โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

"สนธิ" เตรียมเปิดโปงแผนต่างชาติคิดแทรกแซงไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา

Posted: 26 Feb 2012 07:16 AM PST

โฆษกพันธมิตรเผยความเห็น "สนธิ" กรณีตำรวจเพิ่มข้อหา 46 พธม. หวังบีบให้ปรองดอง แต่จะไม่ยอมแน่นอน ชี้หลังจากนี้จะมีการสร้างสถานการณ์ไม่สงบหลายรูปแบบ เพื่อเปิดทางสหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในไทย และเมื่อเข้ามาได้แล้วก็จะไม่มีวันออกไป เพื่อปกป้องผลประโยชน์-พิทักษ์รักษา "ขบวนการสูบความมั่งคั่ง" จากไทยต่อไป ลั่นประชาชนไทยต้องไม่ยอมอย่างเด็ดขาด

เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความในหน้าแฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า บ่ายวันนี้ (24 ก.พ.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล (แกนนำพันธมิตรฯ) ให้ความเห็นต่อกรณีที่ตำรวจเพิ่มข้อหาก่อการร้ายให้กับพันธมิตรฯ 46 คน ว่า “โดยส่วนตัวจะไม่ปรองดอง และไม่ว่าจะเพิ่มข้อหาอย่างไรก็จะคัดค้านการนิรโทษกรรมอย่างถึงที่สุด เพราะมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และสามารถพิสูจน์ด้วยกระบวนการในชั้นศาลแน่นอน แม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งในชั้นตำรวจก็ตาม"

"เพียงแต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า กรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นการสร้างอำนาจต่อรองเพื่อให้อัยการอ้างเหตุให้ยกเลิกข้อหาก่อการร้ายให้คนเสื้อแดง โดยจะอ้างเหตุว่าจะยกเลิกข้อให้กับพันธมิตรฯ ด้วย และอ้างว่าเพื่อความปรองดอง ตลอดจนอาจหวังจะให้พันธมิตรฯ ไม่คัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมในชื่อ พ.ร.บ.ปรองดอง หรือการล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดในอดีตให้กับทักษิณและพวกพ้องด้วย โดยที่ตำรวจสายเนวินต้องการเอาใจรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพื่อให้สามารถเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานได้ต่อไป"

นายปานเทพ เปิดเผยความเห็นของนายสนธิต่อไปว่า คดีที่เกิดขึ้นนั้นเกิดในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหวังหวังกดหัวและกลั่นแกล้ง เหมือนเอาห่วงคล้องคอพันธมิตรฯ มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะชุดสอบสวนที่บอกว่าพันธมิตรฯ เป็นผู้ก่อการดีให้มาเป็นตำรวจเครือข่ายเนวิน จับมือกับสุเทพที่หวังกำจัดพันธมิตรฯ ที่มาตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการประกาศใช้ฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคงกับพันธมิตรฯ ที่มาชุมนุมเพื่อตรวจสอบรัฐบาลเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อันเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้ได้รับโทษทางอาญาเพิ่มเติม

"เมื่อคดีค้างไว้จนสิ้นสมัยตัวเองจึงเป็นอาหารที่เสิร์ฟต่อมาให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมากดปุ่มสวมตอต่อเพื่อทำร้ายพันธมิตรฯ ในวันนี้"

นายสนธิยังเปิดเผยกับนายปานเทพว่า "ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับเอาใจคนเสื้อแดง ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนการประกันตัวคนเสื้อแดงโดยมติคณะรัฐมนตรี จนในที่สุดสามารถมาสมัครเป็น ส.ส.ได้เป็นจำนวนมาก"

"รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยอมส่งคดีทหารให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษในข้อหาว่าทหารฆ่าประชาชนคนเสื้อแดง (เหมือนเอาห่วงคล้องคอทหาร) ทั้งๆ ที่ทหารเขายอมสละชีพเพราะตามคำสั่งของรัฐบาลที่เข้าไปในที่ชุมนุมที่มีอาวุธสงครามด้วยมือเปล่า จนรัฐบาลชุดนี้จบลงไปคดีก็เสิร์ฟมาต่อให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาทำร้ายทหารในวันนี้ โดยอัยการได้ส่งให้ศาลอาญาไต่สวนไปแล้ว 1 คดี กล่าวหาว่าทหารวิสามัญฆาตกรรม และจะดำเนินคดีกับทหารต่อไปอีก 15 ศพ

ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ากระบวนการอยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นและตั้งเรื่องตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น เพียงเพราะต้องการเอาตัวเองรอด ยอมทำให้เกิดความอยุติธรรมแม้กระทั่งคนที่เขายอมเสีสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ"

นายสนธิทิ้งท้ายด้วยว่า "การเมืองทุกวันนี้จึงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นักการเมืองทำเพื่อประโยชน์ตัวเองทั้งสิ้น และเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า นักการเมืองทุกฝ่ายส่วนใหญ่บัดซบหมดทั้งสิ้น!”

นอกจากนี้ นายปานเทพ ยังโพสต์ข้อความว่า การที่ตำรวจดำเนินการเพิ่มข้อหาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 46 ราย และเตรียมขอหมายจับนั้น (รวมตนด้วย) ขอเรียนให้ทราบดังนี้ 1.เรายังคงยืนหยัดเช่นเดิมที่จะพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลอย่างถึงที่สุด และจะดำเนินการดำเนินคดีกลับเจ้าหน้าที่รัฐที่กลั่นแกล้งยัดเยียดข้อหาอันเป็นเท็จอย่างถึงที่สุดเช่นกัน 2. เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เป็นผลทำให้เราเปลี่ยนจุดยืน และเรายังคงยืนหยัดที่จะคัดค้านการนิรโทษกรรมอย่างถึงที่สุดเช่นกัน แม้ต่อให้สมมติว่า เราถูกพิพากษาตัดสินให้มีความผิด (ไม่ว่าจะเป็นธรรมหรือไม่ก็ตาม) ก็พร้อมรับโทษนั้นเพื่อรักษาหลักนิติรัฐ และบรรทัดฐานให้กับสังคมไทยต่อไป และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการเพื่อพิสูจน์ความจริง และขอให้ยอมรับผลแห่งกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 11.24 น.วันเดียวกัน นายปานเทพ ได้โพสต์ข้อความว่า วันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เล่าให้ฟังถึงทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดของชาวต่างชาติตั้งแต่สมัยอยุธยาที่เข้ามาในสยามเพื่อเผยแผ่ศาสนา ร่วมรบเลือกข้างที่จะเอื้อประโยชน์เพื่อสูบความมั่งคั่งให้กับฝรั่ง มาจนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และต่อมายังราชวงศ์จักรีที่มีการแทรกแซงในราชสำนักและการเมืองในหลายุคหลายสมัย ต่อเนื่องมาจนถึงที่มาของบางคนในคณะราษฎรที่มีความเชื่อมโยงกับบางตระกูลที่มีบทบาททางการเมืองในเวลาต่อมา จนถึงยุคปัจจุบันที่มีการแทรกแซงเพื่อความมั่งคั่งและเข้ามาแทรกแซงต่อพุทธศาสนาในประเทศไทย โดยเป้าหมายหลักยังคงเหมือนเดิมคือ 1.สูบความมั่งคั่งโดยทุนสามานย์ 2.บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา(เพื่อนำไปสู่การทำลายความพอเพียงและให้เป็นวัตถุนิยมมากขึ้น)

