โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2561

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

สำนักโฆษก แจงสติกเกอร์ไลน์ 7 ล้าน โชว์นโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์สาธารณะ

Posted: 13 Apr 2018 06:45 AM PDT

สำนักโฆษก แจงทำออฟฟิศเชียลไลน์ และสติกเกอร์ไลน์ 7 ล้าน โชว์นโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์สาธารณะ สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชน

13 เม.ย.2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก กล่าวชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่าสำนักโฆษก สำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมสร้างออฟฟิศเชียลไลน์ และสติกเกอร์ไลน์ว่าการจัดจ้างดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานประจำปีของสำนักโฆษก ซึ่งมีภารกิจในการเผยแพร่นโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลแก่สาธารณชน และตอบสนองตัวชี้วัดการปฏิบัติราชการในการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน และสอดคล้องกับการเสริมสร้างประสิทธิภาพการสื่อสารรัฐบาล ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนการปฏิบัติราชการโดยมิได้เป็นข้อริเริ่มของฝ่ายการเมือง ตามที่นำไปพาดพิงแต่อย่างใด อีกทั้งปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่สื่อสารข้อมูลในชีวิตประจำวันถึงกันและกันด้วยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่สามารถแบ่งปันสารในรูปแบบต่างๆ ไปยังผู้อื่นผ่านเครือข่ายออนไลน์ โดยพบว่าคนไทยนิยมใช้งานแอพพลิเคชัน LINE มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากแอพพลิเคชัน LINE ใช้งานง่ายและสามารถส่งข้อมูลที่มีรูปแบบหลากหลายแตกต่างกันได้ เช่น ข้อความ รูปภาพ โปสเตอร์ ลิงค์เชื่อมต่อเว็บไซต์ภายนอก ข้อความเสียง คลิปวิดีโอ สติกเกอร์ โลโก้ เป็นต้น ทำให้แอปพลิเคชัน LINE แพร่หลายไปยังประชาชนทุกกลุ่มตั้งแต่เด็ก เยาวชน คนวัยทำงาน และผู้สูงอายุ ดังนั้น สำนักโฆษกจึงมีความประสงค์จะเพิ่มช่องทางและประสิทธิภาพการสื่อสารไปยังประชาชนผ่านแอพพลิเคชัน LINE เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการรับสารของกลุ่มเป้าหมาย โดยแม้ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาล แต่ช่องทาง LINE นี้ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับรัฐบาลต่อไป

นัทรียา กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการใช้เครื่องมือดังกล่าว คือ การสร้างการรับรู้นโยบายสำคัญอันเป็นสิทธิพึงมีพึงได้ของประชาชน การเตือนภัยพิบัติ หรือการอธิบายข้อมูลที่สังคมเกิดความสับสนหรือเข้าใจผิด เพื่อลดความตื่นตระหนก ด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง ขณะที่แหล่งที่มาของราคากลาง (ราคาอ้างอิง) ในการดำเนินการจำนวน 7,029,900 บาท ใช้ราคาตลาด โดยสืบราคาจากบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งสำนักโฆษกในฐานะผู้รับบริการจะได้รับบริการด้านระบบ LINE Official Account (OA) และ  LINE Official Home (OH) เป็นระยะเวลา 1 ปี และ ระบบเผยแพร่ LINE Sticker เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ามาติดตาม OA ของสำนักโฆษก ระยะเวลาดาวน์โหลด 30 วัน ใช้งานได้ 90 วัน ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวเป็นราคามาตรฐานที่บริษัท ไลน์ ให้บริการแก่หน่วยงานอื่นของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ  

ผู้อำนวยการสำนักโฆษก กล่าวว่าสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ประกาศราคากลางทางเว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มี.ค.61 และประกาศทางเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลางเช่นเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ และป้องกันการทุจริต ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด และการจัดจ้างดำเนินงานใช้วิธีเฉพาะเจาะจง ตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เนื่องจากผู้รับจ้างมีความชำนาญและเชี่ยวชาญในการจัดทำ LINE Official Account เป็นการเฉพาะ และเป็นผู้ให้บริการแอพพลิชันแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย สำหรับการจัดทำ LINE Sticker เพื่อประชาสัมพันธ์ OA ของสำนักโฆษกนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการกำหนดแนวคิด โดยต้องการสร้าง Sticker ให้มีลักษณะที่สะท้อนถึงการทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด

"สำนักโฆษกขอยืนยันว่า การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชน ซึ่งมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ทันสมัย ล่าช้า และไม่ตอบโจทย์สังคม และทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยสำนักโฆษกยินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลให้แก่สื่อมวลชนและประชาชนด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชน" ผู้อำนวยการสำนักโฆษก กล่าว

โพสต์ทูเดย์รายงานด้วยว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นโครงการของผู้อำนวยการ สำนักโฆษกฯ ซึ่งเป็นข้าราชการประจำที่เตรียมการไว้ล่วงหน้านานแล้วไม่ใช่ของตนเอง เพราะเมื่อได้เป็นข้าราชการการเมืองของสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณได้

