โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

กวีประชาไท: กวีใหญ่

Posted: 03 Feb 2018 06:13 AM PST


กวีใหญ่ร่ายยาวน้ำลายยืด
คิดว่าออกจากมุมมืดหรือใฉน
แค่เขียนคำ สำแดงความ ไปตามใจ
แต่ธาตุแท้ นั้นแน่ไซร้ ใครก็เห็น

สำนวนผ่าน จุดยืนผิด คิดว่าถูก
มีสาวก แต่รุ่นลูก ยันรุ่นเหลน
มีตำแหน่ง ยศฐา มาประเคน
อยู่ในกรอบ กฎเกณฑ์ ของกลุ่มโจร

แหวนเพชรแทงตา นาฬิกาแทงใจ
วลีกระบอกปืน จัญไร สวมหัวโขน
คอยแอบๆ แนบไป ว่าอยู่ข้าง ประชาชน
แต่จุดยืน ประโยชน์โจร...ก็แค่โหนวลีคำ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

มรณกรรมของ 'ยีน ชาร์ป' นักสันติวิธีผู้สั่นสะเทือนเผด็จการทั่วโลก

Posted: 03 Feb 2018 05:58 AM PST

ยีน ชาร์ป นักวิชาการอเมริกันผู้ศึกษาและเผยแพร่แนวทางยุทธศาสตร์ต่อต้านเผด็จการแบบสันติวิธี เสียชีวิตแล้วย่างสงบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลงานขอเขาส่งผลทั้งความรู้และแรงบันดาลใจให้กับการเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจด้วยการไม่ใช้ความรุนแรงหลายที่ในโลกช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา 



ยีน ชาร์ป นักวิชาการอเมริกันผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการทำงานด้านสันติวิธี
 
3 ก.พ. 2561 สถาบันอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ประกาศว่า ยีน ชาร์ป นักวิชาการอเมริกันผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการทำงานด้านสันติวิธีเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วในบ้านพักของตัวเองด้วยอายุรวม 90 ปี
 
ชาร์ปเป็นผู้ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับการต่อสู้กับการกดขี่ด้วยสันติวิธีจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับการเคลื่อนไหวอาหรับสปริง บทมรณกรรมเกี่ยวกับชาร์ประบุว่าเขาเป็นคนที่อุทิศชีวิตให้กับการค้นคว้าและเขียนงานเกี่ยวกับการต่อสู้กับอำนาจ โดยมีข้อเสนอหลักคือการโยกย้ายการยินยอมของประชาชนและสถาบันที่สนับสนุนอำนาจเหล่านั้นให้หันเหออกมาสู่หนทางแบบประชาธิปไตยให้ได้จะทำให้ผู้ปกครองสูญเสียอำนาจลงได้
 
ชาร์ปเกิดเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2471 เขาได้รับปริญญาตรีและโทด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอก่อนที่จะย้ายไปนิวยอร์กแล้วเขียนหนังสือเล่มแรกที่นั่นเกี่ยวกับแนวทางอหิงสาของมาหตมะคานธี ในปี 2496 เขาแสดงจุดยืนอารยะขัดขืนต่อการเกณฑ์ทหารอเมริกันไปร่วมรบในสงครามเกาหลีทำให้เขาถูกลงโทษจำคุก 2 ปี ก่อนหน้าที่เขาจะถูกพิจารณาคดีในเรื่องนี้เขาเคยเขียนจดหมายถึงอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งตอนนั้นอยู่ปรินสตันพูดถึงจุดยืนของตัวเองในกรณีสงครามเกาหลีและขอให้เขียนคำนำหนังสือเกี่ยวกับคานธี ไอน์สไตน์ตอบกลับโดยทันทีว่าจะเขียนคำนำให้หนังสือเขาและให้อนุญาตนำจดหมายของเขาไปใช้ในกระบวนการพิจารณาคดีได้
 
ไอน์สไตน์เขียนถึงชาร์ปว่า "ผมชื่นชมคุณจากใจจริงในเรื่องความเข้มแข็งทางจริยธรรมของคุณและได้แต่หวัง ถึงแแม้ว่าผมไม่รู้จริง ๆ ว่าผมจะทำแบบเดียวกับคุณหรือไม่ถ้าผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน" ไอน์สไตน์ยังเขียนจดหมายปลอบใจแม่ของชาร์ปหลังจากที่มีคำตัดสินออกมาแล้วด้วย
 
หลังจากที่ชาร์ปได้รับการปล่อยตัว เขาก็ทำงานร่วมกับ เอเจ มุสเต นักสันตินิยมที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกา ก่อนที่จะเดินทางไปยังกรุงลอนดอนเพื่อที่จะเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการของสื่อพีชนิวส์แล้ววางแผนจัดการชุมนุมอัลเตอร์มาสตันต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในปี 2501 โดยมีการแจกใบปลิวที่เรียกร้องให้ผู้เดินขบวนอยู่ภายใต้แนวทางไม่ใช่ความรุนแรง ในเวลาต่อมาชาร์ปได้เดินทางไปศึกษาต่อที่สถาบันแห่งไอเดียในออสโล ทำให้เขาได้ปริญญาเอกสำหรับวิทยานิพนธ์ที่ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดคือ "การเมืองของปฏิบัติการสันติวิธี" (The Politics of Nonviolent Action) 
 
หลังจากที่ชาร์ปศึกษาเรื่องการหยุดงานประท้วงของครูเพื่อแสดงการต่อต้านเผด็จการทหารควิสลิงในนอร์เวย์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาก็เป็นผู้บุกเบิกการศึกษายุทธศาสตร์การต่อสู้แบบสันติวิธีเพื่อยับยั้งการรุกรานของสหภาพโซเวียต โดยเชื่อว่าถ้าหากประชาชนได้รับการฝึกฝนในการต่อสู้แบบสันติวิธีก็จะทำให้พวกเขาไม่สามารถถูกปกครองได้และทำให้ชนะได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ แนวคิดของเขาถูกนำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จในช่วงที่ประเทศแถบบอลติคต่อต้านขัดขืนกองกำลังของโซเวียตเมื่อปี 2534 และการต่อต้านการรัฐประหารยึดอำนาจมิคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำรัสเซียในยุคสมัยนั้นในเวลาต่อมา จนทำให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของลิทีวเนีย ออเดรียส บุตเควิเซียส บอกว่า "ผมขอหนังสือของเขา (ชาร์ป) ดีกว่าอาวุธนิวเคลียร์"
 
หนึ่งในสิ่งที่ผู้คนรู้จักกันในนามของชาร์ปคือ 198 วิธี ของการต่อสู้แบบสันติวิธี (198 nonviolent methods) ที่มาจากการศึกษากรณีการต่อสู้โดยสันติในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีที่ผ่านมา หลักการของเขายังมีการนำไปปฏิบัติจริง ทั้งจากการที่ชาร์ปเคยเข้าพบยัสเซอร์ อาราฟัต โน้มน้าวให้เขาและชาวปาเลสไตน์ใช้หลักการสันติวิธีต่อสู้กับอิสราเอล ชาร์ปยังเคยเข้าไปศึกษาการประท้วงรัฐบาลจีนที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 2532 ด้วย
 
ในปี 2535 ชาร์ปยังเคยลอบเข้าไปในพม่าเพื่อจัดสอนวิธีการต่อต้านอย่างไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในพม่าและชนกลุ่มน้อย หลังจากที่มีการสั่งคุมขังอองซานซูจี จากนั้นเขาจึงเรียบเรียงหนังสือบทความเกี่ยวกับการต่อสู้กับเผด็จการชื่อ "จากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย" (From Dictatorship to Democracy) ที่ฝากไว้เป็นแนวทางการต่อสูของชาวพม่าโดยที่ใช้ภาษาเรียบง่ายและไม่ยาวทำให้มีการแปลส่งต่อให้กับผู้คนที่ประสบปัญหาแบบเดียวกันอยู่ได้
 
"จากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย" ของยีน ชาร์ป มีการแปลออกไปมากกว่า 34 ภาษา มีการนำไปใช้ต่อสู้กับเผด็จการในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพม่า เซอร์เบีย, จอร์เจีย รวมถึงอาหรับสปริง ในหลายปีหลังจากที่หนังสือเล่มนี้เผยแพร่ออกมา และมีการใช้อยู่แม้กระทั่งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นขบวนการคนหนุ่มสาวในอียิปต์หรือนซีเรีย การเคลื่อนไหวในฮ่องกง เวเนซุเอลา และที่อื่น ๆ
 
ชาร์ปเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลถึง 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย และเคยได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรางวัล เช่น รางวัลไรท์ลิฟลิฮู้ด ในปี 2555 มีภาพยนตร์ชีวประวัติของเขาชื่อ "How to Start a Revolution" ชนะรางวัล BAFTA และมีการฉายทั่วโลกรวมถึงในที่ชุมนุมออคคิวพายที่เรียกร้องทั้งความเป็นธรรมทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ
 
 
เรียบเรียงจาก
 
Gene Sharp, Godfather of nonviolent revolution dies at 90 years old, HowToStartARevolution, 30-01-2018 
 
Gene Sharp, US scholar whose writing helped inspire Arab Spring, dies at 90, The Guardian, 31-01-2018
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เวที ‘เมล็ดพันธุ์มิตรภาพ’ ชี้ กม.เมล็ดพันธุ์เปิดช่องบริษัทเก็บเงินตั้งแต่ต้นมะม่วงยันน้ำมะม่วง

Posted: 03 Feb 2018 05:19 AM PST

'เดินมิตรภาพ' จัดเสวนาความมั่นคงทางอาหารก่อนเดินต่อพรุ่งนี้ ระบุนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจภาคการเกษตรและอาหารที่ผ่านมาทำลายความมั่นคงทางอาหาร ฉะร่างกฎหมายเมล็ดพันธุ์เอื้อบริษัทตามเก็บค่าลิขสิทธิ์ตั้งแต่ต้นมะม่วงจนถึงน้ำมะม่วง หวั่นสร้างปัญหาให้เกษตรกรในอนาคต

3 ก.พ. 2561 กลุ่มเดินมิตรภาพหรือ We Walk ออกเดินต่อจากจุดล่าสุดของเมื่อวานเพื่อไปหยุดพักและจัดงานเสวนาในหัวข้อ 'นโยบาย กฎหมายที่ส่งผลต่อชุมชนและความมั่นคงทางอาหาร' ที่วัดดอนชมพู อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ประเด็นที่กลุ่มเดินมิตรภาพต้องสร้างการรับรู้ในสังคมจากการเดินครั้งนี้

ยางพารา-ปาล์มทำลายความหลากหลายภาคใต้

ภายในวงเสวนา เอกชัย อิสระทะ จากเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน กล่าวว่าผลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรก พื้นที่การเกษตรในภาคใต้ก็พัฒนาไปสู่การปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่างยางพาราและปาล์ม จากพื้นที่ที่เคยมีความหลากหลายก็ถูกตัดโค่นแล้วปลูกยางพาราและปาล์ม ทรัพยากรที่เคยมีตามห้วยหนองคลองบึงก็ปนเปื้อนสารเคมี เป็นการทำลายฐานทรัพยากรอาหาร ทั้งที่แต่ก่อนแต่ละบ้านจะมีพืชผักนานาชนิดในแปลงเดียวกัน

"สิ่งที่เรานำเสนอคือจะทำอย่างไรให้เกิดสวนสมรม สวนผสมผสานให้มากขึ้น สวนยางกลับไปเป็นอินทรีย์ ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีก็เพิ่มผลผลิตได้ ช่วยลดต้นทุน และปรับปรุงดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ป่ายางหรือสวนสมรมน่าจะเป็นคำตอบของทรัพยากรอาหาร เป็นพื้นฐานที่เราจะไป การเพิ่มพืชเข้าไปในสวนยาง แต่ก็ขึ้นกับพี่น้องเกษตรกรแต่ละครอบครัวว่ามีฐานทรัพยากรชีวิตอย่างไร"

แต่เอกชัยยอมรับว่าอุปสรรคยังอยู่ที่รัฐที่ยังไม่มีนโยบายการปลูกยางอินทรีย์อย่างจริงจัง แม้จะมีงานวิชาการที่ยืนยันเรื่องเหล่านี้อยู่มากแล้ว แต่การรับรองและขยายผลโดยภาครัฐแทบจะไม่ได้ทำ เฉพาะแรงผลักดันของเครือข่ายก็ยากที่ผลักดันได้

ตั้งคำถามนโยบายเกษตร-อาหารทำลายความมั่นคงทางอาหาร

ด้านกิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา จากกลุ่มกินเปลี่ยนโลก (food4change) ได้ตั้งคำถามว่าประเทศไทยกำหนดนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคการเกษตรและอาหารอย่างไร ทำไมจึงมาถึงจุดที่หาของกินที่มีคุณภาพไม่ได้ เกษตรกรรายย่อยไม่อยากให้ลูกหลานตัวเองมาทำอาชีพเกษตรต่อ เป็นหนี้เป็นสิน และเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อสุขภาพ และเป็นปรากฏการณ์ปัญหาที่วิกฤติหนักขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นอาหารไม่ปลอดภัยรอบตัวเรา

กิ่งกรกล่าวต่อว่าที่เป็นเช่นนี้ก็มาจากการส่งเสริมพืชเศรษฐกิจหลัก ๆ หกเจ็ดตัว การสร้างโครงการขนาดใหญ่ แล้วไปทำลายพื้นที่ผลิตอาหารคุณภาพ

"เรากำหนดนโยบายการเกษตรที่ตัดมือตัดตีนเกษตรรายย่อยมาโดยตลอด ส่งเสริมบทบาทของบรรษัทอย่างมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมองไปข้างหน้าก็ยังเป็นนโยบายชุดเดิมที่ส่งเสริมบรรษัทขนาดใหญ่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตร แต่ส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยแบบที่ไม่สามารถกำหนดชีวิตตัวเองได้ สุดท้าย คนกินก็กำหนดไม่ได้ว่าจะกินอะไร"

"ถ้าเราตั้งโจทย์ความมั่นคงทางอาหารว่าคือการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย เท่าเทียม ผู้ผลิตรายย่อยอยู่รอดได้ คำถามคือมันควรเป็นนโยบายเศรษฐกิจการเกษตรแบบไหน สิ่งที่เป็นตอนนี้ไม่ตอบโจทย์ดังกล่าว การจะทำได้ มันต้องการกระบวนการทางการเมืองที่เข้มแข็งของคนเล็กคนน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายังไปไม่ค่อยถึง" กิ่งกร ระบุ

