ประชาไท | Prachatai3.info |
- ผลเจรจารอบ 3 คนงานสิ่งทอสันกำแพง "จอร์จี้ แอนด์ ลู" คืบหน้า
- สิทธิ์ของคนพูดไทยไม่ชัด...?
- นักวิชาการหาดใหญ่-แฟตเรดิโอ ร่วมวงค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
- มีเดียมอนิเตอร์เผยผลวิเคราะห์เสรีภาพสื่อมวลชนในการเสนอประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
- ’ธรรมศาสตร์เสรี’ จี้นิรโทษกรรมเหยียบคนตายกลับบ้าน
- จับตาวาระ กสท. จันทร์นี้ เตรียมผ่านร่างประกาศคุมเนื้อหาทีวี
- ตระเวน 13 สน. แจ้งจับละคร 'เจ้าสาวหมาป่า' งานรำลึก 40 ปี 14 ตุลา อ้างหมิ่นเบื้องสูง
- แดงเสรีชนอิสระเชียงใหม่-ลำพูน ยื่นหนังสือค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
- เครือข่ายปกป้องแผ่นดินฯ เดินสายรณรงค์ชาวบ้านไม่รับคำตัดสินศาลโลก
- เอฟทีเอว็อทช์ไว้อาลัย ม. 190 รัฐสภาและประชาธิปไตยไทย
- รวมแถลงการณ์ค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม (อัพเดท 1 พ.ย. 2556)
- กวีประชาไท: ทางแยก
ผลเจรจารอบ 3 คนงานสิ่งทอสันกำแพง "จอร์จี้ แอนด์ ลู" คืบหน้า Posted: 02 Nov 2013 02:13 PM PDT คนงานสิ่งทอที่สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ชุมนุมรอฟังผลเจรจานายจ้างรอบ 3 โดยคืบหน้าไปมาก นายจ้าง-พนักงานเห็นชอบร่วมกันหลายข้อยอมยกเลิกการปรับเงินชิ้นละ 20 บาท - คงสวัสดิการที่เคยได้รับ ส่วนค่าจ้างวันละ 310 บาท และโบนัสยังตกลงไม่ได้ รอเจรจารอบใหม่พุธนี้ 3 พ.ย. 2556 เมื่อเย็นวานนี้ (2 พ.ย.) พนักงานโรงงานจอร์จี้ แอนด์ ลู ซึ่งเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ได้ชุมนุมด้านหน้าโรงงานเพื่อรอฟังผลการเจรจาเพื่อปรับสภาพการจ้างระหว่างผู้แทนเจรจาของพนักงาน กับตัวแทนของฝ่ายบริหาร โดยการเจรจาในวันนี้เป็นการเจรจาในรอบที่สาม หลังจากก่อนหน้านี้มีการเจรจาเมื่อ 18 ต.ค. และ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา สำหรับการเรียกร้องของพนักงานในโรงงานจอร์จี้ แอนด์ ลูนั้น เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. หลังมีพนักงานประท้วงในโรงงานเพราะไม่พอใจที่นายจ้างเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง เช่น เปลี่ยนวิธีการจ้างพนักงานประจำแบบจ่ายเงินรายวัน มาเป็นจ้างรายชิ้น การปรับลดสวัสดิการและรายได้จากการทำงานอื่นๆ ของพนักงาน ซึ่งได้สร้างความยากลำบากในการทำงานให้กับคนงาน รวมทั้งการที่บริษัทได้ลดขั้นตอนการผลิตให้พนักงานฝ่ายผลิตตรวจสอบผลงานกันเอง หากพบชิ้นงานเสียจะต้องทำการชดใช้เงินเอง ทำให้พนักงานเกิดความกดดัน และต่อมาพนักงานได้ร่วมกันลงลายมือชื่อ ยื่นข้อเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างรวม 8 ข้อ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ตามมาด้วยการเจรจา 2 นัดก่อนหน้านี้ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้า
ต่อมาในเวลาประมาณ 19.30 น. ตัวแทนพนักงานที่เข้าไปเจรจากับผู้บริหารได้ออกมาชี้แจงผลการเจรจา โดยการเจรจารอบนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยข้อ 1 บริษัทยอมยกเลิกการปรับเงินพนักงานในขั้นตอนการผลิตชิ้นละ 20 บาท กลับไปใช้ขั้นตอนการผลิตเดิมที่มีบุคคลตรวจสอบคุณภาพงานหรือ QC ข้อ 2 คนงานเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานรายเดือนขั้นต่ำเดือนละ 10,000 บาทนั้น ทางบริษัทไม่สามารถตกลงได้ โดยระบุว่าพนักงานได้ค่าจ้างมากกว่านั้นอยู่แล้ว โดยทางโรงงานขอคัดเอกสารของพนักงานรายวัน รายเดือน และรายชิ้นมาคำนวณแล้วนำมาแจ้งพนักงาน ถ้าพนักงานสงสัยว่ามีข้อผิดพลาดให้ไปถามที่แผนกบุคคล ข้อ 3 บริษัทยังไม่ตกลงให้กับพนักงานรายชิ้นตามที่ทำได้จริง ไม่ต่ำกว่าวันละ 310 บาท โดยเสนอบริษัทเสนอมาที่ 307 บาท ทำให้ทั้งสองฝ่ายจะนำข้อนี้มาหารือในการเจรจาครั้งต่อไป ข้อ 4 บริษัทเห็นชอบให้ยกเลิกสัญญาจ้างงานที่ให้พนักงานรายเดือนเป็นพนักงานรายวัน โดยให้เป็นพนักงานรายเดือนเช่นเดิม ข้อ 5 บริษัทตกลงให้ยกเลิกสัญญาการจ้างงานฉบับใหม่ที่ให้พนักงานลงลายมือชื่อเมื่อ 11 ต.