โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

นักข่าว The Independent เปิดใจครอบครัวอัคบารี เหยื่อเหตุระเบิดในภาพรางวัลพูลิชเชอร์

Posted: 02 Apr 2013 01:58 PM PDT

 

ภาพของเด็กหญิงที่ยืนร้องไห้ท่ามกลางผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุระเบิดพลีชีพที่ศาสนสถานในอัฟกานิสถาน กลายเป็นภาพที่ได้รับรางวัลพูลิชเชอร์ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอก็ยังไม่ดีขึ้นนัก และยังคงเศร้ากับการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป

 
 
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2013 ผู้สื่อข่าว The Independent คิม เซนกุปตา ได้สัมภาษณ์ครอบครัวของเด็กหญิงในภาพเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายในอัฟกานิสถานเมื่อเดือน ธ.ค. 2011 ที่กลายเป็นภาพได้รับรางวัลพูลิชเชอร์ ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นความโหดร้ายและสิ้นหวังโดยมีเด็กหญิงสวมชุดซาลวาร์ กามีซ สีเขียวยืนกรีดร้องอยู่ท่ามกลางซากศพผู้เสียชีวิต ซึ่ง 7 คนในนั้นเป็นคนในครอบครัวเธอ รวมถึงน้อยชายอายุ 9 ปี ของเธอด้วย
 
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ศาสนสถานอาบุลฟาร์เซลของนิกายชีอะ ในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ขณะที่ชาวมุสลิมนิกายชีอะกำลังปฏิบัติพิธีกรรมวันอาชูรออฺจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 70 ราย ภาพดังกล่าวถูกรัฐบาลอัฟกานิสถานและองค์กรต่างประเทศนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับความสูญเสียจากปฏิบัติการของกลุ่มกบฏ และมีการให้สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของเด็กหญิงในรู
 
เด็กหญิงที่กรีดร้องในรูปชื่อ ทารานา อัคบารี ปัจจุบันอายุ 13 ปี ผู้สื่อข่าว The Independent เปิดเผยว่าในตอนนี้ครอบครัวของเธอยังคงอยู่อย่างยากจนในย่านเสื่อมโทรมของกรุงคาบูล อาการบาดเจ็บทำให้เธอยากลำบากในการเดินไปที่ไกลๆ พี่สาวน้องสาวสองคนของเธอก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน สุนิตา พี่สาวอายุ 15 ของเธอได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะจากสะเก็ดระเบิดและไม่ได้ไปโรงเรียนอีก น้องสาวชื่อสุริตาอายุ 6 ปีต้องอยู่ในโรงพยาบาล 40 วันและเสียไตข้างหนึ่งไป เธอมีแผลเป็นที่ท้องและความเจ็บปวดที่ขาจากแผลสาหัสแลพต้องการการรักษาโดยด่วน
 
"ผมไปเคาะตามประตูบ้านเป็นร้อยหลังเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรเลย ผมไม่รู้ว่าเราควรจะไปที่ไหนอีก" อาห์เหม็ด ชาห์ อัคบารี พ่อของทารานากล่าว "ผมลากรถเข็นตลอดวัน ได้เงินมาราวๆ 300 อัฟกานิส (ประมาณ 170 บาท) ซึ่งไม่พอเอามาจ่ายค่ายาและค่าผ่าตัด หลังจากที่เอาไปเลี้ยงดูครอบครัวแล้ว มีคนใหญ่คนโตหลายคนมาดูลูกสาวผมหลังเกิดเหตุระเบิด แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร"
 
ครอบครัวของทามาราบอกว่าการรักษาที่ได้รับจากฟรีคลินิคไม่ได้ผล ทำให้พวกเขาผิดหวัง แต่สิ่งต่างๆ ก็แตกต่างออกไปหลังเหตุการณ์เมื่อพวกเขาได้รับความสนใจ สุนิตาถูกส่งไปเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิตที่ตุรกี แต่สิทธิในการเข้ารับการผ่าตัดหมดไปนานแล้ว ขณะที่ทารานายังมีรอยจากแผลฉีกขาดที่แขนและขา
 
ทารานาบอกว่า "หลังจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนั้น ฉันคิดว่าฉันอยากเป็นหมอและช่วยเหลือผู้คน จนตอนนี้ฉันก็ยังอยากเป็นอยู่ ฉันเห็นว่ามันเป็นเรื่องของเงินไปหมด มันยากมากที่คนจนจะได้รับบริการทางการแพทย์และฉันว่ามันไม่ถูก ฉันรู้ว่าพวกเขาใช้รูปฉันลงในหนังสือพิมพ์ พวกเขาบอกว่ารูปนั้นเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่มันก็ไม่ได้ชั่วอะไรครอบครัวฉันในตอนนี้เลย และมันก็ไม่ได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ก็มีสภาพเดียวกับฉัน"
 
ทารานากล่าวในการสัมภาษณ์อีกว่า "แต่ฉันก็ว่าพวกเราโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันเสียคุณป้า, ลูกพี่ลูกน้อง ของฉันไปคนที่ฉันคิดถึงตลอดเวลาคือชาอิบ (น้องชายของเธอ) พวกเราเคยเล่นด้วยกัน ฉันเคยเป็นคนดูแลเขา หลังจากเกิดระเบิดฉันเห็นเขานอนอยู่บนทางเท้า เขายังมีชีวิตอยู่ เขาพยายามหายใจ มีเลือดไหลออกมาจากปากและจมูกของเขา ฉันมักจะฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น ฉันพยายามจะไม่ให้ฝัน แต่มันก็ยังย้อนกลับมา"
 
"แม่ของฉันยังร้องไห้อยู่เสมอ เมื่อวานซืนเธอเห็นรองเท้าที่เคยซื้อให้เขาและคิดว่าจะเอาให้เขาหลังวันอาชูรออฺ แต่เขาก็ไม่เคยได้ใส่มัน แม่รู้สึกแย่มาก รู้สึกทำใจลำบาก" ทารานากล่าว
 
"ฉันรู้สึกโกรธกับเรื่องที่เกิดขึ้น โกรธมากๆ ทำไมคนๆ หนึ่งถึงระเบิดตัวเองเพื่อสังหารคนอื่นได้ ฉันรู้สึกโกรธคนที่ส่งเขามา พวกเขาส่งคนอื่นที่เหมือนเขามาอีก พวกเราเห็นคนตายเยอะมากเพราะการระเบิดพลีชีพเหล่านี้" ทารานากล่าว
 
ลัชการ์-อี-จังวี กลุ่มในปากีสถานอ้างว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ยังประกาศว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีต่อต้านลัทธิอื่นในปากีสถานอีกหลายครั้ง The Independent ระบุว่ากลุ่มนี้เคยมีฐานอยู่ในอัฟกานิสถานช่วงที่กลุ่มตอลีบันยังปกครองอยู่ ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ส่งหน่วยระเบิดพลีชีพข้ามพรมแดนไปยังประเทศอื่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
 
ผู้ที่จู่โจมในพิธีกรรมอาชูรออฺได้พยายามเข้าไปข้างในศาสนสถาน บอกว่าเขาเป็นผู้ดำเนินพิธีกรรม แต่ถูกยามห้ามไว้ เป้าหมายของเข้าน่าจะเป็นการเข้าไปทำลายแหล่งศาสนสถานของนิกายชีอะ แต่พอเข้าไปไม่สำเร็จจึงตัดสินใจออกมาโจมตีครอบครัวที่อยู่ด้านนอก
 
สุนิตา กล่าวถึงชายผู้ก่อเหตุว่า "เขาดูน่าสงสัยเพราะทำตัวแปลกๆ ยังดูเป็นคนอายุไม่มาก มีเคราขึ้นเล็กน้อย ผมเปียกเหมือนเพิ่งอาบน้ำมา เขานั่งลงหลังจากนั้นก็เกิดระเบิด นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้ และหลังจากนั้นฉันก็ตื่นขึ้นมารู้สึกเจ็บไปทั่วร่าง"
 
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งเกิดเมื่อเดือน ธ.ค. 2011 ในพิธีกรรมอาชูรออฺครั้งถัดมาเมื่อเดือน พ.ค. 2012 ก็มีทารานาเป็นเพียงคนเดียวในครอบครัวที่ไปเข้าร่วม เธอสวมชุดซาลวาร์ กามีซ สีเขียวตัวเดิมไป แต่ในครั้งหลังตำรวจอัฟกานิสถานก็ประกาศว่าพวกเขาจับกุมตัวผู้วางแผนก่อเหตุโจมตีพิธีกรรมเอาไว้ได้
 
ทารานาบอกว่า ที่เธอสวมชุดตัวเดิมไปงานเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่กลัว และคิดว่ามันจะเป็นเครื่องเตือนใจให้นึกถึงคนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด
 
"ฉันคิดว่ามันจะเตือนให้คนนึกถึงรูปนั้น และนึกถึงคนที่บาดเจ็บจากระเบิด ฉันจึงไปที่นั่น จากนั้นจึงไปสวดภาวนาที่หลุดศพของน้องชายและสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ฉันรู้สึกเศร้ามาก"
 
 
เรียบเรียงจาก
 
'I dream about that day. I try not to but it keeps coming back': Tarana Akhbari, the girl in the 2011 Afghan bombing photograph, Kim Sengupta, The Independent, 01-04-2013
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เกาหลีเหนือซ้อมรบ-ฟื้นโรงงานนิวเคลียร์ เกาหลีใต้ยังใช้ชีวิตปกติ

Posted: 02 Apr 2013 01:19 PM PDT

เกาหลีเหนือประกาศเดินเครื่องอุปกรณ์ในโรงงานนิวเคลียร์ ระบุเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า และเพิ่มสมรรถนะอาวุธนิวเคลียร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้น ด้านประธานาธิบดีเกาหลีใต้ขอให้กองทัพตอบโต้ได้เลย หากเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายยั่วยุ ขณะที่ซีเอ็นเอ็นเสนอภาพประชาชนในโซลยังใช้ชีวิตตามปกติ

หลังทางการเกาหลีเหนือประกาศว่าคาบสมุทรเกาหลีอยู่ในภาวะสงครามนั้น สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 เม.ย.) เป็นภาพทหารเกาหลีเหนือกำลังซ้อมรบ และระบุว่ากองทัพประชาชนเกาหลีมีความพร้อมเต็มที่

ส่วนภาพจากรายงานของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าประชาชนในกรุงโซลยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ

 

เกาหลีเหนือเดินเครื่องโรงงานนิวเคลียร์ที่ยองเบียน

ไชน่า เดลี รายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อวันที่ 2 เม.ย. นี้ว่า ได้ตัดสินใจเดินเครื่องอุปกรณ์ที่โรงงานนิวเคลียร์ยองเบียน โดยโฆษกของกรมพลังงานนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ กล่าวกับสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ว่าประเทศจะปรับแก้และเริ่มใช้งาน อุปกรณ์ของโรงงานนิวเคลียร์แห่งนี้ รวมทั้งเครื่องโรงเสริมสมรรถนะยูเรเนียม และ เตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์ ซึ่งเคยถูกระงับและปิดทำการตามผลการประชุม 6 ฝ่าย เพื่อให้เป็นตามข้อตกลงลดอาวุธเมื่อเดือนตุลาคมปี 2550

โฆษกของหน่วยงานดังกล่าวระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าว ทำขึ้นในการประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลี เมื่อวันที่ 31 มี.ค. เพื่อแก้ปัญหาภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า และเพิ่มสมรรถนะของอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกินขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือประกาศว่า "เข้าสู่ภาวะสงคราม" กับเกาหลีใต้แล้ว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

ปธน.เกาหลีใต้ให้กองทัพตอบโต้ หากเกาหลีเหนือยั่วยุ ด้านประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติ

ด้านประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ปัก กึน เฮ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 เม.ย.) ได้แนะนำกองทัพให้ตอบโต้อย่างแข็งขันต่อการยั่วยุของเกาหลีเหนือโดยไม่ต้องคำนึงถึงมาตรการทางการเมืองใดๆ

รายงานเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาของซีเอ็นเอ็น นำเสนอบรรยากาศของสาธารณชนในกรุงเปียงยางและกรุงโซลที่มีความแตกต่างกันสิ้นเชิง

นอกจากนี้รายงานของซีเอ็นเอ็นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งแพร่ภาพจากสถานีโทรทัศน์กลางเกาหลี ของทางการเกาหลี ซึ่งมีการเปิดเพลงปลุกใจ และฉายภาพการตื่นตัวทางการทหารในระดับสูงสุด และมีการสัมภาษณ์คนเดินถนนในเปียงยางที่ต้องการทำสงครามพิชิตเกาหลีใต้ ยังระบุว่าสถานการณ์ทั่วไปในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ซึ่งยังอยู่ในภาวะปกติ โดยจิม แคลนซี่ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ยืนรายงานอยู่หน้าพระราชวังต็อกซู ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งในโซล โดยเขากล่าวว่าสถานการณ์ที่เมืองหลวงของเกาหลีใต้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่นี่สามารถมองเห็นอดีตของพวกเขา ประวัติศาสตร์ของพวกเขา และมองหาอนาคตที่สดใสกว่าเดิม ซึ่งไม่มีเรื่องสงคราม โดยเขาสัมภาษณ์ชาวเกาหลีใต้ซึ่งไม่คิดว่าจะเกิดสงคราม และไม่สนใจต่อการขู่ของเกาหลีเหนือ โดยตอนจบเสียงรายงานของจิม แคลนซี่ระบุว่าในวันอาทิตย์ของคาบสมุทรเดียวกัน กลับมีความแตกต่างว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า ฝ่ายเหนือจะข้ามพรมแดนเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนของสงคราม ส่วนทางใต้ผู้คนเตรียมตัวไปทำงานในวันจันทร์

