ประชาไท | Prachatai3.info |
- นักข่าว The Independent เปิดใจครอบครัวอัคบารี เหยื่อเหตุระเบิดในภาพรางวัลพูลิชเชอร์
- เกาหลีเหนือซ้อมรบ-ฟื้นโรงงานนิวเคลียร์ เกาหลีใต้ยังใช้ชีวิตปกติ
- คนทำงาน มกราคม 2556: อีก 25 ปี หุ่นยนต์ทำงานแทนคน?
- ชาวบ้านเฮ! ศาลปกครองให้เพิกถอนใบอนุญาตโรงงานแป้งมัน
- รอบโลกแรงงานมีนาคม 2556
- ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน 2 จำเลยคดี 112 เอกชัย– ยุทธภูมิ
- ‘คนหนองบัวแดง’ ร้องนายอำเภอฯ ร่วมแก้ไขปัญหาที่ดิน - คดีความ
- อภิสิทธิ์ย้ำไม่รับร่างแก้ไข รธน. ทั้ง 3 ร่าง - หวั่นสอดคล้องกับแนวคิดรุกคืบยึดอำนาจ
- มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องเนสท์เล่เก็บคืนคิทแคท หลังพบมีพลาสติกผสม
- เผยภาพถ่ายดาวเทียมชุมชนมุสลิมถูกเผาหลังจลาจลในพม่า
- ไทย-บังกลาเทศขยายสัญญาขายข้าวระหว่างรัฐบาลจนถึงปี 2559
- โสภณ พรโชคชัย: 15 ข้อสังเกต อย่าเพิ่งเชื่อผังเมืองกรุงเทพมหานคร
- จัดเสวนาต่อต้านหมออรรถสิทธิ์ทำงานรองเลขาธิการ สปสช. วันแรก
- อวัตถุศึกษากับอธิป: ไพเรตเบย์ ขึ้นอันดับ 1 เว็บแชร์ไฟล์ยอดนิยมของโลก
นักข่าว The Independent เปิดใจครอบครัวอัคบารี เหยื่อเหตุระเบิดในภาพรางวัลพูลิชเชอร์ Posted: 02 Apr 2013 01:58 PM PDT
ภาพของเด็กหญิงที่ยืนร้องไห้ท่ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2013 ผู้สื่อข่าว The Independent คิม เซนกุปตา ได้สัมภาษณ์ครอบครัวของเด็กหญิ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ เด็กหญิงที่กรีดร้องในรูปชื่อ ทารานา อัคบารี ปัจจุบันอายุ 13 ปี ผู้สื่อข่าว The Independent เปิดเผยว่าในตอนนี้ครอบครั "ผมไปเคาะตามประตูบ้านเป็นร้ ครอบครัวของทามาราบอกว่าการรั ทารานาบอกว่า "หลังจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้ ทารานากล่าวในการสัมภาษณ์อีกว่า "แต่ฉันก็ว่าพวกเราโชคดีที่ยั "แม่ของฉันยังร้องไห้อยู่เสมอ เมื่อวานซืนเธอเห็นรองเท้าที่ "ฉันรู้สึกโกรธกับเรื่องที่เกิ ลัชการ์-อี-จังวี กลุ่มในปากีสถานอ้างว่าตนเป็นผู ผู้ที่จู่โจมในพิธีกรรมอาชูรออฺ สุนิตา กล่าวถึงชายผู้ก่อเหตุว่า "เขาดูน่าสงสัยเพราะทำตัวแปลกๆ ยังดูเป็นคนอายุไม่มาก มีเคราขึ้นเล็กน้อย ผมเปียกเหมือนเพิ่งอาบน้ำมา เขานั่งลงหลังจากนั้นก็เกิ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่ ทารานาบอกว่า ที่เธอสวมชุดตัวเดิมไปงานเพื่ "ฉันคิดว่ามันจะเตือนให้คนนึกถึ เรียบเรียงจาก 'I dream about that day. I try not to but it keeps coming back': Tarana Akhbari, the girl in the 2011 Afghan bombing photograph, Kim Sengupta, The Independent, 01-04-2013 ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
เกาหลีเหนือซ้อมรบ-ฟื้นโรงงานนิวเคลียร์ เกาหลีใต้ยังใช้ชีวิตปกติ Posted: 02 Apr 2013 01:19 PM PDT เกาหลีเหนือประกาศเดินเครื่องอุปกรณ์ในโรงงานนิวเคลียร์ ระบุเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า และเพิ่มสมรรถนะอาวุธนิวเคลียร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้น ด้านประธานาธิบดีเกาหลีใต้ขอให้กองทัพตอบโต้ได้เลย หากเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายยั่วยุ ขณะที่ซีเอ็นเอ็นเสนอภาพประชาชนในโซลยังใช้ชีวิตตามปกติ หลังทางการเกาหลีเหนือประกาศว่าคาบสมุทรเกาหลีอยู่ในภาวะสงครามนั้น สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 เม.ย.) เป็นภาพทหารเกาหลีเหนือกำลังซ้อมรบ และระบุว่ากองทัพประชาชนเกาหลีมีความพร้อมเต็มที่ ส่วนภาพจากรายงานของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าประชาชนในกรุงโซลยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ
เกาหลีเหนือเดินเครื่องโรงงานนิวเคลียร์ที่ยองเบียน ไชน่า เดลี รายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อวันที่ 2 เม.ย. นี้ว่า ได้ตัดสินใจเดินเครื่องอุปกรณ์ที่โรงงานนิวเคลียร์ยองเบียน โดยโฆษกของกรมพลังงานนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ กล่าวกับสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ว่าประเทศจะปรับแก้และเริ่มใช้งาน อุปกรณ์ของโรงงานนิวเคลียร์แห่งนี้ รวมทั้งเครื่องโรงเสริมสมรรถนะยูเรเนียม และ เตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์ ซึ่งเคยถูกระงับและปิดทำการตามผลการประชุม 6 ฝ่าย เพื่อให้เป็นตามข้อตกลงลดอาวุธเมื่อเดือนตุลาคมปี 2550 โฆษกของหน่วยงานดังกล่าวระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าว ทำขึ้นในการประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลี เมื่อวันที่ 31 มี.ค. เพื่อแก้ปัญหาภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า และเพิ่มสมรรถนะของอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกินขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือประกาศว่า "เข้าสู่ภาวะสงคราม" กับเกาหลีใต้แล้ว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
ปธน.เกาหลีใต้ให้กองทัพตอบโต้ หากเกาหลีเหนือยั่วยุ ด้านประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติ ด้านประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ปัก กึน เฮ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 เม.ย.) ได้แนะนำกองทัพให้ตอบโต้อย่างแข็งขันต่อการยั่วยุของเกาหลีเหนือโดยไม่ต้องคำนึงถึงมาตรการทางการเมืองใดๆ รายงานเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาของซีเอ็นเอ็น นำเสนอบรรยากาศของสาธารณชนในกรุงเปียงยางและกรุงโซลที่มีความแตกต่างกันสิ้นเชิง นอกจากนี้รายงานของซีเอ็นเอ็นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งแพร่ภาพจากสถานีโทรทัศน์กลางเกาหลี ของทางการเกาหลี ซึ่งมีการเปิดเพลงปลุกใจ และฉายภาพการตื่นตัวทางการทหารในระดับสูงสุด และมีการสัมภาษณ์คนเดินถนนในเปียงยางที่ต้องการทำสงครามพิชิตเกาหลีใต้ ยังระบุว่าสถานการณ์ทั่วไปในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ซึ่งยังอยู่ในภาวะปกติ โดยจิม แคลนซี่ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ยืนรายงานอยู่หน้าพระราชวังต็อกซู ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งในโซล โดยเขากล่าวว่าสถานการณ์ที่เมืองหลวงของเกาหลีใต้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่นี่สามารถมองเห็นอดีตของพวกเขา ประวัติศาสตร์ของพวกเขา และมองหาอนาคตที่สดใสกว่าเดิม ซึ่งไม่มีเรื่องสงคราม โดยเขาสัมภาษณ์ชาวเกาหลีใต้ซึ่งไม่คิดว่าจะเกิดสงคราม และไม่สนใจต่อการขู่ของเกาหลีเหนือ โดยตอนจบเสียงรายงานของจิม แคลนซี่ระบุว่าในวันอาทิตย์ของคาบสมุทรเดียวกัน กลับมีความแตกต่างว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า ฝ่ายเหนือจะข้ามพรมแดนเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนของสงคราม ส่วนทางใต้ผู้คนเตรียมตัวไปทำงานในวันจันทร์ ขณะเดียวกัน กรุงโซลในสัปดาห์นี้ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงรถยนต์ Seoul Motor Show 2013 ด้วยโดยมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 29 มี.ค. ถึงวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. นี้ที่ศูนย์นิทรรศการเกาหลี (KINTEX) ซึ่งยังจัดงานตามปกติ โดยหนึ่งในไฮไลท์ของงานปีนี้อยู่ที่รถยนต์ SUV ที่ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) ทั้งนี้ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเพิ่มทวีขึ้น หลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) เพื่อตอบโต้การฝึกร่วมทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตี เพื่อป้องกันตัวเอง และทำให้การประกาศพักรบข้างเดียวเมื่อปี พ.ศ. 2496 ที่ทำให้สงครามเกาหลีระงับชั่วคราวไร้ผลไป
สหรัฐอเมริกาใช้เรดาห์จับตา รมช.พาณิชย์จีนระบุนิคมอุตสาหกรรมชายแดนเกาหลีเหนือยังราบรื่น นอกจากนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ซึ่งอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ระบุว่ากองทัพเรือสหรัฐได้เคลื่อนฐานเรดาร์ที่ตั้งอยู่ในทะเล ให้เข้าใกล้คาบสมุทรเกาหลีมากขึ้นเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวทางการทหารของเกาหลีเหนือ รวมถึงความเป็นไปได้ในการปล่อยขีปนาวุธครั้งใหม่ของเกาหลีเหนือ ส่วนปฏิกิริยาจากจีน บีบีซี รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้นเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ขณะเดียวกัน บลูมเบิร์ก รายงานคำกล่าวของ รมช.พาณิชย์จีน เฉิน เจี้ยน ซึ่งกล่าวเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ว่าการทำงานที่เขตเศรษฐกิจราซอน บริเวณชายแดนจีน-เกาหลีเหนือนั้นยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น และเขายังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของเขตอุตสาหกรรมดังกล่าว และว่ายังไม่ได้ยินว่ามีการหยุดชะงักลง ทั้งนี้เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือมีขนาด 1 ใน 40 ของเกาหลีใต้ และยังต้องพึ่งพาการสนับสนุนทั้งด้านการทูตและการเศรษฐกิจจากจีน ขณะเดียวกัน มีรายงานความเคลื่อนไหวทางทหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนซึ่งอยู่ในระดับการเตือนภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งติดกับพรมแดนเกาหลีเหนือทางเหนือ นอกจากนี้กองเรือจีนมีการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง บริเวณทะเลเหลือง ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดการฝึกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ด้วย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
คนทำงาน มกราคม 2556: อีก 25 ปี หุ่นยนต์ทำงานแทนคน? Posted: 02 Apr 2013 11:16 AM PDT วารสารคนทำงาน มกราคม 2556
