โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

“อันเฟรล” กังวลการเลือกตั้งไทย จำนวนผู้เสียสิทธิและจำนวนบัตรเกินสูงผิดปกติ

Posted: 05 Jul 2011 12:22 PM PDT

เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรือ “อันเฟรล” แถลงผลการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ชี้ ภาพรวมถือว่าผ่าน แต่พบผู้เสียสิทธิในการเลือกตั้งล่วงหน้าสูงถึงหนึ่งล้านคน

วานนี้ เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (Asian Network for Free Election – ANFREL) หรือ อันเฟรล ออกแถลงการณ์พร้อมรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับผลการสังเกตการณ์การเลือกตั้งในประเทศไทย พบว่าภาพรวมในการจัดการการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม พบว่ามีข้อน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการจัดการการเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหา และความรุนแรงในพื้นที่หลายจังหวัด

ประธานเครือข่ายอันเฟรล นายดามาโช แมคบูอัล ให้ความคิดเห็นถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า การจัดการเป็นไปได้ด้วยดีและไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่างไรก็ตาม ทางอันเฟรลได้แสดงความกังวลถึงการจัดการการเลือกตั้งล่วงหน้าของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีความขัดข้อง เนื่องจากทางกกต. ใช้ทะเบียนรายชื่อเก่าจากการเลือกตั้งปี 2550 ส่งผลให้ผู้ที่เปลี่ยนสถานภาพไม่สามารถใช้สิทธิในการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ ซึ่งคิดเป็นประชาชนราว 500,000 -1,000,000 คน หรือราวร้อยละ 50 ของผู้ที่แจ้งใช้สิทธิล่วงหน้า

นอกจากนี้ ยังพบว่า ในการเลือกตั้งล่วงหน้า กกต. ได้ลดระยะเวลาการเลือกตั้งลง โดยเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2550 การเลือกตั้งล่วงหน้ามีระยะเวลาสองวัน ครอบคลุมเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 17.00 น. แต่ในการจัดการการเลือกตั้งในปี 2554 พบว่าเวลาย่นลงมาเหลือเป็นวันอาทิตย์วันเดียว เวลา 8.00 – 15.00 น. เท่านั้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ประสบปัญหาการจราจรไม่สามารถไปถึงจุดเลือกตั้งได้ทันเวลา

ในรายงานเบื้องต้นของอันเฟรล ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินมาจำนวนมาก โดยในครั้งนี้ พบว่ามีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินมาถึง 12% ซึ่งระดับที่กฎหมายกำหนดนั้นอนุญาตให้พิมพ์ได้ไม่เกิน 7% ของจำนวนทั้งหมดเท่านั้น และเสริมด้วยว่า แม้ในประเทศที่อนุญาตให้ประชาชนกาบัตรใหม่ หากทำบัตรเก่าเสียหรือผิดพลาดนั้น ยังมีจำนวนของบัตรเลือกตั้งที่เกินมาในสัดส่วนที่น้อยกว่านี้มาก ทางอันเฟรลจึงเรียกร้องให้กกต. เปิดเผยที่ไปที่มาของบัตรที่เหลือดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดอยุธยา กาญจนบุรี และขอนแก่น พบว่าทหารที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง มีการพกอาวุธปืนเข้าคูหา ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดหลักสากลของการจัดการการเลือกตั้งอย่างร้ายแรง และในรายงานยังระบุว่า การใช้กฎหมายพิเศษ เช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ กฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ. ความมั่นคง ในระหว่างการรณรงค์หาเสียง ถือเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และละเมิดสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

00000000

แถลงการณ์
การเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ในประเทศไทย

เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (อันเฟรล) ขอแสดงความยินดีกับประชาชนชาวไทยที่ออกมาเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตย เป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ ขอชื่นชมคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ การบินไทย และไปรษณีย์ไทยที่ช่วยสนับสนุนให้การจัดการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ท่ามกลางความกดดันทางการเมืองที่หนักหน่วง คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ยังสามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นและได้ผลการเลือกตั้งที่สะท้อนถึงความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศ

ประเทศไทยได้เผชิญกับความขัดแย้งและความรุนแรงทางการเมืองที่ทำให้เกิดความแตกแยกมาเป็นเวลาหลายปี ขณะนี้ประชาชนคนไทยได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง ด้วยความสงบเรียบร้อยและเป็นไปตามกฎหมายแล้ว

