โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

แม่ "กมนเกด" ร้อง สตช. เร่งรัดดำเนินคดีหลังผ่านมาเกือบ 8 เดือน

Posted: 28 Dec 2010 11:40 AM PST

ระบุได้เห็นสำนวนคดีดีเอสไอแล้ว และมีเนื้อหาชงให้ สตช. ดำเนินการ จึงขอเร่งรัดให้ สตช. ดำเนินการส่งฟ้องศาล ลั่น "ไม่มีความจำเป็นใดที่จะดึงเรื่องให้ล่าช้าในลักษณะใช้เทคนิคทางกฎหมายช่วยเหลือผู้กระทำผิดโดยไม่สนใจผู้เสียหายที่เป็นลูกของข้าพเจ้าที่ถึงแก่ความตายโดยไม่เป็นธรรม" เล็งส่งฟ้อง ป.ป.ช. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมภายใน 15 วัน

เมื่อวานนี้ (28 ธ.ค.) นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาซึ่งถูกยิงเสียชีวิตภายในเหตุการณ์สังหารที่วัดปทุมวนาราม วันที่ 19 พ.ค. ได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อยื่นหนังสือให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกร้องให้ สตช.เร่งรัดในการดำเนินการคดีสังหารประชาชนภายในวัดปทุมฯ เมื่อ 19 พ.ค. ภายใน 15 วัน เนื่องจากได้เห็นเอกสารสำนวนคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว และดีเอสไอก็ได้เสนอความเห็นให้ส่งให้ทาง สตช.ดำเนินการตามป.วิอาญา มาตรา 150 เช่นกัน ในฐานะญาติของผู้เสียชีวิตจึงต้องการเร่งรัดให้ สตช.ดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเวลา 15 วัน

"ปัญหาของข้าพเจ้าที่จะขอความเป็นธรรม คือ พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ซึ่งสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้โอนคดีไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษใช้เวลาการสอบสวนนับแต่เกิดเหตุเป็นเวลา 7 เดือนเศษ และเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษทำการสืบสวนจนแล้วเสร็จแต่พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับดึงเรื่องให้ล่าช้าไม่ส่งเรื่องให้ศาลไต่สวนถึงสาเหตุการตาย ทั้งๆ ที่มีการสืบสวนสอบสวนโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจนแล้วเสร็จ ความล่าช้าทำให้พยานหลักฐานสูญหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องรับผิดชอบดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อให้ศาลไต่สวน ไม่มีความจำเป็นใดที่จะดึงเรื่องให้ล่าช้าในลักษณะใช้เทคนิคทางกฎหมายช่วยเหลือผู้กระทำผิดโดยไม่สนใจผู้เสียหายที่เป็นลูกของข้าพเจ้าที่ถึงแก่ความตายโดยไม่เป็นธรรม" ตอนหนึ่งของหนังสือร้องเรียนระบุ

โดยหนังสือร้องเรียนระบุให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน "ได้กำกับ ควบคุม ดูแล ให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ ร่วมกับ พนักงานอัยการ ดำเนินการเพื่อไม่ให้พยานหลักฐานสูญหาย ประกอบกับกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วเสร็จแล้ว จึงสมควรที่จะเร่งรัดส่งเรื่องให้ศาลไต่สวนถึงสาเหตุการตายของลูกข้าพเจ้าโดยเร่งด่วนเพราะคดีได้เนิ่นช้าจนถึงวันนี้เป็นเวลา 8 เดือนเศษแล้ว" ในหนังสือยังระบุว่าหากตนและญาติผู้สูญเสียยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ภายใน 15 วันนับแต่ที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ "มีความเป็นเป็นที่จะต้องดำเนินการกล่าวหาท่านต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป"

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

"ว้า" เตรียมเสนอขอกำหนดอำนาจปกครองตนเองต่อรัฐบาลใหม่ของพม่า

Posted: 28 Dec 2010 10:24 AM PST

องค์กรการเมืองกองทัพสหรัฐว้า จัดประชุมหารือแนวทางกำหนดอนาคตเขตปกครองตนเอง เตรียมยื่นเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่พม่า พร้อมระบุแผนปรองดองสัญญาปางโหลงครั้งที่ 2 ของซูจี ว้าไม่มีส่วนร่วมรู้