ดาวน์โหลดอ่านได้ใน iPad, iPhone และระบบ Android รวมทั้งเปิดอ่านในคอมพิวเตอร์ได้ที่เว็บไซต์ www.ebooks.in.th/ebook/12224/วารสารคนทำงานมกราคม_2556/ |
ชาวบ้านเฮ! ศาลปกครองให้เพิกถอนใบอนุญาตโรงงานแป้งมัน Posted: 02 Apr 2013 09:55 AM PDT ศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น พิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง ชาวบ้านพอใจชัยชนะ ชี้ศาลยังพอมีความยุติธรรมให้ผู้เดือดร้อน แม้โรงงานฯ ยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ แต่ยืนยันพร้อมสู้ต่อไป จากกรณีที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาว ได้ยื่นฟ้องผู้ประกอบกิจการโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ต.ลำน้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ต่อศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษา ดังนี้ 1.ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแป้งมันสำปะหลัง 2.ให้ผู้ประกอบกิจการดำเนินการตามมาตรา 66, มาตรา67 ของรัฐธรรมนูญ 3.ให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง วันนี้ (2 เม.ย.56) ศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น นัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองจังหวัดขอนแก่นได้มีคำพิพากษาโดยสรุปว่า ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังทะเบียนโรงงาน เลขที่ 3-9(2)-2/54 ขก ลงวันที่ 11 ก.พ.54 ที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมออกให้แก่นาย เทพฤทธิ์ ศรีปัญญา ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาวที่เข้าฟังคำพิพากษา ต่างก็ปลาบปลื้มและยินดีกันทั่วหน้า โดยระบุว่าแม้ศาลจะได้มีคำพิพากษาตามคำฟ้องเพียงประเด็นเดียว แต่ชาวบ้านก็พอใจเพราะถือเป็นประเด็นที่สำคัญ และถือเป็นชัยชนะที่ชาวบ้านเห็นว่าศาลยังพอมีความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนอยู่ อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น ยังไม่ถึงที่สุด เพราะผู้ประกอบกิจการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง สามารถอุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วันหลังจากมีคำพิพากษาได้ "วันนี้เราเห็นความยุติธรรมและศาลยังสามารถพึ่งพาอาศัยได้ ไม่ใช่รับใช้แต่กลุ่มผลประโยชน์ที่มันมารังแกเรา" นางระเบียง แข็งขัน ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาวกล่าว ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาว ยืนยันด้วยว่า การฟ้องคดีเป็นเพียงหนทางหนึ่งของการต่อสู้ เพราะการต่อสู้ที่จะได้ชัยชนะเด็ดขาดก็คือ การต่อสู้ด้วยสองมือสองเท้าของตนเอง พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้และคัดค้านต่อไปด้วยพลังของตัวเอง "ถ้าเขาจะอุทธรณ์ก็ให้เขาอุทธรณ์ไป เราก็จะโต้แย้งกลับไปเช่นกัน เราจะสู้จะหัวขาดคากัน" นายแสงจันทร์ ศรีปัดถา ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาวกล่าว คำตัดสินมีรายละเอียด ดังนี้
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
Posted: 02 Apr 2013 09:54 AM PDT โปรตุเกส-ประท้วงรัฐบาลทั่วประเทศ 3 มี.ค. 56 - ชาวโปรตุเกสหลายหมื่นคนเดินขบวนในกว่า 20 เมืองทั่วประเทศ ประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นว่าในปีนี้ โปรตุเกสจะต้องเผชิญกับภาวะถดถอยติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ในกรุงลิสบอน นครหลวง ประชาชนหลายหมื่นคนชุมนุมแน่นถนนสายสำคัญที่จะมุ่งสู่กระทรวงการคลัง ก่อนจะเคลื่อนขบวน พร้อมกับร้องตะโกนคำขวัญประณาม อีซี.ไอเอ็มเอฟ. และ อีซีบี. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่เบื้องหลังเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูของโปรตุเกส ผู้ประท้วงจำนวนมาก ร่วมกันร้องเพลง อายุ 40 ปี เพลงหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวพันการลุกฮือของประชาชนในปี 2518 เพื่อโค่นล้มเผด็จการทหารของประเทศ ที่ถูกเรียกขานว่า การปฏิวัติดอกคาร์เนชั่น คาดว่าในปีนี้โปรตุเกสอาจต้องเผชิญภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจติดต่อเป็นปีที่ 3 โดยเศรษฐกิจหดตัว 2 เปอร์เซ็นต์ อัตราการว่างงานจะสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 17.6 เปอร์เซ็นต์ กัลฟ์แอร์ ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ลอยแพคนงาน หวังรับมือแข่งเดือด 3 มี.ค. 56 - กัลฟ์แอร์ สายการบินที่ขาดทุนของบาห์เรน ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ด้วยการลดพนักงาน 15% และยกเลิกเส้นทางบิน 4 เส้นทาง หวังลดการขาดทุน หลังเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดจากสายการบินเอมิเรตส์แห่งดูไบ สายการบินเอธิฮัดและกาตาร์แอร์เวย์จากอาบูดาบี รวมถึงสายการบินต้นทุนต่ำอย่างแอร์อาราเบีย นอกจากนั้น กัลฟ์แอร์ยังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความมั่นคงของบาห์เรน ซึ่งส่งผลมาถึงเศรษฐกิจ อันสืบเนื่องจากการชุมนุมที่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสอาหรับสปริงเมื่อปี 2554 และดำเนินต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ การปรับโครงสร้างของกัลฟ์แอร์มีเป้าหมายที่การปรับปรุงเครือข่ายของสายการบิน โดยให้ความสำคัญกับเส้นทางบินที่เชื่อมถึงกันจุดต่อจุด พร้อมไปกับการปรับโครงสร้างพนักงาน ซึ่งเมื่้อเดือนม.ค.มีการลดพนักงาน 6% และเพิ่มเป็น 15% ในเดือนก.พ. มาตรการลดคนงานกระทำผ่านการไม่ต่อสัญญาและการให้เกษียนอย่างสมัครใจ แต่สหภาพแรงงานของกัลฟ์แอร์ไม่ค่อยพอใจและหารือกับกระทรวงแรงงาน แต่ไม่ได้ระบุว่าจะใช้มาตรการใด โดยบาห์เรนเป็นประเทศหนึ่งในอ่าวเปอร์เซียที่มีสหภาพแรงงานแข็งแกร่งมาก โฆษกสหภาพแรงงานกล่าวว่าบริษัทมีเป้าหมายลดพนักงาน 1,266 คนในการปรับโครงสร้างขั้นแรก โดยพนักงานที่ถูกลอยแพจะเป็นชาวบาห์เรน 600 คน ชาวต่างชาติ 666 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็นกว่า 30% ของพนักงาน 4,000 คน ในส่วนของการปิดเส้นทางบินนั้น ใช้กับเส้นทางบินที่ขาดทุน และหันมาเน้นเส้นทางบินในภูมิภาค แทนที่จะเน้นเส้นทางบินที่มีคนเปลี่ยนเครื่องน้อย โดยกัลฟ์แอร์พยายามสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในภูมิภาค และวางแผนเจาะตลาดนิชในระยะยาว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กัลฟ์แอร์ลดพนักงาน โดยเมื่อปี 2552 ทางสายการบินได้ลอยแพคนงาน 500 ชีวิต เพราะขาดทุนกว่าพันล้านดอลลาร์ พนักงานสายการบินไอบีเรียเตรียมผละงาน 5 วันเริ่มวันนี้ 4 มี.ค. 56 - สายการบินไอบีเรียของสเปนเตรียมจอดเที่ยวบินเกือบ 1,300 เที่ยว เนื่องจากพนักงานจะเริ่มการผละงาน 5 วันครั้งที่ 2 ในวันนี้ ประท้วงการลดพนักงานและค่าจ้าง ไอบีเรียซึ่งมีปัญหาขาดทุนประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะเดินหน้าตามแผนการปลดพนักงาน 3,800 คน คิดเป็นร้อยละ 18 และได้ยกเลิกเที่ยวบินตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันศุกร์รวม 431 เที่ยว สหภาพแรงงานตัวแทนพนักงานภาคพื้นดินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกำหนดผละงาน 5 วันทั้งหมด 3 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม แต่ละวันสร้างความเสียหายให้แก่สายการบินประมาณ 1 ล้านยูโร (ราว 40 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังจะสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจสเปนซึ่งพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นร้อยละ 11 ของผลิตภัณฑ์ผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพราะเริ่มจะเข้าสู่ช่วงท่องเที่ยวฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน การผละงานครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีการปะทะกันระหว่างพนักงานสมาชิกสหภาพกับตำรวจที่ท่าอากาศยานในกรุงมาดริด จนถึงขณะนี้ตัวแทนเจรจาอิสระที่รัฐบาลแต่งตั้งยังไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสายการบินและสหภาพได้ ออสซี่ปลด 15 คนงาน พิษเต้น "ฮาร์เล็มเชก" 4 มี.ค. 56 - ผู้บริหารเหมืองแร่ทองคำในประเทศออสเตรเลีย สั่งไล่คนงานออก 15 คน หลังพบว่าคนงานเหล่านี้โพสต์คลิปวิดีโอขณะเต้น "ฮาร์เล็ม เชก" ในเหมืองใต้ดินลงในเว็บไซต์ยูทูบ เพราะถือว่าละเมิดมาตรการความปลอดภัย และระเบียบความประพฤติของบริษัท ขณะที่มีผู้ตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กเพื่อเรียกร้องให้บริษัทบาร์มินโกรับคนงานเหล่านี้กลับเข้าทำงาน เนื่องจากคนงานบางคนปรากฏในคลิปก็จริง แต่ไม่ได้ร่วมเต้นด้วย ด้านบริษัทบาร์มินโก เจ้าของเหมืองแจ้งว่าการเต้นใต้เหมืองเช่นนั้นไม่ปลอดภัย และว่าเหมืองอื่นๆ ภายในเครือจะไม่ว่าจ้างคนงานทั้ง 15 คนอีกในอนาคต ข่าวนี้คล้ายกับกรณีผู้โดยสารสายการบินฟรอนเทียร์ส เต้นเพลงฮาร์เล็ม เชก บนเครื่องบิน ขณะกำลังบินอยู่ ทำให้หน่วยงานการบินของสหรัฐสั่งสอบสวน ว่าละเมิดความปลอดภัยหรือไม่ แต่สายการบินดังกล่าวยืนยันว่าไม่กระทบต่อความปลอดภัย สำหรับฮาร์เล็ม เชก เป็นปรากฏการณ์ในอินเตอร์เน็ตที่มี ผู้เลียนแบบมากมาย คล้ายกับการเต้นกังนัมสไตล์เมื่อปีก่อน คาดว่าในแต่ละวันมีผู้โพสต์วิดีโอเต้นเพลงนี้ประมาณ 4,000 คลิป วันเดียวกันที่อียิปต์ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม ฝ่ายอิสลามสายเคร่ง ฐานสนับสนุนหลักของประธานาธิบดีโมฮัม เหม็ด มอร์ซี ยังเรียกร้องให้เว็บไซต์ยูทูบลบวิดีโอสมาชิกคนหนึ่งที่เปลือยท่อนบนขณะเต้นฮาร์เล็ม เชก เพื่อ ล้อเลียนแกนนำฝ่ายค้าน เพราะดูอุจาดตา กูเกิล ปลดเพิ่มพนักงานโมโตโรลา 1,200 อัตรา 12 มี.