ประชาไท | Prachatai3.info |
- สิงห์ดำยุคหน้า ก้าวแรกสู่คณะรัฐศาสตร์ ก้าวต่อไปสู่อะไรดี?
- ตำรวจห้ามเครือข่ายประชาชนฯ ชุมนุมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
- หมายเหตุประเพทไทย #167 เพศวิถียุคก่อนสมัยใหม่
- 'โฆษกกลาโหม' คาดทหารแค่ไปขอความร่วมมือ ไม่ใช่ขู่ 'เลขาฯ การศึกษาเพื่อความเป็นไท'
- แถลงผลกระทบ 3 ปี (หลังรัฐประหาร) ของประชาชนเหนือจรดใต้
- ใส่หน้ากาก 'ไผ่ ดาวดิน' อ่านคำประกาศอีสานใหม่
- อดีต สปท. ชี้ 2 ปี สปท.คาดหวังไม่ได้ เพราะโครงสรัางเป็นราชการ
- TCIJ: สำรวจ 'เกษตรแปลงใหญ่' ภายใต้วิกฤตพืชผลราคาตก
- สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญร้อง ป.ป.ช. ร้องตรวจสอบผู้ว่า กทม.
- กวีประชาไท: กอดเพื่อนร่วมโลกในความเงียบ
สิงห์ดำยุคหน้า ก้าวแรกสู่คณะรัฐศาสตร์ ก้าวต่อไปสู่อะไรดี? Posted: 23 Jul 2017 08:12 AM PDT
แต่ในบทความนี้ ข้าพเจ้ามุ่งนำเสนอถึงการขยายคำอธิบายเกี่ยวกับประเด็นในบทความทั้งสามอย่างรวบยอด และจะเขียนอย่างเรียบง่าย โดยขอเสนอเป็น 3 ประเด็น 1.อุดมการณ์ทางการเมือง และวิธีการแก้ปัญหาต่างทรรศนะ 2.การเมืองภาคประชาชนในฐานะนิสิตคณะรัฐศาสตร์ เรื่องของอุดมคติ และความเป็นจริง 3.บทสรุป รวมถึงเจตนาในการเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ
1.อุดมการณ์ทางการเมือง และวิธีการแก้ปัญหาต่างทรรศนะจากกระแสสังคมที่มีต่อเหล่าบทความดังกล่าว ทำให้เกิดการกเถียงและความคิดเห็นต่อจุดยืนอุดมการณ์ทางการเมืองของนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โดยเฉพาะเมื่อเรามีประโยคยอดนิยมซึ่งข้าพเจ้าขอยกมา 2 ประโยค ว่า 1."ก้าวแรกสู่คณะรัฐศาสตร์ ก้าวต่อไป สู่การเสียสละเพื่อส่วนรวม" 2."Black is Devotion" ซึ่งเป็นประโยคที่อาจพบได้ทั่วไปตามด้านหลังเสื้อยืดสิงห์ดำ ซึ่งข้าพเจ้าก็เชื่อว่าข้อความนี้ยังคงเป็นจริงอยู่ โดยหากพิจาณาถึงการเลือกเชื่ออุดมการณ์ทางการเมืองและการแสดงออกเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมแล้ว ก่อนอื่น ข้าพเจ้าจะต้องขออธิบายถึง 2 อุดมการณ์ดังกล่าวให้เห็นภาพมากขึ้น มีแนวคิดหลักในคณะ (ในที่นี้ขอยกมา 2 แนวคิด ต้องขออภัยหากในที่นี้ไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดอนุรักษ์นิยมเท่าใดนัก) คือ | |
ตำรวจห้ามเครือข่ายประชาชนฯ ชุมนุมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ Posted: 23 Jul 2017 07:05 AM PDT สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ แจ้งเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ห้ามชุมนุมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุขัด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ให้ตัวแทนยื่นหนังสือแทน แต่ผู้จัดยังยืนยันจัดการชุมนุม 23 ก.ค. 2560 หลังจากที่เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แจ้งข่าวว่าตามที่ปรากฎความขัดแย้งกรณีการทำรายงานอีไอเอ หลายพื้นที่ เช่น กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ กรณีท่าเรือน้ำลึกปากบารา เป็นต้น เนื่องจากกระบวนการจัดทำอีไอเอ ไม่ดำเนินการไปด้วยความถูกต้อง จนก่อให้เกิดความขัดแย้งหลายกรณี เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มีกำหนดจะไปเจรจากับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับการแก้ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในหลายพื้นที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ มีการจัดเวทีวิเคราะห์และรับฟังความเห็นของประชาชน ในภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรวบรวมข้อบกพร่อง ข้อเสนอแนะ สำหรับการแก้กฎหมายอีไอเอ โดยได้จัดทำเอกสารดังกล่าวเพื่อนำเสนอต่อกระทรวงทรัพย์ฯ ในวาระนี้ด้วย และวันที่ 24 ก.ค. 2560 เวลา 9.30 น. จะมีการแถลงการณ์และแสดงสัญลักษณ์ กรณีการแก้ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่ของประกาศกระทรวงว่าด้วยการจัดทำรายงานอีไอเอ หลังจากนั้นจะมีการเจรจากับกระทรวงทรัพย์ฯ หากกระทรวงไม่เจรจาจะปักหลักที่หน้ากระทรวงต่อไป หากมีการเจรจาเครือข่ายจะแถลงการณ์ อีกครั้งหนึ่งหลังจากเสร็จการเจรจาเวลาประมาณ 12.30 น. จากนั้นสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้ทำหนังสือถึงตัวแทนเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ระบุว่าตามหนังสือที่อ้างถึง ได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .. ที่อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ความละเอียดตามที่แจ้งแล้วนั้น ผู้รับแจ้งจึงได้สรุปสาระสาคัญตามมาตรา 11 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ดังนี้ ด้วยได้รับแจ้งจากตัวแทนเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า ในวันที่ 24 ก.ค. 2560 เวลา 08.00-16.00 น. เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จะจัดการชุมนุมสาธารณะภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ด้านนอกอาคาร) และบริเวณฟุตบาทหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ โดยจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 100 คน และมีการใช้เครื่องขยายเสียง ขนาดกำลังไฟฟ้า 100 วัตต์ จำนวน 1 ตัว ลำโพงขนาด 25 วัตต์ จำนวน 3 ตัว พร้อมป้ายผ้ารณรงค์, ป้ายไวนิลรณรงค์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .. ที่อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ทั้งนี้ ผู้รับแจ้งพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 8 บัญญัติว่า "การชุมนุมสาธารณะต้องไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ดังต่อไปนี้ (1) สถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น การชุมนุมสาธารณะบริเวณภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และบริเวณฟุตบาทหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่ทำการหน่วยงานของรัฐ แม้จะอยู่ภายนอกอาคาร แต่มีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากและมีการใช้เครื่องขยายเสียงพร้อมป้ายผ้ารณรงค์, ป้ายไวนิลรณรงค์ ที่ใช้ประกอบในการชุมนุม อาจเป็นการกีดขวางทางเข้าออก มีการล่วงล้ำไปบนพื้นผิวการจราจร หรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ หรือก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้สถานที่ดังกล่าว อีกทั้งเครื่องขยายเสียงจะส่งเสียงดังรบกวนการปฏิบัติงานสถานที่ทางานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานราชการที่อยู่ใกล้เคียง เช่น กรมสรรพากร กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะทำให้การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย และผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะถือเป็นผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุมมีหน้าที่ตามมาตรา 15 และมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เนื่องจากการชุมนุมสาธารณะดังกล่าว อาจเป็นการกีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการ ปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ หรือก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้สถานที่ดังกล่าว และอาจมีลักษณะเป็นการกีดขวางการจราจร ส่งเสียงดังรบกวนการปฏิบัติงานในสถานที่ทำงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานของรัฐที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งอาจขัดต่อมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เห็นควรให้ ท่านจัดตัวแทนเพื่อยื่นหนังสือ เรื่อง ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .. ที่อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ซึ่งเป็นสถานที่ที่สานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งขึ้นเพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ และเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาของประชาชน หรือหากท่านยืนยันจะมายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และในการดำเนินการดังกล่าว ให้กลุ่มผู้ร่วมชุมนุม นำรถไปจอดที่ลานจอดรถสถาบันการประชาสัมพันธ์ แล้วเดินเข้าไปรวมกันที่ห้องประชุม 101 ชั้น 1 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมจัดตัวแทนเพื่อยื่นหนังสือ และให้งดใช้เครื่องขยายเสียง , งดป้ายผ้ารณรงค์หรือป้ายไวนิลรณรงค์ , ห้ามรวมกลุ่มชุมนุมหรือทากิจกรรมกีดขวางทางเข้าออก ห้ามมีการล่วงล้ำไปบนพื้นผิวการจราจรหรือกีดขวางทางเท้า เนื่องจากจะทาให้เกิดผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สัญจรไปมา และจะเป็นการรบกวนการปฏิบัติหน้าที่ หรือการให้บริการประชาชนของหน่วยงานของรัฐดังกล่าว รวมถึงเห็นควรงดการจัดกิจกรรมที่อาจขัดต่อคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เม.ย. 2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12 "ผู้ใดมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการชุมนุมที่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย" ตามที่สิ่งมาด้วยแล้ว อนึ่งการจัดการชุมนุมดังกล่าว จะเป็นการชุมนุมทางการเมือง หรือขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติหรือไม่ จะได้ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อพิจารณาแล้วแจ้งผลให้ทราบภายหลังต่อไป ทั้งนี้เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระบุว่าจะยังคงจัดการชุมนุมในวันที่ 24 ก.ค. 2560 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
หมายเหตุประเพทไทย #167 เพศวิถียุคก่อนสมัยใหม่ Posted: 23 Jul 2017 05:55 AM PDT หมายเหตุประเพทไทยสัปดาห์นี้ ชานันท์ ยอดหงษ์ และคำ ผกา เล่าเรื่องเพศวิถีและความหลากหลายทางเพศในยุคก่อนสมัยใหม่ กรณีของจีนที่มีความสัมพันธ์ของชายกับชาย แต่อย่างไรก็ตามยังคงสะท้อนความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายมีอำนาจเหนือกว่า หรือกรณีอินเดียที่มีกวีแบบ Rekhti ที่ผู้ประพันธ์เป็นชายแต่ใช้น้ำเสียงแบบผู้หญิงเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของหญิงกับหญิง รวมทั้งคนข้ามเพศหรือ "ฮิจรา" ในวัฒนธรรมเอเชียใต้ ซึ่งในปัจจุบันยังคงต่อสู้เพื่อสิทธิทางเพศของกลุ่มตน รวมทั้งอ้างสิทธิทางประวัติศาสตร์มาต่อสู้เพื่อไม่ให้ต้องตกเป็นกลุ่มชายขอบ ทั้งนี้แม้แนวคิดเรื่องเพศแบบอาณานิคมตะวันตกที่ยึดคุณค่าทวิลักษณ์ของเพศชาย-หญิง ได้ลดทอนความหลากหลายทางเพศวิถีเหล่านี้ แต่ในยุคสมัยใหม่ต่อมาก็เกิดสำนึกใหม่เรื่องสิทธิทางเพศและความหลากหลายทางเพศที่คำนึงถึงมิติด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ติดตามรายการหมายเหตุประเพทไทยย้อนหลังที่ https://www.facebook.com/maihetpraphetthai ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
'โฆษกกลาโหม' คาดทหารแค่ไปขอความร่วมมือ ไม่ใช่ขู่ 'เลขาฯ การศึกษาเพื่อความเป็นไท' Posted: 23 Jul 2017 03:02 AM PDT พล.ต.คงชีพ โฆษกกระทรวงกลาโหม แจงยังไม่รับทราบเรื่อง 'เลขาฯ กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท' ถูกทหารขู่ถึง ร.ร. แต่คาดว่าทหารคงจะเป็นการขอความร่วมมือถึงความเหมาะสมในการเขียนแถลงการณ์ถึงผู้บริหารประเทศ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ) 23 ก.ค. 2560 จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา สัณหณัฐ ศรัทธาพร เลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Sanhanutta Sartthaporn' ในลักษณะสาธารณะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบมาพบเขาที่โรงเรียน สอบถามถึง 'แถลงการณ์กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ฉบับที่ 02/60' กรณีการแทรกแซงของนายกฯ ต่อระบบการศึกษา โดย สัณหณัฐ เล่าด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ให้เขาดูข้อความที่ข่มขู่เขา พร้อมขู่อีกว่า "ถ้าน้องยังไม่หยุดวิจารณ์นายพี่ พี่จะส่งชื่อน้องให้โดนอะไรพี่ก็ไม่รู้นะ" (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) ล่าสุดวานนี้ (22 ก.ค.60) Voice TV รายงานว่า พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่ายังไม่รับทราบเรื่องดังกล่าว แต่เบื้องต้นคาดว่าทหารไม่น่าจะเข้าไปข่มขู่ แต่คงจะเป็นการขอความร่วมมือถึงความเหมาะสมในการเขียนแถลงการณ์ถึงผู้บริหารประเทศ ส่วนที่ระบุว่าเป็น พ.อ.บุรินทร์ ทองพระไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. นั้น เชื่อว่า ไม่น่าเป็นไปได้ แต่จะตรวจสอบเพิ่มเติม
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
แถลงผลกระทบ 3 ปี (หลังรัฐประหาร) ของประชาชนเหนือจรดใต้ Posted: 23 Jul 2017 02:49 AM PDT 22 ก.ค.2560 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการจัดเวทีเสวนา อีสานกลางกรุง ครั้งที่ 2 "แถลงผลกระทบ 3 ปี ของประชาชน" จัดโดยขบวนการอีสานใหม่ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ และสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล ในช่วงแรกเป็นการสะท้อนประเด็นปัญหาของตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ ที่ต่อสู้ในประเด็นสิทธิในที่ดิน สิทธิชุมชน แต่คัดค้านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในช่วงเวลา 3 ปีนับตั้งแต่รัฐประหาร 2557 สุรพล สงฆ์รักษ์ สหพันธ์เกษตกรภาคใต้ (สกต.)