"หากจะเกี่ยวข้องกับเรื่องงบประมาณก็จะเป็นในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ผมได้ทำหน้าที่รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อยู่" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กวีประชาไท: บุพเพ(ศักดินา)สังวาส(กวี)

Posted: 13 Apr 2018 02:20 AM PDT

 

ห่มสไบสะพายย่ามตามพี่หมื่น
อยุธยาสะอื้นยังรัตนโกสินทร์
กวีเอ๋ยรับใช้ใครในแผ่นดิน?
ศิลปินแห่งออเจ้าอยากเข้าวัง

ก่อนท่านให้ยศถาข้าทาสเบี้ย
กวีศักดินาเลียเสียจนเต็มถัง
สมัยนี้มีเงินเดือนตำแหน่งรั้ง
ยอเพียงครั้งสองครั้งนั่งแลบเลีย

จะเงินหลวงเงินรัฐกี่ผลัดสมัย
ล้วนเก็บมาจากไพร่ผู้ละเหี่ย
แต่ออเจ้ากวีกลับอยากเป็นเมีย
พี่หมื่นศักดินาเสียเต็มประดา

เลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรากเหง้า
เลือกออกเหย้ากับขุนนางต่างยศถา
ทิ้งไทอยากเป็นทาสอีกครั้งครา
บุพเพศักดินาสังวาสกวี

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สงกรานต์ 2 วันแรก คสช. ยึดรถฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับ รวม 1,475 คัน

Posted: 13 Apr 2018 01:04 AM PDT

คสช. ระบุ 11 – 12 เม.ย.ที่ผ่านมา พบผู้กระทำผิดสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท  5.9 หมื่นราย ส่งดำเนินคดี 3.8 หมื่นราย ยึดใบอนุญาตขับขี่ 4.6 พันราย และ ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้ 1,475 คัน  แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 940 คัน และ รถยนต์ 535 คัน  เจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับคืนได้หลังเทศกาล

ที่มาภาพเฟสบุ๊คแฟนเพจ กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) หลายพื้นที่ได้เริ่มกิจกรรมงานบุญและเล่นน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำ คึกคักโดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมงานเนืองแน่น โดยเฉพาะ กิจกรรมบนถนนสายวัฒนธรรมของเมืองใหญ่ เช่น ถนนข้าวสาร, สวนลุมพินี, รางน้ำ กทม. ,ถนนข้าวเหนียว ขอนแก่น, ถนนเสน่หานุสรณ์ หาดใหญ่ รวมทั้งสถานที่จัดงานของชุมชน และบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งบรรยากาศโดยรวมยังคงเรียบร้อย เป็นไปด้วยความสนุกสนาน ตามประเพณีและสอดคล้องกับกระแสวิถีการแต่งกายชุดไทย 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงอำนวยความสะดวก พร้อมเข้มงวดในมาตรการรักษาความปลอดภัยสาธารณะให้ประชาชนที่เข้ามาร่วมงานได้มีความสุข  ด้วยการจัดชุดสายตรวจเพิ่มเติมตลอดการจัดงาน และขอความร่วมมือส่วนงานต่างๆบริเวณโดยรอบงานตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเตรียมไฟฟ้าส่องสว่างให้ทั่วถึง เพื่อดูแลความเรียบร้อย โดยยังคงขอความร่วมมือผู้ร่วมงานในการแต่งกาย การดื่มสุรา และการเล่นสาดน้ำอย่างเหมาะสม ในขณะเดียวกันคงเข้มมาตรการสร้างความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุในการสัญจรให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางรอง ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ใช้เส้นทางส่วนใหญ่ระมัดระวังและปฏิบัติตนตามกฎจราจร แต่ยังพบผู้ฝ่าฝืนมาตรการลดอุบัติเหตุอยู่

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์  กล่าวอีกว่า ในวันที่ 12 เม.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและ ผู้ฝ่าฝืนมาตรการ "ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ" จำนวน  56,051ราย แยกเป็นในส่วน รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 32,592 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถจักรยานยนต์ไว้ 835 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 2,449 ราย และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 22,728 คน  

สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 23,459 ครั้ง ยึดใบขับขี่ 1,741 คน ยึดรถยนต์ 494 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 1,741 ราย และส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 13,102 คน      

"โดยสรุป 2 วัน คือ วันที่ 11 – 12 เมษายน 2561 เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท จำนวน 59,390  ราย  ส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 38,546 ราย ยึดใบอนุญาตขับขี่ 4,628 ราย และ ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้ 1,475 คัน  แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 940 คัน และ รถยนต์ 535 คัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่เก็บรักษารถที่ยึดไว้เป็นอย่างดี  โดยเจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับคืนได้หลังเทศกาล" รองโฆษกคสช. กล่าว

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย และเฟสบุ๊คแฟนเพจ กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

มีชัย มั่นใจโรดแมปเลือกตั้งยังอยู่ ก.พ.62 อภิสิทธิ์ จี้ คสช. ชัดเจน ปมปลดล็อคพรรคการเมือง