ค. 2556 โดยพนักงานที่ต้องการยกเลิกสัญญาจ้างนี้สามารถไปแจ้งที่ฝ่ายบุคคลได้ ข้อ 6 บริษัทยังไม่ตกลงในเรียกร้องของพนักงานที่ขอให้จ่ายโบนัสประจำปีให้กับพนักงานไม่ต่ำกว่าสองเท่าของรายได้ แต่บริษัทเสนอว่าจะให้รางวัลกับพนักงานที่ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ และ 8 ชั่วโมงต่อวัน ข้อ 7 บริษัทเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องที่ว่าให้บริษัทยกเลิกระเบียบการลงโทษพนักงานที่ทำงานไม่ได้ตามเป้าเงินที่วางไว้คือ ไม่น้อยกว่าสองร้อยบาทต่อวัน ซึ่งหากทำไม่ได้ภายในหนึ่งเดือนจะถูกเลิกจ้าง ข้อ 8 บริษัทเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องที่ว่า สิทธิประโยชน์และสภาพการจ้างงานอื่นใดที่ได้รับอยู่ในปัจจุบันนอกจากข้อเรียกร้องนี้ให้บริษัทปฏิบัติไว้คงเดิม ทั้งนี้ผลการเจรจาในวันดังกล่าวมีความคืบหน้าหลายข้อ โดยข้อเรียกร้องข้อ 3 และ 6 ซึ่งยังตกลงกันไม่ได้นั้น จะมีการนำมาเจรจาอีกรอบในวันที่ 6 พ.ย. นี้ สำหรับบริษัท จอร์จี้แอนด์ลู ตามข้อมูลการลงทุนนั้นเป็นบริษัทสัญชาติฮ่องกง ลงทุน 100% จดทะเบียนในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2549 ด้วยทุนจดทะเบียน 24 ล้านบาท เป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าให้กับยี่ห้อ Neon Buddha ซึ่งมีสโลแกนว่า "นีออนบุดดา" เริ่มจากความคิดการผลิตเสื้อผ้าเพื่อวิถีชีวิตที่หลากหลายทั้ง ชุดสำหรับการเดินทาง ชุดอยู่กับบ้านชุดทำงาน ชุดโยคะ และชุดของคุณ ทุกชุดออกแบบโดยชานอน พาสเซโร มีการจ้างงานพนักงานราว 500 คน ทั้งนี้บริษัทระบุด้วยว่าจะบริจาค 1% ของทุกการขายสินค้าทุกชิ้น ให้กับโครงการต่างๆ เพื่อทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
Posted: 02 Nov 2013 09:53 AM PDT ปัญหาอย่างหนึ่งที่ "ดูเหมือนเล็กน้อย" หากแทรกซึมในทุกอณูในความรู้สึกนึกคิด ปัญหาเล็กๆน้อยๆ ที่ว่านี้ส่งผลต่อสิ่งที่เรียกว่าการเจรจาด้วยเหตุผลตามความเชื่อในยุคแสงสว่างทางปัญญาว่า ยุคที่เราเชื่อว่าการพูดคุยกันด้วยเหตุผลจะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งหรือเกิดความเข้าใจที่มากขึ้น ผมคิดว่าปัญหาที่ดูเล็กน้อยแต่สร้างภาระและกับดักใหญ่หลวงนั่นคือ อคติทางวัฒนธรรม/ชาติพันธุ์ บ่อยครั้งที่เดียวที่อคติดังกล่าวทำงานอย่างเข้มข้นในสังคมไทย สามจังหวัดภาคใต้มีปัญหากับคำว่าแขกและความเป็นแขกที่คนนอกยัดเยียดให้จนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่ปัญหาเรื่องอคติทางวัฒนธรรม/ชาติพันธุ์ก็ปรากฏในในภูมิภาคอื่นๆ ด้วยเช่นกัน อย่างน้อยที่สุด ภาพลักษณ์ตามลักษณ์ของความบ้านนอก เชย เปิ่น และล้าหลัง ก็ยังคงปรากฏอยู่ดุจดั่งภาพประทับอันถาวร แต่แน่นอน เรื่องพวกนี้มิได้เกิดขึ้นในลักษณะคู่ตรงข้าม ระหว่างศูนย์กลางอำนาจรัฐกับภูมิภาค เท่านั้น หากผู้คนในภูมิภาคเองต่างก็มีปัญหาด้านอคติทางวัฒนธรรม/ชาติพันธุ์อยู่ภายในตลอดเวลา บางครั้ง ก็รับเอาอุดมการณ์ของรัฐมาสิงสู่ตัวเองเพื่อเล่นงานกลุ่มคนที่ตนเองมีอคติด้วย แน่นอน ผมกำลังหมายถึงปัญหาของการคัดค้านเขื่อนแม่แจ่มและขุนวางที่จ.