นายดามาโซ แมคบูอัล ประธานเครือข่ายอันเฟรลกล่าวว่า การจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมานั้น เป็นไปด้วยดีและปราศจากข้อกังขาใดๆ ในผลการเลือกตั้งที่ออกมา ถึงแม้จะมีกรณีร้องเรียนบ้างก็ตาม ในส่วนของกรณีร้องเรียนนั้นอันเฟรลขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการไต่สวนโดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการที่ควรดำเนินการด้วยความเป็นธรรม เป็นมืออาชีพ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

ในช่วงระหว่างการหาเสียง ยังเต็มไปด้วยการอภิปรายอันเผ็ดร้อน การกล่าวหาซึ่งกันและกัน การซื้อเสียง และความรุนแรงที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งต่างๆ สิ่งเหล่านั้นกำลังได้รับการตรวจสอบ การซื้อเสียงยังคงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในกระบวนการเลือกตั้งของไทยในระยะยาว รวมทั้งปัญหาความรุนแรงทั้งก่อน และระหว่างการเลือกตั้ง มีการทำร้ายและข่มขู่หัวคะแนนอยู่ทั่วไป

อันเฟรลมีความเป็นห่วงในกรณีของการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 500,000 ถึง 1,000,000 คนไม่สามารถใช้สิทธิได้ เนื่องจากการใช้บัญชีรายชื่อของปี 2550 ทำให้ประชาชนที่เปลี่ยนสถานภาพไม่สามารถใช้สิทธิออกเสียงได้ และไม่ได้รับแจ้งข้อมูลที่เพียงพอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรณีดังกล่าวนี้เป็นกรณีที่เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้

ประการต่อมาคือ การลดจำนวนวันเลือกตั้งล่วงหน้าลงจาก 2 วันเป็นเพียง 1 วัน ทำให้ประชาชนไปใช้สิทธิล้นหน่วยเลือกตั้งที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง และทำให้หลายคนไม่สามารถใช้สิทธิได้ทันเวลาที่กำหนดเพราะปัญหาการจราจร อันเฟรลหวังว่าปัญหานี้คงได้รับการแก้ไขปรับปรุงในการจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไปในระดับรัฐบาล

การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่า 12% ซึ่งกฏหมายกำหนดไว้ที่เพียง 7% ทำให้เกิดการร้องเรียนขึ้นหลายกรณี ถึงแม้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะพยายามอธิบายถึงความจำเป็นในการพิมพ์บัตรเกิน แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมจึงต้องพิมพ์บัตรเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้จำนวนมาก นายดามาโซกล่าวว่า การฝ่าฝืนกฏหมายข้อนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและอาจบั่นทอนความชอบธรรมของการเลือกตั้ง รวมทั้งมุมมองในเรื่องของความเป็นกลางและความสามารถในการจัดการของคณะกรรมการการเลือกตั้งในสายตาของสาธารณชนได้

ในส่วนของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งและบทบาทของผู้นำชุมชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในบริเวณหน่วยเลือกตั้งนั้น อันเฟรลสังเกตเห็นว่าในช่วงระหว่างการเลือกตั้งในบางพื้นที่ควรมีการป้องปรามอย่างเคร่งครัด โดยนายดามาโซกล่าวว่าบุคคลเหล่านั้นอาจให้คุณ ให้โทษ หรือชี้นำผู้มาใช้สิทธิได้

ในหน่วยเลือกตั้งที่ไม่มีตัวแทนพรรคการเมืองมาร่วมเป็นสักขีพยานและสังเกตการณ์ อันเฟรลเรียกร้องให้ตัวแทนภาคประชาชนเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ และเรียกร้องให้พรรคการเมืองมีส่วนร่วมสังเกตการณ์มากกว่านี้เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมในกระบวนการการเลือกตั้ง

อันเฟรลรู้สึกยินดีที่เห็นว่าทหารได้แสดงความเป็นกลางและมีความเป็นมืออาชีพในการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีทหารบางส่วนที่มีการติดอาวุธเข้าไปใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้งซึ่งเป็นการขัดต่อหลักปฏิบัติของนานาชาติ อันเฟรลขอเรียกร้องให้กองทัพคงความเป็นมืออาชีพและปล่อยให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศต่อไปอย่างราบรื่น

อันเฟรลขอแสดงความชื่นชมต่อนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศยอมรับผลการเลือกตั้งและยอมรับความพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทยในคืนวันเลือกตั้ง ท่านนายกฯ อภิสิทธิควรได้รับความชื่นชมเป็นอย่างยิ่งในการกระทำดังกล่าวนี้

