โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

12 เม.ย.วันเดียวเกิดอุบัติเหตุทางถนน 528 ครั้ง ดับ 30 เจ็บกว่า 500

Posted: 13 Apr 2011 12:49 AM PDT

วันนี้ (13เม.ย.54 )ณ ห้อง 352 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานแถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2554  เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2554 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12 เม.ย. 2554  ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100%

 ”เกิดอุบัติเหตุ 528 ครั้ง ลดลงจากปี 2553 (870 ครั้ง) 342 ครั้ง ร้อยละ 39.31 ผู้เสียชีวิต 30 คน ลดลงจากปี 2553 (69 คน) 39 คน ร้อยละ 56.52  ผู้บาดเจ็บ 576 คน ลดลงจากปี 2553 (929 คน) 353 คน ร้อยละ 38.00 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 38.07  ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.40  ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.95 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 56.25 บนถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 34.28 ทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 32.20 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 28.60 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน (อายุ 20 – 49 ปี) ร้อยละ 59.08 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 32 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ ชลบุรี เชียงใหม่ จังหวัดละ 22 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กระบี่ ชลบุรี สกลนคร สุพรรณบุรี จังหวัดละ 3 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 32 คน รองลงมา ได้แก่ ขอนแก่น 24 คน ทั้งนี้ ได้จัดตั้ง จุดตรวจหลัก 2,514 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 68,981  คน เรียกตรวจยานพาหนะ 703,981 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 84,784 ราย โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 26,574 ราย รองลงมา ไม่สวมหมวกนิรภัย 25,994 ราย

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 2  วัน (วันที่ 11 – 12 เม.ย. 54) เกิดอุบัติเหตุรวม 893 ครั้ง ลดลงจากปี 2553 (1,427 ครั้ง) 534 ครั้ง ร้อยละ 37.42  ผู้เสียชีวิตรวม 59  คน  ลดลงจากปี 2553 (114 คน) 55 คน ร้อยละ 48.25  ผู้บาดเจ็บรวม  976 คน ลดลงจากปี 2553 (1,536 คน) 560 คน ร้อยละ 36.46  จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสูด  ได้แก่ เชียงราย 52 ครั้ง รองลงมา  นครศรีธรรมราช 38  ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่  เชียงใหม่  ประจวบคีรีขันธ์  ชลบุรี จังหวัดละ 4 คน  จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย  54 คน รองลงมา นครศรีธรรมราช  40 คน

นายจำรูญ กล่าวต่อไปว่า วันที่ 13 เม.ย. เป็นวันที่สามของการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2554 และเป็นวันปีใหม่ไทย จึงคาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางถึงภูมิลำเนาแล้ว และจากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันหยุดเฉลิมฉลองสงกรานต์ ส่วนใหญ่เกิดบนถนนสายรอง ซึ่งเป็นถนนระหว่างตำบล หมู่บ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดื่มสุรา ศปถ. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจ มุ่งเน้นถนนสายรองในพื้นที่ และเส้นทางระหว่างตำบล หมู่บ้าน โดยบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับ และการไม่สวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด สำหรับพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับอาสาสมัครสอดส่องมิให้มีการจำหน่ายและดื่มสุรา ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ รวมถึงจัดชุดสายตรวจควบคุม รถกระบะที่บรรทุกคนเล่นน้ำตามท้องถนน มิให้ใช้ความเร็วสูง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ได้สั่งการให้จังหวัดมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ในพื้นที่ ย้ำเตือนประชาชนที่เล่นน้ำสงกรานต์มิให้สาดน้ำหรือใช้ปืนและกระบอกฉีดน้ำแรง ดันสูงฉีดใส่ผู้ที่ขับรถสัญจรไปมา โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะอาจเกิดการหักหลบ ทำให้รถเสียหลัก จนเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านเส้นทางที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์  ไม่ควรขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ระมัดระวังคนเล่นน้ำริมสองข้างทางและรถจักรยานยนต์ เพราะอาจเล่นน้ำจนไม่ทันระวังอันตราย อีกทั้งสภาพถนนที่เปียกลื่น อาจทำให้รถลื่นไถลและเกิดอุบัติเหตุได้ ท้ายนี้ หากประชาชนประสบอุบัติเหตุ สามารถติดต่อแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือ ได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง ปภ. พร้อมออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ทันที

ที่มาข่าว: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

อัยการฟ้อง "ธวัชชัย เอี่ยมนาค" พกระเบิดขี่จักรยานยนต์รอบทำเนียบ

Posted: 13 Apr 2011 12:14 AM PDT

อัยการยื่นฟ้อง "ธวัชชัย เอี่ยมนาค" พกระเบิดทีเอ็นที ขี่จักรยานยนต์รอบทำเนียบฯ ศาลรับฟ้องนัดสอบคำให้การ 18 เม.ย.นี้

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 54 ที่ผ่านมาโพสต์ทูเดย์รายงานว่าพนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธวัชชัย เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี ชาว จ.น่าน โดย นายธวัชชัย เป็นหนึ่งในกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานทำ และมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง โดยนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ให้ครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
        
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2554 จำเลยได้ขี่รถจักรยานยนต์รอบทำเนียบรัฐบาล โดยมีและทำระเบิดแสวงเครื่องชนิดจุดระเบิด ทีเอ็นทีแบบตั้งเวลา 1 ลูก และระเบิดแสวงเครื่องชนิดจุดระเบิดโดยโทรศัพท์ 1 ลูก มีอำนาจทำลายล้าง และสังหารชีวิตมนุษย์และสัตว์ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ตรวจค้นและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดี

ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลรับฟ้องคดีไว้พิจารณา และนัดสอบคำให้การ ในวันที่ 18 เมษายน 2554 เวลา 09.00 น.

