ประชาไท | Prachatai3.info | |
- ราคายางตก 'ประยุทธ์' ชี้ปัญหาหนึ่งปลูกมากเกินไป แนะปลูก 'ทุเรียน-มังคุด' แทน
- กมธ. วิสามัญกฎหมายพรรคการเมือง ยันปรับไพรมารี่โหวตเพื่อป้องกันทุจริต
- ครม.ไฟเขียว ช็อปเครื่องบินขับไล่อีก 8 ลำ 8.8 พันล้าน 'ประวิตร' ย้ำกองทัพปฏิรูปมาตลอด
- ซูเปอร์ฮีโร่ LGBTQ เชื้อสายละตินคนแรกของ 'มาร์เวล' กับการต่อสู้ทางอัตลักษณ์ในโลกจริง
- มติ ก.ต. เอกฉันท์ 'ชีพ จุลมนต์' ขึ้น ปธ.ศาลฎีกาคนที่ 44
- สื่อรัฐบาลจีนอ้างเกมออนไลน์ 'คิงออฟกลอรี' มีเนื้อหา 'บิดเบือนประวัติศาสตร์'
- สิ้น 'แวหามะ แวกือจิก' ผอ.สถานีวิทยุมีเดียสลาตัน
- สุรพศ ทวีศักดิ์: ปัญหาความมีเหตุผลแบบพุทธไทย
- อดีต ส.ส.ปชป. ถาม 'ประยุทธ์' เข้าใจบรรษัทภิบาลไหม ตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจมีแต่ทหารเพียบ
- แพทย์ชนบทจับตาแก้ ก.ม.บัตรทอง 3 ประเด็น ‘ร่วมจ่าย-แยกเงินเดือน-จัดซื้อยา’
ราคายางตก 'ประยุทธ์' ชี้ปัญหาหนึ่งปลูกมากเกินไป แนะปลูก 'ทุเรียน-มังคุด' แทน Posted: 11 Jul 2017 11:22 AM PDT พล.อ.ประยุทธ์ ชี้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำทั้งระบบ ระบุปัญหาสำคัญคือยังคงปลูกมากเกินไป ขอเกษตรกรลดพื้นที่ปลูก ปลูกพืชชนิดอื่นแทน เช่น ทุเรียนและมังคุด ย้ำหากไม่เปลี่ยนราคายางก็คงไม่สามารถขยับสูงไปมากกว่านี้ แฟ้มภาพ 11 ก.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำว่า รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ต้องยอมรับว่า ปัญหาสำคัญส่วนหนึ่งของไทยคือ ยังคงมีพื้นที่ปลูกยางมากเกินไป และยังพบว่ามีการปลูกในพื้นที่บุกรุกถึง 3 ล้านไร่ แต่รัฐบาลคงไม่สามารถสั่งให้หยุดปลูกได้ทั้งหมด เพราะจะส่งผลกระทบทำให้เกิดความเดือดร้อน อยากให้เกษตรกรลดพื้นที่การปลูกยางลงและหันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน เช่น ทุเรียน และมังคุดที่มีราคาสูง เพราะหากไม่เปลี่ยนแปลง ราคายางก็คงไม่สามารถขยับสูงไปมากกว่านี้ได้ "ทำไมไม่ตัดยางแล้วปลูกผลไม้อื่นบ้างในบางพื้นที่ มันก็จะมีรายได้ตรงนี้ขึ้นมา ถ้าไม่แก้ไขตรงนี้ ราคายางก็อยู่แค่นี้ มันไม่มีขึ้นหรอก วันโน้นกับวันนี้คนละเวลากัน โลกมันไม่ใช่แบบเดิมแล้ว โลกมันเปลี่ยนแล้ว อย่าไปคิดแบบเต่าล้านปีกันเลย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ส่วนกรณีที่ต้องการให้ยางมีราคากิโลกรัมละ 70 บาทนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องพิจารณาจากปริมาณยางว่ามีมากเพียงใด เพราะหากมียางทั้งในสต็อกของไทยและในตลาดโลก คงเป็นไปได้ยากที่จะทำให้ราคาสูงขึ้น รัฐบาลคงไม่สามารถนำงบประมาณไปซื้อยางมาเก็บไว้ได้ทั้งหมด เพราะส่วนหนึ่งยังมียางอยู่ในสต็อกที่ยังไม่ได้ขายออกไป และยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหา เพราะสามารถสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ นำยางไปใช้งานได้ เบื้องต้นให้ทางทหารช่าง นำยางไปใช้ในการทำถนน ที่ขณะนี้สามารถเพิ่มสัดส่วนได้ถึงร้อยละ 15 แต่จะต้องเพิ่มงบประมาณให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย นอกจากนั้นยังต้องเพิ่มการใช้ประโยชน์ในส่วนของสาธารณสุข กีฬา แต่ต้องจัดทำแผนการดำเนินงานและเพิ่มงบประมาณเช่นเดียวกัน ซึ่งแนวทางทั้งหมดจะมีการหารืออีกครั้งที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในการแก้ปัญหาร่วมกันของ 3 ประเทศ ที่ไทยได้ส่งตัวแทนไปพูดคุยนั้น ที่ประชุมเห็นว่าการทำให้ราคายางสูงขึ้นนั้นทำได้ยาก เป็นผลจากปริมาณยางของไทยมีมากเกินไป ในขณะที่ทั้ง 3 ประเทศได้ปรับลดพื้นที่ปลูกยางของตนเองลงกว่าร้อยละ 50 รัฐบาลจึงต้องปรับปริมาณการผลิตยางของไทยให้เหมาะกับทั้ง 3 ประเทศ และอีกปัญหาหนึ่งคือการที่ 3 ประเทศมองว่าเสถียรภาพทางการเมืองมีผลต่อราคายางพารา โดยเฉพาะกับตลาดการซื้อขายล่วงหน้า จึงขออย่าให้มีการเคลื่อนไหวกดดันในขณะนี้ และสิ่งสำคัญนอกจากมาตรการช่วยเหลือแล้ว เกษตรกรต้องช่วยเหลือตัวเองและร่วมมือในการปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการที่อนุมัติมา เพราะสิ่งที่พยายามทำคือการแก้ไขทั้งระบบ โดยไม่ใช้วิธีอุดหนุนที่เป็นการแก้ปัญหาปลายทางเพียงอย่างเดียว ที่มา สำนักข่าวไทย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
กมธ. วิสามัญกฎหมายพรรคการเมือง ยันปรับไพรมารี่โหวตเพื่อป้องกันทุจริต Posted: 11 Jul 2017 06:39 AM PDT กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายพรรคการเมือง ระบุ ปรับการเลือกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง ให้เป็นกิจการภายในพรรค ให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้รับผิดชอบหากเกิดทุจริต ย้ำ ม่ขัดแย้งกับ กรธ. มั่นใจ สนช. ไม่คว่ำร่าง 11 ก.ค. 2560 เว็บข่าวรัฐสภา รายงานว่า พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม อดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชี้แจงถึงกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) มีข้อโต้แย้งในกระบวนการไพรมารีโหวตว่าการให้สาขาพรรคกับผู้แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด คัดเลือกผู้สมัครอาจทำให้เกิดขั้นตอนคัดเลือกที่ไม่สุจริต ซึ่งกรรมาธิการพร้อมจะปรับปรุงขั้นตอนดังกล่าวให้มีความชัดเจน โดยให้ขั้นตอนการคัดเลือกผู้สมัครเป็นกิจการภายในพรรค ที่หัวหน้าพรรคต้องเป็นผู้รับผิดชอบกระบวนการคัดเลือกให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดย กกต. ไม่มีอำนาจเข้าไปแจกใบเหลืองใบแดงในขั้นตอนไพรมารีโหวต เพราะหากให้ กกต.