Posted: 13 Apr 2018 12:45 AM PDT

มีชัย ยังมั่นใจโรดแมปการเลือกตั้งจะอยู่ช่วง ก.พ.2562 ชี้ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าใช้กำลัง ขณะที่ อภิสิทธิ์ จี้ คสช. ชัดเจน เรื่องปลดล็อคพรรคการเมือง

แฟ้มภาพ

13 เม.ย.2561 รายงานข่าวระบุว่า มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ( กรธ.) กล่าวถึงที่รัฐบาลเตรียมนัดพรรคการเมืองหารือตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ว่า การหารือเป็นเรื่องที่ดี แต่เท่าที่ทราบนายกรัฐมนตรีเคยระบุว่า หากมีอะไรที่พรรคการเมืองต้องการหารือก็สามารถนัดคุยกันได้ ส่วนการปลดล็อคคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เป็นเนื้อหาที่คำสั่งได้ระบุระยะเวลาไว้แล้ว แต่หากคิดว่าห้วงเวลาในคำสั่งไม่สอดคล้องกันก็สามารถที่จะบอกนายกรัฐมนตรีเพื่อช่วยแก้ไขได้ แต่หากจะให้แก้ไขโดยที่ยังไม่ทราบปัญหาก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่นักการเมือง แต่เบื้องต้น ตนคิดว่าต้องรอพิจารณาเนื้อหากฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับสุดท้ายว่าจะมีเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง นอกจากนี้พรรคการเมืองยังได้ใช้ช่องทางยื่นคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงทำให้การแก้ไขคำสั่ง คสช.ตามความต้องการของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)อาจจะต้องรอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน แต่หากเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ก็ต้องหารือเพื่อหาทางออก  ทั้งนี้คาดว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยทั้งคำสั่ง คสช. และ กฎหมายลูก แล้วเสร็จทันในช่วงเดือนมิถุนายน ที่นายกรัฐมนตรีเคยกำหนดว่าจะหารือกับพรรคการเมืองไว้ ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 เดือน

มีชัย ยังกล่าวด้วยว่า หากประเด็นที่พรรคการเมืองกังวลและต้องการให้ คสช.แก้ไขคำสั่งเป็นเหตุผลอันเนื่องมาจากเนื้อหาของคำสั่งไม่ชัดเจน เช่น เรื่องการยุบสาขาพรรคการเมืองเก่า ก็ไม่จำเป็นต้องรอ เพราะแม้ว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขให้พรรคการเมืองอยู่ดี 

มีชัย ยังมั่นใจว่าโรดแมปการเลือกตั้งจะอยู่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562  ส่วนที่นักวิชาการออกมาคาดการณ์ว่า หากไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จะเกิดความขัดแย้งนั้น มองว่า หากเป็นความขัดแย้งทางการเมือง ก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นความขัดแย้งแบบต่างฝ่ายต่างใช้กำลัง คงจะไม่ดี และประชาชนก็จะไม่ยอมรับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะต้องดูแลป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ประเทศเกิดความสงบ พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า  คสช. จะยังสามารถบริหารงานได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หากการเลือกตั้งไม่ได้เกิดขึ้นตามโรดแมปที่วางไว้

อภิสิทธิ์ เปิดโอกาสนักการเมืองรุ่นใหม่ร่วมงานประชาธิปัตย์

ขณะที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าปัจจุบันมีข้อจำกัดภายใต้คำสั่งของ คสช. จึงทำให้พรรคฯยังไม่สามารถเปิดรับสมาชิกใหม่ได้ แต่ก็พบว่ามีคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจจะเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคในด้านการเมืองเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นปกติของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องสร้างนักการเมืองหน้าใหม่ทุกรุ่น ซึ่งเห็นได้จากอายุของพรรคที่ก่อตั้งมา72ปีทั้งนี้ตลอดระยะเวลา4ปีที่ผ่านมาที่พรรคยังไม่สามารถเปิดรับสมาชิกใหม่ได้นั้น ก็เป็นเวลาที่ทำให้สมาชิกที่ต้องการเข้ามาใหม่ได้คิดทบทวน ว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองได้อย่างไรบ้าง พร้อมเชื่อว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่จะมองเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดโอกาสให้สำหรับคนรุ่นใหม่ 

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันกลุ่มคนรุ่นใหม่ลงสมัคร ส.ส.ทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและระบบแบ่งเขตหรือไม่นั้น อภิสิทธิ์ ระบุว่า อยู่ที่ความต้องการของบุคคลนั้นๆ ว่ามีความต้องการที่จะลงสมัคร ส.ส.หรือมีความต้องการที่เข้ามาทำงานเกี่ยวกับการเมืองในด้านอื่น แต่หากมีความต้องการจะลงรับสมัครเลือกตั้งนั้นก็ต้องเป็นไปตามกติกาในการทำไพรมารี่โหวต และการแสดงบทบาทให้สมาชิกพรรคสนับสนุน อย่างไรก็ตามสำหรับแนวทางของพรรคนั้น ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ต้องการที่จะแสวงหาแต่อำนาจรัฐโดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ และความสอดคล้องของนโยบาย

