โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

ปชป.ลั่นดำเนินนโยบายเพื่อทุกคนในประเทศ ผิดกับทักษิณต้องการนิรโทษกรรมพวกตน

Posted: 10 Apr 2011 02:13 PM PDT

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์” เชื่อทักษิณ-เพื่อไทย-เสื้อแดงเตรียมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากไม่เป็นไปตามที่ต้องการ “สาธิต ปิตุเดชะ” ชี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรได้เสียงอันดับหนึ่งหรือสอง เพื่อไทยก็จะขอตั้งรัฐบาล และถ้าไม่สำเร็จเสื้อแดงจะชุมนุมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือให้ทักษิณกลับบ้านและไม่ติดคุก 

โฆษก ปชป. ยันยุบสภาแน่สัปดาห์แรกเดือน พ.ค. ด้าน ส.ส. ลงพื้นที่ช่วงสงกรานต์

วานนี้ (10 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าขณะนี้มีความชัดเจนในเรื่องผ่าน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญโดยสภาผู้แทนราษฎร เป็นการยืนยันว่าทันกำหนดที่จะกราบบังคมทูลเกล้าฯขอพระราชกฤษฎีกายุบสภาใน สัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ก็แสดงความพร้อมในการดำเนินการเลือกตั้งตาม กรอบระยะเวลาที่นายกฯได้หารือ และระบุไว้กับประชาชน

ส่วนนโยบายในการหาเสียงของพรรค คณะกรรมยุทธศาสตร์และนโยบายได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้เตรียมการที่จะให้ผู้สมัคร และ ส.ส. ของพรรคทุกคนเร่งลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ เพื่อที่จะประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรค รวมทั้งการติดป้ายหาเสียงตามจุดต่างๆด้วย ขณะเดียวกันนายกฯจะใช้เวลาที่ กกต. จัดสรรให้ชี้แจงผลงานพรรคการเมือง คือวันที่ 20 เมษายน 54 ในการบันทึกเทปเพื่อประกาศกรอบนโยบายพรรค เพื่อให้ประชาชนรับทราบนโยบาย “เดินหน้าต่อไปด้วยนโยบายเพื่อประชาชน.”

 

ชี้ทักษิณ-เพื่อไทย-เสื้อแดง เตรียมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง หากไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์วาระสารต่างประเทศ ว่า มีสาระสำคัญเห็นได้ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจผิดต่อระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยยังอ้างถึงมือที่มองไม่เห็นว่าจะเป็นส่วนกำหนดทิศทางในการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นการลดความน่าเชื่อถือของสถาบันทางการเมือง และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้พรรคได้มีการประเมินว่าการอ้างอิงเหตุผลดังกล่าวนั้นดำเนินการเพื่อ เตรียมการไม่ยอมรับผลของการเลือกตั้งหากผลนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่กลุ่มตนเอง ต้องการ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ก็สอดรับกับ กลุ่ม นปช. และ พรรคเพื่อไทย ออกมาสร้างความเชื่อว่ามีการเตรียมการโกงการเลือกตั้ง มีการทำบัตรเหลืองปลอม หรืออะไรต่างๆ เพื่อให้การการเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า พรรคในฐานะแกนนำรัฐบาลเห็นว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ การที่ให้ทุกฝ่ายยอมรับกระบวนการกติกา และผลการเลือกตั้งนั้น จะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองในการระบบประชาธิปไตย นั้นเป็นทางออกให้กับความขัดแย้ง แทนการนำไปสู่ความวุ่นวายที่สังคมไทยประสบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

ชี้ทักษิณเสนอนิรโทษกรรม ผิดกับจุดยืนประชาธิปัตย์ที่ทำเพื่อทุกคนในประเทศ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่าส่วนสาระที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่าจะประกาศนโยบายสำคัญในเรื่องผลักดันการนิรโทษกรรมคนที่ถูก ดำเนินคดีทางกการเมืองในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมานั้น ตรงนี้เห็นเจตนาชัดเจนว่ารวมถึงความผิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลวินิจฉัยจนถึงที่สุด เพื่อเป็นการปูทางให้ตัวเองกลับมาประเทศไทยโดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ และความผิดที่เกิดขึ้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวนั้นตรงข้ามกับจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืนยันว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำของประเทศในวันนี้จะต้องมีการกระทำที่เห็น ได้ว่าดำเนินการไม่ใช่เพื่อเพียงคนหนึ่งคนใด แต่ต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อประชาชนทุกคนในประเทศ นอกจากนี้คำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้ระบุถึงทางเลือกในการเลือกตั้งว่า “วันนี้ประเทศไทยควรกลับไปเริ่มตั้งใหม่หมด” ตนมองว่าหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับประเทศไทยต้องกลับไหเริ่มต้นที่ศูนย์ใหม่ ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าปัญหาทุกอย่างของประเทศชาติ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขทันที ซึ่งนโยบายของพรรคในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายนั้น จะผลักดันได้บ้านเมืองต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกระหว่างแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืนยันว่าจะต้องให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่การเริ่มต้นใหม่ตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยได้ประกาศ

 

อัดจตุพรบอกว่าทหารฆ่าประชาชนถือเป็นข้อความเท็จ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มบ้านเลขที่ 111 ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลให้ชดเชยทางแพ่งต่อความสูญเสียในช่วง 10 เม.ย. -19 พ.ค. 53 นั้น นายกฯ ได้ระบุชัดเจนว่ารู้สึกเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งต่อประชาชนที่ เข้าร่วมชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งเหตุการณ์การที่เกิดขึ้นนั้นจะให้ครบรอบ 10 เม.ย. เป็นอุทาหรณ์ของการยืนยันปฏิเสธความรุนแรงจากความวุ่นวายทางการเมืองทุกรูปแบบ ก็ควรจะยืนยันด้วยการชุมนุมที่เป็นไปด้วยความสงบ ไม่ปลุกระดมเพื่อสร้างความเกลียดชัง เพราะแกนนำของกลุ่ม นปช. และพรรคเพื่อไทย โดยนายจตุพร พรหมพันธ์ ออกมาบอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการปลุกประชาชนให้มาต่อสู่กับทหาร ที่ฆ่าประชาชน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการปลุกระดมด้วยถ้อยความที่เป็นเท็จ เพราะความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็ชัดเจนว่าเกิดจากกลุ่มที่เคลื่อนไหวแอบอิงอยู่กับผู้ชุมนุม และมีการสั่งการในลักษณะแบ่งงานกันทำ สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และต่อชีวิตของผู้ร่วมชุมนุม ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่

 

สาธิต ปิตุเดชะ” อัด “จตุพร” เชื่อเพื่อไทยจะเดินยุทธศาสตร์เอาทุกทาง

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า สำหรับผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง จะนัดหารือหลังสงกรานต์ และจะทยอยเปิดชื่อผู้สมัคร โดยภาคกลาง จัดทำรายชื่อผู้สมัครเสร็จเกือบ 100 % ซึ่งไม่มีอะไรเซอร์ไพรซ์ เพราะเป็นผู้สมัครหน้าเดิม จะมีคนใหม่เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเสียงอะไร ส่วนใน กทม.ก็จะทยอยเปิดตัวเช่นกัน

นายสาธิต กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มนปช. ที่ออกมากล่าวหาว่าทหารจะเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่ตนเรียกร้องให้มาทำสัตยาบรรณในการพูดเรื่อง สร้างสรรค์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ให้ความร่วมมือและจะเดินตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้คือยุทธศาสตร์เอาทุกทาง

 

เพื่อไทยจะทำทุกอย่างให้ได้เป็นรัฐบาล ถ้าไม่สำเร็จเสื้อแดงจะชุมนุมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง

โดยทางแรก ถ้าชนะก็จะตัดตั้งรัฐบาลขณะเดียวกันก็สร้างกระแสว่าพรรคที่ชนะอันดับหนึ่ง ต้องได้รับเกียรติเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทางที่สอง ถ้าได้อันดับสองก็ไม่ได้ทำตามในสิ่งที่ตนเองเรียกร้อง ก็จะรวมกับพรรคที่มีเสียงขนาดกลางจัดรัฐบาลแข่งด้วยเพื่อมาเป็นแกนนำหรือ เป็นนายกรัฐมนตรี ทางที่สามถ้าไม่ได้เป็นพรรคแกนนำ หรือเป็นพรรคอันดับสองก็ขอเป็นพรรคร่วมเพื่อมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าใครจะได้เป็นนายกฯ ทางที่สี่ ถ้าไม่สำเร็จเกลุ่มเสื้อแดงก็จะไม่หยุดการชุมนุม และจะเอาเหตุผลที่นายจตุพรพูดในวันนี้ไปอ้างในวันข้างหน้า ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง โดยบอกว่าไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม มีการปลุกระดมไม่ให้ยอมรับผลเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

 

