โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์: การปราบปรามที่ไร้พรมแดนของไทย

Posted: 03 Jun 2011 11:39 AM PDT

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งทางการเมืองได้รุกเข้ามาสู่ชุมชนทางวิชาการในประเทศไทยอย่างชัดเจน ทำให้นักวิชาการต้องออกมาปกป้องตนเองและความสัตย์จริงทางวิชาการต่อการกระทำของรัฐบาลไทยที่ถือเป็นการคุกคาม จะเห็นได้ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างมากกับการจำกัดการถกเถียงทางวิชาการในเรื่องบางเรื่อง โดยเฉพาะหากประเด็นนั้นขัดแย้งกับผลประโยชน์ของรัฐ ดังจะเห็นจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการต่างๆเพื่อบังคับให้นักวิชาการจำนวนมากต้องปฏิบัติตามกรอบที่รัฐบาลอนุญาตเท่านั้น

ในขณะที่การควบคุมนักวิชาการในเมืองไทยเป็นเรื่องง่ายด้วยการใช้กลไกของรัฐที่มีประสิทธิภาพ เช่นในกรณีของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่รัฐบาลไทยอ้างว่าการถกเถียงเรื่องสถาบันกษัตริย์เป็น “ภัยต่อความมั่นคง” แต่การควบคุมนักวิชาการต่างประเทศเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนกว่ามาก สถานทูตไทยทั่วโลกได้รับคำสั่งให้เฝ้าระวังนักวิชาการที่คิดเห็นต่างไปจากอุดมการณ์ทางการเมืองของรัฐไทย และให้ใช้กลไกระหว่างรัฐ กดดันสถาบันทางวิชาการและนักวิชาการที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยในต่างประเทศด้วย

การที่เจ้าหน้าที่รัฐทำให้บุคคลเหล่านี้กลายเป็น “ศัตรูของรัฐ” ออกจะดูเป็นวิธีที่ง่ายเกินไปหน่อย เห็นได้ชัดว่าตัวแทนรัฐบาลไทยในต่างประเทศไม่สามารถแยกออกระหว่างการอภิปรายถกเถียงที่เป็นเหตุเป็นผล กับการกระทำที่ยั่วยุปลุกปั่นมุ่งโค่นล้มชาติได้ เจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้อาจไม่ทราบว่าพวกเขาไม่มีอำนาจเหนืออธิปไตยในที่อื่นๆนอกจากดินแดนไทย สถาบันทางวิชาการที่อื่นในโลกส่วนใหญ่เป็นอิสระและไม่รับคำสั่งจากรัฐบาลของตนเองทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำสั่งจากรัฐบาลต่างชาติ

อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถึงแม้จะยืนยันว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของเขาเรื่องสถาบันกษัตริย์เป็นไปในเชิงวิชาการและไม่ได้ละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ตาม ต่อกรณีนี้ได้มีนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของรัฐบาลซึ่งถูกมองว่า “เป็นสัญญาณสุดท้ายที่ส่อถึงเสรีภาพในการแสดงออกที่ย่ำแย่ลงในประเทศไทย” ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้กล่าวว่า “การวิพากษ์วิจารณ์ทางวิชาการนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้” แต่จนปัจจุบัน เขาก็ยังไม่มีท่าทีใดๆต่อกรณีของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมศักดิ์ เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามเข้าไปแทรกแซงเสรีภาพทางวิชาการของรัฐบาลไทยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2549 เมื่อรัฐบาลไทยทราบว่าสำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัยเยลวางแผนที่จะตีพิมพ์หนังสือของพอล แฮนด์ลีย์ที่ชื่อ “The King Never Smiles” รัฐบาลไทยก็ได้ว่าจ้างอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เพื่อล็อบบี้ไม่ให้มหาวิทยาลัยเยลตีพิมพ์หนังสือดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บุชก็ไม่สามารถยับยั้งการตีพิมพ์ได้เนื่องจากผู้บริหารสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเยลกล่าวว่าเนื้อหาในหนังสือของแฮนด์ลีย์เป็นงานศึกษาทางวิชาการ และงานทางวิชาการจะต้องปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง

จากสหรัฐอเมริกามาสู่ออสเตรเลีย รัฐบาลไทยก็พยายามใช้มาตรการกดดันสถาบันทางวิชาการที่ถูกมองว่ามี “ทัศนคติที่ต่อต้านสถาบัน” ในการสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งของเว็บไซต์นิวแมนดาลา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางวิชาการที่มีชื่อเสียงและเปิดพื้นที่ให้มีการถกเถียงทางวิชาการในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย(ANU) พบว่ารัฐบาลไทยไม่พอใจเป็นอย่างมากต่อเนื้อหาที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสมต่อบางสถาบัน
เว็บไซต์นิวแมนดาลาเปิดเผยว่าสถานทูตไทยในแคนเบอร์ราได้ใช้มาตรการกดดันมหาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ทั้งต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลออสเตรเลีย และกดดันให้ทีมงานของเว็บไซต์หยุดส่งเสริมการพูดคุยใน “ประเด็นละเอียดอ่อน”เกี่ยวกับประเทศไทย การล็อบบี้ในประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านทางสถาบันออสเตรเลีย-ไทย ซึ่งเป็นสภาบันทวิภาคีที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ก่อตั้งในปี 2005

ผู้ก่อตั้งของเว็บไซต์นิวแมนดาลาเปิดเผยในระหว่างการสัมภาษณ์ว่า สถานทูตไทยกล่าวต่อประชาคมบางส่วนในมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียว่า พวกเขาจะไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐบาลไทยหรือเจ้าหน้าที่ในประเทศไทย หากพวกเขามาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว นอกจากนี้ นักเรียนไทยทั้งใน ANU และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ถูกเตือนว่าไม่ให้ติดต่อกับนิวแมนดาลา และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์นิวแมนดาลาจะไม่ได้รับการต้อนรับในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ารัฐบาลไทยได้เสนอเงินจำนวนหนึ่งเพื่อก่อตั้งสถาบันไทยศึกษาใน ANU โดยมีเงื่อนไขชัดเจนว่านิวแมนดาลาต้องยุติกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่สุดท้าย ANU ก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และเงินสนับสนุนดังกล่าวก็ไปลงที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นแทน

กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นล้วนแสดงให้เห็นว่าสถาบันทางวิชาการไทยและต่างประเทศ ได้ตกเป็นเหยื่อในกระบวนการดำรงรักษาอำนาจของรัฐบาลไทย

นักวิชาการไทยและต่างประเทศต่างรู้สึกรังเกียจต่อ “ความริเริ่มในระดับสากล” ของรัฐบาลไทยในการจำกัดการอภิปรายทางวิชาการประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการเมืองไทย การจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างซึ่งๆหน้าเช่นนี้ ยิ่งแต่จะตอกย้ำว่าข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยของไทยเป็นจริงและถูกต้องมากเพียงใด