เชียงใหม่ที่ผ่านมา เวทีรับฟังความคิดเห็นถูกจัดขึ้นตามชื่อ ทว่า ปัญหาเรื่องคติทางชาติพันธุ์พลันบังเกิดขึ้นระหว่างคนสนับสนุนเขื่อนและฝ่ายคัดค้าน เท่าที่ผมติดตามข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีการร้องไล่ให้แกนนำที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอให้กลับไปพูดภาษาไทยให้ชัดแล้วค่อยมาค้านเขื่อนบ้าง บ้างก็ว่าถูกเอ็นจีโอเสี้ยมสอน บ้างไม่เชื่อว่ากลุ่มชาติพันธุ์นี้จะสามารถเขียนป้ายผ้าเองได้ (ภาษาไทย) นอกจากนี้ผมยังได้ยินมากับหูตัวเองในร้านอาหารแห่งหนึ่งว่า "พวกแมงนี้ไม่มีสัญชาติแล้วจะมาเรียกร้องอะไร...เป็นคนไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้..." รวมความแล้วก็คือ อคติทางชาติพันธุ์ได้ถูกดึงเข้ามาเป็นความชอบธรรมทางการเมืองเพื่อลิดรอนสิทธิ์ของผู้อื่น และจะมีสิทธิด้านไหนเล่าจะเด่นชัดเท่ากับ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะด้วยภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษากาย นี่คือ สิทธิเบื้องต้นของการยืนยันในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ทัดเทียมกัน ดังนั้น การนำเอา "ความเป็นไทยที่คับแคบ" ของฝ่ายสนับสนุนเขื่อน โดยเฉพาะเรื่องการออกเสียงชัด/ไม่ชัด พูดไทยคล่อง/ไม่คล่อง มากำหนดความมากน้อยของสิทธิ จึงเป็นเรื่องที่น่าอับอายและสะท้อนปมอัปลักษณ์ที่เป็นปัญหาของกลุ่มผู้พูดเองเสียยิ่งกว่า เท่าที่ผมผูกชีวิตกับภาคเหนือมาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี มีเรื่องเล่าอยู่สองเรื่องที่ผมจดจำไว้อย่างแม่นยำ และสองเรื่องนี้สะท้อนทัศนะในการมองตัวเองบางด้านของคนเมืองได้เป็นอย่างดี เรื่องแรก คนเฒ่าคนแก่และกลุ่มบุคคลวัยกลางคนขึ้นไปมักเล่าถึงบรรยากาศการ "ถูกปรับตังค์" ในโรงเรียนกรณีที่ใช้ภาษาท้องถิ่น (อู้กำเมือง) เนื่องจากการสร้างความเป็นไทยจากศูนย์กลางนั้นแผ่ขยายอำนาจเข้ามาถึงขั้นบงการการใช้ภาษา ปัญหาในเรื่องนี้เป็นปมที่ซ่อนภายในของการรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนาในปัจจุบัน โดยมีธงนำคือ ภาษา ปมดังกล่าวนี้สะท้อนถึงความเจ็บปวดที่วัฒนธรรมตนเองถูกกดเอาไว้ ดังนั้น การ "อู้ไทยปะแล๊ด" หรือ พูดภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ ของคนเมืองจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่เสียหายในปัจจุบัน อย่างมากก็เป็นเรื่องขำขันกันเองในชีวิตประจำวัน อย่างแรงก็คือการถูกเหยียดให้อายในเวทีทางการ (ซึ่งไม่แน่ใจว่า ในปัจจุบันการเหยียดมีมากน้อยแค่ไหน สำหรับกลุ่มชนส่วนใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ - ในทางกลับกันการพูดไทยในสำเนียงถิ่นก็เริ่มกลายเป็นต้นทุนวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ดังที่จะเห็นได้จากบรรดาค่ายเพลงลูกทุ่งที่ต้องมีนักร้องกลิ่นอายภาษาสำเนียงถิ่นมากมาย) เรื่องที่สอง ผมตะลึงกับคำว่า "แมง" ในภาษาคำเมือง แมงในความหมายนี้ก็คือ แมลงที่เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ นั่นแหละ แต่คนเมืองมักใช้คำว่า "แมง" นำหน้ายามเรียกคนกลุ่มอื่นๆ ที่มีนัยความสัมพันธ์เชิงอำนาจต่ำกว่าด้วย อาทิ "แมงแข่" (เรียกกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ อาข่า และคนจีน) "แมงยาง" (ปกาเกอญอ) แมงแม้ว-แมงดอย (ม้ง) ในเรื่องสั้นของนักเขียนอย่าง ส.ธรรมยศ ยังปรากฏคำว่า "แมงแดง" (หมายถึงผู้หญิงขายบริการ) คำพวกนี้ดูผิวเผิน ช่างคล้ายกับการ "อู้เล่นบ่าดาย...