เข้าไปดำเนินการย่อมจะเสมือนว่า กกต. ไปรับรองความชอบธรรมการจัดทำไพรมารีโหวต อย่างไรก็ตาม หากมีความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นในขั้นตอนเลือกผู้สมัคร ผู้ไม่ได้รับความชอบธรรมสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้โดยให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรครับผิดชอบร่วมด้วย ขณะเดียวกัน หากโยงไปถึงผู้ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แล้ว แต่พบว่าเป็นผู้สมัครระบบไพรมารีโหวตอย่างไม่ถูกต้อง ย่อมต้องถูกลงโทษ และมีผลให้พ้นสภาพ ส.ส. ด้วย พลเอก สมเจตน์ กล่าวถึงกรณีที่ กรธ. มีข้อกังวลถึงการกำหนดให้หัวหน้าพรรคการเมือง ต้องลงเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่ 1 เท่านั้น ซึ่งจะเป็นการจำกัดสิทธิหัวหน้าพรรคในการลงเลือกตั้งแบบแบ่งเขตด้วยว่า ขอยืนยันว่าในการพิจารณาของกรรมาธิการร่วมอาจมีการเปิดช่องไว้ ให้หัวหน้าพรรคการเมือง สามารถลงเลือกตั้งแบบระบบแบ่งเขตได้ แต่จะต้องเข้ากระบวนการไพรมารีโหวตด้วยเช่นกัน พร้อมกันนี้ ยืนยันว่ากรรมาธิการไม่มีข้อขัดแย้งกับ กรธ. และเห็นว่าระบบไพรมารีโหวต เป็นหลักการสำคัญสำหรับร่างกฎหมายพรรคการเมือง จึงมั่นใจว่า สนช. จะไม่คว่ำร่างกฎหมายหลังกรรมาธิการร่วมพิจารณาเสร็จสิ้น ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ครม.ไฟเขียว ช็อปเครื่องบินขับไล่อีก 8 ลำ 8.8 พันล้าน 'ประวิตร' ย้ำกองทัพปฏิรูปมาตลอด Posted: 11 Jul 2017 04:48 AM PDT ประวิตร เผยที่ประชุม ครม.รับทราบจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ T-50TH ในระยะที่ 2 จำนวน 8 เครื่อง เพื่อให้ครบ 12 เครื่อง วงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาทเศษ 'ประยุทธ์' ระบุตรวจสอบได้หากมีข้อสงสัย ![]() KAI T-50 เป็นเครื่องบินฝึกขับไล่ขั้นสูงที่ บริษัท KAI ของเกาหลีใต้ พัฒนาขึ้น ที่มาภาพประกอบ http://rach1968.blogspot.com/2015/09/t-50th.html 11 ก.ค. 2560 หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม) วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบ การจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ T-50TH ในระยะที่ 2 จำนวน 8 เครื่อง เพื่อให้ครบ 12 เครื่อง วงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาทเศษ งบประมาณผูกพัน 3 ปี ให้กับกองทัพอากาศ ซึ่งมีการอนุมัติก่อนหน้านี้แล้ว กองทัพอากาศจัดเตรียมงบประมาณไว้แล้ว เป็นการซื้อทดแทนเครื่องบินรุ่น L-39 ที่ใช้มากว่า 20 ปี การจัดซื้อเป็นแบบจีทูจี และเป็นไปด้วยความโปร่งใส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินฝึกขับไล่ดังกล่าวด้วยว่า เป็นโครงการผูกพันที่อนุมัติตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 และยืนยันถึงความจำเป็นในการจัดซื้อ เพื่อป้องกันการสูญเสีย "เครื่องบินฝึกที่ประจำการในปัจจุบันเป็นรุ่นเก่า และการจัดซื้อเป็นไปตามขั้นตอน สามารถตรวจสอบได้หากมีข้อสงสัยเรื่องการทุจริต โดยไม่ได้ผูกมัดให้จัดซื้อจากประเทศใด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ประวิตรย้ำกองทัพปฏิรูปมาตลอดอยู่แล้วต่อกรณีที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพ หลังมีารตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กองทัพปฏิรูปมาตลอดอยู่แล้ว ทุกเรื่อง ปฏิรูปมาตลอดเลย ไม่มีอย่างไหนที่จะไม่ปฏิรูปเลย ปฏิรูปมาตลอดเลย ![]() แฟ้มภาพ "ที่ทำรัฐประหารนี่ก็ไม่ได้ทำนะ แยกกันไม่ให้คนทะเลาะกันเท่านั้นเอง จะไปปฏิรูปอะไร ไม่ได้เจตนาที่จะมาปฏิวัติ ผมว่าทหารเดี๋ยวนี้ไม่ทำแล้ว" พล.อ.ประวิตร กล่าว ต่อคำถามที่ว่าการเรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพนั้นเพื่อไม่ให้ทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็ไม่อยากจะเกี่ยวอยู่แล้ว ทหารเขาไม่อยากจะเกี่ยวอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เลิกแล้ว พอเลือกตั้งแล้วก็จบ" สำหรับคำถามที่ว่าพูดได้ไหมว่าจะไม่มีรัฐประหารอีแล้วนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า "พูดได้อย่างไรเราก็ไม่รู้ แล้วแต่เหตุการณ์ต่างๆ ใช่ไหม ประชาชนเรียกร้องอย่างนี้ อย่างคราวที่แล้วอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร
เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย และมติชนออนไลน์ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ซูเปอร์ฮีโร่ LGBTQ เชื้อสายละตินคนแรกของ 'มาร์เวล' กับการต่อสู้ทางอัตลักษณ์ในโลกจริง Posted: 11 Jul 2017 04:48 AM PDT อเมริกา ชาเวซ เป็นชื่อของซูเปอร์ฮีโร่หญิงเควียร์คนล่าสุดจากค่ายมาร์เวลคอมิคส์ในนามฮีโร่คือ 'มิส อเมริกา' แต่ทว่านอกจากแบบทดสอบทางการต่อสู้และทางชีวิตที่ตัวละครต้องเผชิญแล้ว ผู้แต่งที่สร้างตัวละครตัวนี้ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายของเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมเช่นกัน ว่าเธอมีดีแค่ขายอัตลักษณ์ที่ดูเป็นชายขอบจริงหรือไม่ ที่มาภาพจาก en.wikipedia.org 11 ก.ค. 2560 ค่ายการ์ตูนอเมริกัน มาร์เวลคอมิคส์ นำเสนอตัวละครใหม่ชื่อ อเมริกา ชาเวซ เธอคือฮีโรที่ชื่อ "มิสอเมริกา" (Miss America) คนที่สอง ก่อนหน้านี้เธอเคยปรากฏตัวในการ์ตูนซีรีส์อื่น แต่เพิ่งมีการ์ตูนซีรีส์เกี่ยวกับเธอเองเมื่อตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้ชาเวซโดดเด่นคือเธอเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ชาวเชื้อสายละตินอเมริกันคนแรกที่มีเนื้อเรื่องเฉพาะของตัวเอง ผู้อ่านจำนวนมากแสดงความยินดีที่มาร์เวลนำเสนอตัวละครชาเวซโดยหวังว่าตัวละครนี้จะเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยเรื่องผู้อพยพ เรื่องอัตลักษณ์ และเรื่องเพศวิถี ในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังอยู่ภายใต้ความตึงเครียดทางสังคมและการเมือง อเมริกา ชาเวซ ไม่ได้มุ่งอยู่กับเรื่องของอัตลักษณ์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการค้นพบตัวเองด้วย ในเว็บไซต์ของมาร์เวลระบุว่าชาเวซเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ต่อสู้กับเหล่าร้าย อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เชื่อในเรื่องการศึกษาและการสำรวจตัวเอง ซีรีส์การ์ตูนนี้มีผู้เขียนบทคือนักเขียนนิยาย แก็บบี ริเวียรา และวาดโดย โจ ควินโยนส์ เรื่องนี้ทำให้สื่อออนไลน์หลายแห่งเกิดความสนใจ จากที่เธอมีอัตลักษณ์ซ้อนทับกันทั้งความเป็นชาวละตินและความเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยที่ริเวียราเปิดเผยว่าไม่เพียงแค่ชาเวซเท่านั้นที่จะเป็นตัวแทนของผู้หญิง ชาวละติน และชาวเควียร์ผู้ไม่จำกัดกรอบทางเพศ ยังมีตัวละครอื่นๆ รอที่จะทดสอบเธอทั้งทดสอบพลังพิเศษและทดสอบความเข้มแข็งจากภายในตัวพวกเขาเอง ริเวียราเปิดเผยอีกว่าเธอมีเจตนาที่จะสะท้อนรูปลักษณ์ของผู้คนที่หลากหลายขึ้น เป็นตัวแทนของเพศต่างๆ มากขึ้น และจะมีตัวละครหลายเชื้อชาติทั้งคนดำ อะโฟร-ละติน (ชาวละตินที่มีเชื้อสายแอฟริกัน) ชาวเอเชีย รวมถึงคนที่เป็นลูกผสมและอะไรที่อยู่ระหว่างนั้น ริเวียราบอกอีกว่าการสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาทำให้ความฝันของเธอเป็นจริงในแง่ที่ได้เห็นผู้หญิงที่เป็น "แบบเดียวกันเธอ" คือเป็นหญิงที่ไม่ใช่คนผิวขาวที่มีความซับซ้อนและไม่ได้ต้องรูปร่างเพรียว แต่การเน้นเรื่องอัตลักษณ์ของเธอมากเกินไปก็ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเหมือนกันว่ามันกลายเป็นสิ่งที่รบกวนเนื้อเรื่อง มีบางคนวิจารณ์เรื่องนี้ว่า "เอาประเด็นเพศสภาพมาก่อน เอาเนื้อเรื่องมาทีหลัง" และบ้างก็วิจารณ์ว่าเอาเรื่องอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาเวซขึ้นนำหน้าเรื่องอื่นๆ จนทำให้ตัวละครดูไม่มีพัฒนาการ หญิงชาวละตินผู้หนึ่งก็วิจารณ์เรื่องนี้ว่าแค่นำคนที่ดูเป็นชายขอบมาใช้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้อ่านเอาตัวเองเข้าไปสวมเป็นตัวละครนั้นๆ ได้ แต่ต้องมีเนื้อเรื่องที่และการวางตัวละครที่ดีด้วย อย่างไรก็ตามมีช่องยูทูบของกลุ่มชาวละตินชื่อ Pero Like ซึ่งทำร่วมกับ Buzzfeed พูดถึงเรื่องที่ฮีโร่ผู้เป็นเสมือนตัวแทนของพวกเขาในโลกนิยายภาพทำให้พวกอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาออกมาดิ้นได้ ผู้ดำเนินรายการบอกว่า "มันตลกพอสมควรเลยที่ตัวละครที่มีชื่อว่าอเมริกาสามารถกระตุ้นให้พวกอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาแสดงความเกลียดชังอย่างมากได้"
เรียบเรียงจาก Marvel's Queer Latina Superhero Prompts Praise, Criticism and Everything in Between, Global Voices, 04-07-2017 ข้อมูลเพิ่มเติมจาก https://en.wikipedia.org/wiki/ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
มติ ก.ต. เอกฉันท์ 'ชีพ จุลมนต์' ขึ้น ปธ.ศาลฎีกาคนที่ 44 Posted: 11 Jul 2017 04:16 AM PDT คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม มีมติเอกฉันท์ 'ชีพ จุลมนต์' ขึ้นประธานศาลฎีกาคนที่ 44 11 ก.ค. 2560 จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา อนุกรรมการตุลาการประชุมเพื่อพิจารณากลั่นกรองเพื่อเสนอชื่อบุคคลขึ้นเป็นประธานศาลฎีกาคนที่ 44 ซึ่ง อนุ กต.ลงมติเอกฉันท์ รับบัญชี 1 ครั้งที่ 2 ให้ ชีพ จุลมนต์ เป็นประธานศาลฎีกา โดยอนุ กต.จะนำชื่อ ชีพ เสนอให้คณะกรรมการตุลาการพิจารณาแต่งตั้งในวันนี้ (11 ก.ค.60) ล่าสุด สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ (11 ก.ค.60) ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม มีการประชุมวาระพิจารณาเห็นชอบบัญชีรายชื่อที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอชื่อ ชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกาอาวุโสลำดับสอง ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา คนที่ 44 ซึ่งระหว่างพิจารณาวาระดังกล่าว ชีพ ในฐานะคณะกรรมการตุลาการซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อได้ออกจากห้องประชุม ทำให้ ก.ต.