โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

สัมภาษณ์ ลุงเลิดมะนี สีเชียงใหม่: ศิลปินลาวจากขี้เยี่ยกลายเป็นละครหุ่นลาว

Posted: 03 Nov 2011 10:21 AM PDT

สัมภาษณ์ ลุงเลิดมะนี สีเชียงใหม่: ศิลปินลาวจากขี้เยี่ยกลายเป็นละครหุ่นลาว

สัมภาษณ์ ลุงเลิดมะนี สีเชียงใหม่: ศิลปินลาวจากขี้เยี่ยกลายเป็นละครหุ่นลาว

สัมภาษณ์ ลุงเลิดมะนี สีเชียงใหม่: ศิลปินลาวจากขี้เยี่ยกลายเป็นละครหุ่นลาว

สัมภาษณ์ ลุงเลิดมะนี สีเชียงใหม่: ศิลปินลาวจากขี้เยี่ยกลายเป็นละครหุ่นลาว

ลุงเลิศมณี ศรีเชียงใหม่ หรือถ้าเรียกและเขียนให้ถูกต้องตามภาษาลาวคือ ‘เลิดมะนี สีเชียงใหม่’ เป็นศิลปินละครลาวสูงวัยใกล้หกสิบปี ที่เดินทางมาร่วมงานกิจกรรมเสวนา “ละครเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริงหรือ? ซึ่งมูลนิธิสื่อชาวบ้าน(มะขามป้อม) ร่วมกับภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดขึ้น ณ โรงละครมะขามป้อม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีนักวิชาการ นักการละคร ศิลปินหลายแขนง 20 ชาติเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ลุงเลิดมณี สีเชียงใหม่ เป็นอีกคนหนึ่ง ที่พาทีมงานข้ามฟากจากฝั่งโขงของลาว มาร่วมแสดงงานละครหุ่นลาวให้ผู้คนได้ชมกันอย่างตื่นตาตื่นใจ โดยละครหุ่นของเขานั้นเด่นและสะดุดตาแก่ผู้เห็น เพราะเป็นหุ่นแต่ละตัวนั้น เขาทำมาจากขี้เยี่ย หรือเศษขยะที่อยู่รอบๆ โรงละครมะขามป้อม แล้วนำมาประดิษฐ์ ตกแต่ง ปรับใช้ และนำมาแสดงให้ดูตรงนั้นเลย

นี่คือคำบอกเล่าของ ลุงเลิดมะนี ว่าทำไมชีวิตเขาถึงผูกพันกับหุ่นขี้เยี่ยเช่นนี้ และละครเปลี่ยนสังคมได้จริงหรือ? ซึ่งจากคำเว้าซื่อๆ ของลุงเลิดมะนี นั้นอาจซ่อนแฝงไว้ในความสัมพันธ์ ความงาม ความจริง และความเชื่อ ให้ค้นหาได้

บ้านเดิมจริงๆ ของลุงอยู่เมืองไหน ?
อยู่บ้านแก้งก่อ เมืองจำพอน สุวันนะเขด เขตภาคใต้ของลาว ติดกับมุกดาหารของไทยนี่แหละ บ้านลุงอยู่ในเขตชนบท ออกจากสุวรรณเขตประมาณห้าสิบกว่ากิโล

ครอบครัวของลุงดั้งเดิมเป็นศิลปินมาก่อนหรือเปล่า ?
ก็มีน้องของพ่อ เป็นอาว เขาเป็นหมอลำสุดยอดของเมืองลาวเลยหละ ชื่อหมอลำบุนตอง เป็นหมอลำพอนสะหวัน ในเมืองสุวันนะเขด จะมีลำหลายประเภท อย่างลำพอนสะหวัน ลำพูไท ลำบ้านช่อ มีแขวงเดียวนี่แหละที่มีหมอลำหลาย แขวงอื่นก็มีเหมือนกัน แต่จะมีลำอันเดียว

เรื่องหมอลำนี่ปัจจุบันมีลูกหลานสืบทอดต่อๆ กันมาไหม ?
ไม่มีเลย เพราะว่าการเป็นหมอลำมันเป็นชีวิตที่ไม่รุ่งเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่คนโบฮานเขาห้ามถ้าเต้นกินรำกินเขาว่าไม่ดี แต่ว่าน้องของพ่อเป็นคนสองเพศ เขาก็แหวกแนวออกไปอะไรก็ตามเขาก็ต้องเอาอย่างเดียว รำ เขาก็เป็นหมดลำคนเดียวในเขตสุวรรณเขต

แล้วมาในยุคของลุง ได้กลายมาเป็นศิลปินละครหุ่น หรือกะบอกลาวนี้ได้อย่างไร ?
ชีวิตมันก็ยืดยาว ครั้งแรกเริ่ม ชีวิตลุงไม่อยากเป็นนักศิลปินเลย ลุงเข้าเฮียนวิชาครู เฮียนครูวรรณคดีกับการเมือง หลังจากเรียน 4 ปี ก็มีพรสวรรค์ในการแสดง การเล่านิทาน ก็เป็นแรงบันดาลให้การเล่านิทานนี่มันจะเป็นการชักชวนให้คนหัวเราะ แล้วก็เป็นการเติมชีวิตให้คน แต่การเล่านิทานมันมีช่วงคับแคบ ก็เลยคิดว่ามาเป็นนักแสดงดีกว่า ก็หันตัวมาเป็นนักแสดง ไปเรียน ตอนนั้นเขาเชิญผู้เชี่ยวชาญของเวียดนามมาสอน สอนเทคนิคการแสดง

เป็นสาขาการแสดงเลยหรือเปล่า ?
ไม่นะ เป็นการสอนในระยะสั้น แค่เก้าเดือน จบออกมา ก็มาเป็นนักแสดง รัฐบาลลาวก็ตั้งกองละครขึ้นในเวลานั้น ลุงก็เรียนจบมหาวิทยาลัย ชื่อมหาวิทยาลัยสร้างครูดงดู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นครู ออกมาก็มาเป็นนักแสดงเลย(หัวเราะ)

ลุงเป็นข้าราชการของลาวเลยใช่ไหม ?
แม่น ตอนนั้นถือว่าเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนกินแล้ว ก็ทำกับรัฐบาล หลังจากการทำการละคร ลุงได้มีการแลกเปลี่ยนกับทางเวียดนาม คือเขาให้ทุนไปศึกษางานมาสร้างกองละครลาว ซึ่งกองละครลาวนี่ลุงก็ยังไม่ชอบ เพราะว่าจำนวนคนมันเยอะ ไปที่ไหนทีก็ประมาณ 30-40 คน เยอะ ไม่ชอบ ลุงก็ออกมาเป็นนักแสดงตลก

แล้วทำไมถึงเลือกที่จะแสดงละครหุ่น ?
คือเวลาเดียวกันนั้น มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศสเข้ามา ก็ได้มีโอกาสได้เข้าคุยกับรัฐบาลกลาง แล้วเขาก็ให้ทุนเราไปเรียนที่ฝรั่งเศส ประมาณหกเดือน เรียนพื้นฐานของการแสดง กลับคืนมาก็มาสร้างทีมงานของลุงที่ลาว มีกลุ่มกายกรรมของลาว และในเวลาเดียวกันนั้นนักแสดงของฝรั่งก็เข้ามาในลาว มีนักแสดงละครหุ่นเข้ามา เขาก็มาเสาะหาลุง เพราะว่าลุงเป็นคนที่พูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่อง แล้วเขาก็ให้พาทีมงานนี้ไปแสดงตามชนบท อันนี้ลุงคิดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ของลุง ที่ได้เอาการแสดงของฝรั่งไปแสดงบนดอย เพราะตามหมู่บ้านนั่นไม่มีคนเว้าภาษาลาวได้ มีแค่พ่อบ้านคนเดียวเว้าภาษาลาวได้ ลูกบ้านเว้าภาษาชนเผ่าหมดเลย เป็นลาวเทิง

ที่นั่นไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ มืดหมดเลย ค่ำมาเขาทำการแสดง โดยที่ให้ชาวบ้านเอาดุ้นฟืนมาคนละดุ้น เอากองรวมกันแล้วก็ดังไฟ(ก่อไฟ)ขึ้น แล้วคนฝรั่งเขาก็ทำการแสดงรอบกองไฟ ในเวลาเดียวกันชาวบ้านก็เอาวัฒนธรรมของชาวบ้านออกมาแสดงแลกกัน ฝรั่งมีแนวคิดเรื่องวัฒนธรรมของตัวขึ้นมา เขาก็บันทึกเอา แล้วก็กลับไปบ้านเขา

ทำให้ลุงมองเห็นกลวิธีในการแสดงของฝรั่ง จนกลายมาเป็นละครหุ่นใช่ไหม ?
แม่น พอลุงเห็นเหตุการณ์นั้น ลุงกลับลงดอย ก็ไปรายงานกับรัฐบาล ว่าเราควรเหมือนเขา ทำวิธีอย่างเขา เพราะวิธีของเขาดี เพราะก่อนหน้านั้นลุงอยู่ละครของลาว พอไปแสดงให้ชนเผ่าเบิ่ง เขาไม่เบิ่งเพราะเขาไม่รู้ภาษา แต่ฝรั่งนี่มีเทคนิค โดยไม่ต้องพูด

หลังจากนั้น ลุงก็ขอทุนรัฐบาลไปเรียน รัฐบาลเขาก็ให้เราไป กลับมาเราก็มาสร้างทีมงานละครหุ่น โดยเอาอุปกรณ์ของลาว คือเอาขี้เยี่ย(เศษขยะ)ของลาวนี่แหละ มาทำ แล้วก็เอาแสดงให้ชาวบ้านดู ปรากฏว่าทำให้เราเห็นความแฮง เห็นความเปลี่ยนแปลงของมัน

ทำไมลุงถึงเลือกเอาขี้เยี่ยหรือเศษขยะมาทำเป็นละครหุ่น ?
เพราะว่าเราไปบ้านแต่ละบ้าน เราไม่ถืออุปกรณ์ไป แต่เราไปหาเอาในหมู่บ้านนั้นเลย เราเอาหุ่นที่อยู่ในบ้าน เอาอุปกรณ์ที่อยู่ในบ้านขึ้นมา แล้วให้เขาทำเอง แล้วก็ให้เขาเล่นเอง เราแค่สอนเทคนิคนิดๆ หน่อยๆ มันทำให้ชาวบ้านฮักผลงานที่เขาทำขึ้นมา มีผลงานเป็นของตนเอง แล้วเขาก็จะรู้จักจุดอ่อนจุดดีที่คนอื่นเขาทำ ถ้าเกิดหุ่นที่ทำนั้นมันมีปัญหาเขาก็แปง(สร้าง)ใหม่เลย เฮ็ดให้ชาวบ้านมีความฮักในผลงาน

อันที่สอง เฮ็ดให้ชาวบ้านไม่ทิ้งขี้เยี่ย อันไหนที่ทิ้ง ก็เอามาทำประดิษฐ์ประดอย แล้วก็เล่นกัน แล้วก็เป็นการขยายงาน เพราะตรงนี้มันเป็นงานรีไซเคิลด้วย

ก็เลยทำให้ละครหุ่นของลุง กลายเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมมากขึ้น ?
ลุงเริ่มทำละครหุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 พอถึงปี 2011 ปรากฏว่ากระแสมันพุ่งขึ้น แฮงขึ้น จากลุงคนเดียว แล้วก็เพิ่มมา 5 คน ซึ่งทั้ง 5 คนนี่ได้ส่งไปฝึกงานที่ฝรั่งเศส แล้วก็กลับมาแสดง จากนักแสดงละครหุ่น 5 คน ก็มาเป็น 10 ปัจจุบันนี้มีซาวคน (20 คน) แล้วซาวคนนี่ ก็ยังสามารถไปแสดง แยกไปตามที่ต่างๆ ครั้งละ 5 คนได้

หมายความว่า จุดเด่นของการแสดงละครหุ่น คือไม่ต้องใช้คนเยอะ และไม่ต้องเตรียมตัวหุ่น ?
แม่นแล้ว คือไม่จำเป็นต้องไปแสดงหมด ใช้คนน้อย แล้วเราก็สามารถไปได้ทุกที่ทุกทาง ไปก็ไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไป อันนี้มันจะเป็นการประหยัด และก็สามารถไปทุกแห่งทุกซอกทุกซอยของพื้นที่ได้ดนตรีเราไม่ต้อง เราก็ใช้ดนตรีของพื้นบ้านเขา อะไรก็ได้ที่มันให้เสียง แล้วก็เคาะให้หุ่นแสดง อันนี้มันจะดันให้เราแฮงขึ้น

จนทำให้ผลงานและชื่อเสียงของละครหุ่น หรือกะบอกลาวขี้เยี่ยโด่งดังไปทั่ว ?
11 ปี ที่ผ่านมา เราไปจัดแสดงอยู่ในกลุ่ม 10 ประเทศของอาเซียนครบเลยหละ แล้วก็จะไปทางยุโรป มีฝรั่ง อัฟริกา เยอรมัน ฯลฯ ปรากฏว่ามันบรรลุขึ้นมาแล้ว ปัจจุบันนี้จากหน่วยกระบอกลาวก็แตกออกเป็นหน่วยหน้อยๆ อย่างเช่น หน่วยข้าวเหนียว หน่วยแจ่วบอง ที่เป็นลักษณะพื้นบ้านๆ

ละครหุ่นลาวของลุงแตกต่างกับละครหุ่นชาติอื่นอย่างไรบ้าง ?
ลุงเคยประชันกันกับละครโจหลุยส์ของไทยนะ วิธีเล่นของโจหลุยส์กับของกระบอกลาวเหมือนกัน มันคล้ายๆ กันตรงตัวหุ่น แต่ของเราจะไม่ปิดหน้า ไม่เล่นกับผ้ากั้ง แต่จะออกไปเล่นกับผู้ชม แต่ของโจหลุยส์เป็นตัวละครที่แพง ผลิตขึ้นมาแล้วขายไม่ได้ ถ้าซื้อก็ไม่ขาย ตรงกันข้ามกับของเรา เราผลิตขึ้นมาแล้วแสดงแล้วฝากไว้เลย ฝากไว้ให้บ้านนั้นเลย เขาก็เอาไปเลย ชาวบ้านเขาก็เล่นไป(หัวเราะ)

นอกจากโจหลุยส์แล้วก็ยังมีละครน้ำของเวียดนาม อันนี้ก็ไม่มีอะไรมากแต่มันมีน้ำเล่น เล่นอยู่ในน้ำ อันนี้เป็นตัวพิเศษที่บ่มีไผทำขึ้นมา ก็เหมือนกับละครหุ่นกระบอกลาวเอาขี้เยื้อขึ้นมา ก็ยังไม่มีไผทำ แต่อันนี้เขาก็ศึกษาเรา เราก็ศึกษาของเขาด้วย แต่ในร่วม 10 ปีมานี้ เราได้ร่วมโครงการเกี่ยวกับละครเสียงเด็กแล้วก็บรรดาเครือข่ายของละครที่อยู่ในกลุ่มของอาเซียนด้วยกัน ก็มีการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น

ทุกวันนี้สังคมในประเทศลาวยอมรับการแสดงหุ่นลาวมากขึ้นไหม ?
จุดนี้ยังไกลกันกับเมืองไทย เพราะว่าคนลาว เขาไม่เหมือนลุง อย่างเพื่อนที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยสร้างครูดงดู่ด้วยกัน บางคนก็ไปเป็นรัฐมนตรี เป็นกรมการเมือง แต่ลุงเลิศไม่ได้เป็น เมื่อก่อนเพื่อนหลายคนบอกว่าลุงเลิศเป็นบ้า เรียนจบสูง แต่มาทำอย่างนี้ ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีใครว่าอย่างนั้นแล้วหละ(หัวเราะ) สังคมยอมรับเราแล้ว แค่นั้น แต่ประชาชนมีไม่กี่คนที่เข้าใจปัญหานี้ยังอีกหลายคนอยู่

ใครคือกลุ่มเป้าหมายของการแสดงละครหุ่นลาว ?
เวลาเราเปิดกลุ่ม work shop ผู้ที่เข้ามาเรียนจะไม่ใช่คนในวงการ แต่เป็นเด็กด้อยโอกาส อนาถา ไม่มีงานทำ เรียกได้ว่าผู้ใหญ่ยังไม่เข้าใจเรา เขาจะเอาลูกเขาไปเป็นภาษี จะเอาลูกเขาไปเป็นการเงิน เอาลูกไปเป็นบัญชี เผื่อจะกอบโกยอะไรเขามา เพราะหลายคนเขาคิดเพียงแค่จะทำอย่างไรจะได้เงินหลาย แต่ลุงดีใจที่มีโอกาส อยู่ข้างคนยากคนจน ได้ช่วยเหลือพวกเขา