ขณะเดียวกัน กรุงโซลในสัปดาห์นี้ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงรถยนต์ Seoul Motor Show 2013 ด้วยโดยมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 29 มี.ค. ถึงวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. นี้ที่ศูนย์นิทรรศการเกาหลี (KINTEX) ซึ่งยังจัดงานตามปกติ โดยหนึ่งในไฮไลท์ของงานปีนี้อยู่ที่รถยนต์ SUV ที่ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ทั้งนี้ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเพิ่มทวีขึ้น หลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 12 ก.พ.  ที่ผ่านมา  (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) เพื่อตอบโต้การฝึกร่วมทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตี เพื่อป้องกันตัวเอง และทำให้การประกาศพักรบข้างเดียวเมื่อปี พ.ศ. 2496 ที่ทำให้สงครามเกาหลีระงับชั่วคราวไร้ผลไป

 

สหรัฐอเมริกาใช้เรดาห์จับตา รมช.พาณิชย์จีนระบุนิคมอุตสาหกรรมชายแดนเกาหลีเหนือยังราบรื่น

นอกจากนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ซึ่งอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ระบุว่ากองทัพเรือสหรัฐได้เคลื่อนฐานเรดาร์ที่ตั้งอยู่ในทะเล ให้เข้าใกล้คาบสมุทรเกาหลีมากขึ้นเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวทางการทหารของเกาหลีเหนือ รวมถึงความเป็นไปได้ในการปล่อยขีปนาวุธครั้งใหม่ของเกาหลีเหนือ

ส่วนปฏิกิริยาจากจีน บีบีซี รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้นเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ขณะเดียวกัน บลูมเบิร์ก รายงานคำกล่าวของ รมช.พาณิชย์จีน เฉิน เจี้ยน ซึ่งกล่าวเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ว่าการทำงานที่เขตเศรษฐกิจราซอน บริเวณชายแดนจีน-เกาหลีเหนือนั้นยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น และเขายังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของเขตอุตสาหกรรมดังกล่าว และว่ายังไม่ได้ยินว่ามีการหยุดชะงักลง

ทั้งนี้เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือมีขนาด 1 ใน 40 ของเกาหลีใต้ และยังต้องพึ่งพาการสนับสนุนทั้งด้านการทูตและการเศรษฐกิจจากจีน

ขณะเดียวกัน มีรายงานความเคลื่อนไหวทางทหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนซึ่งอยู่ในระดับการเตือนภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งติดกับพรมแดนเกาหลีเหนือทางเหนือ นอกจากนี้กองเรือจีนมีการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง บริเวณทะเลเหลือง ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดการฝึกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ด้วย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

คนทำงาน มกราคม 2556: อีก 25 ปี หุ่นยนต์ทำงานแทนคน?

Posted: 02 Apr 2013 11:16 AM PDT

วารสารคนทำงาน มกราคม 2556

ดาวน์โหลดอ่านได้ใน iPad, iPhone และระบบ Android รวมทั้งเปิดอ่านในคอมพิวเตอร์

ได้ที่เว็บไซต์ www.ebooks.in.th/ebook/12224/วารสารคนทำงานมกราคม_2556/

ชาวบ้านเฮ! ศาลปกครองให้เพิกถอนใบอนุญาตโรงงานแป้งมัน

Posted: 02 Apr 2013 09:55 AM PDT

ศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น พิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง ชาวบ้านพอใจชัยชนะ ชี้ศาลยังพอมีความยุติธรรมให้ผู้เดือดร้อน แม้โรงงานฯ ยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ แต่ยืนยันพร้อมสู้ต่อไป

 
 
จากกรณีที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาว ได้ยื่นฟ้องผู้ประกอบกิจการโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ต.ลำน้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ต่อศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษา ดังนี้ 1.ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแป้งมันสำปะหลัง 2.ให้ผู้ประกอบกิจการดำเนินการตามมาตรา 66, มาตรา67 ของรัฐธรรมนูญ 3.ให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง
 
วันนี้ (2 เม.ย.56) ศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น นัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองจังหวัดขอนแก่นได้มีคำพิพากษาโดยสรุปว่า ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังทะเบียนโรงงาน เลขที่ 3-9(2)-2/54 ขก ลงวันที่ 11 ก.พ.54 ที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมออกให้แก่นาย เทพฤทธิ์ ศรีปัญญา ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาวที่เข้าฟังคำพิพากษา ต่างก็ปลาบปลื้มและยินดีกันทั่วหน้า โดยระบุว่าแม้ศาลจะได้มีคำพิพากษาตามคำฟ้องเพียงประเด็นเดียว แต่ชาวบ้านก็พอใจเพราะถือเป็นประเด็นที่สำคัญ และถือเป็นชัยชนะที่ชาวบ้านเห็นว่าศาลยังพอมีความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนอยู่
 
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น ยังไม่ถึงที่สุด เพราะผู้ประกอบกิจการโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง สามารถอุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วันหลังจากมีคำพิพากษาได้
 
"วันนี้เราเห็นความยุติธรรมและศาลยังสามารถพึ่งพาอาศัยได้ ไม่ใช่รับใช้แต่กลุ่มผลประโยชน์ที่มันมารังแกเรา" นางระเบียง แข็งขัน ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาวกล่าว
 
ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาว ยืนยันด้วยว่า การฟ้องคดีเป็นเพียงหนทางหนึ่งของการต่อสู้ เพราะการต่อสู้ที่จะได้ชัยชนะเด็ดขาดก็คือ การต่อสู้ด้วยสองมือสองเท้าของตนเอง พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้และคัดค้านต่อไปด้วยพลังของตัวเอง
 
"ถ้าเขาจะอุทธรณ์ก็ให้เขาอุทธรณ์ไป เราก็จะโต้แย้งกลับไปเช่นกัน เราจะสู้จะหัวขาดคากัน" นายแสงจันทร์ ศรีปัดถา ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโคกหินขาวกล่าว
 
คำตัดสินมีรายละเอียด ดังนี้
 
 
 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รอบโลกแรงงานมีนาคม 2556

Posted: 02 Apr 2013 09:54 AM PDT

 
โปรตุเกส-ประท้วงรัฐบาลทั่วประเทศ
 
3 มี.ค. 56 - ชาวโปรตุเกสหลายหมื่นคนเดินขบวนในกว่า 20 เมืองทั่วประเทศ ประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นว่าในปีนี้ โปรตุเกสจะต้องเผชิญกับภาวะถดถอยติดต่อกันเป็นปีที่ 3
 
ในกรุงลิสบอน นครหลวง ประชาชนหลายหมื่นคนชุมนุมแน่นถนนสายสำคัญที่จะมุ่งสู่กระทรวงการคลัง ก่อนจะเคลื่อนขบวน พร้อมกับร้องตะโกนคำขวัญประณาม อีซี.ไอเอ็มเอฟ. และ อีซีบี. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่เบื้องหลังเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูของโปรตุเกส
 
ผู้ประท้วงจำนวนมาก ร่วมกันร้องเพลง อายุ 40 ปี เพลงหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวพันการลุกฮือของประชาชนในปี 2518 เพื่อโค่นล้มเผด็จการทหารของประเทศ ที่ถูกเรียกขานว่า การปฏิวัติดอกคาร์เนชั่น
 
คาดว่าในปีนี้โปรตุเกสอาจต้องเผชิญภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจติดต่อเป็นปีที่ 3 โดยเศรษฐกิจหดตัว 2 เปอร์เซ็นต์ อัตราการว่างงานจะสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 17.6 เปอร์เซ็นต์
 
กัลฟ์แอร์ ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ลอยแพคนงาน หวังรับมือแข่งเดือด
 
3 มี.ค. 56 - กัลฟ์แอร์ สายการบินที่ขาดทุนของบาห์เรน ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ด้วยการลดพนักงาน 15% และยกเลิกเส้นทางบิน 4 เส้นทาง หวังลดการขาดทุน หลังเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดจากสายการบินเอมิเรตส์แห่งดูไบ สายการบินเอธิฮัดและกาตาร์แอร์เวย์จากอาบูดาบี รวมถึงสายการบินต้นทุนต่ำอย่างแอร์อาราเบีย
 
นอกจากนั้น กัลฟ์แอร์ยังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความมั่นคงของบาห์เรน ซึ่งส่งผลมาถึงเศรษฐกิจ อันสืบเนื่องจากการชุมนุมที่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสอาหรับสปริงเมื่อปี 2554 และดำเนินต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้
 
การปรับโครงสร้างของกัลฟ์แอร์มีเป้าหมายที่การปรับปรุงเครือข่ายของสายการบิน โดยให้ความสำคัญกับเส้นทางบินที่เชื่อมถึงกันจุดต่อจุด พร้อมไปกับการปรับโครงสร้างพนักงาน ซึ่งเมื่้อเดือนม.ค.มีการลดพนักงาน 6% และเพิ่มเป็น 15% ในเดือนก.พ.
 
มาตรการลดคนงานกระทำผ่านการไม่ต่อสัญญาและการให้เกษียนอย่างสมัครใจ แต่สหภาพแรงงานของกัลฟ์แอร์ไม่ค่อยพอใจและหารือกับกระทรวงแรงงาน แต่ไม่ได้ระบุว่าจะใช้มาตรการใด โดยบาห์เรนเป็นประเทศหนึ่งในอ่าวเปอร์เซียที่มีสหภาพแรงงานแข็งแกร่งมาก
 
โฆษกสหภาพแรงงานกล่าวว่าบริษัทมีเป้าหมายลดพนักงาน 1,266 คนในการปรับโครงสร้างขั้นแรก โดยพนักงานที่ถูกลอยแพจะเป็นชาวบาห์เรน 600 คน ชาวต่างชาติ 666 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็นกว่า 30% ของพนักงาน 4,000 คน
 
ในส่วนของการปิดเส้นทางบินนั้น ใช้กับเส้นทางบินที่ขาดทุน และหันมาเน้นเส้นทางบินในภูมิภาค แทนที่จะเน้นเส้นทางบินที่มีคนเปลี่ยนเครื่องน้อย โดยกัลฟ์แอร์พยายามสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในภูมิภาค และวางแผนเจาะตลาดนิชในระยะยาว
 
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กัลฟ์แอร์ลดพนักงาน โดยเมื่อปี 2552 ทางสายการบินได้ลอยแพคนงาน 500 ชีวิต เพราะขาดทุนกว่าพันล้านดอลลาร์
 
พนักงานสายการบินไอบีเรียเตรียมผละงาน 5 วันเริ่มวันนี้
 
4 มี.ค. 56 - สายการบินไอบีเรียของสเปนเตรียมจอดเที่ยวบินเกือบ 1,300 เที่ยว เนื่องจากพนักงานจะเริ่มการผละงาน 5 วันครั้งที่ 2 ในวันนี้ ประท้วงการลดพนักงานและค่าจ้าง
 
ไอบีเรียซึ่งมีปัญหาขาดทุนประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะเดินหน้าตามแผนการปลดพนักงาน 3,800 คน คิดเป็นร้อยละ 18 และได้ยกเลิกเที่ยวบินตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันศุกร์รวม 431 เที่ยว
 
สหภาพแรงงานตัวแทนพนักงานภาคพื้นดินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกำหนดผละงาน 5 วันทั้งหมด 3 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม แต่ละวันสร้างความเสียหายให้แก่สายการบินประมาณ 1 ล้านยูโร (ราว 40 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังจะสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจสเปนซึ่งพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นร้อยละ 11 ของผลิตภัณฑ์ผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพราะเริ่มจะเข้าสู่ช่วงท่องเที่ยวฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน การผละงานครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีการปะทะกันระหว่างพนักงานสมาชิกสหภาพกับตำรวจที่ท่าอากาศยานในกรุงมาดริด จนถึงขณะนี้ตัวแทนเจรจาอิสระที่รัฐบาลแต่งตั้งยังไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสายการบินและสหภาพได้
 
ออสซี่ปลด 15 คนงาน พิษเต้น "ฮาร์เล็มเชก"
 
4 มี.ค. 56 - ผู้บริหารเหมืองแร่ทองคำในประเทศออสเตรเลีย สั่งไล่คนงานออก 15 คน หลังพบว่าคนงานเหล่านี้โพสต์คลิปวิดีโอขณะเต้น "ฮาร์เล็ม เชก" ในเหมืองใต้ดินลงในเว็บไซต์ยูทูบ เพราะถือว่าละเมิดมาตรการความปลอดภัย และระเบียบความประพฤติของบริษัท ขณะที่มีผู้ตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กเพื่อเรียกร้องให้บริษัทบาร์มินโกรับคนงานเหล่านี้กลับเข้าทำงาน เนื่องจากคนงานบางคนปรากฏในคลิปก็จริง แต่ไม่ได้ร่วมเต้นด้วย ด้านบริษัทบาร์มินโก เจ้าของเหมืองแจ้งว่าการเต้นใต้เหมืองเช่นนั้นไม่ปลอดภัย และว่าเหมืองอื่นๆ ภายในเครือจะไม่ว่าจ้างคนงานทั้ง 15 คนอีกในอนาคต 
 