มีรายงานข่าวว่า พรรคสหรัฐว้า UWSP (United Wa State Party) องค์กรการเมืองกองทัพสหรัฐว้า UWSA จัดประชุมคณะกรรมการพรรคประจำพื้นที่เมืองใหม่ อยู่ห่างจากเมืองปางซางไปทางเหนือประมาณ 170 กม. ในวันที่ 20 – 29 ธ.ค. มีนายแซวหมิ่นเหลียง รองประธานสูงสุดของว้า และรองเลขาธิการพรรค UWSP เข้าร่วมด้วย โดยหารือกันถึงแนวทางอนาคตเขตปกครองว้า

ทั้งนี้ ในการประชุมซึ่งจัดต่อเนื่อง 9 วัน ได้ข้อสรุปในการที่จะขอสิทธิกำหนดตนเอง ซึ่งเตรียมยื่นเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ของพม่า 6 ข้อ ประกอบด้วย 1. ว้าจะยึดมั่นหลักสันติภาพและพัฒนาพื้นที่ปกครอง 2. ในเขตปกครองว้า ขอมีเพียงกองทัพว้า 3. ว้า จะไม่แยกตัวออกจากสหภาพพม่า 4. ว้า จะไม่เรียกร้องหรือประกาศเอกราช ต่อรัฐบาลใดๆ ของสหภาพพม่า 5. ว้า จะเสนอขอสิทธิกำหนดตนเองต่อทุกรัฐบาลของสหภาพพม่า และ 6. ว้า พร้อมเจรจาหารือกับรัฐบาลชุดใหม่พม่า

เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่ง (ไม่ประสงค์ออกนาม) ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วยเปิดเผยว่า ว้า ตั้งเป้าในการพัฒนาด้านการศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม ไฟฟ้า การติดต่อประสานงานต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาฝีมือแรงงาน ให้ก้าวหน้าภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้ว้าได้ร่วมมือกับบริษัทจีน สร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง บนแม่น้ำมา และแม่น้ำสาละวิน ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 800 เมกกะวัตต์ โดยเขื่อนบนแม้น้ำมา จะสร้างเสร็จและผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปีหน้า 2554 ส่วนทางด้านการคมนาคม กำลังมีการก่อสร้างเส้นทางลาดยางระหว่างเมืองปางหวาย – เมืองใหม่ ระยะทาง 55 กม. มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2555

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ว้าคนเดิมได้กล่าวตำหนิรัฐบาลทหารพม่าภายใต้การนำของพล.อ.อาวุโสตานฉ่วย ด้วยว่า ไม่มีความจริงใจในการปกครองประเทศให้เจริญ พื้นที่ว้ามีการพัฒนาอยู่ทุกวันนี้ก็เนื่องจากว้าดำเนินการจัดการเอง ด้วยเหตุนี้ หากมีรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา ว้า จะส่งคณะกรรมการพรรคยื่นเสนอในสิ่งเหล่านี้ พร้อมกันนั้น เขาได้กล่าวถึงกรณีที่นางอองซาน ซูจี ประกาศสร้างความปรองดองด้วยการเสนอจัดประชุมปางโหลงครั้งที่ 2 เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในด้วยว่า ว้า ไม่มีส่วนร่วมรู้และจะไม่ขอเข้าร่วมด้วย และว้าจะไม่เอียงข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ระหว่างรัฐบาลพม่าและนางอองซาน ซูจี

สำหรับการประชุมคณะกรรมการพรรคสหรัฐว้า UWSP ดังกล่าว เป็นการประชุมประจำปีของคณะกรรมการพื้นที่เมืองใหม่ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 โดยมีคณะกรรมการพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

 

ชมภาพ / อ่านข่าวย้อนหลังได้ที่
http://www.khonkhurtai.org/

"คนเครือไท" เป็นศูนย์ข่าวภาคภาษาไทยเครือข่ายสำนักข่าวอิสระไทใหญ่ หรือ สำนักข่าวฉาน (SHAN – Shan Herald Agency for News) มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐฉาน สหภาพพม่า ตลอดจนตามแนวชายแดนไทย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรการเมือง / การทหารกลุ่มใด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ shan_th@cm.ksc.co.th หรือ ติดตามอ่านข่าวสารภาคภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org ภาคภาษาไทใหญ่ที่ www.mongloi.org และภาคภาษาไทยที่ www.khonkhurtai.org