ปัจจุบันนี้ก็มีหลายโครงการเชิญเราไป ลุงเลิศก็จะฝากลูกฝากหลานไปให้คนอื่นรู้ว่าละครมันดี มันเปลี่ยนนิสัยของลูกเขาได้ เห็นผิดเป็นยังไง ถูกเป็นยังไง และรูปการละครของลุงเลิศไม่เหมือนเก่า แต่ก่อนมีการเขียนบท มีการขึ้นต้นเรื่อง การดำเนินเรื่อง และการจบเรื่องว่าจะจบลงยังไง จบจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือว่าเศร้าไปเลย ตายไปเลย แต่ลุงเลิศไม่ทำอย่างนั้น

แค่ยกขึ้นมาในละครเรื่องเดียวที่ลุงเลิศเคยแสดงผ่านๆ มา อย่างเช่น เรื่องความฝันของปู่จันย่าจัน ความฝันของผู้เฒ่า ลุงเอาเรื่องนี้ไปแสดงให้เด็กน้อยอนุบาลเบิ่ง เขาก็คิดไปอย่างหนึ่ง เรื่องเดียวกันแต่ถ้าเอาไปแสดงโฮงเฮียนประถม มัธยม เขาก็คิดไปอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเราเอาไปแสดงที่มหาวิทยาลัยเรื่องเดียวกันมันก็คิดไปอีกเรื่องหนึ่ง เราจะไม่ให้กรอบเขา ถ้าคุณดู คุณต้องคิด

ยกตัวอย่าง แมงไม้ที่ลุงทำ ถ้าเด็กน้อยเห็นก็จะอ้า..แมงมุม แต่ไปถามอีกคนหนึ่งก็อาจจะบอกว่า งู ก็ได้เขามีสิทธิคิด แต่ลุงไม่ได้ตีกรอบ เป็นนี่เป็นนั่น เพื่อจะให้เขาได้คิดว่านี่มันอะไร เราจะไม่เข้าไปในกรอบแต่เราจะแหวกแนวออกไป แล้วให้เขาไปคิดเอาเอง

ทุกวันนี้ลุงมีความสุขไหมกับการใช้ชีวิตเป็นศิลปินละครหุ่นแบบนี้ ?
ก็ธรรมดา ถ้าเราอยากได้อะไร เรามุ่งมั่นในอะไร แล้วก็ไม่มีใครมาห้าม ลุงคิดถูกแล้ว เพราะว่าหลังจากประชาชาติปลดปล่อยมันไปทางคอมมิวนิสต์ ก็คิดว่าตายแล้ว มันจะไปสังคมนิยมยังไง สุดท้ายมันก็ไปของมันเอง มาปัจจุบันนี้ โลกก็ยอมรับแล้วว่า มันไม่เหมือนคอมมิวนิสต์แล้ว ถ้าจะเป็นคอมมิวนิสต์ก็เป็นคอมมิวนิสต์แบบลาว ถ้าของแบบจีนก็แบบของจีนต่างหาก ก็มีความสุขของมัน โดยที่ไม่มีใครมาห้ามเราได้ จะห้ามเราทำไม มีบางคนที่เคยไปฮ่วมบุญโบราณของมหกรรมละคร มีบางคนก่อนจะแสดงเขาทำพิธีกรรม แต่ของเราไม่การทำพิธีกรรมสามสิบนาทีก่อนแสดงแบบนั้น ผู้ชมก็จะตั้งคำถามว่าอะไรวะ มีการจุดเทียน มีการเทศน์ ก่อนการแสดง และบางคนมักมาถามเรา คุณมีไหม เราบอกไม่มี เราไม่ไหว้ครู เพราะเราเอาขี้เยี่ยมาทำ แต่ที่เขาเอาหน้ากากอะไรมาแสดงนั้น เขาต้องใส่หิ้งฆ่าหมูไปไหว้กัน แต่เราไม่ทำ จะให้เรามาไหว้ขี้เยี่ย เราคงไม่ไหว้ละ(หัวเราะ)

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ต้องไม่มีคนเสียชีวิต โจทย์ใหญ่ศูนย์จัดการภัยพิบัติเมืองคอน

Posted: 03 Nov 2011 10:10 AM PDT

รถแทร็คเตอร์ รถบด และแรงงานกำลังทำงานปรับปรุงถนนหมายเลข 4186 ทางเข้าตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช กลางสายฝนที่ตกค่อนข้างหนักคราคร่ำไปด้วยโคลนดิน สองข้างทางปรากฏตลิ่งคลองพังทลายฉีกกว้างประหนึ่งแม่น้ำ ซากไม้ซุง หินก้อนน้อยใหญ่เรียงรายสะเปะสะปะ มีกระแสน้ำไหลเซาะผ่านช่องว่างแคบๆ

“พี่เล็ก” นายอนนท์ พานปลอด ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังภัย ขับรถยนต์ลัดเลาะไปตามเชิงเขาที่มีรอยปริพร้อมถล่มทุกเวลา ผ่านถนนและสะพานที่เคยขาดหลายแห่ง ซึ่งถูกปรับปรุงให้พอสัญจรได้เฉพาะหน้า รถยนต์ทะยานมุ่งไปสู่บ้านห้วยตง และบ้านทับน้ำเต้า 2 หมู่บ้าน ที่ประสบเหตุภัยพิบัติดินโคลนถล่มหนักที่สุดในพื้นที่กรุงชิง นบพิตำ

บริเวณฝายน้ำล้นที่ถูกทับถมด้วยเศษหิน ชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังช่วยกันแข็งขันที่จะสร้างขึ้นมาใหม่แทนฝายเดิม เพื่อนำน้ำมาใช้สำหรับอุปโภค บริโภคเช่นเดิม ก่อนที่จะกลับมานั่งพักผ่อนพูดคุย สูบใบจากผ่อนคลาย ครั้นเมื่อทุกคนเห็นพี่เล็ก ซึ่งเป็นคนที่นำอุปกรณ์วิทยุสำหรับสื่อสาร อาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ ทุกคนต่างทักทาย

“มาอีกแล้วเหรอ แสดงว่าใกล้จะเกิดเหตุการณ์อีกแล้วใช่ไหม เรายังกลัวไม่หายเลย” นายลิขิต ไชยเพ็ชร์ ชายวัยดึกผมขาวโพลน ทักทายด้วยอากัปกิริยาล้อเล่นพลางหัวเราะ

ก่อนที่พี่เล็กจะถามนายเศวต พรหมอินทร์ ผู้ใหญ่บ้านห้วยตงว่าเตรียมรับมือภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไร

“เราถางป่าสร้างสนามบินแล้ว ใช้เป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ชาวบ้านไปซื้อข้าวสาร อาหารของกินและน้ำดื่มมาตุน เตรียมเครื่องปั่นไฟไว้ใช้ในยามฉุกเฉินแล้ว” นายลิขิต แย่งตอบ

“ตอนนี้ชาวบ้านสื่อสารด้วยวิทยุเฝ้าระวังภัยที่อาจเกิดขึ้น ประสานงานกับวิทยุแม่ข่ายที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีการฝึกซักซ้อมการรับมือภัยพิบัติ ถ้าฝนตกติดต่อกัน 3 ชั่วโมง เราจะไปรวมตัวกันที่ศาลาประจำหมู่บ้านห้วยตง หรือไม่ก็ที่สำนักสงฆ์บ้านทับน้ำเต้าทันที ขณะนี้ชาวบ้านต้องการอุปกรณ์กู้ชีพ อาทิ เสื้อชูชีพ เชือก เพราะแนวดินถล่มเดิมก็ทำท่าจะถล่มอยู่แล้ว ฝนตกแค่ห่าเดียวก็เป็นเรื่อง” นายเศวตร บอกถึงการเตรียมตัวและความต้องการของชาวบ้าน

ข้อมูลจากว่าที่ร้อยตรีกำพล จิตตะนัง ผู้ประสานงานศูนย์จัดการภัยพิบัติพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชระบุว่า ศูนย์จัดการภัยพิบัติพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานงานกับชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาครัฐ ตั้งอยู่ที่อาคารวิจัย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

“เบื้องต้นเราต้องการให้ชุมชนพึ่งพาตัวเองก่อน หากเกินความสามารถค่อยประสานงานมายังศูนย์ แจ้งความต้องการให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ศูนย์จะประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่มีศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือด้านนั้นๆ เพื่อลดปัญหาความช่วยเหลือซ้ำซ้อน” ว่าที่ร้อยตรีกำพล กล่าว

ในส่วนของโครงการจัดทำความพร้อมเพื่อรับมือภัยพิบัติ ว่าที่ร้อยตรีกำพลบอกว่า ประกอบด้วย งานเฝ้าระวังภัยพิบัติ โดยประมวลองค์ความรู้ นำความรู้ออกเผยแพร่ และบริการข้อมูลสารสนเทศผ่านเว็บไซต์ ซึ่งกำหนดเปิดไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 จะมีการให้ข้อมูลกับชาวบ้านชุมชนต่างๆ ผ่านสถานีวิทยุของศูนย์ฯ เชื่อมต่อกับวิทยุชุมชนหลายแห่ง ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ออนไลน์ และเว็บไซต์เครือข่ายของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังภัยผ่านวิทยุสื่อสาร ที่จะออกมาให้ข้อมูลพื้นที่ต่างๆ เป็นระยะ

“มีการจัดทำความพร้อมเพื่อรับมือภัยพิบัติโดยให้ชุมชนจัดทำแผนงานรับมือในระดับชุมชน มีการซักซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช”

ในส่วนของศูนย์ประสานงานฯ ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ทำหน้าที่ประสานงานกับภาคีความร่วมมือต่างๆ ประกอบด้วย อาสาสมัครเฝ้าระวังและกู้ภัย นักวิชาการ สื่อมวลชน ภาคเอกชน ภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน มีโจทย์ร่วมกันคือ ระหว่างตุลาคม 2554–มกราคม 2555 ต้องไม่มีคนเสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติในจังหวัดนครศรีธรรมราช

สำหรับโครงสร้าง ประกอบด้วย ทีมประสานงานกลาง ข้อมูลและสารสนเทศ เป็นหน้าที่ของศูนย์ฯ ทีมสื่อในส่วนนนี้สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสได้จัดอบรมนักข่าวพลเมืองเตรียมรับมือภัยพิบัติ ทั้งยังมี MMC สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม TNews วิทยุชุมชน และนักข่าวอาสาภาคชาวบ้านเข้าร่วมด้วย

ในส่วนของทีมสุขภาพ มีกลุ่มอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านพยาบาล สาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลมหาราช อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทีมภาคสนาม ประกอบด้วย ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 กองกำกับการตำรวจตระเวณชายแดนที่ 42 ฝ่ายครัว ประกอบด้วย กลุ่มแม่ค้าร้านข้าวแกงชุมชนสาธิตวลัยลักษณ์ และชุมชนอ่าวท่าศาลา

ทีมกู้ภัย ช่วยชีวิต มีอาสาสมัครจัดการภัยพบัติจาก 35 พื้นที่ มูลนิธิประชาร่วมใจ หน่วยรถกู้ภัยใต้เต็กทุ่งสง อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ทีมกระจายอาหาร ส่วนทีมเฝ้าระวังเตือนภัย มีสถานีศูนย์วิทยุเฝ้าระวังภัย ศูนย์อุตุนิยมวิทยา รับผิดชอบ

ทีมศูนย์อพยพ ประกอบด้วย ศูนย์ฯ ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ วัดป่ายาง องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะทวด อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทีมพื้นที่ มีอาสาสมัครในพื้นที่ ทีมวิชาการ ได้แก่ศูนย์บริการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ฯลฯ

วันนี้ฝนเริ่มตกลงมาแล้ว หนักบ้างเบาบ้าง โจทย์ไม่มีคนเสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติในจังหวัดนครศรีธรรมราช กลายเป็นเรื่องท้าทายความสามารถของคนเมืองคอนโดยแท้

ต้องไม่มีคนเสียชีวิต โจทย์ใหญ่ศูนย์จัดการภัยพิบัติเมืองคอน

ในภาพ จากซ้ายไปขวา นายเศวต พรหมอินทร์ นายแหล่ ตองติดรัมย์
นายลิขิต ไชยเพ็ชร์ นายอนนท์ พานปลอด

กำพล จิตตะนัง

กำพล จิตตะนัง

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

กานดา นาคน้อย เศรษฐศาสตร์สามัญสำนึก : จากหนองงูเห่าสู่ที่ราบสูง

Posted: 03 Nov 2011 09:34 AM PDT

วิกฤตอุทกภัยไทยปีนี้โด่งดังในระดับนานาชาติ เพราะสื่อมวลชนต่างชาติแพร่ภาพนิคมอุตสาหกรรม 7 แห่งจมน้ำไปทั่วโลก คนไทยได้เรียนวิชาภูมิศาสตร์นอกหลักสูตรกระทรวงศึกษาฯพร้อมกับชาวต่างชาติผ่าน สื่อมวลชน ได้รู้ว่าไทยมีนิคมฯ ในพื้นที่เสี่ยงต่ออุทกภัยมากมาย ได้เห็นภาพน้ำท่วมถึงท้องเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ทำให้ต้องลุ้นกันว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะจมน้ำไหม?

กำเนิดสนามบินสุวรรณภูมิและนิคมอุตสาหกรรม
โครงการสนามบินสุวรรณภูมิเริ่มต้นเมื่อ 50 ปีที่แล้วในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ [1] กระทรวงคมนาคมเริ่มเวนคืนที่ดินในบริเวณที่เรียกกันว่า“หนองงูเห่า”ตั้งแต่ยุครัฐบาลสฤษดิ์ สนามบินแห่งใหม่จึงได้ชื่อว่า“สนามบินหนองงูเห่า” หลังเวนคืนและการก่อสร้างระยะแรกก็มีการทบทวนว่าจะสร้างสนามบินหนองงูเห่ากันจริงๆหรือไม่ ในที่สุดการก่อสร้างจริงจังก็เริ่มต้นในยุครัฐบาลอานันท์ 1 หรือรัฐบาลรสช.ซึ่งเป็นรัฐบาลชั่วคราวหลังคณะรสช.ทำรัฐประหารล้มรัฐบาลชาติชาย การก่อสร้างแล้วเสร็จในยุครัฐบาลทักษิณ 1 เมื่อต้นรัฐบาลทักษิณ 2 สนามบินใหม่ได้รับพระราชทานชื่อทางการว่า“สนามบินสุวรรณภูมิ” สนามบินใหม่เปิดบริการเต็มรูปแบบเพียง 9 วันหลังจากที่รัฐบาลทักษิณ 2 โดนรัฐประหาร

ภูมิศาสตร์ของหนองงูเห่าคือแอ่งน้ำ ความหมายของ“หนอง”อ้างอิงได้จากสุภาษิตที่ว่า“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน” [2] แม้จะถมที่ดินก่อนสร้างสนามบินแล้ว สนามบินใหม่ยังเสี่ยงต่ออุทกภัยถ้าไม่ทำกำแพงกั้นน้ำสูงๆด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เพราะที่ดินรอบสนามบินเป็นที่ต่ำซึ่งรองรับน้ำตามธรรมชาติ ทำให้เกิดคำถามว่าในอดีตบรรดาสถาปนิกไทยไม่ต่อต้านโครงการสนามบินใหม่กันหรือ? ดิฉันคิดว่าสถาปนิกจำนวนมากไม่น่าจะเห็นด้วยกับโครงการสนามบินหนองงูเห่าแต่ไม่กล้าต่อต้านเพราะหวาดกลัวอำนาจของรัฐบาลทหาร

ไม่ว่าภูมิศาสตร์ของสนามบินใหม่เป็นอย่างไร โครงการสนามบินใหม่เป็นจุดขายสำคัญของผู้พัฒนานิคมฯตั้งแต่ยังไม่เริ่มสร้างสนามบิน ด้วยเหตุนี้นิคมฯยุคแรกจึงอยู่ไม่ไกลจากหนองงูเห่า ผู้พัฒนานิคมฯคือบริษัทเอกชนและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลถนอม นิคมฯแห่งแรกของไทยคือนิคมฯนวนครของเอกชนในจ.ปทุมธานี (เปิดปี2514) [3] นิคมฯต่อมาเป็นนิคมฯของกนอ. กล่าวคือ นิคมฯบางชันที่เขตคันนายาวและมีนบุรี (เปิดปี 2515) นิคมฯบางปูทีจ.สมุทรปราการ (เปิดปี 2520) ส่วนนิคมฯภาคตะวันออกเริ่มจากนิคมฯแหลมฉบัง (เปิดปี 2525) ซึ่งพัฒนาควบคู่กับท่าเรือแหลมฉบังในจ.ชลบุรี [4]