จาก 15 คน เหลือ 14 คน เป็นผู้พิจารณาวาระต่อไป โดยเมื่อเวลา 14.40 น. มีรายงานว่าที่ประชุม ก.ต.มีมติเอกฉันท์ 14-0 เห็นชอบให้ ชีพ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา คนที่ 44 ต่อไป ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ (3 ก.ค.60) เวลา 09.30 น. ในการประชุม ก.ต. ครั้งที่ 13/2560 ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการโยกย้ายแต่งตั้ง ศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ในวาระ 1 ต.ค. 2560 ซึ่งคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมประจำชั้นศาลทุกชั้นศาลได้กลั่นกรองเสนอความเห็นเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อประกอบการพิจารณา ที่ประชุม ก.ต. เห็นว่า ในการพิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารจะต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถในการบริหารงานศาลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลักอาวุโส ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง การเลื่อนตำแหน่ง การโยกย้ายแต่งตั้งและการเลื่อนเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการตุลาการ พ.ศ. 2554 โดยที่ประชุม ก.ต. ได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางและพิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เห็นชอบในการแต่งตั้งให้ ศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา เนื่องจากเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว แม้จะเป็นผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดก็ตาม สำหรับ ชีพ จุลมนต์ นั้น 'คมชัดลึกออนไลน์' รายงานประวัติด้วยว่า ปัจจุบัน อายุ 63 ปี ซึ่งมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งอีก 2 ปี จนกว่าจะเกษียณราชการในอายุ 65 ปี ซึ่งจบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 2 ม.รามคำแหง และปริญญาโทรัฐศาสตร์บัณฑิต จุฬาฯ ซึ่ง ชีพ นับเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตจาก ม.รามคำแหง คนแรกที่ได้เข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดประมุขตุลาการนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้พิพากษา 1 ใน 9 องค์คณะคดีฮั้วประมูลและปฏิบัติหน้าที่มิชอบระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่มี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ – อดีตนักการเมือง-เอกชน รวม 28 รายเป็นจำเลยด้วย และเป็นองค์คณะในคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปี 2551 ซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ที่ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ , บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ตกเป็นจำเลยด้วยอีกสำนวนซึ่งคดีรอฟังผลตัดสินในวันที่ 2 ส.ค.นี้
เรียบเรียงจาก ผู้จัดการออนไลน์ คมชัดลึกออนไลน์ และ ไทยพีบีเอส
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
สื่อรัฐบาลจีนอ้างเกมออนไลน์ 'คิงออฟกลอรี' มีเนื้อหา 'บิดเบือนประวัติศาสตร์' Posted: 11 Jul 2017 04:02 AM PDT ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นประเทศที่ปิดกั้นทางอินเทอร์เน็ตอย่างมาก แต่เกมออนไลน์ในจีนก็จัดเป็นหนึ่งในธุรกิจไอทีที่ใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็วมีผู้เล่นอยู่มากถึง 2 ใน 3 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนทั้งหมด 457 ล้านคน แต่เมื่อไม่นานมานี้จีนเริ่มสยายกงเล็บเข้าไปพยายามควบคุมเกมออนไลน์สัญชาติตัวเองอีกครั้ง โดยอ้างเรื่องเด็กติดเกม และอ้างเรื่องการทำให้เนื้อหาประวัติศาสตร์ "เสื่อมเสีย" เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2560 บริษัทเทนเซนต์ (Tencent) ซึ่งเป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ในจีนเจ้าของเกมออนไลน์หลายเกมในจีนรวมถึงเกมดังอย่าง "คิงส์ออฟกลอรี" (King of Glory) ออกนโยบายใหม่จำกัดเวลาตามอายุผู้เล่นเพื่อรับกับการที่รัฐบาลจีนแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเด็กติดเกม เทนเซนต์ออกนโยบายใหม่กำหนดให้ผู้เล่นอายุต่ำกว่า 12 ปี เล่นได้เพียงไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน เยาวชนที่อายุมากกว่านี้เล่นได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงเพิ่มระบบควบคุมโดยผู้ปกครองและทำให้ระบบการยืนยันตัวตนเข้มงวดขึ้นด้วย บริษัทเกมตอบรับความกังวลของรัฐบาลโดยยอมทำให้พวกเขาเสี่ยงขาดทุน โดยที่ในจีนมีจำนวนผู้ลงทะเบียนเล่นเกมออนไลน์มากกว่า 200 ล้านบัญชี มีอยู่ร้อยละ 20 ที่เป็นเยาวขนอายุต่ำกว่า 17 ปี แต่การพยายามควบคุมเกมโดยรัฐบาลจีนก็ไม่เพียงแค่เรื่องการจำกัดเวลา อ้างว่ากลัวเด็กติดเกมเท่านั้น พวกเขายังพยายามเข้าไปยุ่งกับเนื้อหาของเกมด้วย รัฐบาลจีนแสดงความกังวลว่าเนื้อเรื่องของเกมจะมีการ "ทำให้ประวัติศาสตร์จีนเสื่อมเสีย" จากมุมมองของรัฐบาล พีเพิลเดลี หนังสือพิมพ์ของรัฐบาลจีนนำเสนอบทบรรณาธิการเรียกร้องให้มีการควบคุมเนื้อหาเกมมากขึ้นโดยอ้างว่าเกมออนไลน์กำลังตัดขาดจาก "วัฒนธรรมจีน" เนื้อความของบท บก. พีเพิลเดลี ระบุแสดงความไม่พอใจที่เกมออนไลน์บรรยายประวัติศาสตร์ในลักษณะ "ขี้เล่น" หรือ "ล้อเลียน" โดยอ้างว่าการทำเช่นนี้เป็นการ "ละทิ้งประวัติศาสตร์ตามธรรมเนียมประเพณี" อย่างไรก็ตามสื่อโกลบอลวอยซ์วิลเลจระบุว่า เรื่องที่ประเทศจีนขาดการให้ความหมายทางประวัติศาสตร์ร่วมกันกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มาตั้งแต่ปี 2555 โดยที่ทางพรรคคอมมิวนืสต์จีนผูกขาดการตีความประวัติศาสตร์เอาไว้ที่ตัวเองคนเดียวใครที่ตีความประวัติศาสตร์เบี่ยงเบนออกไปจากของพรรคจะถูกกล่าวหาว่า "บิดเบือน" หรือ "ทำให้ประวัติศาสตร์เสื่อมเสีย" บล็อกเกอร์ชื่อ เจียจื้อเฉียน เขียนถึงเรื่องนี้ว่าเทนเซนต์อาจจะกำลังพยายามออกจากแนวทางเน้นทำกำไรสูงสุดแล้วพยายามเป็นกิจการเพื่อสังคมมากขึ้น แต่ทว่าในประเทศจีนที่ผู้คนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีแล้วสิ่งใดกันที่จะสะท้อนสังคมในแบบที่ผู้คนต้องการได้ นอกจากพีเพิลเดลีแล้วยังมีสื่อของพรรคอมมิวนิสต์จีนอื่นๆ ที่วิจารณ์บริษัทเทนเซนต์มาตั้งแต่ต้นปี 2560 สำหรับกรณีของพีเพิลเดลี พวกเขากล่าวหาว่าคิงออฟกลอรีบั่นทอนประวัติศาสตร์จีนจากการนำตัวละครในประวัติศาสตร์มาตีความใหม่ เช่น การทำให้จิงเคอมือลอบสังหารจิ๋นซีฮ่องเตเป็นหญิงสาวที่ดูยั่วยวนและได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่น เกมคิงออฟกลอรี เป็นเกมแนววางแผนการต่อสู้ด้วยการควบคุมตัวละคร "ฮีโร่" หรือผู้เล่นแต่ละฝ่ายเข้าต่อสู้แบบที่เรียกว่า "โมบา" (Multiplayer Online Battle Arena) แบบเดียวกับเกมลีคออฟเลเจนด์และแผนที่ "ดีเฟนส์ออฟดิแอนเชียนส์" ที่ผู้คนรู้จักในชื่อ "โดตา" (DOTA) ของเกมวอร์คราฟ 3 เกมแนวนี้มักจะไม่เน้นเนื้อเรื่องมากแต่จะเน้นการแข่งขันระหว่างทีม โดยผู้เล่นแต่ละคนมักจะเลือกใช้ "ฮีโร่" ในความหมายของตัวละครนำที่พวกเขาชื่นชอบความสามารถและเลือกเพราะเหมาะกับวิธีการ่เล่นของพวกเขามากกว่าจะเลือกเพราะเนื้อหาตัวละคร แต่ก็ไม่แน่ใจว่าสื่อรัฐบาลจีนจะมีความเข้าใจเกมแนวนี้มากขนาดไหน จากที่พีเพิลเดลียังเรียกร้องให้มีหน่วยงานกำกับดูแลเกมออนไลน์เพื่อให้เป็นไป "ในแง่บวก" มากขึ้น หลังจากที่หลายปีที่แล้วมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมไม่ให้มีการติดเกมออนไลน์แต่พีเพิลเดลีอ้างว่าไม่มีการบังคับใช้จริงจัง อย่างไรก็ตามชาวเน็ตจีนในเว็บไซต์โซเชียลมีเดียจีน Weibo ก็แสดงความคิดเห็นไว้ว่า "อย่างพีเพิลเดลีไม่มีหน้าที่จะมาพูดถึงเรื่องการฉกฉวยและบิดเบื่อนปะวัติศาสตร์หรอก" บ้างก็แสดงความคิดเห็นในเชิงประชดประชัน การออกนโยบายใหม่ตามใจรัฐบาลจีนของเทนเซนต์ทำให้พวกเขาราคาหุ้นตกลงร้อยละ 4 สูญเสียไปราว 10,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 43,000 ล้านบาท จากเดิมที่คิงออฟกลอรีเคยเป็นเกมที่ทำายได้สูงสุดในจีนนับตั้งแต่ออกสู่ตลาดในปี 2558 แม้ว่าหลังจากนั้นราคาหุ้นของเทนเซนต์จะค่อยๆ สูงขึ้นอย่างช้าๆ อีกครั้งแต่ราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวกับเกมอื่นๆ ก็ร่วงลงหลังจากมีการพยายามออกมาตรการควบคุมเกมตามใจรัฐบาลจีน หลังจากเทนเซนต์ออกมาตรการควบคุมบัญชีผู้ใช้ใหม่ก็มีผู้เล่น 340,000 คน ถูกจำกัดไม่ให้เข้าเกมได้ในชั่วโมงที่ผู้คนเข้าไปเล่นเกมจำนวนมาก จนถึงตอนนี้มีอยู่ 450,000 บัญชีที่ลงทะเบียนด้วยระบบให้มีผู้ปกครองควบคุม อย่างไรก็ตามมาตรการเช่นนี้เองก็อาจจะไม่สามารถสกัดกั้นเยาวชนได้เสมอไปเพราะกฎเช่นกลับทำให้เกิดช่องทางให้คนขายบัญชีผู้เล่นแบบผู้ใหญ่ให้กับเยาวชนใช้เช้าสู่เกมได้
เรียบเรียงจาก In China's Ideological Battle, 'King of Glory' Game is a Top Target, Global Voices, 06-07-2017 https://globalvoices.org/2017/07/06/in-chinas-ideological-battle-king-of-glory-game-is-a-top-target/ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Online_gaming_in_China https://en.wikipedia.org/wiki/King_of_Glory https://en.wikipedia.org/wiki/Multiplayer_online_battle_arena ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
สิ้น 'แวหามะ แวกือจิก' ผอ.สถานีวิทยุมีเดียสลาตัน Posted: 11 Jul 2017 03:49 AM PDT แวหามะ แวกือจิก หรือ แบมะ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุมีเดี แวหะมะ แวกือจิก ผู้อำนวยการมีเดียสลาตัน (แฟ้มภาพ) 11 ก.ค.2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า แวหามะ แวกือจิก หรือ แบมะ วัย 53 ปี ผู้อำนวยการสถานีวิทยุมีเดี โดยจะมีการละหมาดญานะซะห์ เวลา 15.00 น. (บ่ายสามโมง ) ที่มัสยิดนูรูลเอนซาน (มัสยิดปะกาฮะรัง หมู่ที่ 1 ก่อนขึ้นสะพานสูง) และจะฝังมายัตที่กูโบร์โต๊ะ สำหรับมีเดียสลาตันเป็นสื่อ โดยประชาไทได้เคยสัมภาษณ์เข ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
สุรพศ ทวีศักดิ์: ปัญหาความมีเหตุผลแบบพุทธไทย Posted: 11 Jul 2017 01:03 AM PDT เมื่อมีผู้ถามว่า พระเล่นเฟซบุ๊ก เช่นไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ แล้วถ่ายภาพลงในเฟซบุ๊ก (เป็นต้น) ถือว่าเหมาะสมหรือไม่? อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ตอบว่า