เชื่อเป้าหมายสูงสุดคือให้ทักษิณกลับบ้านและไม่ติดคุก

นายสาธิต กล่าวว่า ในอดีตการชุมนุมจะมีผู้สนับสนุนคือแก้ว 3 ประการ คือ พรรคการเมือง มวลชน และกองกำลังติดอาวุธ แต่ตอนนี้มีกองกำลังมาเพิ่มเป็นแก้วประการที่ 4 ที่น่าวิตกมาก คือ กองทัพสื่อที่ไร้จรรยาบรรณ จะมาสนับสนุนตามยุทธศาสตร์ที่พรรคเพื่อไทยต้องการ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือทำอย่างไรก็ได้ให้ได้อำนาจรัฐมา อันจะเป็นปัจจัยที่เอื้อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาบ้านโดยไม่ติดคุก พรรคจึงหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีประชาชนเสียงส่วนใหญ่มาเป็นตัวตัดสินปัญหาทั้งหมด และเดินไปข้างหน้า เพื่อทำให้สถานการณ์บ้านเมืองทุเลาเบาบางลง จึงขอให้ทุกฝ่ายเอากลับมาสู่การเลือกตั้ง เอาความขัดแย้งวางไว้แลชะเดินไปข้างหน้า เริ่มต้นให้กับประเทศกันใหม่

นายสาธิต กล่าวว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ หลังจากที่รัฐบาลประกาศนโยบายดำเนินการจริงจังกับเรื่องยาเสพติด ขณะนี้มีตัวเลขคดีอาชญากรรมลดลงระดับหนึ่ง แต่จากการทำงานของกรรมาธิการยังพบปัญหาในทางปฏิบัติ คือข้อมูลที่ได้รับจากประชาชนยังไม่ใช่ข้อมูลที่แท้จริงทั้งหมด หรือถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะประชาชนยังไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะจริงจังกับการปราบปรามยา เสพติดหรือไม่ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเองหรือไม่ หรือกลัวจะไม่ปลอดภัยกับตัวเองในการให้ข้อมูล ดังนั้นเพื่อสร้างความไว้วางใจจากประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในฐานะที่ตนมีอำนาจศึกษา ตรวจสอบการทำงานของตำรวจทั่วประเทศ ขอให้ประชาชนทุกคนถ้ามีข้อมูลที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่าจะชั้นยศอะไร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ส่งข้อมูลที่มีหลักฐาน พยาน มาที่คณะกรรมาธิการการตำรวจ เพื่อตนจะรวบรวมข้อมูลและส่งต่อนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ที่มา: เรียบเรียงจากเว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ [1] , [2]

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ICG เผยรายงานฉบับล่าสุด “ประเทศไทย: ความสงบก่อนพายุอีกลูกจะมาเยือน?”

Posted: 10 Apr 2011 10:08 AM PDT

อินเตอร์เนชั่นแนลไครซิสกรุ๊ป” เผยรายงานฉบับล่าสุดแนะรัฐบาลไทยต้องทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นไปอย่างเสรีและยุติธรรม ขณะที่การตั้งรัฐบาลต้องชอบธรรม ชี้ความพยายามบิดเบือนผลการเลือกตั้งโดยฝ่ายชนชั้นนำนั้นจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงและความรุนแรง 

(11 เม.ย. 54) อินเตอร์เนชั่นแนลไครซิสกรุ๊ป (International Crisis Group: ICG) ได้เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุด “Thailand: The Calm Before Another Storm?” หรือ “ประเทศไทย : ความสงบก่อนพายุอีกลูกจะมาเยือน?” กล่าวว่าเกือบหนึ่งปีหลังจากที่มีการสลายการชุมนุม กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง ในขณะที่การปรองดองทางการเมืองกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้ว่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ประกาศว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2554 แต่ก็มีข่าวลือว่าอาจจะเกิดการรัฐประหารหรือการแทรกแซงทางการเมืองในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้การเลือกตั้งต้องชะงักลง

แม้ว่าการเลือกตั้งนั้นจะไม่ใช่ยาวิเศษ แต่ถ้าหากว่าประเทศไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากเสียงของประชาชนได้สำเร็จก็จะส่งผลให้ความชอบธรรมของรัฐบาลนั้นสูงขึ้น”, รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช นักวิเคราะห์อินเตอร์เนชั่นแนลไครซิสกรุ๊ป ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “เนื่องจากเดิมพันในครั้งนี้สูงมาก การแข่งขันจึงมีแนวโน้มที่จะดุเดือด การสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั้งโดยองค์กรภายในประเทศ ระดับภูมิภาคและนานาชาติ รวมทั้งการเผยแพร่ข้อตกลงกฎกติกาการเลือกตั้งเพื่อให้สาธารณชนรับรู้ในวงกว้างอาจจะมีส่วนช่วยในการลดความรุนแรงและเพิ่มความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งได้”

ในรายงานโดยสรุประบุว่า ขั้วหนึ่งในความขัดแย้งทางการเมืองนี้คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งสนับสนุนกลุ่มชนชั้นนำ อันประกอบด้วยสถาบันกษัตริย์ กองทัพ และศาล อีกขั้วหนึ่งคือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเป็นเครือข่ายที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

ความขัดแย้งนี้ได้ทำให้เกิดความแตกแยกที่ร้าวลึกในประเทศไทย การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม 2553 นำไปสู่การปะทะระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่ การปะทะทำให้มีผู้เสียชีวิต 92 คน ซึ่งรวมถึงพลเรือน 21 คนและทหารอีกห้านายในเหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษายน แม้ว่าจะถูกปราบปรามอย่างรุนแรง แต่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังคงแข็งแกร่งและเตรียมที่จะต่อสู้อีกครั้งหนึ่งในสนามเลือกตั้ง โดยให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคแนวร่วมของพวกเขา

ขณะที่ กลุ่ม พธม. ได้แสดงท่าทีต่อต้านการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นและเรียกร้องให้มวลชนคนเสื้อเหลืองไม่ลงคะแนนให้พรรคการเมืองใด แกนนำ พธม. อ้างว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะจัดการเลือกตั้งในสภาวะที่การเมือง “สกปรก” พวกเขาคาดหวังว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอาจจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่มีคุณธรรมเพียบพร้อมเพื่อมาทำการเมืองให้ “สะอาด” ผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม พธม. ได้ลดจำนวนลง การเคลื่อนไหวชาตินิยมสุดขั้วในกรณีความขัดแย้งเรื่องเขาพระวิหารกับประเทศกัมพูชาในปีนี้มีคนเข้าร่วมการชุมนุมน้อยกว่าการเคลื่อนไหวในปี 2551 มาก กลุ่ม พธม. ก็เริ่มขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยเป็นแนวร่วมต่อต้านทักษิณมาด้วยกัน

นอกจากประเด็นว่าการเลือกตั้งจะเสรีและยุติธรรมหรือไม่ การจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นประเด็นสำคัญในการกำหนดสภาวการณ์ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งและจะเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้น โดยมีแนวโน้มว่ารัฐบาลที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นรัฐบาลผสม กลุ่มคนเสื้อ แดงได้ขู่ว่าจะชุมนุมประท้วงอย่างหนักหน่วง ถ้าหากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งแต่ไม่ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคการเมืองที่ไม่ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งนั้นจะไม่ผิดรัฐธรรมนูญ แต่ความชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตยของรัฐบาลใหม่นั้นจะถูกท้าทายในทันที ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าหากว่าพรรคการเมืองที่ถูกมองว่าเป็น “หุ่นเชิด” ของอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล กลุ่ม พธม. และกลุ่มชนชั้นนำก็คงจะออกมาต่อต้านรัฐบาลเช่นกัน ส่วนหนึ่งจากรายงานดังกล่าวระบุ

นายจิม เดลลา-จิอาโคม่า ผู้อำนวยการโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอินเตอร์เนชั่นแนลไครซิสกรุ๊ปกล่าวว่า “การทำให้ทุกฝ่ายยอมรับผลของการเลือกตั้งยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับสังคมไทย แต่ความพยายามบิดเบือนผลการเลือกตั้งโดยฝ่ายชนชั้นนำนั้น แน่นอนว่าจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงและความรุนแรง”

เขายังกล่าวด้วยว่า “ประเทศไทยคงจะต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงซึ่งมีแนวโน้มที่รุนแรงมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ากลุ่มชนชั้นนำกับผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งจะจัดสรรอำนาจกันได้ลงตัว รวมทั้งเห็นพ้องกันในเรื่องบทบาทและตำแหน่งแห่งที่ของชนชั้นนำประเพณีในระบอบประชาธิปไตยได้”

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เสื้อแดงชุมนุมใหญ่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รำลึก 10 เมษา

Posted: 10 Apr 2011 09:33 AM PDT

เสื้อแดงชุมนุมใหญ่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยคึกคัก รำลึกสลายชุมนุม 10 เมษา ประกาศปฎิญญา 8 นปช.แดงทั้งแผ่นดิน จี้ดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดในการสั่งฆ่าประชาชนมารับโทษตามกฎหมาย


ขอบคุณรูปจาก UDD Thailand (facebook)

10 เม.ย. 54 - บรรยากาศบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน  กลุ่มคนเสื้อแดงได้ทยอยเดินทางมารวมตัว เพื่อร่วมกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ครบรอบ 1 ปี การสลายชุมนุม  ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมได้ถือป้ายผ้าที่เป็นรูปเหตุการณ์การสลายการชุมนุมบริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่บางส่วนจับกลุ่มพูดคุยถึงสถานการณ์ที่ผ่านมา พร้อมกับมีการจัดทำภาพและวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว และของที่ระลึกมาจำหน่ายโดยรอบ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มคนเสื้อแดง