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ชำนาญ จันทร์เรือง: ผมขอสนับสนุนให้คุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาเป็นนายกรัฐมนตรี

Posted: 13 Apr 2011 12:02 AM PDT

จากการลุกขึ้นเหน็บแนมฝ่ายค้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลช่วยเหลือน้ำท่วมล่าช้า แต่นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กลับลงพื้นที่ถึงประชาชนก่อน และหากสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงจะได้รับเลือกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ควรที่จะเชิญนายสรยุทธ์มาเป็นได้

ประสมเข้ากับการโวยวายของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่าสื่อมวลชนที่ลงไปทำข่าวทุกวันนี้ ทำเพื่อโปรโมทตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อชาติ พยายามทำเหมือนรัฐบาลไม่ทำอะไร ดังนั้น รัฐบาลต้องทบทวนแผนประชาสัมพันธ์กันใหม่ ช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเชิญ(ความหมายก็คือบีบคอ)สื่อช่อง 9 และ 11 ลงไปทำข่าวการเตรียมสร้างและซ่อมแซมบ้านในพื้นที่ประสบอุทกภัย ทำให้ผมเกิดอาการคลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนออกมา แต่เสียดายของเก่าที่กินเข้าไปแล้วจะเสียของ ก็เลยต้องกลั้นไว้

เรื่องของการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นของพรรคประชาธิปัตย์นี้ผมได้ยินมานานแล้ว ไม่ได้แปลกใจอะไร แต่ไม่นึกว่าจะใจแคบได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งอันที่จริงแล้วผมไม่ได้เป็นแฟนรายการเรื่องเล่าเช้านี้ของคุณสรยุทธ์แต่อย่างใดเพราะผมเป็นคนตื่นสาย เว้นเสียแต่ว่าวันไหนมีงานหรือชั่วโมงบรรยาย ส่วนตอนเย็นก็ดูบ้างไม่ดูบ้างแล้วแต่โอกาส หรือดูดูอยู่ก็กดช่องเปลี่ยนเสียหลายครั้งเพราะหัวข้อเรื่องการสนทนาไม่ถูกใจ แต่โดยภาพรวมแล้วผมกลับชื่นชมการกระทำของคุณสรยุทธ์และต้นสังกัดของเขาที่มีวิสัยทัศน์และมีน้ำใจต่อเพื่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเองหรือชาวญี่ปุ่น

พูดถึงการศึกษาหรือความรู้ความสามารถของคุณสรยุทธ์ไม่ได้ด้อยกว่านายกรัฐมนตรีของไทยคนไหนหรือนักการเมืองทั้งหลายที่อยู่ในสภาในปัจจุบันนี้ ที่สำคัญคือก็ใจถึงพึ่งได้กว่าหลายๆคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือตัวนายกรัฐมนตรีเองที่ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆชูป้ายทวงจักรเย็บผ้าที่รัฐบาลเคยสัญญาว่าจะให้แล้วไม่ให้ว่า “ดีแต่พูด”จนเธอกลายเป็นขวัญใจคนใช้แรงงานไปโดยปริยาย

ครั้นหันมามองพรรคฝ่ายค้านที่ยังหาหัวไม่ได้ สุดท้ายแว่วว่าจะมาลงที่น้องสาวของคุณทักษิณโดยการันตีว่าเป็นผู้หญิงเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น สร้างตัวมาจากตำแหน่งเล็กๆจนไต่เต้าเป็นผู้บริหารระดับ หรือเป็นสายตรงกับคุณทักษิณ น้องสาวพูดก็เหมือนคุณทักษิณพูด ฯลฯ แต่ผมกลับมองว่าอย่างไรก็ตามเธอก็คือร่างทรงของคนอื่น ผมไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่เป็นหุ่นกระบอกของใคร

ฉะนั้น ผมจึงขอสนับสนุนให้คุณสรยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์หรือนายกรัฐมนตรีที่เป็นร่างทรงของคนอื่น โดยมีเงื่อนไขว่า

๑) ต้องยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาคที่เป็นปัญหาถ่วงความเจริญของประเทศชาติ และเป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์จากการแต่งตั้งของ”แก๊งแต่งตั้ง”ทั้งหลาย โดยให้เหลือเพียงการบริหารราชการส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่นดังเช่นนานาอารยประเทศทั้งหลายที่เป็นรัฐเดี่ยวและมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ฯลฯ

๒) ต้องยกเลิกสมาชิกวุฒิสภาที่มาจาการสรรหาจากเทวดาเพียงเจ็ดคนเสีย แล้วให้มีที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด รวมถึงทบทวนถึงที่มาของกรรมการในองค์กรอิสระทั้งหลายด้วย

๓) ต้องสอบสวนให้ได้ผลของการสังหารหมู่ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ทหาร หรือนักข่าวต่างประเทศ แล้วนำตัวมาลงโทษ

๔) ต้องให้ทหารกลับกรมกอง ไม่ต้องเสนอหน้ามายืนยันว่าจะไม่ปฏิวัติเพราะไม่ใช่หน้าที่

๕) ต้องเพิ่มเติม พรบ.ธรรมนูญศาลยุติธรรมมิให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคณะรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์เพราะไม่มีในตำรากฎหมายใดใดในโลกหรือในประเทศไทยบัญญัติไว้เช่นนั้น แต่ศาลฎีกาไทยกลับไปรับรองการกระทำเช่นนั้น ทั้งๆที่เป็นการกระทำความผิดฐานกบฏตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๓ อย่างชัดเจน

๖) ต้องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เกี่ยวกับคดีหมิ่นสถาบันฯ มิให้ใครนำมาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งผู้อื่น โดยกำหนดตัวผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องคดีให้ชัดเจน มิใช่ปล่อยให้ใครก็ได้ฟ้องมั่วจนเปรอะเช่นในปัจจุบันนี้

๗) ต้องดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องในเนื้อหาที่ปรากฏว่ามีการวิ่งเต้นคดี ไม่ว่าจะเป็นตุลาการหรือเจ้าหน้าที่กรณีคลิปหลุดศาลรัฐธรรมนูญอันอื้อฉาว มิใช่ไปมุ่งดำเนินคดีเฉพาะผู้จัดทำคลิปแต่อย่างเดียว

๘) ต้องจัดให้มีการปฏิรูปที่ดินให้ชัดเจน ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือที่ดินที่ได้เอกสารสิทธิ์มาโดยไม่ชอบเอามาจัดสรรให้ผู้ที่ไม่มีที่ทำกินได้ใช้ประโยชน์

๙) ต้องให้อำนาจตุลาการมีการยึดโยงกับอำนาจอธิปไตยของปวงชน มิใช่หลุดลอยเป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชนเช่นในปัจจุบัน เอะอะอะไรก็อ้างความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี ทั้งๆที่บางเรื่องไม่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีแต่อย่างใดแต่เป็นการบริหารจัดการสำนวนคดี เช่น กรณีศาลปกครองกับ ปปช. หรือกรณีเงินค่ารถประจำตำแหน่งแต่ไม่ได้เอาไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของเงิน ฯลฯ

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผู้อ่านคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก มีแต่ซูเปอร์แมนเท่านั้นกระมังที่ทำได้ ซึ่งก็อาจจะจริงแต่อย่าลืมว่าคุณสรยุทธ์เคยเป็นซูเปอร์แมนมาแล้วในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกล้าฉีกตัวมาจากค่ายเนชั่น การจัดทำรายการลักษณะของการเล่าข่าวจนทำให้จากอาตี๋ธรรมดากลายเป็นเศรษฐีหลายร้อยล้าน การระดมความช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจนผมเชื่อว่าไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จัก คุณสรยุทธ์ ฯลฯ     

คงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ เพราะมีหัวพรรคให้เลือก ช็อปปิงอยู่มากมาย แล้วลองออกนโยบายเช่นว่านี้ดูสิครับ รับรองว่าประชาธิปัตย์หรือคุณทักษิณไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็หนึ่งเสียง(หนักๆ)จากผมอย่างแน่นอนครับ   

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

“สมเจตน์” ดีใจ หลังได้เป็น ส.ว.สรรหา ลั่นจะไม่ให้คนเลวมีโอกาสบริหารประเทศ

Posted: 12 Apr 2011 04:54 PM PDT

อดีตเลขา คมช. เผยภาคภูมิใจที่ได้รับการสรรหาเป็นวุฒิสมาชิก ลั่นจะทำทุกด้านให้บ้านเมืองปกติสุข เอาความสามัคคีกลับคืนมา จะทำทุกอย่างไม่ให้คนเลวมีโอกาสบริหารประเทศ นอกจากนี้ “กลุ่ม 40 ส.ว.” กลับเข้ามาได้ถึง 21 คน ขณะที่สัก กอแสงเรือง – วันชัย สอนศิริ - เดชอุดม ไกรฤทธิ์ ได้เป็น ส.ว.สรรหาด้วย 

ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาประเภทสรรหาใหม่จำนวน 73 คน ได้เริ่มมี ส.ว.ที่ได้รับเอกสารรับรองจาก กกต. แล้ว ได้ทยอยเดินทางมาแสดงตนต่อ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่อาคารรัฐสภา 2 นั้น

โดยเมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) ISN รายงานว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เลนานุการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการแสดงตนว่า รู้สึกใจและภาคภูมิใจที่ได้รับโอกาสจากการสรรหาให้มาทำงานเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองอีกครั้ง เมื่อถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรกับข้อวิจารณ์ที่พยายามผูกโยงกับกองทัพ พลเอกสมเจตน์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาตนไม่สามารถปฏิเสธความเป็นทหารของตนได้ แต่ต้องดูในสิ่งที่ตนได้ปฏิบัติมาว่าได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนหรือประโยชน์ ของใคร หรือประโยชน์ของประเทศชาติ นั่นคือความเป็นมาของตน ต่อไปเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนจะยืนหยัดในอุดมการณ์อย่างนี้ได้ต่อไป หรือไม่

เมื่อถามว่าตั้งใจจะมาทำงานด้านใดเป็นพิเศษในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ว. พลเอกสมเจตน์ กล่าวว่า ด้านไหนก็ได้ทุกด้านที่จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองมีความปกติสุข มีความรักความสมัครสมานสามัคคีกลับคืนมาสู่ประเทศให้ได้ ให้ประเทศเรามีความร่มเย็นอีกครั้ง

พยายามที่จะทำอะไรก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้คนเลวมีโอกาสมารับผิดชอบ บริหารประเทศ ผมได้เรียนแล้วว่าผมไม่ปฏิเสธตัวผมเองได้ ผมมาจากทหาร แน่นอนที่ต้องมีความผูกพันกับกองทัพ ทหารมีหลายแบบ ต้องดูว่าจะพิสูจน์ตัวผมเองได้อย่างไร” พลเอกสมเจตน์ กล่าว

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าการทำงานจะมาจากการตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งหมด พลเอกสมเจตน์ กล่าวว่า การทำงานย่อมต้องมาจากความเห็นของตนของเพื่อนสมาชิก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องอยู่บนจุดที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ เมื่อถามย้ำว่าจะให้เวลาพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้เป็นนอมินีของใครใช่หรือไม่ พลเอกสมเจตน์ กล่าวสั้นๆ ว่า ผมเป็นนอมินีของของประเทศชาติ

ขณะที่ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในจำนวน ส.ว.สรรหา 73 ราย เป็นอดีต ส.ว.สรรหาชุดเดิม 31 ราย เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. ถึง 21 คน อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายสมชาย แสวงการ

ขณะที่ ส.ว. สายทหารคือ พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ อดีต ผอ.ททบ.5 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตที่ปรึกษา รมว.กลาโหม น้องชาย พล.อ.ประวิตร

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอดีตแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ เครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายวันชัย สอนศิริ ทนายความและผู้จัดรายการคลายปมทางช่อง 11 นายสัก กอแสงเรือง และ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ อดีตนายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย นายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง นายปัญญา เบ็ญจศิริวรรณ พี่ชายของสามี นางนาตยา เบ็ญจศิริวรรณ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายสุธรรม พันธุศักดิ์ เจ้าของทิฟฟานี่ บิดา น.ส.อริสา พันธุศักดิ์ อดีตผู้สมัครนายกอบจ.ชลบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์

รวมถึงยังมีอดีตข้าราชการและบุคคลที่น่าสนใจ ได้แก่ พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย เครืองาม ส่งโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย น.ส.วิชุดา รัตนเพียร น้องสาวนายประวิช รัตนเพียร อดีต รมต.หลายกระทรวง ม.ร.ว.วุฒิเลิศ เทวกุล ส่งโดยสถาบันพระปกเกล้า พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายประสงค์ศักดิ์ บุญเดช พี่ชายนายประสพสุข บุญเดช อดีตประธานวุฒิสภา นายสม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

รายงาน: เผยสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังทหารพม่าเปิดฉากโจมตีกองทัพรัฐฉานเหนือ

Posted: 12 Apr 2011 04:14 PM PDT

“มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ (SHRF)” เผยสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่หลังทหารพม่าปะทะกับกองทัพรัฐฉานเหนือ ชี้มีการปล้นสะดมทรัพย์สินประชาชน การเกณฑ์แรงงานเพื่อใช้ในสงคราม การข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ รวมทั้งการทรมานและสังหารผู้สงสัยว่าสนับสนุนฝ่ายต่อต้านในรัฐฉาน

แผนที่โดยมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ (SHRF) แสดงข้อมูลการปะทะระหว่างทหารกองทัพพม่ากับทหารกองทัพรัฐฉานเหนือ (SSA/SSPP) ระหว่าง 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54 โดยเท่าที่บันทึกมีการปะทะเกิดขึ้นแล้วกว่า 65 ครั้ง ในจุดสีแดงในแผ่นที่ โดยสงครามกระจายไปในพื้นที่มากกว่า 7 อำเภอในรัฐฉาน (ที่มาของภาพ: SHRF) [คลิกเพื่อชมแผนที่ขนาดใหญ่]

