ประชาไท | Prachatai3.info |
- ข้อเรียกร้องท้องถิ่น มากไปจะไม่งาม
- รายงาน: เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของขวัญปี 54 ที่แม่ลาน
- “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ”: การเมืองเรื่องเด็กๆ
- แรงงานดักคอ "ประชาวิวัฒน์" แค่โฆษณา
- เก็บตกวันเด็ก กิจกรรม "ลูกเล็กเด็กแพง ไม่เล่นกับทหาร ไม่เอาเผด็จการ"
- 5 เหตุผลที่ประกันสังคมควรเป็นองค์กรอิสระ
- เสื้อแดงเชียงใหม่จัดงานวันเด็กชู “ไม่เล่นกับทหาร”
- ทนายอาสาเปิด จม.จากคุก เผยผู้ต้องขังเสื้อแดงหลายคนคิดสั้น ประกันไม่ได้
- สมาชิกสหภาพแรงงานถูกผู้บริหารแจ้งความข้อหา “ทำให้กลัวหรือตกใจ”
- "ทักษิณ" มอบคำขวัญวันเด็กแนะ "ท่องโลกจริงไม่ได้ ก็ให้ท่องผ่านเว็บ"
ข้อเรียกร้องท้องถิ่น มากไปจะไม่งาม Posted: 08 Jan 2011 09:49 AM PST กระแสข่าวคนองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางตำแหน่ง อาทิ เลขนุการนายก อบต.และสมาชิก อบต.บางส่วน นัดรวมพลเปิดศึกกับกระทรวงมหาไทย กรณีนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย ลงนามขึ้นค่าตอบแทนให้กับผู้บริหารและสมาชิก อบต. มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 นั้น กลุ่มผู้เรียกร้องเห็นว่าสัดส่วนเงินค่าตอบแทนของนายก อบต.ได้รับเพิ่ม 100 % แต่ตำแหน่งอื่นๆ ได้รับเพิ่มเพียงเล็กน้อย เฉพาะในส่วนของ สมาชิก อบต. เลขานุการนายก อบต. และเลขานุการสภา อบต.ได้รับปรับเพิ่มสูงสุด 140 บาท และต่ำสุดเพียง 40 บาท เลขานุการนายก อบต.รายได้ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปไม่ได้รับเงินเพิ่มเลยแม้แต่บาทเดียว ล่าสุดเสียงเรียกร้องให้กระทรวงมหาไทยทบทวนการขึ้นค่าตอบแทนได้ขยายวงกว้างขึ้น ถึงขั้นเครือข่ายสมาชิกสภา อบต.ทั่วประเทศประกาศขึ้นป้าย "มหาดไทยปฏิบัติสองมาตรฐาน ไม่ใส่ใจดูแลคนท้องถิ่น" หน้าที่ทำการ อบต.ทุกแห่งทั่วประเทศ การกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการประกาศว่า คน อบต. เอาจริง การผนึกกำลังครั้งนี้ บางฝ่ายมองว่าเป็นแรงกระเพื่อมที่อาจทำให้สังคมหันกลับมามองว่า คน อบต. กำลังทำอะไร และเพื่อใคร ชุมชนท้องถิ่นจักได้อะไร การแสดงท่าทีขึงขังเอาจริงที่ว่านี้ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมของท้องถิ่นไปในทิศทางใด อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ การปรับเงินเดือนค่าตอบแทน อบต.เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย เมื่อครา รมว.มหาดไทยเสนอต่อที่ประชุม ครม.ให้พิจารณา แต่นายกฯ อภิสิทธิ์กลับสั่งระงับให้กลับไปศึกษารายละเอียดถึงสองครั้ง และกำชับว่าควรยึดโยงกับบุคลากรภาครัฐส่วนอื่นด้วย โดยเฉพาะ ส.ก. และ ส.ข. เพราะรู้กันอยู่ว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังวางฐานสำคัญในเขตพื้นที่ กทม. หลายฝ่ายมองว่าการขึ้นเงินเดือน อบต. เป็นเกมการเมืองที่พรรคภูมิใจไทยใช้เป็นนโยบายเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคประชาธิปัตย์เองแม้จะติดดิสเบรคไว้บ้าง แต่ก็ต้านกระแสไม่ไหว เพราะ อบต. เริ่มฮึม ฮึม จะขึ้นป้ายต่อต้านอยู่รอมร่อ การขึ้นค่าตอบแทนครั้งนี้ แม้ไม่ปรากฏชัดว่าได้สะท้อนวิสัยทัศน์การกระจายอำนาจ การปฏิรูป และการพัฒนา อบต. ให้มีประสิทธิภาพประจักษ์ชัดอย่างไร แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันได้ เพราะเป็นเงินของ อบต.เอง อีกทั้งก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายให้ท้องถิ่นเป็นไม้เป็นมือในการให้บริการสาธารณะและฝากงานสำคัญๆ ให้ท้องถิ่นทำอย่างสมประสงค์ เช่น การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้ด้วยโอกาส คนพิการ ผู้ป่วยเอดส์ ฯ อีกทั้งยังให้ค่าตอบแทนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน และขึ้นค่าตอบแทนให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านไปแล้ว 100% การประกาศดำเนินนโยบายประชาภิวัฒน์ของรัฐบาลเพื่อช่วงชิงประชาชนให้ลืมนโยบายประชานิยม และยิ่งเร่งกระสุนชุดใหม่ๆ ทั้งขึ้นเงินเดือนผู้บริหาร 3 สถาบัน ส.ส. ส.ว. นโยบายช่วยเหลือรถแท็กซี่ หาบเร่ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ ยิ่งจะทำให้เห็นว่าในโอกาสอันสุกงอมเช่นนี้ องค์กรไหน ตำแหน่งใดขออะไรก็จำต้องสนอง ขณะที่ค่าครองชีพของระบบฐานรากพุ่งปู้ดปาดทะลุเพดาน เพียงแค่ราคาน้ำมันปาล์มแม่บ้านก็แทบสำลัก ท่ามกลางกระแสข่าวขอให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนการขึ้นค่าตอบแทนของ อบต. เพื่อเพิ่มเงินให้ เลขานุการนายก อบต. และสมาชิก อบต. ทางด้านองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปลุกพลังขู่เคลื่อนใหญ่ของเงินเพิ่ม ประกาศต่อสู้เพื่อสิทธิอันชอบธรรม นัดประชุมหารือแสดงเจตนารมณ์ ในวันที่ 19 มกราคมนี้ เพื่อกดดันรัฐบาล การเรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิอันชอบธรรมที่เห็นว่าตนเอง หรือองค์กรควรได้รับ เป็นการแสดงออกขั้นพื้นฐาน ย่อมทำได้ภายใต้การปกครองแบบประชาธิปไตย แต่ถ้าเสียงเรียกร้องไม่สอดคล้องกับสภาพการทำงานของแต่ละตำแหน่ง และอารมณ์ของประชาชน ระวัง...กระแสจะตีกลับ อาจเตรียมรับกันไปถ้วนหน้า ทั้งนักการเมืองระดับชาติ และนักการเมืองระดับท้องถิ่น ว่าไหมครับ.. สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