ข่าวนี้คล้ายกับกรณีผู้โดยสารสายการบินฟรอนเทียร์ส เต้นเพลงฮาร์เล็ม เชก บนเครื่องบิน ขณะกำลังบินอยู่ ทำให้หน่วยงานการบินของสหรัฐสั่งสอบสวน ว่าละเมิดความปลอดภัยหรือไม่ แต่สายการบินดังกล่าวยืนยันว่าไม่กระทบต่อความปลอดภัย
 
สำหรับฮาร์เล็ม เชก เป็นปรากฏการณ์ในอินเตอร์เน็ตที่มี ผู้เลียนแบบมากมาย คล้ายกับการเต้นกังนัมสไตล์เมื่อปีก่อน คาดว่าในแต่ละวันมีผู้โพสต์วิดีโอเต้นเพลงนี้ประมาณ 4,000 คลิป
 
วันเดียวกันที่อียิปต์ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม ฝ่ายอิสลามสายเคร่ง ฐานสนับสนุนหลักของประธานาธิบดีโมฮัม เหม็ด มอร์ซี ยังเรียกร้องให้เว็บไซต์ยูทูบลบวิดีโอสมาชิกคนหนึ่งที่เปลือยท่อนบนขณะเต้นฮาร์เล็ม เชก เพื่อ ล้อเลียนแกนนำฝ่ายค้าน เพราะดูอุจาดตา
 
กูเกิล ปลดเพิ่มพนักงานโมโตโรลา 1,200 อัตรา
 
12 มี.ค. 56 - กูเกิล ประกาศปลดพนักงานโมโตโรลาเพิ่มอีก 1,200 อัตรา หวังช่วยลดค่าใช้จ่ายและตำแหน่งงานซ้ำซ้อน
 
หลังซื้อกิจการบริษัทสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ "โมโตโรลา" ตั้งแต่ปี 2011 พร้อมทั้งประกาศเลย์ออฟพนักงานครั้งใหญ่จำนวน 4,000 อัตราเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ล่าสุด กูเกิล ได้ทำการปลดพนักงานโมโตโรลาออกอีกระลอกถึง 1,200 อัตรา หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมทั้งพนักงานในสหรัฐฯ จีน และอินเดีย โดยกูเกิลให้เหตุผลในการปลดพนักงานโมโตโรลาออกในครั้งนี้ว่า ทางบริษัทต้องการลดตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อน และเพื่อเป็นการตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก
 
ทั้งนี้ โฆษกกูเกิล ระบุว่ากูเกิลเข้าใจถึงผลกระทบที่จะเกิดแก่พนักงาน แต่ทั้งกูเกิล และตัวพนักงานเองก็ต้องก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปให้ได้ "สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องยากสำหรับพนักงานผู้ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดี เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้พวกเขาก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบากเช่นนี้ไปได้" โฆษกกูเกิล กล่าว
 
แรงงานญี่ปุ่นเฮ! ค่ายรถยักษ์ใหญ่ตบเท้า "ขึ้นโบนัส" พนักงาน หลังเยนอ่อนทำผลกำไรพุ่ง
 
13 มี.ค. 56 - ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่นพร้อมใจประกาศเพิ่มเงินโบนัสแก่พนักงานหลายหมื่นคน หลังภาวะเงินเยนอ่อนค่าช่วยให้บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐบาลปลาดิบก็เร่งเร้าให้บริษัทต่างๆขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานของตนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
       
โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นและของโลก เปิดแถลงในวันนี้(13)ว่า บริษัทจะยอมรับข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานที่ต้องการให้เพิ่มเงินโบนัสอีก 10% ทำให้วงเงินเฉลี่ยที่พนักงานแต่ละคนจะได้รับอยู่ที่ 2.05 ล้านเยน (ราว 635,000 บาท) โดยพนักงานทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสายงานผลิตหรือพนักงานออฟฟิศก็มีสิทธิ์ได้รับวงเงินพิเศษนี้เท่าเทียมกัน
       
รายงานระบุว่า การปรับโบนัสครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปีสำหรับ โตโยต้า เลยทีเดียว
 
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตยานยนต์อันดับสองอย่าง นิสสัน ก็มีแผนปรับขึ้นโบนัสให้พนักงานอีก 2.3% เฉลี่ยคนละ 2.04 ล้านเยน (ราว 631,000 บาท) ส่วน ฮอนด้า ก็ประกาศเพิ่มโบนัสเช่นกัน แต่ยังไม่เปิดเผยจำนวนที่แน่นอน
       
เดือนมกราคมที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้ง 3 บริษัททำผลกำไรได้สูงเป็นประวัติการณ์สำหรับปีงบประมาณ 2012 เนื่องจากผลกระทบของเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2011 เริ่มเบาบางลง อีกทั้งค่าเงินเยนที่อ่อนลงก็ช่วยให้บริษัทมีรายได้มากขึ้น
       
อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาเงินเยนที่แข็งจนแตะระดับ 75 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงปลายปี 2011 ซึ่งทำให้รถยนต์ญี่ปุ่นสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับค่ายรถชาติอื่น และยังทำให้รายได้จากต่างประเทศที่จะแปลงกลับเป็นเงินเยนลดน้อยลงตามไปด้วย
       
อย่างไรก็ดี คำมั่นสัญญาจากนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ที่ว่าจะทุ่มค่าใช้จ่ายสาธารณะก้อนโต ผนวกกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกเพื่อฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น ก็ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยล่าสุดลงมาอยู่ที่ระดับ 95 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้(13)
       
อาเบะ ยังเรียกร้องให้บริษัทญี่ปุ่นขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานเพื่อเพิ่มรายได้หลังหักภาษี (disposable income) และลดปัญหาเงินฝืดที่ทำให้การใช้จ่ายส่วนบุคคลและการลงทุนในภาคธุรกิจชะงักงันมานานหลายปี
       
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ผู้ประกอบธุรกิจชั้นนำอื่นๆ เช่น ฮิตาชิ และ ฟูจิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ ก็มีแผนปรับขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานของตนเช่นเดียวกัน
       
เซเวน แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ เซเวนอีเลฟเวน ทั่วญี่ปุ่น ประกาศจะขึ้นเงินเดือนแก่พนักงานราว 53,000 คน ในขณะที่คู่แข่งอย่าง ลอว์สัน และ แฟมิลีมาร์ท ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมเพิ่มโบนัสให้แก่พนักงานของตนเช่นกัน
 
พนักงานบริดจ์สโตนรวมกลุ่มประท้วงการปิดโรงงานในอิตาลี
 
15 มี.ค. 56 - พนักงานในกลุ่มบริษัทบริดจ์สโตน (Bridgestone) จำนวน 250 คนได้รวมตัวประท้วงที่หน้ากระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจของอิตาลีเมื่อวานนี้ เพื่อคัดค้านแผนการปิดโรงงานของบริษัทในจังหวัดบารีซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี
 
เหตุการณ์ประท้วงกินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยพนักงานเรียกร้องให้โรงงานผลิตยางรถยนต์ดำเนินกิจการต่อไป หลังจากบริษัทบริดจ์สโตน คอร์ปประกาศว่าจะปิดโรงงานดังกล่าวในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงของโรงงาน และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
 
นอกจากนี้ นายโกราโด ปาสเซรา รัฐมนตรีกระทรวงฯได้กระตุ้นให้บริษัทยกเลิกแผนการปิดโรงงานในระหว่างการประชุมกับกลุ่มผู้ประท้วง โดยจะมีการประชุมกับพนักงานกลุ่มดังกล่าวอีกครั้งในช่วงต้นเดือนเม.ย.
 
การตัดสินใจของบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงจากชุมชนท้องถิ่น และวงจรทางการเมือง โดยในบางพื้นที่ได้เริ่มคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของบริษัทแล้ว สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
 
'หลี่ เค่อเฉียง'เสนอแผนแก้ไขค่ายแรงงาน
 
17 มี.ค. 56 - นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีน แถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับการแต่งตั้ง ว่ารัฐบาลจีนเตรียมเปิดแผนปฏิรูปค่ายแรงงานในสิ้นปีนี้
 
ในอดีตระบบค่ายแรงงานดังกล่าว หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "เหล่าเจี้ยว" ถูกใช้สำหรับลงโทษนักกิจกรรมที่มีความเห็นไม่พ้องกับแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันระบบดังกล่าวใช้สำหรับผู้ร้ายที่กระทำผิดฐานเบา แต่เจ้าหน้าที่ทุจริตบางคนได้ใช้ระบบดังกล่าวละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโดยทำการกักขังบุคคลที่ต้องการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่ประพฤติทุจริตเหล่านั้น
 
ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว ผู้ต้องสงสัยอาจถูกคุมขังอยู่ในค่ายแรงงานเป็นระยะเวลานานถึง 4 ปีจากการตัดสินของคณะตำรวจ และไม่ได้รับโอกาสเรียกร้องความเป็นธรรมโดยการยื่นสู้คดีในชั้นศาล
 
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ รัฐบาลจีนได้รับข้อเสียงเรียกร้องมากขึ้นจากนักโทษที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบดังกล่าว ให้มีการปฏิรูปหรือแม้กระทั่งการยกเลิกระบบ"เหล่าเจี้ยว" อีกทั้งสื่อรัฐบาลยังได้ให้ความสนใจต่อประเด็นดังกล่าวด้วย
 
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดการปฏิรูปหรือยกเลิกระบบดังกล่าว ในการแถลงข่าวนั้น นายหลี่กล่าวเพียงว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนกำลังเร่งทำงานกันอย่างหนักเพื่อวางแผนการปฏิรูประบบ"เหล่าเจี้ยว"
 
ก่อนหน้านี้ กระบอกเสียงของรัฐรายงานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ระบบ"เหล่าเจี้ยว"จะถูกยกเลิก แต่ข่าวดังกล่าวได้ถูกลบและถูกแทนด้วยการคาดการณ์ว่าจะมีการปฏิรูประบบแทนที่จะยกเลิกโดยสมบูรณ์ โดยไม่ได้มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมและตารางเวลาในการปฏิรูป
 
ผู้สังเกตุการณ์หลายรายเชื่อว่าแม้มีความต้องการที่จะให้รัฐบาลปฏิรูประบบดังกล่าว แต่แรงต้านทานจากรัฐบาลท้องถิ่นจะทำให้การปฏิรูปล่าช้าไปอีกหลายปี
 
อีริคสัน-เอสทีไมโครอิเล็กทรอริกส์ ลดพนักงาน 1,600 อัตรา
 
19 มี.ค. 56 - บริษัทอีริคสัน ผู้ผลิตอุปกรณ์ไร้สายของสวีเดน และเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ของสวิตเซอร์แลนด์ จะลดพนักงาน 1,600 อัตราทั่วโลก ตามแผนแยกบริษัทหลังร่วมธุรกิจกันแต่ยังทำกำไรไม่ได้
 
บริษัทเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตชิพรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมว่า ต้องการแยกธุรกิจจากเอสที-อีริคสัน ขณะประสบปัญหาปริมาณความต้องการลดลงทั่วโลก หลังเจรจากันมานานหลายเดือน ทั้ง 2 บริษัทแถลงวันนี้ว่าจะเลิกร่วมธุรกิจกัน โดยอีริคสันจะสานต่อการผลิตสินค้าสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ส่วนเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์จะผลิตสินค้าและธุรกิจในส่วนที่เหลือ ทั้ง 2 บริษัทตกลงว่าจะปิดกิจการที่มีร่วมกัน โดยจะเริ่มทยอยปลดพนักงาน 700 อัตราในยุโรป ส่วนใหญ่ที่สวีเดน.
 
