ประชาไท | Prachatai3.info |
- 12 เม.ย.วันเดียวเกิดอุบัติเหตุทางถนน 528 ครั้ง ดับ 30 เจ็บกว่า 500
- อัยการฟ้อง "ธวัชชัย เอี่ยมนาค" พกระเบิดขี่จักรยานยนต์รอบทำเนียบ
- ชำนาญ จันทร์เรือง: ผมขอสนับสนุนให้คุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาเป็นนายกรัฐมนตรี
- “สมเจตน์” ดีใจ หลังได้เป็น ส.ว.สรรหา ลั่นจะไม่ให้คนเลวมีโอกาสบริหารประเทศ
- รายงาน: เผยสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังทหารพม่าเปิดฉากโจมตีกองทัพรัฐฉานเหนือ
12 เม.ย.วันเดียวเกิดอุบัติเหตุทางถนน 528 ครั้ง ดับ 30 เจ็บกว่า 500 Posted: 13 Apr 2011 12:49 AM PDT วันนี้ (13เม.ย.54 )ณ ห้อง 352 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานแถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2554 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2554 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12 เม.ย. 2554 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100% ”เกิดอุบัติเหตุ 528 ครั้ง ลดลงจากปี 2553 (870 ครั้ง) 342 ครั้ง ร้อยละ 39.31 ผู้เสียชีวิต 30 คน ลดลงจากปี 2553 (69 คน) 39 คน ร้อยละ 56.52 ผู้บาดเจ็บ 576 คน ลดลงจากปี 2553 (929 คน) 353 คน ร้อยละ 38.00 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 38.07 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.40 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.95 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 56.25 บนถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 34.28 ทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 32.20 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 28.60 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน (อายุ 20 – 49 ปี) ร้อยละ 59.08 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 32 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ ชลบุรี เชียงใหม่ จังหวัดละ 22 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กระบี่ ชลบุรี สกลนคร สุพรรณบุรี จังหวัดละ 3 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 32 คน รองลงมา ได้แก่ ขอนแก่น 24 คน ทั้งนี้ ได้จัดตั้ง จุดตรวจหลัก 2,514 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 68,981 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 703,981 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 84,784 ราย โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 26,574 ราย รองลงมา ไม่สวมหมวกนิรภัย 25,994 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 2 วัน (วันที่ 11 – 12 เม.ย. 54) เกิดอุบัติเหตุรวม 893 ครั้ง ลดลงจากปี 2553 (1,427 ครั้ง) 534 ครั้ง ร้อยละ 37.42 ผู้เสียชีวิตรวม 59 คน ลดลงจากปี 2553 (114 คน) 55 คน ร้อยละ 48.25 ผู้บาดเจ็บรวม 976 คน ลดลงจากปี 2553 (1,536 คน) 560 คน ร้อยละ 36.46 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสูด ได้แก่ เชียงราย 52 ครั้ง รองลงมา นครศรีธรรมราช 38 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี จังหวัดละ 4 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 54 คน รองลงมา นครศรีธรรมราช 40 คน นายจำรูญ กล่าวต่อไปว่า วันที่ 13 เม.ย. เป็นวันที่สามของการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2554 และเป็นวันปีใหม่ไทย จึงคาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางถึงภูมิลำเนาแล้ว และจากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันหยุดเฉลิมฉลองสงกรานต์ ส่วนใหญ่เกิดบนถนนสายรอง ซึ่งเป็นถนนระหว่างตำบล หมู่บ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดื่มสุรา ศปถ. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจ มุ่งเน้นถนนสายรองในพื้นที่ และเส้นทางระหว่างตำบล หมู่บ้าน โดยบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับ และการไม่สวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด สำหรับพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับอาสาสมัครสอดส่องมิให้มีการจำหน่ายและดื่มสุรา ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ รวมถึงจัดชุดสายตรวจควบคุม รถกระบะที่บรรทุกคนเล่นน้ำตามท้องถนน มิให้ใช้ความเร็วสูง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ได้สั่งการให้จังหวัดมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ในพื้นที่ ย้ำเตือนประชาชนที่เล่นน้ำสงกรานต์มิให้สาดน้ำหรือใช้ปืนและกระบอกฉีดน้ำแรง ดันสูงฉีดใส่ผู้ที่ขับรถสัญจรไปมา โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะอาจเกิดการหักหลบ ทำให้รถเสียหลัก จนเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านเส้นทางที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ ไม่ควรขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ระมัดระวังคนเล่นน้ำริมสองข้างทางและรถจักรยานยนต์ เพราะอาจเล่นน้ำจนไม่ทันระวังอันตราย อีกทั้งสภาพถนนที่เปียกลื่น อาจทำให้รถลื่นไถลและเกิดอุบัติเหตุได้ ท้ายนี้ หากประชาชนประสบอุบัติเหตุ สามารถติดต่อแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือ ได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง ปภ. พร้อมออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ทันที ที่มาข่าว: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อัยการฟ้อง "ธวัชชัย เอี่ยมนาค" พกระเบิดขี่จักรยานยนต์รอบทำเนียบ Posted: 13 Apr 2011 12:14 AM PDT อัยการยื่นฟ้อง "ธวัชชัย เอี่ยมนาค" พกระเบิดทีเอ็นที ขี่จักรยานยนต์รอบทำเนียบฯ ศาลรับฟ้องนัดสอบคำให้การ 18 เม.ย.นี้ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 54 ที่ผ่านมาโพสต์ทูเดย์รายงานว่าพนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธวัชชัย เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี ชาว จ.น่าน โดย นายธวัชชัย เป็นหนึ่งในกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานทำ และมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง โดยนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ให้ครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลรับฟ้องคดีไว้พิจารณา และนัดสอบคำให้การ ในวันที่ 18 เมษายน 2554 เวลา 09.00 น.
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ชำนาญ จันทร์เรือง: ผมขอสนับสนุนให้คุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาเป็นนายกรัฐมนตรี Posted: 13 Apr 2011 12:02 AM PDT จากการลุกขึ้นเหน็บแนมฝ่ายค้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลช่วยเหลือน้ำท่วมล่าช้า แต่นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กลับลงพื้นที่ถึงประชาชนก่อน และหากสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงจะได้รับเลือกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ควรที่จะเชิญนายสรยุทธ์มาเป็นได้ ประสมเข้ากับการโวยวายของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่าสื่อมวลชนที่ลงไปทำข่าวทุกวันนี้ ทำเพื่อโปรโมทตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อชาติ พยายามทำเหมือนรัฐบาลไม่ทำอะไร ดังนั้น รัฐบาลต้องทบทวนแผนประชาสัมพันธ์กันใหม่ ช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเชิญ(ความหมายก็คือบีบคอ)สื่อช่อง 9 และ 11 ลงไปทำข่าวการเตรียมสร้างและซ่อมแซมบ้านในพื้นที่ประสบอุทกภัย ทำให้ผมเกิดอาการคลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนออกมา แต่เสียดายของเก่าที่กินเข้าไปแล้วจะเสียของ ก็เลยต้องกลั้นไว้ เรื่องของการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นของพรรคประชาธิปัตย์นี้ผมได้ยินมานานแล้ว ไม่ได้แปลกใจอะไร แต่ไม่นึกว่าจะใจแคบได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งอันที่จริงแล้วผมไม่ได้เป็นแฟนรายการเรื่องเล่าเช้านี้ของคุณสรยุทธ์แต่อย่างใดเพราะผมเป็นคนตื่นสาย