ส่วนมาตรการในการรักษาความปลอดภัย ได้มีการจัดชุดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเทศกิจ กระจายกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด ซึ่งเหตุการณ์ยังถือว่าอยู่ในความสงบเรียบร้อย ส่วนการจราจรเริ่มติดขัดแต่รถยังสามารถเคลื่อนตัวได้

เสื้อแดงถวายสังฆทานแก่ผู้ล่วงลับ

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยา  ได้มีการตั้งเต๊นท์ทำบุญถวายสังฆทานให้กับผู้เสียชีวิตที่แยกคอกวัวครบ 1 ปี โดยมี นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. เป็นประธานจุดเทียน จากนั้น พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป สวดพระคาถา ก่อนครอบครัว และญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมจะกรวดน้ำ และถวายสังฆทาน โดยมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ พร้อมแกนนำคนเสื้อแดงอีกจำนวนมาก ร่วมทำบุญถวายสังฆทานด้วย

ทั้งนี้ บนเวทีเริ่มมีการปราศรัยสดุดีวีรชนสลับกับการร้องเพลง ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ยังคงสงบไม่มีเหตุรุนแรง ด้านการจราจรขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดถนนราชดำเนินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แดงทะลักล้นราชดำเนิน แกนนำมาพร้อมหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ในช่วงเย็นนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้เดินทางมาร่วมชุมนุมเต็มพื้นที่ถ.ราชดำเนินกลางและถ.ดินสอ ขระที่แกนนำนปช.ได้เดินทางมาสบทบอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เช่นนายวีระ หรือนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายขวัญชัย ไพรพนา  นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำนปช. รวมถึงนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญที่จะขึ้นปราศรับบนเวทีในเวลา 18.00 น. เพื่อเปิดโปงคดียุบพรรคการเมือง เป็นต้น ส่วนแกนนำเหล่านี้ได้สลับผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยบนเวทีโจมตีรัฐบาลและทหารที่กล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังสลายการชุมนุมวันที่ 10เม.ย.53 จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

“พสิษฐ์”เปรียบเหมือนเล่นฟุตบอล

18.00น.นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีการชุมนุม ถึงการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยเปรียบเทียบการเล่นฟุตบอลว่า มีการตกลงกันระหว่างผู้จัดการสนามและหัวหน้ากรรมการตัดสิน ทีมไหนที่ต้องการให้ช่วย ก็จะใช้มือวิเศษช่วยทุกวิธีทาง แต่หากทีมไหนที่ไม่ต้องการหรือไม่ชอบก็จะใช้เท้าวิเศษกระทืบซ้ำ ส่วนทีมอื่นก็ถูกพลอยฟ้าพลอยฝนเมื่อไปเชื่อจับมือกับทีมที่ถูกกลั่นแกล้ง ก็จะถูกเท้าวิเศษกระทืบด้วย จึงต้องมาจับมือกับที่ผู้จัดการสนาม  ไลส์แมนบางคนอยากเป็นใหญ่ พูดจามีหลักเกณฑ์  ดังนั้นผู้จัดการสนามจึงมีทั้งไลส์แมนและหัวหน้ากรรมการช่วยตลอด

นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า มีนักฟุตบอลอาวุโสที่หัวหน้ากรรมตัดสินและคนใกล้ชิดมาคุยด้วย บอกว่าขอให้ช่วยทีมที่ชอบและบอกว่าอย่าเคาะระฆังให้เลิกเล่นเขาก็ไม่เคาะระฆัง  กรรมการตัดสินก็ส่งคนใกล้ชิดไปพบกัปตันทีมที่ถูกช่วยเหลือที่ชื่อว่า นายที่คิดว่าตัวเองฉลาด ซึ่งนายคนนี้ได้พามือขวามาด้วย ชื่อนายมีคุณธรรม โดยทั้งสองคนนี้บอกว่าเล่นไปเถอะยังไงก็ชนะ  เมื่อทีมที่ถูกช่วยได้ถ้วยไปครอง เขาก็พยายามทำทุกวิธีทางเพื่อสนองความต้องการของผู้จัดการสนาม หัวหน้ากรรมการตัดสินก็กลัวว่าจะง่อยเปลี่ยเสียขา จึงขอให้คนใกล้ชิดไปช่วยแต่คนใกล้ชิดบอกกับหัวหน้าว่าช่วยไม่ไหวแล้ว ถ้าช่วยก็พัง และยังบอกอีกว่า ขอให้เห็นประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าส่วนตัว อย่าไปนั่งเป็นบอร์ดบริหารขณะนี้เลย แค่นี้ก็มีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศเพียงพอ ได้นกหวีดทองคำแล้ว แต่หัวหน้ากรรมการบอกว่าจะใช้จังหวะช่วยอีกครั้ง  นอกจากนี้ในเรื่องของการรับพนักงานยังมีพฤติกรรมไม่สุจริต ถ้ามองขึ้นไปดูบนเพดานบ้าง บ้านหลังนี้หลังคาจะพังเพราะไม่มีขื่อมีแปร มีแต่เสา 4-5 ต้น ที่มั่นใจว่าจะค้ำจุลได้
“ทีมถูกแกล้ง จะต้องถูกแกล้งตลอดหรือไม่ และทีมที่ถูกช่วยก็จะถูกช่วยตลอดกาลหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้คนที่น่าสงสารที่สุดคือคนดู การเล่นกีฬาทุกทีมที่เล่นก็อยากชนะ แต่ต้องชนะอย่งสมศักดิ์ศรี เมื่อฟังแล้ว ขอให้กลับบ้านไปคิดว่า พวกท่านยังสนับสนุนทีมการเล่นแบบนี้อีกหรือไม่ เราจะมาช่วยกันให้เกิดความยุติธรรมดีไหม”นายพิสิษฐ์ กล่าวและว่า มีคนพยามยามให้ตนเขาไปพื้นที่ที่เขาต้องการ และวันนี้เขาก็พยายามที่จะไม่ให้ตนมาที่นี่แต่ตนก็มาถึงก่อนเวลา 2ชั่วโมง

ปัดตอบคนขวางร่วมชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายพสิษฐ์ใช้เวลาในการปราศรัยเป็นเวลา 30 นาที จึงเดินทางออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทันที โดยมีนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ดนปช.พร้อมการ์นปช.คุ้มกันอย่างแน่นหนาไปขึ้นรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน ชพ 4464 ที่จอดอยู่บริเวณถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา

ทั้งนี้นายพสิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางถึงกรณีมีผู้ที่ไม่ต้องการให้มาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นใครว่า "อย่าเลยเดี๋ยวเขากระเทือน" เมื่อถามย้ำว่าใครสกัดกั้นไม่ให้มาปราศรัย นายพสิษฐ์ กล่าวว่า "ก็ดูสถานการณ์ต่างๆสิครับเพราะวันนี้ผมจะต้องมาที่นี่เร็วมาก" เมื่อถามว่า หลังจากนี้เกรงถึงความปลอดภัยของชีวิตหรือไม่ นายพสิษฐ์ กล่าวว่า "ไม่กังวลใดๆทั้งสิ้น"


ขอบคุณภาพจาก Ngarkill Remeo (facebook)

“จตุพร” ปูด”ป๋าเปรม” โทรสั่งช่วยปชป.รอดยุบพรรค

ถัดมาเวลา 18.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า เมื่อนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญได้เล่านิทานเปรียบเปรยไปแล้ว ตนก็ขอถามพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า ตอนตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.เปรมได้เคยเขียนจดหมายน้อยแล้วให้คนใกล้ชิดที่มีผมสีขาวนำไปมอบให้นายชัช  ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ  และพล.อ.เปรมได้เคยโทรศัพท์ไปหานายชัช เพื่อให้ช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ถูกยุบหรือไม่ เพราะทั้งจดหมายน้อยและการโทรศัพท์คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คือนายพสิษฐ์ ซึ่งเห็นทั้งจดหมายน้อยและได้ยินการโทรศัพท์ของพล.อ.เปรม

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยเพียงแค่ต้องการให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อล้มสถาบันอย่างที่ถูกกล่าวหา ไม่เข้าใจว่าเมื่อพยายามเป็นไพร่ที่ดีเหตุใดต้องมีคำสั่งฆ่า บ้านเมืองนี้เป็นประเทศที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกที่อ้างการฆ่าลูกเพื่อป้องพ่อและแม่ เมื่อมีคำสั่งฆ่าคนที่สั่งฆ่าก็ต้องถูกลงโทษ ตนไม่รู้ว่าประเทศนี้ผู้ใหญ่เป็นใครที่ให้จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ซึ่งจะเป็นรัฐบาลกู้มากที่สุด โง่มากที่สุดและโกงมากที่สุด ถ้าอย่างนั้นเอาเต่ามาเป็นสัญลักษณ์ตั้งเป็นรัฐบาลเต่าเลยดีกว่า นอกจากนี้อยากเรียกร้องให้ทหารกลับกรม กอง ไม่ต้องมาอยู่ตามสีลม ราชประสงค์ ใช้เงิน 6 พันล้านฆ่าประชาชน รัฐบาลหน้าต้องจ่ายให้ครอบครัวละ 10 ล้านบาทดูแลครอบครัวผู้ชีวิตบาดเจ็บตลอดชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายจตุพร ปราศรัยบนเวทีฝนได้เทกระหน่ำลงอย่างแรง ส่งผลให้น้ำท่วมขังบริเวณลานอนุสาวรีย์เป็นวงกว้าง แต่คนเสื้อแดงยังปักหลักฟังการปราศรัยอย่างเหนียวแน่น
 