บ่ดีกึ้ดนัก" (พูดเล่นๆเฉยๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก) แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่ามันมีส่วนสะท้อนอคติทางชาติพันธุ์ออกมาอย่างลึกซึ้ง ปมปัญหาเช่นนี้ มิได้อยู่ในระดับสามัญสำนึกที่สามารถกำหนดและควบคุมได้ หากอคติทางชาติพันธุ์ล้วนเป็นปมในจิตใต้สำนึก คล้ายกับปุ่มที่มองไม่เห็น และมันสามารถถูกกดให้ออกมาได้ทุกเมื่อ "แมง..." ก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีในความหมายของความต่ำต้อย ความเป็นอื่น ก็จะมีในลักษณะของความสกปรก ล้าหลัง และต่ำต้อยกว่าตนเอง พลันที่ผมได้ยินคำผรุสวาทของฝ่ายสนับสนุนเขื่อน ผมอดคิดไม่ได้ทันทีว่าเรื่องเขื่อนนี้ไม่สามารถจัดเวทีเพื่อรับฟังความเห็นหรือถกเถียงกันได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปัญหาและข้อเสนอการจัดการน้ำที่หลากหลายและยั่งยืน เนื่องจากปัญหาอคติทางชาติพันธุ์เข้ามาสวมทับและลดสิทธิกลุ่มคนที่เรียกร้องให้เกิดการทบทวนนโยบาย มองในแง่นี้ ภาษาไทยที่ไม่ชัดของกลุ่มผู้คัดค้านชาวชาติพันธุ์จึงเป็นประหนึ่งเสียงรบกวนของผู้สนับสนุน แต่ในทางกลับกัน กลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งส่วนหนึ่งนิยามตัวเองว่าเป็น "คนเมือง" ก็เท่ากับกลืนเลือดและความเจ็บปวดทางวัฒนธรรมของตัวเองและบ้วนทิ้งใส่คนอื่น อันที่จริง เราควรกล่าวเสียด้วยซ้ำว่า พวกเขาเหล่านั้นยังคงวิ่งวนอยู่ภายใต้ "อาณานิคมภายใน" ที่รัฐสยามในอดีตเป็นผู้บ่มเพาะขึ้น ครั้นในปัจจุบัน ความเป็นคนเมืองที่ฉวยใช้อคติทางชาติพันธุ์มาโจมตีผู้เห็นต่างจากตัวเอง จึงมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับความเป็นไทยที่กดทับวัฒนธรรมท้องถิ่นและภูมิภาคในช่วงเวลาที่ผ่านมา เวทีที่รับฟังความคิดเห็นจึงมีลักษณะดราม่าน้ำเน่าในสังคมประชาธิปไตย คือแสร้งเปิดพื้นที่ทางการเมือง ทว่า แฝงด้วยการกีดกันสิทธิ แม้กระทั่งสิทธิที่จะพูดและแสดงความเห็นในสำเนียงที่แตกต่าง สำหรับผม การควบคุมคำพูดและความคิดให้เหมือนกัน รวมไปถึงการควบคุมสำเนียงให้ถูกต้องมาตราฐาน นั่นคือ ลักษณะของอำนาจเผด็จการอันเบ็ดเสร็จที่ไม่ควรพึงมีในสังคมของเรา ไม่ต้องแปลกใจว่า เหตุใด กรณีของเขื่อนแม่แจ่ม ขุนวาง และนโยบายการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลชุดนี้ จึงแทบไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลในแง่มุมต่างๆอย่างรอบด้าน ไม่มีการพูดคุยกับความเห็นที่แตกต่าง หรือใส่ใจกับสิทธิและเสียงของผู้คัดค้าน นั่นเพราะ มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเขื่อนเพียงอย่างเดียว หากแทรกซ้อนด้วยปัญหาเชิงวัฒนธรรมและอคติทางชาติพันธุ์ สำหรับผม สำเนียงที่พูดไทยไม่ชัดของกลุ่มชาติพันธุ์ที่กำลังเรียกร้องสิทธิต่างหาก คือ การเริ่มต้นนิยามประชาธิปไตยในความหมายที่หลากหลาย เป็นทั้งการทิ่มแทงวัฒนธรรมไทยกระแสหลัก และตักเตือน "คนเมืองบางกลุ่ม" ที่ลืมอดีตอันเคยเจ็บปวดของตัวเอง
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
นักวิชาการหาดใหญ่-แฟตเรดิโอ ร่วมวงค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม Posted: 02 Nov 2013 09:51 AM PDT 2 พ.ย. 2556 - กลุ่มนักวิชาการประชาชนหาดใหญ่ได้เผยแพร่แถลงการณ์กลุ่มนักวิชาการประชาชนหาดใหญ่ ฉบับที่ 1 ต่อสื่อมวลชนโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ กลุ่มนักวิชาการประชาชนหาดใหญ่ จึงขอออกแถลงการณ์ ไม่ยอมรับการทาหน้าที่ของนักการเมืองและขอเรียกร้องให้ยกเลิกการเสนอ ร่าง พรบ. นิรโทษกรรม ฉบับดังกล่าวนี้ และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนร่วมแสดงออกไม่ยอมรับ พรบ. นิรโทษกรรม
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