ในท้ายที่สุดนี้อันเฟรลมีข้อเสนอแนะ (ตามเอกสารแนบ) ที่รวบรวมมาจากผู้สังเกตการณ์กว่า 60 คนที่ลงพื้นที่ทั่วประเทศไทย ในการแก้ไขปรับปรุงการจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป อันเฟรลจะดำเนินการสังเกตการณ์กระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ไปจนสิ้นสุด ซึ่งรวมถึงการรายงานผลคะแนนอย่างเป็นทางการ ปฏิกิริยาจากฝ่ายต่างๆ และการจัดการเรื่องร้องเรียนต่างๆ ด้วย อันเฟรลจะรวบรวมรายงานทั้งหมดเป็นรายงานในขั้นตอนสุดท้ายต่อไป

นายดามาโซกล่าวสรุปว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ดำเนินไปอย่างสงบเรียบร้อย ถึงแม้จะมีความผิดพลาดในด้านการบริหารจัดการบ้างก็ตาม

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ผลการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2554 อย่างเป็นทางการ

Posted: 05 Jul 2011 11:56 AM PDT

กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการ เพื่อไทยได้บัญชีรายชื่อ 15.7 ล้านคะแนน ส.ส.รวม 265 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ได้บัญชีรายชื่อ 11.4 ล้านคะแนน ส.ส. รวม 159 ที่นั่ง ส่วนบัตรเสียและโหวตโน มีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2550

หมายเหตุ - เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา อย่างเป็นทางการ

ในการแถลงดังกล่าว นายสุทธิพลกล่าวด้วยว่า บัตรเสียในการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อครั้งนี้ เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 นั้นพบว่ามีจำนวนลดลง โดยปี 2554 อยู่ที่ 4.9% ปี 2550 อยู่ที่ 5.56% ขณะที่บัตรเสียการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเมื่อเทียบกับปี 2550 พบว่ามีจำนวนมากขึ้น โดยปี 2554 อยู่ที่ 5.79% ส่วนปี 2550 อยู่ที่ 2.56%

ส่วนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนแบบบัญชีรายชื่อเมื่อเทียบกับปี 2550 ถือว่าลดลง โดยปี 2554 อยู่ที่ 2.72% โดยปี 2550 อยู่ที่ 2.85% ส่วนแบบแบ่งเขตรายชื่อเมื่อเทียบกับปี 2550 ถือว่าลดลงเช่นกัน โดยปีนี้อยู่ที่ 4.03 ลดลงจากปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ 4.58%

ทั้งนี้หากไม่มีการร้องเรียนผู้สมัคร กกต. สามารถประกาศรับรองผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งได้ภายใน 7 วัน คือในวันที่ 12 ก.ค. แต่ถ้ามีเรื่องร้องคัดค้านกกต.ดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน คือวันที่ 2 ส.ค. หลังจากนั้น กกต.จะให้การรับรองผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งไปก่อนแต่การสืบสวนสอบสวนยังดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้มีการคัดค้านทั้งผู้สมัคร ส.ส. ทั้งที่ได้รับการเลือกตั้งและไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา 207 เรื่อง

โดยมีผลการเลือกตั้งและสถิติดังนี้

 
000
สถิติการเลือกตั้ง
 
 
ระบบบัญชีรายชื่อ
 
 
ระบบแบ่งเขต
ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
46,921,682 คน
ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
46,921,777 คน
มาใช้สิทธิ
35,203,107 คน
มาใช้สิทธิ
35,119,885 คน
(ร้อยละ)
75.03%
(ร้อยละ)
74.85%
บัตรเสีย
1,726,051 ใบ
บัตรเสีย
2,039,694 ใบ
(ร้อยละ)
4.9%
(ร้อยละ)
5.79%
โหวตโน
958,052 ใบ
โหวตโน
1,419,088 ใบ
(ร้อยละ)
2.72%
(ร้อยละ)
4.03%
 
 
ผลการเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.
 
พรรคการเมือง
คะแนน
ส.ส.บัญชีรายชื่อ
จำนวน ส.ส.
บัญชีรายชื่อ
จำนวน ส.ส.
แบบแบ่งเขต
จำนวน ส.ส. รวม
เพื่อไทย
(พท.)
15,744,190
61
204
265
ประชาธิปัตย์
(ปชป.)
11,433,762
44
115
159
ภูมิใจไทย
(ภท.)
1,281,577
5
29
34
ชาติไทยพัฒนา
(ชทพ.)
906,656
4
15
19
ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.)
494,894
2
5
7
พลังชล
(พช.)
178,110
1
6
7
รักประเทศไทย
(ร.ป.ท.)
998,603
4
-
4
พรรคมาตุภูมิ
(มภ.)
251,702
1
1
2
พรรครักษ์สันติ
(รส.)
284,132
1
-
1
พรรคมหาชน (พมช.)
133,772
1
-
1
พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.)
125,784
1
-
1
 
ที่มา: การแถลงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 5 กรกฎาคม 2554

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ดูผล exits poll การเลือกตั้ง 2550 และ 2554

Posted: 05 Jul 2011 11:18 AM PDT

ไฮไลท์ของการเลือกตั้งครั้งล่าสุด นอกเหนือจากชัยชนะถล่มทลายของพรรคเพื่อไทย บนความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้สิ่งปลอบใจมาเล็กน้อยเมื่อพวกเขาสามารถเอาชนะผลเอ็กซ์ซิทโพลล์ (exits poll) โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. จากหน้ามือเป็นหลังมือ (จาก 5 ที่นั่ง กลายเป็น 23 ที่นั่ง)

 

แต่กระนั้นสิ่งที่เอ็กซ์ซิทโพลล์ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในการเลือกตั้ง 2 ครั้งล่าสุดก็คือ การบอกผลล่วงหน้าว่าพรรคใดจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง โดยที่ไม่ต้องรอนับคะแนนบัตรเลือกตั้งจนครบทุกใบ

ลองพิจารณาผลเปรียบเทียบ Exit Poll กับผลการเลือกตั้งจริง ของโพลล์สำนักต่างๆ ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ว่าสำนักใดเจ้าไหนคลาดเคลื่อนมากน้อยกว่ากัน

การเปรียบเทียบ exit poll กับผลการเลือกตั้งจริง

ผล exit Poll เทียบกับผลการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. 2550

พรรค

สวนดุสิตโพล

เขต / สัดส่วน / รวม

เอแบคโพล

เขต / สัดส่วน / รวม

รามคำแหงโพลล์

เขต / สัดส่วน / รวม

ผลการเลือกตั้ง

เขต / สัดส่วน / รวม

พลังประชาชน

221/35/256

165/37/202

218/37/255

199/34/233

ประชาธิปัตย์

127/35/162

111/35/146

125/34/159

132/33/165

ชาติไทย

24/5/29

46/3/49

33/5/38

33/4/37

รวมใจไทยชาติพัฒนา

14/1/15

17/2/19

13/1/14

17/7/24

เพื่อแผ่นดิน

8/2/10

39/3/42

10/3/13

8/1/9

ประชาราช

3/1/4

7/0/7

1/0/1

7/0/7

มัชฌิมาธิปไตย

3/1/4

15/0/15

0/0/0

4/1/5

รวม

400/80/480

400/80/480

400/80/480

400/80/480

 ผล exit Poll เทียบกับผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. 2554

พรรค

สวนดุสิตโพล

เขต / สัดส่วน / รวม

เอแบคโพลล์

เขต / สัดส่วน / รวม

ศรีปทุมโพลล์

เขต / สัดส่วน / รวม

นิด้าโพลล์

เขต / สัดส่วน / รวม

ผลการเลือกตั้ง

เขต / สัดส่วน / รวม

เพื่อไทย

247/66/313

234/65/299

266/64/290

246/67/313

204 /61/ 265

ประชาธิปัตย์

107/45/152

92/40/132

97/43/140

92/45/137

115/41/159

ภูมิใจไทย

9/4/13

22/6/28

25/6/31

5/3/8

29/5/34

ชาติไทยพัฒนา

8/2/10

9/3/12

12/3/15

4/2/6

15/4/19

ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน

-/2/2

11/3/14

9/2/11

-/1/1

5/2/7

มาตุภูมิ

-/1/1

2/1/3

4/1/5

-/-/-

1/1/2

รักประเทศไทย

-/3/3

-/4/4

-/4/4

-/5/5

-/4/4

พลังชล

4/1/5

5/1/6

2/1/3

-/1/1

6/1/7

รักษ์สันติ

-/1/1

-/1/1

-/1/1

-/1/1

-/1/1

กิจสังคม

-/-/-

-/1/1

-/-/-

-/-/-

-/-/-

มหาชน

-/-/-

-/-/-

-/-/-

-/-/-

-/1/1

ประชาธิปไตยใหม่

-/-/-

-/-/-

-/-/-

-/-/-

-/1/1

รวม

375/125/500

375/125/500

375/125/500

347/125/472

375/125/500

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เสียงจาก “ประชาชน” คนหนึ่ง: "ไม่ต้องมาดูแลกันมากมาย ขอแค่อย่ามาทำร้ายกันก็พอ”