ร่าง กม.เมล็ดพันธุ์ ขยายคุ้มครองเอื้อบริษัทเก็บเงินได้ตั้งแต่ต้นจนถึงน้ำผลไม้

ในด้านของร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ อุบล อยู่หว้า จากเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก อธิบายว่าความประสงค์สำคัญของบริษัทเกษตรในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเมล็ดพันธุ์ก็คือ ต้องการสิทธิหวงกันในส่วนขยายพันธุ์ ต้องการสิทธิที่จะจำหน่ายจ่ายแจกแต่เพียงผู้เดียวมากขึ้น กฎหมายบอกว่าให้สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อได้ แต่ในมาตราเดียวกันก็เขียนต่ออีกว่าโดยอำนาจของรัฐมนตรีสามารถจำกัดการใช้สิทธิในพันธุ์ได้ กลายเป็นว่าบริษัทอาจขอให้คุ้มครองพันธุ์ของบริษัทด้วยเหตุผลว่าลงทุนวิจัยก็ได้ ตรงนี้คือสิทธิที่บริษัทอยากได้มากขึ้น รวมทั้งประเด็นระยะเวลาในการคุ้มครองสิทธิที่ต้องการให้เพิ่มขึ้นจาก 20 ปีเป็น 25 ปี

"ประการต่อมาคือขอขยายการคุ้มครองไปถึงผลิตภัณฑ์ สมมติว่าถ้าปลูกมะเขือเทศของบริษัทแล้วเอาไปทำซอสหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ กฎหมายให้บริษัทมีสิทธิในผลิตภัณฑ์ได้ อาจต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรให้กับบริษัท นี่คือเนื้อหาที่ผ่านร่าการรับฟังความคิดเห็นของกรมวิชาการเกษตร มันจะมีผลทำให้เกษตรกรใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากมากขึ้น"

"ยังมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่พูดถึงการขอสิทธิ์ในลักษณะเฉพาะ เช่น พันธุ์พืชที่บริษัทพัฒนาขึ้นแล้วมีลักษณะเฉพาะบางอย่าง เช่นมะเขือเทศเปลือกหนาขนส่งแล้วไม่ช้ำง่าย แบบนี้จะขอสิทธิคุ้มครอง หมายความว่าถ้าลักษณะนี้ไปปรากฏในพืชของเรา เราเอาพืชของบริษัทไปผสมในพืชของเรา แล้วปรากฏลักษณะที่มาจากยีนของบริษัท เราจะมีความผิดด้วย เราต้องพิสูจน์ว่าได้มาจากการซื้อเขา ไม่ได้ขโมยมา อาจสร้างปัญหาได้ในอนาคตถ้าเรายอมรับกฎหมายลักษณะนี้" อุบล ระบุ

นอกจากนี้กิ่งกร ยังได้กล่าวเสริมให้เห็นภาพต่อประเด็นร่างกฎหมายเมล็ดพันธุ์ว่า สมมติเกษตรกรซื้อกล้ามะม่วงเขียวทอง 1 กล้าจากบริษัท ซึ่งขึ้นทะเบียนเรียบร้อยตามกฎหมายฉบับใหม่ ต้นนี้จะมีผลผลิตต่อปีประมาณ 30 กิโลกรัม ซึ่งก็เป็นสิ่งที่บริษัทประมาณการไว้แล้ว 30 กิโลกรัมนี้จะไม่โดนเก็บเงิน แต่ถ้าเกิน 30 กิโลกรัม บริษัทมีโอกาสไปเช็คได้ ถ้าเกษตรกรรายนี้ซื้อไปต้นเดียวแต่มีมะม่วง 100 กิโลกรัม ก็จะเกิดคำถามว่า อีก 70 กิโลกรัมมาจากไหน

"บริษัทไปเก็บค่าต้นไม่ได้ เพราะเกษตรกรไปขยายกล้าพันธุ์เอง แต่บริษัทจะไปเก็บค่าสิทธิบัตรจากผลผลิต 70 กิโลกรัมได้ สามารถไล่จิกได้จนถึงลูกมะม่วง หรือถ้าเอามะม่วงไปกวนหรือทำน้ำมะม่วงก็ตามไปเก็บได้ นี่คือลักษณะการคุ้มครองของกฎหมายที่ขยายการคุ้มครองในลักษณะสิทธิบัตรจนถึงยีน" กิ่งกร ระบุ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

แห่พานรัฐธรรมนูญยักษ์ล้อม-เจ้าสัวประชารัฐ-นนทกส้อมไม่ตาย ฟุตบอลจุฬา-มธ.

Posted: 03 Feb 2018 03:03 AM PST

ฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ครั้งที่ 72 ตำรวจเข้มรอบสนามห้ามนำป้ายประท้วงเข้างาน ส่วนล้อการเมืองธรรมศาสตร์ฯ แห่ยักษ์นนทุกถือส้อมเป็นอาวุธ ไร้นาฬิกาเพราะคืนเพื่อนแล้ว พร้อมขบวนหุ่นตราชั่ง เจ้าสัวประชารัฐ รัฐธรรมนูญฉบับยักษ์ล้อมปูพรมแดง ขณะที่จุฬาฯ ซุ่มทำขบวนสะท้อนสังคม สะกิดเรื่องรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ-ยุทธศาสตร์ 20 ปี พร้อมเหน็บการสอบทุจริตยุค คสช.

3 ก.พ. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสนามศุภชลาศัยก่อนเริ่มการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 โดยช่วงเช้าก่อนงานฟุตบอลประเพณี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 110 นาย ได้เฝ้าประตูทางเข้าอัฒจรรย์ มีการตรวจกระเป๋าสัมภาระห้ามผู้ชมฟุตบอลนำสิ่งของผิดกฎหมาย รวมทั้งป้ายแสดงข้อความต่อต้านเข้าไปในสนามฟุตบอล

ขณะที่ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ก่อนเริ่มการแข่งขันไฮไลท์อยู่ที่ขบวนล้อการเมืองของกลุ่มอิสระล้อการเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และขบวนสะท้อนสังคมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดยหุ่นล้อการเมืองธรรมศาสตร์ขบวนแรกที่เข้ามาในสนาม แห่ยักษ์นนทกถือส้อมเป็นอาวุธ โดยมีป้ายผ้า "นนทกเรือนละวัน" นำขบวน และเขียนข้อความว่า

"ยักษ์นนทก มีนิ้วเพชร เด็ดGG

นิ้วเพชรชี้ มีอำนาจ วาสนา

ได้เทพช่วย จนยิ่งใหญ่ เหนือเทวา

แต่กลับบ้า สุดท้ายซี้ ชี้ตัวเอง"

ขบวนต่อมาเป็นหุ่น "ตราชั่ง" เขียนข้อความว่า

"จะออกไป แตะขอบฟ้า กายาหอบ

รัฐไม่ตอบ กอบโกยหนี ภาษีฉัน

ฯพณฯ แกล้งกลับกลอก แบ่งเค้กกัน

ช้อปปิ้งมันส์ ทุกกรมกอง ไม่มองคน"

ขบวนที่สามเป็นหุ่น "ม้วนแผ่นดิน" สะท้อนภาพโครงการประชารัฐของ คสช. มีป้ายผ้าข้อความประกอบว่า

"หลายเจ้าสัว กินรวบ ควบค่อนชาติ

ประชาขาด ที่กินนอน ต้องผ่อนเช่า

ช่วยกันเอื้อ รวยไม่หยุด สุดบรรเทา

ประชารัฐ เจี๊ยแต่เขา รีดเราจุง"

ขบวนที่สี่เป็นหุ่น "รถไฟ" สะท้อนการก่อสร้างโครงการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล คสช. เขียนป้ายผ้าข้อความประกอบว่า

"หลายโครงการ เร่งสร้างอยู่ หูว!ไวจัง

เป็นลำพัง เรื่องที่ยัง พอกู้หน้า

อย่าคิดโกง ขืนขยับ ถูกจับตา

แต่สร้างมา ม.44 ช่วยชี้นำ"