พนักงานลุฟต์ฮันซานัดประท้วงที่สนามบินเยอรมนี
 
20 มี.ค. 56 - สหภาพพนักงานฯ แถลงว่า พนักงานลุฟต์ฮันซา สายการบินรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี นัดผละงานประท้วง 1 วัน ในวันพฤหัสบดี เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้มากขึ้น ก่อนหน้าการเจรจาขอเพิ่มค่าจ้างรอบใหม่ในวันศุกร์
 
แถลงการณ์ของสหภาพฯ เรียกร้องให้พนักงานผละงานที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต เบอร์ลิน ฮัมบูร์ก มิวนิก และสนามบินอื่นๆ สหภาพฯ และสายการบินลุฟต์ฮันซา มีกำหนดพบกันในวันศุกร์ เพื่อหารือตามข้อเรียกร้องให้เพิ่มค่าตอบแทนร้อยละ 5.2 ในปีหน้า สำหรับพนักงานลุฟต์ฮันซา 33,000 คน
 
โออีซีดีขอจีนเปิดตลาด-เคลื่อนย้ายแรงงานเสรี
 
22 มี.ค. 56 - องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) เรียกร้องจีนให้บริษัทของรัฐเปิดตลาดมากขึ้น และขอให้ผ่อนปรนการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าเมืองได้เสรีขึ้น เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง
 
โออีซีดีมีรายงานประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีนวันนี้ว่า แนวโน้มการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 8.5 ในปีนี้ และว่า ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและหนี้ภาครัฐอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม โออีซีดีมองว่า จีนต้องหาแนวทางรับมือสิ่งท้าทายในระยะยาว เช่น การเพิ่มผลผลิตด้วยการลดการผูกขาดสำหรับบริษัทของรัฐ และให้แรงงานจำนวนมากขึ้นได้เคลื่อนย้ายเข้าเมือง เพื่อทำงานที่ได้ค่าตอบแทนสูงกว่า นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังเตือนว่า จีนอาจเผชิญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างมาก หากจีนไม่สามารถลดการผูกขาดของภาครัฐในอุตสาหกรรมพลังงานและการเงิน
 
พนักงาน "ลุฟท์ฮันซา" ประท้วงเรียกร้องขึ้นค่าแรง
 
22 มี.ค.56 สายการบินลุฟท์ฮันซา ประกาศยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 690  เที่ยวแล้ว หลังพนักงานประท้วงหยุดงาน พร้อมเรียกร้องขึ้นค่าแรง
 
สายการบินลุฟฮันซ่า ของเยอรมัน ประกาศว่า ขณะนี้ทางสายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 690 เที่ยวแล้ว เนื่องจากเมื่อวานที่ผ่านมาพนักงานประท้วงหยุดงานเป็นเวลานาน 7 ชั่วโมง พร้อมเรียกร้องให้มีการขึ้นค่าแรง และสวัสดิการ
 
ก่อนหน้านี้ เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางพนักงานของลุฟท์ฮันซา เคยเรียกร้องเพิ่มค่าแรงร้อยละ 5.2  ในช่วง 12 เดือนมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยในขณะนั้น ทางสายการบินต้องการให้พนักงานทำงานเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมง ของเวลาปกติ ซึ่งทั้งสองยังหาข้อตกลงกันไม่ได้
 
ล่าสุด ตัวแทนของพนักงานเตรียมที่เข้าเจรจากับทางสายบินอีกครั้งในวันนี้
 
ลุฟท์ฮันซา ต้องประสบกับปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันจากสายการบินต่างๆ ที่มีมากขึ้นโดยเฉพาะ การเพิ่มขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ และสายการบินจากตะวันออกกลาง ทำให้ผลกำไรลดลง
 
ทั้งนี้ สนามบินฮัมบูร์ก และแฟรงเฟิร์ต ของเยอรมนี จะได้รับผลกระทบจากการประกาศยกเลิกเที่ยวบินครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางการบินภายในประเทศ และเที่ยวบินระยะสั้น 
 
โคคา-โคลาปลดพนักงาน 750 คนในสหรัฐ
 
โคคา-โคลา ประกาศปลดพนักงานในสหรัฐ ตามแผนการปรับโครงสร้างบริษัทในภูมิภาคอเมริกาเหนือ หลังเข้าซื้อธุรกิจบรรจุขวดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
 
โฆษกบริษัทโคคา-โคลา แถลงว่า บริษัทจะลดคนงานจำนวน 750 คนในสหรัฐ คิดเป็น 1% ของคนงานทั้งหมดในอเมริกาเหนือ โดยราว 1 ใน 4 ของการเลิกจ้าง จะเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย 
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นไปตามแผนการควบรวมกิจการธุรกิจบรรจุขวดในอเมริกาเหนือระยะเวลา 4 ปี ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว หลังบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่สุดของโลกรายนี้ ซื้อธุรกิจดังกล่าวมาจากโคคา โคลา เอนเตอร์ไพรซ์ เมื่อปี 2553
 
 
โคคา โคลา คาดว่าแผนการรวมกิจการดังกล่าว จะช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้ราวปีละ 550-650 ล้านดอลลาร์
 
แม่บ้านต่างด้าวชวดสิทธิ์พลเมืองถาวรฮ่องกง
 
25 มี.ค. 56 - ศาลสูงสุดฮ่องกง ตัดสินไม่ให้สิทธิ์พลเมืองถาวร แก่แม่บ้านต่างชาติ เหตุสัญญาจ้างมีผลผูกพันให้ต้องกลับประเทศหลังหมดสัญญา
 
ศาลสูงสุดของฮ่องกงได้ตัดสินคดีสำคัญ เมื่อมีคำตัดสินไม่ให้สิทธิ์พลเมืองแก่สองแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ ถือเป็นการดับความหวังของแม่บ้านหรือคนรับใช้ภายในบ้านอีกหลายแสนคนที่ต้องการได้สิทธิ์พลเมืองถาวรในฮ่องกง
 
ผู้พิพากษาศาลสูง 5 คนมีคำพิพากษาเป็นเอกฉันท์ให้นางอีแวนเจลีน บาเนา บัลเลฮอส และนางแดเนียล โดมิงโก ไม่ได้รับสิทธิ์พลเมืองถาวรในฮ่องกง หลังจากอาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 7 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดให้ชาวต่างชาติมีคุณสมบัติได้รับสิทธิ์พลเมืองถาวร
 
ศาลวินิจฉัยว่า คนรับใช้ไม่ควรได้สิทธิ์เฉกเช่น "พลเมืองทั่วไป" ในฮ่องกง ด้วยเหตุเพราะสัญญาจ้างผูกมัดให้พวกเขาเป็นได้เพียงลูกจ้างชั่วคราวเท่านั้น
 
ในคำพิพากษาระบุว่า สถานะความเป็นพลเมืองของอาชีพแม่บ้านต่างชาติในฮ่องกงมีข้อจำกัดสูง เนื่องจากพวกเขามีภาระผูกพันที่จะต้องเดินทางกลับประเทศหลังจากหมดสัญญา และการเข้ามาทำงานตั้งแต่เริ่มแรกไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ของการตั้งรกราก
 
การต่อสู้ในคดีนี้สร้างความแตกแยกบนเกาะฮ่องกงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มแม่บ้านจำนวน 286,000 คนซึ่งส่วนใหญ่มาจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล อินเดีย และปากีสถาน เห็นว่าตนเองควรมีสิทธิ์ในการเป็นพลเมืองถาวรเท่าเทียมกับชาวต่างชาติอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ที่ฮ่องกง
 
หลังจากศาลตัดสิน มีกลุ่มแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งตะโกนด่าทอและติดป้ายประท้วงที่หน้าศาล โดยประณามคำตัดสินในครั้งนี้ว่าเป็นการกีดกัน
 
พนักงานแบงก์ออฟไซปรัสบุกยึดสำนักงานใหญ่
 
27 มี.ค. 56 - พนักงานแบงก์ ออฟ ไซปรัส กลัวตกงานหลังแบงก์ออฟไซปรัสเตรียมผนวกกิจการกับแบงก์ไลกิ แบงก์ใหญ่อันดับ 2 ได้พากันบุกยึดสำนักงานใหญ่แบงก์เมื่อวานนี้ 
 
พนักงานธนาคารแบงก์ ออฟ ไซปรัส หลายพันคนได้นัดรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ของแบงก์ ออฟ ไซปรัส ในกรุงนิโคเซีย เมืองหลวงของไซปรัส เมื่อวานนี้ หลังจากที่แบงก์ออฟไซปรัส ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่สุดของไซปรัส ได้วางแผนที่จะควบกิจการกับธนาคารไลกิหรือธนาคารไซปรัส ป๊อบปูล่าร์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่สุดอันดับ 2 เนื่องจากเกรงว่าแผนควบกิจการดังกล่าว อาจทำให้พนักงานของแบงก์ออฟไซปรัส ถูกปลดออก
 
แผนผนวกกิจการของ 2 แบงก์ใหญ่ไซปรัส เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างธนาคาร อันเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการได้มาซึ่งเงินกู้ของรัฐบาลไซปรัสที่เพิ่งจะตกลงกันได้กับอียูเมื่อเร็วๆ นี้
 
 
ที่มาเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, ASTV ผู้จัดการออนไลน์, ประชาไท, สำนักข่าวไทย, สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, ไอเอ็นเอ็น
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน 2 จำเลยคดี 112 เอกชัย– ยุทธภูมิ

Posted: 02 Apr 2013 09:40 AM PDT

 

2 เม.ย.56  นายอานนท์ นำภา ทนายความของเอกชัย (สงวนนามสกุล) จำเลยคดีขายซีดีของสำนักข่าวเอบีซีและเอกสารวิกิลีก โพสต์แจ้งคำสั่งศาลอุทธรณ์ ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายเอกชัย โดยคำสั่งศาลระบุว่า

"พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน หากให้ปล่อยชั่วคราวไปจำเลยอาจหลบหนี กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง"

ทนายจำเลยแจ้งว่า จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อศาลฎีกาอีกครั้งภายในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้


ภาพจากเฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา


สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลสั่งจำคุกเอกชัย 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้หนึ่งในสาม เหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขายซีดี ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551  โดยภายในคำพิพากษามีการอ้างอิงรัฐธรรมนูญ มาตรา 2,8,70,77 ซึ่งรัฐและประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์สถาบัน เหตุฟ้องเกิดจากกรณีที่จำเลยขายซีดีสารคดีเกี่ยวกับการเมืองไทย ซึ่งผลิตโดยสำนักข่าว ABC ประเทศออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์ 2 ฉบับ ทั้งนี้ ในระหว่างการสู้คดีศาลชั้นต้นนั้นนายเอกชัยได้รับการประกันตัวมาโดยตลอดและไม่มีการหลบหนีแต่อย่างใด

ขณะที่อีกรายหนึ่งคือ นายยุทธภูมิ (สงวนนามสกุล)  เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งยืน ไม่ให้ประกันนายยุทธภูมิ โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรง ปล่อยไปเกรงจะหลบหนี ส่วนที่ทนายจำเลยร้องขอให้มีการไต่สวน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้เป็นนายประกัน เนื่องจากพี่ชายของยุทธภูมิได้ไปให้การที่กรรมกาสิทธิฯ และอาจเป็นประโยชน์ต่อการปล่อยตัวจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์สั่งว่าไม่จำเป็นต้องไต่สวนน.พ.นิรันดร์ เพราะหากปล่อยไปเกรงจะหลบหนี

คดีดังกล่าวจะมีการสืบพยานในวันที่ 21-23 ส.ค.56

ทั้งนี้ เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดย ไอลอว์ระบุว่า ยุทธภูมิ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง ถูกพี่ชายแท้ๆ แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ากระทำการหมิ่นสถาบัน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและได้ประกันตัวไปในชั้นสอบสวน  ต่อมาวันที่ 19 ก.ย.55 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญา ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ในชั้นนี้จำเลยไม่ได้ประกันตัว และต่อมา วันที่ 24 ก.ย.55 ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวอีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นความผิดร้ายแรง หากได้รับการปล่อยชั่วคราวจำเลยจะหลบหนีได้

ทั้งนี้ คำฟ้องระบุว่า ประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2552 จำเลยได้พูดดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ขณะที่กำลังดูโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ลซึ่งมีภาพข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่บนรถเข็นต่อบุคคลที่สาม หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน จำเลยได้ใช้ปากกาเมจิกเขียนลงบนแผ่นซีดี "หยุดก้าวล่วงพระเจ้าอยู่หัว เนวินขอทักษิณ" ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อันเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง เหยียดหยามต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจำเลยได้นำแผ่นซีดีนั้นแสดงต่อบุคคลที่สาม 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

‘คนหนองบัวแดง’ ร้องนายอำเภอฯ ร่วมแก้ไขปัญหาที่ดิน - คดีความ

Posted: 02 Apr 2013 09:38 AM PDT

ชาวบ้านผู้เดือดร้อนชัย ภูมิร้องนายอำเภอหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ร่วมประชุมกับกลุ่มชาวบ้านหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินทำดิน ให้ชาวบ้านสามารถเข้าใช้ทำประโยชน์ รวมทั้งสั่งการให้ชะลอการดำเนินคดี

 
วันที่ 1 เม.ย.56 เวลาประมาณ 14.30 น. เกษตรกรผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกิน จากบ้านโนนลาน หมู่ที่ 4 และบ้านโนนถาวร หมู่ที่ 2 ต.ถ้ำวัวแดง อ.หนองวัวแดง จ.ชัยภูมิ สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) กว่า 60 คน ขอเข้าพบนายอดิเทพ กมลเวชช์ นายอำเภอหนองบัวแดง เพื่อให้เข้ามาร่วมประชุมแก้ไขปัญหาในส่วนที่ชาวบ้านถูกดำเนินคดี รวมทั้งร่วมแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้ชาวบ้านสามารถเข้าใช้ทำประโยชน์ได้ดังเดิม
 
นางลา มะลาเหลือง เล่าว่า ได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ ทหาร ป่าไม้ เข้าไปดำเนินการจับตัวนายสมพงษ์ ส่วนเสมอ ชาวบ้านซึ่งได้เข้าไปทำประโยชน์ปลูกพริกในที่ดิน ภบท. 5 จำนวน 3 ไร่ พร้อมแจ้งข้อหา แผ้วถาง บุกรุก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ได้มีการออกหนังสือหมายเรียกชาวบ้านพร้อมแจ้งข้อหาแผ้วถาง บุกรุก เพิ่มขึ้นอีก 3 ราย รวมทั้งห้ามไม่ให้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินทำกิน
 
จากที่ก่อนหน้านี้ คดีความของนายกมล ศรีทอง ชาวบ้านที่ถูก นายชยุต วราพิริยะกุล หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.12 เข้าไปจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ข้อหาบุกรุกพื้นที่เขตป่าเตรียมการสงวนหมายเขต 10 แปลงที่ 1 ตั้งแต่เมื่อ 27 ส.ค.55
 