Posted: 05 Jul 2011 11:13 AM PDT

 

หลังทราบผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลายคนอาจกำลังยินดีปรีดาที่พรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ตนลงคะแนนเลือกได้รับชัยชนะ และในทางตรงกันข้าม อีกหลายคนคงกำลังเศร้า เสียใจ ผิดหวังกับผลการเลือกตั้ง และคงมีอีกบางส่วนที่ไม่สนใจ นิ่งเฉย เบื่อหน่ายจนถึงขั้นโกรธแค้น รวมทั้งอีกหลายๆ อารมณ์ที่ไม่อาจคาดเดาและเข้าถึงด้วยเหตุผลต่างๆ กัน

ขณะที่ทุกสายตาของประชาชนก็ต่างจับจ้องถึงทิศทางของการเมืองไทยหลังจากนี้ คาดเดาว่าหน้าตาของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จากอีกขั้วการเมืองจะเป็นอย่างไร? จะนำพาประเทศต่อไปเช่นใด?

แต่ในสายตา “ประชาชนคนหนึ่ง” ที่สนใจและติดตามการเมืองไทยพอสมควรตลอดระยะเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งที่ผ่านมา ด้วยเพราะความสนใจ (ชอบ) เป็นการส่วนตัว และด้วยเพราะการเป็น “นักเรียนรัฐศาสตร์” อันเป็นส่วนสำคัญในการกล่อมเกลาให้ผม ไม่เบื่อหน่าย รังเกียจ หรือเกลียดกลัวการเมืองและนักการเมืองเฉกเช่นคนบางส่วนในสังคม ผมมีความเห็นและอยากสะท้อนเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งของประชาชนคนนี้ว่า ผมไม่ได้คาดหวังมากมายต่อรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในเร็ววันนี้ ว่าจะต้องปฏิบัติตามสัญญาประชานิยม หรือต้องสร้างความปรองดอง (วาทกรรมศักดิ์สิทธิ์ ที่ทุกภาคส่วนกำลังเรียกร้อง) หรือต้องพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หรือต้องทำโน่นนี่นั่นให้ได้ในชั่วพริบตา

เพราะไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะบริหารประเทศและดำเนินนโยบายไปในรูปแบบใดก็ช่าง จะสร้าง จะลด-แลก-แจก-แถม อะไรมากน้อยหรือจะกระทำการอันใดก็ตามแต่ ผมขอแค่ “รัฐ” อย่ามาละเมิด “สิทธิเสรีภาพ” และ “ข่มเหงรังแกดูถูก” ประชาชน ตลอดจนอย่าก่อ “ความอยุติธรรม” ทุกรูปแบบบนผืนแผ่นดินก็เป็นพอ

เหตุการณ์ที่ประชาชนต้องเดือดร้อนและได้รับผลกระทบไม่จบสิ้นจากการดำเนินนโยบายรวมทั้งโครงการพัฒนาต่างๆของรัฐและหน่วยงานราชการที่อ้างแต่ว่าจะนำความเจริญให้แก่ประเทศและประชาชน โดยไม่ให้โอกาสประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมในกระบวนการตัดสินใจอย่าง กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้งที่แม่เมาะ บ่อนอก-หินกรูด (ที่ประชาชนต่อต้านจนไม่ได้สร้าง) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ชุมพร โรงไฟฟ้าและโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่จะนะ การก่อสร้างเขื่อนต่างๆ ทั้งเขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูล เขื่อนราศีไศล (ที่ยังคงต่อสู้กันจนถึงปัจจุบัน) นิคมโรงงานอุตสาหกรรมนานาประเภท เหมืองแร่ ท่าเรือน้ำลึก และโครงการพัฒนาอีกสารพัด รวมถึงการใช้ความรุนแรงโดยรัฐที่ขาดการยั้งคิดและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่าง กรณีการอุ้มหายและอุ้มฆ่า การฆ่าตัดตอน การซ้อมและทรมานขณะจับกุมคุมขัง การเลือกปฏิบัติและการใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม การปราบปรามฆ่าฟันผู้บริสุทธิ์และผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เคลื่อนไหวอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป!