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

"กษิต" รับ บีบนานาประเทศให้ส่ง "ทักษิณ" ไม่ได้

Posted: 28 Dec 2010 09:46 AM PST

อยู่ที่ดุลพินิจ และกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศ และคงไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม โอดแจ้ง "ดูไบ" หลายสิบรอบแล้ว และตอนนี้คงไม่ต้องแจ้ง เผยแจงประเทศต่างๆ ร้องขอไม่ให้ทักษิณใช้เป็นฐานทางการเมืองแล้ว แต่ที่พักหลังโฟนอินบ่อย อาจจะโฟนบนเครื่องบิน ลั่นกระทรวงการต่างประเทศไม่ใช่หน่วยราชการลับที่จะรู้ว่าวันนี้ทักษิณนอนอยู่ที่ไหน

วันนี้ (28 ธ.ค.) ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานคำพูดของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ความเห็นต่อสื่อมวลชนเรื่องการประสานของความร่วมมือกับต่างประเทศ ในการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาดำเนินคดีในไทยตามสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

โดยนายกษิต กล่าวว่า การตัดสินใจส่งตัวอยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปพำนัก โดยมี 2 หลักในการดำเนินการ คือ 1.เรื่องการปฏิบัติตามตอบแทน 2.กรณีมีข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนการตัดสินใจถือเป็นกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศ แต่สิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาและเป็นภาระหนักใจของมิตรประเทศ คือ เขาจะต้องมั่นใจ 100% ว่าไม่มีนัยทางการเมืองว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ โดยตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณเองมีทั้งเรื่องการเมืองและคดีอาญา ทำให้แยกแยะลำบาก ซึ่งตรงนี้เราต้องเห็นอกเห็นใจต่อประเทศเหล่าในการที่จะตัดสินใจ เพราะเขาไม่อยากให้กระบวนการยุติธรรมมีเรื่องของนัยยะทางการเมืองเข้ามา เกี่ยวข้อง แต่เราก็พยายามชี้แจงว่าทั้งหมดนี้เป็นคดีอาญา

นายกษิตกล่าวต่อว่า หากเป็นคดีอย่างกรณีของนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธสงครามข้ามชาติชาวรัสเซียที่ทางสหรัฐฯ ขอตัวมานั้น ถือว่าไม่มีนัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นคดีอาญาแท้ๆ รัฐบาลไทยตัดสินใจง่าย หรือคดีของนายราเกซ สักเสนา คดียักยอกทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ ที่ส่งตัวมาจากแคนาดา ก็ถือเป็นคดีอาญา เขาก็ตัดสินใจได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศเคยไปเจรจาเกี่ยวกับการทำสนธิสัญญาส่ง ผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี มีความคืบหน้าแค่ไหน นายกษิตกล่าวว่า อยู่ระหว่างการเจรจากับหลายๆ ประเทศ โดยร่วมกับทางสำนักงายอัยการสูงสุด แต่เรื่องดังกล่าวไม่สมารถทำได้ทันทีทันควัน อย่างไรก็ตาม แม้บางประเทศจะยังไม่มีสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ในบางประเทศไม่มีความจำเป็นต้องมีข้อตกลง เขาสามารถจะให้ความร่วมมือกับเราได้ แต่ในบางประเทศบอกว่าต้องมีข้อตกลง ซึ่งอยู่กับต่างจิตต่างใจว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร

เมื่อถามว่า เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณมีสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับบางประเทศหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า ไม่จริง เราเข้าไปตัดสินใจอะไรแบบนั้นไม่ได้เพราะเราไม่มีหลักฐาน มันเป็นเรื่องของการเดาความหรือการตีความ เราต้องเอาหลักกฎหมายอย่างเดียวเป็นตัวตั้ง

