ประชาไท | Prachatai3.info |
- ผอ.ฝ่ายข่าว-รายการข่าว Voice TV แจงกลับมาอีกครั้ง ทำได้เพียงรายงานข่าวเท่านั้น
- กกต.สั่งเตรียมความพร้อมแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. 350 เขตทั่วประเทศ - กทม. มากสุด 30 เขต
- ภาคประชาชนวอล์คเอาท์เวทีประชาพิจารณ์แก้ พ.ร.บ.สสส.
- ระเบิดรถไฟใต้ดินนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ-ตาย จำนวนมาก
- ประวิตร ดันรถถังจีนเข้าครม.
- เพื่อน พลฯยุทธกินันท์ ยันไม่มีบาดแผลก่อนถูกขัง ผบ.ทบ.ขอโทษสังคม
- หมายกำหนดการพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ 6 เม.ย.นี้
- รอบโลกแรงงานมีนาคม 2017
- พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์: ความเสมอภาค 4.0
ผอ.ฝ่ายข่าว-รายการข่าว Voice TV แจงกลับมาอีกครั้ง ทำได้เพียงรายงานข่าวเท่านั้น Posted: 03 Apr 2017 11:45 AM PDT ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายข่าวและรายการข่าว Voice TV แจงการกลับมาของหลังจอดำ 7 วัน จะไม่ใช่ในรสชาติเดิม ประเด็นการเมืองที่พาดพิงกระทบกระเทือน ผู้มีอำนาจ ต้องหยุดนำเสนอชั่วคราว และยังไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ จะนำเสนอแบบนั้นได้ ทำได้เพียง รายงานข่าว เท่านั้น 4 เม.ย.2560 ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 2560 เวลา 00.01 น. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่ให้พักใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เป็นเวลา 7 วัน ล่าสุดเมื่อเวลา 00.01 น. วันนี้ (4 เม.ย.60) ซึ่งครบกับหนดมติพักใบอนุญาตของ กสท. ดังกล่าว ประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายข่าวและรายการข่าว Voice TV ได้เขียนบทความชื่อ "การกลับมาของ "วอยซ์ ทีวี" (อีกครั้ง)" ระบุว่า การเกิดใหม่คราวนี้ แม้ยังคงจิตวิญญานเดิม แต่จำเป็นต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ในรายการข่าวและวิเคราะห์ข่าว เพื่อให้มีลมหายใจต่อไปในโลกที่ไม่ปกติ ทุกรายการและทุกผู้ดำเนินรายการ ที่เคยมีปัญหาในสายตา ของผู้มีอำนาจยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น wake up news, tonight Thailand, the daily dose, voice news, in her view, overview และ ใบตองแห้ง On Air ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายข่าวและรายการข่าว Voice TV ระบุว่า ขอเรียนให้ทราบว่า จะไม่ใช่ในรสชาติเดิม ประเด็นการเมืองที่พาดพิงกระทบกระเทือน ผู้มีอำนาจ ที่เคยถูกมองว่าแหลมคม วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์อย่างรู้เท่าทัน บนพื้นฐานของข้อมูลและข้อเท็จจริง ภายใต้กรอบความเชื่อมั่นตามหลักการเสรีนิยม ต้องหยุดนำเสนอชั่วคราว และยังไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ จะนำเสนอแบบนั้นได้ ทำได้เพียง รายงานข่าว เท่านั้น ทั้งหมดนี้ เราไม่เรียกร้องขอความเห็นใจ จากใคร เพียงแต่อยากขอความ เข้าใจกับการกลับมาด้วยเนื้อหาและรสชาติใหม่ หวังว่าท่านผู้ชม จะไม่ด่วนปฏิเสธเรา โดยมีรายละเอียดดังนี้ การกลับมาของ "วอยซ์ ทีวี" (อีกครั้ง)ผ่านไปเกือบ 3 ปี หลังถูกบังคับให้ "จอดำ" ครั้งแรก (20 พฤษภาคม 2557) ผมในฐานะผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายข่าวและรายการข่าว วอยซ์ทีวี ต้องกลับมาขออนุญาตส่งสารถึงท่านผู้ชม ในวาระที่ได้ "กลับมาเกิดใหม่"อีกครั้ง ณ เวลา 00.01 วันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 ย้อนไปดูต้นฉบับที่เคยเขียน ในวันที่วอยซ์ทีวีกลับมาหลัง "จอดำ"ครั้งแรก ก็พบว่าแทบจะยกมาใช้ในการเขียนครั้งนี้ได้เกือบทั้งหมด เพียงปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพราะเหตุและผลไม่ต่างกันเลย แม้เวลาจะต่างกันเกือบ 3 ปี ราวกับว่า นอนหลับไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 (ที่จริงอาจกล่าวได้ด้วยซ้ำไปว่า หลับไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549) ตื่นมาอีกทีวันที่ 4 เมษายน 2560 ภูมิทัศน์การเมืองในประเทศไทย ยังเหมือนเดิม เมื่อครั้ง "จอดำ"ครั้งแรก ผู้ใหญ่ที่เคารพยกตัวอย่างวิถีชีวิต "หมีขั้วโลกเหนือ" ในช่วงเข้าฤดูหนาว ให้พวกเราชาววอยซ์ทีวี ดูเป็นแบบอย่าง "หมีขั้วโลกเหนือ" ในช่วงนั้น จะจำศีลสงบนิ่งในโพรงน้ำแข็งหรือใต้ก้อนหิน รอวันเวลาอันหฤโหดของฤดูหนาวที่ยาวนานให้ผ่านพ้นไป จนกว่าหิมะและน้ำแข็งเริ่มละลาย แสงแดดกลับมาอีกครั้ง จึงจะเริ่มต้นชีวิตปกติใหม่ ซึ่งเราก็พยายามทำแบบนั้นอยู่ระยะหนึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ผมนึกถึง "ฟีนิกซ์" สัตว์ที่ปรากฎในปกรณัมของอียิปต์โบราณ ที่บางครั้งหยิ่งผยอง บางครั้งเปี่ยมด้วยความเป็นมิตรและอ่อนโยน ตามตำนานฟินิกซ์มีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ เพราะสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยตัวเอง เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัย ที่ผมนึกเปรียบฟีนิกซ์ ไม่ได้อาจหาญยกย่องตัวองค์กรอย่าง "วอยซ์ทีวี" แต่ผมหมายถึงจิตวิญญาณที่เชื่อมั่นใน "เสรีภาพ"ของการแสดงความเห็นในฐานะ "สื่อ" ของ "วอยซ์ทีวี" และสื่อในชื่อองค์กรต่างๆ ที่ควรมีร่วมกัน "ฟีนิกซ์"ในร่างของ "วอยซ์ทีวี' ตายครั้งที่ 1 เมื่อค่ำวันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2557 ขณะที่รายการ "เดอะ เดลี่โดส" โดยม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล กำลังออกอากาศ พร้อมเกิดใหม่เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2557 "ฟีนิกซ์" ตัวนี้ ตายเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 00.01 วันที่ 28 มีนาคม 2560 และกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ณ เวลา 00.01 วันที่ 4 เมษายน 2560 การเกิดใหม่คราวนี้ แม้ยังคงจิตวิญญานเดิม แต่จำเป็นต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ในรายการข่าวและวิเคราะห์ข่าว เพื่อให้มีลมหายใจต่อไปใน "โลกที่ไม่ปกติ" ทุกรายการและทุกผู้ดำเนินรายการ ที่เคยมีปัญหาในสายตา ของผู้มีอำนาจยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น wake up news / tonight Thailand / the daily dose / voice news / in her view / overview / ใบตองแห้ง On Air