ขอบคุณภาพจาก Heaven Love (facebook)

“ธิดา”ลั่นไม่ยอมให้ใครฆ่าคนเสื้อแดง

ต่อมาเวลา 19.30 น.นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการ ประธาน นปช.ขึ้นเวทีปราศรัยท่ามสายฝนเทลงมาอย่างหนัก ว่า เราจะยอมให้คนเสื้อแดงตายฟรีเหมือนในยุคก่อนหรือไม่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พิมพ์หนังสือ”ประเทศไทยจะไม่ยอมให้ใครมาเผา” แต่เราบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาฆ่าอีกแล้ว และเราเป็นพวกสู้ไม่เลิกเขาต้องถอย ถามว่าถ้าใช้การเมืองมาสู้กับการเมืองก็เป็นไปได้ดีกว่า แต่เมื่อใช้การทหารมาแก้ปัญหาการเมือง ผู้ปกครองประเทศที่ทำอย่างนี้มีแต่ย่อยยับ คนที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้สู้ประชาชนไม่ได้ มวลชนเรากล้าต่อสู้กล้าเสียสละ ทิศทางเรามาถูกต้อง เราแค่ต้องการประชาธิปไตยที่ให้เห็นเราเป็นคนเหมือนกัน ขอให้ดูว่าวันนี้ประชาชนมากี่แสนคน ซึ่งไม่เคยมีการชุมนุมยืดเยื้อยาวนานที่มีแต่คนมากขึ้นทุกวัน อีกด้านเสื่อมลงทุกวัน
 
ปัญหาระบอบอำมาตย์ที่อยู่กระบวนยุติธรรม ไม่กี่วันก็จะล้มลงเป็นเครื่องสุดท้ายของระบอบอำมาตย์ที่ใช้จัดการกับประชาชนที่ไม่เหลืออะไรอีกแล้วที่ประชาชนไม่ต้องการอีกต่อไปและผู้ปกครองจะเหลืออะไร เราอดทนรอคอยท่ามกลางแดดฝนอย่างนี้ที่จะได้ชัยชนะอยู่แค่เอื้อมขอให้ผนึกกำลังลวดใหญ่ทำให้กำแพงป้อมปราการของระบอบอำมาตย์ทลายลงไป ที่ผ่านมาเขาคิดระบอบอำมาตย์ต้องมั่นคงและมองว่าพวกเสื้อแดงล้มเจ้าก็ชอบธรรมที่จะฆ่า ขณะนี้โรงเรียนเสื้อแดงเปิดแล้วเพื่อยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้พวกเผาบ้านเผาเมืองมาโยนความผิดให้พวกเรา ซึ่งต้องทวงความยุติธรรมและจัดตั้งรัฐบาลให้ได้

“แม้ว”โฟนอินเชื่อกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยน

จากเวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี  ได้โฟนอินเข้ามายังเวทีการชุมนุมพร้อมทั้งกล่าวกับผู้ชุมนุม ว่า 1 ปีที่ผ่านมา พวกเรามาอยู่ที่นี้มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับประชาธิปัตย์และมีคนตายมากมาย ทั้งที่ไม่ควรจะมีใครล้มตายบาดเจ็บ ถ้าประชาธิปไตยไม่ถูกทำลาย และการที่ทหารปราบปรามประชาชนเป็นสิ่งที่ทั่วโลกสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่ตายในวัดปทุมฯก็มีหลักฐานสำคัญที่น่าสนใจที่กำลังส่งให้ศาลโลกพิจารณา ส่วนทุกคนที่ตายบริเวณสี่แยกคอกวัว ส่วนใหญ่จะถูกปืนสไนเปอร์ยิงเสียชีวิตแต่ในวันเกิดเหตุตนอยู่ที่ซาอุฯกำลังจะเข้าเฝ้าเจ้าชายเพื่อปูทางสร้างความเข้าใจของ 2 ประเทศ ขณะที่นายกปัจจุบันได้ประคมประนมข้าราชการที่มีส่วนพัวพันฆ่าอุปทูตซาอุ แต่เมื่อทราบข่าวของพี่น้องที่อยู่ที่นี่ตนก็หยุดทุกย่างเพราะเกิดความเสียใจ  จึงไม่ได้ประส่านกลับมาที่กรุงเทพ อย่างไรก็ตามได้มีโอกาสพูดคุยกับญาติผู้บาดเจ็บและล้มตายพวกเขาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าขอให้ตนรักษาสุขภาพให้ดี เขาจะสู้ต่อไปเพื่อประชาธิปไตย์
 
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า การไม่มีประชาธิปไตย์ไม่ได้เป็นผลดีกับใครหรือผู้ปกครองคนไหน วันนี้อยากจะเรียกร้องทุกฝ่ายร่วมสร้างกติกาให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นกลาง โดยกรรมการจะต้องมีใจเป็นธรรมถ้าการเลือกตั้งคราวนี้มีการคดโกง กรรรมการไม่มีความยุติธรรมคนกระทำจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ทำให้บ้านเมืองเราตกต่ำไปกว่าเดิม วีระชนเราจะต้องไม่ตายฟรี เจ็บฟรีตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการเยี่ยวยาคนเหล่านั้น เพราะเขาเป็นคนบริสุทธิ์ที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย์ให้ประเทศไทยเท่านั้น ขอให้เชื่อมั่นว่าไม่ช้าประชาธิปไตยและความยุติธรรมจะกลับมาหาเราและเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะตัดสินใจได้เด็ดขาดชัดเจนและตนจะกลับมาเจอหกันเร็วๆนี้

“แม้ไม่มีประชาธิปไตยแบบตรงๆ ก็อยากเรียกให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม กรรมการมีความเป็นกลาง เคารพการตัดสินใจของประชาชน เพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสู้ความปกติสุขมากขึ้น วันนี้เราไม่รู้จะหวังอะไรกับใครแต่สิ่งที่ใกล้ตัวมากที่สุด ก็คือการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมของให้อดใจอีกนิด ผมมั่นใจว่าประเทศไทยกำลังก้าวสู้จุดเปลี่ยน เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง และคนที่มีความเป็นธรรม ต้องเชื่อมโยงอำนาจให้ประชาชนไม่ใช่ตั้งคนไม่กี่คนมาทำลายอำนาจแระชาชน”

จุดเทียนไว้อาลัยเหยื่อสลายการชุมนุม

ทั้งนี้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมและญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมกลุ่มนปช.ได้ขึ้นเวทีปราศรัยนำมวลชนจุดเทียน พร้อมกับเปิดเพลงนักสู้ธุลีดิน เพื่อแสดงความไว้อาลัยแด่วีรชนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่บริเวณแยกคอกวัวเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ส่งเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง

หญิงเสื้อแดงโผล่ไล่วีระลงเวที เหตุไม่อยู่ตอนสลายชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.25 น. ในขณะที่นายวีระ หรือนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กล่าวปราศรัยอยู่บนเวทีนั้นได้มีหญิงอายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อสีแดง ยืนตะโกนด่าว่า “คนเสื้อแดงปล่อยให้นายวีระขึ้นไปพูดบนเวทีได้อย่างไร เพราะตอนที่สลายการชุมนุมนายวีระไม่ใช่แกนนำที่อยู่ต่อสู้ เหมือนนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ทั้งที่นายวีระเป็นคนที่สมบูรณ์ที่สุด ลูกก็เรียนอยู่เมืองนอก” ทำให้การ์ดนปช.ต้องรีบนำตัวหญิงคนดังกล่าวออกจากบริเวณข้างเวทีอย่างรวดเร็ว

“โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” วีดีโอลิงค์ร่วมสดุดีคนเสื้อแดง

จากนั้นเวลา 21.45 น. นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายนปช. ได้วีดีโอลิงค์มายังเวทีปราศรัยโดยสวมเสื้อยืดคอปกสีแดง พร้อมกับกล่าวว่า ขอร่วมสดุดีกับคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งนี้เป็นเวลา 2เดือนแล้วที่สำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัมได้ยื่นฟ้องคดีคนเสื้อแดงไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ

ซึ่งในช่วงเวลานี้ศาลอาญาฯไ ด้เปิดการสอบสวนคดีดังกล่าวของประเทศลิเบียและประเทศไอวอรี่โคสต์ แต่เนื่องจากทั้งสองประเทศยังไม่ได้ลงสัตยาบรรณกับศาลโลกเหมือนประเทศไทย การจะพิจารณาว่ารับหรือไม่รับคดีจึงยังไม่ชัดเจน แต่ไม่ว่าศาลอาญาฯจะปฏิเสธไม่รับคดีของไทย เราก็จะไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะนำคนผิดมาลงโทษ แม้ว่าจะใช้เวลาเป็นปีแต่มั่นใจว่าความยุติธรรมจะต้องเกิดขึ้นในที่สุด