จี้ คสช. ชัดเจน เรื่องปลดล็อคพรรคการเมือง

อภิสิทธิ์ ยังกล่าววิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังสงกรานต์ว่า คสช. ต้องไปดำเนินการเรื่องกฎหมายให้เรียบร้อย เพราะขั้นตอนและโรดแมปขึ้นอยู่กับกระบวนการทางกฏหมาย ที่เดิมคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้ กฏหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ แต่เมื่อมีการยื่นตีความ อาจทำให้ระยะเวลาขยับออกไปอีก ซึ่งปัญหาของพรรคการเมืองมี 2 ประเด็นคือ คำสั่งที่เป็นปัญหาละเมิดสิทธิประชาชน สร้างภาระและความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นให้พรรคการเมือง ซึ่งหากสะสางแล้วเสร็จก็จะทำให้เกิดความชัดเจนว่าจะกระทบกับการเลือกตั้งหรือไม่ และกำหนดการเลือกตั้ง 150 วันว่าจะเริ่มนับวันใด เพราะเป็นอำนาจของหัวหน้า คสช. หากเกณฑ์เวลา หัวหน้า คสช.สามารถลดทอนขั้นตอน ตลอดจนกรอบเวลา 90 วัน หากไม่จำเป็นก็สามารถตัดออกได้ ทุกอย่างจะแก้ไขได้ด้วยกรอบเวลาไม่ต้องมีปัญหาเรื่องการตีความ หวาดระแวงเป็นปมขัดแย้ง ดังนั้น คสช.ควรที่จะสะสางข้อกฏหมายเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความชัดเจนของพรรคการเมืองใหม่ อีก 2-3 เดือนจะมีความชัดเจนว่ามีพรรคเกินขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่สุดท้ายหลังวันที่ 30 เม.ย.ไม่ว่าพรรคเก่าหรือใหม่ ก็ต้องรอ คสช. ปลดล็อคพรรคการเมือง เพราะไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ได้ทำให้เกิดช่องว่าง ดังนั้น คสช.ควรชัดเจน ไม่ใช่รอให้พรรคการเมืองไปขออนุญาต เพราะเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง หาก คสช.อนุญาตเป็นบางพรรค หรืออนุญาตช้าเร็ว จะเกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบและไม่เป็นธรรม ในขณะที่รัฐธรรมนูญต้องการปฏิรูปการเมืองแต่กลับมองว่าพรรคการเมืองผูกกับการเลือกตั้งจนทำให้เกิดความขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมา จึงขอให้มองพรรคการเมืองเป็นสถาบันที่ต้องดูแลประชาชน จึงขอให้ คสช.ทบทวนแนวคิดเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าอย่างไรก็ต้องมีการเลือกตั้งไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนยอมรับสถานการณ์พิเศษด้วยเหตุผลด้านความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงเท่านั้น แต่จะดำเนินการต่อไปแบบนี้ตลอดคงเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องแข่งขันกับตนเอง มากกว่าไปแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่น ซึ่งขณะนี้การแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคต้องเสนอทางเลือกให้กับประชาชน เพื่อให้ประขาชนเกิดความศรัทธา และอยากเห็นการเสนอนโยบายการแก้ไขปัญหาประเทศแต่ละด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ มากกว่าการถกเถียงการเมืองว่าจะจับมือกับใคร หรือจะเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่เพราะจะทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย

ที่มา สำนักข่าวไทย 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

วาด รวี: เมื่อครูแหม่มเสนอรัชกาลที่ 4 ให้ตั้งเจ้าฟ้าจุฬาฯ เป็นมกุฎราชกุมาร

Posted: 13 Apr 2018 12:30 AM PDT

สมัยรัชกาลที่ 4 ยังไม่มีตำแหน่ง "มกุฎราชกุมาร" (Crown prince) ตำแหน่งนี้ดูแบบมาจากต่างประเทศ โดยแอนนา เลียวโนเวนส์เป็นผู้เสนอรัชกาลที่ 4 เป็นครั้งแรกว่าให้ตั้งเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (รัชกาลที่ 5) เป็นมกุฎราชกุมาร เหมือนปรินซ์ออฟเวลส์ แต่รัชกาลที่ 4 "ไม่อาจ" กระทำได้ หลักฐานเรื่องนี้ปรากฏชัดเมื่อ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ค้นพบจดหมายจากรัชกาลที่ 4 ถึงแอนนา เมื่อปี พ.ศ. 2547 ในจดหมายฉบับดังกล่าว รัชกาลที่ 4 กล่าวว่า