บางทีโฆษกรัฐบาล นายปณิธาณ วัฒนายากร ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นนักวิชาการนั้น อาจจะสามารถช่วยให้คำแนะนำต่อรัฐบาลประชาธิปัตย์ได้โดยเฉพาะในช่วงก่อนการเลือกตั้ง หากรัฐบาลต้องการแสดงความจริงใจในการเคารพเสรีภาพในการแสดงออก เพื่อทำให้บรรยากาศทางวิชาการเป็นไปได้อย่างเปิดกว้างและเสรี

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

นักข่าวพลเมือง: เดินหน้าร้อง ปจช.แก้ปัญหาตัดถนนเขาบรรทัด-ปมที่ดินโนนดินแดง

Posted: 03 Jun 2011 11:06 AM PDT

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการโฉนดชุมชน ขอให้เป็นเจ้าภาพแก้ปัญหาการตัดถนนกันแนวเขตเขาบรรทัด และกรณีการใช้ความรุนแรงในพื้นที่โนนดินแดง ชี้เป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน

 
 
วันที่ 2 มิ.ย.54 เวลาประมาณ 10.30 น.ที่สำนักงานโฉนดชุมชน เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) จำนวน 20 คน ได้ยื่นหนังสือต่อ ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) ผ่าน นายจาตุรงค์ ปัญญาดิลิก รองประธาน ปจช. เพื่อให้มีการประชุม ปจช. ภายในเดือน มิ.ย.54 โดยนำกรณีการตัดถนนกันแนวเขตเขาบรรทัด และกรณีโนนดินแดง ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนและพื้นที่เตรียมดำเนินการโฉนดชุมชน เข้าพิจารณาหามาตรการแก้ไขปัญหา
 
นายสมนึก พุฒนวล กรรมการ คปท. กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ก่อสร้างถนนกันแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด ในพื้นที่บ้านยูงงาม ม.1 และ ม.4 ต.โพรงจระเข้ บ้านลำพิกุล ม.4 และบ้านลำขนุน ม.8 ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง โดยถนนมีความกว้าง 5 ม.ล่าสุดดำเนินการไปแล้ว 6 กม.การกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และที่ดินทำกินดั้งเดิมของชาวบ้านในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน และพื้นที่เตรียมความพร้อมในการจัดทำโฉนดชุมชน ทางเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัดได้มีหนังสือถึง ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) เมื่อวันที่ 10 พ.ค.54 เพื่อขอให้ยุติการสร้างถนนดังกล่าว แต่ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน จึงขอให้มีการประชุม ปจช.เพื่อพิจารณาเรื่องนี้
 
อีกทั้ง ขอให้พิจารณาแก้ปัญหากรณีชุมชนเก้าบาตร ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล และได้เสนอเป็นพื้นที่ดำเนินการโฉนดชุมชนแล้ว แต่ฝ่ายความมั่งคงยังคงใช้ความรุนแรงขับไล่ชาวบ้าน โดยเมื่อวันที่ 13 พ.ค.54 เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายใน (กอ.รมน.) ร่วมกับกลุ่มสมาชิกสภาประชาชน 4 ภาค จำนวนประมาณ 3,000 คน ได้เข้าไปใช้ความรุนแรงกับชาวบ้านในพื้นที่ ส่งผลให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายราย
 
นางกันยา ปันกิติ กรรมการ คปท. กล่าวเสริมว่า ชาวบ้านกำลังถูกเจ้าหน้าที่ภาครัฐคุกคามอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยอำนาจกฎหมายและกำลังเจ้าหน้าที่ เป็นการละเมิดสิทธิชุมชนอย่างรุนแรง กรณีการสร้างถนนกันแนวเขตไม่ได้มีการปรึกษาชาวบ้าน และไม่ได้เปิดเผยข้อมูลโครงการ ทำไมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทำลายป่าและสิ่งแวดล้อมได้โดยกฎหมายป่าไม้เปิดช่องทางให้ แต่ชาวบ้านที่ทำกินในที่ดินเดิมมาก่อนการประกาศแนวเขตป่ากลับถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำกิน และถูกจับกุมดำเนินคดี
 
“ชาวบ้านไม่อยากได้ถนนนี้ แล้วจะบังคับให้เอาอีกเหรอ ถนนนี้สร้างเพื่อกันแนวเขตสวนยาง ไม่ได้กันแนวเขตป่า ชาวบ้านจะทำกินต่อไปไม่ได้ แต่ขนไม้เถื่อนง่าย เพราะไม่มีบ้านคน เฝ้าระวังลำบาก ดูแลรักษาป่าไม่ได้ เจ้าหน้าที่บินตรวจป่าอยู่บ่อยๆ ยังมองไม่เห็นป่าที่ถูกทำลายเลย ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย ถนนนี้ไม่มีประโยชน์กับชาวบ้าน ในชุมชนมีถนนอยู่แล้ว ถนนนี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากมาย การใช้รถแบคโฮและรถแทรคเตอร์ขุดไถดันทางน้ำ ทำให้น้ำไม่มีทางไหล เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก เพราะดินเป็นดินร่วนปนทราย ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน อ.นาโยง และ อ.เมือง” นางกันยา กล่าว
 
ด้านนายจาตุรงค์ ปัญญาดิลิก รองประธาน ปจช. รับปากว่าจะผลักดันให้มีการประชุมคณะกรรมการ ปจช.ภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะนำกรณีการตัดถนนกันแนวเขตเขาบรรทัด และกรณีโนนดินแดง มาพิจารณาในที่ประชุมซึ่งมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกรรมการอยู่ด้วย
 
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

แดงเชียงใหม่ทวงคำตอบเอ็นบีทีปลดรายการ "เจิมศักดิ์ - สนธิญาณ" ช่วงเลือกตั้ง

Posted: 03 Jun 2011 06:51 AM PDT

นปช.แดงเชียงใหม่-ล้านนา ชุมนุมหน้าช่อง 11 อีกรอบ ทวงข้อเรียกร้องให้ระงับรายการของเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ชี้รายการออกทีวีของรัฐแต่มีเนื้อหาไม่เป็นกลาง โจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เป็นธรรม ไม่เหมาะสมช่วงเลือกตั้ง

วันนี้ (3 มิ.ย. 54) ที่หน้าสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จ.เชียงใหม่ หรือช่อง 11 คนเสื้อแดงกลุ่ม นปช.แดงเชียงใหม่ และกลุ่มเสื้อแดงล้านนาหลายสิบคน นำโดยนายศรีวรรณ จันทร์ผง ได้เดินทางมาสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เป็นครั้งที่สอง เพื่อขอให้ยุติการออกอากาศรายการที่มีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดำเนินรายการ ผลิตรายการโดยบริษัท ว็อชด็อก จำกัด  และรายการเจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก ที่มีนางสาวบุญระดม จิตรดอน ดำเนินรายการ ผลิตรายการโดยสำนักข่าวทีนิวส์ ที่มีนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรมเป็นผู้บริหาร

โดยนายศรีวรรณ จันทร์ผง แกนนำกลุ่ม นปช.แดงเชียงใหม่ กล่าวว่า ไม่ว่าคนเสื้อสีอะไร หลังจากยุบสภาแล้วเราสนับสนุนการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่รายการของเจิมศักดิ์ และรายการเจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก ประชาชนเขาคิดได้คิดเป็นว่ารายการดังกล่าวไม่เป็นกลาง คือโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างไม่เป็นธรรม "เพราะฉะนั้นรายการนี้ไม่เหมาะสมในภาวะที่เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง เป็นรายการที่ให้ร้ายป้ายสีฝ่ายเดียว"