รายงาน: เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของขวัญปี 54 ที่แม่ลาน Posted: 08 Jan 2011 08:23 AM PST ปีที่ 7 กับเหตุการณ์ความไม่สงบสำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านการบริหารบ้านเมืองมาหลายรัฐบาล ก็ยังไม่สามารถที่จะยุติความรุนแรงลงได้ แต่ที่เห็นได้คือการเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารของรัฐบาลที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับการประกาศยกเลิกกฎหมายพิเศษอย่าง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่ 4 อำเภอของสงขลา อันประกอบด้วย อ.นาทวี อ.จะนะ อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย และทดลองใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคง)แทน เมื่อปี 2553 และล่าสุดนัว่าเป็นของขวัญให้กับชาวอำเภอแม่ลาน จ.ปัตตานี ได้ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แทนหรือไม่ ต้องรอฟังมติของครม.ก่อน ของขวัญชิ้นใหม่และชิ้นสำคัญจากรัฐบาลที่มอบให้แก่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้เพื่อเป็นของขวัญปี 2554 โดยเฉพาะอำเภอแม่ลาน จ.ปัตตานี หลังจากที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2548 เพื่อเข้าดำเนินการในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ การคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งของรัฐและประชาชน ทางรัฐบาลได้เห็นว่าปัจจุบันสถานการณ์อันเป็นเหตุให้มีการประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อยู่ในภาวะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐสามารถใช้มาตรการต่างๆ เข้าควบคุม ระงับยับยั้ง และแก้ไขปัญหาได้ตามปกติ นายกรัฐมนตรี จึงออกประกาศยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี ดั่งประกาศตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗ ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง ประกาศเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 นับว่าเป็นงานหนักที่ทางฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหารในพื้นที่อำเภอแม่ลานต้องรับผิดชอบ นายปรีชา ชนะกิจกำจร นายอำเภอแม่ลาน ได้กล่าวถึงภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการก่อนคือการสร้างความเข้าใจต่อ ประชาชนในพื้นที่ถึงการยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก และไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดียุยงให้เกิดความแตกแยก มาตรการต่อไปคือการเตรียมการรองรับการป้องกัน ปราบปราม รวมถึงงานมวลชน นโยบายที่ทางนายอำเภอใช้คือการเมืองนำการทหาร มีการออกไปพบปะเยี่ยมเยียนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นผู้นำศาสนา ประชาชนหรือกลุ่มพลังต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อขอความร่วมมือในการเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ นายอำเภอแม่ลาน กล่าวว่า การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่ได้เป็นการกดดันต่อการทำงาน การยกเลิกกับไม่ยกเลิกก็นับว่าปกติ ถึงอย่างไรก็ต้องทำงานไปอย่างเดิม และก็ทำต่อในหน้าที่ที่เรารับผิดชอบและต้องทำให้ดีที่สุดสมกับที่รัฐบาล เชื่อใจ แต่การทำงานต้องอาศัยองคาพยพในพื้นที่ นายอำเภอทำตามลำพังไม่ได้ นายอำเภอเป็นเพียงกลไกตัวหนึ่งที่จะทำให้กลไกตัวอื่นขับเคลื่อน อีกหน่วยงานที่มีหน้าที่หลักในการดูแลความสงบในพื้นที่อำเภอแม่ลานคือทหาร หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 (ฉก.ปัตตานี 21) ที่รับผิดชอบทั้ง อ.แม่ลาน และ อ.ยะรัง พันโทสัมพันธ์ อิสริยเตชะ ผู้บัญชาการเฉพาะกิจปัตตานี 21(ฉก.ปัตตานี 21) ได้กล่าวถึงการทำงานภายใต้กฎหมายใหม่ว่า เมื่อมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีผลตามกฎหมายเดิมที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อมีปฏิบัติการใดๆ ทางเจ้าหน้าที่ทหารจะสามารถประสานงานกับกำลังตำรวจ และฝ่ายปกครองเข้าไปดำเนินการได้ทันที แต่เมื่อมีการยกเลิกบทบาททหารจะเป็นรองกลายเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ตำรวจต้องมาขอกำลังพลจากทหารจึงจะสามารถเข้าไปทำงานได้ ถึงแม้จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจของทหารลดลงไม่มีกฎหมายมาสนับสนุนในการปฏิบัติการ แต่ทหารยังสามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎอัยการศึกได้ ยังสามารถควบคุมตัวผู้กระทำความผิดได้หากกระทำผิดซึ่งๆหน้าภายใน 7 วันตามอำนาจกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตารา 15 ทวิ* ซึ่งแต่เดิมภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะสามารถควบคุมตัวได้ต่อภายใน 30 วัน แล้วจะพาไปที่ศูนย์ซักถาม “ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์” ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี *มาตารา 15 ทวิ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลใดจะเป็น ราชศัตรูหรือได้ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของพระราชบัญญัตินี้ หรือต่อคำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจกักตัว บุคคลดังนั้นไว้เพื่อการสอบถามหรือตามความจำเป็นของทางราชการ ทหารได้ แต่ต้องกักไว้ไม่เกินกว่า 7 วัน ร้องขอค่าเสียหายหรือค่าปรับจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไม่ได้ ผบ.ฉก.ปัตตานี 21 ได้เปิดเผยต่อว่า บุคคลที่มีรายชื่อตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดิม แล้วตอนนี้เมื่อมีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงจะต้องมีการยกเลิกหมายทั้งหมด แต่ทางหน่วยยังไม่ทราบในความชัดเจนว่าจะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรต่อหลังจากนี้ นายอำเภอได้ให้ข้อมูลว่าจะมีการเรียกผู้ที่เคยมีหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประมาณ 30 คน แต่ไม่ได้เรียกตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งทางอำเภอได้เชิญผ่าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในส่วนกองกำลังของทหารยังคงสามารถอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่ลานได้อีก แม้ว่ามีประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วก็ตาม และมาตรการที่ต้องวางไว้เพื่อในอนาคตคือการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ ในความเห็นของนายปรีชา อำเภอแม่ลาน กล่าวว่า การเปลี่ยนถ่ายกองกำลังต้องมีการปรึกษานายอำเภอก่อนว่าพร้อมหรือไม่ เมื่อมีการถอนทหารจำเป็นต้องมีหน่วยงานอื่นมาแทนที่ อาจจะเป็นกำลังทหารพราน อส. กองกำลังประจำถิ่นซึ่งเข้าใจปัญหามากกว่ากองกำลังที่มาจากอีสาน เพราะความเข้าใจขนบทำเนียม ประเพณีในพื้นที่ที่ต่างกัน เช่นเดียวกับ พันโทสัมพันธ์ อิสริยเตชะ ผบ.ฉก.ปัตตานี 21 กล่าวว่า ในอนาคตอาจจะใช้กองกำลังในพื้นที่อย่างทหารพราน อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.) แต่ยังคงเป็นแนวคิดยังไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อใด ต้องมาดูสถานการณ์ว่าเบาลงหรือว่ารุนแรงขึ้น มาตรการการรักษาความปลอดภัยทาง หน่วย ฉก.21 มีการฝึกกำลังประชาชน อย่าง ชรบ. ลูกจ้าง 4,500 จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ กลุ่มเหล่านี้มีความเข้มแข็งในระดับหนึ่ง ผบ.ฉก.ปัตตานี 21 ได้เปิดเผยถึง 6 ยุทธศาสตร์ที่ทาง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้หลังได้รับตำแหน่ง คือ การเสริมสร้างความเข้าใจ เป็นการทำให้ประชาชนยอมรับ มีความรู้สึกดีต่อรัฐ โดยใช้กลุ่มผู้นำศาสนาหรือดาอี เป็นตัวแทนในการสร้างความเข้าใจโดยเฉพาะในหมู่บ้านจัดตั้ง การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้เพิ่มพูนความรู้ และทักษะด้านสังคม เศรษฐกิจ การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแทรกซ้อน ไม่ให้ปัจจัยอื่นเข้ามาสนับสนุนให้ปัญหาขยายตัวรุนแรงยิ่งขึ้น เช่นการส่งเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้าโครงการอบรม และติดตามพฤติกรรมบุคคล การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชน อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือเยียวยา ให้แก่ประชาชนที่ไดรับผลกระทบจากเหตุการณ์จากเหตุการณ์ความไม่สงบ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นการดำเนินการมาตรการ ป้องกัน ป้องปรามการก่อเหตุร้าย เป็นการจำกัดเสรีและปราบปรามกองกำลังติดอาวุธ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ให้เจ้าหน้าที่รัฐ ภาคเอกชน และประชาชนให้ความร่วมมือดำเนินกิจกรรมต่างๆด้วยความเต็มใจ แต่ที่น่ากังวลคือความเข้าใจในกฎหมายใหม่ที่จะนำมาใช้อย่าง พ.ร.บ.ความมั่นคง เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ยังไม่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง สิ่งที่จะตามมาคือปฏิบัติการต่างๆ ที่จะตามมา ผบ.ฉก.ปัตตานี 21 ได้กล่าวถึงเรื่องของการทำความเข้าใจในกฎหมายใหม่ว่า ทางหน่วยจะจัดการอบรมหมุนเวียนให้ความเข้าใจในตัวบทกฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งตอนนี้ยังไม่เข้าใจมากนัก และปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ตัวกฎหมาย ปัญหาอยู่ที่ตัวบุคคลหรือตัวผู้ปฏิบัติ อำเภอแม่ลานเป็นอำเภอที่มีขนาดเล็กประกอบด้วย 3 ตำบล คือ ตำบลแม่ลาน ตำบลป่าไร่ และตำบลม่วงเตี้ย มีเพียง 3,000 กว่าครัวเรือน ประชากรประมาณ 1 หมื่นกว่าคน นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ61 และพุทธ ร้อยละ 39 ความง่ายต่อการสอดส่องดูแล แต่ก็นับว่าเป็นแรงกดดันเช่นเดียวกันเพราะว่า อำเภอแม่ลานมีลักษณะภูมิประเทศเสมือนกับไข่แดง ที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่รอยต่อที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง อย่าง อ.ยะรัง อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และ อ.เมือง จ.ยะลา เผยแพร่ครั้งแรก: http://www.bungarayanews.com/news/view_news.php?id=546 สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