"ทหารไปพร้อมกลุ่มผู้มีอิทธิพล รัฐร่วมมือใกล้ชิดกับทุนท้องถิ่นที่มีลักษณะเป็นอิทธิพลมืด จากนั้นอาทิตย์ถัดมาก็มีการเชิญตัวแทน สกต.ไปชี้แจงกับ กอ.รมน. มีทหารมาติดตามความเคลื่อนไหวของชาวบ้านอีกราว 10 ครั้ง เดือนตุลากคมทหารเข้ามาตั้งที่พักเพื่อเฝ้าดูตรวจสอบชุมชนอยู่ประมาณ 1 เดือนเต็ม"
"รัฐบาลไม่ได้สนับสนุนเรื่องนี้ ทั้งที่เราเรียกร้องเรื่องนี้มานานเพื่อเป็นกลไกในการแก้ปัญหาที่ดิน เพื่อให้ชาวบ้านซื้อที่ดินได้ในราคาที่เป็นธรรม"
"แนวคิดนี้เหมาะกับที่ที่เกษตรไม่ได้อาศัยอยู่ก่อน รัฐบาลและสปก.ต้องออกแรงไปขับไล่นายทุนเอาเอง ไม่ใช่ชาวบ้านเขาสู้มาแทบตายแล้วมาสั่งแบบนี้ สมาชิกสกต.ตายไปแล้ว 4 คน สู้มาขนาดนี้แล้ว สปก.จะเอาคืน นี่เท่ากับหลอกใช้ชาวบ้าน เอาเป็นหนังหน้าไฟ ถึงเวลาเจ้าหน้าที่รัฐเอาความดีความชอบ" สุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด จังหวัดเลย
"นโยบายส่วนกลางว่ายังไง ส่วนล่างอย่าง อบต.ไม่มีสิทธิออกเสียง เราเกรงว่าจะมีการอนุมัติเรื่องเหมืองตามพ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น อีไอเอก็ไม่ต้องทำ การมีส่วนร่วมก็สั้นลงมาก สิ่งที่เราต่อสู้กันมาถูกตัดออกหมด"
"ก่อนรัฐประหารนี่บริษัทจะเป็นคนฟ้องชาวบ้าน แต่หลังรัฐประหาร รัฐฟ้องเอง เหมือนเรากลายเป็นศัตรูกับรัฐ"
"บริษัทยังต้องการขยายเขตพื้นที่เหมืองแร่อีกเยอะ ที่เราต่อสู้กันมานั้นแค่ 6 แปลงแรก และมันยังเหลืออีก 90% ที่ต้องขยาย"
ยุทธ แพงดี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านนามูน-ดูนสาด
"คำสั่งของตัวเองอยู่เหนือกฎหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แล้วอย่างนี้จะยังนับเป็นคำสั่งที่ชอบธรรมได้อย่างไร" ดิเรก กองเงิน สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.)
"บุคคลมีสิทธิในที่ดินตามโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาดังต่อไปนี้ (1) สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกินสิบปีติดต่อกัน (2) สำหรับที่ดินที่มีหนังสือสรับรองการทำประโยชน์เกินห้าปีติดต่อกัน ให้ถือว่าเจตนาสละสิทธิในที่ดินเฉพาะส่วนที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือที่ปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเมื่ออธิบดีได้ยื่นคำร้องขอศาล และศาลได้สั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว ให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายนี้ต่อไป"
"ไม่ว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง รัฐบาลจากการยึดอำนาจซึ่งก็ผ่านมา 2 ชุดแล้ว ไม่มีผลสำเร็จเรื่องการผลักดันกฎหมายประชาชนเลย ปัญหาขัดขวางสำคัญคือ ข้าราชการ แต่ยิ่งกว่านั้นก็คือหัวหน้ารัฐบาลไม่เคยรับฟังปัญหาประชาชนจริงๆ"
ระเบียง แข็งขัน กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมห้วยเสือเต้นและโคกหินขาว
"เราอยากเคลื่อนไหวช่วยไผ่ เรียกร้องเรื่องความไม่ยุติธรรมทั้งหลาย แต่เรารวมตัวกันไม่ได้ พอรวมกันตำรวจก็มาบอกไม่ให้เคลื่อนไหวขู่จะดำเนินคดี เขาจับตาทุกเรื่อง แม้แต่เรื่อง 30 บาทที่เราอยากจะไปเรียกร้องกับนายกฯ ตอนมาประชุมที่ขอนแก่น ก็ไปไม่ได้ ชาวบ้านกลัวจะโดนคดี" เสมอ เถินมงคล กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ
"ชาวบ้านเรียกร้องให้ถอนอีไอเอฉบับโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อยู่ที่ สผ.ออกให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยว่ากันเรื่องโรงไฟฟ้าชีวมวล ตอนนี้จะมาประชาคมอีกวันที่ 24 ก.ค.นี้ ชาวบ้านตั้งรับไม่ทัน ไม่รู้ข้อมูล มีแต่ทางเหมืองที่บอกว่าดี" สมัย มังทะ กลุ่มคนรักษ์น้ำอูน จังหวัดสกลนคร
"ตอนนี้ลำรางสาธารณะก็ถูกปิดกั้น ถนนที่ชาวบ้านเคยใช้ก็ใช้ไม่ได้ เขาถมคลอง ชาวบ้านไปร้องเรียน เขาก็ขุดคืน แล้วก็ฟ้องชาวบ้านข้อหาหมิ่นประมาท ตอนนี้มีชาวบ้าน 20 คนที่โดนฟ้อง เคยมีการไกล่เกลี่ยแต่ชาวบ้านไม่ยอม ศาลจะนัดไต่สวนวันที่ 3-4 ตุลาคมนี้" ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ใส่หน้ากาก 'ไผ่ ดาวดิน' อ่านคำประกาศอีสานใหม่ Posted: 23 Jul 2017 12:51 AM PDT 22 ก.ค.2560 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการจัดเสวนา "อีสานกลางกรุง แถลงผลกระทบ 3 ปีของประชาชน" ภายหลังสิ้นสุดการเสวนาประชาชนที่ร่วมงานร่วมกิจกรรมใส่หน้ากากรูปไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักศึกษาที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ที่ขอนแก่นจากข้อหาความผิดตามมาตรา 112 กรณีที่เขาแชร์พระราชประวัติร.10 จากเว็บไซต์บีบีซีไทย "พลเมืองไทยยังไม่สิ้นหวัง เราคืออีสานใหม่ เราผุดขึ้นมาจากความแห้งแล้งของผู้ปล้นชิง เติบโตจากหยาดน้ำของความเคารพกันและกันของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย...เราจะยืนอยู่ที่เดิมเพื่อต่อสู้กับความยุติธรรมจากรัฐบาลเผด็จการ" แถงการณ์ระบุ คำประกาศอีสานใหม่ 22 กรกฎาคม 2560855 วันมาแล้ว เมื่อนับจากวันที่ 20 มีนาคม 2558 ที่เราเดินทางมาประกาศถึงอีสานใหม่ ณ ใจกลางเมืองหลวง สถานการณ์ดูจะแย่ลงทุกที ไม่เพียงการใช้งบประมาณของกองทัพที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากการซื้ออาวุธ กระบวนการยุติธรรมที่ฉีกทึ้งทำลายหลักการอยู่ร่วมกันในสังคม กระบวนการล้มหลักประกันสุขภาพที่เหมือนการกระชากเอาถุงยาไปจากมือผู้ป่วย ในขณะที่ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำอย่างน่าใจหาย วันคืนที่ผ่านมาดูจะกลืนกินความอยู่ดีมีสุขของประชาชนจนแห้งเหือด การยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองเพื่อเปิดโอกาสให้โรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปรุกรานท่ีอยู่อาศัย ที่ดินทำกินและที่สาธารณประโยชน์ที่ชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน การยกเว้นโครงการพัฒนาหลายประเภทที่จัดหาผู้ประมูลได้เลยในขณะที่รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพยังไม่ได้รับการพิจารณาให้ความเห็นชอบ การขับไล่คนยากคนจน คนไร้ที่อยู่อาศัยและท่ีดินทำกินออกจากป่าตามนโยบายทวงคืนผืนป่าเพื่อหวงแหนพื้นที่ป่าไม้เอาไว้ให้สำหรับการสัมปทานในกิจการต่าง ๆ อาทิเช่น สัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่ สัมปทานขุดเจาะปิโตรเลียมสัมปทานเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น การอนุญาตให้กิจการที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรมเข้ามาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมและกิจการสัมปทานต่าง ๆ ในพื้นที่ ส.