เว้นเสียแต่ว่าวันไหนมีงานหรือชั่วโมงบรรยาย ส่วนตอนเย็นก็ดูบ้างไม่ดูบ้างแล้วแต่โอกาส หรือดูดูอยู่ก็กดช่องเปลี่ยนเสียหลายครั้งเพราะหัวข้อเรื่องการสนทนาไม่ถูกใจ แต่โดยภาพรวมแล้วผมกลับชื่นชมการกระทำของคุณสรยุทธ์และต้นสังกัดของเขาที่มีวิสัยทัศน์และมีน้ำใจต่อเพื่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเองหรือชาวญี่ปุ่น พูดถึงการศึกษาหรือความรู้ความสามารถของคุณสรยุทธ์ไม่ได้ด้อยกว่านายกรัฐมนตรีของไทยคนไหนหรือนักการเมืองทั้งหลายที่อยู่ในสภาในปัจจุบันนี้ ที่สำคัญคือก็ใจถึงพึ่งได้กว่าหลายๆคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือตัวนายกรัฐมนตรีเองที่ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆชูป้ายทวงจักรเย็บผ้าที่รัฐบาลเคยสัญญาว่าจะให้แล้วไม่ให้ว่า “ดีแต่พูด”จนเธอกลายเป็นขวัญใจคนใช้แรงงานไปโดยปริยาย ครั้นหันมามองพรรคฝ่ายค้านที่ยังหาหัวไม่ได้ สุดท้ายแว่วว่าจะมาลงที่น้องสาวของคุณทักษิณโดยการันตีว่าเป็นผู้หญิงเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น สร้างตัวมาจากตำแหน่งเล็กๆจนไต่เต้าเป็นผู้บริหารระดับ หรือเป็นสายตรงกับคุณทักษิณ น้องสาวพูดก็เหมือนคุณทักษิณพูด ฯลฯ แต่ผมกลับมองว่าอย่างไรก็ตามเธอก็คือร่างทรงของคนอื่น ผมไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่เป็นหุ่นกระบอกของใคร ฉะนั้น ผมจึงขอสนับสนุนให้คุณสรยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์หรือนายกรัฐมนตรีที่เป็นร่างทรงของคนอื่น โดยมีเงื่อนไขว่า ๑) ต้องยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาคที่เป็นปัญหาถ่วงความเจริญของประเทศชาติ และเป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์จากการแต่งตั้งของ”แก๊งแต่งตั้ง”ทั้งหลาย โดยให้เหลือเพียงการบริหารราชการส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่นดังเช่นนานาอารยประเทศทั้งหลายที่เป็นรัฐเดี่ยวและมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ฯลฯ ๒) ต้องยกเลิกสมาชิกวุฒิสภาที่มาจาการสรรหาจากเทวดาเพียงเจ็ดคนเสีย แล้วให้มีที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด รวมถึงทบทวนถึงที่มาของกรรมการในองค์กรอิสระทั้งหลายด้วย ๓) ต้องสอบสวนให้ได้ผลของการสังหารหมู่ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ทหาร หรือนักข่าวต่างประเทศ แล้วนำตัวมาลงโทษ ๔) ต้องให้ทหารกลับกรมกอง ไม่ต้องเสนอหน้ามายืนยันว่าจะไม่ปฏิวัติเพราะไม่ใช่หน้าที่ ๕) ต้องเพิ่มเติม พรบ.ธรรมนูญศาลยุติธรรมมิให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคณะรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์เพราะไม่มีในตำรากฎหมายใดใดในโลกหรือในประเทศไทยบัญญัติไว้เช่นนั้น แต่ศาลฎีกาไทยกลับไปรับรองการกระทำเช่นนั้น ทั้งๆที่เป็นการกระทำความผิดฐานกบฏตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๓ อย่างชัดเจน ๖) ต้องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เกี่ยวกับคดีหมิ่นสถาบันฯ มิให้ใครนำมาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งผู้อื่น โดยกำหนดตัวผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องคดีให้ชัดเจน มิใช่ปล่อยให้ใครก็ได้ฟ้องมั่วจนเปรอะเช่นในปัจจุบันนี้ ๗) ต้องดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องในเนื้อหาที่ปรากฏว่ามีการวิ่งเต้นคดี ไม่ว่าจะเป็นตุลาการหรือเจ้าหน้าที่กรณีคลิปหลุดศาลรัฐธรรมนูญอันอื้อฉาว มิใช่ไปมุ่งดำเนินคดีเฉพาะผู้จัดทำคลิปแต่อย่างเดียว ๘) ต้องจัดให้มีการปฏิรูปที่ดินให้ชัดเจน ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือที่ดินที่ได้เอกสารสิทธิ์มาโดยไม่ชอบเอามาจัดสรรให้ผู้ที่ไม่มีที่ทำกินได้ใช้ประโยชน์ ๙) ต้องให้อำนาจตุลาการมีการยึดโยงกับอำนาจอธิปไตยของปวงชน มิใช่หลุดลอยเป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชนเช่นในปัจจุบัน