ดังนั้นคนเสื้อแดงจึงมาชุมนุมอีก เพื่อติดตามผลข้อเรียกร้อง หลังจากเมื่อ 3 วันก่อนได้เดินทางมาชุมนุมแล้วรอบหนึ่ง วันนี้จึงมาทวงคำตอบว่าข้อเรียกร้องคืบหน้าไปถึงขั้นตอนไหน

ก่อนหน้านี้เมื่อ 31 พ.ค. คนเสื้อแดงกลุ่มดังกล่าวได้เดินทางมาชุมนุมที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเชียงใหม่มาแล้วรอบหนึ่ง โดยมีการยื่นข้อเรียกร้องผ่านไปยังนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี ซึ่งดูแลสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT ช่อง 11 ขอให้ยกเลิกรายการดังกล่าวทันที (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

โดยคนเสื้อแดงกลุ่มดังกล่าวยังเตรียมไปร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ใบแดงกรณีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีฐานะเป็นผู้สมัคร ส.ส. กรณีเพิกเฉยต่อรายการของเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และรายการเจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึกดังกล่าว

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

"อภิสิทธิ์" ถามจะปรองดองกับผู้ที่เสียงดังข่มขู่ให้ได้ดั่งใจ หรือผู้ที่บังคับใช้กฎหมาย

Posted: 03 Jun 2011 04:34 AM PDT

อภิสิทธิ์ออกรายการสรยุทธ์ ยันไม่ทำตามนโยบายลด VAT เหลือ 5% ที่ภูมิใจไทยเสนอ เพราะคนยากคนจนไม่ได้ใช้สินค้าที่บวกภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว ลั่นไม่นิรโทษกรรม ชี้นิรโทษกรรมให้คนคอรัปชั่น-ทำลายทรัพย์สินราชการจะยอมรับกันได้หรือ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ทางรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยตอนหนึ่งนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านโยบายการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท และการปรับเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 15,000 บาทของพรรคเพื่อไทยไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ย้ำว่าจะไม่ทำตามนโยบายลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เหลือ 5% ตามข้อเสนอพรรคภูมิใจไทย เพราะคนยากคนจนไม่ได้ใช้สินค้าที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหารที่ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว และแม้จะได้พรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาล ก็จะไม่ทำ

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่าประเทศนี้กำลังมีโอกาสที่จะก้าวพ้นหลายเรื่อง ที่พูดถึงการปรองดองเป็นบททดสอบสำคัญของประเทศ ว่าการปรองดองคือการที่ใครเสียงดัง ใครข่มขู่ ต้องได้ดั่งใจ กับการปรองดองที่ประชาชนสนับสนุนพรรคที่บังคับใข้กฎหมายและนิติธรรม เพราะอีกฝ่ายมีการเสนอคำว่านิรโทษกรรม ซึ่งนิรโทษกรรมฟังดูไม่เป็นไร แต่ความผิดที่จะนิรโทษกรรมคือเรื่องคอรัปชั่น การทำลายทรัพย์สินราชการ จะรับได้หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ยอมรับกับนายสรยุทธ์ว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา บ่นกับตนเยอะ เพราะมีโครงการหลายเรื่องที่เขาไม่เสนอให้ผ่าน "ผมไม่เห็นด้วยผมก็ไม่ตามใจ ผมก็มองว่าโครงการเหล่านั้นมันไม่ควรจะผ่าน ก็ต้องคุยกันด้วยเหตุด้วยผล"

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่ามียังการสร้างกระแสว่าบางพรรคจะชนะถล่มทลาย ซึ่งผมไม่เชื่อ และไม่คิดว่าตัวผู้นำพรรคนั้นเองก็คงไม่เชื่อ เพราะถ้าเชื่อคงไม่ต้องคาดคั้นให้พรรคอื่นยอมรับให้พรรคที่ได้อันดับ 1 ตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ผลการเลือกตั้งจะสูสี และ 2 พรรคใหญ่จะได้ที่นั่งรวมกัน 400 ที่นั่ง และจะชนะแพ้กันไม่มาก

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงข้อเสนอของนายเนวิน ที่ว่าถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งนายอภิสิทธิ์ต้องลาออกว่า ถ้าตนทำพรรคประชาธิปัตย์เสียหาย ตนจะรับผิดชอบ

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

อนุสรณ์ ติปยานนท์: อ้าย เหว่ย เหว่ย

Posted: 03 Jun 2011 01:17 AM PDT


ภาพจาก Daquella manera (CC BY 2.0)
 

การจับกุมตัวศิลปินสักคนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร หากเราจะคิดว่ามีศิลปินถูกจับแทบจะทุกวันทั่วโลก บ้างด้วยข้อหาเมาสุราอาละวาด บ้างด้วยข้อหาแสดงผลงานกีดขวางการจราจร บ้างด้วยข้อหาแสดงงานขัดกับศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือบ้างก็ด้วยข้อหาค้างค่าวัสดุผลิตงาน ทว่าการจับกุมตัว อ้าย เหว่ย เหว่ย (Ai Wei Wei) ศิลปินชาวจีนนั้นมีนัยสำคัญที่แตกต่างออกไป เพราะว่าเขาคือศิลปินที่ทำงานต่อต้านรัฐบาลเผด็จการอย่างต่อเนื่อง ผลงานของเขากระแทกกระทั้นรัฐบาลที่ว่าอย่างต่อเนื่อง และมันอาจไม่ส่งผลใดนัก หากว่ารัฐบาลที่เขามุ่งวิพากษ์วิจารณ์จะไม่ใช่รัฐบาลจีน รัฐบาลของประเทศเขาเอง

ในเทศกาลแสดงศิลปะโดคูเมนต้า(Documenta)ประจำปีที่คาศเซิล(Kassel)ในปี 2007 อ้าย เหว่ย เหว่ย นำพลเมืองจีนนับ 1001 คนจากที่ต่างๆ จากอาชีพต่างๆ มารวมตัวกันในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ เพื่อนำเสนอให้เห็นความแตกต่างอันหลากหลายของประชาชนชาวจีน ในเมืองที่พลเมืองแทบไม่มีความแตกต่างเลย และนำเสนอให้เห็นว่าจีนไม่สามารถทำให้ผู้คนของตนเองเป็นเหมือนกันได้หมดด้วยการปิดหูปิดตาอีกต่อไป ในปี 2008 หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่แคว้นเสฉวน อ้าย เหว่ย เหว่ย ลงไปสำรวจความเสียหายและพบว่ารัฐบาลจีนปกปิดจำนวนคนตายเป็นจำนวนมาก เขาลงชื่อผู้สูญหายลงในบล็อกของเขาและพยายามจะนำเอาเหตุการณ์ที่ว่านั้นทำเป็นงานศิลปะเพื่อเสนอประชาคมโลกทำให้เขาถูกตำรวจนายหนึ่งเล่นงานอย่างหนัก จนเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดที่กะโหลกศีรษะ และหลังจากนั้นรายชื่อผู้สูญหายในบล็อกของเขาก็ถูกลบทิ้งไปอย่างไร้ร่องรอย

