ประชาไท | Prachatai3.info |
- เคลื่อนร่าง พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อฯ ‘เยาวชนใต้’ เสนอซื้อเวลาทีวีช่องหลัก
- ภรรยา ‘อากง’ - แม่ผู้ต้องหา 112 เตรียมร่วม ‘อดอาหาร’ ร้อง ‘สิทธิประกันตัว’
- ขอความเป็นธรรมให้นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
- สุรพศ ทวีศักดิ์เข้ารับฟังข้อกล่าวหา 112 พรบ.คอมพ์ ที่ร้อยเอ็ด
เคลื่อนร่าง พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อฯ ‘เยาวชนใต้’ เสนอซื้อเวลาทีวีช่องหลัก Posted: 18 Feb 2012 08:42 AM PST ประชุมระดมความคิดร่าง พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เด็กและเยาวชน เสนอให้กองทุนฯ ซื้อเวลาสถานีโทรทัศน์ นำเสนอเนื้อหาเพื่อเด็กและเยาวชน เดือน มี.ค.นี้ เตรียมจัดเวทีขับเคลื่อนต่อ
วันนี้ (18 ก.พ.55) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องล้านนา โรงแรมบีพีแกรนด์ทาวเวอร์หาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แผนงานสื่อสร้างสรรค์ภาวะเด็กและเยาวชน (สสย.) มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.) และคณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นเรื่องร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์: จะสานฝันอนาคตเด็กและเยาวชนอย่างไร โดยมีนักศึกษา นักวิชาการ สื่อมวลชนจากวิทยุชุมชน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในภาคใต้ร่วมงานประมาณ 70 คน นายเชษฐา มั่นคง หัวหน้าฝ่ายรณรงค์และเผยแพร่ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.) ชี้แจงว่า วัตถุประสงค์จัดการประชุมมีเป้าหมายหลักเพื่อระดมความคิดเห็นเพื่อระดมความคิดเห็นเรื่องร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พร้อมกับเป็นการพยายามเชื่อมเครือข่ายสื่อมวลชนที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน เพื่อขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติฯ ก่อนเปิดให้เข้าชื่อ 1 หมื่นรายชื่อ เพื่อผลักดันให้ตราเป็นพระราชบัญญัติประกาศบังคับใช้ต่อไป นายอิฐบูรณ์ อ้นวงศา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) นำเสนอว่า ประเด็นสำคัญของร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ.... คือการจัดตั้งกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นกองทุนนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์การผลิตและพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสื่อฯ ส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัย ฝึกอบรมสื่อ ส่งเสริมบุคคล องค์กรชุมชน องค์กรสาธารณประโยชน์ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสื่อฯ นายอิฐบูรณ์ กล่าวว่า สำหรับเงินและทรัพย์สินของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มาจากการจัดสรรค์ของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะตามกฏหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เงินค่าปรับที่ได้รับจากผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ นายอิฐบูรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ดำเนินงานในรูปของคณะกรรมการ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นรองประธานฯ มีปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีหน้าที่ควคุมดูแลกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ต่อมาเวลา 13.00 - 14.30 น. มีการแบ่งกลุ่มเพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ.... เป็น 