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.56 ศาลจังหวัดภูเขียวมีคำพิพากษาตัดสินคุกนายกมล 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ซึ่งชาวบ้านได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 3 นาย เพื่อใช้ตำแหน่ง รวมทั้งช่วยกันหาเงินจำนวน 50,000 บาท ประกันตัวออกมาเพื่อสู้ในชั้นอุทธรณ์
 
นางลา กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้อ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เตรียมการประกาศป่าสงวนแห่งชาติ โดยที่ชาวบ้านไม่เคยรู้ และทราบสาเหตุมาก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมเพิ่มเติม รวมทั้งให้ชาวบ้านสามารถเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้ต่อไป ชาวบ้านจึงเข้ามาขอพบนายอำเภอ เพื่อร่วมประชุมกับชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หาแนวทางแก้ไขปัญหาและดำเนินการในขั้นต่อไปให้ถูกต้องเป็นธรรม ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบดังกล่าวอีก
 
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านใช้เวลาในการเจรจาให้นายอำเภอหนองบัวแดงเข้าร่วมประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยให้เหตุผลว่านายอำเภอฯ ดูแลทุกข์สุขชาวบ้านจึงอยากให้มาเข้าร่วมประชุมแต่ไม่สำเร็จ จนต้องมีการกดดันว่าจะยกขบวนไปคุยกับนายอำเภอฯ ถึงห้องทำงาน นายอำเภอฯ จึงยอมออกมาร่วมการประชุม
 
สรุปผลการประชุม นายอดิเทพ นายอำเภอหนองบัวแดง กล่าวว่า กรณีชาวบ้าน 3 ราย มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง สำหรับการเข้าไปเก็บเกี่ยวผลิต ให้ชาวบ้านสามารถเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ได้ต่อไป แต่ทั้งนี้ห้ามมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติม หากมีการกระทำดังกล่าวจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
 
นอกจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ เพื่อจำแนกให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่พิพาท โดยจะมีองค์ประกอบเป็นชาวบ้านผู้เดือดร้อนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินงานร่วมกัน ขั้นตอนจากนั้นจะร่วมทำการประชาคม และนำเสนอทางจังหวัด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่อไป
 
 
   
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

อภิสิทธิ์ย้ำไม่รับร่างแก้ไข รธน. ทั้ง 3 ร่าง - หวั่นสอดคล้องกับแนวคิดรุกคืบยึดอำนาจ

Posted: 02 Apr 2013 04:57 AM PDT

ด้านวุฒิสมาชิก "สมชาย แสวงการ" เล็งยื่นศาลคุ้มครองชั่วคราว ให้สภาระงับแก้ไข รธน. เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะพิจารณาเสร็จสิ้น

ในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ช่วงบ่าย วันนี้ (2 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์ชี้แจงระหว่างการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ หลังถูกพาดพิงจากผู้อภิปรายหลายครั้ง โดยยืนยันว่า ไม่ได้ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในสมัยเป็นรัฐบาล ก็เคยแก้ไขหลายมาตรา แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องทำให้มีความมั่นใจ และนำไปสู่หลัก 3 ป. คือ เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ที่ดีขึ้น  เพื่อการปฏิรูปประเทศ และเพื่อความปรองดอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่รัฐสภากำลังพิจารณา ไม่เข้าหลักการดังกล่าว เพราะบางฉบับตัดสิทธิ์ประชาชน รวบอำนาจมากขึ้น เช่น มาตรา 190 ที่ทำให้ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ โดยเฉพาะการทำหนังสือสนธิสัญญาที่เป็นผลประโยชน์กับต่างประเทศ อีกทั้ง การแก้ไขมาตรา 68 เป็นแนวทางจะแก้ไขทั้งฉบับ เพราะตัดสิทธิประชาชนที่จะร้องศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่มาของ ส.ว.การเลือกตั้ง ไม่ใช่คำตอบ แต่ทำอย่างไรให้ที่มามีความโปรงใส การอ้างว่ายึดตามรัฐธรรมนูญปี 40 แต่ในการเสนอแก้ไขกลับไม่ยึดตาม การไม่เขียนให้ครบถ้วนว่าจะแก้ไขอย่างไร อาจมองได้ว่าเป็นการรวบอำนาจ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเลือกตั้ง ส.ว. แบบจังหวัดละคน เป็นกลไกที่ช่วยไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มาลงสมัครเป็นกลุ่มเป็นก้อน หากการเลือกตั้ง ส.ว. เป็นกลุ่มก้อนแล้วจะทำให้ประชาชนเลือกเป็นกลุ่มเป็นก้อน ในขณะที่เมื่อจะแก้รัฐธรรมนูญเมื่อยืนยันอยากจะได้แบบปี 2540 ทำไมไม่ระบุมา กลับไปเขียนในร่างว่าจะไปกำหนดหลักเกณฑ์เลือก ส.ว. ต่อ ซึ่งเกรงว่าสุดท้ายจะทำให้วุฒิสภาต้องไปอิงกับฐานหรือได้รับอิทธิพลจากพรรคการเมืองมากขึ้น

นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่วุฒิสภา เป็นการใช้ความรู้ความสามารถในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิทางการเมือง ไม่ต้องการให้พะวงกับคะแนนเลือกตั้งครั้งต่อไป เลยบัญญัติว่าสมาชิกวุฒิสภาเป็นได้วาระเดียวแล้วต้องเว้น ส่วน ส.ว.สรรหา เป็นได้แค่ 3 ปี และ ส.ว. ไม่อนุญาตให้ดำรงตำแหน่งต่อ ต้องเว้นวาระ และอนุญาตให้กลับมาอีกได้วาระเดียว แต่การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะไม่เอาทั้งแบบรัฐธรรมนูญ 2540 และไม่เอา 2550 ผลจะทำให้วุฒิสภาจำลองรูปแบบสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่เวลาลงเลือกตั้งไม่เปิดเผยว่าสังกัดพรรคไหน นี่ไม่ใช่การปฏิรูป ผมไม่อยากใช้คำว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ขอใช้คำว่าสอดคล้องกับแนวคิดรุกคืบ ยึดอำนาจ

โดยนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า ไม่รับร่างทั้ง 3 ร่าง เพราะเป็นการตัดสิทธิประชาชน  และเป็นการรุกคืบเพื่อยึดอำนาจประชาชน

ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่ขอสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ เพราะถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำ และยังกังวลว่า การแก้ไขมาตรา 190 จะเป็นการเปิดช่องให้มีการเจรจาธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีวาระซ่อนเร้น และไม่สามารถตรวจสอบได้ และว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา  ได้ไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกเลิกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 237 พร้อมขอให้ยุบพรรคการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว คือ พรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถือได้ประโยชน์จากมาตรา 237 ด้วย และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้รัฐสภาระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะพิจารณาเสร็จสิ้น

 

เรียบเรียงบางส่วนจาก: วิทยุรัฐสภา และสำนักข่าวไทย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องเนสท์เล่เก็บคืนคิทแคท หลังพบมีพลาสติกผสม

Posted: 02 Apr 2013 04:25 AM PDT

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องบริษัทเนสท์เล่เก็บคืนขนมเวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลตยี่ห้อคิทแคตออกจากชั้นวาง หลังพบว่ามีพลาสติกผสมในเนื้อช็อคโกแลต เรียกร้องให้ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่ทำในประเทศอื่นๆ

วันนี้ (2 เม.ย.56)  เวลา 14.00 น.  ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค และโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคความปลอดภัยด้านอาหารภาคประชาชนแถลงข่าวร้องขอความรับผิดชอบจากเนสท์เล่ให้มีการเรียกคืน คิทแคท ชั้งกี้ ออกจากชั้นวาง เช่นเดียวกับที่ทำในหลายประเทศที่เป็นข่าวไปแล้ว พร้อมชี้แจงแก่สาธารณะให้ทราบถึงสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไขของบริษัท

 

 

 

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ได้รับเรื่องจากการประชุมผู้บริโภคของเครือข่ายผู้บริโภคภาคเหนือเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบ คิทแคท ชั้งกี้ ที่ซื้อจากห้างเทสโก้ โลตัส สาขาสิงห์บุรี มีพลาสติกผสมอยู่ในเนื้อช็อกโกแลตเคลือบขนมเช่นเดียวกับที่เป็นข่าวในต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมิได้จำกัดอยู่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง หากแต่อาจจะมีความเสี่ยงแบบเดียวกันกระจายอยู่ในทุกที่ที่มีการจำหน่ายสินค้าชนิดนี้ 

หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคกล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางผู้ผลิตควรต้องแสดงความรับผิดชอบและใช้มาตรฐานเดียวในการดำเนินการ มากกว่าแค่รอให้เกิดเรื่องแบบเดียวกันขึ้นในประเทศอื่นแล้วค่อยแก้ไขปัญหาด้วยการคืนเงินค่าสินค้า การเรียกคืนสินค้าที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมดควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนจะมีข้อมูลว่าพบสินค้าที่มีปัญหาแบบเดียวกันแล้ว"

"จากข่าวยังมีข้อมูลอีกว่ามีการเรียกคืนสินค้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งคิทแคททั้งหมดที่จำหน่ายในบ้านเรา นำเข้ามาจากมาเลย์ทั้งหมด ดังนั้น เมื่อมีการเรียกคืนสินค้าในประเทศที่เป็นแหล่งผลิต การเรียกคืนสินค้าในประเทศที่เป็นแหล่งจำหน่ายเป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่งที่ต้องกระทำ นอกจากนี้ผู้ประกอบการสมควรจะต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบถึงที่ไปที่มาของปัญหาอย่าง เป็นทางการพร้อมสิ่งที่บริษัทจะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วยสำหรับผู้บริโภคที่พบปัญหานี้สามารถแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีได้" นายอิฐบูรณ์กล่าว 

นายพชร แกล้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคความปลอดภัยด้านอาหารภาคประชาชน กล่าวว่า การเรียกคืน (Recall) คำนี้ตามกฎหมายไทยไม่ได้ให้นิยามไว้ แต่เมื่อพิจารณานิยามการเรียกคืนผลิตภัณฑ์สุขภาพของสำนักงานอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ให้นิยามการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ว่าเป็นกระบวนการที่นำผลิตภัณฑ์ออกจากตลาด ซึ่งอาจริเริ่มดำเนินการจากผู้ประกอบการ หรือตามที่สำนักงานอาหารและยาร้องขอ หรือโดยคำสั่งของสำนักงานอาหารและยาซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย ส่วน The General Product Safety Regulations 2005 ของอังกฤษให้นิยามการเรียกคืนว่าเป็นมาตรการใดที่มีจุดมุ่งหมายนำผลิตภัณฑ์ซึ่งขายหรือทำให้แก่ผู้บริโภคแล้วนำกลับคืนมา

นายพชร กล่าวต่อว่า โดยสรุปการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ คือ  มาตรการใดที่เกี่ยวข้องกับการนำผลิตภัณฑ์ออกจากตลาด โดยผู้ประกอบการอาจใช้ความสมัครใจริเริ่มดำเนินการด้วยตนเอง หรือเริ่มจากหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลร้องขอ หรือโดยคำสั่งจากหน่วยงานของรัฐซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งการเรียกคืนนี้อาจเป็นการเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่หรือนำผลิตภัณฑ์เดิมไปซ่อมแซม หรือนำผลิตภัณฑ์ที่มีความชำรุดบกพร่องหรือไม่ปลอดภัยออกไป โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการทำลายผลิตภัณฑ์ที่มีการเรียกคืนเสมอไป หากสามารถเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ได้เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมาย ข้อกำหนดด้านสุขภาพและความปลอดภัย

"การเรียกคืนสินค้ากลุ่มอาหารผ่านการใช้อำนาจรัฐในประเทศไทยเท่าที่ทราบยังไม่ปรากฏ เนื่องจาก ตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 มิได้มีการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีอำนาจในการสั่งเรียกเก็บคืนสินค้าออกจากชั้นวางหากพบว่าเป็นอาหารที่มีปัญหา  โดยกำหนดอำนาจไว้แค่ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการยึดหรืออายัดอาหารหรือภาชนะ บรรจุที่เก็บมาโดยพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อได้ทำการตรวจพิสูจน์เป็นที่แน่นอนว่า เป็นอาหารไม่บริสุทธิ์, อาหารปลอม, อาหารผิดมาตรฐาน, หรือเป็นภาชนะบรรจุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรืออนามัยของประชาชน หรือมีลักษณะไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐาน ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 6 (6) และได้กำหนดให้ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยามอบ หมายโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหารอาจสั่งทำลาย หรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควรได้ ตามมาตรา 44" นายพชรกล่าว

นายพชร ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย ทำให้การเรียกคืนสินค้าได้ถูกระบุไว้ ใน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556 ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2556 โดย ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ในสาระสำคัญเกี่ยวกับการเรียกคืนและทำลายสินค้าโดยมีการกำหนดให้ผู้ประกอบ ธุรกิจจัดเก็บสินค้าที่ยังไม่ได้จำหน่ายแก่ผู้บริโภคกลับคืน หรือเรียกคืนสินค้าจากผู้บริโภค (มาตรา 36 วรรคสอง(1)) ให้ผู้ประกอบธุรกิจทำลายสินค้านั้น (มาตรา 36 วรรคสอง (5)) ให้ผู้ประกอบธุรกิจปิดประกาศ แจ้ง หรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับอันตรายของสินค้านั้นให้ผู้บริโภคทราบ หรือการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง (มาตรา 36 วรรคสอง (6)) พร้อมให้ผู้ประกอบธุรกิจรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามวรรคสอง (มาตรา 36 วรรคสาม) ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการตามมาตรา 36 วรรคสอง มาตรา 36 วรรค สาม ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้หากมีมาตรการใดเกี่ยวกับสินค้าตามมาตรานี้ก็ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเช่นเดียวกัน"