เอะอะอะไรก็อ้างความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี ทั้งๆที่บางเรื่องไม่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีแต่อย่างใดแต่เป็นการบริหารจัดการสำนวนคดี เช่น กรณีศาลปกครองกับ ปปช. หรือกรณีเงินค่ารถประจำตำแหน่งแต่ไม่ได้เอาไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของเงิน ฯลฯ จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผู้อ่านคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก มีแต่ซูเปอร์แมนเท่านั้นกระมังที่ทำได้ ซึ่งก็อาจจะจริงแต่อย่าลืมว่าคุณสรยุทธ์เคยเป็นซูเปอร์แมนมาแล้วในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกล้าฉีกตัวมาจากค่ายเนชั่น การจัดทำรายการลักษณะของการเล่าข่าวจนทำให้จากอาตี๋ธรรมดากลายเป็นเศรษฐีหลายร้อยล้าน การระดมความช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจนผมเชื่อว่าไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จัก คุณสรยุทธ์ ฯลฯ คงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ เพราะมีหัวพรรคให้เลือก ช็อปปิงอยู่มากมาย แล้วลองออกนโยบายเช่นว่านี้ดูสิครับ รับรองว่าประชาธิปัตย์หรือคุณทักษิณไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็หนึ่งเสียง(หนักๆ)จากผมอย่างแน่นอนครับ
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
“สมเจตน์” ดีใจ หลังได้เป็น ส.ว.สรรหา ลั่นจะไม่ให้คนเลวมีโอกาสบริหารประเทศ Posted: 12 Apr 2011 04:54 PM PDT อดีตเลขา คมช. เผยภาคภูมิใจที่ได้รับการสรรหาเป็นวุฒิสมาชิก ลั่นจะทำทุกด้านให้บ้านเมืองปกติสุข เอาความสามัคคีกลับคืนมา จะทำทุกอย่างไม่ให้คนเลวมีโอกาสบริหารประเทศ นอกจากนี้ “กลุ่ม 40 ส.ว.” กลับเข้ามาได้ถึง 21 คน ขณะที่สัก กอแสงเรือง – วันชัย สอนศิริ - เดชอุดม ไกรฤทธิ์ ได้เป็น ส.ว.สรรหาด้วย ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาประเภทสรรหาใหม่จำนวน 73 คน ได้เริ่มมี ส.ว.ที่ได้รับเอกสารรับรองจาก กกต. แล้ว ได้ทยอยเดินทางมาแสดงตนต่อ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่อาคารรัฐสภา 2 นั้น โดยเมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) ISN รายงานว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เลนานุการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการแสดงตนว่า รู้สึกใจและภาคภูมิใจที่ได้รับโอกาสจากการสรรหาให้มาทำงานเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองอีกครั้ง เมื่อถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรกับข้อวิจารณ์ที่พยายามผูกโยงกับกองทัพ พลเอกสมเจตน์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาตนไม่สามารถปฏิเสธความเป็นทหารของตนได้ แต่ต้องดูในสิ่งที่ตนได้ปฏิบัติมาว่าได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนหรือประโยชน์ ของใคร หรือประโยชน์ของประเทศชาติ นั่นคือความเป็นมาของตน ต่อไปเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนจะยืนหยัดในอุดมการณ์อย่างนี้ได้ต่อไป หรือไม่ เมื่อถามว่าตั้งใจจะมาทำงานด้านใดเป็นพิเศษในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ว. พลเอกสมเจตน์ กล่าวว่า ด้านไหนก็ได้ทุกด้านที่จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองมีความปกติสุข มีความรักความสมัครสมานสามัคคีกลับคืนมาสู่ประเทศให้ได้ ให้ประเทศเรามีความร่มเย็นอีกครั้ง “พยายามที่จะทำอะไรก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้คนเลวมีโอกาสมารับผิดชอบ บริหารประเทศ ผมได้เรียนแล้วว่าผมไม่ปฏิเสธตัวผมเองได้ ผมมาจากทหาร แน่นอนที่ต้องมีความผูกพันกับกองทัพ ทหารมีหลายแบบ ต้องดูว่าจะพิสูจน์ตัวผมเองได้อย่างไร” พลเอกสมเจตน์ กล่าว เมื่อถามว่ามั่นใจว่าการทำงานจะมาจากการตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งหมด พลเอกสมเจตน์ กล่าวว่า การทำงานย่อมต้องมาจากความเห็นของตนของเพื่อนสมาชิก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องอยู่บนจุดที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ เมื่อถามย้ำว่าจะให้เวลาพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้เป็นนอมินีของใครใช่หรือไม่ พลเอกสมเจตน์ กล่าวสั้นๆ ว่า ผมเป็นนอมินีของของประเทศชาติ ขณะที่ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในจำนวน ส.