และเป้าหมาย 2 ประการนี้ยังคงต้องเข้าบ่อนทำลายภูมิคุ้มกันหลัก 2 ประการคือ 1.ความเป็นชาตินิยม 2.สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม เป็นผู้ทรงอุปถัมภ์พุทธศาสนาและทุกศาสนาในประเทศไทย ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจในคุณงามความดี และทรงเป็นต้นแบบและทรงเผยแพร่เศรษฐกิจพอเพียง

และเพื่อดำเนินการดังนี้นายสนธิวิเคราะห์ขั้นตอนลำดับต่อไปจากแหล่งข่าวทราบมาว่าหลังจากนี้จะมีการสร้างสถานการณ์การก่อความไม่สงบในหลายรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเปิดให้สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย และเมื่อเข้ามาได้แล้วก็จะไม่มีวันออกไป เพื่อมาปกป้องผลประโยชน์และจะใช้เป็นหลักประกันพิทักษ์รักษาขบวนการสูบความมั่งคั่งจากประเทศไทยต่อไป (ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนขั้วหรือถูกรัฐประหารก็ตาม) ซึ่งประชาชนชาวไทยจะต้องลุกขึ้นต่อสู้และไม่ยินยอมโดยเด็ดขาด

นายปานเทพระบุด้วยว่า “ทั้งนี้ คุณสนธิ แจ้งว่า จะหาโอกาสเปิดข้อมูลเหล่านี้อีกครั้งทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV เร็วๆ นี้”

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

‘ฮิวแมนไรท์ วอทช์’ กังวลกรณีนักโทษคดีหมิ่นไม่ได้สิทธิประกันตัว

Posted: 26 Feb 2012 03:17 AM PST

องค์กรสิทธิ “ฮิวแมนไรท์ วอทช์” ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการปฏิเสธสิทธิการประกันตัวแก่ผู้ต้องหาม.112 ชี้การไม่ให้สิทธิดังกล่าวเป็นเพราะเหตุผลทางการเมือง ซึ่งถูกนำไปใช้กลั่นแกล้งผู้ต้องหาด้วยในบางกรณี

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ “ฮิวแมนไรท์ วอทช์” ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อกรณีที่ผู้ต้องหาในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถูกปฏิเสธสิทธิการประกันตัวอย่างต่อเนื่อง โดยฮิวแมนไรท์ วอทช์ชี้ว่า การที่ศาลไทยไม่อนุญาตให้นักโทษในคดีดังกล่าวประกันตัว เป็นเพราะเหตุผลทางการเมือง ซึ่งเป็นเสมือนการลงโทษที่ไม่มีเหตุผลเหมาะสมรองรับ

ในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า จากจำนวน 12 คดีที่อัยการสั่งฟ้องผู้สนับสนุน นปช. ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยังไม่มีกรณีใดเลยที่ได้รับการประกันตัว ซึ่งตรงข้ามกับในกรณีของสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถูกฟ้องเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 53 และได้รับการประกันตัวแล้วในวันเดียวกัน

ฮิวแมนไรท์ วอทช์กล่าวถึงคดีผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสามกรณีที่ถูกปฏิเสธการขอประกันตัวมาแล้วอย่างน้อยคนละ 5 ครั้ง ได้แก่ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ โจ กอร์ดอน และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งในกรณีของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ฮิวแมนไรท์ วอทช์ชี้ว่า การที่เขาถูกปฏิเสธการประกันตัวมาถึง 7 ครั้งและถูกส่งไปรับฟังการพิจารณาคดีใน 4 จังหวัด คือ สระแก้ว เพชบูรณ์ นครสวรรค์และสงขลา อาจเป็นการกลั่นแกล้งผู้ต้องหา และชี้ว่า อาจเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นตั้งแต่แรก เนื่องจากพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ

“ปัญหาความไม่ยุติธรรมของคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถูกทำให้เห็นชัดเจนขึ้นโดยการปฏิเสธสิทธิประกันตัว [แก่ผู้ต้องหา] และการคุมขังที่กินเวลานานก่อนการไต่สวนคดี” แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของฮิวแมนไรท์ วอทช์กล่าว