เมื่อถามว่าการที่ฝ่ายการเมืองของไทยไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศ ตรงนี้คือความเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า ทุกคนและตนเองก็มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ฝ่ายประเทศต่างๆ เหล่านี้ก็ได้บอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่าไม่ต้องการให้ใช้ประเทศของเขาเป็นฐานทางการเมือง โดยระยะหลังๆ จะเห็นว่าเรื่องการโฟนอินต่างๆ ก็ซาลงไป เพราะคงได้รับการบอกกล่าวจากประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปพำนัก ส่วนการโฟนอินที่เริ่มกลับมาอีกนั้น ยอมรับไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินมาจากทีไหน อาจจะอยู่บนเครื่องบินแล้วโทรศัพท์มาก็ได้ มันไม่มีหลักพิสูจน์และเราไม่ใช่หน่วยราชการลับที่จะรู้ว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณนอนอยู่ทีไหนอย่างไร มันไม่ใช่งานของกระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศเคยขอความร่วมมือไปยังต่างประเทศ นายกษิตกล่าวว่า แน่นอน เราขอทุกประเทศและอยู่ที่การตัดสินใจ อยู่ที่ดุลพินิจของเขา และเขาต้องมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคดีอาญา แต่เขาอาจจะตะขิดตะขวงใจว่านี่มีนัยทางการเมืองหรือเปล่า เมื่อถามว่าเราแจ้งทางดูไบไปอย่างไรบ้าง นายกษิตกล่าวว่า เราแจ้งไปหลายสิบครั้งแล้ว โดยพูดกับรัฐบาลยูเออี และตอนนี้คงไม่ต้องแจ้ง เพราะถือเป็นหลักปฏิบัติที่พูดกันมานานหลายสิบครั้งแล้ว พูดตลอดเวลา ส่วนกรณีที่นักการเมืองเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องของนักการเมืองที่ควรจะต้องให้ความร่วมมือ เรื่องของหลักฐาน และจะพิสูจน์ได้อย่างไร เขานั่งคุยอะไรกัน เราไม่ได้ไปนั่งฟังด้วย ซึ่งเชื่อว่าทางยูเออีทราบว่าอะไรเป็นอะไร เพราะสถานทูตที่นี่ออกวีซ่าให้

“ทั้งนี้ อย่ามากล่าวหาว่ากระทรวงการต่างประเทศยอมจำนนในการเคลื่อนไหวดังกล่าว ยืนยันเราแจ้งตลอดเวลาอยู่ที่ว่าเขาตัดสินใจอย่างไร และมันไม่ใช่ข้อมูลใหม่ ข้อมูลนี้พูดกันมา 2-3 ปีแล้ว เราก็ป้อนให้เขาอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเขาไม่ตัดสินใจ เราก็ไปบีบบังคับเขาไม่ได้ มันอยู่ที่ดุลพินิจ และขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของเขา และอยู่ที่ว่าจะตัดสินใจให้ความร่วมมือหรือไม่เท่านั้นเอง และคงไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม เราเป็นประเทศที่เคารพกติการะหว่างประเทศ โดยเราได้ขอร้องเขาให้ความร่วมมือและเราก็ส่งข้อมูล อย่างยูเออีก็อยู่ระหว่างการเจรจาทำข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน เราก็แจ้งไปที่ประเทศนั้นโดยร่วมมือกับสำนักงานอัยการ และเท่าที่ทราบทุกประเทศอย่างยูเออีก็บอกว่าไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณมีปฏิบัติการทางการเมือง ซึ่งแล้วแต่ประทศจะตีความเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน” นายกษิต กล่าว

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ศาลยกคำร้อง "ธาริต" ขอถอนประกัน "จตุพร"

Posted: 27 Dec 2010 09:50 PM PST

เวลา 11.00 น. วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลพิจารณาคำร้องที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นจำเลยร่วม 19 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คดีร่วมกัน หรือใช้ หรือสนับสนุน ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานก่อการร้าย

ศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอถอนการประกันตัวชั่วคราว แต่เห็นควรให้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม โดยห้ามมิให้จำเลย เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ห้ามเผยแพร่ข้อมูลทางการเมืองที่จะทำให้เสียหายต่อรูปคดี เว้นแต่จะเป็นการอภิปรายในรัฐสภาในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ศาลอาญาไต่สวนคำร้อง กรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอถอนประกันตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยอนุญาตให้ นายธาริต ขึ้นเบิกความเพียงปากเดียว เนื่องจากศาลเห็นว่าการยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นเรื่อง ระหว่างผู้ร้องกับศาล แต่ก็อนุญาตให้นายคารม พลทะกลาง ทนายความนายจตุพร เข้าร่วมรับฟังการไต่สวน และเปิดโอกาสให้ถามค้านนายธาริตได้ แต่กำชับให้ถามในประเด็นที่คัดค้านการขอถอนประกันเท่านั้น และไม่อนุญาตให้นำพยานขึ้นไต่สวน
 
ภายหลังนายธาริตเบิกความต่อศาล และตอบคำถามซักค้านทนายจำเลยเสร็จสิ้น ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพรหรือไม่ในวันที่ 28 ธันวาคม เวลา 11.00 น.