4 กลุ่มย่อย ประกอบด้วย กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มสื่อมวลชนจากวิทยุชุมชน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ผู้สื่อขาวออนไลน์ และกลุ่มตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กลุ่มเด็กและเยาวชน เสนอให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ต้องซื้อเวลาของสถานีโทรทัศน์เพื่อนำเสนอสื่อที่มีเนื้อหาปลอดภัยและสร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชน โดยจัดช่วงเวลาออกอากาศที่เหมาะสม ให้มีคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในระดับภาค และจังหวัด สำหรับภาคใต้ให้แบ่งเป็น 2 พื้นที่คือ ภาคใต้ตอนบน และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสรรหาคณะกรรมการฯ มาจากระดับจังหวัด โดยให้มีสัดส่วนเด็กและเยาวชนอยู่ด้วย ส่วนกลุ่มสื่อมวลชน เสนอว่า เงินของกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สนับสนุนจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 5 % ของรายได้ทั้งหมด ให้มีคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ทั้งในระดับจังหวัด ภาค และระดับชาติ โดยให้คณะกรรมการระดับจังหวัดสามารถอนุมัติเงินจากกองทุนได้เอง มีการจัดเวทีสมัชชาปีละ 1 ครั้งเพื่อติดตามผลการดำเนินงาน จากนั้นได้มีการร่วมกันกำหนดทิศทางของร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ.... ว่าในเดือนมีนาคม 2555 จะมีเวทีเพื่อการขับเคลื่อนอีกครั้ง สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper |
ภรรยา ‘อากง’ - แม่ผู้ต้องหา 112 เตรียมร่วม ‘อดอาหาร’ ร้อง ‘สิทธิประกันตัว’ Posted: 18 Feb 2012 08:02 AM PST ‘เอ็ม’ ฤทธิพงษ์ มหาเพชร อดอาหารต่อเนื่องเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของนักโทษการเมือง ตัวแทนจากสมัชชาสังคมก้าวหน้าย้ำถ้าสังคมเป็นประชาธิปไตยจะไม่มีนักโทษการเมือง ล่าสุดอดีตนักโทษข้อหามีบัตร นปช.เข้าร่วมกิจกรรม ส่วนภรรยาอากง-แม่ผู้ต้องหา 112 เตรียมอดร่วม วันที่ 17 ก.พ.55 เวลา 21.00 น. ที่บริเวณบาทวิถี หน้า ศาลอาญา รัชดา “เอ็ม” ฤทธิพงษ์ มหาเพชร ยังคงอดอาหารต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 จากที่ตั้งใจไว้ 7วัน เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้กับสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และนักโทษทางการเมืองทั้งหมด โดยในวันนี้มีนายไชยวัฒน์ ตระการรัตน์สันติ นักกิจกรรมจากสมัชชาสังคมก้าวหน้า ได้เข้าร่วมอดอาหารด้วย ซึ่งตลอดวันในวันนี้มีผู้สนใจมาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
“เอ็ม” ฤทธิพงษ์ มหาเพชร ด้านภรรยาของนายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) หรือ “อากง” และมารดาของนายสุรภักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว ที่หน้าศาลอาญา รัชดา ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 19 ก.พ.นี้ โดยในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 20 ก.พ.55 จะมีการยื่นประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองและคนอื่นๆ ต่อไป สำหรับกิจกรรมในวันนี้ (18 ก.พ.55) ในช่วงเช้านายอภิวัฒน์ เกิดนอก อดีตนักโทษคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ถูกจำคุกรวมเวลา 1 ปี จากการ “มีบัตร นปช.” และถูกจับตัวตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.53 ที่บริเวณซอยรางน้ำ ได้เดินทางมาจากจังหวัดขอนแก่น เพื่อเข้าร่วมอดอาหารเรียกร้องสิทธิในการได้รับการประกันตัวของนักโทษทางการเมืองด้วย อีกทั้ง ในวันเดียวกันนี้ เมื่อเวลา 13.00 น.