"เธอจะยังจำได้หรือหาไม่? ครั้งหนึ่งเมื่อก่อนหน้าหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ในคราวนั้นเธอว่ากะฉันว่าให้ฉันแต่งตั้งลูกชายคนโตคือเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ขึ้นเป็นรัชทายาท เหมือนกับปริ๊นซ์ออฟเวลส์ของกรุงอังกฤษใช่ไหม? ฉันปฏิเสธไม่ยอมรับคำของเธอ แลได้กล่าวกะเธอว่า คนทั่วไปเขาไม่ได้ปลาบปลื้มดื่มด่ำในตัวฉันแลลูกฉันมากสักเท่าใดนักดอก ฉันเสียใจที่จะว่า แม้แคนต่างชาติเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ก็เหมือนราษฎรชาวเมืองทั่วไปที่นี่ ถึงฉันจะไม่เคยทำอะไรให้เป็นที่กีดขวางใครๆ ทั่วไปเลย เขาก็ยังคงคิดกันอยู่ดีว่าฉันไม่เป็นที่ใครจะนิยมยกย่องสักเท่าไรดอก! เวลานั้นเธอปฏิเสธฉัน ว่าตั้งแต่เข้ามาสยามมาจนถึงวันนั้นแล้ว เธอก็ไม่เคยได้ฟังเรื่องเช่นนั้นจากใครเลย ก็ทำไมเล่า? เธอจะได้ยินได้ฟังเรื่องอย่างนั้นมาได้อย่างไรหรือ? ในเมื่อคนที่นี่ทุกคนแลคนต่างชาติด้วย รู้แน่แก่ใจว่าเธอฝักใฝ่เป็ยพวกของฉันแท้ทีเดียว หรือกระทั่งบางทีจะว่าเป็นสายลับของฉันก็ได้...."



จารีตของการเมืองไทยสมัยก่อนรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (ย้อนจากรัชกาลที่ 4 ขึ้นไป) ไม่มีตำแหน่งรัชทายาทหรือมกุฎราชกุมาร (Crown prince) แต่ในกรุงรัตนโกสินทร์มีตำแหน่ง "วังหน้า" ซึ่งจะขึ้นเป็นกษัตริย์แทนในกรณีที่ไม่มีกษัตริย์ ตำแหน่งวังหน้านี้ในบางสมัยได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเป็น "กษัตริย์องค์ที่สอง" (The Second King) เช่น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวในสมัยรัชกาลที่ 4

จนถึงรัชกาลที่ 5 ลูกศิษย์ของแอนนานั้นเองจึงยกเลิกตำแหน่งวังหน้า และสถาปนาตำแหน่งมงกุฎราชกุมารขึ้นมา นับว่าสิ่งที่แอนนาเสนอ แม้ไม่เป็นจริงในสมัยนายจ้างของเธอ (รัชกาลที่ 4) ก็กลายเป็นจริงในสมัยลูกศิษย์ของเธอ



หมายเหตุ:
ภาพประกอบ 1-5 (ภาษาอังกฤษ) จดหมายรัชกาลที่ 4 เขียนถึงแอนนา ซึ่งนิตยสารศิลปวัฒนธรรมค้นพบโดยบังเอิญที่หอสมุดแห่งชาติ

ภาพประกอบ 6 (ภาษาไทย) บางส่วนของคำแปลจดหมายโดย สุพจน์ แจ้งเร็ว ใน ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ สายลับวังหลวงและโลกมายาของแอนนา เลียวโนเวนส์ จัดพิมพ์เมื่อปี 2547
 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ใบตองแห้ง: คนดีขับ 90

Posted: 13 Apr 2018 12:07 AM PDT


"ผมจะจ่ายไปเรื่อยๆ 500 บาท 500 บาทแล้วก็ 500 บาท ทุกครั้งไป เพราะถนนโล่ง ถนนกว้าง ถนนดี รถผมก็สภาพดี ผมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ผมปลอดภัยแน่นอน ประกอบกับผมมีธุระเร่งด่วน ระยะทางอีกยาวไกล ไม่ใช่ช่วงเทศกาล 90 ก.ม. ต่อ ช.ม. ผมคง ไปไม่ทัน ขอบคุณที่ใส่ใจส่งให้ถึงบ้าน ยินดีครับ!!"

หลายวันก่อน พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม รอง ผกก.ป. สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ "สารวัตรเอก" ขวัญใจชาวบ้านค้านคำสั่ง คสช.ห้ามนั่งท้ายกระบะ โพสต์ภาพใบสั่งขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด ที่ส่งมาถึงบ้าน พร้อมคอมเมนต์ที่คนเห็นด้วยล้นหลาม

90 ก.ม. ต่อ ช.ม. ใช้บนทางหลวงได้จริงหรือ ให้ขับ 80-90 ตามกันไป มีหวังหลับในชนท้ายกันสันตะโร (ยกเว้นเทศกาล ขับได้ 40-50 ก็บุญโข)

พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 จำกัดความเร็วรถส่วนบุคคลในเขตเทศบาลไม่เกิน 80 ก.ม.ต่อ ช.ม. นอกเขต 90 ก.ม. ต่อ ช.ม. มอเตอร์เวย์ 120 ก.ม.ต่อ ช.ม. เพียงแต่ตำรวจ "อนุโลม" ให้ขับบนทางหลวงสายหลัก 110-115 ก.ม.ต่อ ช.ม.