ประกาศปฎิญญา 8 นปช.แดงทั้งแผ่นดิน

นอกจากนี้ แกนนำบนเวทีปราศรัยทั้งหมด จะประกาศปฏิญญา 8 ข้อ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ได้แก่ 1. เคลื่อนไหวทำกิจจกรรมช่วยเหลือคนเสื้อแดงให้ได้รับอิสรภาพ และเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ  2. ดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดในการสั่งฆ่าประชาชนมารับโทษตามกฎหมาย 3. เรียกร้องในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค 4. รณรงค์พรรคการเมืองประชาธิปไตย ตรวจสอบการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม 5. สนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 อย่างถูกต้องในการจัดตั้งรัฐบาล ต่อต้านอำนาจนอกระบบที่แทรกแซงผลการเลือกตั้งในทุกกรณี 6. ต่อสู้ให้มีรธน.ฉบับใหม่ ของประชาชนที่เป็นประชาธิปไตย 7. ต่อต้านรัฐประหารและเผด็จการทุกรูปแบบ และ 8. ขยายมวลชนคนเสื้อแดง และแนวร่วมทั้งปริมาณและคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม นพ.เหวง กล่าวอีกว่า การชุมนุมใหญ่ในวันนี้ จะไม่มีการยืดเยื้ออย่างที่มีกระแสข่าวออกมา การชุมนุมจะยุติในช่วงเวลาประมาณ 01.00 น.

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์ข่าวสด, เว็บไซต์เดลินิวส์, ไทยรัฐออนไลน์

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

นักกิจกรรมเชียงใหม่ร่วมรำลึก “คนตาย 10 เมษา”

Posted: 10 Apr 2011 06:20 AM PDT

นักกิจกรรมเชียงใหม่ร่วมรำลึก 1 ปี 10 เมษา มีการถือป้ายรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์พร้อมแจกแถลงการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยสมบูรณ์ และอำนาจนอกระบบหยุดแทรกแซงการเมือง

 
10 เม.. ที่ลานถนนคนเดิน จ.เชียงใหม่ กลุ่มนักกิจกรรมเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมรำลึกถึง “คนตาย 10 เมษา คนที่ตายมีใบหน้า คนที่ถูกฆ่ามีชีวิต” ด้วยการถือป้ายรายชื่อคนตายเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ที่สี่แยกคอกวัว พร้อมกับแจกแถลงการณ์ "ครบรอบหนึ่งปี “วันสังหารประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยหยุดอำนาจนอกระบบแทรกแซงการเมืองไทย สร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์"


 

 

ที่มาภาพ: เฟซบุ๊คของ Unchalee Disagree
 
 
 
แถลงการณ์ครบรอบหนึ่งปี “วันสังหารประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยหยุดอำนาจนอกระบบแทรกแซงการเมืองไทย สร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์
 
สืบเนื่องมาจาก วันที่ 10 เมษายน 2553 เมื่อปีแล้ว ได้มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ของผู้รักประชาธิปไตยหรือ คนเสื้อแดงอย่างสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งถือเป็นสิทธิพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย
 
การชุมนุมในครั้งนั้น เป็นการประท้วงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล ภายใต้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหาร
 
โดยมีอำนาจนอกระบบ ที่สำคัญคือกองทัพ และองคมนตรี หนุนหลัง อันขัดกับหลักการประชาธิปไตย หรือเป็น ระบอบอำมาตยาธิปไตยนั่นเอง
 
การชุมนุมในครั้งนั้น ได้เรียกร้องเพียงเพื่อให้มีการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจอธิปไตย อำนาจสูงสุดในการปกครองบริหารประเทศให้กับประชาชน
 
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ กลับใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามดำเนินการ กระชับพื้นที่หรือ สลายการชุมนุม” “ทำลายสิทธิการชุมนุมนั่นเอง และนำสู่การสูญเสียชีวิตของประชาชนผู้มีเพียงสองมืออันว่างเปล่า
 
วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปี วันสังหารประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
 
เราขอน้อมจิตรำลึกเจตนารมณ์ของวีรชนประชาธิปไตย ผู้สูญเสียชีวิต จากความป่าเถื่อนและอำมาหิตของผู้ฆ่าและผู้สั่งฆ่าประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
 
เราขอเรียกร้องมายังประชาชนทุกคน ร่วมกันสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ ร่วมกันหยุดอำนาจนอกระบบแทรกแซงการเมืองไทย
 
เราขอเรียกร้องมายังประชาชนทุกคน ว่า มีแต่การสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์เท่านั้น จึงเป็นการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ว่าทุกคนมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
 
เราขอเสนอมายังประชาชนว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ ให้ช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องเพราะพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ล้วนแต่เป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนยอมจำนนต่อระบอบอำมาตยาธิปไตย
 
เราเชื่อว่า มีแต่ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะนำพาสังคมไทยสู่ความเจริญรุ่งเรืองดั่งอารยประเทศต่างๆที่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ เสมอภาคและภราดรภาพในอนาคต
 
 
 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

แรงกระเพื่อม...มหาดไทย :สัญญาณเลือกตั้งใหม่

Posted: 10 Apr 2011 02:50 AM PDT

 
ขณะนี้กรมการปกครองได้เสนอรายชื่อผู้มีคุณสมบัติจำนวน 190 คน ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอ (อำนวยการสูง) หรือระดับ 9 ที่ว่างทั้งสิ้น 95 ตำแหน่งทั่วประเทศแล้ว หลังจากรั้งรอยืดเยื้อมากว่า 6 เดือน
 
การพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งนายอำเภอ (อำนวยการสูง)  หรือระดับ 9  เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงมหาดไทย นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครองกล่าวว่าที่ผ่านมาการแต่งตั้งนายอำเภอจะต้องพิจารณาจากข้าราชกรมการปกครองผู้ที่ผ่านการจบหลักสูตรนายอำเภอมาแล้ว และจะแต่งตั้งเรียงตามลำดับรุ่น โดยปกติกรมการปกครองมีหน้าที่พิจารณาก็จะทำเพียง 2 วันก็แล้วเสร็จ
 
แต่เนื่องจากปัจจุบันกระบวนการแต่งตั้งต้องทำตามขั้นตอนของระเบียบที่ออกโดยคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่เปิดกว้างให้ข้าราชการกรมอื่นที่มีคุณสมบัติระนาบเดียวกันกับนายอำเภอ ระดับ 8  สามารถเข้ามาสมัครสอบคัดเลือกข้ามกรมได้ ส่งผลให้มีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือก จำนวนมากกว่า 600 คน
 
คงยังพอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ข่าวการแต่งตั้งนายอำเภอ (อำนวยการสูง) ระดับ 9 เคยสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว เมื่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ได้วินิจฉัยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยกเลิกคำสั่งที่ มท 28/2553 ลงวันที่ 15 มกราคม 2553 เพราะการแต่งตั้งนายอำเภอ (อำนวยการสูง)  หรือระดับ 9 ตามคำสั่งดังกล่าวถูกฟ้องว่าสรรหามาโดยไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
 
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ลงนามในหนังสือเวียนถึงกระทรวง มหาดไทยให้มีการเปิดตำแหน่งเฉพาะ (ฉ) ให้กับนายอำเภอที่ถูกฟ้องว่าสรรหามาโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และให้ดำเนินการคัดเลือกใหม่
 
นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.  ได้ออกหนังสือเวียน ที่ นร.1008/ว.46 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553  เรื่อง แนวทางการดำเนินการกรณี ก.พ.ค. มีคำวินิจฉัยหรือ ก.พ. มีมติให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้กรมและจังหวัดถือปฏิบัติด้วยแล้ว โดยมีสาระสำคัญในการดำเนินการยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งซึ่งมีผลทำให้ข้าราชการผู้นั้นต้องกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมย้อนหลังไปในวันที่คำสั่งเดิมมีผลใช้บังคับ เท่ากับว่าผู้ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นนายอำเภอ (อำนวยการสูง) ระดับ 9  ตามคำสั่งที่ 28/2553 ลงวันที่ 15 มกราคม 2553 ต้องกลับไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ระดับ 8  ดั่งเดิม
 
สำหรับตำแหน่งนายอำเภอ (อำนวยการสูง) ระดับ 9 ที่ว่างลงมีรายละเอียด ดังนี้ ตำแหน่งว่างจากการเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 กันยายน 2553 จำนวน 21 ตำแหน่ง  ตำแหน่งว่างจากการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในปีงบประมาณ 2553 จำนวน 3 ตำแหน่ง  ตำแหน่งว่างจากการยกเลิกคำสั่งที่ มท 28/2553 ลงวันที่ 15 มกราคม 2553 เพราะถูกฟ้องว่าสรรหามาโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 38 ตำแหน่ง และตำแหน่งว่างจากการที่ผู้ดำรงตำแหน่งเดิมได้รับการแต่งตั้ง (ย้าย) ให้ดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัด จำนวน 33 ตำแหน่ง
 