แผนที่โดยมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ (SHRF) แสดงข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยทหารกองทัพพม่า ระหว่าง 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54 โดยมีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากกว่า 43 กรณี แสดงเป็นจุดสีม่วงในแผนที่ (ที่มาของภาพ: SHRF) [คลิกเพื่อชมแผนที่ขนาดใหญ่]

 

ตามที่มีรายงานข่าวกองทัพพม่าเปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นกองทัพรัฐฉานเหนือ (SSA/SSPP) ซึ่งอยู่ในพื้นที่รัฐฉานตอนกลาง และตอนเหนือ ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา “มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่” (Shan Human Rights Foundation - SHRF) ได้เผยแพร่รายงาน “สรุปสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของกองทัพทหารพม่าในภาคเหนือและภาคกลางของรัฐฉาน ระหว่างวันที่ 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54”

โดยรายงานดังกล่าว บันทึกสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยทหารกองทัพรัฐบาลพม่ามากกว่า 43 กรณี โดยมีทั้งการปล้นสะดมทรัพย์สินของชาวบ้านเพื่อนำไปใช้ในสงคราม การนำชาวบ้านไปทรมานและสังหารหากสงสัยว่าสนับสนุนกลุ่มต่อต้านในรัฐฉาน

มีการใช้ความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิง มีเหตุรุมข่มขืนผู้หญิง โดยมีรายหนึ่งเป็นหญิงเพิ่งคลอดบุตร ถูกทหารข่มขืนจนเสียชีวิต นอกจากนี้ในรายงานยังระบุว่ากองทัพพม่ายังใช้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงจากหลายหมู่บ้านอย่างเป็นระบบ ทั้งบังคับให้เป็นลูกหาบแบกของเดินนำหน้ากองทัพ และเพื่อเป็นโล่ป้องกันการโจมตีของกองทัพรัฐฉานเหนือ

นอกจากนี้การละเมิดสิทธิและการปล้นสะดมที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้ชาวบ้านกว่า 3,000 คนอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเอง บางคนเข้าไปอยู่ในป่า บางคนหนีไปอยู่ที่อำเภอข้างเคียง อย่างเช่น อำเภอเมืองสู้ หรือข้ามพรมแดนมายังฝั่งไทย โดยผู้ที่อพยพภายในประเทศเหล่านี้อยู่ในสภาพขาดแคลนอาหารและที่อยู่อาศัย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 เม.ย. องค์กรชุมชนไทยใหญ่ 6 องค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการสุขภาพแห่งรัฐฉาน, มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่, คณะกรรมการเพื่อการสงเคราะห์และการพัฒนาแห่งรัฐฉาน, องค์กรสภาวะสิ่งแวดล้อมไทยใหญ่, เครือข่ายปฏิบัติงานผู้หญิงไทใหญ่ และ กลุ่มพลังเยาวชนไทใหญ่ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ด่วน "ประณามความป่าเถื่อนโหดร้ายที่รัฐบาลทหารพม่ากระทำต่อพลเรือนในการละเมิด สัญญาหยุดยิงในตอนเหนือของรัฐฉาน"

โดยเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติประณามการโจมตีดังกล่าว และเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลทหารพม่าเพื่อให้ยุตินโยบายการรุกรานด้านทหารในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศและหน่วยงานผู้บริจาคจากนานาชาติ ไม่ตัดความสนับสนุนที่มีต่อค่ายผู้อพยพตามแนวพรมแดนไทย-พม่าในตอนนี้ เพราะปัญหาการสู้รบยังคงลุกลามบานปลายในรัฐฉาน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่าได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ปฏิบัติมา 22 ปีกับกองทัพรัฐฉาน-เหนือ (SSA-N ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น SSA/SSPP) ซึ่งไม่ยอมเปลี่ยนสถานะเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Forces - BGF) โดยจากรายงานของมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ระบุว่า ทหารพม่ามีการเคลื่อนกำลังพล 3,500 นายจากกว่า 20 กองพันทหารเพื่อเข้าโจมตีเขตอำเภอเมืองสู้ (Murng Su) การสู้รบอย่างรุนแรงได้แพร่กระจายไปยังอำเภอต้างยาน (Tang Yan) เกซี (Kesi) เมืองไย๋ (Mong Yai) สี่ป้อ (Hsipaw) ล่าเสี้ยว (Lashio) และจ็อกเม (Kyaukme) ในช่วงเวลาแค่สามสัปดาห์มีการสู้รบกันแล้ว 65 ครั้ง

โดยประชาไทเรียบเรียงรายละเอียดของรายงานดังกล่าว ดังนี้

 

สรุปสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของกองทัพทหารพม่าในภาคเหนือและภาคกลางของรัฐฉาน ระหว่างวันที่ 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54

หมายเหตุ: เพื่อความปลอดภัยของผู้ได้รับผลกระทบ ในรายงานจึงมีการปกปิดชื่อหรือใช้นามสมมติ