“หนังสือวันเด็กแห่งชาติ”: การเมืองเรื่องเด็กๆ Posted: 08 Jan 2011 08:02 AM PST ในปี พ.ศ. 2498 นายวี เอ็ม กุล ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติได้เสนอต่อกรมประชาสงเคราะห์ ให้มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น “เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ” งานวันเด็กแห่งชาติจึงได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปีนั้นภายใต้รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นับแต่นั้นมา “วันเด็กเพื่อเด็ก” ได้ผ่านการดัดแปลงและปรุงรสเสียใหม่ ทั้งกรอบคิดและวิธีปฏิบัติที่แตกต่างตามอุดมการณ์ความเชื่อของรัฐในแต่ละยุคสมัย จวบจนปัจจุบัน งานวันเด็กถูกทำให้เป็นหนึ่งใน “ภารกิจ” หลักของภาครัฐ โดยดึงและผนวกเด็กและเยาวชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “ผู้เล่น” ทางการเมืองอย่างเต็มตัว วันเด็กแห่งชาติคือวันที่รัฐไทยประกอบพิธีศีลจุ่มรับเด็กๆเข้าเป็นสาวกลัทธิ “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านสถาบันหรือสื่อกลางใดๆ แต่ละปี หน่วยงานต่างๆต้องระดมทั้งกำลังพลและกำลังสมองในการจัดกิจกรรมหลากหลาย รวมถึงการผลิตประดิษฐกรรมทางความคิดที่แยบยล ไม่ว่าจะเป็น เพลงเพื่อเด็ก คำขวัญวันเด็ก รวมถึง หนังสือวันเด็กแห่งชาติ “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ” เป็นหนังสือที่จัดพิมพ์ขึ้นโดยคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เป็นหนังสือที่ระลึกในวันเด็กแห่งชาติของทุกปี และจัดจำหน่ายผ่านช่องทางของกระทรวงศึกษาธิการไปยังโรงเรียนในกำกับทุกโรงเรียน “เด็กของเรา” เป็น “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ” ฉบับแรกซึ่งพิมพ์ขึ้นในปีพ.ศ. 2502 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ “เผยแพร่ความรู้แก่ผู้ใหญ่ในการอบรมเด็ก มีเจตนาให้ผู้ใหญ่เข้าถึงธรรมชาติของเด็ก มุ่งหวังให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ปกครอง ครูอาจารย์และผู้มีหน้าที่ดูแลเด็ก” เนื้อหาในเล่มนี้จึงมีลักษณะทางการแพทย์ค่อนข้างสูงและมีกลุ่มเป้าหมายคือ “ผู้ใหญ่” ไม่ใช่ “เด็ก” ในปีต่อๆมา ได้มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมจุดมุ่งหมายในการจัดทำหนังสือฯ “เพื่อให้เด็กได้รับสาระความรู้และความเพลิดเพลินจากการอ่าน มีความภาคภูมิใจต่อตนเอง เห็นความสำคัญของวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งสังคมและประเทศชาติให้ความสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมเด็กและเยาวชนของไทย โดยการอบรมบ่มเพาะขัดเกลาเด็กไทยให้มีนิสัยและคุณลักษณะที่ดีงามประจำตน ได้แก่ มีวินัย ใฝ่รู้ใฝ่เรียน รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ และปลูกฝังให้รักและยึดมั่นในชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์” อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขจุดมุ่ง หมายโดยให้ความสำคัญกับ “เด็ก” มากขึ้น หากพิจารณาอย่างแท้จริงแล้ว เราจะมองเห็นว่า สำหรับรัฐไทย กรอบคิดว่าด้วยเรื่อง “เด็ก” ที่เป็นฐานรองรับกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติทั้งหลาย รวมถึง “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ” ด้วยนั้น มิได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด หากแต่มีความคงเส้นคงวาไม่ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยเกือบ 50 ปี และไม่ว่าเราจะเปลี่ยนระบอบการปกครองจากเผด็จการสู่ประชาธิปไตยแบบขาดๆเกินๆก็ตาม ตรงข้ามกับความเชื่อและการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆว่าวันเด็กคือ “วันเพื่อเด็ก” เราไม่ได้จัดงานวันเด็กให้กับ “เด็ก” ในฐานะที่พวกเขาเป็นปัจเจกบุคคลคนหนึ่งในสังคมที่มีความต้องการของตนเองที่ซับซ้อนและหลากหลาย หรือในฐานะที่พวกเขาเป็น “เด็ก” ณ เวลา “ปัจจุบัน” แต่เราจัดงานวันเด็กให้กับ “เด็ก” ในฐานะที่พวกเขา “จะ” กลายเป็น “ผู้ใหญ่” ใน “อนาคต”, เราไม่ได้สนใจเด็กในฐานะที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในสภาพที่เป็น “เด็ก” แต่เราสนใจพวกเขาในฐานะที่พวกเขา “จะ” เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มก้อนทางการเมืองที่เรียกว่า “ราษฎรไทย” ในอนาคต และเมื่อเราเริ่มต้นจากกรอบคิดเช่นนี้ เราก็จะไม่สนใจอย่างแท้จริงที่จะรับรู้ความต้องการหรือข้อเรียกร้องใดๆของพวกเขา