"อนุโลม" ซึ่งไม่มีอะไรแน่นอน เพราะบางคนขับแค่ 100 เศษๆ ก็โดนใบสั่ง อดีตผู้การทางหลวงเคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังจำกัด 90 เพียงตั้งเครื่องตรวจจับ 110-120 เพื่อป้องกัน ความผิดพลาดและลดการโต้เถียงกับประชาชน

การบังคับใช้กฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นเกินความจำเป็น ฝืนความเป็นจริง แถมกติกาบังคับใช้ไม่แน่ไม่นอน ประชาชน ก็เดือดร้อนสิครับ ในทางกลับกันก็เกิดความไม่ยุติธรรม บางคนขับ 105 โดนใบสั่ง แต่บางคน 140-150 ยังลอยนวล เพราะเป็นช่วงไม่มีกล้อง

ความไม่แน่นอนยังเห็นคาตาบนทางด่วน ติดป้ายไฟ 80 ชาวบ้านสงสัย ห้ามขับเกิน 80 หรือห้ามต่ำกว่า 80 เพราะถ้ารถ ไม่ติด ไม่มีต่ำกว่า 80 ซักคัน

ว่าตามความเป็นจริงที่ปฏิบัติมาหลายสิบปี คนใช้รถกับตำรวจก็อยู่กันแบบอนุโลม คือรู้ว่าไม่ควรขับเกิน 115-120 แต่ถ้าถนนโล่งถนนดีแอบเหยียบ 130-140 (อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน) จนคนใช้รถเยอะขึ้นๆ รถรุ่นใหม่เร็วขึ้นแรงขึ้น คนนิสัยทรามก็เพิ่มขึ้นตามสัดส่วน เกิดอุบัติเหตุสะเทือนใจบ่อยครั้ง ภาครัฐ ภาคประชาสังคม ก็เข้ามาจัดระเบียบ รณรงค์ กวดขัน ถือเป็นภารกิจสำคัญ อันยิ่งยวดขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปีใหม่ สงกรานต์ กลายเป็นเทศกาล "ห้ามตาย"

คือถ้าปีไหนตัวเลขคนตายพุ่ง ก็กลายเป็นภาครัฐที่ รับผิดชอบ "เสียหน้า" และจะต้องไล่เบี้ยไล่จี้หามาตรการ เข้มงวดยิ่งๆ ขึ้นไป

พูดอย่างนี้ไม่ใช่แอนตี้ มีหลายเรื่องที่ได้ผล เช่นเมาขับ จับขังจนเข็ดไปเยอะ แต่บางเรื่องเช่น "ขับช้า" ถ้าแค่รณรงค์ไม่ว่ากัน แต่ถ้าถึงขั้นเกิน 90 แล้วโดนจับ อย่างที่หลายคนโดน ก็ฝืนความเป็นจริง เกินจำเป็น และลักลั่นในความยุติธรรม

"ขับช้า" นี่คนส่วนใหญ่อยากให้เติมว่า "ชิดซ้าย" ด้วยนะ เพราะบนทางหลวงทางด่วนไปดูเถอะ ขับช้าตามกันอยู่เลนขวา อยากเร็วกว่าต้องแซงซ้าย

ไม่ใช่ตะแบงว่าขับเร็วไม่อันตราย คนขับรถเป็นรู้ว่าขึ้นกับสภาพถนน ถ้ามีรถมีคนมีมอเตอร์ไซค์ขวักไขว่ แค่ 90 ก็อันตราย ถ้าทางด่วนดึกๆ รถโล่งไฟสว่าง 140 ก็ไม่อันตราย แต่วันก่อนตอนเย็นรถเป็นแพ เห็นคาตา ไม่รู้เดนนรกมาจากไหน 140 แซะซ้ายปาดขวาเหมือนเล่นเกมคอมพิวเตอร์ (แล้วรอดไป)

คือคนขับเร็วนิสัยเลวมีแน่ แต่คนขับเร็วขับดีมีเยอะไป บังคับใช้กฎหมายทีไร คนส่วนใหญ่ที่เป็นฝ่ายหลังเดือดร้อนทุกที ไม่ใช่แค่เรื่องขับรถ แต่ประเทศนี้ แทบทุกเรื่องที่บังคับใช้กฎหมาย คนเลวหาช่องได้เสมอ

สังเกตไหม การรณรงค์อะไรก็ตาม เหล้า บุหรี่ ความปลอดภัย "คนดี" ที่ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ และส่วนใหญ่ขับรถไม่เป็น หรือขับช้า กลับเสียงดังกว่าคนทั่วไป โดยอาศัยความเป็น "ผู้หวังดี"

ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนหนึ่งก็ชอบให้ออกกฎเข้มงวดไว้ก่อน เพื่อผลักให้ประชาชนต้องปฏิบัติ เช่นห้ามนั่งท้ายกระบะ หรือห้ามโน่นห้ามนี่จนไม่อยากเล่นสงกรานต์ จะได้ลดภาระ รับผิดชอบ

เรื่องความเร็วยังดีนะ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติคิดจะ แก้กฎหมายเพิ่มเป็น 105-110 มีคนไปโหวตผ่านศูนย์โซเชียล มีเดียเชียร์ท่วมท้น 85% (ส่วนใหญ่อยากได้มากกว่าด้วยซ้ำ) แต่ยังไม่รู้จะถูกต่อต้านไหม เพราะอย่าลืม ผู้หวังดีที่เป็นเสียงข้างน้อยเสียงดังกว่าเสมอ