มีเดียมอนิเตอร์เผยผลวิเคราะห์เสรีภาพสื่อมวลชนในการเสนอประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน Posted: 02 Nov 2013 09:38 AM PDT 2 พ.ย. 2556 - สืบเนื่องจาก คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา พบปรากฏการณ์ทางสื่อในบางประการ ที่สะท้อนว่าสื่ออาจอยู่ในภาวะถูกแทรกแซง คุกคาม ลิดรอน สิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงได้ทำหนังสือขอความร่วมมือมีเดียมอนิเตอร์ในฐานะองค์กรที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังบทบาทและการทำหน้าที่ของสื่อต่อสังคม ทำการศึกษาวิเคราะห์ เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์ว่าข้อสังเกตข้างต้น มีความเป็นจริง หรือไม่ อย่างไร ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการมีเดียมอนิเตอร์เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการวิชาการโครงการครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้มีเดียมอนิเตอร์ดำเนินการตามที่คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาขอความร่วมมือมา ผู้อำนวยการโครงการมีเดียมอนิเตอร์กล่าวว่า ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ วุฒิสภา ที่ว่าสื่ออาจอยู่ในภาวะถูกแทรกแซง คุกคาม ลิดรอน สิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า สื่อไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน นับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะสามารถสะท้อนทั้งสถานะด้านเสรีภาพของสื่อมวลชน และ สิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงอย่างครบถ้วนรอบด้าน โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการตรวจสอบภาครัฐ เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของประชาชน ข้อสังเกตดังกล่าว สอดคล้องกับความสนใจของโครงการ ซึ่งมีเดียมอนิเตอร์ได้ศึกษาการทำงานของสื่อโทรทัศน์ในเหตุการณ์การเดินเท้าค้านเขื่อนแม่วงก์ "จากป่าสู่เมือง Stop EHIA เขื่อนแม่วงก์" นำโดย นายศศิน เฉลิมลาภ ในช่วงวันสุดท้ายของการเดิน เมื่อ 22 กันยายน 2556 ที่มีกลุ่มคนจำนวนร่วมสองพันคน เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในเส้นทาง พหลโยธิน-วิภาวดี-หมอชิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และในตอนเย็นขบวนได้สมทบกับประชาชนจำนวนหลายพันคน ที่หอศิลปวัฒนธรรมฯ ใจกลางกรุงเทพมหานคร พบว่าสถานีโทรทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับข่าวนี้มากที่สุดคือ ไทยพีบีเอสและสปริงนิวส์ ซึ่งมีการนำเสนอข่าวนี้โดยเฉลี่ย 10 นาที และพบว่ามีเนื้อหาที่ครบถ้วนรอบด้าน ในขณะที่ ช่อง 3 , 5 , 7 , 9 , 11 และ TNN24 ให้พื้นที่ในการรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวในสัดส่วนที่น้อย สำหรับช่อง 7 พบการรายงานข่าวการเดินและรณรงค์คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ เพียงสั้น ๆ ในข่าวภาคค่ำ (ความยาว 1.26 นาที) แต่ไม่พบในข่าวภาคดึก ที่ให้ความสำคัญกับการรายงานข่าวน้ำท่วม สำหรับช่อง สปริงนิวส์ ในข่าวภาคค่ำพบรายงานบรรยากาศการเดินเท้าคัดค้านสร้างเขื่อนแม่วงก์จากนครสวรรค์ ถึงหอศิลปวัฒนธรรมฯ พร้อมกิจกรรมเวทีปราศรัยให้ประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านการสร้างเขื่อน และการอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้อง และยื่นหนังสือต่อ นายอุดม ไกลวัฒนานุสรณ์ (ความยาว 5.01 นาที) ตามด้วยการรายงานข่าว นายปลอดประสพ สุรัสวดี ยืนยันเขื่อนแม่วงก์แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ (ความยาว 2.10 นาที) ในขณะที่ข่าวภาคดึกเป็นการรายงานสรุปกิจกรรมการเดินเท้าจากป่าสู่เมืองเพื่อคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มุ่งหน้าสู่หอศิลปวัฒนธรรม ฯ พร้อมอ่านแถลงการณ์และการยื่นหนังสือต่อ นายอุดม ไกลวัฒนานุสรณ์ (ความยาว 2.42 นาที) ตามด้วยข่าวนายปลอดประสพ สุรัสวดี ยืนยันเขื่อนแม่วงก์แก้น้ำท่วมได้ (ความยาว 2.10 นาที) ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