แต่เราจะยัดเยียดความต้องการและข้อเรียกร้องของ “ผู้ใหญ่” ให้กับพวกเขา ดังนั้น ในโอกาสวันเด็กของทุกปี เราก็จะได้ยิน ได้เห็นและได้อ่านข้อเรียกร้องจากผู้ใหญ่ว่า เด็กควรจะเป็นอย่างไร ควรจะยึดมั่นในสิ่งใด ควรเชื่อสิ่งใด ควรถูก “ปลูกฝัง” อะไร แท้จริงแล้วนั้น เราไม่เคยเคารพในสิทธิความเป็นเด็ก ราวกับว่าไม่เคยมี “เด็ก” อยู่ในกิจกรรมใดๆทั้งสิ้นใน “วันเด็ก” ดังนั้น เช่นเดียวกับกิจกรรมต่างๆในวันเด็ก เนื้อหาที่ปรากฎอยู่ใน “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ” ไม่ว่าจะเป็นบทความ เรื่องสั้น สารคดี การ์ตูนและบทกลอนต่างๆ จึงสะท้อนกรอบคิดนี้อย่างมีนัยสำคัญ นอกเหนือจากนี้ ยังผนวกรวมแนวคิดเรื่องการ “ปลูกฝัง” ให้เชื่อและยึดมั่นในชุดความคิดทางการเมือง จารีตและศีลธรรมชุดหนึ่งเพียงชุดเดียว มโนทัศน์ทางสังคมและศีลธรรมที่ถูกถ่ายทอดไปสู่เด็กเป็นมโนทัศน์ที่แน่นิ่งอยู่กับที่ ขาดความเข้าใจในสภาพสังคมที่แปรเปลี่ยนและตัดขาดจากบริบทร่วมสมัย เป็นภาพอุดมคติโรแมนติกแนวโหยหาอดีตที่สวยหรู แต่ละเลยข้อเท็จจริงทางประสบการณ์ของตัวเด็กเองที่หลากหลายและซับซ้อน เด็กไทยในวันนี้เติบโตขึ้นท่ามกลางบริบททางเศรษฐกิจและการเมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและเหลื่อมล้ำ พ่อแม่เลี้ยงดูพวกเขาภายใต้โครงสร้างทางสังคมที่ความยุติธรรมไม่ได้มีให้กับทุกคนเท่าๆกัน การทำสังคมสงเคราะห์หรือการทำความดีอาจไม่ใช่สูตรสำเร็จของการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยิ่งใหญ่เหนือปัจเจกชนธรรมดา ในแง่นี้ “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ” ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือเล่มแรกๆในประสบการณ์การอ่านของพวกเขาควรจะมีหน้าที่ในการติดอาวุธทางปัญญาให้กับเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างรู้เท่าทันสภาพสังคมที่วุ่นวายและไม่สวยหรู ให้พวกเขามีทักษะในการรับมือกับความไม่สมบูรณ์แบบของสังคมการเมือง และสร้างทัศนคติที่เปิดกว้างอดทนอดกลั้นต่อความแตกต่าง หาก “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ” นี้ไม่สามารถปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับประสบการณ์จริงของเด็กไทยในปีพ.ศ. 2554 ได้ หนังสือชุดนี้ก็จะเป็นได้เพียง แค่ “หนังสือเทศนาสั่งสอนคติธรรม” อันคับแคบและไร้จินตนาการ เพื่อนำขึ้นประดับหิ้งให้เป็น “มรดก” ทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า หรือเป็นได้เพียงแค่ตำราอาขยานเพื่อท่องจำ เฉกเช่น “คำขวัญวันเด็ก” ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเด็กทุกคนจำได้ขึ้นใจ (เพื่อเป็นประโยชน์ในการสอบปลายภาค) แต่ไม่มีใครเข้าใจและรับรู้ความหมายอย่างแท้จริง ทั้งยังไม่สามารถปฎิบัติได้ในความเป็นจริง โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เพราะกรอบทางความคิดและกลไกทางกฎหมายที่คับแคบของสังคมไทยบีบรัดให้ผู้ใหญ่เหล่านี้ต้องคงสภาพความเป็นเด็กที่จำต้องเชื่อฟังผู้ปกครอง เป็นลูกแกะที่เดินตามก้นกันไปภายในคอกใหญ่คอกเดียวกัน ในความเป็นจริงนั้น “หนังสือวันเด็กแห่งชาติ” นี้ นอกเหนือจากการเป็นผลงานชั้นยอดของหน่วยงานภาครัฐในการสร้างความชอบธรรมให้กับการของบประมาณในแต่ละปีแล้ว ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญใน “กระบวนการสร้างวาทกรรม” ชุดหนึ่งเพื่อใช้ในการโอบอุ้มโครงสร้างทางสังคมการเมืองที่เป็นอยู่ (status quo) การพยายามปลูกฝังอุดมการณ์ด้วยการผูกขาดพื้นที่ทางความคิด ผ่านช่องทางและกลไกต่างๆของรัฐ เป็นสิ่งที่ไม่แปลกประหลาดใดๆ เพราะดูเหมือนว่ารัฐไทยไม่สามารถทำสิ่งที่สร้างสรรค์และก้าวหน้าได้ แต่สิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ ในโอกาสวันเด็กนี้ วันที่ควรจะมีเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง (empower) ให้กับจินตนาการและความสร้างสรรค์ของเด็ก “การอ่านในวัยเยาว์” ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญทางปัญญา เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ควรจะต้องนำไปสู่การตั้งคำถาม การสั่นสะเทือนความเชื่อและการวิพากษ์วิจารณ์นั้น อาจจะกลายเป็นเครื่องมือทำลายล้างทั้งตัว “การอ่าน” เองและตัว “เด็กไทย” เอง โดยที่ผู้กระทำ ซึ่งคือพ่อแม่และรัฐ จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามที สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
แรงงานดักคอ "ประชาวิวัฒน์" แค่โฆษณา Posted: 08 Jan 2011 07:53 AM PST เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เวลา 10.00น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน จัดการเสวนาเรื่อง “ประชาวิวัฒน์ หรือปฏิรูปประกันสังคม...หลั ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาเปิดเผยว่ นายรักษ์ศักดิ์ โชติชัยสถิตย์ ผู้ตรวจการกรมสำนักงานประกันสั นายรักษ์ศักดิ์ กล่าวถึงข้อสรุปที่ได้เพื่อแก้ น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ นางสุจิน รุ่งสว่าง ประธานเครือข่ายแรงงานนอกระบบ กทม. กล่าวว่า เป็นที่น่าเสียดายว่ นางสุจิน กล่าวเสริมว่า ผู้รับงานไปทำที่บ้านนั้นไม่ นอกจากนี้ ในเวทีดังกล่าว ยังมีการพูดถึงปัญหาของแรงงานข้ ทั้งนี้ ภายหลังการเสวนา ผู้แทนกลุ่มผู้ใช้แรงงานเครือข่ สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