ส่วนขบวนสุดท้ายเป็นหุ่น "รัฐธรรมนูญ" มียักษ์ล้อมพานรัฐธรรมนูญ 4 ทิศ เขียนข้อความว่า

เรื่องยักษ์นี้ มีอีกเรื่อง เคืองใจนัก

สุมหัวผลัก ผลผลิต ดูแสลง

ออกกฎยักษ์ หลักไม่ดู ปูพรมแดง

หวังตะแบง แกล้งไม่รู้ หูหวนลม

โดยเมื่อขบวนสุดท้ายเข้ามาในสนาม มีการปูพรมแดงให้ขบวนหุ่นรัฐธรรมนูญ มีข้อความเขียนว่า ศาล / เล่นการเมือง / ม.144 จากนั้นพานรัฐธรรมนูญแยกออกเป็น 2 ส่วน และมีหัวยักษ์โผล่ออกมาจากพานรัฐธรรมนูญ

 

สะท้อนสังคมจุฬาฯ จัดเต็มสะกิดให้คิด รธน.คสช.+แผน 20 ปี

ขณะที่ขบวนสะท้อนสังคม ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งขบวนชวนสังคมฉุกคิดเรื่องระบบการศึกษา พร้อมเหน็บกระบวนการสอบทุจริตยุค คสช. โดยเฉพาะบทบาทของ ป.ป.ช. ต่อเรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนื้อหารัฐธรรมนูญ 2560 ที่เตรียมสืบทอดอำนาจ คสช. รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

การแปรอักษรฝั่งกองเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผู้นำเชียร์ฝั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กวีประชาไท: ด้วยมิตรภาพ!

Posted: 03 Feb 2018 01:18 AM PST


 

เขาแค่เดินด้วยกันเพื่อมิตรภาพ
พี่ก็ปราบก็ปรามห้ามเขา
อ้างผิดกฎหมายชวนมอมเมา
แหมก็เขาแลกเปลี่ยนสติปัญญา

คนมีปัญญาอย่าคิดจะไปกักขัง
ดึงพลังมาสร้างสรรค์จะดีกว่า
อิสรภาพมาคู่ปัญญา
พวกอวิชชาใช้อำนาจกระบอกปืน

เมื่อมีเผด็จการก็ต้องมีประชาธิปไตย
ถ้ามีแบบไทยก็ต้องมีแบบอื่น
มีขาวก็มีดำกลางวันกลางคืน
อย่าฝืนธรรมชาติน่าอนาถใจ

ใกล้จะหมดเวลาเกษียณอายุ
ดั่งไม้ผุปลวกกินใช้ไม่ได้
สมงสมองร่างกายเสื่อมทรุดไป
ยอมรับได้ก็ออกไปให้คนแทน.


 


 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

มือกราฟฟิตี้ 'นาฬิกาประวิตร' ระบุถูกไล่ล่า คุกคามบ้านคนรู้จัก

Posted: 02 Feb 2018 11:17 PM PST

ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ 'Headache Stencil' ที่ยอมรับว่าเป็นผู้พ่นสีเป็นภาพนาฬิกาซึ่งมีใบหน้าของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ระบุกำลังถูกตำรวจไล่ล่า และมีการคุกคามบ้านคนรู้จักของตนกลางดึก


 
3 ก.พ. 2561 ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ 'Headache Stencil' ที่ยอมรับว่าเป็นผู้พ่นสีเป็นภาพนาฬิกาซึ่งมีใบหน้าของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ บริเวณสะพานลอยย่านสุขุมวิท เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา มาวันนี้ (3 ก.พ. 2561) ได้โพสต์เฟสบุ๊กเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ระบุว่า "ขอความกรุณาตำรวจทุกท่านที่ส่งกำลังไปเฝ้าตามที่พักหรือไปรังควานตามบ้านคนรู้จักของผมกลางดึก วิธีที่ใช้มันดูไม่น่าเป็นตำรวจเท่าไหร่นัก ประชาชนธรรมดาอย่างผมย่อมมีสิทธิ์ที่จะไม่แน่ใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมเพียงแสดงสิ่งที่คิดด้วยงานศิลปะดังเช่น "สากลโลก" มีอยู่ทั่วไป ไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ไม่น่าต้องไล่ล่ากันขนาดนี้นะครับ และขออภัยคนรู้จักทุกท่านหากมีตำรวจไปรบกวนเพื่อตามหาผม หากใครโดนเคสนี้ฝากให้ตำรวจแสดงตัว และบัตรด้วยนะครับว่าเป็นตำรวจจริง" 

 
 
 
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ได้โพสต์เฟสบุ๊กระบุว่า "หนีออกมาตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืน ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะครับ ขอบคุณทุกความเป็นห่วงและกำลังใจจากทุกท่านครับ ไว้พบกันใหม่"

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.56 น. ประชาไทได้ตรวจสอบเฟสบุ๊คชื่อ 'Headache Stencil' พบว่าไม่สามารถเข้าถึงทั้ง 2 ข้อความนี้ได้แล้ว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รอบโลกแรงงานมกราคม 2018

Posted: 02 Feb 2018 10:55 PM PST

ขึ้นค่าแรงช่วยแรงงานอเมริกันมีรายได้เพิ่มขึ้นรวมกันกว่า5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ (Economic Policy Institute) ของสหรัฐอเมริการะบุว่ารัฐต่าง ๆ ประมาณ 18 รัฐในสหรัฐฯ ที่จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปี 2018 นี้จะช่วยส่งผลดีต่อแรงงานกว่า 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ โดยจะทำให้แรงงานเหล่านี้มีรายได้เพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: cnbc.com, 2/1/2018

สหภาพแรงงาน IG Metall ประท้วงใหญ่ขอขึ้นค่าแรง-ลดชั่วโมงการทำงาน

IG Metall สภาพแรงงานขนาดใหญ่สุดของเยอรมนี ออกมาประท้วงเรียกร้องขอขึ้นค่าแรง 6% ในปี 2018 นี้ แต่ฝ่ายนายจ้างเสนอให้ที่ 2% เท่านั้น นอกจากนี้ IG Metall ยังเสนอให้ลดเวลาการทำงานจาก 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เหลือ 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และการจ้างงานเต็มเวลาหลังจากการทดลองงาน 2 ปี สำหรับพนักงานที่ทำงานเป็นกะ แต่ฝ่ายนายจ้างปฏิเสธข้อเสนอนี้่เช่นกัน

ที่มา: telesurtv.net, 8/1/2018

สหภาพแรงงานรถไฟไต้หวันประท้วงการแก้กฎหมายแรงงาน

สหภาพแรงงานการรถไฟของไต้หวัน ได้ประท้วงด้านนอกของอาคารรัฐสภาในกรุงไท เพื่อประท้วงต่อการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงาน ที่เปิดช่องให้การรถไฟสามารถบังคับให้พนักงานทำงานคิดเป็นจำนวนชั่วโมงมากขึ้น และลดเวลาพักผ่อนจาก 11 ชั่วโมง เหลือเพียง 8 ชั่วโมง

ที่มา: taiwannews.com.tw, 9/1/2018

ปูตินสัญญาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หาเสียงก่อนเลือกตั้ง

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ของรัสเซียประกาศให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในวันแรงงานสากล (1 พ.ค.) ขณะพยายามหาเสียงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน มี.ค. 2018 นี้ ปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่เดือนละ 9,489 รูเบิล ซึ่งต่ำกว่าค่าจ้างระดับพอยังชีพที่ควรอยู่ที่ 11,163 รูเบิล และชาวรัสเซียกว่า 20.3 ล้านคน ยังอยู่ในสภาวะยากจน