ค. 56 - กูเกิล ประกาศปลดพนักงานโมโตโรลาเพิ่มอีก 1,200 อัตรา หวังช่วยลดค่าใช้จ่ายและตำแหน่งงานซ้ำซ้อน หลังซื้อกิจการบริษัทสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ "โมโตโรลา" ตั้งแต่ปี 2011 พร้อมทั้งประกาศเลย์ออฟพนักงานครั้งใหญ่จำนวน 4,000 อัตราเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ล่าสุด กูเกิล ได้ทำการปลดพนักงานโมโตโรลาออกอีกระลอกถึง 1,200 อัตรา หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมทั้งพนักงานในสหรัฐฯ จีน และอินเดีย โดยกูเกิลให้เหตุผลในการปลดพนักงานโมโตโรลาออกในครั้งนี้ว่า ทางบริษัทต้องการลดตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อน และเพื่อเป็นการตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก ทั้งนี้ โฆษกกูเกิล ระบุว่ากูเกิลเข้าใจถึงผลกระทบที่จะเกิดแก่พนักงาน แต่ทั้งกูเกิล และตัวพนักงานเองก็ต้องก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปให้ได้ "สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องยากสำหรับพนักงานผู้ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดี เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้พวกเขาก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบากเช่นนี้ไปได้" โฆษกกูเกิล กล่าว แรงงานญี่ปุ่นเฮ! ค่ายรถยักษ์ใหญ่ตบเท้า "ขึ้นโบนัส" พนักงาน หลังเยนอ่อนทำผลกำไรพุ่ง 13 มี.ค. 56 - ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่นพร้อมใจประกาศเพิ่มเงินโบนัสแก่พนักงานหลายหมื่นคน หลังภาวะเงินเยนอ่อนค่าช่วยให้บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐบาลปลาดิบก็เร่งเร้าให้บริษัทต่างๆขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานของตนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นและของโลก เปิดแถลงในวันนี้(13)ว่า บริษัทจะยอมรับข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานที่ต้องการให้เพิ่มเงินโบนัสอีก 10% ทำให้วงเงินเฉลี่ยที่พนักงานแต่ละคนจะได้รับอยู่ที่ 2.05 ล้านเยน (ราว 635,000 บาท) โดยพนักงานทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสายงานผลิตหรือพนักงานออฟฟิศก็มีสิทธิ์ได้รับวงเงินพิเศษนี้เท่าเทียมกัน รายงานระบุว่า การปรับโบนัสครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปีสำหรับ โตโยต้า เลยทีเดียว ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตยานยนต์อันดับสองอย่าง นิสสัน ก็มีแผนปรับขึ้นโบนัสให้พนักงานอีก 2.3% เฉลี่ยคนละ 2.04 ล้านเยน (ราว 631,000 บาท) ส่วน ฮอนด้า ก็ประกาศเพิ่มโบนัสเช่นกัน แต่ยังไม่เปิดเผยจำนวนที่แน่นอน เดือนมกราคมที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้ง 3 บริษัททำผลกำไรได้สูงเป็นประวัติการณ์สำหรับปีงบประมาณ 2012 เนื่องจากผลกระทบของเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2011 เริ่มเบาบางลง อีกทั้งค่าเงินเยนที่อ่อนลงก็ช่วยให้บริษัทมีรายได้มากขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาเงินเยนที่แข็งจนแตะระดับ 75 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงปลายปี 2011 ซึ่งทำให้รถยนต์ญี่ปุ่นสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับค่ายรถชาติอื่น และยังทำให้รายได้จากต่างประเทศที่จะแปลงกลับเป็นเงินเยนลดน้อยลงตามไปด้วย อย่างไรก็ดี คำมั่นสัญญาจากนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ที่ว่าจะทุ่มค่าใช้จ่ายสาธารณะก้อนโต ผนวกกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกเพื่อฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น ก็ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยล่าสุดลงมาอยู่ที่ระดับ 95 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้(13) อาเบะ ยังเรียกร้องให้บริษัทญี่ปุ่นขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานเพื่อเพิ่มรายได้หลังหักภาษี (disposable income) และลดปัญหาเงินฝืดที่ทำให้การใช้จ่ายส่วนบุคคลและการลงทุนในภาคธุรกิจชะงักงันมานานหลายปี สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ผู้ประกอบธุรกิจชั้นนำอื่นๆ เช่น ฮิตาชิ และ ฟูจิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ ก็มีแผนปรับขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานของตนเช่นเดียวกัน เซเวน แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ เซเวนอีเลฟเวน ทั่วญี่ปุ่น ประกาศจะขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานราว 53,000 คน ในขณะที่คู่แข่งอย่าง ลอว์สัน และ แฟมิลีมาร์ท ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมเพิ่มโบนัสให้แก่พนักงานของตนเช่นกัน พนักงานบริดจ์สโตนรวมกลุ่มประท้วงการปิดโรงงานในอิตาลี 15 มี.ค. 56 - พนักงานในกลุ่มบริษัทบริดจ์สโตน (Bridgestone) จำนวน 250 คนได้รวมตัวประท้วงที่หน้ากระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจของอิตาลีเมื่อวานนี้ เพื่อคัดค้านแผนการปิดโรงงานของบริษัทในจังหวัดบารีซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี เหตุการณ์ประท้วงกินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยพนักงานเรียกร้องให้โรงงานผลิตยางรถยนต์ดำเนินกิจการต่อไป หลังจากบริษัทบริดจ์สโตน คอร์ปประกาศว่าจะปิดโรงงานดังกล่าวในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงของโรงงาน และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ นายโกราโด ปาสเซรา รัฐมนตรีกระทรวงฯได้กระตุ้นให้บริษัทยกเลิกแผนการปิดโรงงานในระหว่างการประชุมกับกลุ่มผู้ประท้วง โดยจะมีการประชุมกับพนักงานกลุ่มดังกล่าวอีกครั้งในช่วงต้นเดือนเม.ย. การตัดสินใจของบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงจากชุมชนท้องถิ่น และวงจรทางการเมือง โดยในบางพื้นที่ได้เริ่มคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของบริษัทแล้ว สำนักข่าวเกียวโดรายงาน 'หลี่ เค่อเฉียง'เสนอแผนแก้ไขค่ายแรงงาน 17 มี.ค. 56 - นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีน แถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับการแต่งตั้ง ว่ารัฐบาลจีนเตรียมเปิดแผนปฏิรูปค่ายแรงงานในสิ้นปีนี้ ในอดีตระบบค่ายแรงงานดังกล่าว หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "เหล่าเจี้ยว" ถูกใช้สำหรับลงโทษนักกิจกรรมที่มีความเห็นไม่พ้องกับแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันระบบดังกล่าวใช้สำหรับผู้ร้ายที่กระทำผิดฐานเบา แต่เจ้าหน้าที่ทุจริตบางคนได้ใช้ระบบดังกล่าวละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโดยทำการกักขังบุคคลที่ต้องการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่ประพฤติทุจริตเหล่านั้น ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว ผู้ต้องสงสัยอาจถูกคุมขังอยู่ในค่ายแรงงานเป็นระยะเวลานานถึง 4 ปีจากการตัดสินของคณะตำรวจ และไม่ได้รับโอกาสเรียกร้องความเป็นธรรมโดยการยื่นสู้คดีในชั้นศาล ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ รัฐบาลจีนได้รับข้อเสียงเรียกร้องมากขึ้นจากนักโทษที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบดังกล่าว ให้มีการปฏิรูปหรือแม้กระทั่งการยกเลิกระบบ"เหล่าเจี้ยว" อีกทั้งสื่อรัฐบาลยังได้ให้ความสนใจต่อประเด็นดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดการปฏิรูปหรือยกเลิกระบบดังกล่าว ในการแถลงข่าวนั้น นายหลี่กล่าวเพียงว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนกำลังเร่งทำงานกันอย่างหนักเพื่อวางแผนการปฏิรูประบบ"เหล่าเจี้ยว" ก่อนหน้านี้ กระบอกเสียงของรัฐรายงานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ระบบ"เหล่าเจี้ยว"จะถูกยกเลิก แต่ข่าวดังกล่าวได้ถูกลบและถูกแทนด้วยการคาดการณ์ว่าจะมีการปฏิรูประบบแทนที่จะยกเลิกโดยสมบูรณ์ โดยไม่ได้มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมและตารางเวลาในการปฏิรูป ผู้สังเกตุการณ์หลายรายเชื่อว่าแม้มีความต้องการที่จะให้รัฐบาลปฏิรูประบบดังกล่าว แต่แรงต้านทานจากรัฐบาลท้องถิ่นจะทำให้การปฏิรูปล่าช้าไปอีกหลายปี อีริคสัน-เอสทีไมโครอิเล็กทรอริกส์ ลดพนักงาน 1,600 อัตรา 19 มี.ค. 56 - บริษัทอีริคสัน ผู้ผลิตอุปกรณ์ไร้สายของสวีเดน และเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ของสวิตเซอร์แลนด์ จะลดพนักงาน 1,600 อัตราทั่วโลก ตามแผนแยกบริษัทหลังร่วมธุรกิจกันแต่ยังทำกำไรไม่ได้ บริษัทเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตชิพรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมว่า ต้องการแยกธุรกิจจากเอสที-อีริคสัน ขณะประสบปัญหาปริมาณความต้องการลดลงทั่วโลก หลังเจรจากันมานานหลายเดือน ทั้ง 2 บริษัทแถลงวันนี้ว่าจะเลิกร่วมธุรกิจกัน โดยอีริคสันจะสานต่อการผลิตสินค้าสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ส่วนเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์จะผลิตสินค้าและธุรกิจในส่วนที่เหลือ ทั้ง 2 บริษัทตกลงว่าจะปิดกิจการที่มีร่วมกัน โดยจะเริ่มทยอยปลดพนักงาน 700 อัตราในยุโรป ส่วนใหญ่ที่สวีเดน. พนักงานลุฟต์ฮันซานัดประท้วงที่สนามบินเยอรมนี 20 มี.ค. 56 - สหภาพพนักงานฯ แถลงว่า พนักงานลุฟต์ฮันซา สายการบินรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี นัดผละงานประท้วง 1 วัน ในวันพฤหัสบดี เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้มากขึ้น ก่อนหน้าการเจรจาขอเพิ่มค่าจ้างรอบใหม่ในวันศุกร์ แถลงการณ์ของสหภาพฯ เรียกร้องให้พนักงานผละงานที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต เบอร์ลิน ฮัมบูร์ก มิวนิก และสนามบินอื่นๆ สหภาพฯ และสายการบินลุฟต์ฮันซา มีกำหนดพบกันในวันศุกร์ เพื่อหารือตามข้อเรียกร้องให้เพิ่มค่าตอบแทนร้อยละ 5.2 ในปีหน้า สำหรับพนักงานลุฟต์ฮันซา 33,000 คน โออีซีดีขอจีนเปิดตลาด-เคลื่อนย้ายแรงงานเสรี 22 มี.