’ธรรมศาสตร์เสรี’ จี้นิรโทษกรรมเหยียบคนตายกลับบ้าน Posted: 02 Nov 2013 06:30 AM PDT นศ.กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย จัดกิจกรรม "เหยียบคนตายกลับบ้าน ผ่านงานศิลปะ" หน้าพรรคเพื่อไทย ติดรายชื่อคนตายปี 53 ไว้ที่บันได จำลองสถานการณ์ความรุนแรง กลุ่ม B Floor ร่วมแสดงละครด้วย 2 พฤศจิกายน 2556 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.30 น. นักศึกษากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยได้รวมตัวกันที่หน้าสำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทยเพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกแสดงจุดยืนที่กลุ่มมีต่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติแก้ไขเนื้อหาไปเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 โดยมีนายรัฐพล ศุภโสภณเป็นตัวแทนกลุ่ม อ่านแถลงการณ์และยื่นจดหมายเปิดผนึกให้นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย จากนั้นกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยและเพื่อนนักศึกษาร่วมกันจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ "เหยียบคนตาย กลับบ้าน ผ่านงานศิลปะ" โดยนำชื่อของประชาชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองไปติดที่ขั้นบันไดหน้าสำหนักงานพรรคเพื่อไทย และจำลองภาพประชาชนที่เสียชีวิตจากความรุนแรงดังกล่าวโดยนอนลงกับพื้น ใช้สีขาววาดโครงร่างของผู้เสียชีวิต และใช้สีแดงเทพื้นแทนเลือด ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย อั้ม เนโกะ นักศึกษาที่มาร่วมจัดกิจกรรมอธิบายว่า ตนและกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยต้องการให้กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์นี้เตือนพรรคเพื่อไทยว่า คนเสื้อแดงใช้แรงกายและชีวิตต่อสู้ผลักดันเพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล เพื่อให้ช่วยพิทักษ์สิทธิของประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยกลับทรยศหักหลังคนเสื้อแดง เหยียบย่ำเลือดของประชาชนเพื่อไปสู่ผลประโยชน์ของชนชั้นนำ โดยผลักดันให้ผู้ที่สั่งการฆ่าประชาชนได้รับการนิรโทษกรรม ซ้ำรอยประวัติศาสตร์และไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางอำนาจและการเมืองในประเทศไทย การกระทำนี้จึงไม่ต่างไปจากพฤติกรรมของศัตรูของประชาชนเลย นอกจากนี้อั้ม เนโกะยังกล่าวอีกด้วยว่า สีที่ใช้เทแทนเลือดนั้นล้างออกได้ แต่เลือดของประชาชนที่หลั่งเพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยนั้นล้างอย่างก็ไม่ออก ด้านตัวแทนกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยกล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดกิจกรรมว่า ต้องการบอกให้พรรคเพื่อไทยรู้ว่า กลุ่มไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยผลักดันให้แกนนำกลุ่มการเมืองและผู้ที่สั่งการฆ่าประชาชนได้รับการนริโทษ เพราะพรรคเพื่อไทยกำลังใช้เสียงของประชาชนทำในสิ่งที่ประชาชนไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งรัดลงมติวาระที่ 3 เวลา 04.00 น. นั้นแสดงถึงความไม่จริงใจ ทำให้ประชาชนรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง พรรคเพื่อไทยชอบอ้างถึงประชาธิปไตยและเสรีภาพ แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำอยู่ในวันนี้เป็นการตอกย้ำประเพณีให้ผู้ที่ทำการรัฐประหารและผู้ที่สังการใช้ความรุนแรงกับประชาชนไม่ต้องรับโทษทางกฏหมาย ทำให้สิทธิเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตยของประชาชนไม่ได้รับการคุ้มครอง หลังจากนั้น เวลาประมาณ 18.00 น. กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยและเพื่อนนักศึกษาจึงจัดแสดงดนตรี