ที่มา: rferl.org, 10/1/2018

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ บุกค้นร้าน '7-Eleven' ทั่วประเทศ

เจ้าหน้าบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ เข้าตรวจสอบร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หลายแห่ง ตั้งแต่รุ่งสางวันที่ 10 ม.ค. เพื่อเก็บข้อมูลการจ้างงานและสัมภาษณ์ผู้ที่ทำงานที่ร้านค้า เจ้าหน้าที่มุ่งเป้าการตรวจสอบร้าน 7-Eleven 100 แห่งทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการขยายผลจากการตรวจสอบตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน ที่เมืองลองไอส์แลนด์ รัฐนิวยอร์ก ปฏิบัติการนี้อาจนำไปสู่การตั้งข้อหาอาชญากรรมและค่าปรับ หากมีการจ้างงานผิดกฎหมาย กรณีล่าสุดนี้เป็นหนึ่งในความพยายามภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการยกระดับการใช้กฎหมายคนเข้าเมืองให้เข้มข้นขึ้น

มาตรการที่ผ่านมาด้านคนเข้าเมือง นำไปสู่การเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ถูกจับก่อนการเนรเทศ ผู้บริหารหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายคนต่างด้าว กล่าวว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการตรวจสอบขนานใหญ่ที่จะเห็นในปีนี้ และทางการจะพิจารณาว่าการกระทำผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นเหมาะสมหรือไม่ที่จะนำไปสู่การสืบสวนตามรูปแบบคดีอาชญากรรม ทั้งนี้บริษัท 7-Eleven ของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐเท็กซัส และมีสาขากว่า 8,600 แห่งทั่วสหรัฐฯ ยังไม่มีถ้อยแถลงหลังจากที่นักข่าวสอบถามขอให้แสดงความคิดเห็น

ที่มา: voathai.com, 11/1/2018

สหภาพแรงงานบริษัทโตโยต้าญี่ปุ่นเรียกร้องขึ้นค่าแรง

สหภาพแรงงานบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่าทางสหภาพจะเรียกร้องให้มีการปรับเพิ่มฐานเงินเดือนพนักงานอย่างน้อย 3,000 เยน ในการเจรจาค่าแรงในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ หลังจากที่เคยเรียกร้องให้เพิ่มค่าแรง 3,000 เยนมาแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ที่มา: japantimes.co.jp, 12/1/2018

พนักงาน IT อินเดียทยอยตั้งสหภาพแรงงาน หวังเป็นเครื่องมือสู้การเลิกจ้าง

สหภาพแรงงานภาคไอทีแห่งแรกของอินเดียในเมืองปูเนจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย มุ่งต่อสู้กับการเลิกจ้างที่ผิดกฎหมายขณะที่การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน FITE ของเมืองทมิฬนาฑู รัฐกรณาฏกะ (Karnataka) และรัฐเตลังคานา (Telangana) กำลังเดินหน้า สหภาพแรงงานแห่งเมืองปูเน (Pune) ก็ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการเป็นแห่งแรกแล้ว นาย Elavarasan Raja เลขานุการของสหภาพแรงงาน FITE กล่าว

สมัชชาลูกจ้างไอทีหรือ FITE เมืองปูเน รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย ได้กลายเป็นสหภาพแรงงานที่จดทะเบียนเป็นแห่งแรกของอุตสาหกรรมไอที ซึ่งจะเป็นแนวหน้าของการต่อสู้กับการเลิกจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งได้จดทะเบียนกับคณะกรรมการแรงงาน (Labour Commissioner) ของรัฐมหาราษฎระเมื่อเดือน ธ.ค. 2017 ที่ผ่านมา  FITE ก่อตั้งครั้งแรกในเมืองบังคาลอร์ (Bengaluru) เมืองหลวงของรัฐกรณาฏกะเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเพื่อต่อสู้กับการเลิกจ้างคนงานไอทีเป็นจำนวนมาก ต่อมาได้จัดตั้งเป็นสมัชชาในศูนย์กลางไอทีอื่น ๆ เช่น ในเมืองปูเน เชนไนและไฮเดอราบัด สหภาพแรงงาน FITE ใช้เฟสบุ๊คและโซเชียลมีเดียสนับสนุนช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างในด้านกฎหมาย

ที่มา: indianexpress.com, 14/1/2018

Kimberly-Clark เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 5,000 ตำแหน่ง

บริษัท Kimberly-Clark ประกาศปลดพนักงานทั่วโลกอย่างน้อย 5,000 คน หรือประมาณ 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด รวมทั้งปิดหรือขายโรงงาน 10 แห่ง จากจำนวน 91 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทเตรียมขายกิจการที่สร้างผลกำไรน้อย

ที่มา: nytimes.com, 23/1/2018

สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีโซลาร์เซลล์-เครื่องซักผ้า เพื่อคุ้มครองงานในประเทศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีชิ้นส่วนแผงพลังงานแสงอาทิตย์และเครื่องซักผ้า ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ หวังช่วยคุ้มครองงานและแรงงานชาวอเมริกัน

ที่มา: theguardian.com, 23/1/2018

'Nestle-Carrefour' เตรียมลดพนักงานในฝรั่งเศส

Nestle บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิสประกาศเตรียมเลิกจ้างพนักงาน 400 คน จากพนักงานทั้งหมด 13,000 คนในฝรั่งเศส ส่วน Carrefour บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส แถลงประกาศลดพนักงาน 2,400 คนในฝรั่งเศส เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน

ที่มา: usnews.com, 26/1/2018

จีนระบุอัตราว่างงานในเขตเมืองต่ำสุดในรอบ 16 ปี

กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และสวัสดิการสังคมของจีน (MHRSS) เปิดเผยว่าอัตราว่างงานในพื้นที่เขตเมืองของจีน ณ ช่วงสิ้นปี 2017 อยู่ที่ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2002 นอกจากนี้ยังมีการสร้างงานใหม่จำนวน 13.51 ล้านตำแหน่งในพื้นที่เขตเมืองในปี 2017 ซึ่งเพิ่มขึ้น 370,000 ตำแหน่ง จากปี 2016

ที่มา: gbtimes.com, 26/1/2018

Fuji Xerox เตรียมลดพนักงาน 10,000 คน

Fujifilm ประกาศว่าจะปรับลดพนักงานในเครือ Fuji Xerox จำนวน 10,000 คน ภายในเดือน มี.ค. 2020 โดยการลดพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ Fuji Xerox มีพนักงานทั้งหมด 46,000 คน

ที่มา: ft.com, 31/1/2018

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

นศ. PerMAS ทำกิจกรรมวันสิทธิมนุษยธรรมปาตานี

Posted: 02 Feb 2018 10:28 PM PST

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเยาวชนนักเรียนปาตานี (PerMAS) จำนวนกว่า 60 คน ซึ่งศึกษาอยู่ใน กทม. จัดกิจกรรมเนื่องในวันสิทธิมนุษยธรรมปาตานี ลานหน้าหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร

 
3 ก.พ. 2561 เพจ Wartani รายงานว่าเมื่อเวลา10.00 น. นิสิตนักศึกษา ภายใต้การนำของ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเยาวชนนักเรียนปาตานี (PerMAS) จำนวนกว่า 60 คน ซึ่งเป็นนิสิตศึกษาที่อยู่ ใจกลางศูนย์อำนาจของกรุงเทพมหานคร ได้นัดรวมตัวกัน เพื่อจัดกิจกรรมเนื่องในวันสิทธิมนุษยธรรมปาตานี โดยอาศัยลานหน้าหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร ถนนราชดำเนินกลาง ภายในกิจกรรม นัดมาอ่านหนังสือ โชว์ป้ายบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับวันสิทธิมนุษยธรรม การแจกวารสาร สติ๊กเกอร์
 