ค. 56 - องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) เรียกร้องจีนให้บริษัทของรัฐเปิดตลาดมากขึ้น และขอให้ผ่อนปรนการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าเมืองได้เสรีขึ้น เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง โออีซีดีมีรายงานประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีนวันนี้ว่า แนวโน้มการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 8.5 ในปีนี้ และว่า ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและหนี้ภาครัฐอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม โออีซีดีมองว่า จีนต้องหาแนวทางรับมือสิ่งท้าทายในระยะยาว เช่น การเพิ่มผลผลิตด้วยการลดการผูกขาดสำหรับบริษัทของรัฐ และให้แรงงานจำนวนมากขึ้นได้เคลื่อนย้ายเข้าเมือง เพื่อทำงานที่ได้ค่าตอบแทนสูงกว่า นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังเตือนว่า จีนอาจเผชิญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างมาก หากจีนไม่สามารถลดการผูกขาดของภาครัฐในอุตสาหกรรมพลังงานและการเงิน พนักงาน "ลุฟท์ฮันซา" ประท้วงเรียกร้องขึ้นค่าแรง 22 มี.ค.56 สายการบินลุฟท์ฮันซา ประกาศยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 690 เที่ยวแล้ว หลังพนักงานประท้วงหยุดงาน พร้อมเรียกร้องขึ้นค่าแรง สายการบินลุฟฮันซ่า ของเยอรมัน ประกาศว่า ขณะนี้ทางสายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 690 เที่ยวแล้ว เนื่องจากเมื่อวานที่ผ่านมาพนักงานประท้วงหยุดงานเป็นเวลานาน 7 ชั่วโมง พร้อมเรียกร้องให้มีการขึ้นค่าแรง และสวัสดิการ ก่อนหน้านี้ เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางพนักงานของลุฟท์ฮันซา เคยเรียกร้องเพิ่มค่าแรงร้อยละ 5.2 ในช่วง 12 เดือนมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยในขณะนั้น ทางสายการบินต้องการให้พนักงานทำงานเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมง ของเวลาปกติ ซึ่งทั้งสองยังหาข้อตกลงกันไม่ได้ ล่าสุด ตัวแทนของพนักงานเตรียมที่เข้าเจรจากับทางสายบินอีกครั้งในวันนี้ ลุฟท์ฮันซา ต้องประสบกับปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันจากสายการบินต่างๆ ที่มีมากขึ้นโดยเฉพาะ การเพิ่มขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ และสายการบินจากตะวันออกกลาง ทำให้ผลกำไรลดลง ทั้งนี้ สนามบินฮัมบูร์ก และแฟรงเฟิร์ต ของเยอรมนี จะได้รับผลกระทบจากการประกาศยกเลิกเที่ยวบินครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางการบินภายในประเทศ และเที่ยวบินระยะสั้น โคคา-โคลาปลดพนักงาน 750 คนในสหรัฐ โคคา-โคลา ประกาศปลดพนักงานในสหรัฐ ตามแผนการปรับโครงสร้างบริษัทในภูมิภาคอเมริกาเหนือ หลังเข้าซื้อธุรกิจบรรจุขวดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โฆษกบริษัทโคคา-โคลา แถลงว่า บริษัทจะลดคนงานจำนวน 750 คนในสหรัฐ คิดเป็น 1% ของคนงานทั้งหมดในอเมริกาเหนือ โดยราว 1 ใน 4 ของการเลิกจ้าง จะเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นไปตามแผนการควบรวมกิจการธุรกิจบรรจุขวดในอเมริกาเหนือระยะเวลา 4 ปี ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว หลังบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่สุดของโลกรายนี้ ซื้อธุรกิจดังกล่าวมาจากโคคา โคลา เอนเตอร์ไพรซ์ เมื่อปี 2553 โคคา โคลา คาดว่าแผนการรวมกิจการดังกล่าว จะช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้ราวปีละ 550-650 ล้านดอลลาร์ แม่บ้านต่างด้าวชวดสิทธิ์พลเมืองถาวรฮ่องกง 25 มี.ค. 56 - ศาลสูงสุดฮ่องกง ตัดสินไม่ให้สิทธิ์พลเมืองถาวร แก่แม่บ้านต่างชาติ เหตุสัญญาจ้างมีผลผูกพันให้ต้องกลับประเทศหลังหมดสัญญา ศาลสูงสุดของฮ่องกงได้ตัดสินคดีสำคัญ เมื่อมีคำตัดสินไม่ให้สิทธิ์พลเมืองแก่สองแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ ถือเป็นการดับความหวังของแม่บ้านหรือคนรับใช้ภายในบ้านอีกหลายแสนคนที่ต้องการได้สิทธิ์พลเมืองถาวรในฮ่องกง ผู้พิพากษาศาลสูง 5 คนมีคำพิพากษาเป็นเอกฉันท์ให้นางอีแวนเจลีน บาเนา บัลเลฮอส และนางแดเนียล โดมิงโก ไม่ได้รับสิทธิ์พลเมืองถาวรในฮ่องกง หลังจากอาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 7 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดให้ชาวต่างชาติมีคุณสมบัติได้รับสิทธิ์พลเมืองถาวร ศาลวินิจฉัยว่า คนรับใช้ไม่ควรได้สิทธิ์เฉกเช่น "พลเมืองทั่วไป" ในฮ่องกง ด้วยเหตุเพราะสัญญาจ้างผูกมัดให้พวกเขาเป็นได้เพียงลูกจ้างชั่วคราวเท่านั้น ในคำพิพากษาระบุว่า สถานะความเป็นพลเมืองของอาชีพแม่บ้านต่างชาติในฮ่องกงมีข้อจำกัดสูง เนื่องจากพวกเขามีภาระผูกพันที่จะต้องเดินทางกลับประเทศหลังจากหมดสัญญา และการเข้ามาทำงานตั้งแต่เริ่มแรกไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ของการตั้งรกราก การต่อสู้ในคดีนี้สร้างความแตกแยกบนเกาะฮ่องกงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มแม่บ้านจำนวน 286,000 คนซึ่งส่วนใหญ่มาจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล อินเดีย และปากีสถาน เห็นว่าตนเองควรมีสิทธิ์ในการเป็นพลเมืองถาวรเท่าเทียมกับชาวต่างชาติอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ที่ฮ่องกง หลังจากศาลตัดสิน มีกลุ่มแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งตะโกนด่าทอและติดป้ายประท้วงที่หน้าศาล โดยประณามคำตัดสินในครั้งนี้ว่าเป็นการกีดกัน พนักงานแบงก์ออฟไซปรัสบุกยึดสำนักงานใหญ่ 27 มี.ค. 56 - พนักงานแบงก์ ออฟ ไซปรัส กลัวตกงานหลังแบงก์ออฟไซปรัสเตรียมผนวกกิจการกับแบงก์ไลกิ แบงก์ใหญ่อันดับ 2 ได้พากันบุกยึดสำนักงานใหญ่แบงก์เมื่อวานนี้ พนักงานธนาคารแบงก์ ออฟ ไซปรัส หลายพันคนได้นัดรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ของแบงก์ ออฟ ไซปรัส ในกรุงนิโคเซีย เมืองหลวงของไซปรัส เมื่อวานนี้ หลังจากที่แบงก์ออฟไซปรัส ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่สุดของไซปรัส ได้วางแผนที่จะควบกิจการกับธนาคารไลกิหรือธนาคารไซปรัส ป๊อบปูล่าร์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่สุดอันดับ 2 เนื่องจากเกรงว่าแผนควบกิจการดังกล่าว อาจทำให้พนักงานของแบงก์ออฟไซปรัส ถูกปลดออก แผนผนวกกิจการของ 2 แบงก์ใหญ่ไซปรัส เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างธนาคาร อันเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการได้มาซึ่งเงินกู้ของรัฐบาลไซปรัสที่เพิ่งจะตกลงกันได้กับอียูเมื่อเร็วๆ นี้ ที่มาเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, ASTV ผู้จัดการออนไลน์, ประชาไท, สำนักข่าวไทย, สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, ไอเอ็นเอ็น ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน 2 จำเลยคดี 112 เอกชัย– ยุทธภูมิ Posted: 02 Apr 2013 09:40 AM PDT
2 เม.ย.56 นายอานนท์ นำภา ทนายความของเอกชัย (สงวนนามสกุล) จำเลยคดีขายซีดีของสำนักข่าวเอบีซีและเอกสารวิกิลีก โพสต์แจ้งคำสั่งศาลอุทธรณ์ ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายเอกชัย โดยคำสั่งศาลระบุว่า "พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน หากให้ปล่อยชั่วคราวไปจำเลยอาจหลบหนี กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง" ทนายจำเลยแจ้งว่า จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อศาลฎีกาอีกครั้งภายในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้
ขณะที่อีกรายหนึ่งคือ นายยุทธภูมิ (สงวนนามสกุล) เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งยืน ไม่ให้ประกันนายยุทธภูมิ โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรง ปล่อยไปเกรงจะหลบหนี ส่วนที่ทนายจำเลยร้องขอให้มีการไต่สวน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้เป็นนายประกัน เนื่องจากพี่ชายของยุทธภูมิได้ไปให้การที่กรรมกาสิทธิฯ และอาจเป็นประโยชน์ต่อการปล่อยตัวจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์สั่งว่าไม่จำเป็นต้องไต่สวนน.พ.นิรันดร์ เพราะหากปล่อยไปเกรงจะหลบหนี คดีดังกล่าวจะมีการสืบพยานในวันที่ 21-23 ส.ค.56 ทั้งนี้ เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดย ไอลอว์ระบุว่า ยุทธภูมิ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง ถูกพี่ชายแท้ๆ แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ากระทำการหมิ่นสถาบัน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและได้ประกันตัวไปในชั้นสอบสวน ต่อมาวันที่ 19 ก.ย.55 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญา ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ในชั้นนี้จำเลยไม่ได้ประกันตัว และต่อมา วันที่ 24 ก.ย.55 ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวอีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นความผิดร้ายแรง หากได้รับการปล่อยชั่วคราวจำเลยจะหลบหนีได้ ทั้งนี้ คำฟ้องระบุว่า ประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2552 จำเลยได้พูดดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ขณะที่กำลังดูโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ลซึ่งมีภาพข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่บนรถเข็นต่อบุคคลที่สาม หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน จำเลยได้ใช้ปากกาเมจิกเขียนลงบนแผ่นซีดี "หยุดก้าวล่วงพระเจ้าอยู่หัว เนวินขอทักษิณ" ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อันเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง เหยียดหยามต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจำเลยได้นำแผ่นซีดีนั้นแสดงต่อบุคคลที่สาม
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