นโยบายที่ส่งเสริมการพัฒนานิคมฯที่สุดคือสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนจากบีโอไอ (BOI) หรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนซึ่งถือกำเนิดในรัฐบาลสฤษดิ์ อาทิ นโยบายยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล นโยบายยกเว้นหรือลดหน่อยอากรขอเข้าสำหรับเครื่องจักร ฯลฯ [5] ความสำเร็จของนิคมฯรุ่นแรกทำให้ราคาที่ดินใกล้นิคมฯรุ่นแรกปรับตัวสูงขึ้นและผลักดันให้นิคมฯรุ่นหลังห่างไกลจากหนองงูเห่ามากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีนิคมฯในหลายจังหวัดจากเหนือลงใต้ดังต่อไปนี้ ลำพูน พิจิตร อยุธยา นครราชสีมา สระบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี กรุงเทพฯ ชลบุรี ราชบุรี ระยอง สมุทรปราการ สมุทราสาคร สงขลา และปัตตานี มีทั้งนิคมฯที่พัฒนาโดยกนอ. นิคมฯเอกชน และนิคมฯที่กนอ.พัฒนาร่วมกับเอกชน

นิคมอุตสาหกรรมในภาคอีสาน
ปัจจุบันภาคอีสานมีนิคมฯแห่งเดียวคือนิคมฯสุรนารีที่จ.นครราชสีมาซึ่งเป็นนิคมฯเอกชน ในอดีตกนอ.เคยพัฒนานิคมฯที่จ.ขอนแก่นร่วมกับเอกชนแต่กนอ.ถอนตัวไปเพราะขาดทุน เอกชนทำนิคมฯต่อไปแต่กลายเป็นนิคมฯร้าง โครงการนิคมฯของกนอ.มักโดนเอ็นจีโอต่อต้านด้วย 2 เหตุผล หนึ่งคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สองคือเรียกร้องให้คนท้องถิ่นมีส่วนร่วมตัดสินใจ ดิฉันเห็นด้วยกับเหตุผลที่สอง ส่วนเหตุผลแรกนั้นดิฉันคิดว่าเอ็นจีโอตัดสินใจแทนคนท้องถิ่นไม่ได้ ผลดีจากนิคมฯที่ชัดเจนคือการสร้างงาน ถ้านิคมฯขอนแก่นประสบความสำเร็จก็อาจจะทำให้คนขอนแก่นบางกลุ่มเลิกเห็น“เขยฝรั่ง”เป็นบันไดไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต [6] [7]

ดิฉันไม่ทราบว่านิคมฯ(ร้าง)ที่ขอนแก่นจมน้ำเหมือนนิคมฯโรจนะและนิคมฯนวนครหรือไม่ แต่ขอนแก่นก็ไม่ได้รอดพ้นจากอุทกภัยครั้งนี้ จังหวัดอื่นในภาคอีสานที่รอดพ้นจากวิกฤตอุทกภัยน่าจะเหมาะต่อการสร้างนิคมฯมากกว่า เช่น สกลนคร และจังหวัดบนที่สูงระหว่างภาคอีสานและภาคเหนืออย่างเลยหรือเพชรบูรณ์ ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากต่อความสำเร็จของนิคมฯคือระบบขนส่งสินค้า ขอนแก่นได้เปรียบสกลนคร เลย และเพชรบูรณ์ตรงที่สนามบินมีเทียวบินมากกว่า แต่ดิฉันคิดว่าไม่ควรใช้สนามบินเป็นจุดขายของนิคมฯเพราะขนาดของไทยไม่ใหญ่โตแบบสหรัฐฯและการขนส่งสินค้าด้วยเครื่องบินราคาแพง รถไฟฟ้ารางคู่แบบญี่ปุ่นเหมาะสมต่อการขนส่งสินค้าบนบกมากกว่าเครื่องบินและจะช่วยสร้างชุมชนด้วย ปัจจุบันสหรัฐฯอาศัยทั้งเครือข่ายรถไฟฟ้าและรถบรรทุกเพื่อขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือ นอกจากนี้จีนซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับสหรัฐฯก็พัฒนาระบบขนส่งระหว่างภูมิภาคด้วยรถไฟฟ้าเช่นกัน ทั้งรัฐบาลจีนและรัฐบาลญี่ปุ่นสนใจสนับสนุนด้านทุนถ้าไทยหันมาพัฒนาเครือข่ายรถไฟฟ้าระหว่างภูมิภาคอย่างจริงจัง

อิทธิพลของสงครามต่อภูมิศาสตร์การพัฒนา
กองทัพญี่ปุ่นสร้างทางรถไฟที่กาญจนบุรีเพื่อลำเลียงทหารและอาวุธไปตีพม่าในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ฉันใด รัฐไทยก็สร้างทางรถไฟและทางหลวงแผ่นดินสู่ภาคอีสานเพื่อรวมศูนย์อำนาจการเมืองฉันนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทางรถไฟไปโคราชหลังเซ็นสนธิสัญญาเบาวริง หรือการสร้างทางหลวงแผ่นดินสู่ภาคอีสานในยุคสงครามเกาหลีและสงครามเวียดนามร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ สนามบินมากมาย (ซึ่งปัจจุบันหลายแห่งการเป็นสนามบินพาณิชย์แต่บางแห่งก็กลายเป็นสนามบินร้าง) ถือกำเนิดในยุคสงครามเย็นเพื่อลำเลียงปัจจัยให้กองทัพสหรัฐฯ แต่ในยุคสงครามเย็นสกลนคร เลยและเพชรบูรณ์ไม่มีบทบาททางเศรษฐกิจมากเพราะมีเขตที่จัดเป็น “พื่นที่สีแดง”ทำให้มีความเสี่ยงสูงและไม่ดึงดูดการลงทุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน

สงครามเย็นจบลงตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่รัฐไทยโดยเฉพาะกองทัพไทยยังไม่ปรับตัวเข้ากับสมดุลใหม่ของระบบเศรษฐกิจโลก การก่อสร้างสนามบินใหม่ที่หนองงูเห่าซึ่งเป็นมรดกจากรัฐบาลเผด็จการทหารในอดีตและหยุดไประยะหนึ่งได้เริ่มต้นอีกครั้งด้วยมติครม.รัฐบาลอานันท์ 1 หรือรัฐบาลรสช.ซึ่งเป็นรัฐบาลชั่วคราวหลังรัฐประหาร ปัจจุบันทหารอากาศยังร่วมบริหารสนามบินสุวรรณภูมิในลักษณะที่คล้ายคลึงกับการบริหารสนามบินดอนเมือง การบริหารดังกล่าวแตกต่างจากการบริหารสนามบินพาณิชย์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะกองทัพในประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ร่วมบริหารสนามบินพาณิชย์
 

มาสายดีกว่าไม่มา (Better late than never.)
บทบาทของกองทัพในการประสานงานกับรัฐบาลให้ทหารเกณฑ์และพลทหารระดับนายสิบช่วยบรรเทาวิกฤตอุทกภัยนั้นเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่นั่นเป็นเพียงก้าวเล็กๆสู่การปรับตัวของกองทัพในยุคหลังสงครามเย็นที่จบไปตั้ง 20 ปีแล้ว ปัจจุบันกองทัพยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกใช้ทหารเกณฑ์ต่อรองผลประโยชน์จากกระทรวงการคลัง สัปดาห์นี้กองทัพบกเพิ่งเสนอให้กระทรวงการคลังขึ้นเบี้ยเลี้ยงรายวันของทหารเกณฑ์ที่ปฎิบัติการบรรเทาวิกฤตอุทกภัย [7] โปรดสังเกตว่ากองทัพไม่พยายามลดงบประมาณซื้ออาวุธเพื่อขึ้นเบี้ยเลี้ยงให้ทหารเกณฑ์ และกองทัพไม่มีท่าทีว่าจะยกเลิกระบบทหารเกณฑ์เพราะทหารเกณฑ์เป็นฐานอำนาจต่อรองที่สำคัญ (ดิฉันจะอธิบายถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจของระบบทหารเกณฑ์แบบไทยๆในโอกาสหน้า)

สงครามเย็นจบไปแล้วดังนั้นไทยไม่จำเป็นต้องรวมศูนย์ทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ ไม่สายเกินไปที่ไทยจะเลิกนโยบาย“กรุงเทพฯคือประเทศไทย”ด้วยการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้ารางคู่เพื่อเชื่อมภาคอีสานกับท่าเรือแหลมฉบังในภาคตะวันออก โครงการดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายขนส่งสินค้าจากภาคเหนือและประเทศลาว(ซึ่งเชื่อมต่อกับจีน)ในอนาคต ปัจจุบันสนามบินเชียงใหม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างเชียงใหม่และเกาหลีใต้ เกาหลีใต้เป็นศูนย์กลางการบินนานาชาติที่ไม่น้อยหน้าญี่ปุ่นโดยเฉพาะเที่ยวบินเข้าทวีปอเมริกา การขยายสนามบินเชียงใหม่ควบคู่กับการสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคตะวันออกน่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยในระยะยาวได้มากกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ ถ้าไทยจะขุดคอคอดกระในอนาคตก็ใช้เรือเชื่อมท่าเรือแหลมฉบังกับคอคอดกระได้ นอกจากนี้การพัฒนาระบบขนส่งภาคอีสานจะช่วยถ่ายเทพลเมืองและความแออัดออกจากกรุงเทพฯและปริมณฑล

ที่สำคัญที่สุด บีโอไอควรเลิกสนับสนุนการลงทุนเพิ่มในพื้นที่เสี่ยงต่ออุทกภัยโดยเฉพาะพื้นที่รอบๆสนามบินสุวรรณภูมิ พื้นที่ตามลุ่มน้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ใต้เขื่อนขนาดใหญ่ บีโอไอน่าจะหันมาให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางคู่เพื่อเชื่อมภาคอีสานกับท่าเรือที่ภาคตะวันออก และให้สิทธิประโยชน์เพื่อการพัฒนานิคมฯที่จังหวัดทีมีพื้นที่สีแดงในอดีตแต่มีภูมิศาสตร์เหมาะสม ดิฉันไม่สนับสนุนให้ทั้งกนอ.และเอ็นจีโอเป็นผู้ตัดสินใจสร้างหรือไม่สร้างนิคมฯ พลเมืองในแต่ละจังหวัดควรมีสิทธิพิจารณาข้อเสนอจากกนอ.และตัดสินใจกันเอง

เราย้าย“มรดกเจ้าคุณปู่”อย่างสนามบินสุวรรณภูมิและนิคมฯในเขตอุทกภัยไปที่อื่นไม่ได้ ทำได้อย่างมากแค่ป้องกันอุทกภัยเพื่อทำกำไรจากสนามบินสุวรรณภูมิและนิคมฯให้นานพอที่จะคุ้มทุน ต้องคำนวณว่าค่าป้องกันอุทกภัยเท่าไรและต้องทำกำไรจาก“มรดกเจ้าคุณปู่”อีกกี่ปีถึงจะคุ้มทุน ส่วนนิคมฯเก่าที่คุ้มทุนแล้วบีโอไอควรให้สิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนให้บริษัทในนิคมฯย้ายไปนิคมฯอื่นที่ปลอดอุทุกภัย
 

หมายเหตุ 
[1] ประวัติความเป็นมาของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

[2] พจนานุกรมฉบับราชบัณทิตยสถานฉบับปี พศ. 2542 ซึ่งเกิดหลังสุภาษิตไทยให้คำจำกัดความของคำว่า”หนอง”ว่า (1) แอ่งน้ำ หรือ (2) นํ้าเลือดเสียกลายเป็นสีขาวข้นที่กลัดอยู่ตามแผลและฝี 

[3] นิคมฯนวนคร

[4] ข้อมูลนิคมฯที่กนอ.มีส่วนร่วมพัฒนา

[5] สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

[6] กนอ.รุดรับฟังเหตุผลขอจัดตั้งนิคมฯขอนแก่น (19 มีนาคม 2553)

[7] "เขยฝรั่ง" มาร์ติน วีลเลอร์ เปิดอกโต้ข้อกล่าวหาต่างด้าว "แย่งที่ดิน" (30 มิถุนายน 2554) 

[8] กองทัพเล็งเพิ่มเบี้ยเลี้ยงทหารช่วยน้ำท่วมเป็น 214บาทต่อวัน (1 พฤศจิกายน 2554)
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ประยุทธ์ขอความเป็นธรรม 9 ทหารพัวพันคดีฆ่า 13 ลูกเรือจีนกลางน้ำโขง

Posted: 03 Nov 2011 09:24 AM PDT

ยันไม่ใช่การมอบตัวเพราะยังไม่มีความผิด ตอนนี้อยู่ในที่ควบคุมทางทหารและเข้าสู้กระบวนการสอบสวน ชี้การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องง่าย และทหารไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แต่ตราบที่มีการใช้กำลัง ก็ต้องสู้กัน ก็มีบาดเจ็บล้มตายเป็นเรื่องธรรมดา

จากกรณีที่เรือสัญชาติจีน 2 ลำ คือเรือหยี่ชิง 8 และเรือหัวผิง เรือบรรทุกสินค้าจีน ถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงถล่มในแม่น้ำโขงจนลูกเรือทั้งสองลำเสียชีวิต 13 ศพ ยึดยาบ้าได้ 920,000 เม็ด เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งประเทศจีนได้ส่งคณะทำงานมาติดตามคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา มีนายทหาร 9 นายจากกองกำลังผาเมืองเข้ามอบตัวเจ้าพนักงานตำรวจนั้น (ข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ล่าสุด มติชนออนไลน์ รายงานวันนี้ (3 พ.ย.) ว่าที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.)  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่ายังไม่ใช่การมอบตัว จากข้อมูลพบว่าตรงนั้นมีกลุ่มขบวนการอื่นอยู่ด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายซับหลายซ้อน มีเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง พูดตอนนี้ยังไม่เหมาะสม แต่ขอความเป็นธรรมกับทหารทั้ง 9 คน ซึ่งการที่เขาไปพบพนักงานสอบสวนเนื่องจากมีตรงนี้ออกมา ก็สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 3 ให้พาทั้ง 9 คน ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่เป็นการไปมอบตัวเพราะยังไม่มีความผิด  ตอนนี้ก็อยู่ในที่ควบคุมทางทหาร จากนี้ไปก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวน และคงจะได้ข้อเท็จจริงออกมา ยืนยันได้ว่าทหารทุกคนพยายามทำหน้าที่ อาจมีสาเหตุ ข้อติดขัดบางอย่างเกิดขึ้น ก็ต้องให้เขาชี้แจงออกมา

"ลูกน้องผมในกองทัพ ก็ดีๆ เกินกว่า 90% อย่าเพิ่งไปตำหนิเขาเลยว่าทำความผิด ไปฆ่าคนนั้นคนนี้  ผมว่าไม่ง่ายหรอกเรื่องการฆ่าคน แม้ผู้บังคับบัญชาจะสั่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมาทหารไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ไม่ใช่เห็นคนแล้วไปยิงหรือฆ่าเขาตาย ถ้าไม่ได้รบกันมันลำบาก ตราบใดที่มีการใช้กำลัง ก็ต้องมีการสู้กัน มีการปฏิบัติการทางทหาร ถึงได้ใช้อาวุธ เมื่อมีการใช้อาวุธ ก็มีการบาดเจ็บ มีความสูญเสีย ล้มตายเป็นเรื่องธรรมดา ผมอยากขอกำลังใจทหารหน่อย ถ้ามีอะไรไม่ดี ก็ให้โอกาสทหารได้ชี้แจง ไป ไปพาดหัวว่า 9 ทหารมอบตัวแล้วฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพ ทั้งที่ยังไม่ได้ตัดสิน หรือ สอบสอนเลย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

TCIJ: ชาวบ้าน สกต.-เทือกเขาบรรทัด เดินสายนำผลผลิตเกษตรช่วยผู้ประสบภัย

Posted: 03 Nov 2011 05:11 AM PDT

สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ร่วมเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด นำผลผลิตผักปลอดสารพิษจากชุมชน 7 คันรถ ตระเวนเดินทางช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

 
 