ป.ก. ได้ ทั้ง ๆ ที่ควรสงวนหวงห้ามหรือกันแนวเขตพื้นที่ไว้สำหรับเกษตรกรรายย่อยและคนยากคนจนที่ไร้ที่ดินทำกิน เพื่อรักษาพื้นที่่ที่เหมาะสมแก่การทำเกษตรกรรมและแหล่งผลิตอาหารเอาไว้ให้ยั่งยืนยาวนาน การให้สัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่โปแตชและเกลือหินใต้ดินจำนวนหลายแหล่ง ที่ในอนาคตจะทำให้ผืนดินอีสานเปรอะเปื้อนไปด้วยความเค็มจนไม่อาจนำมาใช้ทำการผลิตในภาคเกษตรกรรมได้อีกต่อไป รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากเกลือหินจะผุดขึ้นราวดอกเห็ดเต็มไปหมดจนเกิดการแย่งยึดท่ี่ดินและแย่งชิงน้ำอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น การยอมจำนนทางอธิปไตยต่ออำนาจและอิทธิพลของจีนด้วยการยอมให้จีนเข้ามาสำรวจเกาะแก่งแม่น้ำโขงบริเวณอำเภอเชียงแสนและเชียงของ จังหวัดเชียงรายเพื่อเตรียมระเบิดทิ้ง เป็นการเปิดโอกาสให้เรือจากจีนขนาด 500 ตัน สามารถเดินเรือในร่องน้ำลึกได้นั้นจะทำให้จีนสามารถขยายอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจควบคุมภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างทั้งหมดได้อย่างเบ็ดเสร็จ การใช้อำนาจรัฐจัดการควบคุมคุกคามการเคลื่อนไหวเรียกร้องของพี่น้องแรงงานที่ต้องการสร้างสวัสดิการที่สากลและเป็นธรรม การปล่อยให้เกิดการวิสามัญฆาตรกรรมสามัญชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและไร้ความรับผิดชอบในการปกป้องสวัสดิภาพของประชาชน ทั้งกรณี ชัยภูมิ ป่าแส ในภาคเหนือ และสามัญชนอีกมากมายในปาตานี ต่างจากช่วงเวลาของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตรงที่เราไม่สามารถเปล่งเสียงได้อย่างเสรี ซ้ำยังมีทหารเข้ามาควบคุมดูแลสอดส่อง และปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและแสดงความคิดเห็นด้วยการออกกฎหมายห้ามชุมนุมขึ้นมาบังคับใช้ ด้วยพฤติกรรมรัฐเยี่ยงนี้จึงเสมือนเป็นการยุยงส่งเสริมนายทุนให้ลำพองด้วยการฟ้องคดีกลั่นแกล้งเป็นจำนวนมากเพื่อให้ชาวบ้านหวาดกลัวซ้ำร้ายหลายพื้นที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจนทำให้ชาวบ้านถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส เลือดตกยางออกและถูกข่มขู่เพื่อหมายปองเอาชีวิต ดังเช่นกรณีการลุกขึ้นมาต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำที่จังหวัดเลยของชาวบ้านในนามกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ๖ หมู่บ้าน ด้วยพฤติกรรมรัฐเยี่ยงนี้จึงทำให้เสียงพร่ำร้องของชุมชนที่ถูกรุกรานแผ่วเบาจนไม่อาจเป็นที่รับรู้ของสังคมที่จะร่วมกันถกเถียงเพื่อสร้างสังคมที่ใฝ่ฝันร่วมกันได้ เราต่างตกอยู่ท่ามกลางระบอบทุนนิยมถือปืน ที่อุดปากมัดมือขืนใจไร้ปรานี โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ภายใต้ข้ออ้างถึงความสงบ ความสามัคคี และคุณธรรมหลายประการ เราคืออีสานใหม่ เราคือประชาชนตีนดำๆ ที่ไม่อาจก้มหน้าทน จนลุกขึ้นมาขัดขืนต่ออำนาจที่เข้ามารุกราน นี่คือการต่อสู้ระหว่างผู้รุกรานกับผู้รักษามาตุภูมิ นี่คือการต่อสู้ระหว่างผู้ปล้นชิงกับคนไร้อาวุธ เรามองเห็นการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพจากที่นั่นที่นี่ เป็นสัญญาณบอกกล่าวต่อกันว่าพลเมืองไทยยังไม่สิ้นหวัง เราขอส่งข่าวถึงเพื่อนทั้งหลาย ดังเช่นเมือ 855 วันก่อนว่า "เราคืออีสานใหม่ เราผุดขึ้นมาจากความแห้งแล้งในหัวใจของผู้ปล้นชิง เติบโตจากหยาดน้ำของความเคารพกันและกันของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย" และเราขอประกาศว่า นี่ไม่ใช่การร้องขอ เรามีสิทธิที่จะมีที่ดินทำกิน งานที่ยุติธรรม ที่อยู่อาศัยที่พึงมี อาหารที่เพียงพอ หลักประกันสุขภาพ สุขอนามัย การศึกษา สภาพแวดล้อมที่ดี การจัดการตนเองและชุมชน เสรีภาพ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม และสันติภาพ เราจะยืนยันสิทธิและเสรีภาพของเราด้วยความจริงเพื่อสู้กับคำลวงและการบิดเบือน ขอสันติจงมีแด่ทุกท่าน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
อดีต สปท. ชี้ 2 ปี สปท.คาดหวังไม่ได้ เพราะโครงสรัางเป็นราชการ Posted: 23 Jul 2017 12:44 AM PDT อดีต สปท. ชี้ 2 ปี สปท.คาดหวังไม่ได้ เพราะโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นราชการ ขณะที่ตัวแทนพรรคการเมืองและนักวิชาการชี้ประเทศอยู่ในวังวนรัฐราชการ 23 ก.ค. 2560 สำนักข่าวไทย รายงานว่าสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานเสวนา ในหัวข้อ "2 ปี สปท.สังคมได้อะไรจากการปฏิรูป" ที่อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยนายนิกร จำนง อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า โครงสร้างของ สปท.ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ และผลงานส่วนใหญ่จะเป็นรายงานทั้งหมด ไม่มีอำนาจดำเนินการในรูปแบบอื่นได้ สปท.ถูกแต่งตั้งเป็นเพียงที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไม่นับเป็นสมาชิกรัฐสภา ดังนั้น จึงคาดหวัง สปท.ไม่ได้ ส่วนการทำงานของ สปท.นั้น ได้แบ่งคณะกรรมาธิการเป็นด้านต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ และตั้งคณะกรรมาธิการด้านต่าง ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สปท.