ทั้งนี้ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกจับกุมคุมขังตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 54 โดยคำฟ้องระบุว่าเขากระทำผิดตามม. 112 จากการเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ซึ่งถูกมองว่าเผยแพร่เนื้อหาที่หมิ่นเบื้องสูง เขาถูกปฏิเสธการขอประกันตัวมาแล้ว 7 ครั้งโดยศาลให้เหตุผลว่าข้อหาที่ถูกกล่าวโทษมีอัตราสูง กระทบต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน หากปล่อยตัวชั่วคราวอาจจะหลบหนี เช่นเดียวกันกับกรณีของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, โจ กอร์ดอน และ “อากง” หรืออำพล นักโทษคดีหมิ่นฯ ผู้ถูกตัดสินจำคุกด้วยม. 112 จำนวน 20 ปี ซึ่งล่าสุดถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวเช่นเดียวกัน

อนึ่ง ประเทศไทยลงนามและให้สัตยาบันในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองแห่งสหประชาชาติ ซึ่งระบุว่า “มิให้ถือเป็นหลักทั่วไปว่าจะต้องควบคุมบุคคลที่รอการพิจารณาคดี แต่ในการปล่อยตัวอาจกำหนดให้มีการประกันว่าจะมาปรากฏตัวในการพิจารณาคดี ในขั้นตอนอื่นของกระบวนพิจารณา และจะมาปรากฏตัวเพื่อการบังคับตามคำพิพากษา เมื่อถึงวาระนั้น"
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

หมอตุลย์ชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ ต้านแก้ รธน. - ม.112

Posted: 25 Feb 2012 02:18 PM PST

ช่วงเย็นวานนี้ (25 ก.พ.) เครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดินหรือกลุ่มเสื้อหลากสี ได้ชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ เพื่อคัดค้านการตั้ง สสร. ขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ทั้งฉบับ เนื่องจากทางกลุ่มเชื่อว่าเป็นการแก้ไขเพื่อช่วยเหลือคนๆ เดียว โดยทางกลุ่มเริ่มชุมนุมตั้งแต่เวลา 16.00 น. ถึง 18.00 น. ก่อนเดินทางกลับ และได้หมายนัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทุกวันเสาร์ เพื่อดูท่าทีว่าคณะกรรมาธิการร่วมแก้มาตรา 291 จะแปรญัตติออกมาเป็นอย่างไร

และนอกจากการนัดชุมนุมทุกวันเสาร์แล้ว ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 2 มี.ค. กลุ่มเสื้อหลากสี และภาคีเครือข่าย 13 องค์กร อาทิ กลุ่มสยามสามัคคี และนักวิชาการ จะไปร่วมจัดเสวนาเรื่องนี้กันที่เวทีลีลาศสวนลุมพินี

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ให้สัมภาษณ์เมื่อ 25 ก.พ. 55 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ที่มา: Prachatai/youtube.com)

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงเหตุผลในการคัดค้านการตั้ง สสร. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งฉบับ โดยระบุว่ามีความกังวลมาก ถ้าไปดูการอภิปรายที่กล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย โดยละเว้นจะพูดเรื่องการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง จนถึงมีการยุบพรรคพลังประชาชนเป็นศัตรูร้ายของประชาธิปไตย บางท่่านถึงกับบอกว่าแก้ 2550 แล้วทักษิณจะกลับมา โดยอ้างว่าแก้แล้วจะเป็นประชาธิปไตย ซึ่งผมว่ามันเป็นแต่รูปแบบ ตอนนี้ประชาธิปไตยไทยเป็นแต่รูปแบบ บางคนบอกว่าจะต้องให้มีการตรวจสอบศาลโดยนักการเมือง จะต้องมาสาบานตน หรือประธานศาลต่างๆ จะต้องถูกรับรองโดยนักการเมือง ผมขอบอกว่านักการเมืองก็พาประเทศลงเหวมา ยกตัวอย่างเช่นที่เยอรมันสมัยฮิตเลอร์