ว.สรรหา 73 ราย เป็นอดีต ส.ว.สรรหาชุดเดิม 31 ราย เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. ถึง 21 คน อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายสมชาย แสวงการ ขณะที่ ส.ว. สายทหารคือ พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ อดีต ผอ.ททบ.5 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตที่ปรึกษา รมว.กลาโหม น้องชาย พล.อ.ประวิตร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอดีตแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ เครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายวันชัย สอนศิริ ทนายความและผู้จัดรายการคลายปมทางช่อง 11 นายสัก กอแสงเรือง และ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ อดีตนายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย นายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง นายปัญญา เบ็ญจศิริวรรณ พี่ชายของสามี นางนาตยา เบ็ญจศิริวรรณ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายสุธรรม พันธุศักดิ์ เจ้าของทิฟฟานี่ บิดา น.ส.อริสา พันธุศักดิ์ อดีตผู้สมัครนายกอบจ.ชลบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงยังมีอดีตข้าราชการและบุคคลที่น่าสนใจ ได้แก่ พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย เครืองาม ส่งโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย น.ส.วิชุดา รัตนเพียร น้องสาวนายประวิช รัตนเพียร อดีต รมต.หลายกระทรวง ม.ร.ว.วุฒิเลิศ เทวกุล ส่งโดยสถาบันพระปกเกล้า พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายประสงค์ศักดิ์ บุญเดช พี่ชายนายประสพสุข บุญเดช อดีตประธานวุฒิสภา นายสม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายงาน: เผยสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังทหารพม่าเปิดฉากโจมตีกองทัพรัฐฉานเหนือ Posted: 12 Apr 2011 04:14 PM PDT “มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ (SHRF)” เผยสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่หลังทหารพม่าปะทะกับกองทัพรัฐฉานเหนือ ชี้มีการปล้นสะดมทรัพย์สินประชาชน การเกณฑ์แรงงานเพื่อใช้ในสงคราม การข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ รวมทั้งการทรมานและสังหารผู้สงสัยว่าสนับสนุนฝ่ายต่อต้านในรัฐฉาน แผนที่โดยมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ (SHRF) แสดงข้อมูลการปะทะระหว่างทหารกองทัพพม่ากับทหารกองทัพรัฐฉานเหนือ (SSA/SSPP) ระหว่าง 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54 โดยเท่าที่บันทึกมีการปะทะเกิดขึ้นแล้วกว่า 65 ครั้ง ในจุดสีแดงในแผ่นที่ โดยสงครามกระจายไปในพื้นที่มากกว่า 7 อำเภอในรัฐฉาน (ที่มาของภาพ: SHRF) [คลิกเพื่อชมแผนที่ขนาดใหญ่] แผนที่โดยมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ (SHRF) แสดงข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยทหารกองทัพพม่า ระหว่าง 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54 โดยมีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากกว่า 43 กรณี แสดงเป็นจุดสีม่วงในแผนที่ (ที่มาของภาพ: SHRF) [คลิกเพื่อชมแผนที่ขนาดใหญ่]