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

สหภาพฯ นักฟุตบอลสเปนเตรียมฟ้องศาลแรงงาน ไม่อยากเตะวันหยุด

Posted: 27 Dec 2010 08:28 PM PST

สหภาพแรงงานนักฟุตบอลสเปนเตรียมฟ้องศาลแรงงาน เนื่องมาจากโปรแกรมการแข่งขันในวันที่ 2 ม.ค. ที่เป็นวันหยุดของสมาชิกสหภาพฯ

28 ธ.ค. 53 - สหภาพแรงงานนักฟุตบอลสเปน (Spain's soccer players' union: AFE) ระบุทางเว็บไซต์ (www.afe-futbol.com) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าจะยื่นฟ้องฟุตบอลลีกอาชีพสเปน (LFP) ต่อศาลแรงงานในกรุงมาดริด ในวันที่ 29 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ เนื่องมาจากการที่ LFP กำหนดการแข่งขันฟุตบอล La Liga ในวันอาทิตย์ที่ 2 ม.ค. 2553
 
ทั้งนี้สหภาพฯ ไม่พอใจที่เวลาเริ่มแข่งขัน 5 นัดในวันดังกล่าวถูกกำหนดเอาไว้ในระหว่างเวลา 16.00 น. และ 22.00 น. โดยวันดังกล่าวถือเป็นวันหยุดสำหรับสมาชิกสหภาพฯ ในขณะที่อีก 5 นัดมีกำหนดฟาดแข้งกันในวันจันทร์ที่ 3 ม.ค. 2554 แต่สหภาพฯ ได้ระบุว่ายินดีที่จะให้มีเกมการแข่งขันพร้อมกัน 10 คู่ในวันที่ 3 ม.ค.
 
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหภาพฯ แสดงท่าทีต้องการให้ทั้ง 5 แมตช์ในวันอาทิตย์ที่ 2 ม.ค. รวมทั้งคู่ระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ เลบันเต้ และ บาเลนเซีย กับ เอสปันญ่อล เริ่มแข่งขันในเวลา 17.00 น.  แต่ทั้งนี้การแข่งขัน 5 นัดพร้อมกันอาจจะสร้างปัญหาให้กับ LFP ในเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขัน รวมทั้ง LFP เองก็ยังปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาการแข่งขันนี้ด้วย
 
สหภาพฯ ยืนยันว่าพร้อมที่จะมีการเจรจากับ LFP อีกเพื่อหาทางออกร่วมกัน หลังจากที่มีความพยายามมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ที่มาข่าว:

Players' union to take court action on La Liga schedule (Reuters, 28-12-2010)
http://in.reuters.com/article/idINIndia-53803220101227

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

คณะกรรมการการอุดมศึกษา แจ้งความเว็บฯ ขายปริญญาเถื่อน

Posted: 27 Dec 2010 02:18 PM PST

รมช.ศธ.เผยพบเว็บไซต์ประกาศรับจ้างทำปริญญาบัตรเถื่อนกว่า 10 เว็บไซด์ ให้ สกอ.แจ้งความตำรวจปราบปราม ดำเนินการแล้ว พร้อมส่งหนังสือเวียนถึงมหาวิทยาลัยให้ตรวจสอบฐานข้อมูลนักศึกษา-บัณฑิต ของตนเอง เกรงโดนเจาะฐานข้อมูล ส่วน "ไอซีที" เล็งปิดเว็บฯ ขายวุฒิ
 
กรณีสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้รับการร้องเรียนการซื้อขายปริญญาบัตรผ่านเว็บไซต์ โดยนำปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนชื่อดังมาโฆษณาหน้าเว็บ พร้อมอวดอ้างสรรพคุณว่า ตรวจสอบจะพบรายชื่อผู้สั่งซื้อปริญญาบัตรในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยนั้น 
 