"และตอนนี้เรากำลังถูกชักจูงว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย หรือทุกสิ่งทุกอย่างต้องยึดโยงกับการเลือกตั้งหรือนักการเมือง อันนี้เรากำลังจะพาประเทศลงเหว และเรากำลังได้รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ ต่างๆ เพื่อให้ทักษิณกลับมามีอำนาจ อันนี้เราจะเห็นได้จากคำกล่าว คำอภิปราย คำให้สัมภาษณ์จาก ส.ส.เพื่อไทย"

ต่อคำถามที่ว่าทางกลุ่มจะดำเนินการต่ออย่างไร หลังสมาชิกสภามีมติ 399 เสียงรับหลักการแก้ไข ม.291 ในรัฐธรรมนูญ นพ.ตุลย์กล่าวว่า จะไปแสดงตนต่อประธานวุฒิสภาเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนมาถอดถอนบุคคล 399 คนที่ลงมติรับรอง เพราะการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ "การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตาม ม.291 ให้แก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่อนุมัติให้คนอื่นมาฉีกรัฐธรรมนูญ นี่เขาทำขัดรัฐธรรมนูญเอง คณะรัฐมนตรีแทนที่จะร่างเองแล้วส่งให้รัฐสภาพิจารณาแต่กลับให้คนอื่นมาทำแทนถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เราอยากให้คณะรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. หรือประชาชน 50,000 เสนอมาเลยว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตนเองนี่เป็นประชาธิปไตยโดยตรง"

ส่วนกรณีการต่อต้านการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นพ.ตุลย์กล่าวว่า ถ้ากลุ่มที่ทำการรณรงค์แก้ไข ม.112 ยื่นรายชื่อมา รองประธานสภาก็จะนำ 3 หมื่นรายชื่อที่เครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดินยื่นไว้มาพิมพ์พร้อมใบปะหน้าว่ามีผู้คัดค้านการแก้ไข ม.112 ด้วยเหตุผลใด เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใช้ประกอบการพิจารณา

กรณีที่มีการอภิปรายในที่สาธารณะ นพ.ตุลย์กล่าวว่า "ค่อนข้างเป็นห่วงเราคิดว่าหลายๆ เรื่องเป็นเรื่องอ่อนไหว อาจกระทบกับสถาบัน โดยเฉพาะถ้าไม่มีการกลั่นกรองก่อน การพูดบางเรื่องเช่นควรทำแท้งเสรี เปลือยกายได้ หรือควรให้ขายยาเสพย์ติดได้สักสิบเม็ด บางสิ่งบางอย่างที่จะพูดในที่สาธารณะก็ควรกลั่นกรองก่อน เพราะฉะนั้นผมคิดว่าคณะนิติราษฎร์เอย ครก.112 ควรมีการพูดคุยโดยมีผู้คัดค้านด้วย ในวงวิชาการ มีการทบทวน ก่อนที่จะกล่าวอ้างว่ามีคดี 400-500 คดีในปี 2553 คุณตอบสอบหรือยังว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่จะกระทำหรือตกลงกันว่าจะกระทำหรือเปล่า"

"หรือคุณจะอ้างคดีอากง คุณตรวจสอบหรือยังที่ว่าอากงเขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำ แล้วอากงหรือคนที่ทำตัวจริงทำไมจึงใช้ซิมมือถือที่ลงทะเบียนให้ตำรวจจับได้ ผมบอกกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ บอกกับสถานทูตสหรัฐว่า ปกติคนที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทาง SMS ไม่มีใครเลยที่เขาใช้ซิมที่ลงทะเบียนชื่อตัวเองให้ถูกจับได้"