"จะเห็นว่ายังมีโอกาสที่จะมีการปรับแก้ พ.ร.บ.อาหารให้มีการให้อำนาจแก่ อย. เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ สคบ. เพื่อให้เกิดการแก้ไขเชิงระบบ อันนำมาซึ่งการหลีกเลี่ยงปัญหาที่คล้ายกันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์อื่นในภายหลังได้ จึงขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคดำเนินการสั่งให้บริษัทเนสท์เล่ เรียกคืนผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยเช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ แล้วทั้ง 9 ประเทศตามที่เป็นข่าว และจะทำหนังสือถึง อย.ให้ข้อเสนอแนะในการเพิ่มเติมให้มีการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ระบุไว้ใน พ.ร.บ.อาหาร ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและอยู่ในกระบวนการพิจารณาโดยกฤษฎีกาด้วย" นายพชรกล่าว

 

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เผยภาพถ่ายดาวเทียมชุมชนมุสลิมถูกเผาหลังจลาจลในพม่า

Posted: 02 Apr 2013 03:00 AM PDT

ฮิวแมนไรท์วอช เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในเมืองเมกติลา ภาคมัณฑะเลย์ ทางตอนกลางของพม่า พบบ้านเรือนชาวมุสลิมถูกเผาราว 828 หลัง ในขณะที่กลางดึกคืนวานนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้มัสยิดในนครย่างกุ้ง เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

ภาพเผยแพร่จากฮิวแมนไรท์วอช แสดงภาพถ่ายจากดาวเทียม เผยให้เห็นความเสียหายของชุมชนมุสลิมในเมืองเมกติลา ภาคมัณฑะเลย์ของพม่า ก่อนและหลังจลาจล โดยภาพล่าสุดถ่ายวันที่ 27 มี.ค. 56 ส่วนภาคก่อนหน้านี้เป็นภาพวันที่ 13 ธ.ค. 55 (ที่มา: Human Rights Watch)

 

วานนี้ (1 เม.ย.56) เว็บไซต์ฮิวแมนไรท์วอช เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในเมืองเมกติลา ภาคมัณฑะเลย์ ทางตอนกลางของพม่า พบบ้านเรือนชาวมุสลิมถูกเผาราว 828 หลัง ในขณะที่กลางดึกของวันนี้ (2 เม.ย.) เกิดเหตุเพลิงไหม้มัสยิดในนครย่างกุ้ง มีผู้เสียชีวิต 13 ราย เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

ฮิวแมนไรท์วอช เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งระบุว่าเป็นภาพถ่ายของเมืองเมกติลาในวันที่ 27 มี.ค.หรือหลังเกิดเหตุรุนแรงระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิม 5 วัน โดยวิเคราะห์ว่า มีที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมถูกเผาใน 3 พื้นที่ คิดเป็นบริเวณกว่า 24 เฮกเตอร์ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหมดราว 828 หลัง และมีอาคารอีก 35 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งภาพถ่ายดังกล่าวคล้ายเหตุการณ์เผาทำลายบ้านเรือนของชาวโรฮิงยาในรัฐอาระกัน อันเนื่องจากความขัดแย้งของชาวพุทธและมุสลิมที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

ในขณะที่เวลา 03.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้มัสยิดในเมืองย่างกุ้ง โดยมัสยิดดังกล่าวเปิดเป็นโรงเรียนสอนศาสนา ก่อนเกิดเหตุมีครูและนักเรียนนอนหลับอยู่ภายในราว 70 คน ซึ่งส่วนใหญ่สามารถหลบหนีเพลิงไหม้ออกมาได้ทัน มีเด็กนักเรียนเสียชีวิตจากเพลิงไหม้ครั้งนี้ 13 ราย สูญหาย 4 ราย สำหรับสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

อนึ่ง ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในเมืองเมกติลา เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุจากการทะเลาะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าของร้านขายทองชาวมุสลิมกับลูกค้าชาวพุทธ และลุกลามกลายเป็นความรุนแรงขนาดใหญ่ ก่อนจะแพร่กระจายเป็นเหตุการณ์จลาจลในอีก 15 เมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 43 คน บาดเจ็บราว 61 คน จนทำให้รัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิวส์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไทย-บังกลาเทศขยายสัญญาขายข้าวระหว่างรัฐบาลจนถึงปี 2559

Posted: 02 Apr 2013 02:06 AM PDT

กระทรวงพาณิชย์ระบุขยายสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับบังกลาเทศจากเดิมสิ้นสุดสัญญาปี 2556 เป็นสิ้นสุดปี 2559 ระบุบังกลาเทศเฉลี่ยนำเข้าข้าวจากไทยปีละ 1.78 แสนตัน ขณะเดียวกันไทยเตรียมลงนาม MoU จ้างแรงงานบังกลาเทศทำประมง 50,000 ตำแหน่ง

(ที่มาของภาพ สำนักข่าวไทย/แฟ้มภาพ)

ไทย-บังกลาเทศขยายสัญญาขายข้าวระหว่างรัฐบาลอีก 3 ปี จนถึงปี 2559

สำนักข่าวไทย รายงานว่ารัฐบาลไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาลบังกลาเทศได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ โดยเป็นการขยายระยะเวลาเวลา MOU จากฉบับเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2556 เป็นขยายระยะเวลาออกไปอีก 3 ปี เป็นปี 2555-2559

โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า กรอบข้อตกลงเดิมแบบกว้าง ๆ รัฐบาลไทยและรัฐบาลบังกลาเทศตกลงที่จะซื้อขายข้าวนึ่งปริมาณไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี โดยมีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตข้าวของแต่ละประเทศ และระดับราคาซื้อขายตามตลาดโลก โดยจะมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานดำเนินการ ในขณะที่รัฐบาลบังกลาเทศจะมอบหมายให้หน่วยงานอาหารภายใต้กระทรวงอาหารเป็นหน่วยงานดำเนินการ

สำนักข่าวไทย ระบุว่า ทั้งนี้ ในปี 2554 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวนึ่งแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐบาลบังกลาเทศ ปริมาณ 200,000 ตัน แต่ในปี 2555 บังกลาเทศยังไม่ได้มีการนำเข้าข้าวจากไทย เพราะไม่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ แต่ในปีนี้อยู่ระหว่างสำรวจปัญหาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งหากภายในช่วงเดือนเมษายนนี้ประสบภัยธรรมชาติอีกจะต้องมีการนำเข้าข้าว และมีแนวโน้มว่าบังกลาเทศอาจนำเข้าข้าวจากไทย และต้องการให้ไทยเป็นแหล่งนำเข้าข้าวเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารในระยะยาว โดยบังกลาเทศมีประชากรมากกว่า 160 ล้านคน ซึ่งในแต่ละปีมีความต้องการบริโภคในประเทศปริมาณ 35 ล้านตัน โดยในแต่ละปีบังกลาเทศนำเข้าข้าวจากไทยเฉลี่ยปีละประมาณ 178,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวนึ่ง ข้าวขาว 100% และข้าวหอมมะลิไทย

สำนักข่าวไทย รายงานโดยอ้างคำยืนยันของนายบุญทรงที่ว่ากระทรวงพาณิชย์ยังสามารถคืนเงินให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามแผน โดยล่าสุดกรมการค้าต่างประเทศรายงานผลการคืนเงินไปแล้ว 110,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการระบายข้าวในปีนี้จะเป็นไปได้ตามแผน และสามารถส่งเงินคืนได้ตามเป้าหมาย

 

เตรียมลงนาม MoU นำแรงงานบังกลาเทศทำงานภาคประมง

ขณะเดียวกัน Daily Sun รายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า บังกลาเทศจะลงนามในข้อตกลงบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับไทยในการส่งแรงงานชาวบังกลาเทศ 50,000 คนมาทำงานในภาคประมงของไทยด้วย ทั้งนี้จากคำกล่าวในรัฐสภาของรัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการของผู้ย้ายถิ่นไปต่างประเทศ และแรงงานต่างประเทศของบังกลาเทศ คันดาเกอร์ โมชาราฟ ฮุซเซน โดยขณะนี้สถานทูตบังกลาเทศในกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในระหว่างร่าง MoU ในขั้นตอนสุดท้าย

โดยค่าใช้จ่ายสำหรับแรงงานบังกลาเทศทั้งหมดจะอยู่ที่ 40,000 ตากา หรือราว 24,800 บาท ซึ่งรวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าตรวจสุขภาพ ค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าธรรมเนียม และภาษีรายได้ รวมทั้งค่าฝึกอบรม

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

โสภณ พรโชคชัย: 15 ข้อสังเกต อย่าเพิ่งเชื่อผังเมืองกรุงเทพมหานคร

Posted: 01 Apr 2013 11:48 PM PDT

ตามที่มีข่าวว่า ร่างผังเมือง กทม.ใหม่ บูม 5 ทำเล ตัดถนน 140 สายนั้น มีสิ่งที่พึงสังวร เพราะทำเลเสนอที่ว่าอาจไม่เป็นจริง ถนนที่ว่าจะตัดตั้งมากมายนั้น มีแค่ในแผนเฉย ๆ หรือไม่ เพราะยังไม่มีงบประมาณในการก่อสร้าง เป็นต้น

ชาวกรุงเทพมหานครต้องสังวรเกี่ยวกับผังเมืองดังนี้:

1. ที่ว่าจะสามารถสร้างศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ใหม่นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะในพื้นที่ พ.1 จะสร้างอาคารพาณิชยกรรมเกิน 9,999 ตารางเมตร ต้องมีถนนกว้างถึง 16เมตรตลอดสาย ส่วนในเขต พ.2 อาคารพาณิชยกรรมเกิน 10,000 ตารางเมตร ต้องอยู่บนถนนกว้างถึง 30 เมตร ซึ่งเข้มงวดขึ้นจากผังเมืองปัจจุบันที่ให้สร้างได้บนถนนกว้างเพียง 10เมตรเท่านั้น

2. ที่ว่าจะสร้างกรุงเทพมหานครเป็นเมืองสีเขียว (Green City) ไม่มีความชัดเจนเช่นในสิงคโปร์ ที่กำหนดให้สร้างอาคารสูง ๆ แต่เว้นพื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่สีเขียว แต่กรณีกรุงเทพมหานคร มีการจำกัดความสูงมากมายหลายกรณี ทำให้อาคารสร้างสูงไม่ได้ ต้องสร้างในแนวราบ และแม้ในเขตรอบนอกจะให้สร้างได้น้อยเป็นพื้นที่สีเขียวมาก ๆ แต่ก็เป็นเพียงการโยนปัญหาไปสู่เมืองปริมณฑล คือในเขตปริมณฑสสร้างทาวน์เฮาส์หรือห้องชุด แต่สร้างไม่ได้ในเขตกรุงเทพมหานคร ทำให้เมืองขยายตัวอย่างไร้ทิศผิดทาง ทำให้กรุงเทพมหานครดูเขียว แต่ไปสร้างปัญหาให้จังหวัดในปริมณฑลแทน

3. การรับมือเรื่องน้ำท่วม ตามร่างผังเมืองใหม่ก็ไม่ได้กำหนดให้มีแผนการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมหรือมีประสิทธิภาพ หากจะมีประสิทธิภาพต้องมีการจัดทำถนนและเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีระบบการสูบน้ำออกจากเมือง มีระบบเปิดปิดน้ำ กันน้ำทะเลหนุน มีระบบคลองระบายน้ำใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้มีในผังเมืองอย่างเป็นรูปธรรม

4. การกำหนดให้บริเวณไหนสร้างบ้านได้ บริเวณไหนสร้างไม่ได้เพราะจะให้น้ำผ่านบริเวณนั้น เป็นการสร้างความไม่เท่าเทียม สร้างความลักลั่นให้กับเจ้าของที่ดินในเขตกรุงเทพมหานคร ในความเป็นจริง บริเวณที่คาดว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมเพราะมีระบบป้องกันที่ดี ก็นับเป็นความโชคดีของประชาชนเจ้าของที่ดิน ส่วนบริเวณที่จะยอมให้น้ำท่วมหรือน้ำหลากผ่าน ควรจ่ายค่าชดเชย ไม่ใช่ถือเอาที่ดินของชาวบ้านไปตามอำเภอใจ

5. การที่ กทม. ร่างผังเมืองนี้ออกมาแล้วบอกว่าได้เพิ่มการควบคุมกิจกรรมที่ขัดต่อสุขลักษณะ 5 กิจกรรม เช่น สนามแข่งรถ สนามแข่งม้า สนามยิงปืน นั้น ในความเป็นจริงไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะการจะขออนุญาตสร้างสนามแข่งม้าหรืออื่นใดใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครนั้นคงไม่มีอยู่แล้ว

6. ผังเมืองรวมซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดการใช้ที่ดินแบบ "รวมๆ" กลับไปลงรายละเอียดและแตกต่างไปจากข้อกฎหมายการควบคุมอาคารเสียอีก เช่น กฎหมายความคุมอาคาร กำหนดให้มี อาคารขนาดใหญ่ อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ แต่ในร่างผังเมืองใหม่กลับซอยจำแนกให้พิสดารขึ้นอีก ได้แก่ ไม่เกิน 1,000-2,000-10,000 ตารางเมตร และเกินกว่า 10,000 ตารางเมตร เป็นต้น

7. การกำหนดระยะถอยร่นต่าง ๆ เช่น ถนนขนาดไม่น้อยกว่า 12 เมตร มีระยะถอยร่น 200 เมตร ถนน 16 เมตร ระยะถอยร่น 300 เมตร และถนน 30 เมตร ระยะถอยร่น 300 เมตร ถือเป็นการรอนสิทธิของประชาชนอย่างชัดเจน ประชาชนเป็นเจ้าของที่ดินแท้ ๆ กลับถูกรอนสิทธิ์การก่อสร้าง  หากจะรอนสิทธิ์ใด ๆ ตามหลักการแล้วควรจ่ายค่าทดแทน ไม่ใช่ถือเอาตามอำนาจของทางราชการ เป็นการสร้างความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเจ้าของที่ดินที่เคยสร้างได้กับที่ยังไม่ได้ก่อสร้างอาคาร

8. มีข้อกำหนดหยุมหยิมเกินกว่าความเป็น "ผังเมืองรวม" โดยน่าจะเป็น "ผังเมืองเฉพาะ" เฉพาะบริเวณมากกว่าเช่น มีการกำหนดให้ "เพิ่มข้อกำหนดให้มีพื้นที่น้ำซึมผ่านได้เพื่อปลูกต้นไม้ 50% ของอัตราส่วนพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม (0SR)" เป็นต้น

9. การแจก "แจกโบนัส 20%" คือให้สร้างเพิ่มเติมกว่ากฎหมายปกติกำหนด ในรัศมี 500 เมตรรอบสถานีรถไฟฟ้าหรือบริเวณอื่นนั้น ใช้ได้เฉพาะสถานีรถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้ว ไม่ใช่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีผลอะไรมากนัก  และแม้ในด้านหนึ่งมีการแจกโบนัสให้ดูว่าผังเมืองนี้ดี แต่ในอีกแง่หนึ่งการก่อสร้างก็มีความหยุมหยิมเข้มงวดขึ้น ซึ่งเป็นด้านที่ทางราชการไม่ได้เปิดเผยให้ชัดเจน เพียงมองด้านเดียว เช่น

10. บริเวณศูนย์เมืองย่อย (Subcentre) นั้น ก็เป็นแค่ "ความฝัน" เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่รถไฟฟ้าเส้นต่าง ๆ จะเป็นจริง เพราะถ้ารถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ สิทธิต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้ทั้งสิ้น เช่น ย่านมีนบุรีใกล้ตลาดมีนบุรี แนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สีส้มมาบรรจบกัน ย่านพระรามที่ 2 ใกล้กับถนนวงแหวนรอบนอก ย่านร่มเกล้าในแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู และย่านถนนรามอินทราใกล้จุดตัดถนนรัชดา-รามอินทรา แนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู  รถไฟฟ้าหลายสายยังไม่มี "วี่แวว" ว่าจะเกิดในเวลาอันสั้น

11. ที่จะส่งเสริมให้สร้างคอมมิวนิตี้มอลล์นั้นในย่านจุดตัดต่าง ๆ ในความเป็นจริงในทางการตลาดอาจจะสร้างไม่ได้ เพราะมีจำนวนเพียงพอแล้ว การวางผังเมืองในเชิงศูนย์เมืองย่อยจริง ๆ จึงไม่เกิด แต่เป็นการเขียนสีวาดผังเอาามสิ่งที่มีอยู่แล้วมากกว่าจะเป็นการสร้างศูนย์เมืองย่อยจริง  ศูนย์เมืองย่อยที่แท้ ต้องเป็นศูนย์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ เป็นเมืองชี้นำ เมืองบริวารที่แบ่งเบาภาระของเมือง ไม่ใช่ไป "ตู่" เอาตามการพัฒนาที่มีอยู่โดยภาคเอกชนนำไว้อยู่แล้ว

12. ที่ว่าจะสร้างถนน 140 สายนั้น ล้วนเป็นเส้นที่วาดหรือวางแผนไว้เป็นหลัก หลายเส้นก็วาดไว้ตั้งแต่ผังเมืองฉบับปัจจุบันที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ.2549 แต่ยังไม่ได้ทำ บางเส้นที่ยังไม่ได้ทำก็มาวาดใหม่ เหมือนเดิมบ้าง เปลี่ยนไปบ้าง บางบริเวณที่ควรมีถนนก็ไม่ได้ทำ บางบริเวณที่ไม่จำเป็นต้องตัดถนนก็วาดไว้อย่างนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ งบประมาณในการก่อสร้างตามที่วาดไว้ ไม่มี หรือต้องไปขอสภา กทม. เป็นครั้ง ๆ ไป ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอน เป็นการวาดหวังไว้เป็นหลัก

13. ในพื้นที่ ย.3 ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ อยู่อาศัยหลักหลายร้อยตารางกิโลเมตรของกรุงเทพมหานคร มีอะพาร์ตเมนต์ขนาดตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตรเกิดขึ้นมากมายตามซอยต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่ต่อไปตามผังเมือง กลับไม่สามารถสร้างได้ เพราะร่างผังเมืองใหม่กำหนดไว้ให้สร้างได้หากมีถนนผ่านหน้าที่ดินที่มีความกว้างถึง 30 เมตร แต่ในความเป็นจริง กทม. ก็ทราบดีว่าไม่มีซอยใดที่จะมีความกว้างเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการไม่ให้คนที่มีรายได้น้อยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ต้องระเห็จไปอยู่ปทุมธานี นนทบุรี สมุทปราการ และนครปฐมใช่หรือไม่

14. ในพื้นที่ ย.2 ซึ่งเป็นเขตชานเมือง กทม. กำหนดว่าห้ามสร้างทาวน์เฮาส์ แต่บริเวณเหล่านี้ทาวน์เฮาส์สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้น้อยอยู่มากมาย เช่น บริเวณซาฟารีเวิร์ล เป็นต้น มีนับสิบ ๆ โครงการ แต่ตามร่างผังเมืองใหม่ ไม่สามารถสร้างได้ กทม.อนุมัติให้สร้างเฉพาะบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ใครจะอยู่ทาวน์เฮาส์ ต้องระเห็จออกไปอยู่นอกเมืองอีกเช่นกัน

15. กทม. มักจะ "ขู่" ว่าหากไม่มีผังเมืองใช้ จะเกิดสูญญากาศ ทำให้ไม่มีขื่อแปการกำหนดการใช้ที่ดิน แต่ถ้าผังเมืองยังร่างกันแบบนี้ สร้างปัญหามากกว่าจะวางแผนแก้ปัญหาการใช้ที่ดินของกรุงเทพมหานคร  กทม. ก็ควรประกาศใช้ผังเมืองฉบับเดิมไปก่อน  อย่าปล่อยให้ผังเมืองฉบับที่คิดไม่รอบนี้ออกมาสร้างปัญหาให้ซับซ้อนเข้าไปอีก

ด้วยการที่ผังเมืองของ กทม. เป็นการแก้ปัญหาเมืองแบบเอาปัญหาซุกไว้ใต้พรมหรือไม่ เพราะแทนที่จะจัดระเบียบการใช้ที่ดินที่ดี กลับปัดปัญหาออกไปนอกเมือง สร้างปัญหาให้กับจังหวัดปริมณฑล นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชากรของกรุงเทพมหานครลดลงในระยะหลายปีที่ผ่านมา เพราะคนกรุงเทพมหานครไม่สามารถอยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครได้ เพราะความพยายามทำเมืองให้หลวม  กทม. ควรคิดใหม่ ทำเมืองให้หนาแน่น (High Density) แต่ไม่แออัด (Overcrowded) แต่ปัจจุบัน กทม.กลับทำในทางตรงกันข้าม

 

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

จัดเสวนาต่อต้านหมออรรถสิทธิ์ทำงานรองเลขาธิการ สปสช. วันแรก

Posted: 01 Apr 2013 11:35 PM PDT

เจ้าหน้าที่และพนักงานสปสช.ในนามชมรมรักษ์ สปสช. จัดเสวนาปต่อต้านการรับหมออรรถสิทธิ์เข้าทำงานรองเลขาธิการวันแรก ข้องใจมีทหารคนสนิทติดตาม 2 คน

เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ  บริเวณโถงกลาง มีการจัดกิจกรรมเลือกตั้งชมรมรักษ์ สปสช. ภายใต้ชื่องาน "ร่วมปกป้องธรรมภิบาล ต่อต้านการแทรกแซง" มีการบรรยายพิเศษโดย นพ.พิเชฏฐ ลีละพันธ์เมธา ผอ.สปสช.เขต 7 ขอนแก่น เรื่อง ธรรมาภิบาลและสถานการณ์สปสช.ในปัจจุบัน" โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า สปสช.เป็นองค์กรที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นด้านหลัก คือ การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้คนไทยทุกคนได้รับอย่างเสมอภาคกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบสาธารณสุขของไทย การทำงานที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ความทุ่มเท และรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เจตนารมณ์ของสปสช.คือการเลือกข้างประชาชน ดังนั้นถ้าจะมีสิ่งใดหรืออะไรมาแทรกแซงและจะส่งผลทำให้เจตนารมณ์นี้เปลี่ยนไป ส่งผลทำให้ระบบหลักประกันสุขาพถ้วนหน้ามีปัญหา เจ้าหน้าที่สปสช.ก็จะช่วยกันปกป้อง และพัฒนาไปสู่องค์กรที่มีสมรรถนะต่อ

นพ.พิเชฏฐ กล่าวว่า "การแสดงออกของชาวสปสช.ในครั้งนี้ มิได้มีเจตนาเพื่อต่อต้านใครเเป็นเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการแสดงออกตามสิทธิที่พึงทำได้  เพื่อให้ทราบถึงเจตนารมณ์ในการพิทักษ์ปกป้องหลักธรรมมาภิบาล และยึดมั่นในอุดมการณ์ของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า..ไม่ว่าสปสช.จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ตาม"

แหล่งข่าวใน สปสช. ระบุว่า นพ.อรรถสิทธิ กาญจนสินิทธ์ รองเลขาธิการ สปสช. ซึ่งเข้ามาทำงานวันแรกได้มารับฟังเสวนาด้วย นอกจากนี้มีทหารคนสนิทติดตามมานั่งหน้าห้องด้วย 2 คนเป็นทหารจากกองทัพบก และทหารอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่สปสช.วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ตำแหน่งรองเลขาธิการ สปสช. มีผู้ติดตามเป็นทหารถึง 2 คน ที่ผ่านมาไม่มีวัฒนธรรมว่าต้องมีทส.ติดตามถึง 2 คน  อย่างไรก็ตามพนักงานและเจ้าหน้าที่ได้แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีดำพร้อมระบุข้อความด้านหน้าว่า "ปกป้องธรรมาภิบาล" จากชมรมรักษ์ สปสช.ด้วย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

อวัตถุศึกษากับอธิป: ไพเรตเบย์ ขึ้นอันดับ 1 เว็บแชร์ไฟล์ยอดนิยมของโลก

Posted: 01 Apr 2013 10:59 PM PDT

ประมวลข่าวลิขสิทธิ์กับอธิป จิตตฤกษ์: ศาลอุทธรณ์เยอรมันตัดสินว่า ISP ไม่มีภาระเก็บข้อมูลผู้ใช้ - ร่าง กม.อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ของสภาคองเกรสเลวร้ายกว่าเดิม – เกาหลีใต้พิจารณาปรับกฎหมายลิขสิทธิ์ให้อ่อนลง – กอง บก. Journal of Library Administration ออกยกแผง เพราะเงื่อนไขด้านลิขสิทธิ์ของ สนพ. Taylor & Francis ไม่เป็นธรรม

Immaterial Property Research Center ตั้งขึ้นในวันที่ 18 มกราคม หรือ "วันเสรีภาพอินเทอร์เน็ต" เพื่อเป็นศูนย์ข่าว ศูนย์ข้อมูล และศูนย์วิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุ (หรือที่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่าทรัพย์สินทางปัญญา) ต่างๆ อย่างสัมพันธ์กับระบบกฎหมาย ระบบเศรษฐกิจ และระบบการเมืองในโลก ทางศูนย์ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานของศูนย์ฯ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุที่เอื้อให้เกิดเสรีภาพในเชิงบวกไปจนถึงความเท่าเทียมกันของผู้คนในโลก

 

27-03-13

ศาลอุทธรณ์เยอรมันตัดสินว่า ISP ไม่ได้มีภาระหน้าที่ในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้

หลังจากกลุ่มต่อต้านลิขสิทธิ์เยอรมันและผู้ผลิตหนังโป๊เยอรมันฟ้อง Vodafone ที่เป็น ISP ซึ่งบอกว่าตนไม่เคยเก็บข้อมูลผู้ใช้ใว้เลยและชนะในศาลชั้นต้น พอคดีมาถึงศาลอุทธรณ์ก็ปรากฏว่าศาลพลิกคำตัดสินศาลชั้นต้นและตัดสินว่า ISP ไม่ได้มีภาระหน้าที่ในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้