ละครเวที และการปราศรัยโดยใช้พื้นที่บนบาทวิถีหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ตัวแทนจากคณะละคร B Floor กล่าวถึงละครที่เล่นในกิจกรรมนี้ว่า ต้องการสื่อให้เห็นถึงสถานการณ์ที่ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยถูกฆ่าตายแล้วตายอีกก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ยังตกเป็นเหยื่อความอยุติธรรมอยู่ดี ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย คณะละคร B Floor ริเริ่มขึ้นโดยคณะธีรวัฒน์ มุลวิไล เป็นศิลปะการแสดงแนว physical theatre คือใช้ร่างกายมนุษย์และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น แสงและเสียง ในการสื่อความ โดยใช้บทพูดให้น้อยที่สุดหรือไม่ใช้เลย หลังจากนี้กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยระบุว่าจะเคลื่อนไหวโดยร่วมกับกลุ่มการเมืองอื่นๆ เช่น วันอาทิตย์สีแดง ต่อไปในอนาคต
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
จับตาวาระ กสท. จันทร์นี้ เตรียมผ่านร่างประกาศคุมเนื้อหาทีวี Posted: 02 Nov 2013 03:46 AM PDT กสท.เตรียมผ่านร่างประกาศฯ คุมเนื้อหาวิทยุโทรทัศน์ รื้อหมวด 2 "มาตรการในการออกอากาศรายการ" ออก เพิ่มหมวด1 "เนื้อหารายการที่ต้องห้ามมิให้ออกอากาศ"แทน ด้านสุภิญญาฯ ค้าน ชี้ยก – ย้ายหมวดไม่ใช่ทางแก้ปัญหา หากละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อและการแสดงออก หวั่นถูกโยงการเมืองเป็นเครื่องมือปิดกั้นสื่อ ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อวันจันทร์ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา พลโท ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ ประธานคณะอนุกรรมการด้านเนื้อหาและผังรายการ ได้ถอนวาระ "การพิจารณาร่างประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ..." หรือร่างฯกำกับเนื้อหาทางวิทยุ – โทรทัศน์ ตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 (ที่ระบุว่า ห้ามนำเสนอเนื้อหาหลัก ได้แก่ 1.เนื้อหาที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 2.เนื้อหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน 3.เนื้อหาที่มีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร และ 4.เนื้อหาที่มีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังกำหนดมาตรการที่สามารถสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตแก้ไข หรือพักใช้ใบอนุญาตได้) ออกไปจากการพิจารณา และจะนำกลับเข้ามาพิจารณาในที่ประชุม กสท.อีกครั้ง วันจันทร์นี้ (4 พ.ย.56) ภายหลังมีการปรับแก้ไขร่างฯประกาศ สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. ด้านสิทธิเสรีภาพและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เปิดเผยว่า ไม่น่าเชื่อว่า ร่างประกาศฯฉบับดังกล่าวจะถูกนำกลับเข้ามาอย่างเร่งด่วน เพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ ที่แม้จะตัดหมวด 2 "มาตรการในการออกอากาศรายการ" ออกไป ตามที่เคยถูกคัดค้านอย่างหนักมาตลอด แต่ปรากฎว่าได้นำบางข้อสำคัญไปไว้ในหมวด 1 "เนื้อหารายการต้องห้ามมิให้ออกอากาศ" แทน ซึ่งมองว่า ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เพราะจะกลายเป็นการมีสภาพบังคับเนื้อหาที่ต้องห้ามมากกว่าการใช้เป็นแนวทางปฏิบัติตามแนวทางการส่งเสริมให้ผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบการวิชาชีพสื่อสารมวลชน จัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมและกำกับควบคุมกันเองภาย ภายใต้มาตฐานจริยธรรม ตามมาตรา 39 เพราะเชื่อว่าหากนำมาเป็นกฎต้องห้ามเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อาจเกิดแรงต้านมากกว่าเดิม ซึ่งที่ผ่านมา นักกฎหมายบางคนได้แนะนำ การออกประกาศตามาตรา 37 ฉบับนี้ ขีดเส้นต่ำสุดที่ไม่อนุญาตให้ใครกระโดดข้ามเส้นที่อาจจะนำไปสู่ความรุนแรง เพราะนี่เป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตย ที่เรื่องใดยังเป็นข้อถกเถียง ต้องปล่อยให้ถกเถียง เพราะเมื่อไรที่เราเลือกขีดเส้นแล้ว กสทช.