ที่มา: http://www.dhammahome.com/audio/topic/10607 แน่นอนว่าคำตอบของอาจารย์สุจินต์ตอบบนหลักการของธรรมวินัยชัดเจน และสามารถอ้างหลักธรรมและวินัยมากมายในพระไตรปิฎกมาสนับสนุนความถูกต้องของคำตอบนี้ แต่สำหรับบางคนอาจเห็นว่า คำตอบเช่นนี้เป็นคำตอบที่ยึดภาพพจน์ของพระภิกษุตามคัมภีร์มากไป ไม่เปิดกว้างต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน สำหรับผู้อ่านที่อาจไม่คุ้นชื่ออาจารย์สุจินต์ ผมขอคัดข้อความที่กล่าวถึงอาจารย์ในประวัติของท่านมาให้อ่านดังนี้ " อาจารย์สุจินต์ได้บรรยายพระอภิธรรมและวิปัสสนากรรมฐาน ให้เป็นที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับคนสมัยปัจจุบัน และสามารถนำมาปฏิบัติเป็นปกติในชีวิตประจำวันตามความเป็นจริงของแต่ละคน ทั้งชีวิตแบบบรรพชิตและคฤหัสถ์ โดยไม่ต้องกระทำสิ่งใดให้ผิดปกติขึ้นมา และไม่ต้องปลีกตัวหลีกหนีจากหน้าที่การงานและสังคม อีกทั้งท่วงทำนองและน้ำเสียงการบรรยายที่ชัดเจน กังวาน และมีเหตุผลสืบเนื่องต่อกันตามลำดับ ชวนแก่การสนใจและติดตาม อนึ่ง ประการที่สำคัญที่สุดคือ การบรรยายธรรมของอาจารย์สุจินต์เป็นการบรรยายโดยยึดถือตามหลักธรรมของพระไตรปิฎก และอรรถกถาอย่างเคร่งครัด อันส่งผลให้พระและคฤหัสถ์จำนวนมากมีความเข้าใจในพระอภิธรรมและวิปัสสนากรรมฐานอย่างถูกต้องตามพระไตรปิฎกและอรรถกถา " อ่านข้อความนี้แล้ว ทำให้ผมนึกถึงที่อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์เคยเขียน (ประมาณ) ว่า พระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ) คือผู้ริเริ่มการศึกษาอภิธรรมขึ้นในวงการพุทธศาสนาไทย ความสำคัญคือการศึกษาอภิธรรมเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับ "อำนาจนิยามความจริง" ทางพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ที่ท้าทายจารีตอำนาจนิยามความจริงแบบพระที่สืบทอดมาจากยุคปฏิรูปธรรมยุติกนิกาย เพราะการเปิดการศึกษาอธิธรรมส่งผลให้มีฆราวาสจำนวนมากได้เรียนอภิธรรมอย่างแตกฉาน ขณะเดียวกัน "ผู้หญิง" ก็มีโอกาสเรียนและกลายเป็นอาจารย์สอนอภิธรรมที่ได้รับการยอมรับนับถือกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจารย์สุจินต์คือหนึ่งในอาจารย์สอนอภิธรรมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งต้องถือว่าเป็นสตรีที่มีบทบาทเป็นผู้นำทางปัญญาในพุทธศาสนาที่หาได้ยาก คำบรรยายที่พูดถึงอาจารย์สุจินต์ตามที่ผมยกมาบอกให้เราทราบว่า บทบาทผู้นำทางปัญญาของอาจารย์สุจินต์เกิดจากการศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาอย่างแตกฉาน แล้วนำหลักคำสอนในพระไตรปิฎกมาสู่การปฏิบัติวิปัสสนา พูดง่ายๆ คือนำคำสอนในพระไตรปิฎกแปรมาสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และการปฏิบัติอะไรในทางเจริญสติ เจริญปัญญา ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตที่ดีในฐานะฆราวาสหรือนักบวชต้องสามารถนำไปตรวจสอบความถูกต้องได้ตามหลักคำสอนในพระไตรปิฎก สำหรับคนที่ไม่ชอบอภิธรรมหรือมีมุมมองต่อพระไตรปิฎกอย่างวิพากษ์แบบท่านพุทธทาสที่เสนอว่า จะฉีกเนื้อหาพระไตรปิฎกส่วนที่ไม่จำเป็นต่อการทำความเข้าใจทุกข์และความดับทุกข์ทิ้งสัก 30-60 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ อาจไม่ชอบวิธียืนยันความถูกต้องของพระไตรปิฎกแบบอาจารย์สุจินต์ แต่อย่างไรก็ตาม การนำเสนอเนื้อหาพระไตรปิฎกแบบอาจารย์สุจินต์ก็มีลักษณะเชิงวิพากษ์อยู่ด้วย และมี "ศรัทธา" หรืออารมณ์ความรู้สึกที่เห็นคุณค่าในมิติด้านจิตวิญญาณของพุทธศาสนาอย่างชัดเจน ที่สำคัญมากคือ อาจารย์สุจินต์อ้างคำสอนพุทธะ หรือธรรมวินัยในพระไตรปิฎกได้อย่าง make sense หรือมีความหมาย และมีความเป็นเหตุเป็นผลมากกว่าพระไทยโดยทั่วไป เวลาเราพูดถึง "ความเป็นเหตุเป็นผล" หรือ rationality ในกรอบของความเป็นสมัยใหม่ (modernity) เราหมายถึง ความเป็นเหตุเป็นผลที่เชื่อมโยงกับความเป็นวิทยาศาสตร์ และการมีเสรีภาพในการถกเถียงโต้แย้ง หรือหักล้างได้ แต่นักคิดบางคนก็มองว่าความเป็นเหตุเป็นผลอาจไม่ได้อิงอยู่กับความเป็นวิทยาศาสตร์อย่างเดียว แต่มันมีความเป็นเหตุเป็นผลในชุดความเชื่ออื่นๆ ที่นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์ก็ได้ เช่นความเป็นเหตุเป็นผลของชุดความเชื่อทางศาสนาที่เรียกว่า "ธรรมวินัย" ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเป็นวิทยาศาสตร์อย่างจำเป็น แต่ปัญหาคือ เมื่อเกิดการปฏิรูปธรรมยุติกนิกายช่วงที่สยามกำลังปรับตัวเผชิญกับอิทธิพลความเป็นสมัยใหม่แบบตะวันตกนั้น ได้มีการทำให้พุทธศาสนามีความเป็นเหตุเป็นผลแบบสมัยใหม่ 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนแรกตีความคำสอนในพระไตรปิฎกว่ามีเหตุผลสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ส่วนที่สองสร้างระบบปกครองสงฆ์แบบระบบราชการสมัยใหม่ ที่กำหนดให้พระมีตำแหน่งและอำนาจทางกฎหมาย แต่ความเป็นเหตุเป็นผลที่สร้างขึ้นใหม่นี้ไม่ได้เกี่ยวใดๆ กับความคิดเรื่อง "เสรีภาพ" กล่าวคือ รัฐไม่ได้ให้หลักประกันเสรีภาพทางความคิดเห็นและเสรีภาพทางการเมืองในการใช้เหตุผลวิพากษ์วิจารณ์ โต้แย้งได้แบบที่เกิดขึ้นในสังคมตะวันตก แปลว่า ความเป็นเหตุเป็นผลแบบสมัยใหม่ของพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นผ่านขบวนการปฏิรูปธรรมยุติกนิกาย ก็เป็นเพียง "ความเป็นเหตุเป็นผลแบบสมัยใหม่อย่างไทยๆ" ที่ไปไม่ถึงการสร้างหลักประกันเสรีภาพ จึงทำให้ "เหตุผล" ไม่สามารถทำงานได้จริงหรือได้เต็มที่มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ผลก็คืออำนาจทางกฎหมายในระบบปกครองสงฆ์ ได้กลายเป็นอำนาจที่ควบคุมและลดทอนเสรีภาพทางศาสนา และเป็นอำนาจที่ไม่ได้อิงอยู่กับ "ความชอบธรรม" ตามหลักธรรมวินัยในพระไตรปิฎก แม้จะอ้างว่าเป็นอำนาจที่ทำหน้าที่รักษาความถูกต้องของธรรมวินัยในพระไตรปิฎก แต่เมื่อไม่อิงความชอบธรรมตามหลักธรรมวินัยในพระไตรปิฎก ก็ไม่ใช่อำนาจของสังฆะตามพุทธบัญญัติ หรือตามที่ "ออกแบบ" ไว้ในพระไตรปิฎก เมื่อเป็นเช่นนี้ การอ้างธรรมวินัยในพระไตรปิฎกภายใต้ระบบปกครองสงฆ์ที่ไม่อิงความชอบธรรมตามธรรมวินัยในพระไตรปิฎก จึงไม่ต่างอะไรกับอำนาจที่ไม่ได้มาจากความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยอ้างหลักการประชาธิปไตย คือไม่ make sense หรือไม่มีความหมายตามหลักการที่อ้างได้จริง และไม่มีความเป็นเหตุเป็นผล ยกตัวอย่างเช่น มหาเถรสมาคมอ้างว่า คณะสงฆ์ไทยที่ถือเคร่งตามหลักธรรมวินัยในพระไตรปิฎกทำการบวชภิกษุณีไม่ได้ เพราะไม่เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎกที่คณะสงฆ์ไทยยึดถือ พออ้างแบบนี้ก็ย่อมเกิดคำถามตามมาทันทีว่า แล้วที่คณะสงฆ์ไทยมียศศักดิ์ มีตำแหน่ง อำนาจทางกฎหมาย มีรายได้รายเดือนจากรัฐ (เงินนิตยภัตจากภาษีประชาชน) มีรถเบนซ์ส่วนตัว มีบัญชีเงินฝากส่วนตัว ฯลฯ เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎกอย่างไรหรือ นี่คือตัวอย่างของการอ้างธรรมวินัยอย่างไม่ make sense หรือไม่มีความหมายตามหลักการที่อ้างได้จริงและไม่มีความเป็นเหตุเป็นผล เพราะสิ่งที่อ้างกับสถานะตามเป็นจริงของผู้อ้างขัดกันในระดับรากฐาน ต่างจากการอ้างธรรมวินัยแบบอาจารย์สุจินต์ที่ make sense หรือมีความหมายและเป็นเหตุเป็นผล เนื่องจากอาจารย์สุจินต์อยู่ในสถานะที่สามารถ "ซื่อตรง" ต่อหลักการของธรรมวินัยได้จริง เพราะอาจารย์อยู่นอกระบบปกครองสงฆ์ ซึ่งแปลว่าอาจารย์ไม่ได้ถูกระบบกำหนดให้มีสถานะ ตำแหน่ง อำนาจที่ขัดหลักการพื้นฐานของธรรมวินัย จึงอ้างธรรมวินัยบนจุดยืน หรือบนหลักการของธรรมวินัยได้อย่างไม่ขัดแย้งในตัวเอง หรือไม่ขัดขาตัวเอง ฉะนั้น การอ้างธรรมวินัยจาก "คนนอกระบบ" แบบอาจารย์สุจินต์ จึงเผยให้เห็นปัญหาความไม่ make sense หรือความไร้ความหมาย ความไม่เป็นเหตุเป็นผลของประเพณีหรืออำนาจในการอ้างธรรมวินัยของ "คนในระบบ" ของพุทธศาสนาไทยได้อย่างชัดเจนล่อนจ้อน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
อดีต ส.ส.ปชป. ถาม 'ประยุทธ์' เข้าใจบรรษัทภิบาลไหม ตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจมีแต่ทหารเพียบ Posted: 11 Jul 2017 12:29 AM PDT รัชดา อดีต ส.ส.ปชป. ถาม 'ประยุทธ์' เข้าใจบรรษัทภิบาลดีแค่ไหน ตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เหน็บว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง มีแต่ทหารเข้ามานั่งเพียบ บางแห่งมี 4-6 คน ขณะที่ 3 ปียุค คสช. ทหารนั่ง ปธ.บอร์ดเพิ่มขึ้น 5 เท่า รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ค. 2560 ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ดูแลหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ซึ่งพบว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตั้งบรรดานายพลทหารเข้าไปเป็นบอร์ดกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทุกแห่งจำนวนมาก ว่า การตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจแบบนี้ต้องถามรัฐบาลว่า มีนโยบายจริงจังที่จะให้มีบรรษัทภิบาลมากน้อยแค่ไหนกัน (corporate governance) เพราะเห็นรายชื่อบอร์ด หรือกรรมการรัฐวิสาหกิจทุกแห่งแล้ว ตั้งคำถามว่ารัฐบาลนี้เข้าใจคำว่า บรรษัทภิบาลมากน้อยแค่ไหน อย่างไร คนจะขึ้นมาเป็นบอร์ดนั้นไม่ใช่มาเซ็นชื่อและรับเบี้ยประชุม หรือเป็นแค่ตรายางให้ฝ่ายบริหาร แต่มีหน้าที่สำคัญ คือ ต้องกำกับดูแลฝ่ายบริหารให้ดำเนินการไปสู่ผลประกอบการที่ดี รวมถึงกำหนดทิศทาง ตรวจสอบความโปร่งใสและการปฏิบัติตามกฎระเบียบของฝ่ายบริหาร ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรด้วย "เมื่อเข้าไปดูรายชื่อแล้วจะพบว่า จิ้มไปตรงไหนก็เจอทหารนั่งเป็นบอร์ดอย่างน้อยรัฐวิสาหกิจละสองคน บางแห่งมีสี่ถึงหกคน เช่น บริษัทการบินไทย (มหาชน) บริษัทท่าอากาศยานไทย (มหาชน) และองค์กรการไฟฟ้าต่างๆ ไม่ใช่ว่าทหารไม่เก่งหรือทหารไม่ดี แต่ต้องยอมรับว่าไม่มีใครเก่งทุกเรื่องรู้ทุกเรื่อง ดังนั้น คนเป็นบอร์ดต้องมีประสบการณ์และความเข้าใจในธุรกิจขอองค์กรนั้นๆ การอยู่รอดทางธุรกิจต้องแข่งกันที่วิสัยทัศน์ ข้อมูล และความรอบคอบ คนไม่เคยทำธุรกิจเลยจะมากำกับดูแลองค์กรขนาดใหญ่ มีมูลค่าเป็นพันเป็นหมื่นล้านไหวหรือ แต่นี่ก็แต่งตั้งกันมา แปลว่า ไม่ได้ตระหนักถึงหน้าที่อันสำคัญของกรรมการบริษัท หรือคิดแต่เพียงอยากสนับสนุนพรรคพวกตนเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว มันจะต่างกับที่ได้กล่าวหานักการเมืองว่า แทรกแซงรัฐวิสาหกิจเอาแต่คนใกล้ตัวอย่างไร ทั้งที่จริงมีผู้มีประสบการณ์และคุณสมบัติตรงและผ่านการอบรมด้านนี้โดยตรงพร้อมให้รัฐบาลสรรหาไปทำหน้าที่กรรมการบริษัท มองคนเก่งที่เขาไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบบ้าง รัฐวิสาหกิจจะได้ทีคนเหมาะสมมาดูแลองค์กรให้เป็นแหล่งรายได้ให้รัฐบาลจริงๆ เสียที และขอฝากบอร์ดการท่าอากาศยานชุดนี้ด้วย ดูท่าทีจะเพิกเฉยต่อข้อค้นพบของ สปท.