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 เนชั่นทันข่าวรายงานว่า ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า เบื้องต้น สกอ.ได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีเว็บไซต์ที่มีการโฆษณาขายใบปริญญาปลอม และได้ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมถึงได้กำชับไปยังมหาวิทยาลัยทุกแห่งในการออกใบปริญญา และใบทรานสคริปต์ ทั้งนี้ สำหรับการตรวจสอบใบปริญญาบัตรว่าจริงหรือปลอม เบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากลายเซ็นรับรอง ซึ่งใบปริญญาต้องมีลายเซ็น 2 หรือ 3 ที่ จากอธิการบดี สภามหาวิทยาลัย คณบดี และต้องมีตราประทับของมหาวิทยาลัย แต่หากไม่มั่นใจสามารถส่งใบปริญญากลับไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม อยากให้นายจ้างตรวจสอบให้ชัดเจน
 
เนชั่นทันข่าว รายงานด้วยว่า ด้านนายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวถึง ความคืบหน้าในการจัดการเว็บไซต์ที่ขายปริญญาเถื่อนว่า ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แจ้งความกับกองตำรวจปราบปราม ให้สืบสวนดำเนินคดีกับเว็บไซด์ที่ประกาศรับจ้างทำปริญญาบัตรเถื่อนซึ่งมีอยู่กว่า 10 เว็บไซด์แล้ว ทั้งให้ส่งหนังสือเวียนถึงมหาวิทยาลัยให้ตรวจสอบฐานข้อมูลนักศึกษา บัณฑิต ของตนเอง ซึ่งแนวทางหนึ่งที่น่าจะช่วยได้คือ การพิมพ์รายชื่อผู้ได้รับอนุมัติปริญญาบัตรในแต่ละปีออกมาเป็นเอกสาร เพื่อเก็บไว้เปรียบเทียบตรวจสอบและยืนยันภายหลังหากโดนเจาะฐานข้อมูล 
 
นอกจากนี้นายไชยยศได้แสดงความเห็นว่า เราควรใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มเติมเข้าในการจัดพิมพ์ปริญญาบัตร เช่น ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยเหมือนกับระบบการจัดพิมพ์ข้อสอบของสถาบันทดสอบทางการศึกษา เพิ่มลายน้ำในปริญญาบัตรเหมือนการพิมพ์ธนบัตร หรือติดสติกเกอร์ หรือ เพิ่มแถบบาร์โค้ด ในปริญญาบัตร เป็นต้น ซึ่งเพิ่มต้นทุนการผลิตไม่มากเท่าไร 
 
“กรณีการผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยจำนวนมากๆ ในลักษณะจ่ายครบจบแน่ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมากกว่าปริญญาเถื่อนทางเว็บไซต์เสียอีก เพราะเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยทำเสียเอง ในการผลิตบัณฑิตมากเกินความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะสายสังคมศาสตร์ หรือการที่มหาวิทยาลัยกำหนดหลักสูตรปริญญาโทจบได้ภายใน 1 ปี รวมทั้งการกำหนดหลักสูตรให้สามารถเทียบโอนประสบการณ์จำนวนมากๆ ได้ แต่เรียนในห้องเรียนน้อยซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องคุณภาพ ดังนั้น ผมคิดว่าควรมีการกำหนดเกณฑ์การจบการศึกษาในทุกหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรปกติ หรือหลักสูตรพิเศษ โดยใช้การสอบเพื่อจบการศึกษา เช่น ต้องมีคะแนนโทเฟลก่อนจบเท่าไร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมขอเข้าประชุมกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เพื่อขอการสนับสนุนให้ดูแลคุณภาพการผลิตบัณฑิตแล้ว หลังจากนี้จะขอเข้าร่วมประชุมกับที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) และ มหาวิทยาลัยเอกชนต่อไป” รมช.ศธ. กล่าว 
 