 
วันที่
หน่วยงานทางทหารที่เกี่ยวข้อง
สถานที่
รายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชน
9 มี.ค. 54
หน่วยบัญชาการด้านยุทธศาสตร์แห่งอำเภอกุ๋นฮิง
ต.น้ำตอด
อ.กุ๋นฮิง
บังคับโยกย้าย
หมู่บ้าน 4 แห่ง (น้ำตอด ปางเปา เมืองลิน และหนองเตา) มีครอบครัวประมาณ 200 ครอบครัว ที่ ต.น้ำตอด อ.กุ๋นฮิง ได้ถูกสั่งย้ายให้ออกไปอยู่กับหมู่บ้านลายก๋าม ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงระหว่าง อ.กุ๋นฮิงกับ อ.โขหลำ ถ้าชาวบ้านไม่ย้ายภายในวันที่ 30 มี.ค. 54 ทหารพม่าขู่ที่จะเผาหมู่บ้าน ทั้งนี้เพื่อตัดกำลังสนับสนุนทหารของกองทัพรัฐฉานภาคใต้ (SSA-South) และป้องกันไม่ให้ทหารเหล่านี้เคลื่อนกำลังพลขึ้นไปด้านเหนือเพื่อสนับสนุนกองทัพรัฐฉานภาคเหนือในช่วงที่มีการโจมตีเมื่อเดือน มี.ค. 54
13 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33
บ้านน้ำเลา ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
การยิงระเบิดโจมตีวัด สังหารเณร 4 รูป และทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บ
ทหารจากค่ายเมืองก๋าว (บนภูเขา) ใช้ปืนพกขนาด 120 มม. ยิงเข้าใส่บ้านน้ำเลา ทำให้เกิดความเสียหายต่อวัดบ้านน้ำเลา และทำให้เณรเสียชีวิต 4 รูป และชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสองคน (ผู้ชายและผู้หญิงอายุ 48 และ 35 ปีตามลำดับ)
14 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านป๋างฮุง ต.น้ำลับ อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้เข้ามายึดเอาเนื้อหมูและไก่จำนวน 20 กิโลกรัม และทรัพย์สินอื่นๆ ไปจากบ้านเรือนของชาวบ้าน
14 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านตองจิ๋ง
ต.น้ำลับ
อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้ยึดเอาข้าว 6 กระสอบ ผงชูรส น้ำมันพืช และอาหารต่างๆ ที่หาพบจากในหมู่บ้านไป
15 มี.ค. 54
ร.อ.มินมินหล่าย จากค่ายน้ำปุ๊ก ตั้งอยู่ที่เขตลางเคอ ต.ผักหนาม อ.เกซี
ค่ายน้ำปุ๊ก
ต.ผักหนาม อ.เกซี
ทรมาน
ผู้ใหญ่บ้านที่บ้านวาบ อายุ 50 ปี ได้ถูกเรียกตัวไปที่ค่ายทหาร เขาถูก ร.อ.มินมินหล่ายและทหารคนอื่นๆ เตะและซ้อมจนล้มลง ฐานที่มาถึงยังค่ายทหาร “ช้าเกินไป”
15 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านปางเต็น
ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม และทำลายเสบียงอาหาร
ทหารได้ยึดเอาข้าวจากชาวบ้านไปให้มากที่สุดเท่าที่จะถือไปได้ จากนั้นได้ใช้มีดปาดกระสอบข้าวที่เหลือจนหมด (ประมาณ 20 กระสอบคิดเป็นเงินมูลค่า 800,000 จ๊าด)
15 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านกองคา
ต.นาข่า
อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้ยึดเอาหมู ไก่ ผ้าห่ม เสื่อ และทรัพย์สินอื่น ๆ ของชาวบ้านไป คิดเป็นเงินมูลค่า 2,100,000 จ๊าด
15 มี.ค. 54
กองทัพบกพม่า (ไม่ทราบกองพัน) และทหารบ้านป่าง (กลุ่มโป่มน)
บ้านน้ำเลา
ต.เมืองก๋าว
อ.ต้างยาน
ทรมาน และปล้นสะดม
ทหารได้พบปืนเก่าที่บ้านของลุง จ.ม. และกล่าวหาว่าเขาเป็นทหารของกองทัพรัฐฉาน มีการนำตัวเขาไปทรมานอย่างทารุณ เป็นเหตุให้ไม่สามารถกินข้าวได้เป็นเวลาหลายวัน ทหารได้ยึดเอาทรัพย์สินของชาวบ้านไป รวมทั้งรถยนต์ ทหารพม่ายังขู่ที่จะเผาหมู่บ้าน ถ้าถูกโจมตีจากกองทัพรัฐฉานภาคเหนือ พวกเขายังบอกว่าจะอยู่ในหมู่บ้านต่อไปจนกว่าชาวบ้านจะไปบอกให้ กองทัพรัฐฉานภาคเหนือส่งมอบอาวุธคืนเสีย
15 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33
บ้านน้ำเลา
ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
การยิงระเบิดและการสังหาร
การยิงระเบิดของทหารใส่บ้านชาวบ้านที่บ้านน้ำเลา ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 10 ราย เจ็ดรายได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเมืองสู้ และอีกสามคนไปที่โรงพยาบาลหลอยแหลม จายคำซึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเมืองก๋าว
อ.ต้างยาน
16 มี.ค. 54
กองทัพบกพม่า (ไม่ทราบกองพัน) และทหารบ้านโป่มน
บ้านหลวง
ต.นานิ้ว
อ.สี่ป้อ
การบังคับเป็นลูกหาบและการสังหาร
หลังจากทหารพม่ายึดค่ายน้ำมาได้จากกองทัพรัฐฉานภาคเหนือ ทหารได้บังคับให้ชาวบ้านทำงานเป็นลูกหาบเพื่อให้สามารถโจมตีต่อไปได้ ชาวบ้านคนหนึ่งที่มีชื่อว่าจายยุ้น (ซึ่งเดิมมาจากบ้านเมืองพยาด อ.เมืองไย๋) พยายามที่จะวิ่งหนี แต่ถูกยิงสังหาร
16 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33 และกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 291
บ้านน้ำเลา
ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
มีการจับชาวบ้านมามัด ปล้นสะดม และควบคุมการเดินทาง
ทหารได้เข้ามาจับกุมเยาวชนกว่า 10 รายที่ ต.เมืองก๋าว และผูกพวกเขาไว้ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน เยาวชนเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายให้กับกลุ่มต่อต้านในรัฐฉาน และเป็นผู้สนับสนุนรัฐฉาน ทหารยังได้ยึดเอาทรัพย์สิน อาหาร สัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า บ้านเรือนและเงินทองไปด้วย รวมทั้งยังมีการยึดรถยนต์กว่า 50 คันที่ ต.เมืองก๋าวและบ้านน้ำเลา และมีการนำส่งไปยังฐานทัพที่เขตต้างยาน และเอาไปแจกจ่ายในบรรดาครอบครัวและญาติพี่น้องของทหารที่ต้างยาน
 
ชาวบ้านประมาณ 500-600 คนจากบ้านน้ำเลา กลัวที่จะถูกจับกุม การสอบปากคำและการทรมาน พวกเขาได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า ทำให้ขาดแคลนอาหารและที่อยู่อาศัย
 