หรือ วิป สปท. และคณะกรรมาธิการวิสามัญด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ คณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูประบบการปลอดภัยทางถนน และคณะกรรมการขับเคลื่อนสืบสานศาสตร์พระราชา นายนิกร กล่าวว่า สปท.มีเวลาทำงานอย่างจำกัดตามรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งงานของ สปท.เป็นงานในเชิงปฏิรูปน้อยมาก ขณะที่นักการเมือง 9 คนที่เป็น สปท.ถูกใช้เป็นข้ออ้างว่า การปฏิรูปครั้งนี้มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมด้วย ทำให้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตนมักทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเพื่อยืนยันในวิธีคิดของฝ่ายการเมือง ส่วนกรณีการตั้งคำถามประชามติ ขณะนั้นไม่ใช่หน้าที่ของ สปท. แต่เมื่อ สปท.เสนอคำถามแล้วได้รับความเห็นชอบ หากมีอะไร ก็จะถูกโยนมาที่ สปท. ดังนั้น สปท.จึงกลายเป็นสภาหนังหน้าไฟ ทั้งที่ไม่มีหน้าที่ตั้งคำถามตั้งแต่แรก และกลายเป็นหมากทางการเมืองที่สำคัญซึ่งมีประโยชน์ต่อรัฐบาล เพราะเป็นฝ่ายโยนหินถามทางให้รัฐบาล อย่างแนวทางการปฏิรูปสื่อที่ล้วนมาจาก สปท. นายนิกร กล่าวว่า อยากให้พรรคการเมืองปฏิรูปตัวเองเพื่อเป็นความหวังของประชาชนในอนาคต ที่ผ่านมา ตนได้คัดค้านเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีในตอนแรก และเสนอว่า ให้กำหนดเป็นวิสัยทัศน์ ไม่ต้องออกมาเป็นแผน ซึ่งล่าสุดก็มีการแก้ไขใหม่ว่า สามารถแก้ไขยุทธศาสตร์ชาติได้ทุก 5 ปี ซึ่งตนก็เบาใจที่ยืดหยุ่นได้ อย่างไรก็ตาม ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กำหนดให้มีปฏิรูป 11 ด้าน คนที่จะขับเคลื่อนต่อก็น่าจะเป็น สปท. ส่วนเรื่องวัฒนธรรมประชาธิปไตย ตนได้เสนอให้เริ่มปฏิรูปเรื่องนี้จากโรงเรียน และได้มีการยกร่างกฎหมายส่งเสริมวัฒนธรรมการเมืองแล้ว ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาขาดการจัดลำดับความสำคัญ หากรัฐบาลตั้งใจทำงานเรื่องใดเป็นพิเศษ ควรจัดลำดับความสำคัญและมอบหมายให้สปท.ไปศึกษาโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิรูป อีกทั้งไม่ได้ค้นหาหัวใจของปัญหาของบ้านเมืองในปัจจุบัน ซึ่งหัวใจของปัญหาคือ ประชาธิปไตยไม่ได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง จะเห็นได้ว่า หลังจากการเกิดปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้งจะเกิดรัฐราชการครอบคลุมทุกอย่าง ทำให้ระบบย้อนหลัง 40-50 ปี เช่น คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รัฐวิสาหกิจ และสปท. มีแต่ข้าราชการ แล้วจะเอาสิ่งใดไปต่อสู้กับเวทีโลก นายชวลิต กล่าวว่า ตนไม่ได้รังเกียจราชการ แต่ขณะนี้ราชการลงทุนขาเดียว เพราะภาคเอกชนจะเอาเงินมาลงทุนก็ต่อเมื่อจะคุ้มทุนแล้วมีกำไรเท่านั้น และตนมองว่า ระบบราชการขับเคลื่อนไม่ได้ในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งตามปกติแล้ว ภาคเอกชนจะเป็นหัวขบวนรถจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศ ส่วนภาคราชการเป็นผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนเดินไปได้ แต่ขณะนี้เป็นระบบที่ผิดปกติ กลับหัวกลับหาง วิธีแก้ปัญหาคือ เมื่อระบบไม่ปกติ ต้องทำให้เป็นปกติ โดยคนไทยต้องมีสำนึกร่วมกันว่าจะทำบ้านเมืองให้เป็นปกติอย่างไร นายชวลิต กล่าวว่า ปัญหาปากท้องของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก่อนหน้านี้ ตนได้เข้าร่วมเวทีปรองดองที่กองทัพภาคที่ 1 แต่ไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ เพราะไม่ต้องการแสดงความเห็นแล้วเกิดการกระทบกระทั่ง โดยบรรยากาศในวันดังกล่าว มีการเสนอที่จะให้รัฐบาลอยู่บริหารประเทศต่อเพราะเห็นว่าบ้านเมืองสงบ ให้ปฏิรูปก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง และมีคนปรบมือเป็นระยะ แต่ในโลกของความเป็นจริง ศักยภาพของประเทศไทยกลับเติบโตต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน ปัญหาปากท้องของประชาชนก็ยังแก้ไม่ได้ เป็นเพราะระบบหรือไม่ ดังนั้น ทุกคนควรร่วมมือกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ สปท. มีมาเพื่อเป็นกลไกสร้างความชอบธรรมเพื่อรองรับอำนาจไว้ เนื่องจากตอนรัฐประหารไม่ได้มีการเตรียมแผนในระยะยาว แต่เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้ว หน้าที่สำคัญของ สปท. คือการวางรูปแบบของรัฐในอนาคต ที่ควรจะเป็นแนวทางให้มีประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ตนเชื่อว่า ในอนาคตชีวิตทางการเมืองของตน จะไม่เห็นประชาธิปไตยเต็มใบอีกแล้ว ประชาธิปไตยเหมือนกับต้นไม้ ดินบางอย่างต้นไม้ขึ้นไม่ได้ ดินบางอย่างต้นไม้ขึ้นได้แต่ไม่งอกงาม ประเทศไทยอาจจะไม่เหมาะสมกับประชาธิปไตยก็ได้ ตนคิดว่า ประเทศไทยอาจจะเหมาะกับรัฐกึ่งประชาธิปไตยมากกว่ารัฐประชาธิปไตย นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ถามว่า สิ่งที่ สปท.ทำมาจะได้ผลเท่ากับที่คาดหวังหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ สปท.ไม่ได้ทำคือ การปฏิรูปวัฒนธรรมประชาธิปไตย มนุษย์ทั่วไป เวลาพูดถึงคนอื่นไม่ดีแต่ก็ไม่ได้มองตัวเองว่าดีหรือไม่ ในอนาคตข้างหน้า จะไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างที่เราเห็น แต่เปลี่ยนไม่ได้ เพราะกำหนดโดยรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งต้องยอมรับกติกานั้น รัฐไทยต้องเดินไปในรูปแบบรัฐกึ่งประชาธิปไตย ความขัดแย้งของคนยังมีอยู่ แต่ไม่ได้เอาออกมาแก้ปัญหา นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย จะขับเคลื่อนด้วยนักการเมือง ไม่ใช่ระบบราชการ แต่หากจะมองว่า นักการเมืองไม่ดี นักการเมืองก็มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน ประชาชนเป็นอย่างไร นักการเมืองเป็นเช่นนั้น คนจะดีหรือไม่ดีให้ดูที่การใช้อำนาจ การบริหารพรรคการเมืองยากกว่าการบริหารบริษัทใหญ่ เพราะพรรคการเมืองหลากหลายและเป็นอิสระ ต้องบริหารคนที่จะไปบริหารประเทศ ส่วนยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดให้แก้ไขได้ใน 5 ปี ส่วนตัวมองว่า แก้ไขได้ยาก ดังนั้น ปัญหาที่ต้องเผชิญในอนาคตคือ รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาของประชาชนได้ทันการ ปัญหาจะถูกกดทับ และประชาชนก็จะตั้งคำถามกลับมาอีกว่า ทำไมเลือกตั้งมาแล้วแก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งนี้ การปกครองทุกระบบของโลกมีมุมมืดทุกระบบ แม้ประชาธิปไตยจะมีมุมมืด แต่อย่ารังเกียจประชาธิปไตยจนไปหาระบบอื่น ทุกคนต้องช่วยกัน นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า หากจะปฏิรูปในตอนนี้ เริ่มที่ คณะกรรมการบริหารราชแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคี ปรองดอง (ป.