แต่ขอเรียนให้ทราบว่า จะไม่ใช่ในรสชาติเดิม ประเด็นการเมืองที่พาดพิงกระทบกระเทือน "ผู้มีอำนาจ" ที่เคยถูกมองว่าแหลมคม วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์อย่างรู้เท่าทัน บนพื้นฐานของข้อมูลและข้อเท็จจริง ภายใต้กรอบความเชื่อมั่นตามหลักการเสรีนิยม ต้องหยุดนำเสนอชั่วคราว (และยังไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ จะนำเสนอแบบนั้นได้) ทำได้เพียง "รายงานข่าว" เท่านั้น ทั้งหมดนี้ เราไม่เรียกร้องขอความ "เห็นใจ" จากใคร เพียงแต่อยากขอความ "เข้าใจ"กับการกลับมาด้วยเนื้อหาและรสชาติใหม่ หวังว่าท่านผู้ชม จะไม่ด่วนปฏิเสธเรา ย้ำอีกที "ฟินิกซ์" ในร่างเดิม ตายเป็นครั้งที่สองไปแล้ว เมื่อกลางดึกวันที่ 28 มีนาคม 2560 อย่างไรก็ดี เรายังคงยืนหยัดความเป็น "สถานีข่าวปลุกความคิด" เพราะแก่นแกนสำคัญของเนื้อหาโดยรวม ยังอยู่ที่จุดเดิม smart content "ฉลาดคิด ฉลาดใช้ชีวิต" ขอบพระคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ "วอยซ์ทีวี" และหวังว่าทุกท่านจะยังคงเดินร่วมทางไปกับเรา จนกว่าจะถึง "โลกที่ปกติ" ด้วยจิตคารวะ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
กกต.สั่งเตรียมความพร้อมแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. 350 เขตทั่วประเทศ - กทม. มากสุด 30 เขต Posted: 03 Apr 2017 09:29 AM PDT กกต. สั่ง ผอ.การเลือกตั้งทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. หลัง กกต. คำนวณ 350 เขตเลือกตั้ง ส.ส. แบ่งเขตทั่วประเทศ กทม. มากสุด 30 ที่นั่ง ขณะที่เมื่อแยกรายภูมิภาค ภาคเหนือได้ 62 ที่นั่ง ภาคกลาง 121 ที่นั่ง ภาคอีสาน 118 ที่นั่ง และภาคใต้ 49 ที่นั่ง 3 เม.ย. 2560 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ กกต.ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ ลต 0301/ ว 299 ลงวันที่ 3 เม.ย. 2560 ถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัด และกกต.กรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมความพร้อมในการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในอนาคต ภายหลัง กกต.ได้ดำเนินการคำนวณจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดพึงมี ตามหลักเกณฑ์มาตรา 83, 85 และ 86 แห่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านการลงประชามติ ที่ระบุถึงจังหวัดที่พึงมี ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1 คน จำนวน 8 จังหวัด และมีจังหวัดที่พึงมี ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เกิน 1 คน จำนวน 68 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ขอให้ กกต.จังหวัด และ กกต.กทม. ที่คำนวณแล้วว่าจะมี ส.ส.ระบบแบ่งเขต ที่พึงมีเกิน 1 คน ให้เตรียมแบ่งเขตเลือกตั้งไว้ล่วงหน้าจำนวนอย่างน้อย 3 รูปแบบ เรียงลำดับตามความเหมาะสมโดยต้องแบ่งพื้นที่เขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรแต่ละเขตใกล้เคียงกัน และจัดส่งร่างการแบ่งเขตเลือกตั้งกลับมายัง กกต.ส่วนกลาง ในหนังสือแนบท้าย กกต. ยังทำตารางคำนวณจำนวน ส.ส.ที่จะพึงมีของแต่ละจังหวัด คำนวณจากประชากรรวม 65,931,550 คน รวมมีขตเลือกตั้งทั้งสิ้น 350 คน โดยเมื่อคำนวณที่นั่ง ส.ส. แบบแบ่งเขตตามภาค ภาคเหนือ 62 ที่นั่ง ภาคกลาง 121 ที่นั่ง ภาคอีสาน 118 ที่นั่ง และภาคใต้ 49 ที่นั่ง เมื่อจำแนกรายจังหวัดพบว่า กทม. ได้ ส.ส. มากที่สุดคือ 30 ที่นั่ง รองลงมาคือ นครราชสีมา ได้ ส.ส. 14 ที่นั่ง ส่วนขอนแก่น และอุบลราชธานีได้ ส.ส. 10 ที่นั่ง เชียงใหม่ได้ ส.ส. 9 ที่นั่ง ขณะที่ชลบุรี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุดรธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา ได้ ส.ส. 8 ที่นั่ง หนังสือของ กกต. เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงมหาดไทยออกประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2539 ผู้อำนวยการทะเบียนกลาง ออกประกาศโดยแยกเป็นกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆ ประกาศเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 โดยพบว่าทั่วประเทศมีประชากรรวม 65,931,550 คน มีสัญชาติไทย 65,096,905 คน เป็นชาย 31,923,786 คน หญิง 33,173,119 คน ยังไม่ได้สัญชาติไทย 834,645 คน เป็นชาย 434,022 คน เป็นหญิง 400,623 คน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) ภาคกลาง | |
ภาคประชาชนวอล์คเอาท์เวทีประชาพิจารณ์แก้ พ.ร.บ.สสส. Posted: 03 Apr 2017 09:21 AM PDT เวทีประชาพิจารณ์แก้ไขกฎหมาย สสส. ภาคประชาสังคมหลายคนร่วมเดินออกจากห้องประชุมระบุไม่ต้องการเป็นตรายางในกระบวนการที่รวบรัด ยืนยัน สสส.จำเป็นต้องใช้งบแบบตีความกว้างกว่า เหล้า บุหรี่ อุบัติเหตุ เพื่อสร้างสุขภาวะ ไม่เห็นด้วยแก้ไขปรับสัดส่วนกรรมการโดยตัดภาคสังคม ลดงบประมาณ 3 เม.ย. 2560 ในเวทีประชาพิจารณ์ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้เข้าร่วมจากภาคประชาสังคมจำนวนมากตั้งคำถามกับกระบวนการร่าง พ.ร.บ.นี้ พร้อมเรียกร้องให้ยุติเวทีสัมมนาประชาพิจารณ์เพื่อทบทวนใหม่ และเริ่มมีการทยอยวอล์คเอาท์ (walk out) ออกจากห้องประชุม อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินการสัมมนาจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า การสัมมนาต้องดำเนินต่อไป หากไม่อ่านเนื้อหาในร่างก็จะเป็นการเสียสิทธิในเสนอเพื่อพิจารณาขั้นต่อไป ภาคประชาสังคมจึงมีข้อสรุปไม่เข้าร่วมการประชุมต่อในช่วงบ่าย ทำให้ในช่วงบ่ายมีผู้เข้าร่วมลดกว่าครึ่ง เหลือราว 100 คน ผู้เข้าร่วมประชาพิจารณ์ที่วอล์คเอาท์คนแรกคนแรกคือ นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก โดยให้เหตุผลว่า การแก้ไข พ.ร.บ.สสส. เป็นการตั้งโจทย์ผิดตั้งแต่เริ่ม เพราะการร่างกฎหมายนี้มีหลักการและเหตุผลว่า การดำเนินงานของ สสส.ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและไม่ความคุ้มค่าทางภารกิจ แต่ข้อเท็จจริงคือ ผลการตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ต่างก็ออกมาระบุว่าไม่มีการทุจริต แต่มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือกว้างกว่ากรอบที่วางไว้เท่านั้น ทิชา ชี้ว่า ภายใต้การเกิดขึ้น สสส. เมื่อ 14 ปีที่แล้วที่มีเงื่อนไขทางสุขภาพคือ เหล้า บุหรี่ และอุบัติเหตุ เท่านั้น แต่เมื่อทำงานจริงทำให้พบว่าประเด็นที่เกี่ยวข้องกว้างไกลไปกว่าเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุขภาพอาจเป็นเรื่องความมั่นคงทางอาหารหรืออื่นๆ ด้วยก็ได้ ซึ่งสอดคล้องกับนิยามสุขภาพของ WHO ที่รวมไปถึงด้านกาย ใจ ปัญญา และสิ่งแวดล้อม "หากถามถึงความคุ้มค่า องค์กรรัฐที่มีหน้าที่โดยตรงทำอะไรคุ้มค่าบ้าง กระทรวงศึกษาธิการ ใช้งบ 4 แสนล้านบาท หรือปัญหาความมั่นคงที่ภาคใต้ใช้เงิน 2 แสนล้านบาท ถามว่าตอนนี้คุ้มค่าหรือยัง วันนี้เราไม่ได้เอาความชั่วมาถกเถียงกัน แต่ต้องการสร้างความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย" นางทิชา กล่าว นางทิชาย้ำว่า สสส.มีเรื่องต้องปรับปรุงเช่นกัน แต่การปรับปรุงที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ตรงไปตรงมา บิดเบือน และเป็นห่วงว่าเมื่อสิ้นสุดการประชาพิจารณ์ ตนเองจะกลายเป็นหนึ่งในการสร้างความชอบธรรมให้การประชาพิจารณ์ครั้งนี้ "เริ่มต้นก็ไม่เป็นธรรม มีเหตุผลอะไรที่ต้องสร้างความชอบธรรมให้" นางทิชากล่าวและวอล์กเอาท์ออกจากห้องประชุมทันที ต่อมานายวันชัย บุญประชา กรรมการและเลขานุการมูลนิธิครอบครัวไทย ตั้งคำถามถึงการมีส่วนร่วมในการร่าง พ.ร.บ. สสส. โดยถามว่า มีตัวแทนจาก สสส.เข้าร่วมด้วยหรือไม่ หากเข้าร่วม เหตุใดจึงปล่อยให้มีร่างกฎหมายลักษณะแบบนี้ออกมา ส่วนตัวคิดว่าไม่มีความจำเป็นในการมีส่วนร่วมในการประชาพิจารณ์ครั้งนี้ เพราะเหมือนเป็นแค่ทำให้ครบไปตามกระบวนการเท่านั้น แต่ไม่ได้ฟังเสียงประชาชน ทั้งที่ควรฟังเสียงคนที่ทำงานกับ สสส.มา 10 ปี ไม่ใช่แค่คนจาก 3 กระทรวง "ไม่เห็นด้วยกับการจัดสัมมนาแบบนี้ รวบรัดและสมคบคิด มันเหมือนเป็นพิธีกรรม พวกเราไม่สบายใจ" นายวันชัย กล่าว เช่นเดียวกับ นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมาย สุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่กล่าวถึงกระบวนการรับฟังความคิดเห็นว่า อาจจะไม่สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติไปในมาตรา 77 ที่บัญญัติว่า รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านและเป็นระบบ เปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นต่อประชาชนและนำมาปรับปรุงแก้ไข เพราะไม่แน่ใจว่ามีกระบวนการเหล่านี้ในการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีกองทุนจำนวนมาก แต่ที่เป็นกองทุนเชิงนวัตกรรมมีน้อย และบางกองทุนยังไม่มีประสิทธิภาพ อยากขอให้ใช้มาตรการเดียวกันในการตรวจสอบมาตรฐาน "สังคมไทยไม่มีกลไกสร้างพลังร่วม สสส. ทำให้หลายหน่วยงานจับไม้จับมือร่วมกันทำงานได้" นายวิษณุกล่าวพร้อมเสนอว่า เมื่อผลสอบ คตร. ออกมาว่าเข้าใจผิดแล้ว ก็น่าจะมีวิธีเสริมพลัง ไม่ใช่เล่นบทลงโทษ หลังจากนั้น คำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) แถลงข่าวในนาม ขสช. หน้าห้องจัดสัมมนาประชาพิจารณ์ โดยแสดงจุดยืนคัดค้านการจัดเวทีดังกล่าว พร้อมขอให้ยุติวิธีการอันไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลว่ากระบวนการและขั้นตอนจัดทำร่างแก้ไข พ.ร.บ.สสส. ครั้งนี้ขาดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ไม่สอดคล้องกับมาตรา 77 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ ขณะที่ในหลักการและเหตุผลในการแก้ไข ไม่มีการศึกษาทางวิชาการอย่างเป็นระบบ และยังขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เช่น กรณีที่อ้างว่า สสส.ใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งที่ สสส. ได้รับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในระดับสูงมาก จาก คตช. และ ป.ป.ท.นอกจากนี้ยังกังวลว่า การแก้ไขนี้จะทำให้ประสิทธิภาพในการสร้างเสริมสุขภาพลดลง เพราะมีการปรับลดงบประมาณ และดึงงบประมาณเข้าสู่ระบบราชการ "กระทรวงสาธารณสุขต้องจัดเวทีมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่สองครั้งที่กรุงเทพฯ งานของ สสส.ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศ อย่างน้อยต้องจัดเวทีกระจายทั้งสี่ภาค" นายคำรณกล่าวและว่า หลังสงกรานต์นี้จะยื่นคำถามและข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในการประชุมมีการระบุว่า นายกฯ เป็นคนสั่งการ นายคำรณ กล่าวว่า นอกจากหลักการและเหตุผลแล้ว เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.สสส. ยังมีปัญหา อาทิ การตัดรองประธานกรรมการคนที่ 2 ซึ่งมาจากภาคประชาสังคมออก และเพิ่มคณะกรรมการที่มาจากวิชาชีพแพทย์และพยาบาล ทำให้สัดส่วนของภาคราชการมากกว่าประชาสังคม ทั้งยังมีการปรับรูปแบบการเสนองบโครงการให้คล้ายกับรูปแบบของกระทรวง คือให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังพิจารณาและทำแผนตามกรอบเวลา ซึ่งไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการก่อตั้ง สสส. นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนงบประมาณจาก 2% ของภาษีเหล้าและบุหรี่ เป็นไม่เกินกว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียง 0.16% ของงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งไม่สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพของประชาชน "เงินตรงนี้เป็นเงินที่เก็บเพิ่มจากธุรกิจเหล้าและบุหรี่ ไม่ได้เบียดเบียนภาษีประชาชน ถึงไม่เก็บเพิ่มเงินก็ไม่ได้เข้าคลัง หากเป็นแบบนี้ธุรกิจก็ไม่ได้จ่าย" นายคำรณกล่าว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ระเบิดรถไฟใต้ดินนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ-ตาย จำนวนมาก Posted: 03 Apr 2017 08:46 AM PDT สถานกงสุลฯ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เผยยังไม่มีรายงานว่ามีคนไทยได้รับบาดเจ็บ ด้านคณะกรรมการต่อต้านผู้ก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซียระบุยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 9 คน บาดเจ็บ 20 คน เผยมีระเบิดทำเองอีกแห่งถูกพบและปลดชนวนได้อย่างรวดเร็ว 3 เม.ย.2560 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ออกประกาศฉบับที่ 6/2560 เรื่อง เหตุระเบิดที่สถานีรถไฟใต้ดินในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยระบุว่า เมื่อวันนี้ (3 เม.