(มิพักต้องกล่าวถึงเรื่องทุจริตคอรัปชั่น อันเป็นรูปแบบหนึ่งของความอยุติธรรมที่ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อประชาชนและประเทศ ซึ่งผมและทุกคนในสังคมคงไม่อยากให้เกิดขึ้น)

ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทย “รัฐ” คือ “ผู้ผูกขาด” การใช้อำนาจ การบัญญัติ บังคับใช้ แก้ไขกฎหมาย และการใช้ความรุนแรงอย่างมีความชอบธรรมมาโดยตลอด…

“ดังนั้น…ไม่ต้องมาดูแลกันมากมาย ขอแค่อย่ามาทำร้ายกันก็พอ”

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

วิกิลีกส์: พรรคการเมืองใหม่ แตกแยกเพราะไม่ลงรอยเรื่องสถาบัน

Posted: 05 Jul 2011 11:08 AM PDT

เปลี่ยนสีตัวเองให้เป็นเขียว-เหลือง ก้าวเข้าสู่วงการเมือง และเปลี่ยนสีระหว่างทาง

เอกสารวิกิลีกส์ หมายเลข 09BANGKOK2855 วันที่ 11 เดือนกันยายน 2552
เอกสารลับ สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเทพฯ
Classified By: POL Counselor George Kent, reasons 1.4 (b, d)

09BANGKOK2855 COLOR ME GREEN – YELLOW-SHIRTS ENTER THE POLITICAL RING AND CHANGE COLORS ALONG THE WAY

สรุปและความเห็น
1. พรรคการเมืองใหม่ (กมม.) ซึ่งนำโดยนักธุรกิจสื่อผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพล สนธิ ลิ้มทองกุล  เป็นพรรคล่าสุดที่ก้าวเข้าสู่การเดิมพันทางการเมืองของไทย สร้างคนเสื้อเหลือง/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งแกนนำการเคลื่อนไหวผันมาเป็นแกนนำพรรค พรรคการเมืองใหม่ปรารถนาที่จะนำเอาพลังและจิตวิญญาณชาตินิยมของ “เสื้อเหลือง” ไปสู่กลไกทางการเมืองแบบทางการที่มีประสิทธิภาพ – ด้วยโทนสีเขียวอ่อน – มีศักยภาพที่จะขับเคลื่อนเป้าหมายเชิงนโยบายให้ก้าวหน้า

สนธิเป็นตัวแทนของความเชื่อว่า ฝ่ายชนชั้นนำในประชาธิปัตย์ไม่สามารถที่จะเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของพันธมิตรฯในการเมืองแบบตามระบบ และกระบวนการทางรัฐสภา แต่แม้ว่าจะมีโวหารเลิศลอยและมีความทะเยอะทะยานต่อผลการเลือกตั้งเพียงใด นักวิเคราะห์จำนวนมากก็คาดการณ์ว่าพรรคการเมืองใหม่จะประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการเลือกตั้งที่จะถึง และสร้างความเสียหายแก่ประชาธิปัตย์เล็กน้อย บางทีอาจจะสร้างปัญหาให้กับพรรคการเมืองใหม่มากกว่าด้วยซ้ำในการเดินหน้าต่อ เช่นเดียวกับกับ “เสื้อเหลือง” ความแตกแยกได้ขยายวงออกด้วยความเห็นที่ไม่ลงรอยกันภายในต่อประเด็นหลักการสำคัญของพรรคว่า ควรจะส่งเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ในฐานะสถาบัน หรือต่อพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันเท่านั้น

2. ทุกบทวิเคราะห์การเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่า พรรคการเมืองใหม่ยังต้องออกแรงอีกยาวนานและอย่างยากลำบากเพื่อจะได้รับชัยชนะอย่างใกล้เคียงความจริง, พรรคอาจมีโอกาสได้ประมาณ 10 ที่นั่งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นครั้งถัดไป สมาชิกของพรรคคนหนึ่งกล่าวอย่างกลางๆ ว่า ยังเห็นไม่ชัดเลยว่า การมีที่ตั้งหลักเล็กๆ อยู่ในรัฐสภาจะช่วยให้สนธิและเพื่อนร่วมพรรคได้เข้ามาปรับโครงสร้างพื้นฐานในระบบการเมืองได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นการขึ้นดำรงตำแหน่งของXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX ก็อาจจะนำไปสู่การแตกหักระหว่างพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ หากสมาชิกพรรคคนสำคัญๆ ตั้งคำถามอย่างเปิดเผยถึงความเหมาะสมขององค์รัชทายาทผู้เป็นที่คาดหมายว่าจะขึ้นครองราชย์  