ย.ป.) น่าจะสำเร็จมากที่สุด และหากจะเริ่มปฏิรูปเรื่องแรก ควรเริ่มที่ระบบราชการ ทั้งนี้ แผนปฏิรูป 36 วาระของ สปท.ดีทุกเรื่อง แต่เมื่อส่งไปยังรัฐบาล กลับถูกตีตกเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น หากจะประเมิน 2 ปี สปท.บอกได้แค่ว่า อำนาจการปฏิรูปอยู่ที่รัฐราชการเป็นหลัก จึงฝากว่า หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องสร้างแรงส่งของการปฏิรูปให้เป็นรูปธรรมและมีพลัง พรรคการเมืองจะช่วยกันสร้างแรงส่งได้อย่างไร ขณะนี้ระบบราชการพยายามที่จะปรับตัวต่อการปฏิรูป แต่พรรคการเมืองก็ควรผลักดันกระแสการปฏิรูปเข้าสู่กระแสสังคมหรือผลักดันให้แก่ภาคประชาชน ซึ่งตนเห็นว่า เรื่องปรองดองที่ดีที่สุดคือการปฏิรูปให้เป็นจริงที่สุดและเร็วที่สุด นายสุริยะใส กล่าวว่า คำถามใหญ่ที่นักการเมืองต้องตอบคือ ทำไมยุครัฐประหารถึงมาพูดเรื่องปฏิรูป ทำไมปล่อยให้ความคาดหวังเรื่องการปฏิรูปอยู่ในรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แล้วทำไมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่พูดเรื่องปฏิรูป คำถามคือ พรรคการเมืองพร้อมที่จะต่อยอดโจทย์เรื่องการปฏิรูปหรือไม่ เพราะประชาชนพร้อมและตื่นตัวอยู่แล้ว ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
TCIJ: สำรวจ 'เกษตรแปลงใหญ่' ภายใต้วิกฤตพืชผลราคาตก Posted: 23 Jul 2017 12:32 AM PDT ภายใต้วิกฤตราคาพืชผลตกต่ำ ทำความรู้จักโครงการ 'เกษตรแปลงใหญ่' ที่รัฐหนุนเกษตรกร'รวมกลุ่ม-แยกกันผลิต-รวมกันขาย' ตั้งเป้าปี 2579 จะมี 90 ล้านไร่ สำรวจข้อเท็จจริงเกษตรกรปลูกพืชชนิดไหน? รวมกลุ่มกันได้เท่าไหร่? ยังพบปัญหา 'ที่ดินอยู่ในมือนายทุน-ผู้จัดการแปลงเก่งรอบด้านหายาก-การเข้าถึงแหล่งทุน-กลุ่มเกษตรกรไม่มีความเป็นมืออาชีพ' นักวิชาการหวั่นนโยบายหลงทิศ ไม่ใช่แค่รวมตัวผลิตรวมตัวขายแต่ต้องเพิ่มมูลค่า ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ วิกฤตราคาพืชผลทางการเกษตรตั้งแต่เดือน พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา เกษตรกรไทยต้องเผชิญกับราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ วิเคราะห์และรายงานภาวะเศรษฐกิจการเกษตรเดือน พ.ค. 2560 เปรียบเทียบเดือน พ.ค. 2559 พบว่าดัชนีราคาลดลงร้อยละ 2.84 เมื่อแบ่งตามกลุ่มสินค้าสำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ กลุ่มธัญพืชและพืชอาหาร เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2559 ดัชนีราคาลดลง ร้อยละ 7.78 สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กลุ่มผลไม้ เมื่อเปรียบเทียบเดือน พ.ค. 2559 พบว่าดัชนีราคาลดลง ร้อยละ 12.94 สินค้าสำคัญ ที่ราคาลดลง ได้แก่ ทุเรียน สับปะรด เงาะ มังคุด และส้มเขียวหวาน กลุ่มพืชน้ำมัน เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2559 ดัชนีราคาลดลง ร้อยละ 10.93 สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน กลุ่มพืชไม้ดอก เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2559 ดัชนีราคาลดลง ร้อยละ 38.18 กลุ่มปศุสัตว์ เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2559 ดัชนีราคาลดลง ร้อยละ 5.41 สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ สุกร และไข่ไก่ กลุ่มประมง เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2559 ดัชนีราคาลดลง ร้อยละ 2.23
รู้จักนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ 'รวมกลุ่ม แยกกันผลิต รวมกันขาย'Agrimap หรือ Zoning by Agri-map ของโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร (ข้อมูลเมื่อ 21 ก.ค.2560) นโยบายนี้ไม่ใช่การสนับสนุนปลูกพืชในแปลงขนาดใหญ่หรือการรวมแปลงติด ๆ กันให้เป็นแปลงเดียว แต่เป็นลักษณะการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อยหลาย ๆ ราย ในลักษณะ 'แยกกันผลิต รวมกันขาย' โดยวางระบบการผลิตและการบริหารจัดการในแนวทางเดียวกัน เพื่อประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ที่สำคัญคือเกษตรกรยังคงเป็นเจ้าของพื้นที่และทำการผลิตเองเหมือนเดิม การกำหนดพื้นที่เป้าหมายของเกษตรแปลงใหญ่ ดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ เช่น พื้นที่ในเขตชลประทาน พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน พื้นที่ในเขตสหกรณ์นิคม และพื้นที่เกษตรทั่วไป โดยจะมีการกำหนดเป้าหมายการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุกขั้นตอนจนถึงการตลาด โดยรัฐบาลระบุว่าการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่มีเกษตรกรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานนี้ จะช่วยผลักดันให้เกษตรกรรวมกลุ่มและมีการบริหารจัดการร่วมกันเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตลอดจนด้านการตลาด ตามยุทธศาสตร์ 20 ปี ของรัฐบาล ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จำนวน 14,500 แปลง และจำนวนพื้นที่ 90 ล้านไร่ ในปี 2579 (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการเกษตรแปลงใหญ่และหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการได้ที่: [1] [2]) ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปี 2559 (ณ เดือน ธ.