เก็บตกวันเด็ก กิจกรรม "ลูกเล็กเด็กแพง ไม่เล่นกับทหาร ไม่เอาเผด็จการ" Posted: 08 Jan 2011 07:47 AM PST กิจกรรมหลากหลายเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็ก ต่อต้านการปลูกฝังความรุนแรง และระบอบอำนาจนิยมให้กับเด็ก เมื่อวันเด็กที่ผ่านมา (8 ม.ค.54) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว มีการจัดกิจกรรม "ลูกเล็กเด็กแดง รักประชาธิปไตย ไม่เล่นกับทหาร ไม่เอาเผด็จการ" ผู้จัดงานได้ประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊คระบุถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่าเพื่อร่วมกันสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็ก ต่อต้านการปลูกฝังความรุนแรง และระบอบอำนาจนิยมให้กับเด็ก มีกิจกรรมดนตรี วาดภาพ ตอบคำถาม แสดงละครเวที สนทนาหัวข้อ "เลี้ยงลูกอย่างไรให้ตาสว่าง" และฉายภาพยนตร์เรื่อง 9 (2009/79 minutes) กิจกรรมต่างๆ เริ่มขึ้นตั้งแต่ 9.00 น.โดยมีเด็กๆ และผู้ปกครองทยอยเข้าร่วมงานตั้งแต่เช้า กึ๋ย รักพี่ต้องหนีพ่อ หนึ่งในกลุ่มผู้ร่วมจัดกิจกรรม กล่าวถึงกิจกรรมในวันนี้ว่า เราคาดหวังที่จะเปิดประเด็นให้คนในสังคมได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม จากที่ผ่านมาเด็กๆ ของเราเติบโตมากับความรุนแรง การเล่นกับปืน เล่นกับรถถัง ซึ่งส่งผลให้สังคมกลายเป็นสังคมที่เฉยเมยต่อความรุนแรง พร้อมที่จะตอบโต้และใช้ความรุนแรงต่อกันเสมอ คำว่าฆ่ามันเลย ยิงมันเลย จึงถูดพูดซ้ำๆ เพื่อเป้าหมายหมายในการจบปัญหาอย่างง่ายๆ และเฉยเมยต่อคุณค่าชีวิตคน ประมวลภาพกิจกรรม สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
5 เหตุผลที่ประกันสังคมควรเป็นองค์กรอิสระ Posted: 08 Jan 2011 07:44 AM PST 1.ตาข่ายความปลอดภัยที่บกพร่อง กองทุนประกันสังคมตั้งขึ้นในปี 2533 โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นตาข่ ยี่สิบปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า ตาข่ายความปลอดภัยนี้มีช่ เช่น การกำหนดประโยชน์ทดแทนกรณี หลักเกณฑ์ที่แข็งตัว ระบบราชการที่เทอะทะ ไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้ตาข่ายความปลอดภัยนี้ 2.ความไม่โปร่งใสและความไม่ 3.ความไม่สมเหตุสมผล การที่กองทุนประกันสังคมอยู่ 4.กองทุนถังแตก หรืออาจถึงล้มละลาย ประเด็นเรื่องกองทุนประกันสั ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ก็จะเกิดขึ้นภายในยี่สิบปีนี้ หรือถ้ายิ่งเพิ่มประโยชน์ ข่าวเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครได้อ่านก็คือ เมื่อปลายปี 53 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหารือกันในประเด็ ถ้ากองทุนถังแตกจะเกิดอะไรขึ้น มีทางเลือกดังนี้ 1)เพิ่มอายุเกษียณ 2)เก็บเงินสมทบเพิ่ม 3)ขยายเวลาจ่ายเงินสมทบกรณี 5.โจทย์ใหญ่และยากที่รออยู่ 1) อุปสรรคข้างหน้าของกองทุนประกั การจ่ายตามกติกา เราอาจจะออมหนึ่งร้อยบาท แต่ได้มากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้ การจ่ายตามกติกานี้อาศัยเงิ 2) การทำให้กองทุนประกันสังคมเป็ ตัวเลข 49 คน กับ 24 ล้านคนนั้นแตกต่างกันอย่างมากว่ การให้สิทธิประโยชน์ที่สูงเกิ หมายเหตุ: เอกสารประกอบการแถลงข่าวจั สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
เสื้อแดงเชียงใหม่จัดงานวันเด็กชู “ไม่เล่นกับทหาร” Posted: 08 Jan 2011 07:36 AM PST เสื้อแดงเชียงใหม่จัดงานวันเด็กหลายจุดชู “ไม่เล่นกับทหาร” ด้านผู้ว่าให้โอวาท “เด็กเชียงใหม่รักดี เสริมสร้างสามัคคี เราไทยด้วยกัน” เตรียมตรวจเยี่ยมโรงเรียนหลังเคารพธงชาติ ให้เด็กรักชาติ-สถาบัน-และภูมิใจในความเป็นคนเชียงใหม่ 8 ม.ค. 54 - เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ คนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกันจัดกิจกรรมวันเด็กหลายจุด โดยที่ ร.ร.บ้านออนหลวย กิ่งอ.แม่ออน กลุ่มคนเสื้อแดงได้นำของขวัญ อุปกรณ์การศึกษา.ไปแจกให้น้องๆ และได้ชวนเด็กๆ ร่วมโครงการ “รักษ์โลก คืนสมดุลสู่ธรรมชาติ" โดยปลูกต้นไม้เพื่อธรรมชาติ เพื่อคืนสมดุลสู่ธรรมชาติและปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนช่วยกัน อนุรักษ์ธรรมชาติ ที่ลานสนามบาสเกตบอลหมู่บ้านกล้วยไม้ ย่านตลาดรวมโชค กลุ่มแกนนอนเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมวันเด็ก "ลูกเล็กเด็กแดง รักประชาธิปไตย ไม่เล่นกับทหาร ไม่เอาเผด็จการ" มีการจัดกิจกรรมสอนเด็กวาดรูป ระบายสี และสันทนาการต่างๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกับกลุ่มผู้ปกครองและเด็ก พูดคุยเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ทางการเมืองไทย ทั้งนี้กลุ่มแกนนอนเชียงใหม่ยังออกเคลื่อนไหวรณรงค์ประกาศเจตนารมณ์ "เด็กดีปีนี้ไม่เล่นกะทหาร ไม่ปีนรถถัง ไม่คลั่งสงคราม" ตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงหน้ากองบิน 41 และบริเวณค่ายกาวิละ ที่โรงแรมวโรรสแกรนด์พลาเลซ สถานที่ตั้งวิทยุชุมชนคลื่น 92.5 MHz ของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 มีผู้ปกครองคนเสื้อแดงพาบุตรหลานเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก โดยนอกจากกิจกรรมการแสดงและ กิจกรรมแจกของขวัญจากผู้บริหารท้องถิ่น ส.