ย.60) เวลาประมาณ 14.30 น. เกิดเหตุระเบิดในขบวนรถไฟใต้ดิน สถานี Sennaya Ploshchad และสถานี Technological Institute นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในชั้นนี้มีรายงานข่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 50 ราย (ตัวเลขอาจเพิ่มขึ้น) หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุระเบิดในเบื้องต้นและทางการกำลังสืบสวนหาสาเหตุ ทั้งนี้ สถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่งในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กปิดทำการชั่วคราวแล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานกับกลุ่มคนไทย และสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ยังไม่มีรายงานว่ามีคนไทยได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าวต่อไป ประกาศฉบับดังกล่าวระบุด้วยว่า ขอให้คนไทยในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและเมืองใหญ่ต่าง ๆ อยู่ในที่พัก หลีกเลี่ยงการเดินทางและหลีกเลี่ยงแหล่งชุมชน รวมทั้งติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด (ติดตามข่าวทาง Facebook Page ของสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ที่ https://www.facebook.com/rtemoscow) หากมีผู้ใดต้องการความช่วยเหลือโปรดติดต่อได้ที่ +79169392155 หากมีรายงานเพิ่มเติม สถานเอกอัครราชทูตฯ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสแรก ปลดชนวนระเบิดที่สถานีรถไฟอีกแห่งบีบีซีไทย รายงานด้วยว่า รายงานในช่วงแรกระบุว่ามีระเบิดเกิดขึ้น 2 ครั้ง ที่สถานีรถไฟแต่ละแห่ง ขณะที่รายงานจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่ตรงกัน โดยโฆษกของผู้ว่าการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คนและบาดเจ็บ 50 คน แต่ต่อมาคณะกรรมการต่อต้านผู้ก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซีย ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 9 คน และบาดเจ็บ 20 คน บีบีซีไทย รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อเวลา 18.34 ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 21.34น. ตามเวลาในประเทศไทย คณะกรรมการต่อต้านผู้ก่อการร้ายแห่งชาติรัสเซีย แถลงว่า เจ้าหน้าที่ได้ปลดชนวนระเบิดทำเอง ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ปล็อชชัด วอสสตานียา ในย่านใจกลางนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยระบุว่า 'ระเบิดทำเอง ถูกพบและปลดชนวนได้อย่างรวดเร็ว' โดยสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้ อยู่ห่างจากเส้นทางรถไฟใต้ดินสถานีสถาบันเทคโนโลยี ซึ่งเกิดเหตุระเบิดก่อนหน้านี้เพียง 3 กิโลเมตรเศษ หัวหน้าคณะกรรมการต่อต้านผู้ก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซีย กล่าวว่า เหตุระเบิดเมื่อเวลา 14.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 17.40 น. ตามเวลาในประเทศไทย เกิดจาก "อุปกรณ์ระเบิดที่ไม่ทราบชนิด" และกำลังรอระบุสาเหตุที่แน่ชัด ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวว่า กำลังมีการตรวจสอบสาเหตุของการระเบิด และยังไม่ตัดประเด็นการก่อการร้าย ปูติน กล่าวที่การประชุมกับประธานาธิบดีอเล็กซานเตอร์ ลูกาเชงโก้ ของเบลารุส ว่าได้หารือกับหัวหน้าหน่วยพิเศษของรัสเซียแล้ว และหน่วยงานเหล่านั้นกำลังหาสาเหตุของการระเบิด ส่วน อาเล็กซานเดอร์ ครูเรนนอย โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดของรัสเซีย ที่กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็น 'การก่อการร้าย' ได้ประกาศเปลี่ยนท่าทีจากคำแถลงดังกล่าว และระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปสาเหตุของการระเบิด สื่อรัสเซียรายงานว่า คาดว่าระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นทีเอ็นทีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม ผสมเศษโลหะแหลม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ขณะที่ ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า นายปูตินอยู่ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ขณะนี้ได้เดินทางออกจากเมืองแล้ว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
Posted: 03 Apr 2017 07:14 AM PDT สื่อหลายสำนัก เผย พล.อ.ประวิตร เตรียมดัน 'รถถัง VT4' จากจีน วงเงิน 2,000 ล้านบาทเข้า ครม. แทนเรือดำน้ำ 3 เม.ย.2560 สื่อหลายสำนัก เช่น มติชนออนไลน์ คมชัดลึกออนไลน์และกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานตรงกันว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 4 เม.ย.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่นำโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำYuan Class S26T จากจีน ของกองทัพเรือจำนวน 3 ลำ วงเงิน 36,000 ล้านบาท เข้า ครม. เนื่องจากขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจความถูกต้องเรื่องสัญญาและรายละเอียดด้านอื่นๆ ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมยังไม่แล้วเสร็จ แต่จะมีการนำโครงการจัดซื้อรถถัง VT4 จากจีนของกองทัพบก ในระยะที่ 2 จำนวนเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท เข้า ครม.แทน รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า โครงการจัดซื้อรถถัง VT4 ของกองทัพบก เพื่อทดแทนรถถังเบา M41 ของสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้กองทัพบกได้ลงนามซื้อรถถัง VT- 4 จากประเทศจีน ไปแล้ว 28 คัน ในสมัย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช องคมนตรี เป็นผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ได้พิจารณาจัดหาต่อในระยะ 2 เพื่อให้ครบ 1 กองพัน ในปีงบประมาณ 2560 โดยผูกพันงบประมาณ 3 ปี ซึ่งคาดว่า รถถัง VT- 4 จะกระจายไปอยู่ใน 3 กองพัน ประกอบด้วย กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์(ม.พัน 4 รอ.)กองพันทหารม้าที่ 9 รักษาพระองค์(ม.พัน 9 รอ.)กองพันทหารม้าที่ 8 รักษาพระองค์(ม.พัน 8 รอ.) ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เพื่อน พลฯยุทธกินันท์ ยันไม่มีบาดแผลก่อนถูกขัง ผบ.ทบ.