การเรียกร้องเสรีภาพแห่งการพูด คิด และนำเสนออยู่ติดตัว อ้าย เหว่ย เหว่ย มานับแต่เยาว์วัย พ่อของเขาคือ อ้าย ชิง(Ai Qing)กวีในยุคของ เหมา เซ ตุง ผู้ที่บทกวีของเขาถูกมองว่าอิสระและขวาเกินไปสำหรับรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ตอนนั้น อันทำให้ อ้าย ชิง และครอบครัวถูกกักกันอยู่ในค่ายแรงงานเป็นเวลาถึงสิบเจ็ดปี อ้าย เหว่ย เหว่ย ถึงกับกล่าวว่า-ชีวิตในวัยเด็กของผมนั้น เติบโตมาในฐานะบุตรแห่งศัตรูประจำรัฐ-เขาออกจากประเทศจีนเมื่ออายุได้ยี่สิบสี่ปี ในปี 1981 และพำนักอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสิบสองปีนับจากนั้น ที่นั่น ที่นิวยอร์ค เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแรงบันดาลใจและผลงานศิลปะร่วมสมัยอันมากมาย ผลงานศิลปะชิ้นแรกๆ ของเขาแสดงให้เห็นถึงการได้รับอิทธิพลจากผลงานของ Marcel Duchamp ศิลปินชาวฝรั่งเศสในช่วงสมัยใหม่ รวมทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการพยายามจะผนวกเอาแนวคิดทางการเมือง-สังคม เข้ากับงานศิลปะด้วย การได้อยู่ในโลกตะวันตกเป็นเวลานาน ทำให้งานศิลปะของเขาสามารถสื่อสารกับผู้ชมได้ในวงกว้างแตกต่างจากศิลปินชาวจีนคนอื่นที่ใช้รูปแบบงานศิลปะแบบเฉพาะตัวมากเกินไป

อ้าย เหว่ย เหว่ย เดินทางกลับประเทศจีนในช่วงต้นของทศวรรษที่ 90 อันเนื่องด้วยอาการเจ็บป่วยของพ่อ ในครานี้ เขาได้ใช้บทบาทของศิลปิน ของภัณฑารักษ์ และของนักวิจารณ์ศิลปะทำการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อแสดงออกให้เห็นถึงการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมในประเทศจีน เขาก่อตั้งกลุ่มศิลปินหัวก้าวหน้าขึ้นในปักกิ่งและตีพิมพ์หนังสือถึงสามเล่มเพื่อแจกแจงประวัติและผลงานของศิลปินเหล่านั้น

ในวันที่ 3 เมษายน 2011 อ้าย เหว่ย เหว่ยถูกจับที่สนามบินในกรุงปักกิ่งขณะที่เขาจะออกเดินทางไปฮ่องกง ด้วยข้อหาว่าเขากำลังจะเดินทางเข้าไต้หวันโดยไม่ขออนุญาตรัฐบาลจีนและการทำผิดกฎหมายด้านเศรษฐกิจ แต่ทุกคนรู้ดีว่า อ้าย เหว่ย เหว่ยถูกจับเพราะเขาพยายามเผยแพร่ข่าวสารว่าด้วยการปฎิวัติดอกมะลิที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในตะวันออกกลางและแอฟริกาผ่านทวิตเตอร์และบล็อกของเขารวมถึงการท้าทายรัฐบาลจีนว่าด้วยเสรีภาพอย่างต่อเนื่อง เขาถูกควบคุมตัวอยู่กว่า 60 วัน โดยไร้ร่องรอยและข่าวสาร โลกทั้งโลกจับตามองการกระทำนี้ของจีน วงการศิลปะ วงการนักสิทธิมนุษยชน ส่งรายชื่อผู้เรียกร้องการปล่อยตัว อ้าย เหว่ย เหว่ย ไปยังรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่องแต่กระนั้นก็ยังไร้การตอบรับจากรัฐบาลจีนจนกระทั่งบัดนี้

ฤาว่าการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ จะเป็นเรื่องยากมากในโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างเคลื่อนที่เร็วจนเราไม่สามารถแลเห็นเสรีภาพได้เป็นรูปธรรมอย่างชัดแจ้ง คำว่า Free Aiweiwei ปรากฎไปทั่วโลกไซเบอร์ และมันคงจะเป็นเช่นนั้นอีกนาน จนกว่าเราจะได้เห็นศิลปินผู้นี้ออกมาเดินสูดดมอิสรภาพอีกครั้ง

 

 

------------------------
หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกที่เฟซบุ๊กของอนุสรณ์ ติปยานนท์ เมื่อ 2 มิ.ย.54  

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

หลิ่มหลี: ปวดหัวกับหมอแก่แก่จริงเลยนะเนี่ย

Posted: 03 Jun 2011 12:51 AM PDT

หลิ่มหลีอ่าน ปลดล๊อกความไม่สงบหลังเลือกตั้งของ หมอแก่ๆ รวยๆ คนหนึ่ง ที่ใครไม่รู้ตั้งให้เป็นประชาชนอาวุโส ตั้งตอนไหน ตั้งยังไง ใครตั้ง ทำไมพ่อหลิ่มหลีไม่ได้เป็นบ้าง อะไรบ้าง หลิ่มหลีก็ งง งง

รู้แต่ว่า หมอแก่ๆ แกชอบมาบอกอะไรแปลกๆ ให้หลิ่มหลีไม่เข้าใจ อ่านยังไงหลิ่มหลีก็ไม่รู้เรื่อง แถมแกชอบบัญญัติศัพท์แปลกๆ อีก ที่บ้านหลิ่มหลีไม่มีพจนานุกรมแปลไทยเป็นไทยซะด้วย เวลาได้ศัพท์จากแกมาแต่ละที นึกว่าแกมาจากประเทศไทย ณ ดาวอังคาร หรือโน่น เนปจูน โน่น อยากจะชู๊ด ส่งแกกลับดาวแกจริงๆ

วัยรุ่น ปวดหัว
วัยรุ่น งง
วัยรุ่นไม่ชอบการเมือง วัยรุ่นอยากช๊อปปิ้ง

แต่วัยรุ่นบางคน ไม่ได้โง่เชื่อที่แกคิด ฟังที่แกพูดทุกคำหรอกนะ ไดโนเสาร์ หลิ่มหลีจะดูเฉพาะ จูราสสิก ปาร์ค แต่ไม่ได้ดูแม่งทุกเรื่องที่มีไดโนเสาร์ เล่นเรื่องอื่นบ้าง อะไรบ้าง ขอร้อง

ไอ้คำว่า ความไม่สงบยังคงอยู่ เหมือนถูกล๊อค ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเสียงไม่ขาด ปชป. ก็จะรวมกับพรรคอื่นเป็นรัฐบาล มวลชนคนเสื้อแดงก็จะออกมากล่าวหาว่า กองทัพและมือที่มองไม่เห็นมาแทรกแซง แล้วก็รวมกันออกมาต่อต้าน เคลื่อนไหวนอกสภา