วันที่ 1 พ.ย.2554 ชาวบ้านผู้ถูกคดีบุกรุกในชุมชนสันติพัฒนา และสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) รณรงค์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคกลาง ร่วมกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด มูลนิธิอันดามัน นำผลผลิตผักปลอดสารพิษจากชุมชน รวมทั้งสิ้นจำนวน 7 คันรถ ไปช่วยเหลือ ชาวบ้านชุมชนคลองโยง ต.คลองโยง อ.ศาลายา จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่โฉนดชุมชน ที่โดนน้ำท่วมขังมาเป็นเวลานานร่วมเดือน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนรถพักพื้นบ้านจากสุราษฏร์ฯ 2 คัน ตรัง 3 คัน และของปรานบุรี 2 คัน ร่วมเดินทางไปถึง จ.สมุทรสงคราม ในเช้าของวันที่ 1 พ.ย.54 โดยมีชาวบ้านชาวบ้านชุมชนคลองโยงรอรับ จากนั้นได้นำผลผลผลิตของชาวบ้านไปมอบให้กับโรงเรียนศรัทธาสมุทร ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จำนวน 2 คันรถ และในช่วงบ่ายได้นำไปมอบให้ข่ายเครือข่ายสลัม 4 ภาค และชมรมศิษย์เก่ารามคำแหง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้มีการแบ่งผลผลิตไปมอบให้มหาลัยราชภัฏนครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐมด้วย ซึ่งที่นั่นได้มีผู้ประสบภัยมาพักอาศัยอยู่ จำนวน 439 คน โดยผศ.สมหมาย เปียถนอม รองอธิการบดี มหาลัยราชภัฎนครปฐมผู้รับมอบให้ความเห็นว่า เหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้คงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอย่างน้อย 1 เดือน กว่าจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
 
ด้านนายพิสิทธิ์  เจียรสมจิตร อายุ 67 ปี บ้านอยู่บางบัวทอง และถูกอพยพมาจากศูนย์พักพิงศาลายา เล่าให้ฟังว่าน้ำเริ่มขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.54 ก่อนหน้านี้เขาอยู่อาศัยภายในบ้านเพียงลำพังคนเดียว เกิดอุบัติเหตุล้มกระดูกหักทรมานมาก
 
“น้ำไม่เคยท่วมเลยนี่เป็นครั้งแรกที่ท่วมเยอะขนาดนี้ มาอยู่ที่นี่ก็ดี มีเพื่อนมีหมอ อาหารการกินก็ดี” นายพิสิทธิ์ กล่าว
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

มีผู้แจ้งความเอกยุทธ อัญชันบุตร-พร้อมเรียกร้องให้ขอขมา

Posted: 03 Nov 2011 04:40 AM PDT

กลุ่มผู้หญิงในเชียงใหม่ ร่วมกับ ส.ส.เชียงใหม่ แจ้งความดำเนินคดีต่อนายเอกยุทธ อัญชันบุตร กรณีโพสต์ข้อความโจมตีสตรีภาคเหนือในเฟซบุค

วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2554) เวลา 11.00 น. บริเวณสถานีตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเจียงใหม่ (แปลว่า กลุ่มพลังปัญญาผู้หญิงล้านนาเชียงใหม่) ร่วมกับส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ในกรณีที่ได้โพสต์ข้อความดูถูกสตรีภาคเหนือในเฟซบุคเมื่อวานนี้ (ข่าวที่เกี่ยวข้อง)

โดยกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเจียงใหม่ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มสตรีหลายอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ ได้รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แถลงการณ์คัดค้านและประณามข้อความดังกล่าว โดยมีการแจกข้อความที่นายเอกยุทธโพสต์ รวมทั้งประวัติของนายเอกยุทธให้กับผู้สื่อข่าว และกลุ่มผู้หญิงที่มารวมตัวกัน

โดยในแถลงการณ์ได้คัดลอกข้อความของนายเอกยุทธมา และระบุว่าข้อความดังกล่าวเป็นการดูถูกดูหมิ่นดูแคลนผู้หญิงชาวเหนือ และนายเอกยุทธ อัญชัญบุตรต้องรับผิดชอบในการกระทำที่ทำให้เสื่อมเสียครั้งนี้ และเรียกร้องให้นายเอกยุทธออกมาขอขมาหรือขอโทษสตรีชาวเหนืออย่างเป็นทางการ

นางสุชีรา รักษาภักดี ประธานกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาเชียงใหม่ กล่าวว่าเมื่อได้อ่านข้อความนี้ ตนรู้สึกเสียใจและเสียความรู้สึก ไม่ว่าคนเสื้อสีใด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หรือไม่ว่าจะอยู่ทางภาคเหนือหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้อ่านข้อความนี้ ก็ย่อมรู้ว่าคำพูดเช่นนี้ไม่เหมาะสม และไม่สมควร เพราะอาชีพของแต่ละคนก็มีที่มาที่ไป มีศักดิ์ศรีของตน อีกทั้งนายเอกยุทธเป็นผู้ชาย แต่มาพูดคำที่ประณาม หยามเกียรติผู้หญิง เป็นการดูถูก ดูหมิ่น และดูแคลนผู้หญิงคนเหนือทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่คนที่อยู่ตำแหน่งทางการเมือง ทางกลุ่มของตนจึงจะได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายเอกยุทธ และเรียกร้องให้นายเอกยุทธออกมาขอโทษต่อสตรีชาวเหนือ อีกทั้งยังเรียกร้องให้กลุ่มสตรีจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ หรือจังหวัดอื่นๆ ได้ร่วมกันแจ้งความดำเนินคดีนายเอกยุทธ ในพื้นที่ของตนเอง

จากนั้นกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายเอกยุทธ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยทางตำรวจร้อยเวรได้รับเรื่อง ลงบันทึกประจำวันไว้ และได้ให้นางสุชีราไปแจ้งความอย่างเป็นทางการที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นางสุชีราเปิดข้อความดูในอินเตอร์เน็ต โดยทางกลุ่มจะได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ต่อไป

ในระหว่างนั้น นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เพื่อไทย เขต 1จังหวัดเชียงใหม่ได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธร และให้กำลังใจกลุ่มสตรีที่มาร่วมตัวกัน โดยนางสาวทัศนีย์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) ทางสมาชิกสตรีของสภาเทศบาล สภาจังหวัดเชียงใหม่ และทางกลุ่ม ส.ส.สตรีในจังหวัดเชียงใหม่ จะร่วมกันแถลงข่าวในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เวลา 11.00 น. เพื่อให้นายเอกยุทธออกมารับผิดชอบต่อข้อความของตัวเอง ซึ่งแม้จะเป็นข้อความที่โพสต์ลงในสื่อออนไลน์ แต่ก็เป็นการเผยแพร่ในที่สาธารณะ เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง และยังเป็นการเหยียดหยามผู้หญิงอย่างมาก จึงอยากจะเรียกร้องให้ผู้หญิงทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคเหนือได้ออกมาร่วมกันประณามข้อความดังกล่าวของนายเอกยุทธ

ในส่วนของประเด็นทางกฎหมาย นางทัศนีย์กล่าวต่อว่าจะให้ทางที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเพื่อไทยดูว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรี เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ตามความผิดฐานหมิ่นประมาท ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ระบุว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะ ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”

และในมาตรา 328 ระบุว่า “ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท”

นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันนี้ ทางกลุ่มสตรีในพื้นที่จังหวัดลำพูนได้มีการรวมตัวการประณามข้อความของนายเอกยุทธเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่เมื่อคืนวานนี้ (2 พ.ย.) ได้มีผู้นำโปสเตอร์ไปติด เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อความของนายเอกยุทธ ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย โดยโปสเตอร์ถูกติดในหลายอาคารเรียน

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

TCIJ: 6 ชาวบ้าน สกต.ได้ประกันตัว หลังศาลตัดสินจำคุกคดีรุกที่นายทุนสวนปาล์ม

Posted: 03 Nov 2011 03:27 AM PDT

คดีบริษัทอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มจำกัด ฟ้องชาวบ้านนักเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินภาคใต้ ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน ล่าสุดได้ประกันตัวแล้ว รอลุ้นคดีแพ่งฟ้องกว่า 10 ล้าน ปลายธันวาคมนี้
 
 
วันนี้ (3 ต.ค.54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์พิพากษาคดีอาญา ตัดสินโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ชาวบ้านสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) 6 คน เมื่อวันที่ 27 ต.ค.54 คดีที่บริษัทอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มจำกัด อ้างสิทธิเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ก ฟ้องคดีอาญาข้อหาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์จากกรณีที่มีชาวบ้านไร้ที่ดินรวมตัวกันเข้าจัดตั้งชุมชนสันติพัฒนา หมู่ที่ 6 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฏร์ธานีและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทำการเกษตรกรรม ล่าสุดได้รับการประกันตัวแล้ว 
 
 
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า รายชื่อผู้ที่ถูกคดีทั้งหมด 9 คน เป็นสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ 6 คน คือ 1.นายบุญฤทธิ์ ภิรมย์ 2.นายมนัส กลับชัย 3.นายสถิตย์ คำสุทธิ์ 4.นายข้อง ขันฤทธิ์ 5.นายเรียง ขันสิทธิ์ 6.นายอรุณ เมฆจันทร์ฉิม พิพากษาคดีอาญา
 
ทั้งนี้ การตัดสินคดีเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกทั้ง 6 ชุมชน ประกอบด้วยสันติพัฒนา ชุมชนไทรงามพัฒนา 1, 2, 3, คลองไทรพัฒนา และไทรงามพัฒนา 4 จำนวนกว่า 200 คน โดยชาวบ้านมีความคิดเห็นว่า ศาลตัดสินคดีไม่เป็นธรรม เพราะน่าจะพิจารณาถึงเรื่องเอกสารสิทธิที่ได้มาโดยมิชอบด้วย เนื่องจากผู้ที่ออกเอกสารสิทธิก็ทำผิดเช่นกัน
 
 
ในส่วนคดีแพ่งที่บริษัทฯ ฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท จากกรณีเดียวกัน ศาลนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ 29 ธ.ค.54
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ชุมชนสันติพัฒนาซึ่งเป็นหนึ่งโครงการโฉนดชุมชนนำร่อง เดิมได้ประกาศเป็นเขตพื้นที่ สปก.ป่าไม้ถาวรและป่าสงวนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525-2527 และจากผลการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษพบว่าเอกสารสิทธิดังกล่าวของบริษัทได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เช่นการใช้ข้อมูลเท็จในการรับการตรวจสอบสิทธิโดยใช้ น.ส.1 ก ยื่นแสดงการถือสิทธิและกรมที่ดินในขณะนั้นไม่ยอมเพิกถอนด้วยกลัวกระทบกับตำแหน่ง
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

‘สุรชัย’ ไม่ได้ประกัน ทนายเตรียมยื่นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดสิทธิผู้ต้องหา

Posted: 03 Nov 2011 03:08 AM PDT

4 พ.ย.54  นายคารม พลกลาง ทนายความของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ แซ่ด่าน ผู้ต้องขังคดีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 เปิดเผยผลการยื่นประกันตัวนายสุรชัยว่า ศาลยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง และเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชนโดยทั่วไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการยื่นประกันตัวนายสุรชัยไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 ก.พ.54 แต่ศาลยกคำร้อง โดยในครั้งนี้ใช้หลักทรัพย์เป็นพันธบัตรมูลค่า 1 ล้านบาท

นายคารม กล่าวด้วยว่า เขาเตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวสุรชัยภายในสัปดาห์หน้าพร้อมกรณีของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยซึ่งศาลก็เพิ่งมีคำสั่งไม่ให้ประกันเช่นกัน ที่ผ่านมาไม่เคยอุทธรณ์คำสั่ง แต่ศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลเดิมหลายครั้ง ทั้งที่ในชั้นนี้ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาและถือเป็นคดีทางการเมือง จำเลยก็ปฏิเสธตั้งแต่ชั้นสอบสวนและขอต่อสู้คดี ไม่มีเหตุในการหลบหนี เพราะที่ผ่านมาแม้โดนแจ้งข้อหาเหล่านี้มานานจำเลยก็ไม่เคยหลบหนี อีกทั้งหากได้รับการปล่อยตัวก็ไม่สามารถไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานใดๆ ได้ เพราะทุกอย่างอยู่ในสำนวนหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม หากศาลอุทธรณ์ยังยืนตามศาลชั้นต้นในการไม่ให้ประกัน ก็จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไปว่า คำสั่งยกคำร้อง ไม่ให้ประกันตัวนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะในรัฐธรรมนูญมีหลายมาตราที่ระบุถึงสิทธิของผู้ต้องหาในการประกันตัว และผู้ต้องหาถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำตัดสิน

นายคารม ยังกล่าวถึงการสืบพยานคดีนายสมยศด้วยว่า จะมีการสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่ 21 พ.ย. ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว จากนั้นจะต้องเดินทางไปอีกหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สงขลา เนื่องจากอัยการไม่นำพยานมาสืบที่กรุงเทพฯ ซึ่งได้ทำคำคัดค้านไปแล้วเพราะเกรงจำเลยจะเกิดอันตรายจาการเดินทางไปหลายจังหวัดและเห็นว่าเป็นเหมือนการกลั่นแกล้ง แต่ท้ายที่สุดศาลเห็นชอบด้วยกับอัยการ  

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

กูเกิลประเทศไทย เตรียมจัดอบรมใช้เครื่องมือ ช่วยน้ำท่วม 7 พ.ย.นี้

Posted: 03 Nov 2011 01:58 AM PDT

กูเกิลประเทศไทย เปิดเผยผ่านบล็อกกูเกิลประเทศไทยว่า เตรียมจัดงาน Google For Non-Profits: Thailand ครั้งแรก เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการนำเครื่องมือของกูเกิลมาใช้ ในงานของอาสาสมัครและองค์กรเพื่อสังคมในการบรรเทาทุกข์ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ

โดยงานนี้จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2554 เวลา 9:00 - 12:00 น. (ภาษาไทย) และ เวลา 14:00 - 17:00 น. (ภาษาอังกฤษ) ณ ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเอสเอ็มอี ธนาคารกสิกรไทย ชั้น 2 จามจุรีสแควร์, กรุงเทพฯ ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่นี่

โดยหัวข้อที่จะอบรมได้แก่ ช่วงที่ 1 - เครื่องมือและเคล็ดลับในการบริหารจัดการข้อมูล ช่วงที่ 2 - เครื่องมือและเคล็ดลับในการสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน และช่วงที่ 3 - เครื่องมือและเคล็ดลับในการใช้ Google แผนที่ รวมถึงการใช้ API

ก่อนหน้านี้ กูเกิล ประเทศไทยได้เปิดหน้าเว็บพิเศษของ Google สำหรับวิกฤตอุทกภัย เพื่อให้ข้อมูลที่สำคัญในทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงแผนที่ เบอร์ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน กระแสข่าวเรียลไทม์ และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ตรวจสอบสถานะของน้ำท่วมในประเทศไทย 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เรือนจำพิเศษกรุงเทพ-ทัณฑสถานหญิงกลางน้ำท่วม งดเยี่ยมไม่มีกำหนด

Posted: 03 Nov 2011 01:46 AM PDT

3 พ.ย.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 พ.ย.) เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเรือนจำที่คุมขังผู้ต้องหาคดีเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปีที่แล้ว รวมถึงคดีความผิดตามมาตรา 112 มากที่สุดแห่งหนึ่ง ได้ประกาศงดญาติเยี่ยมผู้ต้องขังตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่างไม่มีกำหนด

เมื่อสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ได้ย้ายผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปยังเรือนจำต่างจังหวัดแล้วกว่า 400 คน และยังไม่มีกำหนดจะเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ซึ่งต้องรอดูระดับน้ำอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ทัณฑสถานหญิงกลางซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้กันก็ได้ย้ายผู้ต้องขังทั้งหมดไปยังเรือนจำต่างจังหวัดแล้วทั้งหมด โดยในขณะนี้ยังไม่สามารถบอกสถานที่ปลายทางได้อย่างชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายจึงยังไม่มีข้อมูลส่งมาที่ส่วนกลาง อย่างไรก็ตาม ญาติผู้ต้องขังสามารถโทรสอบถามรายละเอียดการย้ายผู้ต้องขังได้ที่ 02 9672222 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล พี่ชายของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ต้องขังคดีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ระบุว่า ทราบข่าวว่าน้องสาวถูกย้ายไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครราชสีมาแล้วตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีโอกาสเดินทางจากภูเก็ตไปเยี่ยมที่นครราชสีมา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. มีรายงานข่าวว่า เรือนจำบางขวางมีการย้ายผู้ต้องขังโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิตไปยังเรือนจำต่างจังหวัด 3 แห่ง คือ เรือนจำกลางเขาบิน 612 คน เรือนจำกลางพิษณุโลก 500 คน และเรือนจำกลางสงขลา 600 คน จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 4,567 คน ส่วนเรือนจำกลางคลองเปรมได้ขนย้ายผู้ต้องขังได้ 1,500 คน จากทั้งหมด 7,000 คน ไปยังเรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางราชบุรี ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้ให้นโยบายในการขนย้ายผู้ต้องขังให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้ประสบปัญหาเรือนจำเกือบทุกแห่งมีผู้ต้องขังแออัด หนาแน่นอยู่แล้ว
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

กองทัพอียิปต์เล็งปล่อยนักโทษ 334 ราย ขณะที่ประชาชนประท้วงร่างหลักการ รธน.ฉบับทหาร