ได้มีการจัดเสวนาสาธารณะ หัวข้อ “วิกฤติสิทธิการประกันตัว คือ วิกฤติสิทธิมนุษยชน คือ วิกฤติความยุติธรรม” บริเวณที่มีการทำกิจกรรมอดอาหารหน้าศาลอาญา โดยมีนักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการและนักกิจกรรม เป็นวิทยากรเสวนา ไชยวัฒน์ ตระการรัตน์สันติ นักกิจกรรมจากสมัชชาสังคมก้าวหน้า ผู้เข้าร่วมอดอาหาร นายไชยวัฒน์ ตระการรัตน์สันติ นักกิจกรรมจากสมัชชาสังคมก้าวหน้า ผู้เข้าร่วมอดอาหารกล่าวถึงวัตถุประสงค์การร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า ข้อแรกต้องการเรียกร้องอย่างน้อยที่สุดให้มีประกันตัวผู้ต้องหาในคดีทางการเมืองทั้งหมดที่ถูกคุมขังอยู่ในปัจจุบัน ข้อสองต้องการยืนยันว่ารัฐธรรมนูญต้องเป็นกฎหมายสูงสุดและสิทธิประกันตัวก็อยู่ในรัฐธรรมนูญ แต่คำสั่งที่ไม่ให้ประกันเป็นคำสั่งในกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายธรรมดา “สิ่งที่ผมต้องการยืนยันก็คือว่าเราต้องทำให้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดอย่างแท้จริง” นายไชยวัฒน์ กล่าว ไชยวัฒน์ กล่าวถึงความสำคัญของสิทธิการประกันตัวว่า เป็นพันธะของประเทศไทยที่มีต่อที่ปฏิญญาสิทธิมนุษยชนสากล โดยหลักการมีอยู่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะต้องบริสุทธิ์จนกว่ามีการตัดสินว่าผิด เพระฉะนั้นในสิทธิการประกันตัวเป็นเรื่องพื้นฐานที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เพื่อให้เขามีโอกาสได้ดำเนินการต่อสู้ทางคดีที่เกิดขึ้น “การอยู่ในคุกเป็นการสูญเสียเสรีภาพ และนักโทษการเมืองเกิดจากทัศนคติที่แตกต่างจากรัฐ ถ้าสังคมที่มีความเป็นประชาธิปไตยจะไม่มีนักโทษการเมือง เพราะเป็นสังคมที่ยอมรับความแตกต่างทางความคิด ดังนั้นการมีนักโทษการเมืองแสดงให้เห็นว่าสังคมยังห่างไกลจากประชาธิปไตย” มุมมองของไชยวัฒน์ นักกิจกรรมที่เคยร่วมเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยในขณะนั้นเขายังคงเป็นนักเรียนอยู่ และต้องถูกจับกุมคุมขังอยู่ถึง 3 อาทิตย์ สำหรับการเลือกให้การอดอาหารเพื่อเรียกร้องนี้ ไชยวัฒน์ กล่าวว่า เขาเชื่อในสันติวิธี เพราะฉะนั้นกระบวนการของสันติวิธีก็จะมีหลายรูปแบบ การอดข้าวก็เป็นวิธีการหนึ่ง เป็นกระบวนการต่อสู้ที่เรียกร้องให้ทุกคนมาเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่ได้ไปทำร้ายคนอื่น “เราทำร้ายตัวเราเอง เราหวังอยากให้สิ่งที่เราเรียกร้องปรากฏเป็นจริง เพราะฉะนั้นเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการอดข้าวของเราจะทำให้คนจำนวนมากเข้ามาร่วมกับเรามากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าพลังของประชาชนเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้” ไชยวัฒน์กล่าว คลิปสัมภาษณ์ไชยวัฒน์ ตระการรัตน์สันติ นักกิจกรรมจากสมัชชาสังคมก้าวหน้าที่ร่วมอดอาหารประท้วง ภาพบรรยากาศคืนวันที่ 17 ก.พ.หน้าศาลอาญา รัชดา มีฝนตกลงมาเล็กน้อย แต่ยังมีผู้เดินทางมาให้กำลังใจ ดร.สุดา รังกุพันธุ์ อาจารย์คณะอักษรฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมชุมนุมและนอนให้กำลังใจ สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper |
ขอความเป็นธรรมให้นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข Posted: 17 Feb 2012 10:59 PM PST วันนี้ผมขอเขียนประเด็นร้อนฉ่าสักหน่อยเกี่ยวกับนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ถูกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผมไม่ได้หาเหาใส่หัว แต่ผมเขียนบันทึกนี้ก็เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ การปฏิบัติที่ไม่ดีต่อผู้ต้องหาซึ่งยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ อาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันได้ ในการสืบพยาน “เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งกัน เพราะพยานแต่ละปากนั้นพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่กลับมีการเรียกสืบพยานที่ภูมิลำเนาของพยาน ซึ่งที่ผ่านมา ตนเอง (ทนาย) ก็แถลงคัดค้านการสืบพยานในลักษณะนี้ทุกครั้ง เนื่องจากทราบว่าพยานทุกปากอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งยังยินดีออกค่าใช้จ่ายให้กับพยานปากต่อไป ให้สามารถเดินทางมาเบิกความที่ศาลในกรุงเทพฯ ได้ ทั้งนี้เพราะการเดินทางแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก สมยศซึ่งมีปัญหาสุขภาพจะต้องนั่งที่หลังรถกระบะ มีโซ่ตรวน และเจอกับสภาพอากาศร้อน อย่างที่เดินทางมาสงขลา ใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมง” <1> และเมื่อนายสมยศเดินทางไปถึง พยานก็กลับไม่ไปศาล ข้อนี้สังคมอาจมองได้ว่านี่คือการใช้อคติทรมานนายสมยศ ทั้งนี้นายสมยศต้องเดินทางด้วยการนั่งหลังรถกระบะในเวลากลางวันร้อน ๆ พร้อมโซ่ตรวนอย่างนี้ไปทั้งที่สระแก้ว เพชรบูรณ์ นครสวรรค์และสงขลามาแล้ว ยังไม่รู้จะต้องเดินทางแบบนี้ไปไหนอีก การไม่ให้ประกันตัวนายสมยศตามคำร้องขอถึง 6-7 ครั้งแล้ว ทั้งที่ “ญาติหอบโฉนดที่ดิน 28 ไร่ ตีราคา 1.6 ล้าน ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว” <2> เช่นนี้ แม้เป็นอำนาจของผู้พิพากษา แต่ก็ควรพิจารณาว่า ผู้ต้องหารายนี้ยินดีให้จับกุมแต่แรก และหากรู้ตัวล่วงหน้า ก็ยังพร้อมเข้ามอบตัว <3> นายสมยศถูกจับเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 จนถึงวันนี้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเกือบปีแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปถึงเมื่อใดจึงจะมีคำพิพากษา กระบวนการยุติธรรมไทยน่าจะมีความรวดเร็วกว่านี้ ความช้าอาจหมายถึงความอยุติธรรม การที่กระบวนการยุติธรรมหรือบุคคลที่ทำงานในกระบวนการยุติธรรมตัดสินในใจไปล่วงหน้าแล้วว่าผู้ต้องหาผิด หรือเห็นว่าเขาอยู่ข้างทักษิณ จึงทรมานเขาเช่นนี้ มีแต่จะสร้างความขมุกขมัว หวาดกลัว และเกลียดชัง แตกแยกขึ้นในสังคม และทำให้ภาพพจน์สถาบันเสียหายโดยผู้ที่เข้าใจว่าตนเองกำลังปกป้องสถาบันเอง โปรดพิจารณาด้วยครับ ที่มา: <1> เลื่อนสืบพยานคดี “สมยศ” ไป 18 เม.ย. หลังเดินทางถึงสงขลา http://www.prachatai3.info/journal/2012/02/39242 <2> “สมยศ” วืดประกันนอนคุกต่อ ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัว! http://www.manager.co.th/crime/viewnews.aspx?NewsID=9550000014173&TabID=2& <3> ข่าว “จับ ‘สมยศ พฤกษาเกษมสุข’ คดีล้มเจ้า” http://www.komchadluek.net/detail/20110430/96236/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2.html สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper |
สุรพศ ทวีศักดิ์เข้ารับฟังข้อกล่าวหา 112 พรบ.คอมพ์ ที่ร้อยเอ็ด Posted: 17 Feb 2012 08:54 PM PST สุรพศ ทวีศักดิ์ เจ้าของนามปากกานักปรัชญาชายขอบ เข้ารับทราบข้อกล่าวหากระทำความผิดกฏหมายตาม มาตรา112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ตามที่นายวิพุธ สุขประเสริฐ แกนนำกลุ่มพันธมิตรร้อยเอ็ด เจ้าของนามแฝง IPAD ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมือง ร้อยเอ็ด 17 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 09.30น. นายสุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการ ได้เดินทางจากบ้านพัก อ.หัวหิน จ.เพชรบุรี ไปถึงสถานีตำรวจภูธร เมืองร้อยเอ็ดเพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดกฏหมายตาม มาตรา112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ตามที่นายวิพุธ สุขประเสริฐ แกนนำกลุ่มพันธมิตรร้อยเอ็ด เจ้าของนามแฝง IPAD ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พ.ต.อ.ภัทราวุฒิ เอื้อมศศิธร รอง ผบก.ภจว.ร้อยเอ็ด และ พ.ต.ท.สุคิด เพ็ชรโยธา เจ้าพนักงานสอบสวน สภอ.เมืองร้อยเอ็ด เป็นผู้ทำหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา หลังจากที่เจ้าพนักงานสอบสวนได้อ่านข้อกล่าวหาซึ่งระบุว่า นายสุรพศ ทวีศักดิ์ ได้กระทำความผิดตาม มาตรา112และ พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยได้โพสต์ข้อความที่ถูกกล่าวหาลงบนความเห็นท้ายบทความที่เผยแพร่ในประชาไทหนังสือพิมพ์ออนไลน์จำนวนสองข้อความ โดยได้ชี้แจงเพิ่มว่าทั้งสองข้อความดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ให้วัฒนธรรมจังหวัดและอาจารย์ในจังหวัดร้อยเอ็ดอ่านแล้วโดยมีความเห็นว่าเป็นข้อความที่เข้าข่ายว่าเป็นการกระทำผิดกฏหมาย จากนั้น นส.เยาวลักษ์ อนุพันธุ์ ทนายความได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ ในการทำหนังสือชี้แจงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา โดยได้ข้อสรุปว่าจะส่งหนังสือชี้แจงและรายชื่อของผู่้ที่จะร่วมให้ข้อมูลในประเด็นต่างๆภายในวันที่ 15 มีนาคม 2555 พ.ต.อ.ภัทราวุฒิ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังมีคดีที่นายวิพุธ สุขประเสริฐ ได้มาฟ้องร้องอยู่ในชั้นเจ้าพนักงานสอบสวนของ จ.ร้อยเอ็ดอยู่สองคดี จากทั้งสิ้น 8 คดี ทั้งนี้เนื่องจากในบางคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถหาตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ทางคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานในเรื่องความผิดคดีหมิ่นได้ก็สั่งงดการดำเนินคดี สำหรับในคดีที่ผู้โพสต์อยู่ต่างประเทศก็ถือเป็นระเบียบให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้ติดตามผู้โพสต์ข้อความมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป สุรพศ ทวีศักดิ์ ผู้ถูกกล่าวหา ได้แจ้งกับประชาไทว่า ตนขอยืนยันว่าการเขียนบทความและการแสดงความเห็นของตนเป็นไปในกรอบวิชาการตามหลักสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ในส่วนของผู้ให้ข้อมูลประกอบคำชี้แจงฯ ตนเองจะติดต่อ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ,นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ,นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์และนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ จากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้ช่วยเป็นผู้ให้ข้อมูลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาต่างๆ ในขณะที่ผู้ต้องหาและคณะทนายความได้เดินทางไปที่ สภ.เมือง ร้อยเอ็ด ได้มีคนเสื้อแดงเข้ามาโอบกอด ร้องไห้ แสดงความเห็นใจและมอบดอกกุหลาบให้นายสุรพศ
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น