ทั้งนี้ การร้องขอข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จาก ISP เป็นกระบวนการสำคัญของการฟ้องร้องเจ้าของ IP Address ที่ใช้ในการ "โหลดบิต" หรือ ดาวน์โหลด/อัปโหลดไฟล์อันมีลิขสิทธิ์ผ่านโปรแกรมบิตทอร์เรนต์ และการที่ ISP ไม่ให้ความร่วมมือนั้นก็ทำให้กระบวนการดำเนินคดีแบบนี้เป็นไปไม่ได้และจะทำให้ในทางเทคนิคการ "โหลตบิต" นั้นอาจเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมาดำเนินคดีได้

News Source: http://torrentfreak.com/isps-cannot-be-forced-to-store-data-on-file-sharers-court-rules-130326/

 

สหภาพยุโรปอนุมัติการรวมบริษัทของ Penguin กับ Random House

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทางสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ก็ได้ยอมรับไปแล้วหลังจากที่ทั้งสองบริษัทประกาศเจตจำนงที่จะรวมตัวกันในเดือนตุลาคม 2012 ที่ผ่านมา

และนี่จะทำให้ Penguin Random House ที่จะเกิดขึ้นใหม่กลายเป็นสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

News Source: http://paidcontent.org/2013/03/27/european-union-will-reportedly-approve-random-house-penguin-merger/

 

28-03-13

กองบรรณาธิการของ Journal of Library Administration ลาออกยกแผงเนื่องจากเห็นว่าเงื่อนไขด้านลิขสิทธิ์ของงานในวารสารที่สำนักพิมพ์ Taylor & Francis กำหนดไว้ไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้ ทางกองบรรณาธิการก็ได้รู้สึกเกิดความขัดแย้งทางมโนธรรมหลังจากความตายของ Aaron Swartz และพยายามต่อรองกับ Taylor & Francis ให้เปลี่ยนเงื่อนไขลิขสิทธิ์ของงานในวารสารให้สาธารณชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และสิ่งที่ Taylor & Francis เสนอกลับมาคือการเปิดกว้างขึ้นแต่ทำให้ผู้เขียนบทความต้องจ่ายเงินถึง 3,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 90,000 บาท) เพื่อตีพิมพ์บทความแต่ละชิ้น

ทางกองบรรณาธิการไม่พอใจกับเงื่อนไขนี้เลยลาออกพร้อมกันยกแผงเพื่อประท้วง และตอนนี้ทาง Taylor & Francis ก็ยังไม่ออกมาแถลงอะไรทั้งสิ้น

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130326/16151422466/awesome-entire-editorial-board-journal-library-administration-resigns-support-open-access.shtml

 

ร่างใหม่ของกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ของสภาคองเกรสนั้นเลวร้ายกว่าเดิม

ทั้งๆ ที่มีการต่อต้านให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ของอเมริกาอย่าง Computer Fraud and Abuse Act (CFAA) ภายหลังการล่วงลับไปของนักกิจกรรมหนุ่มอย่าง Aaron Swartz แต่สภาคองเกรสกลับเสนอร่างของกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ใหม่ที่เพิ่มโทษให้หนักขึ้น

ในระดับที่ถ้า Aaron Swarz โดนความผิดภายใต้กฎหมายนี้เขาอาจติดคุกตลอดชีวิตด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ร่างใหม่ยังยกระดับการสมคบคิดการ "ก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์" ให้มีโทษระดับเดียวกับการก่ออาชญากรรม ไปจนถึงเพิ่มความผิดฐาน "การเข้าใช้งานระบบอย่างผิดวัตถุประสงค์" อีก (ในตอนแรกความผิดอยู่แค่ "การเข้าใช้งานอย่างไม่ได้รับอนุญาต")

กฎหมายนี้จะมีการพิจารณากันในเดือนเมษายน 2013 และก็น่าจะคาดหวังได้พอสมควรเลยว่าจะมีการต่อต้านกันอย่างแพร่หลาย

News Source: https://www.eff.org/deeplinks/2013/03/congress-new-cfaa-draft-could-have-put-aaron-swartz-jail-decades-longer-he-was

 

Fox อ้างลิขสิทธิ์ภาพจากกองถ่ายซีรีส์ Arrested Development ทำให้ผู้ทำสารคดีเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ต้องระดมทุนผ่านทาง Kickstarter เพิ่มอีกกว่า 20,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 600,000 บาท) เพื่อจ่ายค่าลิขสิทธิ์

ทั้งนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าทาง Fox มีสถานะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพของพวกนั้นจริงหรือไม่ เพราะโดยหลักทั่วไปเจ้าของภาพถ่ายนั้นเป็นเจ้าของภาพและทางผู้กำกับก็ได้ขอลิขสิทธิ์จากทางเจ้าของภาพไปหมดแล้ว แต่ปรากฏว่าทาง Fox ก็ยังอ้าง "ลิขสิทธิ์" เหนือกองถ่ายอยู่ดี ราวกับว่าตัวกองถ่ายเองเป็นงานทางศิลปวัฒนธรรมชิ้นหนึ่งที่คุ้มครองด้วยกฎหมายลิขสิทธิ์

ทั้งนี้แรงขับดันในการเรียกร้องนี้ของ Fox ก็คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ซีรีส์เรื่องนี้เลิกออกอากาศทาง Fox แล้วแต่ไปออกอากาศทางเว็บสตรีมวิดีโอชื่อดังอย่าง Netflix นั่นเอง

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130324/00142322432/arrested-development-documentary-has-to-hit-up-kickstarter-because-photos-set-are-covered-copyright.shtml

 

วงดนตรี Ghost Beach รณรงค์ให้คนแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการทำสำเนาเถื่อน (Piracy) ผ่านป้ายโฆษณากลางนครนิวยอร์ก

ทั้งนี้ป้ายโฆษณาก็บอกให้คนเข้าไปแสดงจุดยืนในเว็บไซต์ http://www.artistsvsartists.com/ และผ่านการใช้ Hashtag ใน Twittter ว่า #artistsagainstpiracy ในกรณีที่จะแสดงจุดยืนต่อต้านการทำสำเนาเถื่อน และใช้ Hashtag ว่า #artistsforpiracy ในกรณีที่จะแสดงจุดยืนสนับสนุนการทำสำเนาเถื่อน

นี่นับเป็นการรณรงค์ครั้งแรกๆ ที่กระตุ้นให้สาธารณชนอเมริกาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการทำสำเนาเถื่อนออกมา

ทั้งนี้ขณะนี้มีผู้ใช้ Hashtag ว่า #artistsforpiracy มากกว่า #artistsagainstpiracy ราว 15 เท่าแล้ว และนี่ก็คงจะไม่น่าเป็นที่พอใจของบรรดาผู้คนจากอุตสาหกรรมบันทึกเสียงเป็นแน่

News Source: http://torrentfreak.com/piracy-is-progress-billboard-on-times-square-divides-artists-130327/

 

30-03-13

ฉากเกม Counter-Strike ที่ทำเองสร้างกระแสความไม่พอใจอีกครั้งเมื่อมันมาจากโรงเรียนจริงๆ ในสหรัฐ

อย่างไรก็ดีกระแสตอบรับก็แตกต่างกันไปเพราะก็มีบรรดาเกมเมอร์ที่บอกว่ามันสมจริงมาก ไปพร้อมๆ กับคนที่ออกมาโวยวายที่คนเอาฉากโรงเรียนจริงๆ ไปใส่ในเกมที่มีแต่การยิงกัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่การยิงกราดในโรงเรียนกลายมาเป็นเหตุสะเทือนขวัญบ่อยๆ)

ดูคลิปจากฉากนี้ได้ที่: http://www.youtube.com/watch?v=Kk5jZCLGOmg

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้การสร้างฉากจากสถานที่จริงก็สร้างความไม่พอใจมาแล้วในแคนาดาเมื่อมีคนสร้างฉากจากสถานีรถไฟใต้ดินจริงๆ ซึ่งทางรัฐก็กล่าวว่ามันอาจเป็นที่ฝึกการก่อการร้ายชั้นดีได้เลย

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130326/05410822461/counter-strike-map-school-causes-outrage.shtml

 

เกาหลีใต้เริ่มพิจารณาการปรับกฎหมายลิขสิทธิ์อันดุร้ายของตนให้อ่อนลง

ทั้งนี้รายงานของกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในยุคดิจิทัลก็มีการกล่าวถึงสิทธิผู้บริโภคที่จะต้องชัดเจนขึ้นเพื่อให้ไม่โดนคุกคามโดยการฟ้องร้องกฎหมายลิขสิทธิ์ การใช้อย่างชอบธรรมที่กว้างขึ้น สิทธิในการเข้าถึงและใช้งานวิจัยอันเกิดจากงบประมาณสาธารณะ และพูดถึงสมดุลโดยรวมๆ ระหว่างทรัพย์สินทางปัญญากับสิทธิในการเข้าถึงศิลปวัฒนธรรมและข้อมูลข่าวสาร

นอกจากนี้บรรดานักการเมืองก็ยังพยายามละเลิกระบบการแจ้งเตือนการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตและตัดอินเทอร์เน็ตโดยรัฐ โดยพวกเขาก็กล่าวว่านี่เป็นมาตรการที่นอกจากจะมีต้นทุนสูงและรุนแรงเกินไปแล้ว กระบวนการแบบนี้ยังเป็นกระบวนการที่ละเมิดกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายด้วยเพราะเป็นการลงโทษเลยโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมใดๆ

ทั้งนี้เกาหลีใต้เริ่มใช้ระบบนี้มาเป็นประเทศแรกตั้งแต่กลางปี 2009 ซึ่งก็ทำให้หลายๆ ฝ่ายอ้างว่านโยบายแบบนี้ทำให้อุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมของเกาหลีเฟื่องฟู อย่างไรก็ดีนี่ก็ไม่มีข้ออ้างที่มีหลักฐานที่จับต้องได้มาสนับสนุนแต่อย่างใด

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130328/10104222493/moves-south-korea-to-ease-harsh-copyright-laws-may-have-knock-on-benefits.shtml, https://www.eff.org/deeplinks/2013/03/korea-stands-against-three-strikes

 

Wal-Mart กำลังพิจารณาแผนให้ลูกค้าในร้านเป็นผู้ส่งสินค้าให้กับลูกค้าออนไลน์

ทั้งนี้ Wal-Mart ก็จะตอบแทนลูกค้าผู้ส่งสินค้าด้วยส่วนลดต่างๆ

อย่างไรก็ดีมาตรการแบบนี้ก็ดูจะสร้างความเสี่ยงภัยกับผู้บริโภคมากขึ้นเพราะมันทำให้คนส่งของของทางร้านไม่มีเครื่องแบบและบัตรประจำตัวอีกต่อไป

News Source: http://www.techdirt.com/blog/innovation/articles/20130328/16172422503/wal-mart-wants-store-customers-to-deliver-packages-to-online-shoppers.shtml

 

31-03-13

ผลการสำรวจชี้ The Pirate Bay ขึ้นอันดับ 1 ของเว็บแชร์ไฟล์ยอดนิยมของโลกเรียบร้อยแล้ว

จากการสำรวจของเว็บ TorrentFreak พบว่าภายหลังการปิดเว็บ Megaupload มา 1 ปีเศษๆ อันดับเว็บแชร์ไฟล์ยอดนิยม (ในแง่มีผู้เข้าชมมากที่สุด) ได้เปลี่ยนไปมากโดยเว็บ The Pirate Bay ได้กลายมาเป็นเว็บแชร์ไฟล์ที่คนเข้าชมเป็นอันดับ 1 หลังจากที่เดิมอยู่แค่อันดับ 6 และเว็บ Mediafire ก็ขึ้นจากอันดับ 4 มาเป็นอันดับ 2

อันดับ 3 ที่เข้ามาใหม่คือเว็บ KickassTorrents ที่ล่าโดนคำสั่งศาลให้บรรดา ISP แบนไปแล้วในอังกฤษ อันดับ 4 คือ 4Shared ที่ตกออกมาจากอันดับ 1 ในครั้งที่แล้ว

เว็บที่ยังติดอันดับ Top 10 อยู่จากนอกจาก The Pirate Bay, Mediafire และ 4Shared คือ Torrentz.eu ที่ขึ้นมาจากอันดับ 9 เป็นอันดับ 6

นอกนั้นอีก 6 เว็บในลำดับเป็นเว็บที่ได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้นในช่วงเวลาหลังจากปิด Megaupload ทั้งสิ้น โดยในนี้ก็มีตั้งแต่เว็บทอร์เรนต์อายุกว่า 10 ปี (เก่ากว่า The Pirate Bay ราวครึ่งปีเศษ) สัญชาติแคนาดาที่มีคดีความอยู่ในอเมริกาอย่าง Isohunt และเว็บฝากไฟล์หน้าใหม่ที่ได้รับความนิยมล้นหลามหลังการปิดตัว Megaupload อย่าง Rapid Gator อยู่ด้วย

ป.ล. ทั้งนี้การสำรวจทั้งสองครั้งของ TorrentFreak ก็ใช้ฐานข้อมูลที่ต่างกันโดยครั้งแรกใช้การจัดลำดับของ Google ส่วนครั้งนี้ใช้การสำรวจไขว้กันของการจัดลำดับของ Alexa, Compete และ Quantcast

News Source: http://torrentfreak.com/the-pirate-bay-becomes-1-file-sharing-site-cyberlockers-collapse-130330/

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น