Posted: 03 Nov 2011 12:41 AM PDT

กองทัพอียิปต์บอกจะปล่อยตัวประชาชน 334 คน หลังถูกประท้วงกดดัน ขณะที่นักสิทธิฯ เผยมีคนถูกทหารจับจับมากกว่า 12,000 ราย เอล ฟาตาห์ บล็อกเกอร์ที่ถูกจับแอบปล่อยจดหมายลับจากคุกเผยแพร่ใน นสพ.ท้องถิ่นและเดอะการ์เดียน ประชาชนยังคงชุมนุมกดดันปล่อยตัวนักโทษการเมือง และต่อต้านร่างหลักการรัฐธรรมนูญฉบับทหาร

(2 พ.ย.54) กองทัพอียิปต์สัญญาจะปล่อยตัวประชาชน 334 คน ที่ถูกตัดสินดำเนินคดีโดยศาลทหาร หลังถูกกดดันจากเหล่านักกิจกรรมผู้นำการปฏิวัติและมีการเผยแพร่จดหมายลับจากในคุก จดหมายดังกล่าวเป็นจดหมายของ อะลา อับดฺ เอล ฟาตาห์ ที่แสดงความรู้สึกหม่นหมองเมื่อพบว่าแม้พวกเขาจะขับไล่รัฐบาลเผด็จการไปได้ แต่พวกเขากลับต้องเผชิญกับระบอบทหาร

ผู้นำกองทัพของอียิปต์ตอบสนองต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยการประกาศว่าจะปล่อยตัวนักโทษ 334 ราย ที่ถูกจับกุมตัวไว้นับตั้งแต่หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ถูกโค่นล้มในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา

มานัล ฮัสซาน ภรรยาของเอล ฟาตาห์ กล่าวกับสำนักข่าวเดอะ การ์เดียนของอังกฤษ ว่า ท่าทีของทหารในตอนนี้เป็นแค่น้ำหยดเดียวในมหาสมุทร มีชาวอียิปต์อีกหลายพันคนที่ถูกตัดสินดำเนินคดีโดยศาลทหาร

"พวกเรายินดีกับผู้ที่ถูกปล่อยตัว แต่พวกเขาไม่ควรจะถูกจับเข้าไปอยู่ในนั้นตั้งแต่แรกแล้ว และมันไม่ได้เปลี่ยนระบบอยุติธรรมที่จับพวกเขาเข้าไปเลย" เธอกล่าว

โอมาร์ โรเบิร์ท ฮามิลตัน ผู้กำกับภาพยนตร์ลูกพี่ลูกน้องของเอล ฟาตาห์กล่าวว่า "อะลาไม่ได้เข้าไปในคุกเพื่อต่อรองให้มีการปล่อยตัวนักโทษ เขาไม่ได้เข้าไปเพื่อการต่อรองใดๆ เลย เขาเข้าไปในคุกเพราะเขาไม่สยบยอมต่อระบบศาลที่อยุติธรรมและมิชอบด้วยกฏหมายนี้ ดังนั้นระบบนี้ควรจะหมดสิ้นไป และควรให้อำนาจควบคุมดูแลกฏหมายกลับไปอยู่ในมือของนักกฎหมายพลเรือน"

กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนประเมินว่ามีประชาชนราวมากกว่า 12,000 รายถูกดำเนินการทางกฏหมายผ่านศาลทหารในปีนี้ โดยมีทั้งผู้ประท้วง บล็อกเกอร์ และนักข่าว ผู้ที่ตั้งคำถามกับความรับผิดชอบของกองทัพในการปฏิรูปประชาธิปไตย

จอมพล โมฮัมเม็ด ฮุสเซน ทันทาวี ผู้นำสภาคณะทหารสูงสุดของอียิปต์ (SCAF) ไม่ได้ให้ข้อมูลว่าคนที่ถูกปล่อยตัวจะมีใครบ้าง และจะปล่อยตัวเมื่อใด แต่ก็กล่าวว่าการปล่อยตัวเป็นไปเพื่อสนับสนุนให้มี "การสื่อสารต่อเนื่องกับประชาชนชาวอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่ และกับเหล่าหนุ่มสาวแห่งการปฏิวัติ"

แต่ช่องว่างระหว่างคณะทหารฯ กับ 'เหล่าหนุ่มสาวแห่งการปฏิวัติ' ก็ถ่างกว้างออกไปอีกเมื่อมีการนำจดหมายของเอล ฟาตาห์ ที่เขาแอบเขียนในคุกออกมาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ อัล-โชรุค ของอียิปต์และเดอะ การ์เดียน ของอังกฤษ

เอล ฟาตาห์ เล่าในเนื้อความของจดหมายว่าเขาเคยเป็นนักโทษการเมืองมาตั้งแต่ปี 2549 ในสมัยเผด็จการมูบารัค ก่อนถูกจับขังอีกครั้งในวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา เขากล่าวโจมตีเผด็จการทหารอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องที่อยู่เบื้องหลังประท้วงนองเลือดที่มีผู้เสียชีวิต 27 รายในกรุงไคโร เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็บอกว่าการปฏิวัติของประชาชนถูกเหล่านายพลกองทัพฉกชิงไปแล้ว

"ผมไม่นึกมาก่อนว่าจะต้องมาประสบกับเหตุการณ์ซ้ำเดิมจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว" เอล ฟาตาห์ กล่าว "หลังจากการปฏิวัติที่ขับไล่เผด็จการไปได้ ผมก็ต้องกลับมาเข้าคุกอีกหรือ?"

เอล ฟาตาห์ เล่าว่าเขาถูกขังอยู่ในห้อง 6 คูณ 12 ฟุต ที่มีแมลงสาบ พร้อมกับคนอื่นอีก 8 คน ที่เอล ฟาตาห์ บรรยายว่า "เป็นคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ คนที่ถูกจับขังอย่างไม่เป็นธรรม มีคนผิดอยู่รวมกับผู้บริสุทธิ์"

"ผมใช้เวลาสองวันแรกฟังเรื่องราวของการทรมานของตำรวจที่ไม่ยืนกรานไม่ยอมรับการปฏิรูป พวกเขาระบายความพ่ายแพ้ของพวกเขาใส่ร่างของคนยากและคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้" เอล ฟาตาห์เล่า

นอกจากนี้จดหมายยังได้ระบุถึง มินา แดเนียล ผู้ประท้วงชาวนิกายคอปต์ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 9 ต.ค. แต่ก็ยังถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในข้อหาเดียวกับเอล ฟาตาห์คือการยุยงให้เกิดความรุนแรง "พวกเขา (กองทัพ) คงจะเป็นคนแรกที่สังหารผู้คน เท่านั้นไม่พอ ยังเข้าไปในงานศพ ถ่มน้ำลายรดร่างเขา และตั้งข้อกล่าวหาทางอาชญากรรมแก่เขาด้วย"

การพยายามสื่อสารกับโลกภายนอกถือเป็นเรื่องเสี่ยงมากในคุกอียิปต์ สัปดาห์ที่แล้วผู้ต้องขังรายหนึ่งในคุกโทร่าที่มีมาตรการตรวจตราสูง เสียชีวิตหลังจากพยายามนำซิมโทรศัพท์มือถือเข้าห้องขัง มีคนบอกว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำทรมานซ้ำๆ จนทำให้เกิดการตกเลือดภายในจากการใช้สายยางต่อเข้าปากและรูทวารของเขา แม้จะอันตรายแต่ เอล ฟาตาห์ ก็อนุญาตให้ตีพิมพ์จดหมายของเขา


ต้านหลักการรัฐธรรมนูญฉบับทหาร

ในสัปดาห์นี้มีประชาชนจำนวนมากออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง และในวันที่ 2 พ.ย. แกนนำการประท้วงก็กล่าวโจมตี "หลักการรัฐธรรมนูญ" ที่ร่างโดยเหล่านายพลเพื่อเป็นแนวทางสำหรับรัฐธรรมนุญฉบับใหม่สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.

มีผู้นำหลายพรรคเดินออกจากห้องประชุมในขณะที่รักษานายกรัฐมนตรี อาลั อัล-เซลมี กำลังหารือหลักการ ซึ่งถือว่าไม่มีพันธะผูกมัด แต่เป็นเป้าหมายในการกำหนดกระบวนการและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

อาห์เมด ชูครี โฆษกพรรค อัล-อัดลฺ บอกว่าหลายส่วนของเอกสารร่างหลักการนั้นเปรียบเสมือน "หายนะ" เช่นการกักกันงบประมาณทหารจากงบที่ใช้ดูแลประชาชน และยอมให้สภาคณะทหารฯ แทรกแซงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มได้บอยคอตต์การหารือร่างหลักการฯ โดยกลุ่มทหารมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

 

ที่มา

Egypt's military promises pardon for hundreds of civilians, The Guardian, 02-11-2011
http://www.guardian.co.uk/world/2011/nov/02/egypt-military-promises-pardon-civilians

After Egypt's revolution, I never expected to be back in Mubarak's jails, The Guardian, 02-11-2011
http://www.guardian.co.uk/commentisfree/2011/nov/02/egypt-revolution-back-mubarak-jails

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

รอบโลกแรงงานตุลาคม 2554

Posted: 03 Nov 2011 12:26 AM PDT

 
 
 
สหภาพแรงงานในกรีซ อังกฤษ และโปรตุเกสประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ซึ่งนำไปสู่การตัดสวัสดิการต่างๆ รวมถึงทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้น ด้านสายการบินแควนตัสและแอร์ฟรานซ์กำลังมีปัญหาระหว่างผู้บริหารและสหภาพแรงงานทำให้ต้องมีการประกาศหยุดบิน
 
สหภาพแรงงานโปรตุเกสประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล
 
2 ต.ค. 54 - สหภาพแรงงาน CGTP ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดของประเทศโปรตุเกส จัดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในเมืองปอร์โต โดยมีผู้เข้าร่วมประท้วงราว 130,000 คน ขณะที่แกนนำสหภาพแรงงานใหญ่สุดของโปรตุเกสประกาศด้วยว่า จะจัดการชุมนุมประท้วงใหญ่อีกครั้งในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 20-27 ตุลาคมนี้ โดยการประท้วงครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคสังคมประชาธิปไตยสายกลาง-ขวา ขึ้นภาษีก๊าซและไฟฟ้าอีกร้อยละ 23 จากเดิมที่ร้อยละ 6 โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้
 
ทั้งนี้ รัฐบาลโปรตุเกสต้องขึ้นภาษีดังกล่าวตามเงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ในการรับการช่วยกู้ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษี เพื่อแก้ปัญหาเงินงบประมาณขาดดุลด้วย
 
 
สมาชิกสหภาพแรงงานอังกฤษหลายหมื่นคน รวมตัวประท้วงแผนการรัดเข็มขัดของภาครัฐ
 
3 ต.ค. 54 - สมาชิกสหภาพแรงงานกลุ่มต่างๆ ในอังกฤษ รวมแล้วกว่า 35,000 คน ร่วมกันชุมนุมประท้วงแผนการรัดเข็มขัดของภาครัฐ ระหว่างการเปิดประชุมประจำปีพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมอรอน ที่เมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวานนี้ โดยสหภาพแรงงานทียูซี ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่จัดการชุมนุมหนนี้ ระบุว่าการประท้วงมีขึ้นเพราะพวกเขาต้องการแสดงพลังคัดค้านนโยบายแย่ ๆ ของรัฐที่กำลังจะนำพาประเทศไปสู่ความล้มจม ด้านนายมาร์ก เซอร์วอตกา หัวหน้าสหภาพแรงงาน PCS ประกาศว่าพวกเขาจะเปิดฉากการผละงานประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศเพื่อตอกย้ำจุดยืนนี้อีกครั้งในวันที่ 30 เดือนหน้า ขณะที่นายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวต่อที่ประชุมพรรคอนุรักษ์นิยม โดยแก้ตัวว่ารัฐบาลชุดนี้จำเป็นต้องปรับลดงบประมาณเพื่อรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดก่อน ทั้งนี้ ทางการอังกฤษ ตั้งเป้าจะบริหารงบประมาณให้กลับสู่ภาวะสมดุลให้ได้ภายในปี 2558 นี้
 
ครม.กรีซ​ไฟ​เขียว​แผนปลดข้าราช​การ มุ่งลดขาดดุลงบประมาณตามข้อตกลง IMF/EU
 
3 ต.ค. 54 - คณะรัฐมนตรีกรีซอนุมัติมาตร​การปลดพนักงาน​ในภาครัฐรอบ​แรก ​โดยมี​เป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณ​และ​แก้​ไขวิกฤตหนี้สาธารณะ​โดย​เร็ว หลังจากกระทรวง​การคลังกรีซระบุว่า กรีซอาจจะ​ไม่สามารถบรรลุ​เป้าหมาย​การลดยอดขาดดุลงบประมาณปี 2554-2555 ตามที่​ได้ตกลง​ไว้กับกองทุน​การ​เงินระหว่างประ​เทศ (​ไอเอ็มเอฟ) ​และสหภาพยุ​โรป (อียู)
 
แถลง​การณ์ภายหลัง​การประชุมคณะรัฐมนตรี​ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปัน​เดรอู ​เป็นประธานนั้น มีมติว่า ภาย​ในสิ้นปี 2554 นี้ ข้าราช​การ 30,000 คนที่อยู่​ในบัญชีรายชื่อแรงงานสำรอง จะ​ได้รับ​เงิน​เดือน​เพียง 60% ของอัตรา​เงิน​เดือน​ในปัจจุบัน​เป็น​เวลา 12 ​เดือน ก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำ​แหน่ง ​โดยมาตร​การดังกล่าวมี​เป้าหมายที่จะลดตำ​แหน่งพนักงานที่​เป็นภาระต่องบประมาณของประ​เทศ ​และ​เพื่อ​ให้รัฐบาลสามารถบรรลุ​เป้าหมาย​การลดยอดขาดดุลงบประมาณตามที่​ได้ตกลง​ไว้กับ​ไอ​เอ็ม​เอฟ​และอียู
 
นายอี​เลียส มอส​เซียลอส ​โฆษกรัฐบาลกรีซ กล่าวภายหลัง​การประชุมคณะรัฐมนตรี​ในวันนี้ว่า "​การลดจำนวนข้าราช​การอาจจะส่งผลกระทบทางสังคมบ้าง ​แต่รัฐบาลจำ​เป็นต้อง​ทำ​เพื่อ​ให้บรรลุ​เป้าหมาย​การลดยอดขาดดุลตามที่ตกลง​ไว้กับ​ไอ​เอ็ม​เอฟ​และอียู พร้อมกับย้ำว่า มาตร​การปลดข้าราช​การรอบ​แรก​ในครั้งนี้จะช่วย​ให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณ​ได้​ถึง 300 ล้านยู​โร (401.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
 
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ​การตัดสิน​ใจครั้งล่าสุดของคณะรัฐมนตรีกรีซ​ได้สร้าง​ความ​ไม่พอ​ใจ​ให้กับประชาชนที่มารวมตัวประท้วงบริ​เวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ขณะที่สหภาพ​แรงงานหลาย​แห่งวาง​แผนประท้วงผละงานทั่วประ​เทศ​ในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ​โดยระบุว่ามาตร​การปลดข้าราช​การรอบ​แรกจะนำ​ไปสู่​การปลดข้าราช​การออกจากงานอีก​เป็นจำนวนมาก​ในวันข้างหน้า
 
กระทรวง​การคลังกรีซยอมรับว่า กรีซอาจจะ​ไม่สามารถบรรลุ​เป้าหมาย​การลดยอดขาดดุลงบประมาณ 2554-2555 ตามที่​ได้ตกลง​ไว้กับ​ไอ​เอ็ม​เอฟ​และอียู ​โดยคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกรีซอาจมีอยู่​ถึง 8.5% ของจีดีพี​ในปี 2554 ​ซึ่งสูงกว่า​เป้าหมายที่กำหนด​ไว้ที่ 7.6% ของจีดีพี ​และคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณปี 2555 จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% ของจีดีพี ​แต่​ก็ยังสูงกว่า​เป้าหมายที่วาง​ไว้ที่ 6.5% ของจีดีพี ​และสวนทางกับที่คาด​การณ์​ไว้ว่ารัฐบาลจะมียอด​เกินดุลงบประมาณ 1.5% ของจีดีพี
 
เผยอินเดียใช้แรงงานเด็กสูงสุด
 
4 ต.ค. 54 - กระทรวงแรงงานสหรัฐเสนอรายงานว่าด้วยการใช้แรงงานเด็กทั่วโลกพบว่าอินเดีย บังกลาเทศ และฟิลิปปินส์ เป็นผู้นำของโลกในการผลิตสินค้าจากแรงงานเด็ก โดยมีสินค้าประมาณ 130 ชนิดมาจากการใช้แรงงานเด็กใน 71 ประเทศในทวีปแอฟริกา เอเชีย และลาตินอเมริกา
 
รายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐจัดทำขึ้นในวาระครบรอบ 10 ปีว่าด้วยรูปแบบที่เลวร้ายของการใช้แรงงานเด็ก โดยเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเด็กที่ทำงานในสภาพที่เสี่ยงอันตราย ทั้งนี้ รายงานซึ่งอาศัยข้อมูลจากองค์การแรงงานสากลประเมินว่าปัจจุบันมีเด็กกว่า 215 ล้านคน เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็ก และมีบางประเทศไม่ได้กำหนดอายุขั้นต่ำของเด็กในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีอันตรายจากการทำงานสูง
 
อินเดียเป็นประเทศที่ใช้แรงงานเด็กมากที่สุด โดยใช้เด็กผลิตสินค้าไม่น้อยกว่า 20 ชนิด เช่น อิฐก่อสร้าง ดอกไม้ไฟ รองเท้า กำไล ไม้ขีดไฟ ข้าว และสิ่งทอ เป็นต้น ส่วนที่บังกลาเทศมีการใช้เด็กผลิตสินค้า 14 ประเภท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ขณะที่ฟิลิปปินส์ใช้แรงงานเด็กผลิตสินค้าเกษตร เช่น ทำงานในไร่กล้วย สวนมะพร้าว ไร่ข้าวโพด และเครื่องประดับ เป็นต้น
 
การใช้แรงงานเด็กยังมีอยู่เป็นจำนวนมากในลาตินอเมริกา แต่มีสัญญาณว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะที่บราซิล ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายต่อสู้กับความยากจน ส่วนที่แอฟริกามีรายงานว่าใช้เด็กทำงานในเหมืองแร่ที่คองโก โดยเฉพาะเหมืองผลิตแร่ที่ใช้ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ และแร่ใช้ในการทำเหล็กกล้าทังสเตน
 
แรงงานมะกันร่วมม็อบนิวยอร์ก "ยึดวอลสตรีท"
 
6 ต.ค. 54 - ผู้ชุมนุมหลายพันคนรวมตัวประท้วงกลุ่มธุรกิจการเงินในย่านวอลสตรีท เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจในวันพุธ พร้อมแรงสนับสนุนจากสหภาพแรงงานทั่วสหรัฐ ขบวนการ "ยึดวอลสตรีท" มีผู้ชุมนุมราว 5,000 ร่วมกันประท้วงอย่างสงบ และในขณะเดียวกันนักศึกษาร่วมกันประท้วงตามมหาวิทยาลัย พร้อมกับแนวร่วมกลุ่มย่อยตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ
 
ด้านกลุ่มสหภาพแรงงานคาดว่า จำนวนผู้ร่วมการชุมนุมอาจมีมากถึง 8,000-12,000 คน แต่สิ่งที่ชัดเจนก็คือ ขบวนการเคลื่อนไหวนี้ยังสามารถขยายตัวได้อีก
 
แม้บรรยากาศของการประท้วงจะค่อนข้างรื่นเริง ผู้ประท้วงบางคนอุ้มลูกในวัยทารกมาร่วมชุมนุมด้วย แต่ฝูงชนก็มีความจริงจังในการประท้วง และร้องตะโกน "นี่คือประชาธิปไตย" ตลอดเวลา
 
โฆษกตำรวจ พอล บราวน์ แจงสถานการณ์ว่า มีผู้ประท้วงราว 10 คนถูกจับกุมในนิวยอร์ก โดยหนึ่งในนั้นถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน หลังพุ่งเข้าชาร์จตำรวจตกจากมอเตอร์ไซค์ ส่วนที่เหลือถูกจับกุมเพราะพยายามรุกล้ำแนวกีดขวางของตำรวจ
 
ผู้ชุมนุมร่วมกันประท้วงต่อต้านอิทธิพลของกลุ่มทุนการเงิน โดยเฉพาะการเข้าช่วยอุ้มวอลสตรีทในปี 2551 ซึ่งผู้ชุมนุมวิจารณ์ว่า ช่วยให้กลุ่มธนาคารและธุรกิจการเงินมีกำไรมหาศาลได้ต่อไป ในขณะที่ประชาชนอเมริกันต้องทนทุกข์กับการว่างงานและความไม่มั่นคงทางอาชีพ อีกทั้งสวัสดิการภาครัฐก็น้อยลงเรื่อยๆ
 
ขบวนการเคลื่อนไหวขยายตัวและมีแนวร่วมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้วยังเป็นเพียงแค่การประท้วงด้วยกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มเล็กๆ ในย่านใจกลางเมืองของเกาะแมนฮัตตัน ที่ถูกมองว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นไร้เดียงสา หรือไม่ก็เป็นพวกก่อความวุ่นวายที่ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน
 
สหภาพแรงงานทั่วสหรัฐออกมาร่วมประท้วงเพื่อสนับสนุนขบวนการ ทั้งสหพันธ์ลูกจ้างและข้าราชการส่วนท้องถิ่นสหรัฐ สหภาพแรงงานการสื่อสารสหรัฐ เครือข่ายสหภาพแรงงานการขนส่ง และสหภาพพยาบาลแห่งชาติ
 
ผู้กำกับหนังสารคดีเชิงเสียดสีสังคม ไมเคิล มัวร์ เข้าร่วมการชุมนุมในนิวยอร์กเช่นกัน และถ่ายรูปพร้อมกับจับมือผู้ประท้วงที่ติดตามผลงานของเขา มัวร์กล่าวว่า "ในช่วงแรกของการประท้วง ผู้คนอาจมองว่านี่เป็นแค่กลุ่มฮิปปี้ แต่ชาวอเมริกันที่สูญเสียระบบประกันสุขภาพ หรือกำลังจะสูญเสียงาน และผู้ที่บ้านกำลังจะถูกยึดเข้าใจสถานการณ์ดี"
 
ขณะนี้การประท้วงเริ่มเข้าสู่เวทีการเมืองของสหรัฐ หลัง ส.ส.เดโมแครตนิวยอร์ก หลุยส์ สลอเทอร์ แถลงยกย่องขบวนการประท้วงว่า "ช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ยากไร้ถ่างออกมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในภาคธุรกิจการเงินในปี 2551 แต่เรากลับถูกห้ามไม่ให้เพิ่มภาษีคนมั่งมี ... ดิฉันภูมิใจกับขบวนการที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความละโมบของบรรดาบรรษัททั้งหลาย".
 
ถก 'เอ็นบีเอ' ล่มอีก มีสิทธิลดเกมแข่ง หลังเจรจาไม่ลงตัว
 
6 ต.ค. 54 - ลีกบาสเกตบอลเอ็นบีเอยังคงมองไม่เห็นอนาคตหลังการเจรจาล่าสุดระหว่างฝ่ายเจ้าของทีมและนักกีฬาเกี่ยวกับปัญหาการล็อกเอาต์หรือภาวะหยุดงานทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ต้องล่มไม่เป็นท่า และเดวิด สเติร์น ประธานเอ็นบีเอ ออกมาแถลงว่า ทางลีกจะยกเลิกการแข่งขันช่วงปรีซีซั่นทั้งหมด ซึ่งหากภายในวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องสัญญาแบ่งรายได้ฉบับใหม่ เอ็นบีเอก็จะยกเลิกการแข่งขันฤดูกาลปกติ 2 สัปดาห์แรกด้วย ซึ่งหมายถึงการสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาลแน่นอน
 
ทั้งนี้ ในการหารือล่าสุด ฝั่งเจ้าของทีมเสนอสัญญาแบ่งรายได้ฝั่งละ 50-50 จากสัญญาเดิมที่ฝ่ายนักกีฬาได้ส่วนแบ่งถึง 57 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ฝ่ายนักกีฬาเสนอการการันตีรายได้ของฝ่ายตนเองที่ 53 เปอร์เซ็นต์ซึ่งระบุว่าตลอดระยะเวลา 6 ปีของสัญญาใหม่ ฝ่ายเจ้าของทีมจะมีรายรับกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.1 หมื่นล้านบาท) พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการลดส่วนแบ่งมากไปกว่านี้แล้ว
 
เจ้าของเพลงเปิดเอ็นเอฟแอลขอโทษแล้วแฮงก์ วิลเลียมส์ จูเนียร์ ศิลปินคันทรีชาวอเมริกันออกมาขอโทษกรณีแสดงความคิดเห็นเปรียบเปรยประธานาธิบดีบารัค โอบามา กับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์อดีตผู้นำนาซีแล้ว หลังจากโดนสถานีอีเอสพีเอ็นถอดเพลงประกอบการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอลนัดมันเดย์ไนต์ออกจากช่วงถ่ายทอดสด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม โดยวิลเลียมส์โพสต์ขอโทษผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจากนี้ไปอีเอสพีเอ็นจะกลับมาใช้เพลงของเขาอีกหรือไม่
 
สหภาพแรงงานแควนตัสยกเลิกผละงานประท้วง
 
7 ต.ค. 54 - เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสายการบินแควนตัสของออสเตรเลีย ยกเลิกแผนผละงานประท้วงในวันพรุ่งนี้ แต่ยังคงส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร เดิมทีสหภาพแรงงานการขนส่งออสเตรเลีย มีกำหนดผละงานประท้วง 2 ชั่วโมง ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเรียกร้องให้สายการบินขึ้นค่าแรงและปรับปรุงสภาพการทำงาน แต่ได้ตัดสินใจยกเลิกการผละงาน เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของสายการบิน อย่างไรก็ดี แควนตัส แถลงว่าได้เลื่อนหรือยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว 46 เส้นทาง กระทบต่อผู้โดยสารกว่า 6,000 คน
 
ทั้งนี้ แควนตัสกำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งกับสหภาพแรงงาน ทั้งในเรื่องของสภาพการจ้างงานและค่าจ้าง โดยเมื่อเดือน ส.ค. สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นหลังสายการบินประกาศปรับโครงสร้างโดยเน้นแถบเอเชีย ซึ่งจะทำให้มีพนักงานถูกปลดราว 1,000 คน
 
แรงงานเมืองหลักของจีนระทม! เงินเฟ้อพุ่งแซงค่าแรงไปแล้ว
 
10 ต.ค. 54 - อีโคโนมิกส์ อินฟอร์เมชั่น เดลี พีพิมพ์ข้อมูลด้านทรัพยากรณ์มนุษย์ ระบุว่า “ค่าแรงอัตราปกติ หรือค่าแรงที่ต้องปรับขึ้นลงตามระดับของเงินเฟ้อ สำหรับ 4 อุตสาหกรรมหลักใน 15 เมืองของจีนตกลงมาถึง 5 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ในเดือนมิ.ย. แม้ว่าค่าแรงนั้นจะเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถือว่าเพิ่มขึ้นได้สมกับระดับของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น”
      
รายงานฯ เผยด้วยว่า “ค่าแรงที่แท้จริงในเมืองเหล่านี้ หากนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2553 ถือว่าเพิ่มขึ้นมาได้เพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น” การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้จำนวนแรงงานที่ถูกจ้างงานใน 15 เมืองหลักของจีนลดลงแบบเดือนต่อเดือน แต่ก็ยังถือว่ามากกว่าปีที่แล้ว
      
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของจีน ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดกิจกรรมความเคลื่อนไหวภาคอุตสาหกรรมของจีน ตกลงต่อเนื่อง 4 เดือน ต่ำกว่า 50.7 เปอร์เซ็นต์ในเดือน ก.ค. ก่อนที่จะสะท้อนกลับขึ้นมาในเดือน ส.ค.และ ก.ย. ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค หรือซีพีไอ ปรอทชี้วัดเงินเฟ้อของจีน เพิ่มอยู่ที่ระดับ 6.2 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ในเดือน ส.ค. ซึ่งเกินเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 4 เปอร์เซ็นต์อย่างมาก
 
พนักงานทำความสะอาดวอลสตรีทร่วมประท้วง
 
13 ต.ค. 54 - พนักงานทำความสะอาดและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทต่างๆ ในย่านวอลสตรีทหลายร้อยเดินขบวนประท้วงด้วยอีกกลุ่ม เรียกร้องปรับปรุงสภาพการจ้างและต่อต้านความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มยึดวอลสตรีทแตกตัวไปชุมนุมหน้าแบงก์เจพีมอร์แกนเชส
 
ขบวนการประท้วงยึดวอลสตรีทที่เริ่มก่อตัวอย่างหลวมบริเวณสวนสาธารณะใกล้ย่านวอลสตรีทในเขตโลเวอร์แมนฮัตตันเมื่อวันที่ 17 กันยายน มีแนวร่วมขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวันพุธ พนักงานทำความสะอาด, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานดูแลอาคารแผนกต่างๆ มากกว่า 750 คน ได้รวมตัวกันเดินขบวนประท้วงในย่านการเงินของนิวยอร์ก ขณะที่ใกล้กันนั้น ที่ด้านนอกอาคารระฟ้าที่ทำการของธนาคารเจพีมอร์แกนเชส มีผู้ประท้วงจากกลุ่มยึดวอลสตรีทประมาณ 100 คนเดินขบวนโดยรอบอาคาร แต่ต่อมาก็ได้กลับไปสมทบกับผู้ชุมนุมส่วนใหญ่
 
ที่ธนาคารเจพีมอร์แกนนั้น ตำรวจได้เตรียมแผงกั้นด้านนอกอาคารไว้ล่วงหน้า และมีกำลังเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ ตำรวจนิวยอร์กแถลงว่ามีผู้ชุมนุมถูกจับกุมด้วย 4 ราย
 
ด้านสหภาพลูกจ้างภาคบริการระหว่างประเทศ ซึ่งจัดการชุมนุมของกลุ่มพนักงานครั้งนี้ กล่าวว่า คนงานนับแสนคนกำลังจะหมดสัญญาจ้าง "เรามาที่นี่เพราะไม่มีงานทำ เรากำลังจะตกงาน เราเบื่อ เราเหนื่อยล้า เราอยากให้ผู้คนที่นี่ได้ยินเสียงของเราบ้าง" คาร์ลา โธมัส ยามวัย 47 ปีที่มาร่วมชุมนุมกล่าว
 
วันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) นักศึกษามหาวิทยาลัยราว 90 แห่งของสหรัฐมีแผนชุมนุมประท้วงเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับขบวนการต่อต้านวอลสตรีท ซึ่งขณะนี้ได้ลามไปถึงมากกว่า 1,400 เมืองในสหรัฐ ผู้ประท้วงเหล่านี้ไม่พอใจระบบเศรษฐกิจที่เหลื่อมล้ำและการใช้ภาษีประชาชนโอบอุ้มสถาบันการเงินช่วงที่ผ่านมา ที่การณ์กลับกลายเป็นว่า สถาบันเหล่านี้กลับมาลืมตาอ้าปากได้โดยจ่ายโบนัสผู้บริหารกันปรีดิ์เปรม ขณะที่ชาวอเมริกันทั่วไปยังตกงานและถูกยึดบ้าน
 
ผู้ประท้วงหลายคนกล่าวว่า พวกเขาโกรธแค้นที่พวกมหาเศรษฐีจำนวนร้อยละ 1 ของประชากรอเมริกัน ไม่ได้จ่ายภาษีในอัตราที่เป็นธรรมเมื่อเทียบกับผู้คนอีก 99%
 
การยกขบวนไปที่เจพีมอร์แกนครั้งนี้ น่าจะเป็นการพุ่งเป้าโจมตีเจมี ไดมอน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกนโดยตรง ไดมอนตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ผู้ประท้วงราว 500 คนเดินขบวนตระเวนผ่านบ้านของพวกเศรษฐีผู้บริหารสถาบันการเงินในย่านหรูอัปเปอร์อีสไซด์ของนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร นอกจากบ้านของไดมอน ยังมีบ้านของจอห์น พอลสัน ผู้จัดการกองทุนประกันความเสี่ยง, รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อ และเดวิด คอช ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทคอชอินดัสตรีส์ ที่ต้องเผชิญเสียงอึกทึกของผู้ประท้วงในวันนั้น
 
เมื่อวันพุธ (12 ต.ค.) มีการชุมนุมที่นครซานฟรานซิสโกเช่นกัน และมีผู้ประท้วงถูกจับกุม 11 รายที่สำนักงานใหญของบริษัทเวลส์ฟาร์โก เมื่อผู้ชุมนุมราว 200 คนได้ปิดทางเข้าและติดโปสเตอร์ที่อาคาร
 
ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสเผยว่า คนอเมริกันถึง 82% ได้รับทราบข่าวสารเกี่ยวกับการประท้วงของกลุ่มยึดวอลสตรีท โดย 38% สนับสนุน, 35% ยังไม่ตกลงใจ และอีกราว 25% ไม่เห็นด้วย.
 