หลิ่มหลีว่า การจะต่อต้านหรือไม่ต่อต้าน มันต้องอยู่ที่ความหน้าด้านของพรรคที่ได้คะแนนที่สองว่า จะหน้าหนาขนาดไหน ที่จะมีมารยาททางการเมืองในการหยุดการเคลื่อนไหวที่จะเป็นรัฐบาลให้ได้จน เนื้อตัวสั่น ...สองปีที่ผ่านมา ก็ล่อเงินในประเทศไทยซะหมดตูด แถมยังกู้มาเต็มพิกัด ห่า

แล้วจะไม่ให้เข้าใจได้ยังไงว่า คราวรัฐบาลอภิสิทธัตถะ ไม่ได้จัดตั้งในค่ายทหาร ไม่ได้มีการเอาทหารบีบบังคับนักการเมืองให้ย้ายฝ่าย ห่า ตาหลิ่มหลีไม่บอดนะ ถึงสื่อต่างๆ จะลงข่าวน้อยๆ แต่ก็หาเจอนะ

ย้อนไปก่อนหน้านั้น พรรคการเมืองสี่พรรคพร้อมใจกัน โดยยุบพรรคภายในวันเดียว ก็ไม่ใช่เพราะไอ่กลุ่มมือห่าที่มองไม่เห็นหรอ แล้วไอ่กลุ่มมือห่านั่น มันเพื่อนใครหว่ะ ... ถ้าไม่ใช่เพื่อนวัยเดียวกันของหมอที่มาจากยุคไดโนเสาร์ด้วยกันหง่ะ
ไม่ได้เกิดมามีเขาบนหัวมาแต่กำเนิด หรือ จงใจให้ใครเอาเขามาสวมหัวเมียตัวเองแล้วดูเมียตัวเองสวิงกิ้งกับคนอื่นให้เกิดอาการทางเพศจนต้องไปหาแพทย์หรอกนะยะ

หลิ่มหลีถามหน่อย ไอ่ที่ปิดหน้าทำเนียบอยู่เนี่ย มันยังอยู่ทำพ่อทำแม่หรอ ถ้าไม่ได้อยู่เพราะรอคิวแสดงหลังการเลือกตั้งนะ

ดูก็รู้ว่า หลังการเลือกตั้ง ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเสียงเกินกึ่งหรือไม่ก็ตาม ไอ่เหลืองสีขี้เนี่ยก็จะเริ่มตีกลองร้องเป่าขึ้นมาทันที ว่า ...รัฐบาลนี้ ต้องไล่ ..ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไม่ว่าจะเพราะอะไร
ไล่ ไล่ ไล่ ไล่

นายกฯ สมชายไม่ได้เข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลยังไง ว่าที่นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้เหยียบทำเนียบฉันนั้น
หลิ่มหลีไม่ได้โง่นะ

นี่แหละ คือที่มาว่า ทำไม หลิ่มหลีไม่อยากไปเลือกตั้ง

เพราะควายมันตั้งป้อม รอแสดง เป็นฉากๆ อยู่

หลิ่มหลีอ่านๆ ไป เห็นวิธีแก้ไขแล้ว ก็ยิ่งปวดตับ ทำไมคนแก่เป็นแบบนี้ เรียนมาก็สูงกว่ากู ทำไม ทำไม ทำไม ถึงต้องให้คนโง่ๆ อย่างหลิ่มหลีมาด่าด้วยก็ไม่รู้ น่าเบื่อมากเลย เสียเวลากิน breakfast มากๆ

ทักษิณต้องแก้ไขตัวเองอะไร อาร๊ายยยยยยยยยยยยย

เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ไอ่ที่ว่าโกง รัฐบาลอภิสิทธัตถะอยู่มาตั้งกี่ปี คตส. อยู่มาตั้งกี่ปี ปปช. อยู่มาตั้งกี่ปี จับได้ไหมว่าที่เขาโกงนี่มันเป็นอย่างไร อย่านะ อย่าบอกว่า เรื่องซื้อที่ดิน ห่า ถ้าผัวไม่เซ็นให้เมียซื้อที่ ก็โมฆียะ ก็ผิดอีก แล้วพอเซ็นให้เมียซื้อที่ก็ผิด ก็เสือกติดคุก

หาคดีโกงจริงๆ ไม่ได้สักคดี จนต้องหลังชนฝาเลือกคดีเฮงซวยแบบนี้ คนเสื้อแดงเขาก็ทนไม่ได้ เขาก็ต่อสู้

แต่ถามว่า เขาต่อสู้เพื่อทักษิณหรอ ก็เปล่าเลย  เขาอดยาก เขาลำบาก เขายากแค้น เขาอยากมีกิน เขาอยากลืมตาอ้าปาก เขารู้ว่า คนที่ทำได้คือใคร

แล้วขนาดคนเส้นใหญ่อย่างทักษิณยังไม่ได้ความยุติธรรม คนไม่มีเส้นไม่มีจะแดกอย่างเสื้อแดงชนบท จะไปเหลือห่าอะไร เขาก็สู้

เขาขออะไร เขาก็ขอยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เหี้ยที่ไหนยิงพวกเขาตาย เหี้ยที่ไหนใส่ร้ายพวกเขาขนาดนี้ หือ?
แก่แล้ว จับให้ถูกจุดหน่อย

จริงอยู่ ในยุคทักษิณ มีการคอร์รัปชั่นกันขนานใหญ่ แต่ยังไงเขาก็คือรัฐบาลเสียงข้างมากที่ประชาชนส่วนใหญ่
ขอย้ำนะหมอ ..ประชาชนส่วนใหญ่

ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเขาเข้ามาทำงาน ไม่มีควายหน้าไหน ไม่มีสลิ่มหน้าไหน มีสิทธิมาไล่เขาไป แล้วไอ่ที่ไล่ ที่ประท้วงก็ไม่เท่าไร

แต่ถึงขั้น รัฐประหาร รัฐบาลของทักษิณเลยเนี่ย ไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน ไม่ว่าจะได้เหตุผลใดๆทั้งสิ้น ถ้ารัฐบาลนั้นมันเฮงซวย

ประชาชน ขอย้ำ ประชาชน
ประชาชนก็จะเป็นผู้ไม่เลือกเขาเข้ามาในครั้งต่อต่อไปเอง

หมอ!!! ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ทหารไม่มีสิทธิเอาเหตุผลห่าอะไรมารัฐประหารรัฐบาลที่ประชาชนเลือก ยิ่งมาตามฆ่าประชาชนที่เสียภาษีเอาเงินเหล่านั้นมาเลี้ยงทหารด้วยแล้ว ไม่มีใครเขาทำกัน

สุดท้าย ยิ่งหนัก อย่ามาบอกว่า ปรับวิถีความคิดของคนไทยที่คิดจะห้ำหั่นกันมากเกินไป
คนห่ำหั่นคือใคร
หมอ !!!!... คนห่ำหั่น คือใคร