จะกลายเป็นคนชี้ถูกชี้ผิด สุภิญญา กล่าวว่า ส่วนตัวเสียใจที่การถอยของ กสท.คราวที่แล้ว น่าที่จะนำกลับไปทบทวนให้รอบคอบมากขึ้น กลับกลายเป็นการถอยที่ซ้ำเติมการจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อ ตามหลักการรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่การเมืองเข้มข้นขณะนี้ หวั่นว่าร่างประกาศฉบับนี้จะถูกโยงการเมืองเป็นเครื่องมือปิดกั้นสื่อของฝ่าย ทั้งนี้ จะคัดค้านอย่างเต็มที่ และขอเรียกร้องให้สื่อมวลชน และประชาชนที่สนใจการแสดงออกทางความคิดเห็น ร่วมจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ตระเวน 13 สน. แจ้งจับละคร 'เจ้าสาวหมาป่า' งานรำลึก 40 ปี 14 ตุลา อ้างหมิ่นเบื้องสูง Posted: 02 Nov 2013 02:38 AM PDT
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
แดงเสรีชนอิสระเชียงใหม่-ลำพูน ยื่นหนังสือค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม Posted: 02 Nov 2013 02:10 AM PDT คนเสื้อแดงกลุ่มจากเชียงใหม่-ลำพูน ในนาม "แดงเสรีชนอิสระ" บุกศาลากลางเชียงใหม่ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ระบุออกกฎหมายไม่เป็นธรรม-ใช้อำนาจเสียงข้างมากลบล้างความผิดพวกเดียวกัน ดอดออกกฎหมายเช่นนี้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตเมื่อปี 53 เท่ากับตายฟรี ด้านผู้ว่าฯ ยันสถานการณ์ปกติไม่ห่วงม็อบต้าน พ.ร.บ. พร้อมแจงไม่มีหนังสือสั่งทำป้ายเชียร์ตามข่าว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เครือข่ายปกป้องแผ่นดินฯ เดินสายรณรงค์ชาวบ้านไม่รับคำตัดสินศาลโลก Posted: 01 Nov 2013 11:45 PM PDT กลุ่มเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก รณรงค์ให้ชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวไม่รับคำตัดสินของศาลโลกไปรอบเทศบาลเมืองสุรินทร์
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เอฟทีเอว็อทช์ไว้อาลัย ม. 190 รัฐสภาและประชาธิปไตยไทย Posted: 01 Nov 2013 11:18 PM PDT เอฟทีเอว็อทช์และเครือข่ายจะจัดทำศิลปะจัดวางไว้อาลัยแด่มาตรา 190 ระบบรัฐสภา และประชาธิปไตยไทย ชี้การแก้ ม.190 เป็นการลดทอนความโปร่งใสและเบียดขับประชาชน หลักการตรวจสอบถ่วงดุลเป็นสิ่งที่พึงรักษาไว้ในระบอบประชาธิปไตย
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
รวมแถลงการณ์ค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม (อัพเดท 1 พ.ย. 2556) Posted: 01 Nov 2013 09:16 PM PDT หลายกลุ่มออกแถลงการณ์และจดหมายเปิดผนึก คัดค้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม (1 พ.ย. 2556) บก.ลายจุด (1 พ.ย. 2556) กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มวันใหม่ (1 พ.ย. 2556) สื่อเครือมติชน (31 ต.ค. 2556) ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
Posted: 01 Nov 2013 09:01 PM PDT บ้างกัดฟันเดินหน้าฝ่าหมอกจัด ยังยืนหยัดแม้หนามไหน่ไม่คิดหวน หนาวลมเดือนตุลาฟ้ามืดดำ ดินพลิกคว่ำคำลวงบาดดวงจิต กอดคอร้องเพลงกันฝันชื่นมื่น หลับตาพักสักกี่ตื่นใต้ผืนฟ้า มิตรร่วมรบอยู่ในคุกนั้นทุกข์หนัก ครอบครัวไร้เสาหลักหวาดผวา ลมตุลาฯหวิวว้างกลางทางแยก เฉือนชำแรกคมหนามท่ามความหนาว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น