตเกิดขึ้นจากสิ่งใด ยืนยันจะไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองแม้แต่น้อยนิด
 
เผยการชุมนุมผิดรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องรักษากฎหมาย เพราะถูกตำหนิว่ารัฐบาลอ่อนแอ จึงต้องบังคับใช้กฎหมาย วันนี้จึงขอคืนพื้นที่บางส่วนโดยคำนึงถึงความปลอดภัยประชาชน ให้ใช้กระสุนจริงเฉพาะยิงขึ้นฟ้ากับป้องกันตัวเอง อ้างผู้ชุมนุมมีอาวุธ ส่วนการเสียชีวิตมาจากการยิง M79 ทำให้ทหารและพลเรือนเสียชีวิตต้องชันสูตรต่อไป
 
และยืนยันว่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ อย่ามาโทษให้เป็นผู้รับผิดชอบกับการตาย ต้องพิสูจน์ความจริงอย่างโปร่งใส
 
23.30
 
ฝ่ายกิจการพลเรือน ศอฉ. รายงานเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 230 ราย สาหัส 90 ราย และเสียชีวิตหนึ่งราย คือ จ.ส.อ.สิงหา อ่อนทรง ถูกกระสุนยิงที่อก
 
23.40
วชิรพยาบาล
นพ.ชัยวรรณ เจริญโชคทวี ผอ.วชิรพยาบาล แถลงตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากที่เข้ามาที่วิชรพยาบาลว่า มีผู้บาดเจ็บจำนวน 152 ราย เสียชีวิต 3 รายคือ
 
1.นายคนึง ฉัตรเท อายุ 50 ปี เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าหัวใจวาย
2.พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์ อายุ 25 ปี ถูกระเบิดที่ศีรษะ
3.พลทหารอนุพงษ์ เมืองลำพัน อายุ 21 ปี ถูกกระสุนที่คิ้วซ้าย
 
ซึ่งขั้นต่อไปจะได้ส่งศพให้นิติเวชชันสูตร ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่เป็นประชาชนมากกว่าทหาร เป็นชายมากกว่าหญิง ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บที่รอการผ่าตัดอยู่ 5-6 ราย ซึ่งการบาดเจ็บสาหัสมีสาเหตุจากกระดูกหัก และถูกกระสุนยิง ซึ่งผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเป็นกระสุนชนิดไหน ได้รับคำตอบว่า เป็นกระสุนจริง
 
นอกจากนี้ ยังเปิดถึงการบาดเจ็บของทหารด้วยว่า ส่วนหนึ่งได้ส่งต่อไปที่ศิริราชพยาบาลกับรามาธิบดีแล้ว
 
24.00
โรงพยาบาลกลาง
เปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิตรายที่ 7 ชื่อนายถวิล ขมสันเที๊ยะ อายุ 43 ปี สาเหตุเกิดบริเวณสมอง ยังไม่ทราบรายละเอียด
 
 
 

* บันทึกของผู้ร่วมเหตุการณ์ (ในเว็บไซต์ด้านล่าง) เป็นส่วนหลักของการเรียบเรียงข้อมูลในขณะที่เกิดเหตุปะทะเนื่องจากไม่ค่อยพบรายงานโดยละเอียดจากสื่อทั่วไป

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น