นอกจากนี้ชาวบ้านจาก ต.เมืองก๋าว เริ่มหนีออกจากพื้นที่ต้างยานและในป่า เนื่องจากมีจุดตรวจของทหารพม่าและทหารบ้านอยู่เต็มไปหมดตามท้องถนน ซึ่งคอยรีดไถทรัพย์สินและเงินทองจากชาวบ้าน มีการสั่งให้ชาวบ้านพักอาศัยเฉพาะในหมู่บ้านของตนเอง และห้ามออกไปทำเกษตร
18 มี.ค. 54
ทหาร 60-70 นายจาก กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 578 ที่ลางเคือ นำโดยพันตรีเออ่อง
บ้านหมากมั่น
ต.ปางแจ้
อ.เกซี
ปล้นสะดม
ทหารได้ยึดเครื่องจักรกล ไก่ น้ำมันพืช ผงชูรส ข้าวสาร มูลค่า 660,000 จ๊าดไปจากชาวบ้าน
18 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
หน่วยลาดตระเวนใกล้กับบ้านนาข่าและบ้านบุ่ง ไปทางดอยลาน อ.ต้างยาน
การบังคับให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทำงานเป็นลูกหาบและคนนำทาง
ทหารได้บังคับผู้หญิงกว่า 50 คนให้แบกเครื่องยุทธภัณฑ์บริเวณดอยลาน ทั้งยังมีการบังคับให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงกว่า 20 คนทำหน้าที่เป็น “คนนำทาง” ในระหว่างการลาดตระเวน ทหารขู่จะทรมานพวกเขาหากไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง มีการบังคับให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงเดินนำหน้าและแทรกอยู่ระหว่างทหาร โดยใช้เป็น “โล่มนุษย์”
19 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 286 เมืองหนอง
บ้านเปลือกเหลือง ต.ตู๋ยา
อ.เกซี
ผูกผู้หญิงไว้เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์
ทหารได้จับกุมและผูกตัวนาง ส.จากบ้านเปิกเหลิงจนกระทั่งวันที่ 27 มี.ค. 54 เป็นการ “ลงโทษ” ฐานที่พี่ชายของเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำการโจมตีทหาร ระหว่างการสู้รบเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 54 ระหว่างเขตนาก๋าง-นาหย่อง ใกล้กับบ้านเปลือกเหลือง
19 มี.ค. 54
พันตรีเออ่อง นำทหาร 60-70 นายจากกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 578 ที่ลางเคือ
บ้านป๋าแต็บ
ต.ตองเฮว
อ.ต้างยาน
ทรมาน ปล้นสะดม
ในระหว่างที่ทหารยึดเกวียนเทียมวัวของชาวบ้าน พันตรีเออ่องได้ทุบทำร้ายลุง จ.บ. อายุ 45 ปีเจ้าของเกวียนเทียมวัวหลายครั้ง โดยใช้ท่อนไม้ จากนั้นก็เตะจนเลือดออกทั่วตัว
 
จากนั้นทหารยังได้ใช้ปืนพกฟาดที่บริเวณหน้าผากของจาย อ. อายุ 25 ปีหลายครั้ง และเตะอีกหลายครั้งเช่นกัน มีการนำตัวเขาไปสอบปากคำเกี่ยวกับทหารของกองทัพไทยใหญ่ และเตือนว่าจะต้องถูกกระทำอีกหากไม่ยอมให้ความร่วมมือให้ข้อมูล ทหารยังได้ยึดเอาไก่และหมู ยารักษาโรค น้ำมันพืช ผงชูรส และพระพุทธรูปเก่าสามองค์ไปจากชาวบ้าน
19 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านหมากขอ
ต.นานิ้ว
อ.สี่ป้อ
การสังหารชาวบ้านที่เป็นใบ้
ทหารกล่าวหาว่าจายอา อายุ 28 ปีซึ่งเป็นใบ้ว่าให้ความสนับสนุนต่อกองทัพรัฐฉานและยิงเขาจนเสียชีวิต
20 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านพยาด บ้านเสี้ยวส้ม บ้านทรายขาว บ้านวัด บ้านอุ๋มหล้า บ้านผ่าย บ้านเกิ่น ต.บ้านพยาด อ.เมืองไย๋
ขู่ที่จะเผาเจ็ดหมู่บ้าน
ทหารได้ขู่ผู้ใหญ่บ้านที่บ้านพยาด บ้านเสี้ยวส้ม บ้านทรายขาว บ้านวัด บ้านอุ๋มหล้า บ้านผ่ายและบ้านเกิ่น จะต้องรายงานข่าวสถานการณ์ในหมู่บ้านทั้งเจ็ดวันละครั้ง และหากมีการสู้รบเกิดขึ้นใกล้กับหมู่บ้าน หมู่บ้านแห่งนั้นจะต้องถูกเผาทันที
21 มี.ค. 54 ช่วงเย็น
ทหารจากกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 291 ซึ่งตั้งอยู่ที่น้ำป้อง (ผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ได้แก่ พ.ต.ละโน) และกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33 จาก ต.เมืองก๋าว
บ้านน้ำเลา
ต.เมืองก๋าว
อ.ต้างยาน
การรุมข่มขืนผู้หญิงสองคน เป็นเหตุให้หนึ่งคนเสียชีวิต
1. นาง ม. อายุ 30 ปี ได้ถูกทหารกลุ่มใหญ่รุมข่มขืนตอนกลางคืน เธอเพิ่งคลอดลูกได้เพียงหนึ่งเดือน เธอเสียชีวิตทันทีหลังการรุมข่มขืน
2. ในวันเดียวกันที่หมู่บ้านเดียวกัน ทหารจากหน่วยเดียวกันยังได้รุมข่มขืนนาง อ. หญิงอีกคนหนึ่งอายุ 34 ปี ซึ่งเป็นชาวพม่าเชื้อสายจีนที่บ้าน ในระหว่างการข่มขืนเธอ พี่สาวได้กลับมาบ้านและตะโกนเรียกความช่วยเหลือ ทหารจึงเอาปืนเล็งมาที่พี่สาวและบอกว่า “ถ้าไม่อยากถูกข่มขืนและฆ่า จะต้องไม่นำเรื่องนี้ไปบอกกับใคร!” จากนั้นทหารยังได้โยนเงินจำนวน 30,000 จ๊าดให้กับเธอก่อนที่จะกลับไปยังฐานทัพ
 