กฎหมายจราจรเหมือนเรื่องเล็ก แต่ก็เป็นภาพสะท้อนระบบกฎหมาย มีหลายข้อห้ามข้อบังคับที่ ไม่สอดคล้องความจริง หวังดี แต่ปฏิบัติไม่ได้ เป็นช่องให้ฉ้อฉล ลักลั่น แล้วก็ทำให้คนไม่เคารพกฎหมาย

 

 

ที่มา: www.khaosod.co.th

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กวีประชาไท: ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพิซซ่า

Posted: 12 Apr 2018 11:55 PM PDT

 

แล้วผู้ที่หัวเราะไม่ออก
จะยืนอยู่ตรงไหน
ระหว่างรอยแย้มยิ้มที่เปื้อนซอส

เราได้พยายามอย่างถึงที่สุด
แต่เมื่อความอร่อยอันเหนียวและยืดซึ่งถูกตัด
เป็นชิ้นรูปสามเหลี่ยม
วางลงในจานเบื้องหน้าเรา
ก็ให้รู้สึกกระดากไม่อยากร้องขอจากมันอีกต่อไป
เพราะนอกจากกลิ่นและสีสัน
ซึ่งราวกับจะยั่วน้ำลาย
มันก็ดูไร้ซึ่งจริตและเดียงสาใดเลยจริงๆ

และเราผู้เป็นอื่นจากเหล่าดวงหน้าอิ่มเอิบสูงส่งสีทอง
อันหาใดในโลกเหมือน
เป็นดั่งหน้ากากขันขื่นนอกวัฒนธรรม
ในมื้ออาหารอันแสนสุข
พร้อมส่งถึงบ้านสำหรับทุกคน

เราได้พยายามถึงที่สุดแล้ว
(เหมือนความเป็นไปได้มีอยู่เพียงเท่านี้)
โชคดีเหลือเกินที่ยังหัวเราะได้
ดูสิ มันช่างบริสุทธิ์และน่าทานเพียงใด
ไม่ทำใครต้องถูกโยนเข้าห้องขัง
ถูกอุ้มหายหรือบังคับให้สาบสูญ
หรือหากเราหดหู่สิ้นหวังด้วยเพราะมิอาจเรียกร้อง
จนทำรสชาติมันผิดเพี้ยนไป
กัดกินและเคี้ยวความขมขื่นเงียบๆ
กลืนมันลงไปพร้อมมุกตลกเหลือร้ายที่ไม่มีใครจำ

2561

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สปสช. เผย รัฐบาลหนุน 'กองทุน LTC” ของขวัญวันผู้สูงอายุ รุกดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงทั่วประเทศ

Posted: 12 Apr 2018 11:48 PM PDT

สปสช. เผย 'กองทุนระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง' ของขวัญวันผู้สูงอายุแห่งชาติ รัฐบาลจัดงบหนุนต่อเนื่อง พร้อมเผยผลดำเนินงาน 2 ปี ดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงแล้วกว่า 1.7 แสนคนรวม 'อนาคตใหม่' ย้ำผู้สูงวัยร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี

13 เม.ย.2561 รายงานข่าวแจ้งว่า นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 13 เมษายนของทุกปี รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ" เพื่อให้ลูกหลานตระหนักและเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ และด้วยปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ทั้งมีแนวโน้มจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจึงมีนโยบายเร่งรัดการจัดระบบเพื่อรองรับการดูแลผู้สูงอายุในประเทศ เพราะด้วยศักยภาพของครัวเรือนในการดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันที่ถดถอย เป็นผลมาจากสภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งขนาดครัวเรือนที่เล็กลงและการเคลื่อนย้ายของวัยแรงงานจากชนบทสู่เมืองมากขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสุขภาพในผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (ติดบ้าน ติดเตียง) จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

ทั้งนี้เพื่อให้ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงไม่ถูกทอดทิ้งและได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ รัฐบาลจึงได้จัดสรรงบประมาณผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อจัด "กองทุนระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง" (Long term care: LTC) ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยเป็นการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้นโยบายประสบผลสำเร็จ 

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ในช่วง 3 ปี ของการดำเนินงานระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวน 600 ล้านบาท ในปี 2559 เป็นจำนวน 900 ล้านบาทในปี 2560 และเพิ่มเป็นจำนวน 1,159 ล้านบาท ในปี 2561 นี้ ส่งผลให้มีการขยายจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลภายใต้ระบบเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากจำนวน 100,000 คน ในปี 2559 เป็นจำนวน 150,000 คน ในปี2560 และเพิ่มเป็นจำนวน 193,200 คน ในปี 2561  