"วันนี้เรามาอ่านหนังสือเกี่ยวกับสิทธิมนุษยธรรม เพื่อให้ตระหนักถึงในค่านิยมของสิทธิประชาชน ที่ต้องการสร้างให้เกิดขึ้น เราต้องการจะสื่อสารในฐานะพลเมือง ที่อยู่ภายใต้ สถานการณ์ความขัดแย้งของการต่อสู้ของคู่สงครามระหว่างกองกำลังกู้ชาติปาตานีกับรัฐไทย ที่กำลังปฏิบัติการทางการทหารอยู่ ณ ขนาดนี้ ให้ทราบถึงเจตนารมณ์ในฐานะ พลเมือง ตลอดจนให้เคารพการ ทำสงคราม กรอบกติกา หลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ กฎหมายสงคราม กฎกติกาการขัดกันด้วยอาวุธ ซึ่งจะเป็นกระบวนการที่สำคัญ ต่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในปาตานีต่อไป" นายฮากิม กล่าว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'เดินมิตรภาพ' ให้กำลังใจ 'MBK 39' ก่อนจัดเวที 'เมล็ดพันธุ์มิตรภาพ'

Posted: 02 Feb 2018 10:08 PM PST

คณะเดินมิตรภาพ ร่วมกันชูป้ายเพื่อให้กำลังใจ MBK 39 ก่อนออกเดิน เป้าหมายวัดดอนชมพู เพื่อจัดกิจกรรมเวทีวัฒนธรรมว่าด้วยอาหาร 'เมล็ดพันธุ์มิตรภาพ' 

 
 
3 ก.พ. 2561 ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานว่าเมื่อเวลา 08.15 น. ขบวนเดินมิตรภาพ We walk ซึ่งเป็นกิจกรรมของกลุ่ม People Go Network มีกำหนดการณ์เดินไปยังวัดดอนชมพู อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เพื่อจัดกิจกรรมเวทีวัฒนธรรมว่าด้วยอาหาร 'เมล็ดพันธุ์มิตรภาพ' โดยก่อนที่คณะเดินมิตรภาพจะออกเดินทางนั้นได้ร่วมกันชูป้ายเพื่อให้กำลังใจ MBK 39
 
 

 
 
09.15 น. คณะเดินมิตรภาพออกเดินเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตรไปยังวัดดอนชมพู เพื่อจัดกิจกรรมเวทีวัฒนธรรมว่าด้วยอาหาร 'เมล็ดพันธุ์มิตรภาพ' และเมื่อเวลา 10.00 น. คณะเดินมิตรภาพ เดินเท้าถึงวัดดอนชมพูโดยสวัสดิภาพ 
 
 
 
 
 
 
ภาพบรรยากาศกิจกรรมเวทีวัฒนธรรมว่าด้วยอาหาร 'เมล็ดพันธุ์มิตรภาพ' มีทั้งนิทรรศการเกี่ยวกับกฎหมายเมล็ดพันธุ์ที่กำลังถูกปรับแก้ ตลาดนัดสีเขียว และซุ้มขายอาหารจากพืชผักพื้นบ้านปลอดสารเคมี โดยในช่วงบ่ายจะมีการเสวนา 'นโยบาย กฎหมายที่ส่งผงต่อชุมชน และความมั่นคงทางอาหาร'
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

7 นศ. คดีละเมิดอำนาจศาลยื่นอุทธรณ์ ชี้ไม่อาจแทรกแซงศาลได้

Posted: 02 Feb 2018 06:59 PM PST

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2561 ที่ผ่านมาว่าที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจเข้ายื่นอุทธรณ์คดี "7 นักศึกษา ละเมิดอำนาจศาล" คดีหมายเลขดำที่ ลม.1/2560 หมายเลขแดงที่ ลม.1/2560 ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 คัดค้านคำสั่งศาลจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 60 ที่ีมีคำสั่งว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล "ให้รอการกำหนดโทษของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงที่ 6 ไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ให้จำคุก 6 เดือนและปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติไว้คนละ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติคนละ 6 ครั้ง ให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลาคนละ 24 ชั่วโมง ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดคบหาสมาคมหรือจัดทำกิจกรรมหรือรวมตัวกันในลักษณะอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก" (อ่านรายละเอียดที่นี่)

โดยผู้ถูกกล่าวทั้งเจ็ดคัดค้านคำสั่งดังกล่าวว่า  การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดไม่เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล  ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น  ให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดพ้นผิดไป ศาลจังหวัดขอนแก่นรับอุทธรณ์ดังกล่าวไว้ เพื่อศาลศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณา

คดีนี้ อภิวัฒน์ สุนทรารักษ์, ภานุพงษ์ ศรีธนานุวัฒน์, พายุ บุญโสภณ, อาคม ศรีบุตตะ, จุฑามาส ศรีหัตถะผดุงกิจ, ณรงค์ฤทธิ์ อุปจันทร์ และสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาและนักกิจกรรม ถูกกล่าวหาว่า ละเมิดอำนาจศาล จากกรณีที่จัดกิจกรรมบนฟุตบาทหน้าป้ายศาลจังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 60 (อ่านรายละเอียดที่นี่) เพื่อให้กำลังใจ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" ซึ่งถูกฟ้องคดี 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ จากการแชร์บทความ "พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย" ของเว็บข่าวบีบีซีไทย

อุทธรณ์ดังกล่าวระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายรวม 5 ประเด็น กล่าวคือ

1. ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดเห็นว่าที่ศาลรับฟังข้อเท็จจริงว่า "คำเบิกความพยานผู้กล่าวหาที่ว่า  มีการกล่าวปราศรัย  ร้องเพลง  แสดงท่าทางและนำอุปกรณ์ต่างๆ  มาใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงความไม่พอในการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดขอนแก่นอยู่บริเวณป้ายศาลอุทธรณ์ภาค 4"  นั้น ศาลรับฟังคลาดเคลื่อนและยังไม่ครบถ้วน  เนื่องจากในการเบิกความตอบทนายผู้ถูกกล่าวหา ไม่มีพยานผู้กล่าวหาคนใด  ยืนยันว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-6 กล่าวพาดพิงถึงศาลจังหวัดขอนแก่น  หรือแสดงความไม่พอใจในการพิจารณาคดีของศาล นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 – 6 ยังเบิกความไว้ชัดเจนว่า อุปกรณ์ลักษณะคล้ายตราชั่งและรองเท้าบู๊ทจัดเตรียมไว้สำหรับกิจกรรมการเสวนาเรื่อง พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ ซึ่งออกโดยทหาร แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ทหารมีการตรวจค้นประชาชนที่เดินทางไปให้กำลังใจจตุภัทร์ ติดตาม ถ่ายภาพ ซึ่งกระทบต่อสิทธิของประชาชนมากเป็นพิเศษ จึงมีบุคคลนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาวางที่หน้าศาล จึงไม่ใช่การตระเตรียมมาเพื่อแสดงออกในการวิพากษ์วิจารณ์การพิจารณาคดีของศาลแต่อย่างใด

2. หลักความอิสระของผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีหมายถึง การที่ผู้พิพากษามีอิสระเต็มที่ในการพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยผู้พิพากษาจะต้องวางตัวเป็นกลางปราศจากอคติ  และผลประโยชน์ในคดีที่ตนพิจารณา ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  มีบทบัญญัติที่เป็นหลักประกันอำนาจอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี  และป้องกันมิให้ผู้บริหารศาลเข้าไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงการทำหน้าที่ในการพิจารณาคดีขององค์คณะ ด้วยเหตุดังกล่าวการที่ศาลวินิจฉัยว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดนำมวลชนมากดดันศาลและแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาล ทำให้ศาลไม่มีอิสระในการพิจารณาคดี  จึงคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง  และการแสดงออกของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดไม่ใช่การกดดันและไม่อาจจะไปแทรกแซงการใช้ดุลพินิจของศาลได้ นอกจากนี้  การกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล  มีเจตนารมณ์เพื่อควบคุมการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สงบเรียบร้อย และอำนวยความยุติธรรมได้อย่างเต็มที่  มิใช่กำหนดไว้เพื่อคุ้มครองผู้พิพากษา  และมิใช่หลักเรื่องความเป็นอิสระของผู้พิพากษาแต่อย่างใด

3. ที่ศาลได้ชี้หลักกฎหมายว่า ประชาชนย่อมสามารถวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลได้  ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดเห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลชี้ว่า  วิจารณ์โดยถืออคติ โดยไม่ศึกษาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนให้ถ่องแท้ และสรุปว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดไม่สุจริต  เป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน  เนื่องจากข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟังได้ว่า  ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์สำนวนคดีของจตุภัทร์  แต่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่เข้ามาก้าวก่ายการจัดการทำงานดูแลพื้นที่ศาลยุติธรรม  ซึ่งปกติแล้วเป็นเรื่องของศาลเอง  นอกจากนี้ คำวินิจฉัยของศาลที่ว่า  "พฤติการณ์เช่นนี้ทำให้เห็นประจักษ์  และมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าเพื่อต้องการกดดันการใช้ดุลพินิจศาล  ด้วยการนำมวลชนมาลิดรอนดุลพินิจของผู้พิพากษาเพื่อให้เป็นไปตามที่พวกพ้องตนต้องการ"  ก็เป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน  ผู้อำนวยการศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เบิกความไว้ชัดแจ้งว่า  ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดปฏิบัติตามคำสั่งศาลและไม่ได้ก่อความวุ่นวายภายในบริเวณศาล  

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนตลอดมา  โดยฉบับปัจจุบันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาจักรไทย พ.ศ. 2560 บัญญัติไว้ใน มาตรา 34  ว่า  "บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  การพูด  การเขียน  การพิมพ์  การโฆษณา  และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น  การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้  เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ  เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น  เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน  หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน"  และโดยที่ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  บัญญัติขึ้นรักษาความสงบเรียบร้อยของกระบวนการพิจารณาคดีของศาล  จึงไม่ใช่กฎหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมหรือความมั่นคงของรัฐ  อันที่จะทำให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัดได้ตามรัฐธรรมนูญ  การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดในคดีนี้ก็มิได้เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือชื่อเสียงของผู้อื่น จึงเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต  ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

4. ที่ศาลวินิจฉัยว่า "หากผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงที่ 6  มีเจตนามุ่งวิพากษ์วิจารณ์การลิดรอนเสรีภาพของทหาร เหตุใดจึงมาทำบริเวณหน้าป้ายศาล  พร้อมกับมีนักข่าวสื่อมวลชนเสนอข่าวและมีการบันทึกภาพ  บ่งชี้ว่ามีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า"  เป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน  เนื่องจาก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงที่ 6  ไม่ได้แสดงความไม่ยำเกรงต่อสถานที่ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลบอกให้กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาไปให้ทำกิจกรรมนอกศาล ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงที่ 6 เข้าใจว่าบริเวณดังกล่าวสามารถแสดงออกได้เพราะอยู่นอกเขตศาล  และย่อมมีความปลอดภัยกว่า ไปทำกิจกรรมบริเวณอื่น ซึ่งก็อาจจะถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ระงับหรือจับกุมอีกก็เป็นได้ ที่มีนักข่าวมาทำข่าวก็เป็นเรื่องปกติทุกนัด  ไม่ได้มีการนัดหมายมา  ส่วนที่ศาลวินิจฉัยว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ร่วมถ่ายภาพมีข้อความว่า FREE PAI  สื่อความหมายให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวไผ่  เป็นการวินิจฉัยที่ขยายความให้เป็นผลร้ายกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 เกินกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณา  เพราะข้อความ FREE PAI  เป็นข้อเรียกร้องไม่เพียงแต่ของผู้ถูกกล่าวที่ 7 เท่านั้น แต่เป็นข้อเรียกร้องของหลากหลายกลุ่มในสังคม  ทั้งผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ก็เพียงแต่ได้ร่วมถ่ายภาพเท่านั้น  ไม่ได้แสดงท่าทางที่จะการใช้กำลังข่มขู่  คุกคาม หรือไม่เคารพต่อศาลแต่อย่างใด  ทั้งต่อมาปรากฏว่าคดีของนายจตุภัทร์  จำเลยให้การรับสารภาพ และศาลมีคำพิพากษาลงโทษ จนกระทั่งคดีสิ้นสุดไปแล้ว แสดงว่าพฤติการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่ศาลวินิจฉัย  ดังนั้น  การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดจึงยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล

5. การที่ศาลกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดนั้น  แม้ศาลจะมีความเข้าใจว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงที่ 6  เป็นนักศึกษามีอุดมการณ์ที่ดี  จึงลงโทษในสถานเบา เป็นเรื่องที่ถูกต้อง  แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงที่ 6 เห็นว่าคำวินิจฉัยที่ว่าตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีนั้นผิดพลาดคลาดเคลื่อน  เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดแสดงพฤติการณ์ไปนั้น  ไม่ใช่เรื่องที่ถูกชักจูงหรือหลงเข้าใจ แต่เป็นผลจากการติดตามความเป็นไปของสังคม  ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดเห็นว่าในภาวะเช่นนี้ควรจะต้องมีบทบาทในการทักท้วงคัดค้านความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในสังคม  ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดจึงได้มีการทำกิจกรรมเช่นนี้ต่อเนื่องมา  บุคคลอื่นจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดก็เป็นเสรีภาพของบุคคลแต่ละคน  ทั้งนี้ บุคคลทุกคนย่อมมีเสรีภาพที่แสดงออกถึงความคิดเห็นและความเชื่อของตนเองได้และความเห็นของบุคคลทุกคนย่อมได้รับความเคารพโดยเสมอภาคกัน

ตามคำแนะนำประธานศาลฎีกา  เกี่ยวกับวิธีการรอการกำหนดโทษ  การรอการลงโทษ  และการกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติ  พ.ศ. 2559  ข้อ 13  ในการป้องกันมิให้จำเลยไปกระทำความผิดซ้ำ  ศาลพึงกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติโดยการให้ละเว้นการคบหาสมาคมหรือการประพฤติใดก็ได้  แต่ต้องคำนึงถึงเงื่อนไข  ไม่ให้กระทบต่อการดำรงชีวิตของจำเลยเกินสมควร  โดยอาจกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับเวลา  สถานที่  และตัวบุคคล  หรือเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม  ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดเห็นว่า  คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ห้ามผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดคบค้าสมาคมหรือจัดกิจกรรมหรือรวมตัวกันอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก  เป็นคำสั่งที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขตามคำแนะนำของประธานศาลฎีกา  ข้อ 13  เนื่องจากศาลมิได้กำหนดเวลา สถานที่  และตัวบุคคลให้ชัดเจน  ทั้งการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดในคดีนี้ก็ไม่ใช่การก่อเหตุร้าย หรือก่อภยันตรายต่อผู้อื่นหรือสังคม  อันจะเป็นเงื่อนไขให้ศาลสั่งห้ามผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดคบค้าสมาคมหรือการประพฤติได้  คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็น  การแสดงออก  และการประพฤติของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดจนเกินสมควรและกระทบต่อสาระสำคัญของการใช้เสรีภาพของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ด  จนทำให้ไม่สามารถใช้เสรีภาพดังกล่าวได้ ทั้งคำสั่งดังกล่าวยังมีความคลุมเคลือ ไม่ชัดแจ้ง  ว่าลักษณะอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดคือลักษณะใด  ซึ่งไม่ถูกต้องกับหลักกฎหมาย