ผู้ใหญ่บ้านบ้านน้ำเลาและญาติพี่น้องของเหยื่อผู้สูญเสียได้ร้องเรียนกับกำนัน ต.เมืองก๋าว แต่กำนันบอกว่าเขาก็ไม่กล้าจะรายงานเรื่องนี้ให้กับหน่วยเหนือ จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้ข่มขืนแต่อย่างใด
21 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านป่างผือ
ต.นาข่า
อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้ยึดเอาเนื้อหมู ข้าว ไก่ และผ้าห่มมูลค่า 235,000 จ๊าดไปจากชาวบ้าน
21 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านปางจื้ก
ต.นาข่า
อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้ยึดเอาไก่และข้าวสารไปจากชาวบ้าน 10 ราย
ก่อนวันที่ 22 มี.ค. 54
ทหารจากกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 131 ตั้งอยู่ที่น้ำปุก ต.วันหว้า อ.เกซี
บ้านป๋าแต๊บ
ต.ป่างแจ้
อ.เกซี
การข่มขืนกระทำชำเราผู้หญิงสองราย
ทหารได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้หญิงสองคนจากบ้านป๋าแต๊บ (จากปากคำของผู้หญิงที่ให้ต่อผู้นำชุมชนไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้)
22 มี.ค. 54 เวลา 5 โมงเย็น
ทหาร 18 นายจากกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 296 ภายใต้การควบคุมของฐานทัพใหญ่ที่กุ๋นฮิง ภายใต้การนำของ ร.อ.โบโบดอและ จ.ส.อ.ละเท
บ้านเก็งลม
อ.กุ๋นฮิง
การทรมานและปล้นสะดมชาวบ้าน
ทหารได้ลาดตระเวนที่ ต.เก็งลม อ.กุ๋นฮิง เมื่อไปถึงที่บ้านทรายแหลง ทหารได้ขโมยเงินจากลุง ค. อายุ 50 ปี ทั้งยังได้ทรมานและข่มขู่ชาวบ้านดังต่อไปนี้
1. จาย บ. อายุ 42 ปี ถูกซ้อมและตีเข้าที่ขมับ
2. ลุง ม. อายุ 45 ปี ถูกเตะที่หน้าอก
3. ลุง อ.บ อายุ 48 ปี ถูกเตะที่หน้าอกจนสิ้นสติ
4. จาย ว.ล. ถูกตีด้วยปืนพกที่ศีรษะจนเลือดนองเต็มศีรษะ
5. จาย ก.ต อายุ 25 ปี ถูกตีด้วยปืนพกที่หน้าอก
6. จาย ก.ว. อายุ 25 ปี ถูกทรมานและถูกตีที่เอว
7. จาย จ. อายุ 16 ปี ถูกเตะที่หน้าผากจนสิ้นสติ
8. จาย ล. เด็กนักเรียนชายถูกทหารใช้ปืนจี้ที่ศีรษะเพื่อข่มขู่
 