ม.รัฐเฝ้าระวังขายปริญญาปลอมผ่านเว็บฯ
เนชั่นทันข่าว รศ.ดร.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า มก.เฝ้าระวังเรื่องแอบอ้างขายปริญญาบัตรที่โฆษณาหลอกลวงผ่านเว็บไซต์ มาเป็นเวลา 1 เดือนแล้วเมื่อได้ข้อมูลชัดเจนจึงได้ให้สำนักกฎหมาย มก.ประสานให้กระทรวงไอซีทีจัดการ ทั้งนี้ ยืนยันได้ว่าเป็นการแอบอ้างโดยที่คนใน มก.ไม่เกี่ยวข้อง แต่มก.คงไปห้ามหรือป้องกันได้ยากเพราะระหว่างคนที่จ้องทำผิดกับคนเฝ้าระวังไม่ว่าจะทำอย่างไรก็คงป้องกันได้ยาก อีกทั้งปริญญาของมก.ก็เป็นใบปริญญาธรรมดา ดังนั้น ถ้าหน่วยงานใดสงสัย ก็สามารถประสานขอให้มก.ตรวจสอบได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน ที่ผ่านมามีหน่วยงานราชการขอให้ตรวจสอบปริญญาอยู่บ้าง และยังไม่เคยเจอปริญญาปลอม
 
ศ.นพ. ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในส่วนของจุฬาฯ ยังไม่เคยถูกนำไปโฆษณาชวนเชื่อทางเว็บไซต์และยังไม่เคยเจอปริญญาปลอม โดยที่ผ่านมามีหน่วยงานต่างๆ ขอให้จุฬาฯ ช่วยตรวจสอบปริญญาอยู่บ้าง ซึ่งยังไม่เคยเจอปริญญาปลอม ทุกใบเป็นของจริง เชื่อว่าเพราะจุฬาฯวางระบบป้องกันดีโดยปริญญาของจุฬาฯ พัฒนาโดยสำนักทะเบียนที่ไม่สามารถปลอมได้ง่ายๆ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบได้เร็วด้วยว่าเป็นปริญญาของจุฬาฯจริงหรือไม่
 
"ไอซีที" เล็งปิดเว็บโฆษณาขายวุฒิการศึกษา 
มติชนออนไลน์  นางมัทนา สานติวัตร อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยที่ถูกเว็บไซต์แอบอ้างโฆษณาชวนเชื่อโดยลงภาพปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย นอกเหนือจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ว่า ระบบการป้องกันฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยกรุงเทพทำไว้อย่างรัดกุม การพิมพ์ปริญญาบัตรก็แยกโรงพิมพ์ และแบ่งส่วนความรับผิดชอบให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนดูแลชัดเจน ส่วนเรื่องเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยสอดไส้รายชื่อนักศึกษาหรือบัณฑิตลงไปในฐานข้อมูลหรือปัญหาเกลือเป็นหนอน ไม่มีอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยกรุงเทพก็ออกแบบพิเศษ มีจุดสังเกตที่ตรวจสอบได้เหมือนธนบัตร ที่ผ่านมาพบว่ามีของปลอมแต่น้อยมาก
 
นางจิราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวงไอซีทีได้รับหนังสือร้องเรียนเรื่องดังกล่าวจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งประสานขอรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ชื่อเว็บ วันที่พบ เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถส่งฟ้องร้องต่อได้หรือไม่ หากพบว่ามีหลักฐานเพียงพอ ทางกระทรวงก็จะยื่นฟ้องร้องเพื่อปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าว รวมทั้งเว็บไซต์ที่โฆษณาขายวุฒิการศึกษาถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานหลอกลวงด้วย
 
"นายกเล็กโคกกลอย" ข้องใจเปิด "ป.เอก" แต่ไม่ต้องเรียน
ทางด้านนายพิชิต จินดาพล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ในฐานะนักศึกษาปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ศูนย์การศึกษาจังหวัดภูเก็ต รุ่น 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคกลางมาตั้งศูนย์การศึกษาอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ และมีการโฆษณารับนักศึกษาระดับปริญญาเอก ใช้เวลาเรียน 2 ปี แต่ความเป็นจริงไม่มีการเรียน เพียงแต่ลงทะเบียนและจ่ายเงิน 600,000 บาท รอให้ใกล้เวลา 2 ปี ค่อยไปสอบปากเปล่ากับอาจารย์เพียง 4 คน และก่อนไปสอบจะมีนักการศึกษามาช่วยสอนให้พูดด้วย 
 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น