กรวย โมโห พูดมาได้ ไสหัวกลับไปอยู่วัด กินเงินหลวงไป๊
ยิ่งอ่าน ยิ่งโมโห

ไปบอกคนข้างๆ แวดล้อมหมอ ให้ยอมรับเสียงประชาชนให้ได้ และฟังเสียงข้างมากซะทีนะหมอ
ก่อนที่อะไร อะไรมันจะสายเกินไป อย่าให้วัยรุ่นต้องมาถอนหงอกของคนแก่เลย

เสียเวลาดูซีรีย์เกาหลีจริงๆเลย ชางมินเล่นด้วยนะเนี่ย

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

"สุริยะใส" แจ้งความกองปราบ "สมศักดิ์" ฐานหมิ่นประมาท

Posted: 02 Jun 2011 11:01 PM PDT

"สุริยะใส กตะศิลา" แจ้งความกองปราบ "สมศักดิ์ โกศัยสุข" หมิ่นประมาทยักยอมเงินพรรค

มีรายงานข่าวในเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่านายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ไปเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีกล่าวหาว่านายสุริยะใสยักยอกเงินระดมทุนของพรรคการเมืองใหม่ จำนวน 650,000 บาท และบิดเบือนข้อเท็จจริง ด้วยการกล่าวหาว่าตนเองลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่แล้ว โดยนายสุริยะใสยืนยันว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริง และมีพยานหลักฐานที่สามารถชี้แจงได้ชัดเจน ทั้งใบเสร็จ และเอกสารการรับเงิน และการมาแจ้งความครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องทางการเมืองที่มี ความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งเชื่อว่าการกระทำของนายสมศักดิ์มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ต้องการทำให้กรรมการบริหารพรรคที่สนับสนุนการโหวตโน 10 คน ลดจำนวนเหลือเท่ากับเสียงข้างน้อย เพื่อผลประโยชน์ของการลงสมัครรับเลือกตั้งของกลุ่มนายสมศักดิ์เอง ทั้งนี้ หากนายสมศักดิ์จะดำเนินคดีกับตนเองอีก ก็จะให้ทนายแจ้งความกลับเช่นกัน

โดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข เตรียมมอบหมายให้ทนายความเดินทางไปยื่นฟ้องนายสุริยะใส ต่อศาลอาญา กรณียักยอกเงินระดมทุนพรรค 650,000 บาทเช่นกัน

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ภูมิใจไทยลั่นไม่ร่วมงานกับเพื่อไทย

Posted: 02 Jun 2011 10:50 PM PDT

พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์โต้พรรคจะไม่ร่วมงานกับพรรคที่มีอุดมการณ์ต่างกัน "ศุภชัย ใจสมุทร" ย้ำไม่ร่วมงานกับเพื่อไทยแน่นอนจึงออกมาตั้งพรรคใหม่ "บุญจง" อัดปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยมีแต่ผู้ต้องหาคดีเผาบ้านเผาเมือง

วันนี้ (3 มิ.ย.) เว็บไซต์วิทยุชุมชนปกป้องสถาบันหรือ เว็บประชาทรรศน์ รายงานว่า พรรคภูมิใจไทยได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า 1.พรรคยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 2.พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ยึดอุดมการณ์ทางการเมืองที่ยึดสงบ สันติ สามัคคี 3.พรรคภูมิใจไทยมีนโยบาย สร้างรายได้ไม่สร้างหนี้ให้กับคนรากหญ้า อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยจะไม่ร่วมกับรัฐบาลก็พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์แตกต่างกัน

นายบุญจง กล่าวว่า ในสภาวะที่บ้านเมืองต้องการความปรองดองอย่าคิดว่าพรรคเล็กจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และวิจารณ์ว่า ส.ส. บัญชีรายชื่อจากพรรคเพื่อไทยมีแต่แกนนำ นปช.ที่มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับคดีเผาบ้าน เผาเมือง และยังกล่าวด้วยว่าไม่มีทางที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน และการออกแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยไม่มีผลต่อการหาเสียงของผู้สมัคร

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน

“การที่เราตัดสินใจไม่ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นท่าทีชัดเจนว่าไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และการมาตั้งพรรคใหม่ก็แสดงว่า ผมไม่เอาท่านอยู่แล้ว ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวไม่เคารพพรรคการเมืองด้วยกัน พรรคพร้อมทำงานกับทุกพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะเห็นว่าผู้สมัครระบบรายชื่อพรรคเพื่อไทย บางคนถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเผาบ้านเผาเมืองและมีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชาและโดนประกันตัวออกมา บุคลิกแบบเพื่อไทยไม่ใช่อุดมการณ์ที่เราจะร่วมแน่นอน"

นายศุภชัย กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าพรรคเพื่อไทยกระแสลดน้อยลง จึงมาพาดพิงพรรคภูมิใจไทย เพื่อเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไอซีที MOU ศธ.สร้างลูก​เสือบน​เครือข่ายอิน​เทอร์​เน็ต ตั้งเป้า 1 ล้านคนสิ้นปี

Posted: 02 Jun 2011 09:19 PM PDT

ก.เทค​โน​โลยีสารสน​เทศ​และ​การสื่อสาร- ศึกษาธิ​การ ทำ MOU โครง​การสร้างลูก​เสือบน​เครือข่ายอิน​เทอร์​เน็ต ​ให้​เยาวชน​เป็น​เครือข่าย​เฝ้าระวัง​เว็บผิด กม. และคดีหมิ่น ตั้ง​เป้าจะสร้าง​เครือข่ายอาสาสมัครลูก​เสือ​ได้ 1,000,000 คนภาย​ในสิ้นปีนี้

3 มิ.ย. 54 - นายจุติ ​ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่า​การกระทรวง​เทค​โน​โลยีสารสน​เทศ​และ​การสื่อสาร ​หรือ กระทรวง​ไอซีที กล่าวว่า กระทรวง​ไอซีที​จึง​ได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิ​การ จัด​ทำ​โครง​การสร้างลูก​เสือบน​เครือข่ายอิน​เทอร์​เน็ต ​หรือ​โครง​การ ​ไซ​เบอร์ ส​เกาท์ ​เพื่อฝึกอบรม​การ​ใช้คอมพิว​เตอร์​และอิน​เทอร์อย่างถูกต้อง​แก่​เยาวชน ​เป็น​เครือข่ายอาสาสมัครลูก​เสือ​ไซ​เบอร์ทั่วประ​เทศ ​ให้ช่วยดู​แล​และร่วมกัน​เฝ้าระวัง​การกระ​ทำผิด​และ​การนำ​เสนอ​เนื้อหา​ไม่​เหมาะสมผ่านทางระบบอิน​เทอร์​เน็ต ​ซึ่งปัจจุบันภัยทางอิน​เทอร์​เน็ต ​เพิ่มขึ้นอย่างต่อ​เนื่อง ​ทั้ง​การพนันออน​ไลน์ ​เว็บ​ไซต์ลามกอนาจาร ​การสร้างข่าวปลุกระดมก่อ​ความวุ่นวายตลอดจน​การหมิ่นสถาบัน​เบื้องสูง จากปัญหาดังกล่าว​จึงต้อง​เร่งปราบปราม​และป้องกัน​ให้ภัยคุกคามจากอิน​เทอร์​เน็ตหมด​ไปจากสังคม ​โดยตั้ง​เป้าจะสร้าง​เครือข่ายอาสาสมัครลูก​เสือ​ได้ 1,000,000 คนภาย​ในสิ้นปีนี้