พม่าอนุญาตผู้ใช้แรงงานตั้งสหภาพและผละงานประท้วง
 
14 ต.ค. 54 - พม่าออกกฎหมายใหม่อนุญาตผู้ใช้แรงงานตั้งสหภาพแรงงานและผละงานประท้วงได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี สร้างความยินดีแก่สหประชาชาติที่เห็นว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ของการปฏิรูปอีกขั้นหนึ่ง
 
ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ลงนามกฎหมายฉบับนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งจะนำมาใช้ทดแทนกฎหมายสหภาพแรงงานปี พ.ศ.2505 เจ้าหน้าที่พม่าเปิดเผยว่า กฎหมายใหม่อนุญาตผู้ใช้แรงงานมีสิทธิตั้งสหภาพแรงงานและสามารถหยุดงานประท้วงโดยถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ การตั้งสหภาพแรงงานจะต้องมีสมาชิกขั้นต่ำ 30 คนและจะต้องมีตราสัญลักษณ์และชื่อเป็นของตนเอง และจะต้องแจ้งล่วงหน้าจำนวนผู้ใช้แรงงานที่จะเข้าร่วมประท้วง
 
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้แรงงานในภาคบริการที่จำเป็น เช่น บริการด้านสุขภาพ ดับเพลิง โทรคมนาคม ประปาและไฟฟ้า ไม่ได้รับอนุญาตให้ผละงานประท้วง
 
นายญาน วิน ทนายความและโฆษกของนางออง ซาน ซู จี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลพม่า กล่าวแสดงความยินดีต่อกฎหมายแรงงานฉบับใหม่ แม้ว่าจะยังไม่ใช่กฎหมายที่ดีนัก ขณะที่องค์การแรงงานสากลสนับสนุนในหลักการว่าเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาลพม่าเพราะการเคลื่อนไหวของผู้ใช้แรงงานที่ผ่านมาในพม่ามักลงเอยด้วยการถูกจับกุมคุมขัง แต่องค์การแรงงานระหว่างประเทศได้แสดงท่าทีระมัดระวังเพราะยังไม่ได้ศึกษาตัวบทกฎหมายอย่างละเอียด.
 
กัมพูชาหยุดส่งแรงงานไปมาเลเซีย
 
15 ต.ค. 54 – สมาชิกรัฐสภาพรรคฝ่ายค้านของกัมพูชาเผยว่า กัมพูชาได้ตัดสินใจระงับการส่งแรงงานไปยังมาเลเซีย หลังจากมีรายงานการทำร้ายร่างกาย การเสียชีวิต และการใช้แรงงานทำงานเยี่ยงทาส
 
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า สมาชิกรัฐสภาดังกล่าวเปิดเผยวานนี้ หลังหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน เซนว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซนได้ตัดสินใจระงับการส่งหญิงรับใช้ไปยังมาเลเซีย ด้านประธานสมาคมสำนักงานจัดหางานกัมพูชากล่าวยืนยันว่า เป็นเรื่องจริงที่กัมพูชาตัดสินใจยุติการส่งแรงงานไปยังมาเลเซีย ปัจจุบัน กัมพูชาส่งคนไปทำงานเป็นหญิงรับใช้ในมาเลเซียกว่า 20,000 คน มาเลเซียรับหญิงชาวกัมพูชาเข้ามาทำงาน เนื่องจากอินโดนีเซียห้ามแรงงานเดินทางไปทำงานในมาเลเซียเมื่อปี 2552 หลังมีรายงานการทำร้ายร่างกายและนายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย.
 
71 ประเทศทั่วโลกหนุน ประท้วงต้านวอลล์สตรีท ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ
 
15 ต.ค. 54 - นิวยอร์ก/มะนิลา (เอพี/บีบีซี นิวส์) - ตำรวจใน เมืองใหญ่ๆ ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทั่วโลก เตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมประท้วงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "อ๊อคคิวพาย ทูเกเธอร์" (Occupy Together) และ "ยูไนเต็ด ฟอร์ โกลบอล เชนจ์" (United for Global Change) ระบุว่า 71 เมืองใหญ่ทั่วโลกรวมถึง นิวยอร์ก ลอนดอน แฟรงค์เฟิร์ต เอเธนส์ และโซล ชุมนุมประท้วงพร้อมกันทั่วโลก เพื่อแสดงพลังสนับสนุน แสดงความเห็นอกเห็นใจและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับผู้ประท้วงต่อต้านวอลล์สตรีทในสหรัฐ ซึ่งต่อต้านความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจที่เกิดจากนโยบายรัฐ
 
ทั้งนี้ ในนิวยอร์ก ซึ่งการปักหลักประท้วงต่อต้านวอลล์สตรีท ใกล้กับตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หรือตลาดหุ้นสหรัฐ กำลังจะครบรอบ 1 เดือนในอีก 2 วันข้างหน้า ผู้ประท้วงจะขยับขยายจากการปักหลักประท้วงที่สวนสาธารณะซัคคอตติ ไปชุมนุมที่จัตุรัสไทม์ส สแควร์และสวนสาธารณะวอชิงตัน สแควร์ ในวันนี้ และจะมีการยกขบวนเดินไปที่สาขาของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส เพื่อถอนเงินสดด้วย
 
ส่วนที่กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ เป็นเมืองแรก ที่มีผู้ออกมาประท้วงสนับสนุนการประท้วงวอลล์สตรีทใน สหรัฐ ผู้ประท้วงเดินขบวนจากหน้าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ไปยังหอการค้าสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านการเงินของกรุงมะนิลาเมื่อวันศุกร์
 
ทั้งนี้ การประท้วงต่อต้านวอลล์สตรีท เริ่มต้นขึ้น เป็นครั้งแรกในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 17 กันยายน ซึ่งกำลังจะครบรอบ 1 เดือนในอีก 2 วันข้างหน้า และได้ลาม ไปหลายเมืองทั่วสหรัฐ สาเหตุเนื่องจากชาวอเมริกันจำนวนมาก ไม่พอใจนโยบายรัฐบาลสหรัฐ ที่ใช้เงินภาษีอากรของประชาชน อุ้มธนาคารยักษ์ใหญ่และคนรวย ซึ่งมีเพียงร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด แต่กลับปล่อยให้ประชาชนที่เหลือร้อยละ 99 ต้องตกงานและยากจน
 
นักสื่อสารมวลชนในกรีซผละงานประท้วงรัฐบาลต้านแผนผ่าน กม.รัดเข็มขัดฉบับใหม่
 
17 ต.ค. 54 - สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นักสื่อสารมวลชนกรีซหลายร้อยคน เดินขบวนประท้วงย่านกลางกรุงเอเธนส์ คัดค้านแผนผ่านกฎหมายรัดเข็มขัดฉบับใหม่ของรัฐบาลกรีซที่กำลังใช้ความพยายามทุกทางในการขอเสียงสนับสนุนกฎหมายฉบับสำคัญนี้ หลีกเลี่ยงสภาพล้มละลาย หรือการผิดนัดชำระหนี้
 
ด้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู กำลังระส่ำหนัก หลังสมาชิกรัฐสภาลาออกอีก 3 คนในสัปดาห์นี้ ก่อนหน้าวันนัดลงมติกฎหมายรัดเข็มขัดเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหนี้กรีซตั้งเงื่อนไขไว้ แลกกับเงินกู้ก้อนใหม่เพื่อป้องกันการล้มละลายตามกำหนดในเดือนหน้า
 
วันนี้ กรีซสามารถขายพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น 3 เดือน ได้เงินถึง 1,625 ล้านยูโร (ประมาณ 68,000 ล้านบาท) แต่รัฐบาลก็เสนอดอกเบี้ยตอบแทนสูงถึง 4.61 %
 
กัมพูชายังส่งแรงงานไปมาเลเซีย แม้ “ฮุนเซน” มีคำสั่งห้าม
 
18 ต.ค. 54  - หน่วยงานคุ้มครองสิทธิมนุษยชน พบว่า บริษัทจัดหางานอย่างน้อยสองแห่ง ส่งแรงงานหญิงประมาณ 25 คน ไปต่างประเทศ วานนี้ (17 ต.ค.) ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งห้ามบริษัทจัดหางานส่งแรงงานในประเทศไปมาเลเซีย ที่นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของกัมพูชาเพิ่งลงนามเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
      
กลุ่มคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้เรียกร้องกดดันรัฐบาลกัมพูชา มาเป็นเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับเหตุล่วงละเมิดแม่บ้านชาวกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในมาเลเซีย และเมื่อวันศุกร์ (14 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการต่อเรื่องดังกล่าว และต่อมาในวันเสาร์ (15 ต.ค.) นายกฯฮุนเซน ได้ลงนามในคำสั่งห้ามบริษัทจัดหางานกัมพูชาส่งแรงงานในประเทศไปยังมาเลเซีย
      
นายเนลี พิลอร์ก ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองสิทธิมนุษยชน LICADHO กล่าวว่า บริษัทสองแห่งได้ส่งหญิงสาวอย่างน้อย 25 คน เดินทางไปมาเลเซียในเที่ยวบินเช้าวันจันทร์จากกรุงพนมเปญ
      
“ผมรู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันศุกร์และเสาร์ แต่หลังจากผู้ร่วมงานของผมรายงาน ว่า มีผู้หญิงอย่างน้อย 25 คน เดินทางไปมาเลเซีย มันชัดเจนสำหรับผมว่าทางการ และบริษัทจัดหางานไม่สนใจคำสั่งห้ามดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่พอใจ” นายพิลอร์ก กล่าว
 
เป็นเวลาหลายเดือนที่สมาชิกสภาฝ่ายค้านในกัมพูชาเน้นย้ำถึงประเด็นการล่วงละเมิดแรงงานชาวกัมพูชาในมาเลเซีย ซึ่ง นายพิลอร์ก เชื่อว่า รัฐบาลมีคำสั่งห้ามส่งออกแรงงานในตอนนี้เป็นเพราะทางการกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจลดระดับสถานะการค้ามนุษย์ของกัมพูชา ซึ่งจะส่งผลให้กัมพูชาเสี่ยงที่จะสูญเสียความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ
      
รายงานการลักลอบค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ปี 2554 ระบุว่า กัมพูชาไม่มีการปรับปรุงในการคุ้มครองเหยื่อค้ามนุษย์ และว่า คนหนุ่มสาวราว 300,000 คน เข้าสู่ตลาดงานของกัมพูชาในแต่ละปี แต่อัตราการจ้างงานในท้องถิ่นนั้นไม่เพียงพอ ทำให้แรงงานจำนวนหลายหมื่นคนต้องข้ามไปหางานในไทย และมาเลเซีย ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย และหญิงชาวกัมพูชาอย่างน้อย 30,000 คน ถูกจ้างงานเป็นแรงงานในมาเลเซีย
 
กรีซประท้วงใหญ่ล้อมอาคารรัฐสภา ก่อนรัฐบาลโหวตกฎหมายตัดงบเพิ่ม
 
19 ต.ค. 54  - ตำรวจกรีซปะทะกับผู้ประท้วงบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภากรุงเอเธนส์ วันนี้ (19) โดยใช้แก๊สน้ำตาเข้าระงับเหตุความไม่สงบ หลังกลุ่มเยาวชนส่วนหนึ่งขว้างปาระเบิดเพลิง หวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ ระหว่างการชุมนุมของสหภาพแรงงานครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อต่อต้านแผนออกมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ของรัฐบาล
 
นักข่าวเอเอฟพีรายงานจากจุดเกิดเหตุว่า เห็นกลุ่มเยาวชนประมาณ 200 คน เข้าพังรั้วเหล็กหน้าอาคารรัฐสภากรีซ ขณะที่มวลชนราว 70,000 คน ชุมนุมด้วยความสงบบริเวณจัตุรัสซินแท็กมา กลางกรุงเอเธนส์
 
ข้อมูลจากตำรวจระบุว่า มีผู้ประท้วงมากถึง 125,000 คน ร่วมการชุมนุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อแสดงพลังยับยั้งการผ่านกฎหมายตัดลดงบประมาณฉบับใหม่ที่จะเคร่งครัดยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐสภากรีซมีกำหนดนัดลงมติรับรองในวันพฤหัสบดี (20)
      
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มผู้ประท้วงโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการขว้างปาขยะที่ถูกทิ้งไว้เกลื่อนถนนมานานกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากพนักงานเก็บขยะผละงานประท้วง ไม่เก็บขยะตามหน้าที่ทั้งในเมืองหลวง และเมืองเทสซาโลนิกิ
      
กลุ่มพนักงานขับแท็กซี่ก็ขว้างปาขวดที่กองอยู่เต็มถนนใส่เจ้าหน้าที่ จนต้องมีการปราบปรามด้วยแก๊สน้ำตาเช่นกัน
      
อย่างไรก็ดี การผละงานประท้วงในกรุงเอเธนส์ เมืองเทสซาโลนิกิ เมืองปาทรัส เมืองเฮอราคลิออน และเมืองอื่นๆ อีกจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไปตามสันติวิธี แม้ประชาชนต่างเคียดแค้นมาตรการรัดเข็มขัดแสนเจ็บปวดที่ต้องทนแบกรับมานานเกือบ 2 ปี
      
 “วันนี้และวันพรุ่งนี้นับเป็นการผละงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด เป็นการระดมกำลังภาคประชาชนครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อต่อต้านมาตรการที่ไร้ประสิทธิผล ไม่เป็นธรรม และเป็นภัยต่อสังคม ของรัฐบาลกรีซกับพวกเจ้าหนี้” จิอันนิส ปานาโกปูลอส ประธานสหภาพแรงงาน GSEE สหภาพแรงงานภาคเอกชน กล่าว
      
ตำรวจในบางพื้นที่ยอมรับว่า วันนี้มีประชาชนเข้าร่วมการประท้วงจำนวนมากที่สุดในรอบ 10 ปี
      
ทางการวางกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันอาคารรัฐบาลแน่นหนา มีทั้งแนวรั้วและรถบัสของตำรวจปราบจลาจลวางตัวเรียงรายหน้าอาคารรัฐสภา นอกจากนี้ สถานีรถไฟใต้ดินสายหลัก 2 แห่ง บริเวณกลางใจเมืองก็ต้องระงับบริการ
      
ทั้งนี้ รัฐบาลเอเธนส์ประกาศย้ำมาตลอดว่า หากไม่สามารถผ่านกฎหมายตัดลดงบประมาณฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ ให้ทันการประชุมซัมมิตของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ (23) จะส่งผลให้ประเทศต่างๆ ระงับการปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่แก่กรีซ และเอเธนส์จะไม่มีเงินชำระหนี้
 
มาเลเซีย-พม่าทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนผู้ลักลอบเข้าเมือง
 
19 ต.ค. 54 - นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซีย ประกาศว่า มาเลเซียตกลงในหลักการส่งตัวพลเมืองชาวพม่าที่อยู่ในศูนย์ผู้อพยพของมาเลเซีย ซึ่งทางมาเลเซียจะได้หารือในข้อตกลงแลกเปลี่ยนกัน อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิในมาเลเซียซัวราม แถลงว่า แผนการดังกล่าวจะทำให้พลเมืองชาวพม่าถูกบังคับส่งกลับประเทศและยิ่งทำให้ชีวิตพวกเขาตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น
 
 
สหภาพแรงงานโปรตุเกสเตรียมหยุดงานประท้วงใหญ่ 24 พ.ย.
 