22 มี.ค. 54
กองทัพบกพม่า กองพันทหารซึ่งตั้งอยู่ที่กุงเปา อ.สี่ป้อ
บ้านกุงเปา
ต.นานิ้ว
อ.สี่ป้อ
ปล้นสะดมทรัพย์สิน
ทหารได้บุกเข้าไปในร้านค้าและปล้นสะดมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 60,200,000 จ๊าด และยังได้ยึดเอาเมล็ดพันธุ์ไป 80 ถัง
เป็นเหตุให้ชาวบ้านจำนวนมากหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในป่า
23 มี.ค. 54
ทหาร 120 นายจากกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 239 จาก อ.เมืองไย๋
บ้านบุ่ง บ้านอุ๋มหล้า บ้านเก่าน้ำแป้น บ้านน้ำฮุง
ต.บ้านพยาด อ.เมืองไย๋
ยิงทันทีที่เห็น ปล้นสะดม
ทหารเดินทางจากบ้านบุ่งไปบ้านอุ๋มหล้าและบ้านเก่าน้ำแป้น ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับลุง จ. ที่มาจากบ้านอุ๋มหล้า เขากำลังทำเกษตรอยู่ใกล้กับชายป่า ทหารก็ยิงเขาทันทีที่เห็นตัวเขา โชคดีที่เขาหนีได้ทัน จากนั้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 54 ทหารได้เข้าไปอยู่ที่บ้านน้ำฮุงช่วงกลางคืน และมีการยึดเอาสัตว์เลี้ยงและอาหารของชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านไป
23 มี.ค. 54
ทหารจากกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 291 ฐานบ้านน้ำโป่ง และกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33 และทหารบ้าน
บ้านน้ำเลา
การรุมข่มขืน
ทหารได้ข่มขืนนาง บ. อายุ 19 ปี บนถนนในด้านใต้ของบ้านน้ำเลา หลังจากที่เธอออกจากบ้านเมื่อตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเธอ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทหารได้เข้ายึดฐานที่มั่นของกองทัพรัฐฉานภาคเหนือที่บ้านน้ำเลา ทหารพม่าสั่งการให้ชาวบ้านที่ ต.เมืองก๋าวและบ้านน้ำเลาไม่ให้ออกจากบ้าน
23 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านจอง
ต.นาข่า
อ.เมืองสู้
การทรมานเด็กผู้ชายอายุ 16 ปี
ทหารได้จับกุมและทรมานจายปันจิกตา อายุ 16 ปี จากบ้านวันจอง จนมีเลือดนองทั่วกาย เขาถูกกล่าวหาว่าคอยส่งข่าวให้กับกลุ่มต่อต้านในรัฐฉาน
26 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 147
บ้านปางฮุง
ต.น้ำลับ
อ.ต้างยาน
การรุมข่มขืน
ทหารสามนายได้รุมข่มขืนผู้หญิงใบ้อายุ 25 ปีซึ่งถูกทิ้งไว้ที่บ้านตามลำพัง หลังจากชาวบ้านคนอื่นๆ ได้หลบหนีทหารไปแล้ว
26 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านไม้ไค่
ต.ป่างผือ
อ.เมืองสู้
ทรมาน
ทหารได้จับกุมตัวจาย ซ. อายุ 20 ปี บุตรชายของลุง ต.ม. และป้า ย.ที่บ้านไม้ไค่ และนำตัวไปสอบปากคำเกี่ยวกับกองทัพรัฐฉาน มีการผูกตัวเขาไว้ ทุบและตีเขาด้วยปืนพกที่ศีรษะจนกระทั่งเลือดไหล จากนั้นทหารได้เอาผ้าปิดหน้าเขาไว้ และได้นำตัวเขาไปด้วยระหว่างออกลาดตระเวน ระหว่างที่พักที่บ้านบุ่ง เขาจึงได้หลบหนีออกมา
26 มี.ค. 54
ทหารบ้านที่นำโดยจานี จาก ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
บ้านป่าช้าง บ้านนาฮี่-นาไค่ หนองหลวง บ้านป่าง นายิง นาช้าง
ต.เมืองเก่า อ.ต้างยาน
แรงงานบังคับและรีดไถ
ชาวบ้านจากบ้านป่าช้าง บ้านนาฮี่-นาไค่ หนองหลวงบ้านป่าง นายิงและนาช้าง ได้ถูกบังคับให้ตัดต้นไม้เพื่อสร้างที่พักให้กับทหาร แต่ละหมู่บ้านจะต้องนำข้าวสาร 12 กก. และเนื้อไก่ 2 กก.ไปให้กับทหารบ้าน
27 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านน้ำลับ
ต.น้ำลับ
อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้ค้นทุกบ้านที่บ้านน้ำลับ และยึดเอาหมู เงิน ทอง และทรัพย์สินอื่น ๆ มูลค่ากว่า 2,280,000 จ๊าดไป
28 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 246 ที่นำโดย
พ.ต.ละเท
บ้านผ่าย
ต.บ้านผ่าย อ.กุ๋นฮิง
ทรมาน
ทหารได้ทุบตีชาวบ้านสามราย ได้แก่ ลุง ส. จาย ว. และลุง ต. เพราะพวกเขาไม่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับทหารของรัฐฉาน
29 มี.ค. 54
ทหารจากค่ายเมืองสู้
บ้านโหแจ๋ง น้ำแจ๋ง น้ำไม้ลอด ปางงู ต.น้ำแจ๋ง
อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้ยึดทรัพย์สิน ทั้งสัตว์เลี้ยงและอาหารและเสบียงจากชาวบ้านในห้าหมู่บ้าน คิดเป็นมูลค่า 8,357,000 จ๊าด
29 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33 ที่นำโดย พ.ต.อ่องมิ้นเต็ง
บ้านน้ำลั่น
ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
ทหารได้ขโมยวัวมูลค่า 150,000 จ๊าดไป จากนั้นได้นำไปฆ่าชำแหละเพื่อทำอาหารกินบนถนนใกล้กับค่ายทหารที่เมือง
30 มี.ค. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านกองคาและบ้านปางจื้ก
ต.นาข่า
อ.เมืองสู้
ปล้นสะดม
มีการยึดสัตว์เลี้ยง อาหาร เงินไปจากชาวบ้าน (ไก่ 34 ตัว ข้าวสาร 106 กก. และเงิน 120,000 จ๊าด)
30 มี.ค. 54
ทหาร 60 นายจากกองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 293  นำโดย ร.อ.บ้าเอ
บ้านน้ำผาด
ต.บ้านผ่าย อ.เมืองไย๋
ปล้นสะดม
มีการขโมยวัวจากบ้านวันน้ำปาด นำไปฆ่าและปรุงเป็นอาหาร คิดเป็นเนื้อมีน้ำหนักประมาณ 50 กก. มีมูลค่าประมาณ 250,000 จ๊าด
30 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33 ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
บ้านจอง
ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
การจับกุมและควบคุมตัวชาวบ้าน
มีการจับกุมตัวจาย บ. จากบ้านจอง ต.เมืองเก่า และยังมีการจับกุมภรรยาของเขาและนำไปควบคุมตัวที่ค่ายทหาร ต.เมืองก๋าว
31 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33 ที่นำโดยพ.ต.อ่องมินเต็ง
บ้านน้ำลั่น
ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน
ปล้นสะดม
มีการขโมยวัวจากลุง ส.ว. จากบ้านน้ำลั่น ต.เมืองก๋าว อ.ต้างยาน จากนั้นมีการฆ่าวัวและเอาไปทำเนื้อ (ประมาณ 50 กก. มูลค่า 350,000 จ๊าด) บนถนนใกล้กับค่ายทหาร ต.เมืองก๋าว
31 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 147 สี่ป้อ
ที่นำโดย พ.ต.อ่องมิน
บ้านเมืองหลา
ต.เมืองตุ๋ง
อ.สี่ป้อ
ขู่ที่จะเผาบ้าน
พ.ต.อองมิน ขู่ชาวบ้านที่บ้านเมืองหลา ต.เมืองตุ๋ง อ.สี่ป้อว่า ถ้ามีร่องรอยของกองทัพรัฐฉานในพื้นที่และไม่รายงานให้ทหารพม่าทราบ ทหารของเขาจะมาเผาทั้งหมู่บ้าน
31 มี.ค. 54
กองพันทหารเคลื่อนที่เร็วที่ 33 ต.เมืองก๋าว ตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำป๋างไปทางทิศตะวันตกเป็นระยะทาง 7 ไมล์ ที่ ต.แจ้ฮี่ อ.ต้างยาน
บ้านหนองแห้ง
ต.หนองช้าง อ.ต้างยาน
บังคับผู้หญิงให้ทำงานเป็น "โล่มนุษย์” ลูกหาบ และเป็นคนนำทาง
ทหารได้จับกุมตัวผู้หญิงซึ่งซ่อนตัวอยู่ที่บ้านหนองช้าง และบังคับให้ผู้หญิง 20 คนเป็นลูกหาบคอยแบกยุทธภัณฑ์ของทหาร และเป็นผู้นำทางในระหว่างการลาดตระเวนเพื่อหาตัวกองทัพรัฐฉาน ทหารพม่าใช้ผู้หญิงเหล่านี้เป็นโล่กำบังการโจมตีของกองทัพรัฐฉาน ระหว่างการเคลื่อนพลไปที่เขตกาดเต่า-หนองยาง จากนั้นทหารได้ปล่อยตัวผู้หญิงเหล่านั้นเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 54 ใกล้กับริมฝั่งน้ำป๋างที่บ้านนายาง อ.เมืองสู้
01 เม.ย. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านจอง
ต.นามน
อ.เมืองสู้
ปล้นสะดม
มีการบุกเข้าไปที่ร้านของจายเมือง และปล้นสินค้าของเขาไปทั้งหมด เขาสูญเสียข้าวของไปเป็นมูลค่ากว่า 10,000,000 จ๊าด
01 เม.ย. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านจอง
ต.นามน
อ.เมืองสู้
การยิงระเบิดใส่วัด
ทหารได้ยิงระเบิดใส่วัดที่ทำจากไม้ไผ่ ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่บนฝาผนัง ทั้งยังมีการยิงระเบิดเพื่อทำลายบ่อน้ำของวัด
01 เม.ย. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านหมากเขือ ต.หนองแอ็บ อ.เมืองสู้
ปล้นสะดม
ทหารได้ยึดไก่ 265 ตัว ข้าวสารกว่า 60 กก. ทรัพย์สินมีค่ากว่า 10 ล้านจ๊าดและสิ่งของอื่น ๆ ไปจากชาวบ้าน
04 เม.ย. 54
ไม่ทราบกองพัน
บ้านนามน ต.หนองแอ็บ อ.เมืองสู้
บังคับผู้หญิงให้ทำงานเป็นลูกหาบและคนนำทาง
ทหารได้จับกุมตัวผู้หญิงกว่า 30 คนที่บ้านนามน และบังคับให้คอยแบกยุทธภัณฑ์ของทหาร บางส่วนถูกบังคับให้เป็นคนนำทาง ทหารบังคับให้ผู้หญิงเหล่านี้เดินทางไปด้วย

ที่มาของข้อมูล: “มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่” (Shan Human Rights Foundation - SHRF) http://www.shanhumanrights.org/

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น