ที่พบว่า มีการทุจริตทำให้รัฐเสียประโยชน์หมื่นกว่าล้าน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้คือหน้าที่โดยตรง" รัชดา กล่าว ![]() 3 ปียุค คสช. ทหารนั่ง ปธ.บอร์ดเพิ่มขึ้น 5 เท่า ประยุทธ์แจงเข้าไปสังเกตการณ์โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บีบีซีไทย ได้เปิดเผยข้อมูลเนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีการรัฐประหารของ คสช. ท่ามกลางกระแสการปฏิรูป หนึ่งในองค์กรที่มีการปฏิรูปคือ รัฐวิสาหกิจ แต่ปรากฏว่า 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนทหารนั่งเป็นประธานในคณะกรรมการ (บอร์ด) รัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น 5 เท่า เป็น 16 แห่ง ส่วน จำนวนทหารและอดีตทหารเข้าเป็นกรรมการในบอร์ดเพิ่มขึ้นเกือบ 100% ใน 40 รัฐวิสาหกิจ ขณะที่ต่อมา 6 มิ.ย.60 พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบว่า ช่วงที่ผ่านมา ก็มีปัญหาภายในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ก็ได้มีการจัดให้ทหารเข้าไปนั่งสังเกตการณ์ ไม่ใช่ไปนั่งยกมือแสดงความคิดเห็น หลายเรื่องรัฐบาลก็ได้แก้ไขปัญหาไปแล้วโดยได้รับข้อมูลเป็นสัดส่วนของกรรมการในบอร์ดตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นการเอาทหารเข้าไปนั่งในบอร์ดจำนวนมาก แล้วตัดส่วนอื่นออกและเป็นบอร์ดกรรมการทั่วไปไม่ได้เป็นบอร์ดกรรมการเฉพาะทาง สำหรับรายละเอียดของรายงานดังกล่าวของ บีบีซีไทย ระบุว่า จากการตรวจสอบรายชื่อบอร์ดรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง จากชุดก่อนหน้าที่ คสช. จะเข้ามา ผ่านรายงานประจำปี ปี 2556 ของทุกรัฐวิสาหกิจ กับชุดปัจจุบัน ผ่านรายงานประจำปี 2559 หรือเว็บไซต์ของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ พบว่ารายชื่อทหารที่เข้ามานั่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ มีจำนวน "เพิ่มขึ้น" จาก 42 คน ใน 24 แห่ง เป็น 80 คน ใน 40 แห่ง หรือเกือบหนึ่งเท่าตัว และจำนวนรัฐวิสาหกิจที่มี "ประธานบอร์ด" เป็นทหาร ไม่ว่าจะยังรับราชการอยู่หรือเกษียณอายุราชการแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 3 แห่ง เป็น 16 แห่ง หรือมากกว่า 5 เท่าตัว นอกจากนี้ ทหารบางคนนั่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจมากกว่า 1 แห่ง" บางคนเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ควบคู่กันไปด้วย ทำให้เกิดข้อสงสัยเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจากต้องทำงานหลายแห่งในเวลาเดียวกัน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
แพทย์ชนบทจับตาแก้ ก.ม.บัตรทอง 3 ประเด็น ‘ร่วมจ่าย-แยกเงินเดือน-จัดซื้อยา’ Posted: 10 Jul 2017 11:54 PM PDT ประธานแพทย์ชนบท เผย 3 ประเด็นสำคัญในการแก้ไขกฎหมายบั ![]() 11 ก.ค. 2560 รายงานข่าวแจ้งว่า นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ก่อนจะมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้ นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ประเทศไทยจัดระบบบริ นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งหมดจึงนำมาซึ่งความคิ "ถ้ามันตกอยู่ในมื นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีความพยายามพลิกฟื้นผีดิ นอกจากนี้ ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่ "ต้องขอบคุณภาพประชาชนที่เข้ ทั้งนี้ เพจชมรมแพทย์ชนบท กำลังติดตามการกันงบค่าเสื่อม 30% ไว้ที่ส่วนกลาง โดยทำหนังสือเปิดผนึกถึง นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันจันทร์ที่ 10 ก.ค.ความว่า "ตามที่ท่านได้ แจ้งในบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2560 ท่านขอให้บอร์ด สปสช.แก้ไขประกาศ เกณฑ์การจัดสรร งบค่าเสื่อมให้กับโรงพยาบาลต่ จากเดิมงบนี้จะต้องกระจายลงไปสู่ แต่ท่านกลับทำหนังสือถึงเลขา สปสช.ให้เสนอบอร์ดเพื่อแก้ ยังไม่ทันไร ก็เห็นแล้วว่าท่านคิดอะไร การรวบอำนาจมีจริง การแก้ กฏหมายบัตรทอง ส่อเค้าลางแห่งความไม่เป็ ท่านเคยเอาเรื่องนี้ไปเสนอใน กรรมการ 7*7 หรือไม่ ทั้งๆที่ท่านนั่งหัวโต๊ะ ท่านเคยเอาเรื่องนี้ไปเสนอในอนุ ไม่น่าเชื่อว่ากรรมการ 7*7 ที่ให้เป็นเวทีเพื่อเสนอความเห็ เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า จึงขอเรียกร้องให้ท่านปลัดโสภณ ถอนเรื่องนี้กลับไปโดยเร็ว และหากยืนยันตามความคิดของท่าน พวกเราชมรมแพทย์ชนบท โรงพยาบาลชุมชน จะขอคัดค้านอย่างถึงที่สุด งบลงทุนในกระทรวงสาธารณสุข ที่กระจายไม่เป็นธรรม ไม่เหมาะสม ในมือปลัดกระทรวงสาธารณสุข กว่า 10,000 ล้าน ยังไม่พออีกหรือ ท่านกำลังจะรีดเลือดปู ท่านกำลังดูดไอติม จนเหลือแต่ ไม้ไอติม หากเป็นอย่างนี้แล้ว งบจะยังคงไปถึงโรงพยาบาลอีกหรื
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท. To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, CA 94043, United States |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น