‘คนหนองบัวแดง’ ร้องนายอำเภอฯ ร่วมแก้ไขปัญหาที่ดิน - คดีความ Posted: 02 Apr 2013 09:38 AM PDT ชาวบ้านผู้เดือดร้อนชัย ภูมิร้องนายอำเภอหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ร่วมประชุมกับกลุ่มชาวบ้านหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินทำดิน ให้ชาวบ้านสามารถเข้าใช้ทำประโยชน์ รวมทั้งสั่งการให้ชะลอการดำเนินคดี วันที่ 1 เม.ย.56 เวลาประมาณ 14.30 น. เกษตรกรผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกิน จากบ้านโนนลาน หมู่ที่ 4 และบ้านโนนถาวร หมู่ที่ 2 ต.ถ้ำวัวแดง อ.หนองวัวแดง จ.ชัยภูมิ สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) กว่า 60 คน ขอเข้าพบนายอดิเทพ กมลเวชช์ นายอำเภอหนองบัวแดง เพื่อให้เข้ามาร่วมประชุมแก้ไขปัญหาในส่วนที่ชาวบ้านถูกดำเนินคดี รวมทั้งร่วมแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้ชาวบ้านสามารถเข้าใช้ทำประโยชน์ได้ดังเดิม นางลา มะลาเหลือง เล่าว่า ได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ ทหาร ป่าไม้ เข้าไปดำเนินการจับตัวนายสมพงษ์ ส่วนเสมอ ชาวบ้านซึ่งได้เข้าไปทำประโยชน์ปลูกพริกในที่ดิน ภบท. 5 จำนวน 3 ไร่ พร้อมแจ้งข้อหา แผ้วถาง บุกรุก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ได้มีการออกหนังสือหมายเรียกชาวบ้านพร้อมแจ้งข้อหาแผ้วถาง บุกรุก เพิ่มขึ้นอีก 3 ราย รวมทั้งห้ามไม่ให้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินทำกิน จากที่ก่อนหน้านี้ คดีความของนายกมล ศรีทอง ชาวบ้านที่ถูก นายชยุต วราพิริยะกุล หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.12 เข้าไปจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ข้อหาบุกรุกพื้นที่เขตป่าเตรียมการสงวนหมายเขต 10 แปลงที่ 1 ตั้งแต่เมื่อ 27 ส.ค.55 ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.56 ศาลจังหวัดภูเขียวมีคำพิพากษาตัดสินคุกนายกมล 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ซึ่งชาวบ้านได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 3 นาย เพื่อใช้ตำแหน่ง รวมทั้งช่วยกันหาเงินจำนวน 50,000 บาท ประกันตัวออกมาเพื่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ นางลา กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้อ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เตรียมการประกาศป่าสงวนแห่งชาติ โดยที่ชาวบ้านไม่เคยรู้ และทราบสาเหตุมาก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมเพิ่มเติม รวมทั้งให้ชาวบ้านสามารถเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้ต่อไป ชาวบ้านจึงเข้ามาขอพบนายอำเภอ เพื่อร่วมประชุมกับชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หาแนวทางแก้ไขปัญหาและดำเนินการในขั้นต่อไปให้ถูกต้องเป็นธรรม ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบดังกล่าวอีก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านใช้เวลาในการเจรจาให้นายอำเภอหนองบัวแดงเข้าร่วมประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยให้เหตุผลว่านายอำเภอฯ ดูแลทุกข์สุขชาวบ้านจึงอยากให้มาเข้าร่วมประชุมแต่ไม่สำเร็จ จนต้องมีการกดดันว่าจะยกขบวนไปคุยกับนายอำเภอฯ ถึงห้องทำงาน นายอำเภอฯ จึงยอมออกมาร่วมการประชุม สรุปผลการประชุม นายอดิเทพ นายอำเภอหนองบัวแดง กล่าวว่า กรณีชาวบ้าน 3 ราย มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง สำหรับการเข้าไปเก็บเกี่ยวผลิต ให้ชาวบ้านสามารถเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ได้ต่อไป แต่ทั้งนี้ห้ามมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติม หากมีการกระทำดังกล่าวจะดำเนินการตามกฎหมายทันที นอกจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ เพื่อจำแนกให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่พิพาท โดยจะมีองค์ประกอบเป็นชาวบ้านผู้เดือดร้อนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินงานร่วมกัน ขั้นตอนจากนั้นจะร่วมทำการประชาคม และนำเสนอทางจังหวัด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่อไป ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
อภิสิทธิ์ย้ำไม่รับร่างแก้ไข รธน. ทั้ง 3 ร่าง - หวั่นสอดคล้องกับแนวคิดรุกคืบยึดอำนาจ Posted: 02 Apr 2013 04:57 AM PDT ด้านวุฒิสมาชิก "สมชาย แสวงการ" เล็งยื่นศาลคุ้มครองชั่วคราว ให้สภาระงับแก้ไข รธน. เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะพิจารณาเสร็จสิ้น ในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ช่วงบ่าย วันนี้ (2 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์ชี้แจงระหว่างการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ หลังถูกพาดพิงจากผู้อภิปรายหลายครั้ง โดยยืนยันว่า ไม่ได้ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในสมัยเป็นรัฐบาล ก็เคยแก้ไขหลายมาตรา แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องทำให้มีความมั่นใจ และนำไปสู่หลัก 3 ป. คือ เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ที่ดีขึ้น เพื่อการปฏิรูปประเทศ และเพื่อความปรองดอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่รัฐสภากำลังพิจารณา ไม่เข้าหลักการดังกล่าว เพราะบางฉบับตัดสิทธิ์ประชาชน รวบอำนาจมากขึ้น เช่น มาตรา 190 ที่ทำให้ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ โดยเฉพาะการทำหนังสือสนธิสัญญาที่เป็นผลประโยชน์กับต่างประเทศ อีกทั้ง การแก้ไขมาตรา 68 เป็นแนวทางจะแก้ไขทั้งฉบับ เพราะตัดสิทธิประชาชนที่จะร้องศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มาของ ส.ว.การเลือกตั้ง ไม่ใช่คำตอบ แต่ทำอย่างไรให้ที่มามีความโปรงใส การอ้างว่ายึดตามรัฐธรรมนูญปี 40 แต่ในการเสนอแก้ไขกลับไม่ยึดตาม การไม่เขียนให้ครบถ้วนว่าจะแก้ไขอย่างไร อาจมองได้ว่าเป็นการรวบอำนาจ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเลือกตั้ง ส.ว. แบบจังหวัดละคน เป็นกลไกที่ช่วยไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มาลงสมัครเป็นกลุ่มเป็นก้อน หากการเลือกตั้ง ส.ว. เป็นกลุ่มก้อนแล้วจะทำให้ประชาชนเลือกเป็นกลุ่มเป็นก้อน ในขณะที่เมื่อจะแก้รัฐธรรมนูญเมื่อยืนยันอยากจะได้แบบปี 2540 ทำไมไม่ระบุมา กลับไปเขียนในร่างว่าจะไปกำหนดหลักเกณฑ์เลือก ส.ว. ต่อ ซึ่งเกรงว่าสุดท้ายจะทำให้วุฒิสภาต้องไปอิงกับฐานหรือได้รับอิทธิพลจากพรรคการเมืองมากขึ้น นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่วุฒิสภา เป็นการใช้ความรู้ความสามารถในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิทางการเมือง ไม่ต้องการให้พะวงกับคะแนนเลือกตั้งครั้งต่อไป เลยบัญญัติว่าสมาชิกวุฒิสภาเป็นได้วาระเดียวแล้วต้องเว้น ส่วน ส.ว.สรรหา เป็นได้แค่ 3 ปี และ ส.ว. ไม่อนุญาตให้ดำรงตำแหน่งต่อ ต้องเว้นวาระ และอนุญาตให้กลับมาอีกได้วาระเดียว แต่การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะไม่เอาทั้งแบบรัฐธรรมนูญ 2540 และไม่เอา 2550 ผลจะทำให้วุฒิสภาจำลองรูปแบบสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่เวลาลงเลือกตั้งไม่เปิดเผยว่าสังกัดพรรคไหน นี่ไม่ใช่การปฏิรูป ผมไม่อยากใช้คำว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ขอใช้คำว่าสอดคล้องกับแนวคิดรุกคืบ ยึดอำนาจ โดยนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า ไม่รับร่างทั้ง 3 ร่าง เพราะเป็นการตัดสิทธิประชาชน และเป็นการรุกคืบเพื่อยึดอำนาจประชาชน ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่ขอสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ เพราะถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำ และยังกังวลว่า การแก้ไขมาตรา 190 จะเป็นการเปิดช่องให้มีการเจรจาธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีวาระซ่อนเร้น และไม่สามารถตรวจสอบได้ และว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกเลิกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 237 พร้อมขอให้ยุบพรรคการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว คือ พรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถือได้ประโยชน์จากมาตรา 237 ด้วย และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้รัฐสภาระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะพิจารณาเสร็จสิ้น
เรียบเรียงบางส่วนจาก: วิทยุรัฐสภา และสำนักข่าวไทย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องเนสท์เล่เก็บคืนคิทแคท หลังพบมีพลาสติกผสม Posted: 02 Apr 2013 04:25 AM PDT มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องบริษัทเนสท์เล่เก็บคืนขนมเวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลตยี่ห้อคิทแคตออกจากชั้นวาง หลังพบว่ามีพลาสติกผสมในเนื้อช็อคโกแลต เรียกร้องให้ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่ทำในประเทศอื่นๆ วันนี้ (2 เม.ย.56) เวลา 14.00 น. ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค และโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคความปลอดภัยด้านอาหารภาคประชาชนแถลงข่าวร้องขอความรับผิดชอบจากเนสท์เล่ให้มีการเรียกคืน คิทแคท ชั้งกี้ ออกจากชั้นวาง เช่นเดียวกับที่ทำในหลายประเทศที่เป็นข่าวไปแล้ว พร้อมชี้แจงแก่สาธารณะให้ทราบถึงสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไขของบริษัท
นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ได้รับเรื่องจากการประชุมผู้บริโภคของเครือข่ายผู้บริโภคภาคเหนือเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบ คิทแคท ชั้งกี้ ที่ซื้อจากห้างเทสโก้ โลตัส สาขาสิงห์บุรี มีพลาสติกผสมอยู่ในเนื้อช็อกโกแลตเคลือบขนมเช่นเดียวกับที่เป็นข่าวในต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมิได้จำกัดอยู่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง หากแต่อาจจะมีความเสี่ยงแบบเดียวกันกระจายอยู่ในทุกที่ที่มีการจำหน่ายสินค้าชนิดนี้ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคกล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางผู้ผลิตควรต้องแสดงความรับผิดชอบและใช้มาตรฐานเดียวในการดำเนินการ มากกว่าแค่รอให้เกิดเรื่องแบบเดียวกันขึ้นในประเทศอื่นแล้วค่อยแก้ไขปัญหาด้วยการคืนเงินค่าสินค้า การเรียกคืนสินค้าที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมดควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนจะมีข้อมูลว่าพบสินค้าที่มีปัญหาแบบเดียวกันแล้ว" "จากข่าวยังมีข้อมูลอีกว่ามีการเรียกคืนสินค้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งคิทแคททั้งหมดที่จำหน่ายในบ้านเรา นำเข้ามาจากมาเลย์ทั้งหมด ดังนั้น เมื่อมีการเรียกคืนสินค้าในประเทศที่เป็นแหล่งผลิต การเรียกคืนสินค้าในประเทศที่เป็นแหล่งจำหน่ายเป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่งที่ต้องกระทำ นอกจากนี้ผู้ประกอบการสมควรจะต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบถึงที่ไปที่มาของปัญหาอย่าง เป็นทางการพร้อมสิ่งที่บริษัทจะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วยสำหรับผู้บริโภคที่พบปัญหานี้สามารถแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีได้" นายอิฐบูรณ์กล่าว นายพชร แกล้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคความปลอดภัยด้านอาหารภาคประชาชน กล่าวว่า การเรียกคืน (Recall) คำนี้ตามกฎหมายไทยไม่ได้ให้นิยามไว้ แต่เมื่อพิจารณานิยามการเรียกคืนผลิตภัณฑ์สุขภาพของสำนักงานอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ให้นิยามการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ว่าเป็นกระบวนการที่นำผลิตภัณฑ์ออกจากตลาด ซึ่งอาจริเริ่มดำเนินการจากผู้ประกอบการ หรือตามที่สำนักงานอาหารและยาร้องขอ หรือโดยคำสั่งของสำนักงานอาหารและยาซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย ส่วน The General Product Safety Regulations 2005 ของอังกฤษให้นิยามการเรียกคืนว่าเป็นมาตรการใดที่มีจุดมุ่งหมายนำผลิตภัณฑ์ซึ่งขายหรือทำให้แก่ผู้บริโภคแล้วนำกลับคืนมา นายพชร กล่าวต่อว่า โดยสรุปการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ คือ มาตรการใดที่เกี่ยวข้องกับการนำผลิตภัณฑ์ออกจากตลาด โดยผู้ประกอบการอาจใช้ความสมัครใจริเริ่มดำเนินการด้วยตนเอง หรือเริ่มจากหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลร้องขอ หรือโดยคำสั่งจากหน่วยงานของรัฐซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งการเรียกคืนนี้อาจเป็นการเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่หรือนำผลิตภัณฑ์เดิมไปซ่อมแซม หรือนำผลิตภัณฑ์ที่มีความชำรุดบกพร่องหรือไม่ปลอดภัยออกไป โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการทำลายผลิตภัณฑ์ที่มีการเรียกคืนเสมอไป หากสามารถเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ได้เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมาย ข้อกำหนดด้านสุขภาพและความปลอดภัย "การเรียกคืนสินค้ากลุ่มอาหารผ่านการใช้อำนาจรัฐในประเทศไทยเท่าที่ทราบยังไม่ปรากฏ เนื่องจาก ตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 มิได้มีการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีอำนาจในการสั่งเรียกเก็บคืนสินค้าออกจากชั้นวางหากพบว่าเป็นอาหารที่มีปัญหา โดยกำหนดอำนาจไว้แค่ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการยึดหรืออายัดอาหารหรือภาชนะ บรรจุที่เก็บมาโดยพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อได้ทำการตรวจพิสูจน์เป็นที่แน่นอนว่า เป็นอาหารไม่บริสุทธิ์, อาหารปลอม, อาหารผิดมาตรฐาน, หรือเป็นภาชนะบรรจุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรืออนามัยของประชาชน หรือมีลักษณะไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐาน ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 6 (6) และได้กำหนดให้ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยามอบ หมายโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหารอาจสั่งทำลาย หรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควรได้ ตามมาตรา 44" นายพชรกล่าว นายพชร ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย ทำให้การเรียกคืนสินค้าได้ถูกระบุไว้ ใน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556 ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2556 โดย ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ในสาระสำคัญเกี่ยวกับการเรียกคืนและทำลายสินค้าโดยมีการกำหนดให้ผู้ประกอบ ธุรกิจจัดเก็บสินค้าที่ยังไม่ได้จำหน่ายแก่ผู้บริโภคกลับคืน หรือเรียกคืนสินค้าจากผู้บริโภค (มาตรา 36 วรรคสอง(1)) ให้ผู้ประกอบธุรกิจทำลายสินค้านั้น (มาตรา 36 วรรคสอง (5)) ให้ผู้ประกอบธุรกิจปิดประกาศ แจ้ง หรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับอันตรายของสินค้านั้นให้ผู้บริโภคทราบ หรือการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง (มาตรา 36 วรรคสอง (6)) พร้อมให้ผู้ประกอบธุรกิจรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามวรรคสอง (มาตรา 36 วรรคสาม) ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการตามมาตรา 36 วรรคสอง มาตรา 36 วรรค สาม ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้หากมีมาตรการใดเกี่ยวกับสินค้าตามมาตรานี้ก็ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเช่นเดียวกัน" "จะเห็นว่ายังมีโอกาสที่จะมีการปรับแก้ พ.ร.บ.อาหารให้มีการให้อำนาจแก่ อย. เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ สคบ. เพื่อให้เกิดการแก้ไขเชิงระบบ อันนำมาซึ่งการหลีกเลี่ยงปัญหาที่คล้ายกันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์อื่นในภายหลังได้ จึงขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคดำเนินการสั่งให้บริษัทเนสท์เล่ เรียกคืนผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยเช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ แล้วทั้ง 9 ประเทศตามที่เป็นข่าว และจะทำหนังสือถึง อย.ให้ข้อเสนอแนะในการเพิ่มเติมให้มีการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ระบุไว้ใน พ.ร.บ.อาหาร ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและอยู่ในกระบวนการพิจารณาโดยกฤษฎีกาด้วย" นายพชรกล่าว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
เผยภาพถ่ายดาวเทียมชุมชนมุสลิมถูกเผาหลังจลาจลในพม่า Posted: 02 Apr 2013 03:00 AM PDT ฮิวแมนไรท์วอช เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในเมืองเมกติลา ภาคมัณฑะเลย์ ทางตอนกลางของพม่า พบบ้านเรือนชาวมุสลิมถูกเผาราว 828 หลัง ในขณะที่กลางดึกคืนวานนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้มัสยิดในนครย่างกุ้ง เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ภาพเผยแพร่จากฮิวแมนไรท์วอช แสดงภาพถ่ายจากดาวเทียม เผยให้เห็นความเสียหายของชุมชนมุสลิมในเมืองเมกติลา ภาคมัณฑะเลย์ของพม่า ก่อนและหลังจลาจล โดยภาพล่าสุดถ่ายวันที่ 27 มี.ค. 56 ส่วนภาคก่อนหน้านี้เป็นภาพวันที่ 13 ธ.ค. 55 (ที่มา: Human Rights Watch)
วานนี้ (1 เม.ย.56) เว็บไซต์ฮิวแมนไรท์วอช เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในเมืองเมกติลา ภาคมัณฑะเลย์ ทางตอนกลางของพม่า พบบ้านเรือนชาวมุสลิมถูกเผาราว 828 หลัง ในขณะที่กลางดึกของวันนี้ (2 เม.ย.) เกิดเหตุเพลิงไหม้มัสยิดในนครย่างกุ้ง มีผู้เสียชีวิต 13 ราย เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ฮิวแมนไรท์วอช เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งระบุว่าเป็นภาพถ่ายของเมืองเมกติลาในวันที่ 27 มี.ค.หรือหลังเกิดเหตุรุนแรงระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิม 5 วัน โดยวิเคราะห์ว่า มีที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมถูกเผาใน 3 พื้นที่ คิดเป็นบริเวณกว่า 24 เฮกเตอร์ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหมดราว 828 หลัง และมีอาคารอีก 35 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งภาพถ่ายดังกล่าวคล้ายเหตุการณ์เผาทำลายบ้านเรือนของชาวโรฮิงยาในรัฐอาระกัน อันเนื่องจากความขัดแย้งของชาวพุทธและมุสลิมที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่เวลา 03.