ที่ผ่านมากระแสภายในแวดวงคนมหาดไทยเคยประทุสร้างเสียงสนั่นลั่นคลองหลอดอย่างต่อเนื่องเช่น กรณีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงเรียกร้องมาตรฐานจริยธรรมจากนายกรัฐมนตรีกรณีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลข้าราชการระดับสูงของกรมการปกครองในเรื่องการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ซึ่งถือเป็นการทำลายระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ทำลายระบอบการศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพของข้าราชการ ทำให้ศักดิ์ศรีของข้าราชการเสียหายยับเยิน
 
นายปลอดประสพ ยังสอบถามนายกฯ อีกว่า เมื่อข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ถูกย้ายไปหมดแล้ว แต่ยังเหลือฝ่ายการเมืองที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ นายกฯมีความคิดที่จะปลดย้ายฝ่ายการเมืองหรือไม่ หรือคิดจะลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะปล่อยให้ฝ่ายการเมืองใช้อิทธิพลเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลักฐานจนทำให้ ป.ป.ช.ไม่สามารถเอาผิดไปถึงระดับการเมืองได้
 
นี่เป็นประเด็นคำถามในส่วนของกรณีทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ที่มีการแจ้งข้อหาว่ามีการล็อกรายชื่อผู้ที่ต้องสอบได้ 150 คน นำไปสู่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  มีมติเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2553 ชี้มูลคดีการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ(นอ.) ปีงบประมาณ 2552 โดยพนักงานป.ป.ช.ได้จำแนกกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งมีลักษณะการเขียนคำตอบคล้ายกัน 3 กลุ่มโดย กลุ่มแรก 47 คน กลุ่มสอง 36 คน และกลุ่มสาม 24 ราย
 
หรืออย่างกรณีนายวงศ์ศักดิ์ สวัสพานิช อดีตอธิบดีกรมการปกครองถูกเด้งให้ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยยื่นฟ้องคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม (ก.พ.ค.) และ ก.พ.ค.มีมติคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองให้แก่ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิช โยนปลัดกระทรวงมหาดไทยให้หาตำแหน่งให้นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีคนปัจจุบันแทนที่เดิม
 
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ได้ยื่นฟ้องนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อศาลปกครองกลาง  และให้สัมภาษณ์ว่าที่ต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเนื่องจากทราบว่านายมงคล  สุระสัจจะ  ปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมการปกครองมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองก่อนแล้ว และเกรงว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยจะใช้การรอคำสั่งของศาลปกครองมาประวิงเวลาไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค. ที่จะคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองให้แก่นายวงศ์ศักดิ์ ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้นายวงศ์ศักดิ์เดือดร้อนมาก เพราะไม่ทราบว่าจะต้องปฏิบัติหน้าที่อะไร
 
นายวงศ์ศักดิ์กล่าวว่าหากปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมการปกครองก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งจากปลัดกระทรวงมหาดไทย และหากปฏิบัติหน้าที่ตรวจราชการฯ ก็จะขัดคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค. ซึ่งจะขัดต่อกฎหมายด้วย นอกจากนี้ ความไม่ชัดเจนของตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองยังส่งผลเสียหายต่อประเทศเนื่องจากตอนนี้มีปัญหาน้ำท่วมภาคใต้อย่างหนัก รวมถึงปัญหายาเสพติด และปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาได้รับทราบตามมติที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ กพ. และกฤษฎีกาได้เสนอความเห็น และรับทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือก.พ.ค. ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดได้ส่งไปให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ อย่างไรก็ตามขณะนี้ต้องรอศาลปกครองพิจารณาก่อน โดยหวังว่าจะมีแนวทางที่จะทำให้ดำเนินการได้ตามกรอบเวลา 60 วัน   ถ้าหากศาลยังไม่มีการพิจารณาในกรอบเวลาที่กำหนด ก็ต้องดำเนินการตามมติ กพ. และกฤษฎีกาสรุปมา
 
กระทรวงมหาดไทยก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2435 ภารกิจลักษณะงานของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวข้องกับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร มีหลักฐานปรากฎในประวัติศาสตร์การปกครองของไทยมานับตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นปฐมราชธานี เมื่อราว พ.ศ. 1800 มาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีการจัดระเบียบการปกครองฝ่ายพลเรือนในรูป " จตุสดมภ์ " (เมือง วัง คลัง นา) โดยให้กรมเมือง มีหน้าที่ในการปกครองท้องที่ รักษาสันติสุข บังคับบัญชาบรรดาพลเรือน ตราบจนถึงรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถราว พ.ศ. 2006 ได้กำหนดให้มีกรมมหาดไทย ดูแลบริหารราชการฝ่ายพลเรือนสืบทอดมาจนถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
 
ปัจจุบันมีการจัดสร้างศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอแนวคิดการทำงานของกระทรวงมหาดไทยมุ่งเน้นให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข โดยการทำนุบำรุงบ้านเมืองเสียแต่ยามปกติ ไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาเสียก่อนจึงค่อยดำเนินการ
 
นับแต่ก่อตั้งกระทรวงมหาดไทยข้าราชการของมหาดไทยทุกระดับจะได้รับการพัฒนาทั้ง คุณภาพ ทัศนคติ และพฤติกรรม ให้เป็นคนรุ่นใหม่ที่มุ่งทำงานเพื่อประชาชน
 
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมที่ผ่านมาทั้งในด้านการจัดองค์กร วิธีการปฏิบัติงานและตัวบุคลากร ทุกอย่างย่อมปรับเปลี่ยนไปตามกระแสการเปลี่ยนทางสังคมทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของผู้บริหารฝ่ายการเมือง
 
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามหาดไทยเป็นอีกกระทรวงหนึ่งที่ถูกจับตามมองว่าผู้จะเจริญก้าวหน้าในกระทรวงนี้ได้นอกจากต้องมีความรู้ ความสามารถแล้ว อาจยังต้องอาศัย ดวง อันหมายถึง : เป็นเด็กใคร : วิ่งเต้นถูกช่องทางหรือไม่  และ : เงินหนาพอไหม ประกอบด้วย
 
ประเด็นนี้เทียบเคียงเอาจากการเสวนาเรื่อง "ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย : ศึกษากรณีกระทรวงมหาดไทย" ที่หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และยังมีฐานะเป็นนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้กล่าวแฉโพยว่า มีขบวนการซื้อขายเก้าอี้ในสังกัดกรมการปกครอง แม้กระทั่งการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอกันอย่างโจ๋งครึ่ม พร้อมกับเรียกร้องให้ข้าราชการร่วมมือร่วมใจต่อต้านอำนาจการเมืองที่แทรกแซงการบริหารราชการแผ่นดินทั้งในส่วนกลางและระดับท้องถิ่น
           
การแต่งตั้งนายอำเภอ (อำนวยการสูง) หรือระดับ 9 ที่ว่างทั้งสิ้น 95 ตำแหน่งทั่วประเทศ แม้ไม่มีข่าวเรื่องเงินเรื่องทองมาเกี่ยวข้อง  แต่ในข้อเท็จจริงขั้นตอนการสรรหาต่างๆ ปรากฏว่าได้ร่นขึ้นมาจากเดิมตามที่ประกาศไว้ ทำให้กระบวนการการสรรหานายอำเภอ (อำนวยการสูง) หรือระดับ 9 จนถึงขั้นตอนที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงนามแต่งตั้งจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน เพื่อให้ทันกรอบเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะทูลเกล้าพระราชกฤษฎีกากำหนดวันยุบสภาในต้นเดือนพฤษภาคม
             
เมื่อมีการยุบสภาจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วันแต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันยุบสภา ดังนั้น วันเลือกตั้งอาจเป็นวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน หรือไม่ก็เป็นวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฏาคม ดังนั้นจึงมีแนวโน้มอาจจะส่งผลให้การพิจารณาแต่งตั้งนายอำเภอ (อำนวยการต้น) หรือระดับ 8 เดิม ทั่วประเทศ แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ตำแหน่งนายอำเภอ (อำนวยการต้น) หรือระดับ 8 เดิม ว่างกว่า 100 ตำแหน่ง
           
มีเสียงเล่าลือกันว่า สาเหตุที่ทำให้กระทรวงมหาดไทยต้องเร่งขั้นตอนการสรรหานายอำเภอ (อำนวยการสูง) หรือระดับ 9 ให้เร็วขึ้น  เนื่องจากนายอำเภอเป็นกลไกสำคัญระดับภูมิภาค ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมอบหมายให้นายอำเภอเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งด้วย นั่นย่อมเท่ากับว่าอาจมีการหวังผลต่อการเลือกตั้งที่ใกล้จะเกิดขึ้น
           
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า การที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) มีคำวินิจฉัยให้คืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองให้กับนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อาจส่งผลต่อการแต่งตั้งนายอำเภอทั้งอำนวยการสูง (หรือระดับ 9 ) และอำนวยการต้น (หรือระดับ 8) เนื่องจากนายวงศ์ศักดิ์เติบโตมาในสายของพรรคเพื่อไทย จึงต้องเร่งให้การสรรหานายอำเภอให้เสร็จภายในช่วงที่นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครองคนปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งอยู่ เพราะมีบางฝ่ายมองว่านายมงคลเป็นคนของสายพรรคการเมืองอีกฟากหนึ่ง
           