ส.เชียงใหม่ แล้ว ยังมีการมอบทุนการศึกษาจากมูลนิธิไทยคม 11 ทุนให้เยาวชนคนเสื้อแดงในเชียงใหม่ โดยส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรี และมีการเปิดสมัครขอรับทุนจากมูลนิธิไทยคมในปี 2554 ที่ขยายถึงระดับปริญญาโท โดยมีพ่อแม่ผู้ปกครองต่อคิวยาวเพื่อยื่นเอกสารสมัครเป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 10.20 น. นางสาวกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม ได้โฟนอินเข้ามายังเวทีการแสดงวันเด็กเพื่ออวยพรวันเด็กด้วย โดนดีเจอ้อม กล่าวตอนหนึ่งว่า เด็กในกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ถือว่าเป็นเด็กที่โชคดีที่สุด มีผู้ใหญ่ใจดีเห็นความสำคัญ มอบทุนการศึกษาให้ จงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนตัวเองนั้นก็คิดถึงบ้านมาก อยากกลับบ้านมาก หวังว่าปีหน้าจะได้เจอกันที่เชียงใหม่ ต่อมาเวลา 11.00 น.ดีเจอ้อม ได้โฟนอินเข้ามายังเวทีอีกครั้ง และบอกว่าได้พูดคุยโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ซึ่งอดีตนายกได้รับชมการถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรมวันเด็กที่มีการถ่ายทอดสด กว่า 157 ประเทศทั่วโลกแล้วและปลื้มใจเป็นอย่างมากที่เห็นเด็กเสื้อแดงมาร่วมกิจกรรม จำนวนมาก จึงได้ฝากคำขวัญใหม่ล่าสุดมาให้ คือ "โลกกว้างกว่าที่คิด โปรดอย่าปิดตัวเอง ท่องโลกจริงไม่ได้ ให้ท่องโลกผ่านเว็บ" ทั้งนี้ ดีเจอ้อม ได้ขยายความต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะบอกให้กับเยาวชนว่า โลกวันนี้กว้างใหญ่กว่าที่คิด การสื่อสารข่าวสารกว้างไกลมาก ดังนั้นเด็กไทยอย่าปิดตัวเองต้องศึกษาหาความรู้ในโลกกว้างผ่านอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในสังคมไทยที่ถูกปิดหูปิดตาเรื่องการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะคอยติดตามและคอยให้ความช่วยเหลือเยาวชนไทยทั่วประเทศ ไม่เฉพาะแต่เยาวชนในเชียงใหม่เท่านั้น ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าวให้โอวาทในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ที่สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 3 จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่จัดกิจกรรมวันเด็ก ภายใต้แนวคิด เด็กยุคใหม่ ร่วมสร้างฟ้าใส ใส่ใจสิ่ง แวดล้อม โดยมีเด็กๆ จำนวนมาก เข้าร่วมงานตลอดเวลา โดย ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ได้มอบข้อคิดให้แก่เด็กๆ และเยาวชน จ.เชียงใหม่ ว่า “เด็กเชียงใหม่รักดี เสริมสร้างสามัคคี เราไทยด้วยกัน” เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า จะได้ช่วยกันพัฒนาเชียงใหม่ ให้รุ่งเรืองต่อไป รักและหวงแหนวัฒนธรรมประเพณีล้านนาอันดีงามต่อไป เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมระบุนอกจากนี้มีนโยบายจะไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนหลังเคารพธงชาติ ในโครงการเชียงใหม่โมเดล เพื่อมอบนโยบายให้แก่โรงเรียน และฝากข้อคิดการเป็นเด็กและเยาวชนที่ดี ให้มีความภาคภูมิใจในความเป็นประชาชนชาวเชียงใหม่ ที่มาข่าวบางส่วนจาก: กรุงเทพธุรกิจ, สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
ทนายอาสาเปิด จม.จากคุก เผยผู้ต้องขังเสื้อแดงหลายคนคิดสั้น ประกันไม่ได้ Posted: 08 Jan 2011 05:04 AM PST เมื่อวันที่ 6 ม.ค.54 อานนท์ นำภา ทนายความอาสา เผยแพร่จดหมายของผู้ต้องขังคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผ่านทางเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม facebook จดหมายดังกล่าวส่งมาจากนายสุรชัย เพ็ชรพลอยผู้ต้องขังคดีผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่เรือนจำคลองเปรม โดยเขาส่งต่อจดหมายจากเพื่อนเรือนจำจังหวัดขอนแก่นมาถึงอานนท์ อานนท์กล่าวว่า สุรชัยกับพวกอีก 7-8 คน เป็นผู้ต้องขังที่ยังถูกคุมขังอยู่แม้พยายามประกันตัวออกมาสู้คดีหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้พวกเขาบางคนยังให้การว่าถูกทำร้ายร่างกายและบังคับให้รับสารภาพโดยเจ้าหน้าที่ทหารขณะจับกุม ปัจจุบันพวกเขาเป็นคนที่คอยติดตามข่าวสารและคอยเขียนจดหมายไปถึงคนเสื้อแดงที่ติดอยู่ในเรือนจำในจังหวัดต่างๆ เพื่อถามสารทุกข์สุขดิบและให้กำลังใจกัน (อ่านรายละเอียดคำให้การการจับกุมได้ ที่นี่) อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญขณะนี้คือพบว่าผู้ต้องขังหลายรายมีความเครียดและคิดฆ่าตัวตาย เพราะไม่สามารถประกันตัวออกมาต่อสู้คดีได้ หน้า 1 พุธ 29/ ธ.