ที่มาข่าว : http://www.ryt9.com/s/bmnd/1163030

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

จรัล ดิษฐาอภิชัย: การเลือกตั้ง ๓ กรกฎาคม ในประเทศไทย มิใช่ธรรมดา

Posted: 02 Jun 2011 08:55 PM PDT

วันที่ ๓ กรกฎาคม นี้ จะมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในประเทศไทย ดูเผยๆเหมือนเป็นการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตยแต่คนที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองไทยมาหลายปี ย่อมเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีลักษณะพิเศษ๒ ประการ

ประการแรก เป็นการเลือกตั้งภายหลังรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแห่งพรรคประชาธิปัตย์ปราบปรามการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หรือขบวนการคนเสื้อแดงที่ออกมาเรียกร้องให้ยุบสภา คืนอำนาจแก่ประชาชน อันยังผลให้มีคนเสียชีวิต ๙๒ คน บาดเจ็บเกือบ๒พันคน และถูกจับเกือบ๔ร้อยคนทั่วประเทศ การแข่งขันและการต่อสู้ในการเลือกตั้งจึงเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์มือปื้นเลือดกับพรรคเพื่อไทยพันธมิตรของคนเสื้อแดง

ประการที่สอง ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในทางการเมืองไทย คือพรรคเพื่อไทยตัดสินใจส่งนางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ อันดับ๑ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี และในช่วงรณรงค์หาเสียงมา ๒ สัปดาห์ ความนิยมต่อยิ่งลักษณ์สูงขึ้นทุกวัน โพลทุกโพลพบว่า พรรคเพื่อไทยและยิ่งลักษณะนำพรรคประชาธิปัตย์และอภิสิทธิ์หลายช่วงตัว แนวโน้มที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกค่อนข้างแน่นอน การเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยครั้งนี้กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยแห่ศตวรรษที่ ๒๑ ยุคที่สตรีก้าวมาเป็นผู้นำทางการเมืองดังเกิดขึ้นในเยอรมัน ฟิลิปินส์ ชิลี อาเย็นตินา บราซิล ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ที่ผู้คนทั่วไปทั้งคนไทยและต่างประเทศคาดหวัง ก็คือ การเลือกตั้งทั่วไป๓กรกฎาคม ๒๕๕๔ จะทำให้ วิกฤติทางการเมืองอันหนักหน่วงรุนแรงมา ๕ ปี คลี่คลายลงไปแค่ไหน วิกฤติดังกล่าวมาจากความขัดแย้งและการต่อสู้ระหว่างฝ่ายจงรักภักดีอำมาตยาธิปไตยที่มีสีเหลือง เป็นสัญลักษณ์ และฝ่ายประชาธิปไตยแห่งสีแดง ที่ยังขับเคี่ยวกันทุกแนวรบทั้งทางการเมืองสังคม และเศรษฐกิจ

สุดท้าย ผู้เขียนขอเรียกร้องต่อประชาคมโลกให้เพิ่มความสนใจการเลือกตั้งในประเทศไทย ส่งเสริมสนับสนุนให้การเลือกตั้งเสรีและยุติธรรม ให้ชนชั้นปกครองไทยเคารพการตัดสินใจของประชาชน ยอมรับผมการเลือกตั้ง ให้พรรคเสียงข้างมากตั้งรัฐบาล เช่นนี้ แล้วการเลือกตั้งทั่วไปจะทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นอันย่อมมีผลทั้งในทางคุณค่าประชาธิปไตยและเอื้ออำนวยประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประชาคมโลกมากขึ้นอีกด้วย
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เมืองพัทยา.....เมืองแห่งเด็กขอทาน

Posted: 02 Jun 2011 08:46 PM PDT

 
 
เมื่อกรุงเทพมหานครออกนโยบายในการกวาดล้างเด็กขอทานอย่างเข้มข้นจากหน่วยงานภาครัฐหลายๆ หน่วยงาน ทำให้ปัญหาเด็กขอทานกระจายออกสู่พื้นที่ต่างจังหวัดในที่สุด โดยเฉพาะภาคตะวันออกที่มีเมืองเศรษฐกิจอย่างจังหวัดชลบุรีและระยอง ย่อมกลายเป็น แหล่งเงิน สำคัญของขบวนการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการนำเด็กมาขายดอกไม้ , หลอดเรืองแสงหรือขอทาน.....
 
เมืองพัทยาดูจะเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ตั้งแต่เช้าจนถึงหัวค่ำนักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นริมหาดพัทยาหรือหาดจอมเทียน เพื่อชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติหรือจะเดินเลือกซื้อสินค้าต่างตามตลาดนัดก็ดูจะไม่เลวนัก เพราะมีตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกอย่างตลาดเคหะเทพประสิทธิ์หรือหากนั่งรถเข้าตัวเมืองชลบุรีก็จะมีตลาดนัดนินจา , ตลาดวัดศรีประชาราม ฯลฯ เช่นเดียวกับช่วงเวลากลางคืนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีที่สำคัญอย่างถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) , แหลมบาลีไฮ ฯลฯ ไม่นับรวมถึงร้านอาหารริมทางต่างๆ อีกมากมายที่เปิดให้บริการจนเกือบสว่างในแต่ละวัน ที่นี่จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางมาพักผ่อน สถานที่ต่างๆ เหล่านี้ เปรียบเสมือน ขุมทรัพย์ ของกลุ่มขอทานชาวกัมพูชาที่จะเข้ามากอบโกยเงินจากการนำเด็กมาขอทานซึ่งมีมูลค่าสูงมากในแต่ละวัน
 
ในถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) และพื้นที่ใกล้เคียง มีนายหน้าที่เรียกเก็บเงินกับกลุ่มขอทานที่มาจากประเทศกัมพูชา.... นี่คือข้อความที่โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา ได้รับจากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหนึ่งซึ่งทำงานในพื้นที่ ลักษณะการจ่ายเงินเพื่อขอทานในพื้นที่ดังกล่าวนั้น นายหน้าจะอ้างว่าเป็น ค่าคุ้มครอง โดยจะแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ เดือนละ 2 ครั้ง ในแต่ละครั้งจะต้องจ่ายประมาณ 1,500 บาท ซึ่งหากใครขัดขืนไม่ยอมจ่าย สุดท้ายก็จะถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกายในท้ายที่สุด นอกจากนี้นายหน้าคนดังกล่าวยังมีการปล่อยเงินกู้ให้กับชาวกัมพูชาในอัตราร้อยละ 20 ต่อเดือนอีกด้วย
 
โครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา ยังได้รับข้อมูลที่น่าตกใจอีกว่า นอกจากนายหน้าที่เรียกเก็บเงินจากกลุ่มขอทานแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐก็เข้ามามีส่วนในการเรียกรับผลประโยชน์ไม่น้อย  เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวกับเราต่อ พวกนี้จะเรียกรับเงินจากคนที่พาเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กขอทานหรือขายสินค้าต่างๆ ก็จะต้องจ่ายรายเดือนให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยหากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ก็ต้องเสียเงินประมาณ 3,000 บาท แต่ถ้าอายุเกิน 15 ปีแล้ว ก็จะต้องเสียเงินประมาณ 5,000 บาท
 
นอกจากนี้นายหน้าบางคนยังใช้วิธีการหาเด็กมาเพื่อปล่อยเช่า โดยจะนำเด็กพร้อมครอบครัวมาจากประเทศกัมพูชา จากนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจับกุม ซึ่งนายหน้าจะเก็บเด็กไว้เพื่อไม่ให้ถูกจับไปด้วย และนำเด็กมาปล่อยเช่า ซึ่งการคิดราคานั้นก็จะดูตามอายุ เช่น หากเด็กอายุ 7 ปี ก็จะมีค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท แต่ถ้าอายุ 10 ปี ก็จะคิดค่าเช่า 10,000 บาท เป็นต้น
 
ในพัทยามีเด็กถูกนำมาแสวงหาผลประโยชน์ในหลายรูปแบบมาก และเด็กเหล่านั้นก็จะวนเวียนไปขอทานหรือขายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่กล่าวต่อถึงรูปแบบการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่พัทยา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กจากประเทศกัมพูชา โดยเด็กเหล่านี้จะถูกพามาขายความ น่าสงสาร เพื่อหารายได้จากนักท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ อาทิ เช่น  การขายนก เพื่อสะเดาะเคราะห์ ตามหาดจอมเทียน การขายดอกไม้ , หลอดเรืองแสงหรือสิ่งของเล็กน้อยๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน หรือการขอทานตามตลาดนัดในเมืองพัทยาหรือชลบุรี ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก เช่น ตลาดนัดนินจา , ตลาดนัดวัดศรีประชาราม , ตลาดนัดเคหะเทพประสิทธิ์ เป็นต้น รวมถึงหน้าห้างเมเจอร์ฯ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) รวมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงที่มีร้านอาหารเป็นจำนวนมากไล่ตั้งแต่พัทยาเหนือจนถึงใต้ ซึ่งเด็กขอทานจะวนเวียนไปขอทานตามจุดต่างๆ เหล่านี้ สลับกันไปเรื่อย โดยหากเป็นช่วงหัวค่ำก็จะไปขอทานที่พัทยาเหนือ เมื่อถึงช่วงประมาณ 4 ทุ่มก็จะเปลี่ยนไปขอทานที่พัทยากลางและเมื่อถึงช่วงตี 2 เป็นต้นไปก็จะทยอยเข้าไปขอทานในพื้นที่ถนนคนเดินพัทยาใต้ (walking street) เป็นจุดสุดท้าย
 
เด็กบางคนก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลักทรัพย์จากนักท่องเที่ยวด้วย  เจ้าหน้าที่คนเดิมยังเล่าถึงข้อมูลอันน่าสะเทือนใจว่า เด็กกลุ่มนี้มักจะออก ปฏิบัติการ หลังเวลาตี 3 ไปแล้ว โดยจะให้เด็กทำทีเป็นสวมกอดนักท่องเที่ยวเพื่อขอเงิน เด็กก็จะอาศัยจังหวะนั้นในการล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินไป ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มเด็กเหล่านี้ ข้อมูลนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงความเลวร้ายของขบวนการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ที่งัดเอาความน่าสงสารของเด็กมาล้อกับการกระทำผิดกฎหมาย และย่อมส่งผลให้เด็กกลายสภาพเป็นนักอาชญากรรมมืออาชีพต่อไปในอนาคต.........
 
เมื่อถามถึงมาตรการณ์ในการกวาดล้างขอทานในพื้นที่พัทยาแล้ว ทำให้ทราบถึงความยากลำบาก เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น ทำให้การลงปฏิบัติการในแต่ละครั้ง มักเกิดการ ข่าวรั่ว จนไม่สามารถช่วยเหลือเด็กขอทานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือหากช่วยเหลือได้ก็มักจะเป็นในลักษณะการออกสื่อเพื่อ เอาหน้า เสียมากกว่า เนื่องจากมิได้มีการขยายผลไปจับกุมนายหน้าที่พาเด็กมาขอทานหรือเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น และช่วงใดที่มีการปราบปรามอย่างหนักเด็กขอทานก็จะถูกส่งไปที่จังหวัดภูเก็ตแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับนั่นเอง
 
แทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองพัทยาที่เปรียบได้กับแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เมืองที่ถูกฉาบสีไว้อย่างสวยสดงดงามด้วยแสงไฟสว่างในยามค่ำคืน แท้จริงแล้วยังมีด้านที่มืดมิดที่เป็นปลายทางสำคัญของการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ จากข้อมูลต่างๆ  เหล่านี้ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขปัญหาเด็กขอทานในพื้นที่พัทยาได้ เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวยังคงให้เงินกับเด็กขอทาน ซึ่งเสมือนการส่งเสริมให้ขบวนการนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทานยังคงดำรงอยู่ได้ในสังคมไทย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนยังมักง่ายและหมางเมินในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ในอนาคตคงมีเด็กอีกเป็นจำนวนมากที่นายหน้าค้ามนุษย์รอการส่งตัวเข้าสู่วงจรอุบาทของขอทานหรือการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเชื่อได้ว่าในอนาคตเมืองพัทยาอาจมิได้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ท้องถนนจะเต็มไปด้วยเด็กขอทาน จนถูกขนานนามว่า เมืองพัทยา......เมืองแห่งเด็กขอทาน  ในที่สุด
 
  

 
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กขอทานเหล่านี้ได้  โดยหากพบเห็นเด็กขอทานให้งดการบริจาคเงินและเปลี่ยนเป็นการแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เด็กได้รับการช่วยเหลือออกจากข้างถนน โดยสามารถแจ้งได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา โทร. 02-941-4194 , info@notforsale.in.th หรือ ศูนย์ประชาบดี โทร .1300
ขั้นตอนการช่วยเหลือเด็กขอทานหลังจากที่ได้รับแจ้งเบาะแสแล้วโครงการรณรงค์ยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงาก็จะส่งเจ้าหน้าที่ทำการลงพื้นที่เก็บข้อมูลและสืบข้อเท็จจริงว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์หรือไม่ หากคาดว่าใช่ก็จะมีการติดตามไปจนถึงแหล่งที่พักพิงและประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการจับกุมไปจนถึงต้นตอของขบวนการค้ามนุษย์ แต่หากคาดว่าเป็นการมาขอทานโดยความสมัครใจก็จะส่งข้อมูลไปยังศูนย์ประชาบดีเพื่อให้เด็กได้รับการช่วยเหลือและคุ้มครองในสถานแรกรับฯ ต่อไป
 
มาร่วมกัน หยุดสร้างบุญบนธุรกิจบาป เด็กจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือต้องอยู่ข้างถนน คุณเป็นผู้กำหนด !!!!
 
 
           
 
 
 
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น