เรื่องเช่นที่ว่านี้จะจริงเท็จแค่ไหน  แหล่งข่าววงในแจ้งว่า  คนมหาดไทยก็ยัง งง..งง ...???
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

คำไว้อาลัย 1 ปี แห่งการจากไปของคุณฮิโรยูกิ มูราโมโตะ

Posted: 10 Apr 2011 02:45 AM PDT

การเสียชีวิตจากการถูกสังหารของคุณฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพสื่อมวลชนชาวญี่ปุ่น เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2553 ยังความสลดเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่ประชาชนผู้รักสัจจะ ความยุติธรรม และประชาธิปไตย

คุณฮิโรยูกิทำหน้าที่ในฐานะช่างภาพสื่อมวลชนที่เสนอความภาพความจริงที่เกิดขึ้น แต่ข้อเท็จจริงว่าคุณฮิโรยูกิเสียชีวิตจากเหตุใด และใครเป็นผู้สังหาร จนกระทั่งบัดนี้ 1 ปีแล้ว ทางราชการไทยโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับให้คำตอบที่ปวดร้าวว่า ไม่มีพยานหลักฐานใดยืนยันว่าการตายของคุณฮิโรยูกิเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดอ้างว่าเป็นผู้ทำให้คุณฮิโรยูกิถึงแก่ความตาย

ครบรอบ 1 ปีแห่งคืนอันเหี้ยมโหดเมื่อ 10 เมษายน 2553 แล้ว ผมไม่รู้สึกว่ามีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของสังคมไทยเลย หนทางเดียวที่สังคมไทยจะพัฒนาสู่ความสงบ สันติ ได้ก็โดยแต่การยึดถือความจริง ความยุติธรรม แต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่ทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องเท่านั้น

ทหารทำหน้าที่ต่อสู้กับอริราชศัตรู ไม่ใช่มาสลายการชุมนุมของประชาชน

ผู้พิพากษาตัดสินคดีด้วยการยึดหลักกฎหมายและความยุติธรรม ไม่ใช่การใช้ตุลาการภิวัฒน์ซึ่งกลายความหมายเป็นการกระทำที่ไม่ชอบเสียแล้ว

ผู้นำผู้ปกครองประเทศปฏิบัติหน้าที่ตามหลักทศพิธราชธรรมอย่างแท้จริง อันมีความไม่เบียดเบียนต่อประชาชนผู้ถูกปกครอง และการให้ความเที่ยงธรรมต่อประชาชน เป็นต้น

ตราบใดที่ฝ่ายสำคัญต่างๆ ไม่ทำหน้าที่ของตนเอง สังคมไทยย่อมยังคงประสบวิกฤตอันหนักหน่วงต่อไป การรำลึกถึงการจากไปของคุณฮิโรยูกิหมายถึงการระลึกว่า พวกเราที่ยังคงมีลมหายใจอยู่ มีความผูกพันในหน้าที่แห่งชีวิตที่จะต้องร่วมกันทวงหาความจริง ความยุติธรรม และสร้างประชาธิปไตยที่ชีวิตของทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันต่อไป

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

“ประพันธ์” แนะ พธม. แห่ไปฟังมติพรรคการเมืองใหม่ 24 เม.ย. นี้

Posted: 10 Apr 2011 01:35 AM PDT

เรื่องลงหรือไม่ลงเลือกตั้ง จะได้รู้ว่ามีใครไม่ฟังเสียงเจ้าของพรรคตัวจริง แนะ พธม. ไปบอกหัวหน้าพรรค - กรรมการบริหารพรรคว่าควรบอยคอตการเลือกตั้ง เพราะเป็นการอัปรีย์ไปจัญไรมา ลั่น พธม. ชุมนุมน้อยแล้วยังไง ทำไม ปชป. คะแนนตกทุกวัน ด้าน “ชัชวาล” อัด “อัญชะลี” หลังไม่ร่วมเวที พธม. พร้อมเตือนอย่าอ้างเบื้องสูง

ประพันธ์ลั่น ปชป. กลัวโหวตโนเพราะฐานเสียงคือชนชั้นกลาง-ชนชั้นสูง

วันนี้ (9 เม.ย.) เวลาประมาณ 21.00 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ซึ่งเป็นองค์กรที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งขึ้น ได้กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่าในการชุมนุมของพันธมิตรฯขณะนี้ คนที่กลัวมากสุดคือประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาได้คะแนนตีกิน หลอกประชาชนคนชั้นสูง และคนชั้นกลาง หลอกว่าเป็นพรรคที่เลวน้อยที่สุด

และส่วนใหญ่คนที่โหวตโนก็เป็นคนชั้นสูง และชั้นกลาง ที่เบื่อและเกลียดนักการเมือง ประชาธิปัตย์จึงกลัวการโหวตโนมากสุด ส่วนเพื่อไทย ภูมิใจไทย และชาติไทย ไม่ค่อยกลัว เพราะพรรคเหล่านี้ได้คะแนนมาด้วยระบบอุปถัมภ์ ได้จากการเลี้ยงหัวคะแนน เลี้ยงชาวบ้าน บวกกับระบอบโกงซื้อเสียง คนพวกนี้อาจไม่สะทกสะท้าน แต่ก็อาจได้รับกรรมโดยรวม หากจำนวนประชาชนที่ไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง บัตรเสีย และลงช่องไม่เลือกใคร รวมกันแล้วมากถึง 30 - 40 เปอร์เซ็นต์ ก็จะได้รับผลโดยรวมเช่นกัน แต่ประชาธิปัตย์จะทุรนทุรายมากกว่าพรรคอื่น เพราะเห็นความพ่ายแพ้อย่างหมดข้อสงสัยมาตั้งแต่ต้น การโหวตโนนี้จะเป็นการสั่งสอนพรรคการเมือง และนักการเมืองที่เนรคุณประชาชน

 

ชี้ประชาธิปัตย์ต้องการล้มเวที พธม. จึงตอบโต้ผ่านสื่อต่างๆ

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ประชาธิปัตย์ใช้กลยุทธ์ตอบโต้พันธมิตรฯ เขาต้องการล้มเวทีปราศรัย ด้วยการทำลายความน่าเชื่อถือของวิทยากร จนกระทั่งผู้ประกาศบนเวที โดยสาวกประชาธิปัตย์โต้ตอบพวกเราผ่านทางเฟซบุ๊ก และสื่อต่าง ๆ เพราะแม่ทัพ ขุนศึกของพรรคประชาธิปัตย์ สู้พวกเราไม่ได้แล้ว

หนึ่ง กลยุทธ์แรกที่ใช้ในการทำลายพันธมิตรฯคือใส่ร้ายนายสนธิ ว่ารับเงินนายทักษิณมาล้มประชาธิปัตย์ นี่คือกลยุทธ์ชั่วอันแรก แต่ก็ล้มเหลวแล้วไม่มีใครเชื่อ

สอง ใส่ร้ายว่าตน และคนที่ขึ้นเวที ปราศรัยโจมตีประชาธิปัตย์เพราะเคียดแค้นพรรคและตัวนายกฯเป็นการส่วนตัว หรือเพราะไม่ประสบความสำเร็จในประชาธิปัตย์ อย่างที่นายศิริโชคเคยกล่าวโจมตีตน

 

ลั่นถ้าทักษิณกลับมา พธม. จะเช็คบิลอีกรอบ ย้อน ปชป. ต่างหากกลัวทักษิณเอาคืน

สาม พยายามพูดโน้มน้าวว่าล้มประชาธิปัตย์จะเอานายทักษิณกลับมาหรือ พวกเราไม่กลัวเลย ทักษิณกลับมาจะได้เช็คบิลอีกรอบ พันธมิตรฯไม่เคยกลัว คนที่กลัวคือประชาธิปัตย์ต่างหาก กลัวเขามาเอาคืน

สี่ สร้างกลยุทธ์โจมตีว่าชุมนุมทำไมบ้านเมืองกำลังจะเดินไปข้างหน้า สร้างความวุ่นวาย การมาชุมนุมก็ยังดีกว่าการทุจริต การโกงชาติ ขายชาติ และดีกว่าการปล่อยให้โจรออกมาป่วนบ้านป่วนเมือง ใครกันแน่ที่ก่อความวุ่นวาย

 

แนะ พธม. แห่ไปฟังมติ กมม. จะได้รู้ว่ามีใครไม่ฟังเสียงเจ้าของพรรคตัวจริง

ห้า จะยุบสภาหนี ก็ปรากฏว่าเจอโต้กลับด้วยโหวตโน แถมเรียกร้องให้พรรคการเมืองใหม่บอยคอตการเลือกตั้งคราวนี้ด้วย ที่ใส่ร้ายเราว่าชุมนุมเพื่อหาคะแนนให้พรรคการเมืองใหม่ บอกให้ใส่ข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ลงไปในนโยบายพรรคการเมืองใหม่ แล้วไปลงเลือกตั้งแข่งกัน ถ้าไปลงเลือกตั้งตอนนี้ก็ต้องไปโกงแข่งสิถึงจะชนะได้ แล้วเรื่องอะไรจะเอาเงินประชาชนไปโกงการเลือกตั้ง พอเป็นอย่างนี้ก็โจมตีเราในจุดนี้ไม่ได้