20 ต.ค. 54 – สหภาพ CGTP ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของโปรตุเกส เผยว่า จะผละงานประท้วงในวันที่ 24 พ.ย.เพื่อคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายงบประมาณตามมาตรการช่วยเหลือวงเงิน 7.8 หมื่นล้านยูโร
 
สหภาพตัดสินใจผละงานประท้วง หลังจากรัฐบาลได้ประกาศร่างงบประมาณปี 2555 ในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีการงดจ่ายเงินโบนัสให้แก่ข้าราชการสำหรับช่วงปลายปีและช่วงวันหยุดเป็นเวลา 2 ปี
 
"ขณะนี้ความยากจนของประเทศ ความรุนแรงของภาวะถดถอยและการว่างงาน และความอยุติธรรมที่เรากำลังประสบอยู่ เป็นเหตุผลสนับสนุนการประท้วงครั้งนี้" นายมานูเอล คาร์วัลโย ดา ซิลวา ประธานสหภาพ CGTP กล่าวและว่า สหภาพฯจะต้องต่อสู้ในทันที และทำสิ่งที่จำเป็น
 
การประท้วงจะจัดขึ้นในวันเดียวกับที่สหภาพต่างๆผละงานประท้วงเมื่อ 1 ปีก่อน โดยการชุมนุมและการประท้วงในโปรตุเกสจนถึงขณะนี้ ยังคงไม่มีความรุนแรง แต่เนื่องจากมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดขึ้น  จะทำให้โปรตุเกสเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงในปีหน้า สถานการณ์การประท้วงในครั้งนี้ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไป
 
สภากรีซผ่าน กม.รัดเข็มขัดเพิ่ม
 
21 ต.ค. 54 - กฎหมายลดค่าใช้จ่ายและขึ้นภาษีตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ไอเอ็มเอฟและอียูผ่านการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรกรีซเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ด้านนอกประชาชนและสหภาพแรงงานชุมนุมประท้วงใหญ่บานปลายเป็นจลาจลต่อในวันที่สอง มีคนสังเวยชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกเกิน 100
 
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีกอร์เก ปาปันเดรอู สามารถผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหม่ของรัฐบาลผ่านการลงมติครั้งสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรได้เมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยคะแนนสนับสนุน 154 เสียง ต่อเสียงคัดค้าน 144 เสียง โดยมี ส.ส.พรรคสังคมนิยมแกนนำรัฐบาลของเขารายหนึ่งแตกแถวโหวตคัดค้าน
 
คาดว่าชัยชนะในการลงมติครั้งนี้จะเปิดทางให้สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยอมปล่อยเงินกู้งวดใหม่ 8,000 ล้านยูโรปแก่กรีซ เพื่อให้รัฐบาลมีเงินไว้จ่ายหนี้ในเดือนพฤศจิกายน
 
กฎหมายดังกล่าวประกอบด้วย มาตรการลดเงินเดือนขนานใหญ่และตัดบำเหน็จบำนาญ, ขึ้นภาษี และเปลี่ยนแปลงข้อตกลงความร่วมมือในการเจรจาต่อรองระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างหลายประการที่สหภาพแรงงานทั้งหลายต่างคัดค้านอย่างรุนแรง ทำให้แรงงานและประชาชนไม่ต่ำกว่า 70,000 คนชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสซินทักมา ด้านหน้าอาคารรัฐสภาขณะที่พวกผู้แทนกำลังประชุมกันในวันพุธและพฤหัสบดี
 
การชุมนุมทั้งสองวันเกิดเหตุการณ์วุ่นวายและการปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่สถานการณ์ในวันพฤหัสบดี ช่วงก่อนที่สภาจะลงมติ ได้เกิดเหตุชุลมุนเมื่อผู้ชุมนุมสองกลุ่มเปิดฉากตะลุมบอนกันเอง เริ่มจากวัยรุ่นชุดดำขว้างปาก้อนหินและระเบิดเพลิงใส่สหภาพแรงงานคอมมิวนิสต์ การปะทะยืดเยื้อหลายชั่วโมง โดยสองฝ่ายไล่ตีไล่ปากันไปตามถนนหลายสายกลางกรุง หยิบฉวยก้อนอิฐปูถนนและเศษวัตถุสิ่งของขว้างใส่กัน จุดไฟเผาถังขยะเป็นแนวกั้นคู่อริ สุดท้ายตำรวจได้เข้าขัดขวางและยิงแก๊สน้ำตาเพื่อแยกมวย พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุรุนแรงไว้ 79 ราย
 
ตำรวจและเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินเปิดเผยว่า มีคนงานก่อสร้างวัย 53 ปีหัวใจวายเสียชีวิตระหว่างเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงเมื่อวันพฤหัสบดี และมีผู้ประท้วง 74 คน ตำรวจอีก 32 นายได้รับบาดเจ็บต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล ไม่นับรวมผู้ประท้วงอีกหลายสิบคนที่บาดเจ็บเล็กน้อยและได้รับการปฐมพยายาลโดยแพทย์อาสาสมัครที่ตั้งศูนย์ชั่วคราวอยู่ที่จัตุรัส
 
สมาชิกสหภาพแรงงานนัดหยุดงานทั่วประเทศทำให้กรีซกลายเป็นอัมพาตเป็นวันที่สอง เพื่อคัดค้านการลงมติผ่านกฎหมายรัดเข็มขัด โดยเฉพาะเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อต่อรองระหว่างนายจ้าง-ลูกจ้าง ซึ่งได้อดีตรัฐมนตรีแรงงานลูกา คัตเซลี โหวตค้านมาตรานี้ด้วย ถึงแม้ว่านางจะโหวตเห็นชอบกฎหมายทั้งฉบับก็ตาม ต่อมาปาปันเดรอูได้ขับเธอพ้นพรรครัฐบาล
 
หลังเสร็จสิ้นการผ่านมาตรการลดค่าใช้จ่าย นายกฯ ปาปันเดรอูได้เดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์แล้วเมื่อวันศุกร์ เพื่อร่วมประชุมกับบรรดาผู้นำชาติอียูวันอาทิตย์นี้ ก่อนออกเดินทางปาปันเดรอูกล่าวถึงการขับ ส.ส.รายนี้ ว่าการผ่านกฎหมายทั้งฉบับโดยไม่แก้ไขจะแสดงถึงความรับผิดชอบร่วมกันของคนทั้งชาติก่อนหน้าการเจรจาครั้งสำคัญช่วง 2 วันข้างหน้า.
 
แรงงานฟิลิปปินส์ เตรียมกลับไปยังลิเบีย หลังสิ้นพันเอกกัดดาฟี
 
21 ต.ค. 54 - กระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่าแรงงานชาวฟิลิปปินส์จำนวนหลายพันคน เตรียมเดินทางกลับไปทำงานที่ลิเบียตามเดิม หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการลิเบีย ทั้งนี้ การสู้รบเพื่อโค่นล้มอำนาจพันเอกกัดดาฟีเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้แรงงานชาวฟิลิปปินส์กว่า 30,000 คน ต้องลี้ภัยกลับประเทศ และขณะนี้ยังมีแรงงานฟิลิปปินส์หลงเหลืออยู่ในลิเบียราว 1,600 คน
 
สิงคโปร์ยืนยันไม่ลดจำนวนแรงงานต่างด้าว
 
22 ต.ค. 54 - รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันจะไม่ลดโควตาแรงงานต่างด้าวลง แต่จะเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นในการตัดสินใจรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในหลายอาชีพเพื่อเพิ่มมาตรฐานและคุณภาพในการทำงานในประเทศ
 
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างนายถัน ฉวน-จิน รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ ที่กล่าวว่า รัฐบาลจะทบทวนความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนกฎข้อบังคับเป็นระยะเพื่อให้เวลากับบริษัทต่างๆ ในการปรับตัว พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลตระหนักถึงความวิตกของภาคธุรกิจโดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดย่อมที่ห่วงว่าจะเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยจะยังคงให้ความสำคัญกับปริมาณแรงงานก่อนในเบื้องต้น
 
ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศระเบียบข้อบังคับในการรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานอาชีพต่างๆ ออกมาหลายระลอก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันเรื่องค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้นในบางสาขาอาชีพ
 
แควนตัสประกาศระงับ​เที่ยวบิน​ทั้งหมดทั่ว​โลก หลังพนักงานผละงานประท้วง
 
29 ต.ค. 54 - นายอลัน จอยส์ ประธานบริหารสาย​การบิน​แควนตัส ​ซึ่ง​เป็นสาย​การบินราย​ใหญ่สุดของออส​เตร​เลีย​เปิด​เผยว่า ​แควนตัสประกาศระงับ​ให้บริ​การทุก​เที่ยวบินรอบ​โลก​ในวันนี้ (29 ต.ค.) อัน​เนื่องมาจาก​การผละงานประท้วงของพนักงาน​ในหลายภาคส่วนของสาย​การบิน ​โดยระบุว่า ฝูงบิน​ทั้งหมดจะ​ไม่ออกบินจนกว่าจะบรรลุข้อตกลง ​เกี่ยวกับค่าจ้าง​และ​เงื่อน​ไข​การ​ทำงานกับสหภาพ​แรงงาน ​ซึ่ง​เป็นตัว​แทนของนักบิน ช่าง​เครื่อง ​และพนักงานภาคพื้นดินอื่นๆ ​ได้
 
นอกจากนี้ นายจอยส์กล่าวว่า คณะ​ผู้บริหารตัดสิน​ใจว่าพนักงาน​ไม่จำ​เป็นต้องมารายงานตัวที่​ทำงาน ​และจะ​ไม่​ได้รับค่าจ้าง ​โดยจะ​เริ่มตั้ง​แต่วันจันทร์ที่ 31 ต.ค. นี้​เป็นต้น​ไป อย่าง​ไร​ก็ตาม นายจอยส์ยอมรับว่า​การตัดสิน​ใจดังกล่าวจะ​ทำ​ให้​แควนตัส​ได้รับ​ความ​เสียหายสูง​ถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน
 
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ​การผละงานประท้วงของสหภาพ​แรงงาน 3 ​แห่ง​ทำ​ให้สาย​การบิน​แควนตัส​ได้รับ​ความ​เสียหาย​ไป​แล้วกว่า 68 ล้านดอลลาร์ออส​เตร​เลีย (72.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สูงกว่า​เมื่อตอน​เกิด​เหตุ​เถ้าถ่านภู​เขา​ไฟปกคลุมน่านฟ้า ​ซึ่ง​ทำ​ให้สาย​การบิน​เสียหาย 49 ล้านดอลลาร์ออส​เตร​เลีย (52.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
 
​ทั้งนี้ ​แควนตัสประ​เมินว่า จำนวน​ผู้​โดยสารที่​ได้รับผลกระทบจาก​การชุมนุมนับตั้ง​แต่​เดือนสิงหาคม น่าจะอยู่ที่ราว 70,922 คน จาก​เที่ยวบินที่ยก​เลิก​ไป 129 ​เที่ยวบิน ​และ​เที่ยวบินที่ดี​เลย์อีก 387 ​เที่ยวบิน
 
แอร์ฟรานซ์ยกเลิกเที่ยวบินระยะไกลขณะพนักงานต้อนรับประท้วง
 
29 ต.ค. 54 - สายการบินแอร์ฟรานซ์ของฝรั่งเศสยกเลิกเที่ยวบินระยะไกล 10 เที่ยวบิน และเตือนว่าอาจจะยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินผละงานประท้วงเป็นเวลา 5 วันนับจากวันนี้ท่ามกลางความวุ่นวายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
 
สายการบินแอร์ฟรานซ์กล่าวก่อนการผละงานคาดหวังว่า จะสามารถให้บริการเที่ยวบินได้ราวร้อยละ 80 แอร์ฟรานซ์แถลงผ่านเว็บไซต์ว่า เที่ยวบินที่ยกเลิก ได้แก่ เที่ยวบินไปนครนิวยอร์ก โตเกียว มอนทรีออล และอีกหลายเส้นทาง และอาจยกเลิกหรือเลื่อนเที่ยวบินเพิ่มเติมอีก
 
สหภาพแรงงานหลายแห่งกำลังเรียกร้องให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของแอร์ฟรานซ์ผละงานประท้วงไปจนถึงวันพุธ ซึ่งอาจส่งผลกระทบหนัก ทั้งนี้ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะเป็นวันหยุดในฝรั่งเศส ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่อาจลาหยุดในวันจันทร์ด้วยเพื่อขยายวันหยุดต่อจากสุดสัปดาห์และยังตรงกับช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม
 
อนุญาโตตุลาการ มีคำสั่งชั่วคราวให้ยุติการนัดหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานแควนตัส
 
31 ต.ค. 54 - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียว่า สายการบินแควนตัสของออสเตรเลีย ได้กลับมาให้บริการได้อีกครั้งในวันเดียวกันนี้ หลังจากศาลอนุญาโตตุลาการของรัฐบาล มีคำสั่งชั่วคราวให้ยุติการนัดหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงาน ทำให้ต้องหยุดบริการเที่ยวบินและผู้โดยสารทั่วโลกจำนวนมากถึง 70,000 คน ตกค้างอยู่ตามสนามบิน
 
เที่ยวบินแรกของสายการบินแควนตัส เริ่มกลับมาให้บริการอีกครั้ง หลังจากหยุดให้บริการไปเกือบ 2 วัน โดยเป็นเที่ยวบินคิวเอฟ 11 ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติซิดนีย์ มุ่งหน้าสู่นิวยอร์กเมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นตรงกับ 10.00 น. เช้าวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย หลังการนัดหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงาน ประกอบด้วยพนักงานขนกระเป๋า วิศวกร และนักบิน โดยฝ่ายสหภาพแรงงานอ้างว่า ต้องหยุดงานประท้วงและปฏิเสธการทำงานล่วงเวลา เพราะไม่พอใจฝนแผนปรับโครงสร้างสายการบิน ส่วนสายการบินแย้งว่า การนัดหยุดงานประท้วงทำให้กิจการของสายการบินได้รับผลกระทบ แต่เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี ทำให้หุ้นของบริษัทสายการบินแควนตัสปรับสูงขึ้นร้อยละ 5.5
 
นายอลัน จอยซ์ ประธานบริหารของสายการบินแควนตัสกล่าวว่า จะพยายามทุกอย่างเพื่อให้บริการกลับคืนสู่สภาวะปกติอีกครั้งอย่างเต็มกำลัง ด้วยมาตรฐานบริการและความปลอดภัย พร้อมกับชื่นชมการตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการ ที่มีคำสั่งชั่วคราวให้ยุติการนัดหยุดงานประท้วง
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ประมวลภาพ: รัชดาจ๋า... น้ำมาถึงแล้ว

Posted: 02 Nov 2011 10:40 PM PDT

จากรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่คืบคลานไปยังพื้นที่ต่างๆ ของ กรุงเทพมหานครฯ และกำลังจะเข้าสู่กรุงเทพชั้นใน ประชาไทสำรวจพื้นที่น้ำท่วมตามถนนรัชดา และคลองลาดพร้าวซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่มีการเฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมเป็นพิเศษมารายงาน

 วันที่ 2 พฤศจิกายน 2554
 
 
(ที่มา: ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร)
จัดทำแผนที่โดย สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (กองสารสนเทศภูมิศาสตร์))
 
 
000
 
ล่าสุดวันนี้ (3 พ.ย.54) เวลาประมาณ 10.20 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน้ำได้เอ่อล้นออกมาตามท่อทางด้านหน้า โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดาภิเษก แล้ว แต่ยังสามารถสัญจรได้ หลังจากที่มีน้ำเอ่อออกมาเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้
 
 
เอสซีบีปาร์ค หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ มีน้ำท่วมระดับทางเท้า รถเล็กยังสัญจรได้แต่ก็เป็นไปอย่างลำบาก
 
 
อย่างไรก็ตามหน้าศาลอาญาและศาลแพ่งรัชดาที่มักเกิดน้ำขังเมื่อมีฝนตก ขณะนี้ถนนยังแห้งอยู่ การจราจรยังสัญจรได้ตามปกติ
 
ตึกช้าง โดยรอบยังไม่มีสถานการณ์น้ำเอ่อนองแต่อย่างใด
 
 
ถนนวิภาวดี-รังสิต บริเวณทางแยกตัดถนนพลโยธินยังไม่มีน้ำ ขาเข้ารถสัญจรน้อยมาก 
 
 
เมเจอร์รัชโยธินน้ำประชิด และบนถนนพหลโยธินจากเมเจอร์รัชโยธินไปแยกเกษตรรถเล็กผ่านไม่ได้ ล่าสุดผู้สื่อข่าวแจ้งว่าเมเจอร์รัชโยธิน ปิดทำการแล้ว
 
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านปิดถนนตั้งแต่หน้าซอยพหลโยธิน 35 ติดป้ายน้ำสูง 60 เซนติเมตร แต่ยังมีคนสัญจรไปมา
 
 
ซอยรัชดาภิเษก 36 หรือ ซอยเสือใหญ่อุทิศ น้ำคลองลาดพร้าวเอ่อล้นท่วมขัง และเริ่มแผ่ขยายวงกว้างออกไปเกือบถึงด้านหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ระดับน้ำสูงตั้งแต่ 10 – 40 เซนติเมตรในบางจุด โดยการจราจรยังสามารถสัญจรผ่านได้
 
  
คลองลาดพร้าวบริเวณด้านหลังโลตัสวังหินและวัดลาดพร้าวน้ำได้เข้าท่วมชุมชนต่างๆ ที่อยู่บริเวณริมคลองแล้ว 
 
 
 
ส่วนริมคลองลาดพร้าว ในเขตห้วยขวางเส้นถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญและบริเวณมัสยิสอิมาร่อตุ๊ดดีน ระดับน้ำยังคงเป็นปกติ แต่น้ำไหลแรงขึ้น
 
ถนนรามอินทราระดับน้ำยังทรงตัว บางจุดสูงอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตร ชาวบ้านยังคงใช้เรือในการสัญจรเข้า - ออก ส่วนรถทหาร และหน่วยงานเอกชนที่เข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายประชาชนก็ยังดำเนินการต่อไป
 
 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น