ขอโทษสังคม Posted: 03 Apr 2017 04:15 AM PDT เหตุ พลทหารยุทธกินันท์ เสียชีวิตระหว่างถูกสั่งขังคุกทหาร ค่ายวิภาวดีรังสิต เพื่อนยันไม่มีบาดแผลก่อนถูกขัง 'ผบ.ทบ.' ขอโทษสังคม ย้ำมีนโยบายห้ามทำร้ายร่างกาย แม่ทัพภาคที่ 4 มั่นใจได้ความชัดเจน ภายใน 2 วัน พร้อมลงโทษทั้งอาญาและวินัย ภาพพลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม ก่อนและหลังถูกทำร้ายร่างกาย จนเสียชีวิตในวันที่ 1 เม.ย. 2560 3 เม.ย. 2560 ความคืบหน้ากรณี พลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม ทหารเกณฑ์ค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎธานี เสียชีวิตระหว่างถูกสั่งขังคุกทหารเพื่อเป็นการทำโทษ เนื่องจากทำผิดวินัย ซึ่งญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต นั้น เพื่อนยันไม่มีบาดแผลก่อนถูกขังวันนี้ (3 เม.ย.60) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้เปิดเผยคำให้สัมภาษณ์ของ เพื่อนทหารเกณฑ์ของพลทหารผู้เสียชีวิต โดยเปิดเผยว่า ผู้ตายได้มาช่วยตนกวาดขยะ เมื่อเสร็จงานได้ขอตัวกลับไปนอน พร้อมทั้งแจ้งว่า ให้ตนช่วยปลุก เนื่องจากต้องรวมแถวในเวลา 09.00 น. แต่ตนติดภารกิจเวรจราจร จึงวานให้เพื่อนอีกคนเป็นคนปลุกผู้ตายแทน แต่เพื่อนคนนั้นกลับไปนอนหลับเสียด้วย เมื่อถึงเวลา ทั้ง 2 คน ไม่ได้ร่วมลงแถว จึงถูกทำโทษด้วยการสั่งขังเป็นเวลา 3 วัน และตนเป็นคนที่อยู่กับผู้ตายก่อนเข้าเรือนจำ ตนยืนยันว่า ผู้ตายไม่ได้มีบาดแผล หรือ อาการของผู้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด และหากถูกทำร้ายจากภายนอกจริง ตนเชื่อว่าเพื่อนต้องแจ้งให้ตนทราบ และก่อนจะเข้าเรือนจำผู้ตายแจ้งว่า หากครบ 3 วันแล้ว ยังไม่ได้กลับมา ขอให้แจ้งให้แม่ทราบด้วย เนื่องจากผู้ตายมีปัญหากับสิบเวร ผบ.ทบ.ขอโทษสังคม ย้ำมีนโยบายห้ามทำร้ายร่างกายขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึง กรณีนี้ด้วยว่า รู้สึกเสียใจต่อการเสียชีวิตของพลทหารยุทธกินันท์เป็นอย่างยิ่ง รายละเอียดต่างๆ อยู่ในระหว่างการสอบสวนขึ้น แต่ได้สั่งการผ่านแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ดูแลครอบครัวชีวิตอย่างใกล้ชิด "ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขอโทษสังคม เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของผมที่สั่งการไว้ว่า ไม่ให้มีการทำร้ายร่างกาย โดยเฉพาะพลทหาร ซึ่งได้พูดในที่ประชุมหลายครั้ง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายกังผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่มีการละเว้น รวมถึง พิจารณาโทษทางวินัยต่อผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับ ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการแทรก" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว เมื่อถามว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นแทบทุกปี ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารบก เป็นการสะท้อนอะไรรึไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า แต่ละปีมีพลทหารเข้ามาในกองทัพนับแสนคน เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นภายในเรือนจำ ทำให้มีคนรู้น้อย ไม่เหมือนในโรงนอน หรือที่มีการฝึก ที่มีผู้รับผิดชอบชัดเจน อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "อาจจะติดนิสัยมาตั้งแต่อดีต ที่เราฝึกน้องๆ ทหาร เพื่อทำหน้าที่ตามชายแดน ซึ่งจะเข้มงวดกวดขัน จัดระเบียบวินัยที่หนัก และจะลงโทษค่อนข้างรุนแรง แต่สิ่งเหล่านี้ ในปัจจุบันค่อยๆ คลายตัวลงแล้ว มีกรอบการฝึกที่เหมาะสม แต่ก็ยังมีจุดมืด จุดดำอยู่ ผมจะพยายามแก้ไข เพราะถือว่าเป็นเรื่องหลัก ที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว แม่ทัพภาคที่ 4 มั่นใจได้ความชัดเจน ภายใน 2 วัน พร้อมลงโทษทั้งอาญาและวินัยพล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีน้ด้วย ว่า ได้มอบหมายให้พล.ต.วิชัย ทัศนมณเฑียร ผบ.มทบ.45 สอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกระทำระหว่างนักโทษทหารด้วยกันหรือมีผู้คุมเรือนจำร่วมด้วย ซึ่งจะได้ความกระจ่างภายใน 2 วันนี้ "พลทหารคนดังกล่าวมีปัญหาหลบหนีการเข้าเวรยามหลายครั้ง และถูกลงโทษตามลำดับ ก่อนถึงขั้นจำขังในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าใครเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและโทษทางวินัยโดยไม่ละเว้น มั่นใจว่าหาตัวคนผิดมาลงโทษได้แน่นอน แต่ขณะนี้ให้ความสำคัญเรื่องการจัดงานศพและเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
ที่มา : สำนักข่าวไทยและ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
หมายกำหนดการพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ 6 เม.ย.นี้ Posted: 03 Apr 2017 03:29 AM PDT วิษณุ ขอรอฟังความชัดเจน 4 เม.ย.นี้ ชี้โรดแมปนับ 1 ตั้งแต่ประกาศใช้ รธน. ปธ.สนช. คาด รธน.ใหม่มีผลบังคับใช้ 2-3 วันนี้ (แฟ้มภาพ) 3 เม.ย. 2560 รายงานข่าวระบุว่า สำนักพระราชวัง เผยแพร่หมายกำหนดการ พระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีในตำแหน่งบังคับบัญชาสำนักพระราชวัง รับพระราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กำหนดการประกาศพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โดยในวันพฤหัสดีที่ 6 เม.ย. เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งมายังพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต มีพระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะทูต สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรอิสระ ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อัฐเชิญรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วพระราชทานแก่นายกรัฐมนตรี ก่อนจะมีการประทับพระราชลัญจกรแล้วเชิญไปประดิษฐานบนพานทองที่เสาบัวหน้ามหาสมาคม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านกระแสพระราชปรารภประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 จบแล้ว ชาวพนักงานประโคม ฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ ทหารเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่ฝ่ายละ 21 นัด และวัดทั่วราชอาณาจักรย่ำระฆังและกอง ครั้นสุดเสียงปืนใหญ่ มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานประโคมกระทั่งแตร มโหระทึก วงดุริยางค์บรรเลง เพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระเจ้าอยู่ เสด็จพระราชดำเนินกลับ วิษณุ ขอรอฟังความชัดเจน 4 เม.ย.นี้ ชี้โรดแมปนับ 1 ตั้งแต่ประกาศใช้ รธน.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย กล่าวถึงกำหนดพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ในวันที่ 6 เม.ย.นี้ ว่า ขอให้รอฟังความชัดเจนในวันที่ 4 เม.ย.นี้ โดยจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งคาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป วิษณุ ยังกล่าวว่า เบื้องต้นส่วนตัวยังไม่เห็นตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ แต่ได้รับแจ้งไม่กี่นาทีที่ผ่านมาว่า ยังมีความไม่ชัดเจนในบางจุดประมาณ 2-3 จุด พร้อมยืนยันด้วยว่าเอกสารกำหนดการที่ออกมานั้นเป็นเอกสารจริง ส่วนจะมีความชัดเจนเรื่องทามไลน์โรดแมปหลังจากนี้นั้น ยังไม่ทราบ แต่ว่าโรดแมปจะเริ่มนับ 1 ตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ปธ.สนช. คาด รธน.ใหม่มีผลบังคับใช้ 2-3 วันนี้พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ซึ่งชี้แจงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ.พิจารณาเสร็จแล้ว ว่า จะส่งมาให้ สนช.พิจารณาอย่างเป็นทางการหลังรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ โดยคาดการณ์ว่า ภายใน 2-3 วันนี้ จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ "เข้าใจว่าในเร็ว ๆ นี้จะพระราชทานลงมา โดยจะมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นผู้ลงนามรับสนองพระราชโองการ จากนั้นจะมีพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยทุกหน่วยงานเข้าร่วมในพระราชพิธี" ประธานสนช. กล่าว
ที่มา : มติชนออนไลน์ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น TNN24 คมชัดลึกออนไลน์ และโพสต์ทูเดย์
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
Posted: 03 Apr 2017 01:50 AM PDT ผู้หญิงทั่วโลกรณรงค์เนื่องในวันสตรีสากล ที่มาภาพประกอบ: leyf.org.uk ผู้หญิงในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น ตุรกี สเปน ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เดินขบวนเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศเนื่องในวันสตรีสากล เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน มีคนราว 40,000 คน รวมตัวกันประณามความรุนแรงกับ ผู้หญิง ขณะที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี มีประชาชนรวมตัวเรียกร้องสิทธิผู้หญิงจำนวนมากถึง 10,000 คน ขณะที่ในสหรัฐอเมริกามีการเดินขบวนในหลายเมืองโดยเฉพาะในนครนิวยอร์ก ส่วนที่วอชิงตัน สแควร์ (Washington Square) มีประชาชนราว 3,000-5,000 คน รวมตัวกันเรียกร้องสิทธิผู้หญิง และประณามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) นอกจากนี้การเดินขบวนดังกล่าวมีขึ้นในหลายเมือง มีผู้หญิงรวมตัวกันหยุดงานอีกด้วย ขณะที่ในวันเดียวกัน นายฟรองซัวส์ โอลลองด์ (Francois Hollande) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวโจมตีสหรัฐอเมริกาและรัสเซียว่าสิทธิผู้หญิงในสองประเทศนั้นกำลังก้าวถอยหลัง นอกจากนี้ในหลายประเทศมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เนื่องในวันสตรีสากล เช่น บราซิล บังกลาเทศ รัสเซีย ยูเครน และอุรุกวัย เป็นต้น ที่มา: japantimes.co.jp, 9/3/2017 อัตราการว่างงานในเยอรมนียังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การรวมชาติเมื่อปี 1990 ในเดือน ก.พ. 2017 ที่ผ่านมาอัตราการว่างงานในเยอรมนียังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การรวมชาติเมื่อปี 1990 โดยสำนักงานแรงงานระบุว่าจำนวนคนว่างงานลดลง 14,000 คน ในเดือน ก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 10,000 คน ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.9% ทั้งนี้จำนวนคนว่างงานทั่วประเทศอยู่ที่ระดับ 2.76 ล้านคนในเดือน ก.พ. ลดลง 149,000 คนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จีนมีแผนเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและถ่านหิน 500,000 ตำแหน่ง จีนประกาศว่าจะปรับลดงานเป็นจำนวน 500,000 ตำแหน่งในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและถ่านหินในประเทศในปีนี้ ในขณะที่ทางการจีนกำลังพยายามลดปริมาณการผลิตที่เกินกว่าความต้องการของตลาดท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่มา: business-standard.com, 1/3/2017 บุคลากรการแพทย์ในกรีซประท้วงแผนรัดเข็มขัดภาคสาธารณสุขของรัฐบาล บุคลากรการแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วกรีซ ประท้วงหน้ากระทรวงสาธารณสุขในกรุงเอเธนส์พร้อมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการนำบ่วงเชือกมาคล้องคอ เพื่อประท้วงผลกระทบของการปฏิรูปรัดเข็มขัดภาคสาธารณสุข บริษัทก่อสร้างจีนแปลงโฉมพนักงานหญิงถ่ายแบบรับวันสตรีสากล เว็บไซต์ข่าวประเทศจีนรายงานว่าบริษัทก่อสร้างจีน China State Construction Engineering Corporation (CSCEC) สาขาตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองซีอาน ได้จัดกิจกรรมต้อนรับวันสตรีสากล (8 มี.ค.) โดยการจับพนักงานหญิงหลายคนของบริษัทมาแปลงโฉมถ่ายแบบ หลังภาพถ่ายแบบชุดนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยอีกด้วย ที่มา: society.qq.com, 7/3/2017 แรงงานพม่าลุกฮือประท้วงโรงงงานรับจ้างผลิตเสื้อผ้าให้แบรนด์ H&M แรงงานพม่าที่เรียกร้องการปรับปรุงสภาพการจ้างและสวัสดิการที่ดี และได้บุกทำลายสายการผลิตของโรงงาน Hangzhou Hundred-Tex Garment ที่มีชาวจีนเป็นเจ้าของซึ่งผลิตเสื้อผ้าให้กับบริษัท H&M ของสวีเดน นับเป็นหนึ่งในความขัดแย้งด้านแรงงานที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในพม่าในรอบหลายปี โดยการผละงานแปรเปลี่ยนกลายเป็นความรุนแรงในวันที่ 9 ก.พ. ที่ส่งผลให้ต้องปิดโรงงาน ซึ่งจากคลิปวิดีโอชิ้นหนึ่งเผยให้เห็นคนงานหญิงหลายสิบคนเข้ารุมล้อมและทุบตีผู้จัดการชาวจีน ที่พยายามจะหลบหนี โดยผู้จัดการบริษัทรายหนึ่งและเจ้าหน้าที่ฝ่ายแรงงานได้ยืนยันถึงความถูกต้องของคลิปชิ้นดังกล่าว ต่อมาในปลายเดือนก.