สนธิและพรรคพวก ดูเหมือนจะป้องกันความเสี่ยงด้วยการรักษาบทบาทของพันธมิตรไว้ ขณะที่ก็สร้างพรรคการเมืองใหม่ไปด้วย

หากเป็นไปตามที่คาด, พรรคการเมืองใหม่แพ้การเลือกตั้ง และพบว่าการจะได้คะแนนเสียงเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าการยึดสนามบิน สนธิและเหล่าผู้ติดตามยังสามารถกลับคืนสู่พื้นที่บนท้องถนนเพื่อให้สารของเขาเป็นที่ได้ยิน

                                                                                      จบส่วนสรุปและความเห็น

 

พันธมิตรตัดสินใจ ถึงเวลาของพรรค
3. พรรคการเมืองใหม่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2552 ในฐานะที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองของพันธมิตรฯ เป็นการก่อตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อเสริมมากกว่าเพื่อทำหน้าที่แทนพันธมิตร ทั้งพรรคและพันธมิตรฯ มีองค์ประกอบที่ร่วมกันอยู่ทั้งในแง่สมาชิก แหล่งทุน และวัตถุประสงค์

สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ บอกเราเมื่อวันที่ 3 พ.ย. (52) ว่าพันธมิตรฯ ยังคงโฟกัสที่การโจมตีทักษิณ ขณะที่พรรคการเมืองใหม่มีหน้าที่ทำให้เป้าหมายการเคลื่อนไหวของพันธมิตรลุล่วงไปผ่านกระบวนการในระบบ และกระบวนการทางรัฐสภา

เป็นพัฒนาการที่ไม่ได้สร้างความประหลาดใจใดๆ ผู้ที่เชื่อมั่นศรัทธาต่อพรรคเลือกสนธิเป็นหัวหน้าพรรคคนแรกในการประชุมสมาชิกพรรคครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 ต.ค.

สนธิ ซึ่งฟื้นตัวอย่างเกือบจะสมบูรณ์แล้วจากการถูกลอบสังหารเมื่อช่วงต้นปี ตอบรับตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว เคยกล่าวประโยคที่ลือเลื่องครั้งหนึ่งว่า “เอารองเท้าตบหน้าผมได้ทันที ถ้าวันไหนผมไปรับตำแหน่งอะไรทางการเมือง”

4. (SBU) การเปลี่ยนผ่านรวมถึงการเปลี่ยนสี จากสีเหลือง (ของพันธมิตร, แสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) เป็นสีเขียวอ่อน (ของพรรคการเมืองใหม่) สัญลักษณ์ของพรรคเป็นรูปมือสีเหลือง 4 ข้างเกาะเกี่ยวกัน (แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยทั้ง 4 ภาค) บนพื้นหลังสีเขียว โทนสีเขียวสื่อถึงพรรคและพันธสัญญาของพรรคในการสร้างธรรมาภิบาล พรรคการเมืองใหม่ยังมีวาระเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมด้วยความเชื่ออย่างหนักแน่นเต่อเป้าหมายอีกประการหนึ่งของพรรคในการส่งเสริมความคิดเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน

วัตถุประสงค์ของพรรค
5. (C) โดยที่ผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ ซึ่งขณะนี้มาตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้นเป็นผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้ประชาธิปัตย์ นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าในสนามเลือกตั้ง พรรคการเมืองใหม่จะแย่งคะแนนเสียงจากประชาธิปัตย์มากกว่าที่จะดึงความสนใจจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งรายใหม่ หรือดึงคะแนนเสียงจากฐานเสียงอื่นๆ

ตามข้อมูลของทางพรรค ผู้สนับสนุนพรรคส่วนใหญ่เป็นคนที่มีการศึกษา ผู้มีฐานะดีในเขตเมือง เลขาธิการพรรรค-สุริยะใสคาดว่าพรรคการเมืองใหม่น่าจะทำคะแนนได้ดีในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จ.พิจิตร (ภาคเหนือตอนล่าง) และภาคเหนือตอนบน

พรรคอาจจะแย่งที่นั่งอีกหลายแห่งที่ฐานคะแนนเอาใจออกห่างประชาธิปัตย์
(หมายเหตุ: การเลือกตั้ง ส.ส. โดยทั่วไปขึ้นกับตัวบุคคลมากกว่าความนิยมในพรรค. จบหมายเหตุ)  