นพ.ตุลย์ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อเสนอของนิติราษฎร์ที่ให้สำนักราชเลขาธิการเป็นผู้กล่าวโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นพ.ตุลย์กล่าวว่า กรณีคดีหมิ่นประมาทส่วนบุคคล ใครก็ฟ้องแทนผมไม่ได้ แต่พระมหากษัตริย์เป็นสถาบันของคนทั้งชาติ เพราะฉะนั้นถ้ามีใครกระทำหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย สามารถไปฟ้องได้ แต่คนที่ฟ้องไม่ใช่เจ้าของคดี เจ้าของคดีคือตำรวจ และอัยการ เราแค่ไปแจ้งความว่ามีผู้กระทำผิดกฎหมายอาญา เข่น มีคนขโมยสายไฟฟ้าสาธารณะ อย่างนี้คุณจะรอให้การไฟฟ้าไปฟ้องหรือครับ ไม้ใช่ครับทุกคนมีส่วนร่วมฟ้องได้ ผมก็แปลกใจว่าทำไมคณะนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นอาจารย์กฎหมายปริญญาเอก กลับมองข้ามตรงนี้ กลับไปเลือกข้อมูลที่สนับสนุนตัวเอง

ส่วนที่มีรายงานว่า นพ.ตุลย์ เคยเสนอให้มีการแก้ไข ม.112 นพ.ตุลย์ กล่าวด้วยว่่า "มีคนบอกว่าหมอตุลย์เคยเสนอให้แก้ไข ใช่ครับ ผมเสนอแก้ โดยให้แยกโทษเป็นขั้นบันได อย่างกรณีโชติศักดิ์ อาจไม่เกิน 6 เดือน หรือรอลงอาญาก็ได้ หรืออาจกำหนดจะมีโทษใหม่ๆ ที่เรานึกไม่ถึงหรือไม่เคยปรากฎมาก่อน แต่โทษบางโทษควรไม่ต่ำกว่า 10 ปี เช่น ใส่ร้ายด้วยความเท็จ และต้องพิจารณาคดีเป็นความลับ แต่่ความลับไม่ได้แปลว่าไม่มีใครอยู่ในที่พิจารณาคดีเลยนะครับ ก็เหมือนคดีดา ตอร์ปิโด ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งก็บอกว่าไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ก็อยากให้ทางคณะนิติราษฎร์ อาจให้คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นเจ้าภาพแล้วให้ผู้สนับสนุนและคัดค้านมาคุยกันก่อนที่จะเอาไปเปิดเผย ผมคิดว่าสิ่งที่นิติราษฎร์ และ ครก.112 กำลังทำอยู่ เขาเรียกว่าโปรปากันด้า (โฆษณาชวนเชื่อ) ไม่ใช่เสรีภาพทางวิชาการ" นพ.ตุลย์กล่าว

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

กลุ่มคนพิการในโบลิเวียอดอาหารประท้วงรัฐบาล

Posted: 25 Feb 2012 01:47 PM PST

กลุ่มคนพิการในโบลิเวียราว 1,000 คนเดินขบวนยาตรา 100 วันมาจนถึงรัฐสภาในกรุงลา ปาซ เพื่อเรียกร้องเงินสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ก็ปะทะกับตำรวจเนื่องจากพยายามบุกเข้าไปในเขตรัฐสภา ล่าสุดมีผู้ประท้วงอดอาหารประท้วง 5 คน

25 ก.พ. 2012 - สำนักข่าวอัลจาซีร่ารายงานว่ามีกลุ่มคนพิการอดอาหารประท้วงเรียกร้องเงินสนับสนุนจากรัฐบาล หลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากมาชุมนุมกันที่กรุงลาปาซจนเกิดการปะทะกันนอกอาคารรัฐสภา

ผู้ประท้วงที่เป็นคนพิการ 5 คน ในโบลิเวีย เริ่มประท้วงด้วยการอดอาหาร เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินสนับสนุนรายปีให้กับผู้พิการ 

โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมาผู้ประท้วงที่เป็นคนพิการชาวโบลิเวียราว 1,000 ราย ได้มาชุมนุมประท้วงกันที่หน้าอาคารรัฐสภาของโบลิเวีย หลังจากที่มีการเคลื่อนขบวนยาตรา 100 วันมายังกรุงลาปาซ

การปะทะเกิดขึ้นที่ด้านนอกอาคารรัฐสภาหลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามเข้าไปในตัวอาคารยันกับตำรวจรักษาความปลอดภัย

"พวกเราไม่ได้มาขอความเอื้อเฟื้อจากรัฐบาล" หลุยส์ ฟิลิปเป ลีจ หนึ่งในแกนนำของกลุ่มคนพิการกล่าว ซึ่งจำนวนคนพิการในโบลิเวียมีอยู่รวมแล้ว 46,000 คน

"พวกเรากำลังเรียกร้องสิทธิที่ควรจะเป็นของเราอยู่แล้ว พวกเราเรียกร้องให้มีการอนุมัติกฏหมายที่พวกเราร่างขึ้น แล้วก็เขาก็ไม่ยอมทำ พวกเราต้องการเข้าไปให้ถึงจัตุรัสมูริลโล (จัตุรัสของรัฐสภา) สถานที่ซึ่งเป้นของชาวดบลิเวีบทุกคน แต่พวกเขาก็ไม่ยอมให้เราเข้าไป"

เมื่อเหล่าคาราวานมาถึงกรุงลา ปาซ ก็มีตำรวจรักษาความปลอดภัยกันไว้ เมื่อเกิดการปะทะกัน มีบางคนถูกทุกตี ถูกช็อตไฟฟ้า และถูกยิงแก๊สน้ำตาใส่

กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งบางคนก็นั่งมาบนรถเข็น บางคนก็มีไม้เท้าพยุง พากันตั้งแคมป์ชั่วคราวปักหลักชุมนุมกันบนท้องถนนรอบจัตุรัสของรัฐสภา มีบางส่วนถอดชุดชั้นในออกเพื่อแสดงการประท้วงด้วย

สำหรับเหตุปะทะเมื่อวันศุกร์ (24) ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโบลิเวียบอกว่า มีมือที่สามเป็นผู้ยั่วยุให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรงจากตำรวจ

ผู้ประท้วงเริ่มเดินขบวนกันตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2011 จากเมืองทรีนีแตตทางฝั่งตะวันออก มายังเมืองหลวงกินระยะทางราว 1,750 กม.

พวกเขาบอกว่าประธานาธิบดี อีโว โมราเลส ไม่สามารถปฏิบัติตามกฏหมายปี 2006 ที่ระบุให้มีการแบ่งสรรเงินทุนจากพรรคการเมืองและองค์กรเอกชนมาช่วงเหลือกลุ่มคนพิการได้

กฏหมายที่พวกเขาอ้างถึงระบุว่าให้มีการแบ่งเงินจำนวน 6 ล้านดอลลาร์ (ราว 182 ล้านบาท) ต่อปี มาให้กับคนพิการ แต่พวกเขาบอกว่าไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเลย

รายงานข่าวระบอีกว่าการประท้วงเป็นเรื่องปกติในประเทศโบลิเวีย ที่มีผู้นำคือโมราเลสผู้มีเชื้อสายชนพื้นเมือง ขึ้นสู่อำนาจจากการเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 2005 โดยสัญญาว่าจะให้สิทธิด้านต่างๆ กับคนจนซึ่งเป็นคนส่วนมากในประเทศ แต่โมราเบสก็ถูกประท้วงจากฐานอำนาจของตัวเองอยู่เสมอมา

ที่มา

Bolivian protesters go on hunger strike, Aljazeera, 25-02-2012 http://www.aljazeera.com/video/americas/2012/02/20122259831978676.html

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น