พ. คนงานจำนวนหลายร้อยคนได้บุกโรงงานและเข้าทำลายสิ่งของต่างๆ ที่ประกอบด้วยเครื่องจักร คอมพิวเตอร์ และกล้องวงจรปิด ที่มา: theguardian.com, 7/3/2017 Samsung เตรียมลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ 300 ล้านดอลลาร์ฯ สร้างโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ ซัมซุง (Samsung) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ มีแผนจะขยายการลงทุนในสหรัฐอเมริกาเป็นมูลค่าอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งใหม่ โดยได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทางการอย่างน้อยใน 5 มลรัฐ พนักงานสนามบินในเยอรมนีหยุดงานประท้วงขอขึ้นค่าแรง พนักงานภาคพื้นดินของสนามบินได้หยุดงานประท้วงเพื่อที่จะเจรจาขอขึ้นค่าแรง รายงานข่าวระบุว่าเที่ยวบินที่สนามบิน Schoenefeld ถูกยกเลิกไปแล้วกว่า 204 เที่ยวบิน รวมถึงเที่ยวบินที่สนามบิน Tegel ก็ถูกยกเลิกอีก 455 เที่ยวบินด้วยเช่นกัน โดยพนักงานภาคพื้นดินต้องการขอขึ้นค่าแรงจากเดิมที่ 11 ยูโร เป็น 12 ยูโรต่อชั่วโมง ศาลยุโรปมีคำตัดสินให้นายจ้างห้ามพนักงานสวมสัญลักษณ์ทางศาสนาหรือการเมืองระหว่างทำงานได้ ศาลยุติธรรมยุโรป (ECJ) แถลงว่า กฎเกณฑ์ภายในที่ระบุว่าห้ามสวมเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงทางศาสนา ความเชื่อหรือการเมืองไม่ถือว่าเป็นการกีดกันโดยตรง ซึ่งคำตัดสินคดีนี้เกิดจากการที่พนักงานหญิง 2 คนในฝรั่งเศสและเบลเยียมถูกไล่ออกจากงานหลังจากทั้งคู่ไม่ยอมถอดผ้าคลุมศรีษะ (hijab) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาออกในระหว่างงาน กลุ่ม The Open Society Justice Initiative ได้ให้ความเห็นว่าคำพิพากษาดังกล่าวจะทำให้หลักประกันว่าด้วยความเท่าเทียมตามหลักกฎหมาย EU อ่อนแอลง ส่วนองค์การนิรโทษสากล (Amnesty International) เห็นว่ากรณีนี้จะเป็นการเปิดช่องให้เกิดความคิดที่ไม่เป็นกลางในเรื่องต่าง ๆ ตามมา ที่มา: independent.co.uk, 14/3/2017 สหรัฐฯ มี "หุ่นยนต์" มากที่สุดในโลก คนอเมริกันกังวลกลัวถูกแย่งงาน รายงานของศูนย์ Center for Economics & Business Research และ บริษัท Redwood Software ระบุว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์เพิ่มสู่ระดับเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อสองปีก่อน ผู้เขียนงานวิจัยชิ้นนี้กล่าวว่า การที่หุ่นยนต์ทำงานแทนคนได้มากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าในที่สุดคนจะถูกเลิกจ้างงาน โดยประเด็นเรื่องการจ้างงานถือเป็นเรื่องสำคัญของคนอเมริกัน พิจารณาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้ทำวิจัยกล่าวว่าคนอาจกลัวและกังวลเรื่องนี้เกินไป เพราะอย่างในประเทศเยอรมนีที่มีการใช้หุ่นยนต์มาก ก็ยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานมนุษย์ ชาวบราซิลประท้วงต่อต้านแผนปฏิรูประบบบำนาญ-เพิ่มอายุเกษียณ สหภาพแรงงานในบราซิลได้นำประชาชนบราซิลชุมนุมประท้วงทั่วประเทศเพื่อต่อต้านแผนการปฏิรูประบบบำนาญของรัฐบาล โดยผู้ประท้วงไม่พอใจที่รัฐบาลจะจำกัดสิทธิประโยชน์และเพิ่มอายุเกษียณจาก 54 ปีในปัจจุบันเป็น 65 ปี แต่รัฐบาลให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องควบคุมค่าใช้จ่ายเพราะเป็นหัวใจในการแก้ปัญหาฐานะการคลังและฉุดประเทศขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมานาน ศาลสิงคโปร์จำคุกสองสามี-ภรรยา ทรมานแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ สองสามีภรรยาชาวสิงคโปร์ถูกศาลสิงคโปร์ตัดสินจำคุกจากความผิดฐานอดอาหารแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นลูกจ้างของตน จนร่างกายผ่ายผอมน้ำหนักลดลงจาก 49 เหลือ 29 กิโลกรัม หลังจากมาทำงานกับทั้งคู่เพียง 15 เดือน โดยสามีถูกสั่งจำคุก 3 สัปดาห์ พร้อมปรับเงิน 1,175 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนภรรยาโดนจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน รัฐบาลสเปนจะสร้างงานใหม่ในประเทศ 500,000 ตำแหน่งในปีนี้ รัฐบาลสเปนระบุว่าจะสร้างงานใหม่จำนวน 500,000 ตำแหน่งในปีนี้ และจะลดอัตราการว่างงานให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 17% โดยขณะนี้สเปนมีคนว่างงานจำนวน 3.7 ล้านคน ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 18.4% ที่มา: news.xinhuanet.com, 28/3/2017
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์: ความเสมอภาค 4.0 Posted: 03 Apr 2017 01:38 AM PDT
ถ้าพูดถึงบุคคลในเอเชียเรา ผู้มีวิสัยทัศน์ทางด้านธุรกิจไอที 4.0 และเป็นผู้หนึ่งที่ถูกเชิญตัวไปพูดบรรยายให้ความรู้และข้อคิดเกี่ยวกับธุรกิจไอทีมากที่สุดในทศวรรษนี้ ย่อมไม่พ้นชื่อ "แจ็ค หม่า" ประธาน อาลีบาบา เจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ช ใหญ่ที่สุด ชายสัญชาติจีน ที่ล่าสุดเพิ่งเปิดดีลลงทุนเครือข่ายต่างประเทศของอาลีบาบาที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ซึ่งก็ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ช ละตลาดที่เกี่ยวข้องในมาเลเซีย พลอยบูมไปด้วยพร้อมๆกับการสร้างงานให้คนจำนวนมาก ไม่น่าแปลกใจว่าสื่อนานาชาติ รวมถึงสื่ออเมริกัน ได้รายงานข่าวนี้ออกไปหลังดีลกัวลาลัมเปอร์เกิดขึ้นได้ไม่นาน เกิดอะไรขึ้นกับการเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่เอเชียทางด้านอีคอมเมิร์ซอย่างอาลีบาบา ข่าวดังกล่าวดูเหมือนจะทำให้แจ็ค หม่า และบริษัทอีคอมเมิร์ซ ของเขากลายเป็นคนหนึ่งเดียวในโลกที่ยืนซดกับยักษ์ใหญ่คู่แข่งที่เป็นบริษัทอเมริกันอย่าง อีเบย์ และ อเมซอน ทำให้คู่แข่งทางธุรกิจอีคอมเมิร์ช 2 บริษัทดังกล่าวเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาอย่างไรดีกับการเปิดตลาดในเอเชียที่กำลังการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแค่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือไม่? เสมือนว่า อาลีบาบาเป็น "กขค." ของบริษัทอเมริกันทั้งสองเต็มประตู โดยเฉพาะอีเบย์นั้นเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติอเมริกันที่มีชื่อเสียงมานานกว่าสองทศวรรษ ทุกๆ ปีในอเมริกาบริษัทนี้จัดประชุมสมาชิกในบางเมือง เช่น ที่เมืองลาสเวกัส