ค. 2559) โครงการเกษตรแบบแปลงใหญ่ 9 ประเภทสินค้า 32 ชนิดสินค้า จำนวน 600 แปลง ในพื้นที่กว่า 1,538,398 ไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 96,554 ราย แยกเป็นรายชนิดสินค้า ดังนี้ ข้าว 381 แปลง ในพื้นที่กว่า 9 แสนไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 63,741 ราย กลุ่มพืชไร่ มีจำนวน 6 ชนิด ประกอบด้วย มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สับปะรด ถั่วลิสง อ้อย และหญ้าเนเปียร์ มีพื้นที่ทั้งหมด 169,362 ไร่ เกษตรกรร่วมโครงการ 9,384 ราย กลุ่มไม้ยืนต้น เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา กาแฟ รวมพื้นที่ 283,964 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 7,751 ราย กลุ่มผัก/สมุนไพร ซึ่งประกอบด้วย ผัก/สมุนไพร แตงโมอินทรีย์ หอมแดง มะเขือเทศโรงงาน ในพื้นที่กว่า 11,800 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2,592 ราย กลุ่มไม้ผล มี 8 ชนิดสินค้า ได้แก่ เงาะโรงเรียน ทุเรียน ฝรั่ง มะนาว มะพร้าวน้ำหอม มะม่วง มังคุด ลำไย ส้มโอ รวม 51 แปลง พื้นที่กว่า 62,000 ไร่ เกษตรกรร่วมโครงการ 6,600 ราย กลุ่มหม่อนไหม จำนวน 3 แปลง พื้นที่ 834 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 382 ราย กล้วยไม้ จำนวน 1 แปลง 607 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 33 ราย กลุ่มปศุสัตว์ ได้แก่ กระบือ โคนม โคเนื้อ ไก่พื้นเมือง และแพะ รวมทั้งหมด 23 แปลง พื้นที่กว่า 25,000 ไร่ เกษตรกรร่วมโครงการ 3,638 ราย และ กลุ่มประมง ได้แก่ กุ้งขาว ปลาน้ำจืด และหอยแครง รวมทั้งหมด 18 แปลงใหญ่ พื้นที่ 28,700 ไร่ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 2,070 ราย อนึ่ง ข้อมูลล่าสุดจากกรมส่งเสริมการเกษตร ในปี 2560 (ณ เดือน มิ.ย. 2560) พบว่าว่ามีจำนวนเกษตรกรทั่วประเทศเข้าโครงการเกษตรแปลง ใหญ่เพิ่มเป็น 110,745 ราย แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มสินค้า ได้แก่ ข้าว 69,685 ราย, พืชไร่ 13,596 ราย, ผลไม้ 10,196 ราย, ไม้ยืนต้น 6,806 ราย, ผัก/สมุนไพร 3,458 ราย, ปศุสัตว์ 3,138 ราย, ประมง 2,399 ราย, ไม้ดอกไม้ประดับ 651 ราย, แมลงเศรษฐกิจ 597 ราย และหม่อนไหม 219 ราย (อ่านเพิ่มเติม: จับตา: จำนวนเกษตรกรเข้าโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ณ มิ.ย. 2560) พบหลากหลายปัญหา 'พื้นที่-เงินกู้-ผู้จัดการแปลง-ส่งเสริมผิด'แรกเริ่มโครงการเมื่อปี 2558 อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัจจัยการผลิต ในคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ (สนช.) ได้ลงสุ่มตรวจพื้นที่เข้าร่วมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ที่ จ.อยุธยา และ จ.ชัยนาท พบปัญหาคือจะมีพื้นที่ที่เกษตรกรไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการทำให้เกิดช่องว่างของพื้นที่ ซึ่งเกษตรแปลงใหญ่จะส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อมุ่งเน้นให้มีการพัฒนาการ ผลิต โดยกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังเป็นของเกษตรกร ซึ่งการรวมเขตพื้นที่อาจจะมีจำนวนพื้นที่ตั้งแต่ 1,000-100,000 ไร่ ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ อย่างเช่น จ.อยุธยา ส่วนใหญ่จะเน้นเจ้าของที่ดิน แต่พบว่าที่ดินส่วนใหญ่เป็นของนายทุนทำให้เกษตรกรไม่สามารถที่จะเข้าร่วม โครงการได้ นอกจากนี้ในบริเวณพื้นที่โครงการฯ ทางอนุกรรมาธิการฯ ระบุว่าควรจะมีเสริมบ่อน้ำให้กับเกษตรกรด้วย เพราะหลายแห่งมีแหล่งน้ำไม่เหมาะสมและเพียงพอ รวมทั้งในประเด็น 'ผู้จัดการแปลง' ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ (เกษตรอำเภอ) ซึ่งอนุกรรมาธิการฯ เป็นห่วงว่า หากการบริหารประเทศโดยรัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สิ้นสุดลงและมีรัฐบาลใหม่ เกรงว่าโครงการนี้จะยกเลิก จึงเสนอให้ผลักดันปราชญ์ชาวบ้าน เกษตรกรรุ่นใหม่ หรือผู้นำเกษตรกรมาเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนแทน และแม้แต่อธิบดีกรมส่งเสริม การเกษตรยังเคยออกมายอมรับว่า ผู้จัดการแปลงซึ่งเป็นคีย์แมนสำคัญที่จะทำให้โครงการเกษตรแปลงใหญ่แห่งนั้น ๆ ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องเป็นคนที่รู้จักพื้นที่ รู้จักเกษตรกร เข้าใจปัญหาการผลิตและความต้องการของเกษตรกร มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการผลิตและเชื่อมโยงตลาดได้ ซึ่งหาคนที่ทำได้อย่างนี้ยากมาก (อ่านเพิ่มเติม [3] [4]) ในด้านการกู้ยืมเงินทุน ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการเกษตรระบุว่าในช่วงปี 2558/2559 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้นโครงการเกษตรแปลงใหญ่ทำให้ยังไม่เห็นจุดอ่อนของแปลงใหญ่ แต่หลังจากมีโครงการเงินกู้ดอกเบี้ย 0.01% จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้เกษตรกรในโครงการแปลงใหญ่ได้ยื่นขอกู้จำนวน 381 กลุ่ม แต่ผ่านการอนุมัติแค่เพียง 53 กลุ่ม สาเหตุเพราะกลุ่มเกษตรกรไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน ไม่มีการจัดรูปแบบโครงสร้างการบริหาร ทั้งเรื่องการแต่งตั้งประธานกลุ่ม สมาชิกไม่ยอมค้ำประกันซึ่งกันและกัน ที่สำคัญไม่มีแผนการผลิตที่ชัดเจน จนกลายเป็นต้นเหตุทำให้ ธ.ก.ส.อนุมัติเงินกู้ให้ไม่ได้ [5] รวมทั้งประเด็นการส่งเสริมให้เพาะปลูกผิดทาง ตัวอย่างล่าสุดในเดือน ก.