"วันที่ 24 นี้ พรรคการเมืองใหม่จะมีมติว่าจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งหรือไม่ แต่ทางที่ดีพี่น้องที่นี่น่าจะไปฟังมติการประชุมของพรรคสัก 500 หรือ 1,000 คน ให้เห็นว่าเจ้าของพรรคมาบอกว่าอย่าลงเลือกตั้งจะฟังไหม วันนั้นจะรู้ว่าใครบ้างที่ไม่ฟังเสียงเจ้าของพรรคตัวจริง เจ้าของพรรคตัวจริงควรไปบอกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคว่าควรบอยคอตการเลือกตั้ง เพราะเป็นการเลือกตั้งอัปรีย์ไปจัญไรมา ต้องบอยคอตถึงจะเป็นผู้ดี อย่าไปเกลือกกลั้วสิ่งสกปรกเลย"นายประพันธ์ กล่าว

หก กลยุทธ์ต่อมาพยายามใช้ลูกหาบพยายามชวนเราทะเลาะ ปล่อยให้เต้นไปเถอะ ไร้สาระ บางคนหาว่าตนสู้แล้วรวย ไม่เคยรู้จักตน ถ้ารวยรวยไปตั้งแต่ช่วง 193 วันแล้ว จะมารวยอะไรตอนนี้ ไร้สาระจริง ๆ อย่าไปให้ราคา

 

ลั่น พธม. ชุมนุมน้อยแล้วยังไง ทำไม ปชป. คะแนนตกทุกวัน

เจ็ด กลยุทธ์ต่อมา กล่าวหาว่าผู้ชุมนุมพันธมิตรฯพูดหยาบ ไม่มีมิตรแล้ว ทำลายมิตรหมด แล้วเขียนจดหมายมาเสี้ยมสารพัด กลยุทธ์นี้มันต่ำเกินไป กลยุทธ์นี้ก็ล้มเหลว ชุมนุมน้อยแล้วยังไง แล้วทำไมถึงทำอะไรเราไม่ได้ ประชาธิปัตย์คะแนนตกลงทุกวัน ทั้งๆที่มีทุกอย่างพร้อม ทั้งสื่อฟรีทีวี กองทัพ กำลังพ่อยกแม่ยก แต่เอาชนะคนเพียงหยิบมือเดียวไม่ได้อายหรือไม่

แปด สุดท้ายหาว่าไม่เอาระบบเลือกตั้งทั้งๆที่ระบบเลือกตั้งดีที่สุดแล้ว จริง ๆ การเลือกตั้งไม่ได้ดีที่สุดและไม่ได้แย่ที่สุด แต่เฉพาะประเทศไทยเป็นสิ่งที่เลวที่สุด เป็นวิธีทำให้ได้คนเลวมาปกครองประเทศ นักรัฐศาสตร์ควรต้องอธิบายใหม่ เพราะโลกยอมรับทุกระบบ ในเวียดนาม พม่า จีน ก็มีการเลือกตั้งในแบบประเทศของตัวเอง แต่ประเทศอื่นก็ยังทำการค้าขายด้วย

นายประพันธ์กล่าวว่า ขอบอกว่ากลยุทธ์เหล่านี้ของประชาธิปัตย์ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไม่ได้ผล

 

เรียกร้องกองทัพทบทวนจุดยืน ปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว

นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ผลของคำพิพากษาศาลนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีกลุ่มประชาชนเคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนแผ่นดินจากกัมพูชา แล้วประชาธิปัตย์ก็ยัดเยียดข้อหาบุกรุกป่าสงวนให้ สรุปศาลตัดสินให้ฝ่ายประชาชนชนะ โดยศาลชี้ว่าเป็นการออกไปใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องแผ่นดิน ซึ่งหลักฐานที่ใช้ในการต่อสู้ก็เอาจากเวทีนี้ไปทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลของเวทีเราได้ช่วยพี่น้องที่ปกป้องดินแดน และเป็นบทเรียนให้ทหารเห็นว่าชาวบ้านปกป้องดินแดนโดยไม่มีอาวุธเลย ดังนั้นอย่ามาแต่แอ๊คอาร์ทต้องปฏิบัติด้วย

"กองทัพควรทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว พูดผิดพูดใหม่ได้ที่บอกว่ากองทัพสนับสนุนการเลือกตั้ง แสดงว่าอยู่ดีมีสุขกับระบอบแบบนี้ใช่หรือไม่ สนับสนุนให้อัปรีย์ไปจัญไรมานั้นหรือ นี่ไม่ใช่คำตอบ ทหารต้องบอกว่ากองทัพสนับสนุนประชาชน และจะเป็นเสาค้ำให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยากให้ทบทวนจุดยืนเสียใหม่" นายประพันธ์ กล่าว

 

ชัชวาล” เตือน “อัญชะลี” อย่าอ้างเบื้องสูง

นอกจากนี้ นายชัชวาล ชาติสุทธิชัย ยังปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ด้วยว่า พันธมิตรฯ มีสองประเภท คือพันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์ กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คนของประชาธิปัตย์ เมื่อก่อนก็ร่วมชุมนุมกับเรา

โดยนายชัชวาลปราศรัยโจมตี น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ ซึ่งเคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ว่า น.ส.อัญชะลีไปพูดกับหลายคนว่าเบื้องบนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมครั้งนี้ และสู้ไปก็ไม่ชนะ "ไปเอาอะไรมาพูด เสือกไปรู้อะไรด้วยว่าเบื้องบนไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ วันนี้น้องปองก็โพสต์ขึ้นเฟซบุ๊กบอกว่าผมโกหก และชอบอ้างเบื้องบน บอกว่าคนที่บอกปองคือคนที่บ้านสี่เสา อย่างนี้ใครกันแน่ที่ชอบอ้างเบื้องบน ปองรู้ได้ไงว่าเบื้องสูงเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้นี้ ผมไม่มีอคติอะไรที่มาบอกก็เพื่อเตือนว่าอย่าเที่ยวอ้างเบื้องสูง เพราะคุณไม่ได้อยู่กับเบื้องสูง" นายชัชวาล กล่าว

นายชัชวาล กล่าวอีกว่า ต้องหยุดได้แล้วเวลาน้องไปพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง บอกว่าชุมนุม 193 วัน ไม่มีความสุขเลยสักวันเดียว ที่ต้องทำเพราะผู้ใหญ่ให้ทำ วันนั้นปองบอกว่าทำเพราะได้ทำหน้าที่สื่อมวลชน แต่วันนี้ไม่ขึ้นเวทีแต่กลับบอกว่าเพราะจะเป็นสื่อมวลชน

 

อัดปองไม่ยอมด่าอภิสิทธิ์ ลั่นขอกราบเท้า โสภณ องค์การณ์”

นอกจากนี้นายชัชวาลยังบอกว่า เหนื่อยใจมากเวลาออกรายการเคาะข่าวริมโขง ปองพยายามด่านายสุเทพ นายเนวิน แต่ไม่ยอมด่านายอภิสิทธิ์ ตนก็พยายามบอกว่าถ้านายกฯ ไม่ยอมให้ชั่วจะชั่วได้ไหม ช่วยนายกฯจนมีพิรุธ แล้ววันหนึ่งก็แอบไปสัมภาษณ์นายกฯ นั่งเรียบร้อยพูดเพราะ ไม่มีคำถามคมๆเลย ถึงบอกว่า ถ้าจะให้กราบเท้าตนขอกราบเท้านายโสภณ เพราะไม่ยอมไปสัมภาษณ์นายกฯ โดยใช้คำพูดว่าถ้าสัมภาษณ์จะไม่ทำอย่างที่ใครบางคนทำ ไม่ถามเพื่อประโยชน์ประเทศเลย ถามเชลียร์นายกฯกันหมด ตนไม่เล่นเฟซบุ๊กจะโพสต์ด่าอย่างไรก็เชิญ ตนเชื่ออย่างหนึ่งว่าจะพิสูจน์ว่าใครดีใครเลวเมื่อดินกลบหน้า

นายชัชวาล ยังกล่าวอีกว่า ไม่ต้องห่วงว่าตนสู้แล้วรวย ปองไม่สู้ก็รวยเพราะขอเก่งเหลือเกิน หรือไม่จริงตอบโต้ได้หมด แล้วเดี๋ยวตนจะเปิดเผยว่าไปขอเงินใครไว้เดือนละ 3 หมื่น 4 หมื่น ไม่ขึ้นเวทีไม่เป็นอะไร ไม่ได้ว่า ชอบประชาธิปัตย์ก็บอกมาตรงๆ อย่างนายสุทิน วรรณบวร ก็บอกเลยว่าไม่เอา เพราะชอบประชาธิปัตย์ มันต้องแบบนี้ หรือไม่สู้เพราะเป็นญาตินายวัฒนา ยังต้องพึ่งฮุนเซน เดี๋ยวฮุนเซนจะล่อเอา ก็บอกตรงๆ พันธมิตรฯ ใจกว้างอยู่แล้ว

 

ที่มา: เรียบเรียงจาก เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ [1], [2]

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น