ตามที่มีรายงานข่าวกองทัพพม่าเปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นกองทัพรัฐฉานเหนือ (SSA/SSPP) ซึ่งอยู่ในพื้นที่รัฐฉานตอนกลาง และตอนเหนือ ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา “มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่” (Shan Human Rights Foundation - SHRF) ได้เผยแพร่รายงาน “สรุปสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของกองทัพทหารพม่าในภาคเหนือและภาคกลางของรัฐฉาน ระหว่างวันที่ 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54” โดยรายงานดังกล่าว บันทึกสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยทหารกองทัพรัฐบาลพม่ามากกว่า 43 กรณี โดยมีทั้งการปล้นสะดมทรัพย์สินของชาวบ้านเพื่อนำไปใช้ในสงคราม การนำชาวบ้านไปทรมานและสังหารหากสงสัยว่าสนับสนุนกลุ่มต่อต้านในรัฐฉาน มีการใช้ความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิง มีเหตุรุมข่มขืนผู้หญิง โดยมีรายหนึ่งเป็นหญิงเพิ่งคลอดบุตร ถูกทหารข่มขืนจนเสียชีวิต นอกจากนี้ในรายงานยังระบุว่ากองทัพพม่ายังใช้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงจากหลายหมู่บ้านอย่างเป็นระบบ ทั้งบังคับให้เป็นลูกหาบแบกของเดินนำหน้ากองทัพ และเพื่อเป็นโล่ป้องกันการโจมตีของกองทัพรัฐฉานเหนือ นอกจากนี้การละเมิดสิทธิและการปล้นสะดมที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้ชาวบ้านกว่า 3,000 คนอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเอง บางคนเข้าไปอยู่ในป่า บางคนหนีไปอยู่ที่อำเภอข้างเคียง อย่างเช่น อำเภอเมืองสู้ หรือข้ามพรมแดนมายังฝั่งไทย โดยผู้ที่อพยพภายในประเทศเหล่านี้อยู่ในสภาพขาดแคลนอาหารและที่อยู่อาศัย ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 เม.ย. องค์กรชุมชนไทยใหญ่ 6 องค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการสุขภาพแห่งรัฐฉาน, มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่, คณะกรรมการเพื่อการสงเคราะห์และการพัฒนาแห่งรัฐฉาน, องค์กรสภาวะสิ่งแวดล้อมไทยใหญ่, เครือข่ายปฏิบัติงานผู้หญิงไทใหญ่ และ กลุ่มพลังเยาวชนไทใหญ่ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ด่วน "ประณามความป่าเถื่อนโหดร้ายที่รัฐบาลทหารพม่ากระทำต่อพลเรือนในการละเมิด สัญญาหยุดยิงในตอนเหนือของรัฐฉาน" โดยเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติประณามการโจมตีดังกล่าว และเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลทหารพม่าเพื่อให้ยุตินโยบายการรุกรานด้านทหารในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศและหน่วยงานผู้บริจาคจากนานาชาติ ไม่ตัดความสนับสนุนที่มีต่อค่ายผู้อพยพตามแนวพรมแดนไทย-พม่าในตอนนี้ เพราะปัญหาการสู้รบยังคงลุกลามบานปลายในรัฐฉาน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่าได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ปฏิบัติมา 22 ปีกับกองทัพรัฐฉาน-เหนือ (SSA-N ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น SSA/SSPP) ซึ่งไม่ยอมเปลี่ยนสถานะเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Forces - BGF) โดยจากรายงานของมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่ระบุว่า ทหารพม่ามีการเคลื่อนกำลังพล 3,500 นายจากกว่า 20 กองพันทหารเพื่อเข้าโจมตีเขตอำเภอเมืองสู้ (Murng Su) การสู้รบอย่างรุนแรงได้แพร่กระจายไปยังอำเภอต้างยาน (Tang Yan) เกซี (Kesi) เมืองไย๋ (Mong Yai) สี่ป้อ (Hsipaw) ล่าเสี้ยว (Lashio) และจ็อกเม (Kyaukme) ในช่วงเวลาแค่สามสัปดาห์มีการสู้รบกันแล้ว 65 ครั้ง โดยประชาไทเรียบเรียงรายละเอียดของรายงานดังกล่าว ดังนี้
สรุปสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของกองทัพทหารพม่าในภาคเหนือและภาคกลางของรัฐฉาน ระหว่างวันที่ 13 มี.ค. – 6 เม.ย. 54 หมายเหตุ: เพื่อความปลอดภัยของผู้ได้รับผลกระทบ ในรายงานจึงมีการปกปิดชื่อหรือใช้นามสมมติ
ที่มาของข้อมูล: “มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทยใหญ่” (Shan Human Rights Foundation - SHRF) http://www.shanhumanrights.org/ สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper |
You are subscribed to email updates from ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์ To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น