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้มัสยิดในเมืองย่างกุ้ง โดยมัสยิดดังกล่าวเปิดเป็นโรงเรียนสอนศาสนา ก่อนเกิดเหตุมีครูและนักเรียนนอนหลับอยู่ภายในราว 70 คน ซึ่งส่วนใหญ่สามารถหลบหนีเพลิงไหม้ออกมาได้ทัน มีเด็กนักเรียนเสียชีวิตจากเพลิงไหม้ครั้งนี้ 13 ราย สูญหาย 4 ราย สำหรับสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อนึ่ง ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในเมืองเมกติลา เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุจากการทะเลาะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าของร้านขายทองชาวมุสลิมกับลูกค้าชาวพุทธ และลุกลามกลายเป็นความรุนแรงขนาดใหญ่ ก่อนจะแพร่กระจายเป็นเหตุการณ์จลาจลในอีก 15 เมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 43 คน บาดเจ็บราว 61 คน จนทำให้รัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิวส์ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ไทย-บังกลาเทศขยายสัญญาขายข้าวระหว่างรัฐบาลจนถึงปี 2559 Posted: 02 Apr 2013 02:06 AM PDT กระทรวงพาณิชย์ระบุขยายสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับบังกลาเทศจากเดิมสิ้นสุดสัญญาปี 2556 เป็นสิ้นสุดปี 2559 ระบุบังกลาเทศเฉลี่ยนำเข้าข้าวจากไทยปีละ 1.78 แสนตัน ขณะเดียวกันไทยเตรียมลงนาม MoU จ้างแรงงานบังกลาเทศทำประมง 50,000 ตำแหน่ง (ที่มาของภาพ สำนักข่าวไทย/แฟ้มภาพ) ไทย-บังกลาเทศขยายสัญญาขายข้าวระหว่างรัฐบาลอีก 3 ปี จนถึงปี 2559 สำนักข่าวไทย รายงานว่ารัฐบาลไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาลบังกลาเทศได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ โดยเป็นการขยายระยะเวลาเวลา MOU จากฉบับเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2556 เป็นขยายระยะเวลาออกไปอีก 3 ปี เป็นปี 2555-2559 โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า กรอบข้อตกลงเดิมแบบกว้าง ๆ รัฐบาลไทยและรัฐบาลบังกลาเทศตกลงที่จะซื้อขายข้าวนึ่งปริมาณไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี โดยมีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตข้าวของแต่ละประเทศ และระดับราคาซื้อขายตามตลาดโลก โดยจะมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานดำเนินการ ในขณะที่รัฐบาลบังกลาเทศจะมอบหมายให้หน่วยงานอาหารภายใต้กระทรวงอาหารเป็นหน่วยงานดำเนินการ สำนักข่าวไทย ระบุว่า ทั้งนี้ ในปี 2554 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวนึ่งแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐบาลบังกลาเทศ ปริมาณ 200,000 ตัน แต่ในปี 2555 บังกลาเทศยังไม่ได้มีการนำเข้าข้าวจากไทย เพราะไม่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ แต่ในปีนี้อยู่ระหว่างสำรวจปัญหาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งหากภายในช่วงเดือนเมษายนนี้ประสบภัยธรรมชาติอีกจะต้องมีการนำเข้าข้าว และมีแนวโน้มว่าบังกลาเทศอาจนำเข้าข้าวจากไทย และต้องการให้ไทยเป็นแหล่งนำเข้าข้าวเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารในระยะยาว โดยบังกลาเทศมีประชากรมากกว่า 160 ล้านคน ซึ่งในแต่ละปีมีความต้องการบริโภคในประเทศปริมาณ 35 ล้านตัน โดยในแต่ละปีบังกลาเทศนำเข้าข้าวจากไทยเฉลี่ยปีละประมาณ 178,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวนึ่ง ข้าวขาว 100% และข้าวหอมมะลิไทย สำนักข่าวไทย รายงานโดยอ้างคำยืนยันของนายบุญทรงที่ว่ากระทรวงพาณิชย์ยังสามารถคืนเงินให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามแผน โดยล่าสุดกรมการค้าต่างประเทศรายงานผลการคืนเงินไปแล้ว 110,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการระบายข้าวในปีนี้จะเป็นไปได้ตามแผน และสามารถส่งเงินคืนได้ตามเป้าหมาย
เตรียมลงนาม MoU นำแรงงานบังกลาเทศทำงานภาคประมง ขณะเดียวกัน Daily Sun รายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า บังกลาเทศจะลงนามในข้อตกลงบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับไทยในการส่งแรงงานชาวบังกลาเทศ 50,000 คนมาทำงานในภาคประมงของไทยด้วย ทั้งนี้จากคำกล่าวในรัฐสภาของรัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการของผู้ย้ายถิ่นไปต่างประเทศ และแรงงานต่างประเทศของบังกลาเทศ คันดาเกอร์ โมชาราฟ ฮุซเซน โดยขณะนี้สถานทูตบังกลาเทศในกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในระหว่างร่าง MoU ในขั้นตอนสุดท้าย โดยค่าใช้จ่ายสำหรับแรงงานบังกลาเทศทั้งหมดจะอยู่ที่ 40,000 ตากา หรือราว 24,800 บาท ซึ่งรวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าตรวจสุขภาพ ค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าธรรมเนียม และภาษีรายได้ รวมทั้งค่าฝึกอบรม ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
โสภณ พรโชคชัย: 15 ข้อสังเกต อย่าเพิ่งเชื่อผังเมืองกรุงเทพมหานคร Posted: 01 Apr 2013 11:48 PM PDT ตามที่มีข่าวว่า ร่างผังเมือง กทม.ใหม่ บูม 5 ทำเล ตัดถนน 140 สายนั้น มีสิ่งที่พึงสังวร เพราะทำเลเสนอที่ว่าอาจไม่เป็ ชาวกรุงเทพมหานครต้องสังวรเกี่ 1. ที่ว่าจะสามารถสร้างศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ใหม่นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะในพื้นที่ พ.1 จะสร้างอาคารพาณิชยกรรมเกิน 9,999 ตารางเมตร ต้องมีถนนกว้างถึง 16เมตรตลอดสาย ส่วนในเขต พ.2 อาคารพาณิชยกรรมเกิน 10,000 ตารางเมตร ต้องอยู่บนถนนกว้างถึง 30 เมตร ซึ่งเข้มงวดขึ้นจากผังเมืองปั 2. ที่ว่าจะสร้างกรุงเทพมหานครเป็ 3. การรับมือเรื่องน้ำท่วม ตามร่างผังเมืองใหม่ก็ไม่ได้ 4. การกำหนดให้บริเวณไหนสร้างบ้ 5. การที่ กทม. ร่างผังเมืองนี้ออกมาแล้วบอกว่ 6. ผังเมืองรวมซึ่งเป็นสิ่งที่ 7. การกำหนดระยะถอยร่นต่าง ๆ เช่น ถนนขนาดไม่น้อยกว่า 12 เมตร มีระยะถอยร่น 200 เมตร ถนน 16 เมตร ระยะถอยร่น 300 เมตร และถนน 30 เมตร ระยะถอยร่น 300 เมตร ถือเป็นการรอนสิทธิ 8. มีข้อกำหนดหยุมหยิมเกินกว่ 9. การแจก "แจกโบนัส 20%" คือให้สร้างเพิ่มเติมกว่ 10. บริเวณศูนย์เมืองย่อย (Subcentre) นั้น ก็เป็นแค่ "ความฝัน" เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่รถไฟฟ้ 11. ที่จะส่งเสริมให้สร้างคอมมิวนิ 12. ที่ว่าจะสร้างถนน 140 สายนั้น ล้วนเป็นเส้นที่วาดหรื 13. ในพื้นที่ ย.3 ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ อยู่อาศัยหลักหลายร้อยตารางกิ 14. ในพื้นที่ ย.2 ซึ่งเป็นเขตชานเมือง กทม. กำหนดว่าห้ามสร้างทาวน์เฮาส์ แต่บริเวณเหล่านี้ทาวน์เฮาส์ 15. กทม. มักจะ "ขู่" ว่าหากไม่มีผังเมืองใช้ จะเกิดสูญญากาศ ทำให้ไม่มีขื่อแปการกำหนดการใช้ ด้วยการที่ผังเมืองของ กทม. เป็นการแก้ปัญหาเมืองแบบเอาปั
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
จัดเสวนาต่อต้านหมออรรถสิทธิ์ทำงานรองเลขาธิการ สปสช. วันแรก Posted: 01 Apr 2013 11:35 PM PDT เจ้าหน้าที่และพนักงานสปสช.ในนามชมรมรักษ์ สปสช. จัดเสวนาปต่อต้านการรับหมออรรถสิทธิ์เข้าทำงานรองเลขาธิการวันแรก ข้องใจมีทหารคนสนิทติดตาม 2 คน เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ บริเวณโถงกลาง มีการจัดกิจกรรมเลือกตั้งชมรมรักษ์ สปสช. ภายใต้ชื่องาน "ร่วมปกป้องธรรมภิบาล ต่อต้านการแทรกแซง" มีการบรรยายพิเศษโดย นพ.พิเชฏฐ ลีละพันธ์เมธา ผอ.สปสช.เขต 7 ขอนแก่น เรื่อง ธรรมาภิบาลและสถานการณ์สปสช.ในปัจจุบัน" โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า สปสช.เป็นองค์กรที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นด้านหลัก คือ การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้คนไทยทุกคนได้รับอย่างเสมอภาคกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบสาธารณสุขของไทย การทำงานที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ความทุ่มเท และรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เจตนารมณ์ของสปสช.คือการเลือกข้างประชาชน ดังนั้นถ้าจะมีสิ่งใดหรืออะไรมาแทรกแซงและจะส่งผลทำให้เจตนารมณ์นี้เปลี่ยนไป ส่งผลทำให้ระบบหลักประกันสุขาพถ้วนหน้ามีปัญหา เจ้าหน้าที่สปสช.ก็จะช่วยกันปกป้อง และพัฒนาไปสู่องค์กรที่มีสมรรถนะต่อ นพ.พิเชฏฐ กล่าวว่า "การแสดงออกของชาวสปสช.ในครั้งนี้ มิได้มีเจตนาเพื่อต่อต้านใครเเป็นเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการแสดงออกตามสิทธิที่พึงทำได้ เพื่อให้ทราบถึงเจตนารมณ์ในการพิทักษ์ปกป้องหลักธรรมมาภิบาล และยึดมั่นในอุดมการณ์ของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า..ไม่ว่าสปสช.จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ตาม" แหล่งข่าวใน สปสช. ระบุว่า นพ.อรรถสิทธิ กาญจนสินิทธ์ รองเลขาธิการ สปสช. ซึ่งเข้ามาทำงานวันแรกได้มารับฟังเสวนาด้วย นอกจากนี้มีทหารคนสนิทติดตามมานั่งหน้าห้องด้วย 2 คนเป็นทหารจากกองทัพบก และทหารอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่สปสช.วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ตำแหน่งรองเลขาธิการ สปสช. มีผู้ติดตามเป็นทหารถึง 2 คน ที่ผ่านมาไม่มีวัฒนธรรมว่าต้องมีทส.ติดตามถึง 2 คน อย่างไรก็ตามพนักงานและเจ้าหน้าที่ได้แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีดำพร้อมระบุข้อความด้านหน้าว่า "ปกป้องธรรมาภิบาล" จากชมรมรักษ์ สปสช.ด้วย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
อวัตถุศึกษากับอธิป: ไพเรตเบย์ ขึ้นอันดับ 1 เว็บแชร์ไฟล์ยอดนิยมของโลก Posted: 01 Apr 2013 10:59 PM PDT ประมวลข่าวลิขสิทธิ์กับอธิป จิตตฤกษ์: ศาลอุทธรณ์เยอรมันตัดสินว่า ISP ไม่มีภาระเก็บข้อมูลผู้ใช้ - ร่าง กม.อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ของสภาคองเกรสเลวร้ายกว่าเดิม – เกาหลีใต้พิจารณาปรับกฎหมายลิขสิทธิ์ให้อ่อนลง – กอง บก. Journal of Library Administration ออกยกแผง เพราะเงื่อนไขด้านลิขสิทธิ์ของ สนพ. Taylor & Francis ไม่เป็นธรรม Immaterial Property Research Center ตั้งขึ้นในวันที่ 18 มกราคม หรือ "วันเสรีภาพอินเทอร์เน็ต" เพื่อเป็นศูนย์ข่าว ศูนย์ข้อมูล และศูนย์วิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุ (หรือที่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่าทรัพย์สินทางปัญญา) ต่างๆ อย่างสัมพันธ์กับระบบกฎหมาย ระบบเศรษฐกิจ และระบบการเมืองในโลก ทางศูนย์ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานของศูนย์ฯ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุที่เอื้อให้เกิดเสรีภาพในเชิงบวกไปจนถึงความเท่าเทียมกันของผู้คนในโลก