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ศาลเชียงใหม่ไต่สวนคดีชาวลีซูถูกทหารยิงเสียชีวิต

Posted: 02 Feb 2018 06:42 PM PST

คดีไต่สวนการตายนายอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาติพันธุ์ลีซู ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิต ศาลจังหวัดเชียงใหม่ไต่สวนพยานผู้ร้องไปแล้วเหลือ 1 ปาก นัดครั้งต่อไป 27 ก.พ. 2561

 
เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2561 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ ช.18/2560 กรณีนายอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาติพันธุ์ลีซู ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2560  เหตุเกิดที่ถนนสายระหว่างหมู่บ้านรินหลวง-หมู่บ้านป่าบงงาม ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
 
ในวันดังกล่าว พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ร้อง ได้นำพยานมาศาล 3 ปาก ได้แก่ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ทหารที่ยิงนายอะเบ ผู้ใหญ่บ้านพื้นที่ที่นายอาเบฯอาศัยอยู่ และพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพนายอาเบฯ เมื่อผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ทหารฯ และผู้ใหญ่บ้านฯ ได้เบิกความเสร็จแล้ว พนักงานอัยการฯ ผู้ร้อง แถลงต่อศาลจะนำพยานเข้าไต่สวนอีก 1 ปาก แต่ด้วยหมดเวลาราชการแล้วจึงขอนำพยานปากพนักงานสอบสวนฯ จึงขอเลื่อนไปไต่สวนพยานปากดังกล่าวในวันที่ 27 ก.พ. 2561  
 
ด้วยเหตุนี้ศาลจึงได้เลื่อนวันไต่สวนพยานผู้ร้อง และพยานของฝ่ายบิดา มารดาผู้ตาย เป็นวันที่ 27 ก.พ. 2561 เวลา 09.00น. ถึง 16.30น.
 
ทั้งนี้ขอเชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีได้ตามวันเวลาดังกล่าวและสามารถติดตามเรื่องราวของคดีนี้และคดีอื่นๆได้ที่ https://voicefromthais.wordpress.com
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รมว.พลังงานประกาศชะลอโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่-เทพา 3 ปี

Posted: 02 Feb 2018 06:23 PM PST

รัฐมนตรีพลังงาน ประกาศชะลอโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และ เทพา ออกไปอีก 3 ปี โดยจะให้กฟผ.ใช้ระยะเวลาช่วงปี 2561-2563 จัดทำ EIA และเปิดรับฟังความเห็นชาวบ้านให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน คู่ขนานกับการศึกษาโรงไฟฟ้าก๊าซจาก LNG นำเข้า 

 
 
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มาภาพ: Energy News Center
 
เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Energy News Center รายงานว่านายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่ากระทรวงพลังงานมีมติให้ชะลอการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา  จ.สงขลา ออกไปอีก 3 ปี  โดยในช่วงปี2561-2563 ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะไปดำเนินกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)โรงไฟฟ้ากระบี่ และสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงเปิดรับฟังความเห็นประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา นั้นนอกจากจะดำเนินกระบวนการ EIA แล้ว กฟผ.ยังต้องศึกษาความเหมาะสมพื้นที่อื่น ๆ นอกจากเทพา รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใช้ก๊าซ LNG นำเข้าเป็นเชื้อเพลิงด้วยทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย เพื่อเป็นทางเลือกเปรียบเทียบกันในอนาคต
 
ทั้งนี้เมื่อครบ 3 ปีแล้ว กระทรวงพลังงานจะร่วมกับทุกฝ่าย ตัดสินใจอีกครั้งว่าทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ยังมีความจำเป็นที่ต้องสร้างอยู่หรือไม่ โดยหากพบว่าการสร้างโรงไฟฟ้าจาก LNG ในเวลานั้นทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศถูกลงเพราะราคาเชื้อเพลิงถูกลง โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพาอาจจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องสร้างก็ได้
 
สำหรับในช่วง 3-5 ปีนี้ กระทรวงพลังงานจะดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต้ โดยจะผลักดันให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขนาดรวม 300 เมกะวัตต์ โดยจะให้ก่อสร้างภายใน 2-3 ปีนี้ เพื่อทดแทนการดึงไฟฟ้าจากภาคกลางมาใช้ ซึ่งปัจจุบันมีการดึงมาใช้อยู่ 460 เมกะวัตต์ โดยรัฐบาลจะลงทุนในลักษณะของโครงการประชารัฐและ กฟผ.เป็นผู้ดำเนินการสร้างระบบสายส่งให้  
 
พร้อมกันนี้จะให้ กฟผ.ดำเนินการลงทุนสร้างระบบสายส่งจากโรงไฟฟ้าหลักของภาคใต้ คือโรงไฟฟ้าขนอมและโรงไฟฟ้าจะนะ ไปยังแหล่งพื้นที่ความต้องการใช้หลักโดยตรง คือ พื้นที่ จ.สุราษฎ์ธานี ไปถึง พื้นที่ จ.ภูเก็ต รวมถึงขยายระบบสายส่งไฟฟ้าจาก 300 KV ที่มีอยู่ให้เป็นขนาด 500 KV เพื่อให้รองรับไฟฟ้าจากภาคกลางได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังจะนำมาตรการส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้าภาคสมัครใจ (DR) มาใช้ในพื้นที่ภาคใต้อย่างจริงจังด้วย 
 
นายศิริ กล่าวว่า การสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพในภาคใต้ขนาด 300 เมกะวัตต์ จะไม่ทำให้ค่าไฟฟ้าปรับสูงเกินไป เนื่องจากการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของเอกชนรายเล็ก (SPP Hybrid Firm) ที่ผ่านมา พบว่าเอกชนสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในราคาถูกเพียง 2.44 บาทต่อหน่วยเท่านั้น 
 
อย่างไรก็ตามภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค)ในปี 2560 อยู่ที่ 2,624 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังการผลิตอยู่ 2,400 เมกะวัตต์ และดึงไฟฟ้าจากภาคกลางอีก 460 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าจากพลังน้ำอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ และไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนกว่า 50 เมกะวัตต์ แต่เนื่องจากสายส่งไม่พอทำให้การผลิตไฟฟ้าได้จริงเพียง 2,024 เมกะวัตต์  ทำให้ภาคใต้เกิดความเสี่ยงไฟฟ้า ดังนั้นหากขยายระบบสายส่งไฟฟ้าสำเร็จจะลดความเสี่ยงไฟฟ้าลงได้มาก 
 
นายศิริ กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ฉบับใหม่ที่กำลังจัดทำอยู่นั้น จะบรรจุโรงไฟฟ้าถ่านหินไว้เป็นทางเลือกเท่านั้น แต่ไม่อยู่ในแผนหลักเหมือนที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนประเภทเชื้อเพลิงได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น