ค. 2560 กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดพันธุ์เอ็มดี ทู ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังได้รับความเดือดร้อน หลังจากหน่วยงานราชการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพื่อทดแทนผลผลิตสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียเพื่อส่งโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปที่มีราคาตกต่ำและผลผลิตล้นตลาด ที่ผ่านมามีการสนับสนุนหน่อพันธุ์จัดซื้อหน่อละ 30 บาท เพื่อปลูกในแปลงสาธิตตามโครงการเกษตรแปลงใหญ่ นอกจากนั้น ในอนาคตมีโครงการจะใช้งบประมาณในปี 2561 จัดซื้อหน่ออีก 13 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่ปลูกทั้งจังหวัด แต่ปรากฏว่าเมื่อผลผลิตสับปะรด เอ็มดี ทู ออกสู่ท้องตลาดเกษตรกรไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้ เนื่องจากไม่มีการจัดหาตลาดรับซื้อไว้ล่วงหน้า ประกอบกับรสชาติไม่ได้เป็นไปตามสรรพคุณที่กำหนดไว้ รวมทั้งมีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง ทำให้ไม่ได้ความสนใจจากผู้บริโภค [6] นักวิชาการติง เกษตรแปลงใหญ่ยังหลงทิศรศ.ดร.สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ (KNIT) ให้ความเห็นถึงโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ในงานประชุม วิชาการและนวัตกรรมประจำปี 2560 ขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs ยุค 4.0 โดยศูนย์วิจัยและพัฒนา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่าไม่มีความชัดเจน ไม่มีการส่งเสริมให้เกิดมูลค่า มุ่งลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต การรวมตัวจะให้ใครเป็นผู้นำบริหารยังไม่ชัดเจน รัฐเน้นแต่การอุ้ม ผู้จัดการแปลงที่เข้ามาดูแลหลายแห่งเอาพนักงานส่งเสริมมาเป็นผู้จัดการแปลง บางรายไม่มีจิตสำนึกความเป็นเจ้าของแปลง จึงไม่รู้ลึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้น การตัดสินใจแก้ปัญหาจึงไม่ค่อยได้ผล "โครงการทำนาแปลงใหญ่ ควรเน้นไปที่การยกระดับคุณค่าและมูลค่าข้าว อย่างปลูกข้าวอินทรีย์ ปลูกข้าวพันธุ์เฉพาะแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ให้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เน้นสร้างผลผลิตมีคุณค่า มีมูลค่าสูงขึ้น วิธีแบบนี้ถึงจะช่วยให้เกษตรกรมีพลังเกิดความเข้มแข็งในการผลิต และต่อไปจะมีกลุ่มมืออาชีพเข้ามาต่อยอดนำนวัตกรรมมาสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อส่งออก ถ้าทำแบบนี้ได้ เราถึงจะเข้าสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างแท้จริง" ดร.สมพร กล่าว นอกจากนี้ ดร.สมพร ยังระบุว่าการบริหารจัดการของภาครัฐ ยังคงเป็นไปแบบหลงทิศหลงทาง อย่างการลงทุนซื้อรถเกี่ยวราคาหลักล้านบาท เป็นการสิ้นเปลือง เพราะแนวโน้มที่ทำกัน มีแต่มุ่งให้นำไปใช้งาน ไม่มีเรื่องซ่อมบำรุงดูแลรักษา หากเครื่องจักรเสียขึ้นมา กว่าจะตั้งเรื่องซ่อม-เบิก ใช้เวลานาน สุดท้ายต้องปล่อยทิ้ง ไม่เหมือนว่าจ้างรถมาช่วยรวดเดียว กลุ่มนี้เป็นมืออาชีพ เครื่องมือเสียส่วนใหญ่ซ่อมเองในราคาไม่แพงเกินเหตุ [7] ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญร้อง ป.ป.ช. ร้องตรวจสอบผู้ว่า กทม. Posted: 23 Jul 2017 12:16 AM PDT สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยร้อง ป.ป.ช. ตรวจสอบผู้ว่า กทม. กรณีผู้เข้าอบรมหลักสูตรฝึกอบรม "ผู้บริหารระดับสูงด้านการบริหารงานพัฒนาเมือง" มี "ภรรยาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร" และผู้ที่ขาดคุณสมบัติเป็นจำนวนมากได้รับการคัดเลือก 23 ก.ค. 2560 ตามที่กรุงเทพมหานครได้จัดทำหลักสูตรฝึกอบรม "ผู้บริหารระดับสูงด้านการบริหารงานพัฒนาเมือง" (มหานคร) ขึ้นมาโดยมอบหมายให้วิทยาลัยพัฒนามหานคร มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชสังกัดกรุงเทพมหานคร รับผิดชอบดำเนินการโดยเปิดรับผู้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะมาเข้ารับการฝึกอบรม คือข้าราชการระดับอำนวยการสูงขึ้นไป นักวิชาระดับรองศาสตราจารย์ขึ้นไปผู้บริหารระดับสูงในรัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน หรือองค์กรอิสระผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชน เป็นต้น โดยมีอายุระหว่าง 35 ถึง 58 ปีเท่านั้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเมืองอย่างบูรณาการ แต่ปรากฏว่าตามประกาศมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เรื่องรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการอบรมหลักสูตรฯ ดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 ปรากฏว่ามี "ภรรยาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร" และผู้ที่ขาดคุณสมบัติเป็นจำนวนมากได้รับการคัดเลือกเข้ามา เช่น ผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วด้วย เช่น นายศิวะ แสงมณี เป็นต้น การดำเนินการดังกล่าวจึงอาจถือได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลบางคน บางกลุ่มอันเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสําหรับตนเองหรือผู้อื่นและส่อว่ากระทําผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 ประกอบมาตรา 100 และเข้าข่ายความผิดตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2552 ข้อ 5(3) ข้อ 12 และข้อ 14 ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จำต้องนำความไปร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในวันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2560 เวลา 11.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
กวีประชาไท: กอดเพื่อนร่วมโลกในความเงียบ Posted: 22 Jul 2017 08:31 PM PDT
เหนื่อยนาน นิ่งเนิบ จนเนือย เปลืองคำบอกกล่าวไปไยเล่า มองกันเห็นกันเท่านี้พอ ไม่มีแรงลุกขึ้นขณะนี้ กอดเพื่อนร่วมโลกในความเงียบ ไม่เรียกร้องไม่ปลุกปลอบไม่รุกเร้า
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท. To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, CA 94043, United States |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น