27-03-13 ศาลอุทธรณ์เยอรมันตัดสินว่า ISP ไม่ได้มีภาระหน้าที่ในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ หลังจากกลุ่มต่อต้านลิขสิทธิ์เยอรมันและผู้ผลิตหนังโป๊เยอรมันฟ้อง Vodafone ที่เป็น ISP ซึ่งบอกว่าตนไม่เคยเก็บข้อมูลผู้ใช้ใว้เลยและชนะในศาลชั้นต้น พอคดีมาถึงศาลอุทธรณ์ก็ปรากฏว่าศาลพลิกคำตัดสินศาลชั้นต้นและตัดสินว่า ISP ไม่ได้มีภาระหน้าที่ในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ ทั้งนี้ การร้องขอข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จาก ISP เป็นกระบวนการสำคัญของการฟ้องร้องเจ้าของ IP Address ที่ใช้ในการ "โหลดบิต" หรือ ดาวน์โหลด/อัปโหลดไฟล์อันมีลิขสิทธิ์ผ่านโปรแกรมบิตทอร์เรนต์ และการที่ ISP ไม่ให้ความร่วมมือนั้นก็ทำให้กระบวนการดำเนินคดีแบบนี้เป็นไปไม่ได้และจะทำให้ในทางเทคนิคการ "โหลตบิต" นั้นอาจเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมาดำเนินคดีได้ News Source: http://torrentfreak.com/isps-cannot-be-forced-to-store-data-on-file-sharers-court-rules-130326/
สหภาพยุโรปอนุมัติการรวมบริษัทของ Penguin กับ Random House ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทางสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ก็ได้ยอมรับไปแล้วหลังจากที่ทั้งสองบริษัทประกาศเจตจำนงที่จะรวมตัวกันในเดือนตุลาคม 2012 ที่ผ่านมา และนี่จะทำให้ Penguin Random House ที่จะเกิดขึ้นใหม่กลายเป็นสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก News Source: http://paidcontent.org/2013/03/27/european-union-will-reportedly-approve-random-house-penguin-merger/
28-03-13 กองบรรณาธิการของ Journal of Library Administration ลาออกยกแผงเนื่องจากเห็นว่าเงื่อนไขด้านลิขสิทธิ์ของงานในวารสารที่สำนักพิมพ์ Taylor & Francis กำหนดไว้ไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ทางกองบรรณาธิการก็ได้รู้สึกเกิดความขัดแย้งทางมโนธรรมหลังจากความตายของ Aaron Swartz และพยายามต่อรองกับ Taylor & Francis ให้เปลี่ยนเงื่อนไขลิขสิทธิ์ของงานในวารสารให้สาธารณชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และสิ่งที่ Taylor & Francis เสนอกลับมาคือการเปิดกว้างขึ้นแต่ทำให้ผู้เขียนบทความต้องจ่ายเงินถึง 3,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 90,000 บาท) เพื่อตีพิมพ์บทความแต่ละชิ้น ทางกองบรรณาธิการไม่พอใจกับเงื่อนไขนี้เลยลาออกพร้อมกันยกแผงเพื่อประท้วง และตอนนี้ทาง Taylor & Francis ก็ยังไม่ออกมาแถลงอะไรทั้งสิ้น
ร่างใหม่ของกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ของสภาคองเกรสนั้นเลวร้ายกว่าเดิม ทั้งๆ ที่มีการต่อต้านให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ของอเมริกาอย่าง Computer Fraud and Abuse Act (CFAA) ภายหลังการล่วงลับไปของนักกิจกรรมหนุ่มอย่าง Aaron Swartz แต่สภาคองเกรสกลับเสนอร่างของกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ใหม่ที่เพิ่มโทษให้หนักขึ้น ในระดับที่ถ้า Aaron Swarz โดนความผิดภายใต้กฎหมายนี้เขาอาจติดคุกตลอดชีวิตด้วยซ้ำ นอกจากนี้ร่างใหม่ยังยกระดับการสมคบคิดการ "ก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์" ให้มีโทษระดับเดียวกับการก่ออาชญากรรม ไปจนถึงเพิ่มความผิดฐาน "การเข้าใช้งานระบบอย่างผิดวัตถุประสงค์" อีก (ในตอนแรกความผิดอยู่แค่ "การเข้าใช้งานอย่างไม่ได้รับอนุญาต") กฎหมายนี้จะมีการพิจารณากันในเดือนเมษายน 2013 และก็น่าจะคาดหวังได้พอสมควรเลยว่าจะมีการต่อต้านกันอย่างแพร่หลาย News Source: https://www.eff.org/deeplinks/2013/03/congress-new-cfaa-draft-could-have-put-aaron-swartz-jail-decades-longer-he-was
Fox อ้างลิขสิทธิ์ภาพจากกองถ่ายซีรีส์ Arrested Development ทำให้ผู้ทำสารคดีเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ต้องระดมทุนผ่านทาง Kickstarter เพิ่มอีกกว่า 20,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 600,000 บาท) เพื่อจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าทาง Fox มีสถานะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพของพวกนั้นจริงหรือไม่ เพราะโดยหลักทั่วไปเจ้าของภาพถ่ายนั้นเป็นเจ้าของภาพและทางผู้กำกับก็ได้ขอลิขสิทธิ์จากทางเจ้าของภาพไปหมดแล้ว แต่ปรากฏว่าทาง Fox ก็ยังอ้าง "ลิขสิทธิ์" เหนือกองถ่ายอยู่ดี ราวกับว่าตัวกองถ่ายเองเป็นงานทางศิลปวัฒนธรรมชิ้นหนึ่งที่คุ้มครองด้วยกฎหมายลิขสิทธิ์ ทั้งนี้แรงขับดันในการเรียกร้องนี้ของ Fox ก็คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ซีรีส์เรื่องนี้เลิกออกอากาศทาง Fox แล้วแต่ไปออกอากาศทางเว็บสตรีมวิดีโอชื่อดังอย่าง Netflix นั่นเอง
วงดนตรี Ghost Beach รณรงค์ให้คนแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการทำสำเนาเถื่อน (Piracy) ผ่านป้ายโฆษณากลางนครนิวยอร์ก ทั้งนี้ป้ายโฆษณาก็บอกให้คนเข้าไปแสดงจุดยืนในเว็บไซต์ http://www.artistsvsartists.com/ และผ่านการใช้ Hashtag ใน Twittter ว่า #artistsagainstpiracy ในกรณีที่จะแสดงจุดยืนต่อต้านการทำสำเนาเถื่อน และใช้ Hashtag ว่า #artistsforpiracy ในกรณีที่จะแสดงจุดยืนสนับสนุนการทำสำเนาเถื่อน นี่นับเป็นการรณรงค์ครั้งแรกๆ ที่กระตุ้นให้สาธารณชนอเมริกาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการทำสำเนาเถื่อนออกมา ทั้งนี้ขณะนี้มีผู้ใช้ Hashtag ว่า #artistsforpiracy มากกว่า #artistsagainstpiracy ราว 15 เท่าแล้ว และนี่ก็คงจะไม่น่าเป็นที่พอใจของบรรดาผู้คนจากอุตสาหกรรมบันทึกเสียงเป็นแน่ News Source: http://torrentfreak.com/piracy-is-progress-billboard-on-times-square-divides-artists-130327/
30-03-13 ฉากเกม Counter-Strike ที่ทำเองสร้างกระแสความไม่พอใจอีกครั้งเมื่อมันมาจากโรงเรียนจริงๆ ในสหรัฐ อย่างไรก็ดีกระแสตอบรับก็แตกต่างกันไปเพราะก็มีบรรดาเกมเมอร์ที่บอกว่ามันสมจริงมาก ไปพร้อมๆ กับคนที่ออกมาโวยวายที่คนเอาฉากโรงเรียนจริงๆ ไปใส่ในเกมที่มีแต่การยิงกัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่การยิงกราดในโรงเรียนกลายมาเป็นเหตุสะเทือนขวัญบ่อยๆ) ดูคลิปจากฉากนี้ได้ที่: http://www.youtube.com/watch?v=Kk5jZCLGOmg ทั้งนี้ก่อนหน้านี้การสร้างฉากจากสถานที่จริงก็สร้างความไม่พอใจมาแล้วในแคนาดาเมื่อมีคนสร้างฉากจากสถานีรถไฟใต้ดินจริงๆ ซึ่งทางรัฐก็กล่าวว่ามันอาจเป็นที่ฝึกการก่อการร้ายชั้นดีได้เลย News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130326/05410822461/counter-strike-map-school-causes-outrage.shtml
เกาหลีใต้เริ่มพิจารณาการปรับกฎหมายลิขสิทธิ์อันดุร้ายของตนให้อ่อนลง ทั้งนี้รายงานของกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในยุคดิจิทัลก็มีการกล่าวถึงสิทธิผู้บริโภคที่จะต้องชัดเจนขึ้นเพื่อให้ไม่โดนคุกคามโดยการฟ้องร้องกฎหมายลิขสิทธิ์ การใช้อย่างชอบธรรมที่กว้างขึ้น สิทธิในการเข้าถึงและใช้งานวิจัยอันเกิดจากงบประมาณสาธารณะ และพูดถึงสมดุลโดยรวมๆ ระหว่างทรัพย์สินทางปัญญากับสิทธิในการเข้าถึงศิลปวัฒนธรรมและข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้บรรดานักการเมืองก็ยังพยายามละเลิกระบบการแจ้งเตือนการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตและตัดอินเทอร์เน็ตโดยรัฐ โดยพวกเขาก็กล่าวว่านี่เป็นมาตรการที่นอกจากจะมีต้นทุนสูงและรุนแรงเกินไปแล้ว กระบวนการแบบนี้ยังเป็นกระบวนการที่ละเมิดกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายด้วยเพราะเป็นการลงโทษเลยโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมใดๆ ทั้งนี้เกาหลีใต้เริ่มใช้ระบบนี้มาเป็นประเทศแรกตั้งแต่กลางปี 2009 ซึ่งก็ทำให้หลายๆ ฝ่ายอ้างว่านโยบายแบบนี้ทำให้อุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมของเกาหลีเฟื่องฟู อย่างไรก็ดีนี่ก็ไม่มีข้ออ้างที่มีหลักฐานที่จับต้องได้มาสนับสนุนแต่อย่างใด News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130328/10104222493/moves-south-korea-to-ease-harsh-copyright-laws-may-have-knock-on-benefits.shtml, https://www.eff.org/deeplinks/2013/03/korea-stands-against-three-strikes
Wal-Mart กำลังพิจารณาแผนให้ลูกค้าในร้านเป็นผู้ส่งสินค้าให้กับลูกค้าออนไลน์ ทั้งนี้ Wal-Mart ก็จะตอบแทนลูกค้าผู้ส่งสินค้าด้วยส่วนลดต่างๆ อย่างไรก็ดีมาตรการแบบนี้ก็ดูจะสร้างความเสี่ยงภัยกับผู้บริโภคมากขึ้นเพราะมันทำให้คนส่งของของทางร้านไม่มีเครื่องแบบและบัตรประจำตัวอีกต่อไป
31-03-13 ผลการสำรวจชี้ The Pirate Bay ขึ้นอันดับ 1 ของเว็บแชร์ไฟล์ยอดนิยมของโลกเรียบร้อยแล้ว จากการสำรวจของเว็บ TorrentFreak พบว่าภายหลังการปิดเว็บ Megaupload มา 1 ปีเศษๆ อันดับเว็บแชร์ไฟล์ยอดนิยม (ในแง่มีผู้เข้าชมมากที่สุด) ได้เปลี่ยนไปมากโดยเว็บ The Pirate Bay ได้กลายมาเป็นเว็บแชร์ไฟล์ที่คนเข้าชมเป็นอันดับ 1 หลังจากที่เดิมอยู่แค่อันดับ 6 และเว็บ Mediafire ก็ขึ้นจากอันดับ 4 มาเป็นอันดับ 2 อันดับ 3 ที่เข้ามาใหม่คือเว็บ KickassTorrents ที่ล่าโดนคำสั่งศาลให้บรรดา ISP แบนไปแล้วในอังกฤษ อันดับ 4 คือ 4Shared ที่ตกออกมาจากอันดับ 1 ในครั้งที่แล้ว เว็บที่ยังติดอันดับ Top 10 อยู่จากนอกจาก The Pirate Bay, Mediafire และ 4Shared คือ Torrentz.eu ที่ขึ้นมาจากอันดับ 9 เป็นอันดับ 6 นอกนั้นอีก 6 เว็บในลำดับเป็นเว็บที่ได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้นในช่วงเวลาหลังจากปิด Megaupload ทั้งสิ้น โดยในนี้ก็มีตั้งแต่เว็บทอร์เรนต์อายุกว่า 10 ปี (เก่ากว่า The Pirate Bay ราวครึ่งปีเศษ) สัญชาติแคนาดาที่มีคดีความอยู่ในอเมริกาอย่าง Isohunt และเว็บฝากไฟล์หน้าใหม่ที่ได้รับความนิยมล้นหลามหลังการปิดตัว Megaupload อย่าง Rapid Gator อยู่ด้วย ป.ล. ทั้งนี้การสำรวจทั้งสองครั้งของ TorrentFreak ก็ใช้ฐานข้อมูลที่ต่างกันโดยครั้งแรกใช้การจัดลำดับของ Google ส่วนครั้งนี้ใช้การสำรวจไขว้กันของการจัดลำดับของ Alexa, Compete และ Quantcast News Source: http://torrentfreak.com/the-pirate-bay-becomes-1-file-sharing-site-cyberlockers-collapse-130330/ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น