ด้วยระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงที่ยังประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรงอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาจึงมี อปท.เข้าร่วมจัดระบบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2559-2560 มี อปท.เข้าร่วม 4,274 แห่ง และในปี2561 นี้ คาดว่าจะมี อปท.เข้าร่วมเพิ่มเติมอีก 841 แห่ง ซึ่งจะทำให้มี อปท.ที่ร่วมจัดระบบดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 5,115 แห่ง ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงทั่วประเทศได้รับการดูแลและเข้าถึงบริการสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยดำเนินการร่วมกับทีมหมอครอบครัว หน่วยบริการและเครือข่ายบริการปฐมภูมิในพื้นที่ นอกจากนี้ทางกรุงเทพมหานครยังได้เข้าร่วมจัดระบบนี้ เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ กทม.เข้าถึงการดูแลที่ดีเช่นกัน

"การจัดตั้งกองทุน LTC นับเป็นของขวัญที่ดีในวันผู้สูงอายุแห่งชาติที่รัฐบาลได้มอบให้กับประชาชนและได้สนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงทั่วประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผลการดำเนินงานในช่วง 2ปีที่ผ่านมาไม่เพียงทำผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงจำนวน 175,378 คน (รวม กทม.) ได้รับการดูแลที่ดี แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลและรักษาพยาบาล รวมทั้งการลดความแออัดในการเข้ารับบริการยังหน่วยบริการ ซึ่งในอนาคตคงจะมีการขยายระบบให้ครอบคลุมดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงยิ่งขึ้น วันนี้กองทุน LTC จึงเป็นหนึ่งในมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่ยั่งยืน" เลขาธิการ สปสช. กล่าว  

'อนาคตใหม่' ย้ำผู้สูงวัยร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี

ขณะที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ 'The Future We Want' ของพรรอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความว่า "ผู้สูงอายุคืออนาคตใหม่ของไทย..." โดยระบุว่า ภายในปี 2564 ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ มีคนอายุเกิน 60 ปี คิดเป็น 15% ของคนทั้งประเทศ สิ่งที่เราต้องคิด คือทำอย่างไรให้ผู้สูงวัยเป็นอนาคตของประเทศ ไม่ใช่แค่คนรุ่นหนุ่มสาว ทำให้ผู้สูงวัยยังเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มีงานทำตามศักยภาพ ที่สำคัญ รัฐต้องมองหารายได้เพิ่มผ่านการเปิดโอกาสให้มีธุรกิจใหม่ๆ สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีงบประมาณพอจะให้สวัสดิการถ้วนหน้าแก่ประชาชนที่ต้องพึ่งพิงบริการสาธารณสุขของรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ตามวัย

"อนาคตใหม่ คืออนาคตที่ผู้สูงวัยร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี" เพจ 'The Future We Want' ระบุ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ทักษิณโพสต์อวยพร หวังสงกรานต์ปีหน้าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเสียที

Posted: 12 Apr 2018 11:22 PM PDT

'ทักษิณ-อภิสิทธิ์' โพสต์อวยพรวันสงกรานต์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หวัง "สงกรานต์ปีหน้าเราจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเสียที" ขณะที่ ธนาธรเริ่มกิจจกรรมออนทัวร์ ลงพื้นที่รับฟังความเห็นชาวอีสาน

13 เม.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยโพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านอินสตาแกรม 'thaksinlive' อวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ ระบุด้วยว่า "สงกรานต์ปีหน้าเราจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเสียที"

ขณะที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านอินสตาแกรม 'abhisit_vejjajiva' อวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ด้วยเช่นกัน

ด้านเฟสบุ๊คแฟนเพจ 'The Future We Want' โพสต์ภาพพร้อมรายงานว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่ภายใต้ชื่อกิจกรรม 'ธนาธรออนทัวร์' ประเดิมจังหวัดแรกในอีสานที่หนองบัวลำภู ดูตลาดประชารัฐลานค้าชุมชนห้วยเดื่อ โดยมีคนในพื้นที่อาสาพาเดินชมตลาดแนะนำของดีของขึ้นชื่อในท้องถิ่น งานนี้ชอปกันสนุก ทั้งน้ำผึ้งและรังผึ้ง ผลมัลเบอร์รี่ ข้าวโพด ไอศครีมกะทิ เมล็ดกระบก ไปจนถึงผ้าฝ้ายมัดหมี่หมักน้ำซาวข้าวที่จะมีความหอมติดเนื้อผ้าด้วย

เพจดังกล่าวรายงานด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งแรกก็เจอคำถามหิน ว่าอนาคตใหม่มีแนวทางในการแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างไร ธนาธร ยืนยันว่าแนวทางหลักที่จะพัฒนาได้ทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่อีสาน ก็คือจะต้องส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีอำนาจในการกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเจ้าของพื้นที่เท่านั้นที่จะรู้ปัญหา และมองหาแนวทางพัฒนาที่ตอบโจทย์คนในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง

"ธนาธรออนทัวร์ ยังจะไปพบพี่น้องอีสานอีกหลายจังหวัด รับฟังปัญหา และมองหาแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยจากคนในพื้นที่ อยากให้ธนาธรไปไหน หรือพบใคร แนะนำได้เลย" เพจ 'The Future We Want' รายงาน

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น