ถือว่าการประชุมสมาชิกเครือข่ายอีเบย์เป็นหนึ่งในคอนเวนชั่นที่ใหญ่คอนเวนชั่นหนึ่งประจำเมืองบาปแห่งนี้ อีเบย์นั้นเคยซดกับอาลีบาบาของ แจ๊ค หม่า มาก่อนหน้านี้ เหตุเกิดที่เมืองจีนในขณะนั้นที่อีเบย์พยายามรุกตลาดจีน เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในตลาด ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวก็ปรากฏผลให้เห็นจากสภาพตลาดจีนในปัจจุบันที่ทรงพลานุภาพ กล่าวคือมีมีการเทรดผ่านตลาดอีคอมเมิร์ซปีหนึ่งๆ นับมูลค่าเป็นหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้อาลีบาบา กลายเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่โดดเด่นมากที่สุดทั้งในเอเซียและอเมริกา ที่สำคัญคือ อาลีบาบา เป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซ สัญชาติจีนที่นักธุรกิจอเมริกันรู้จักกันดี รวมถึงยังเข้าไปใช้บริการของบริษัทแห่งนี้เป็นจำนวนมากด้วย สะท้อนให้เห็นถึงเครดิตหรือความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้ลงทุนหรือผู้ประกอบการชาวอเมริกันต่ออาลีบาบา จนถึงกับทีมงานของประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ เชิญตัวแจ็ค หม่า ไปเยือนทำเนียบขาว เพื่อให้เกียรติประธานาธิบดีคนใหม่ เท่ากับว่าประธานของอาลีบาบา กับประธานของคนอเมริกันได้พบกันแล้ว เป็นนิมิตรหมายที่ดีในการทำมาค้าขายซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ เหนือไปจากการมองว่าทั้งสองประเทศมหาอำนาจแข่งขันกันในรูปแบบการเป็นศัตรูกันและกัน หากดูจากวิสัยทัศน์การทำธุรกิจกิจของแจ็ค หม่า ที่อาศัยตลาดจีนหรือตลาดเอเซียเป็นฐานที่มั่นในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็แสดงให้เห็นว่า เขาเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดเอเชียบ้านเรา จากวิสัยทัศน์ในการพูดของเขาหลายๆ ครั้ง แจ็ค หม่า ไม่ได้มองแคบแค่ตลาดจีนเท่านั้น แต่เขากวาดสายตามองตลาดเอเชียหลายประเทศ รวมถึงตลาดในโซนอาเซียน (asean) ว่า มันคือคำตอบของความสำเร็จของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เขาถึงได้ลงทุนเดินสายสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าผู้มีอำนาจ ซึ่งก็คือรัฐบาลของแต่ละประเทศกลุ่มอาเซียนนั่นเอง ดังการไปเยือนประเทศไทยครั้งหนึ่งของเขา จนได้เข้าพบและพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันที่กรุงเทพ นี่เป็นการแผ้วถางทางไปสู่การขยายเครือข่ายของอาลีบาบาออกไปจากฐานเดิมในประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ในที่สุด แจ็ค หม่า เลือกมาเลเซียให้เป็นที่สถานที่ตั้งของเครือข่ายอีคอมเมิร์ซที่ยิ่งใหญ่ของเขาแทนที่จะเลือกเมืองไทย หากพิจารณาตามเหตุผลที่เขาเคยพูดแสดงวิสัยทัศน์หลายๆ ครั้งก็ย่อมจะเห็นว่า ทำไม? แจ็ค หม่า ไม่เลือกเมืองไทย ทั้งที่รัฐบาลไทยโดยหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กำลังโปรโมทนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" และ "Startup" อย่างหนักอยู่ในตอนนี้ ก็นโยบายที่ว่านี้ ไร้ค่าสำหรับ แจ็ค หม่า หรืออย่างไร แน่นอนว่าการไปเยือนกรุงเทพของแจ็ค หม่า คราวที่แล้วชี้ให้เห็นว่านโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลไทยไม่ไร้ค่า แต่หากดูจากประวัติการทำงานของนักธุรกิจสมัยใหม่ชาวจีนรายนี้ก็จะเห็นว่า เขาทำงานเข้ากับรูปแบบของโลกาภิวัตน์ กล่าวคือ ปรับตัวให้เข้ากับโลกาภิวัตน์ซึ่งเป็นโลกไร้พรมแดนได้อย่างดี แจ็ค หม่า เคยกล่าวตำหนิลูกน้องของเขาบนเวทีแห่งหนึ่งต่อหน้าแขกเหรื่อ หลังจากที่ลูกน้องคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานอีคอมเมิร์ซแห่งหนึ่ง กล่าวผ่านไมโครโฟนต่อคนฟังจำนวนมากว่า บริษัท (อาลีบาบา) ในฐานะบริษัทคนจีน จะต้องเตะสกัดบริษัทที่มิใช่บริษัทสัญชาติจีนออกไปให้พ้นๆ (ตอนนั้นลูกน้องเขาน่าจะหมายถึงบริษัทอีคอมเมิร์ซอีเบย์ของอเมริกัน) แจ็ค หม่า คว้าไมค์มาถือเอง พลางบอกทำนองสอนลูกน้องในทีมงานของเขาว่า "ใครก็พูดอย่างนี้ไม่ได้ การทำธุรกิจในโลกปัจจุบัน ไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีสัญชาติ คุณต้องขอโทษคนฟัง เพราะอาลีบาบา เปิดโอกาสสำหรับทุกๆ คนทั่วโลก ไม่ใช่ชาวจีนเพียงชาติเดียว" (อาลีบาบาเอง มีฝรั่งมาทำงานในบริษัทตั้งแต่เริ่มก่อตั้งด้วยซ้ำ เท่ากับฝรั่งเหล่านั้นเป็นลูกน้องของแจ็ค) ครับ นี่คือ มุมมองแจ็ค หม่า อดีตครูสอนภาษาอังกฤษที่เมืองจีน ปัจจุบันเขาคือ มหาเศรษฐีอีคอมเมิร์ซของโลก เทียบเท่าหรืออาจมากว่า อีเบย์ และอะแมซอนของอเมริกันเสียด้วยซ้ำ สะท้อนให้เห็นว่า ในอนาคตนั้น มิใช่แค่กำแพงการค้า (การกีดกัน) เช่น ภาษี หรือสัญชาติ เกี่ยวกับการค้าขายสินค้าโดยทั่วไปเท่านั้นที่จะต้องถูกทำลาย แต่กำแพงการค้าขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซเอง เช่น สัญชาติ เชื้อชาติ) ก็จะต้องถูกทำลายลงไปด้วย พร้อมๆ กับความเท่าเทียมในการค้าขายหรือเสรีภาพในการแข่งขันนั่นเอง มองเข้ามาที่ตัวเราก็คือ ไม่มีความเป็นคนไทยหรือคนชาติอื่นในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือแม้แต่การค้าขายสินค้าแบบทั่วไป หรือแม้แต่ธุรกิจบริการที่หากเป็นธุรกิจบริการแบบ 4.0 ก็ต้องละลายความเป็นไทยลง ให้บริการไทยกับต่างชาติหรือฝรั่งอย่างเท่าเทียม แต่อย่างที่เห็นอยู่เวลานี้ธุรกิจบริการของไทย แม้แต่รัฐบาล ยังคิดว่าคนไทยต้องมาก่อนหรือคนไทยต้องที่หนึ่ง ถ้าอิงกับหลักของแจ็ค หม่า ก็ "ผิดฝาผิดตัว" อย่างยิ่ง แล้วจะไปส่งเสริมให้คนนานาชาติมาอุดหนุนสินค้าและบริการของไทยได้อย่างไร? ดูอย่างธุรกิจบริการด้านท่องเที่ยว ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว "ไทยเข้าฟรี ฝรั่งเก็บตังค์" อย่างนี้ใช้ได้หรือไม่กับไทยแลนด์ 4.0 ฝรั่งกลับมาบ่นเรื่องนี้ก็มีให้ได้ยิน สื่อฝรั่งบางเจ้า เขียนบทความประจานเสียด้วยซ้ำ สาระก็คือ เขาไม่ได้เสียดายเงินค่าเข้าชมสถานที่หรอก แต่เขาเสียดายที่ยังมีการตีค่าความเป็นคนไม่เท่ากันระหว่างฝรั่งกับไทย...ยังแยกชั้นกันอยู่ แล้วเราเอง เป็นฝ่ายแยก ไม่ใช่เขา
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท. To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, CA 94043, United States |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น