ค./ 53 ผมมีจม.จากต่างจังหวัดเขียนมา เราจะช่วยนเหลือพวกเขาอย่างไรดีครับ สวัสดีครับ สวัสดีปีใหม่54 ทนายอานนท์ ขอให้มีความสุขสมบูรณ์ทุกสิ่งในชีวิต สวัสดีครับพี่สุรชัย เพ็ชรพลอย ผมชื่อนายสุทัศน์ สิงห์บัวขาว อายุ 29 ปี อยู่บ้านหนองปิง เลขที่ 111 หมู่18 ต.สาระถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 ถ้ามีโอกาสได้ออกไปจากคุกให้พี่ติดต่อตามนี้ ถ้าไม่ได้ออกก็ติดต่อมาที่คุก เรือนจำขอนแก่นนะครับ ทางกรุงเทพมีข่าวอะไรก็บอกด้วยนะคับ คือตอนนี้พวกเราติดอยู่ในคุกกันมีอยู่ 4 คน คือ ผมสุทัศน์ 2.นายอดิศัย วิบูลย์เศษฐ อายุ 52 ปี 3.จิรัฐตระกูล สุมะหา อายุ 52 ปี 4.อุดม คำมูล อายุประมาณ 40 กว่าปี มีอุดม มีคดีอยู่ที่ NBT และธนาคารกรุงเพทฯ มี 2 คดี และตาอดิศัย กับพี่จิรัฐตระกูลมี 1 คดี คือ ศาลากลางขอนแก่น และผมด้วยคือ นายสุทัศน์ ผมมี 3 คดี คือ 1.ศาลาขอนแก่น มี 3 คน 2.ธนาคารกรุงเทพ มี 8 คน 3.หน้าบ้าน ส.ส.ที่นายตัวที่มันไปอยู่กับภูมิใจไทยหรือภูมิใจโจร มันชื่อ ส.ส.ปจ เป็นคนที่คนขอนแก่นรักมากที่สุดในตอนนี้ครับพี่ โดยเฉพาะคนเสื้อแดง (นปช.) รักมากที่สุดเลยครับ ต้องขอโทษด้วยถ้าเขียนตัวหนังสือไม่ถูกเพราะเรียนมาน้อย ทุกวันนี้นะครับพี่เรื่องที่ผมคิดมากที่สุดคืออยากจะตายมากเลย มีคนเสื้อแดงให้กำลังใจและคนอยู่ในคุกก็ให้กำลังใจดีอยู่ แต่ผมก็อยากจะตายอยู่ดี เพราะผมคิดว่าถ้าจะให้ติดคุก ให้ผมตายจะดีกว่ามากเลย เพราะผมทำให้พ่อแม่พี่น้องผมเสียใจ แล้วผมกำลังจะแต่งงานด้วยในปีหน้านี้ แล้วมาถูกจับแบบนี้ผมขอตายจะดีกว่าเพราะตายแล้วพ่อแม่ผมเสียใจทีเดียว แต่ติดคุกพ่อแม่พี่น้องผมเสียใจทุกวันแบบนี้มันทรมานมาก ผมบอกกับแฟนผมว่าให้ไปหาคนอื่นได้แล้วแต่เขาก็มาเยี่ยมผมทุกวันและแฟนผมว่าให้ไปหาคนอื่นได้แล้ว แต่เขาก็มาเยี่ยมผมทุกวันและแฟนผมก็ออกจากงานมาเยี่ยมผมทุกวันเลย ตอนนี้ผมได้แต่คิดว่าผมคงไม่มีโอกาสที่จะได้ออกไปจากคุกนี้แน่นอนเลยครับพี่ สุดท้ายแล้วผมขอให้แดง (นปช.) ของเราจงสู้ต่อไปและอย่ายอมแพ้กับเรื่องไม่ถูกต้องในสงคราม (สู้ต่อไปนะแดง นปช.) สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||
สมาชิกสหภาพแรงงานถูกผู้บริหารแจ้งความข้อหา “ทำให้กลัวหรือตกใจ” Posted: 08 Jan 2011 04:25 AM PST สมาชิกสหภาพแรงงานไทยอินดัสเตรียลแก๊ส จำนวน 15 คน ถูกผู้บริหารของบริษัทฯ แจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำให้กลัวหรือตกใจ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 54 ที่ผ่านมา สหภาพแรงงานไทยอินดัสเตรียลแก๊สได้แจ้งข่าวแก่สหภาพแรงงานต่างๆ กรณีที่สมาชิกสหภาพแรงงานไทยอินดัสเตรียลแก๊ส จำนวน 15 คน ถูกผู้บริหารของบริษัทฯ แจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำให้กลัวหรือตกใจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา มีหมายเรียกเรียกผู้ต้องหาทั้ง 15 คนจากสาขาเวลโกรว์-สมุทรสาคร-อ่อนนุชไปพบ 2 ครั้ง นอกจากนั้นยังมีหมายเรียกกรรมการจากสระบุรีไปพบอีก 1 ครั้ง ทั้งนี้ในวันที่ 7 ม.ค. 54 ที่ผ่านนั้น สหภาพฯ ได้ร่วมร่วมกันแจกแถลงการณ์ที่หน้าสำนักงานใหญ่ อาคารบางนาทาวเวอร์ ถนนบางนา-ตราด ก.ม.6.5 จากนั้นจึงเดินทางไปที่สำนักงานอัยการ และมีการนัดหมายฟังคำสั่งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 อนึ่งนอกจากที่ สน.บางนาแล้ว ในวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2554 นี้สมาชิกของสหภาพฯ ก็จะเดินทางไปพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลี เพราะถูกผู้บริหารไปแจ้งความดำเนินคดีไว้อีก 1 สถานี ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยสหภาพฯ ให้ข้อมูลว่ากรณีนี้คนงานยื่นเรื่องร้องทุกข์ตามขั้นตอนของบริษัทฯ แต่กลับถูกดำเนินคดี
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper This posting includes an audio/video/photo media file: Download Now | ||||
"ทักษิณ" มอบคำขวัญวันเด็กแนะ "ท่องโลกจริงไม่ได้ ก็ให้ท่องผ่านเว็บ" Posted: 08 Jan 2011 03:52 AM PST ทักษิณเขียนคำขวัญวันเด็กด้วยลายมือ " คิดถึงเด็กไทย ๒๕๕๔ โลกกว้างกว่าที่คิด โปรดอย่าปิดตัวเอง ท่องโลกจริงไม่ได้ ก็ให้ท่องผ่านเว็บ" วันนี้ (8 ม.ค. 54) เว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความด้วยลายมือถึงเด็กไทยเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ โดยมีข้อความว่า "คิดถึงเด็กไทย ๒๕๕๔ (ลงชื่อ) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ๘ ม.ค. ๕๔ สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper |
You are subscribed to email updates from ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์ To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น