6. อย่างน้อยที่สุดก็ต่อสาธารณะ, พรรคการเมืองใหม่วางเป้าหมายที่ชัดเจนมากในการเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่โดยส่วนตัวแล้ว สุริยะใส กล่าวว่าพรรคการเมืองใหม่คาดหวังว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ว่าประชาธิปัตย์หรือเพื่อไทยซึ่งหนุนหลังโดยทักษิณจะได้จัดตั้งรัฐบาล พวกเขาจะเล่นบทผู้ตรวจสอบการคอร์รัปชั่นและขาดธรรมาภิบาล

7. ในเดือนเมษายน, ตัวอย่างเช่น จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรบอกกับสื่อมวลชนว่า “เป็นเรื่องสำคัญสำหรับพรรคการเมืองใหม่ที่จะเป็นผู้นำในรัฐบาลผสม ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีความแตกต่างอะไรระหว่างการเมืองแบบเก่าซึ่งมีการซื้อขายเสียง สาดโคลน และการเมืองที่ใช้เงิน (money politics)

เดือน พ.ค.,ในตอนเย็นวันหนึ่งซึ่งมีการระดมทุน แกนนำพันธมิตรรายหนึ่ง (และขณะนี้เป็น ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์) ทำนายว่าพรรคการเมืองใหม่จะได้ที่นั่งถึง 30 ที่ในการเลือกตั้ง

เมื่อเร็วๆ นี้ สุริยะใสวิเคราะห์แบบมีสติมากขึ้นและบอกกับเราว่า พรรคการเมืองใหม่คาดหวังว่าจะได้ 20 ที่นั่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่บรรดาผู้สังเกตการณ์ก็ยังรู้สึกว่ามองโลกในแง่ดีเกินไป จากการสนทนากับเครือข่ายในพรรคการเมืองต่างๆ ผู้สังเกตการณ์ที่มีข้อมูลมากๆ เชื่อว่าพรรคนี้จะได้ที่นั่งอยู่ระหว่าง 0-10

ประชาธิปัตย์ไม่หวาดหวั่น
8. สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์บอกกับเราเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ว่า เขาคาดหวังอย่างจริงจังว่าพันธมิตรฯ จะเปลี่ยนมาสู่การเป็นพรรคการเมืองและตระหนักว่า พรรคการเมืองนี้จะมาถ่ายเทคะแนนไปจากประชาธิปัตย์ ในขณะที่แสดงตัวเป็นพลังกดดันทางการเมืองแบบ “ชาตินิยม”

พรรคประชาธิปัตย์ดูจะไม่กังวลใจกับการตั้งพรรคการเมือง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ซึ่งเป็น ส.ส. เขตในกรุงเทพฯ ซึ่งต้องลงแข่งกับผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหม่ที่ฐานเสียงแข็งแกร่งคนหนึ่ง (ซึ่งเขาประเมินว่ามีประมาณ 15,000-20,000 คน) บอกกับเราเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เขามีฐานเสียงประมาณ 60,000 คนจากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ฉะนั้นต่อให้ผู้สมัครของพรรคการเมืองใหม่ลงแข่งกับเขาในเขตนี้ 2 คน แย่งคะแนนจากเขาไปสัก 40,000 เขาก็ยังคงได้รับการเลือกตั้งอย่างสบาย

9. ในการอธิบายว่าทำไมพรรคการเมืองใหม่ถึงต้องพยายามอย่างหนักในการแปรผู้สนับสนุนไปสู่การได้ที่นั่งในสภา, อภิมงคลกล่าวว่า แม้ว่าพรรคการเมืองใหม่จะได้รับความนิยมและการสนับสนุนอยู่บ้าง แต่สมาชิกของพรรคการเมืองใหม่กระจายไปทั่วประเทศโดยไม่มีศูนย์รวมฐานคะแนนของพรรค คะแนนของพรรคการเมืองใหม่กระจายยิบย่อยเกินไปทั่วประเทศและก็มีพื้นที่ที่ฐานเสียงเข้มแข็งพอที่จะโอกาสจะแย่งเก้าอี้จากประชาธิปัตย์เพียง 1-2 ที่นั่งเท่านั้น เขาคาดการณ์ว่าพรรคการเมืองใหม่อาจจะได้ประมาณ 7-8 ที่นั่งในส่วนของปาร์ตี้ลิสต์ซึ่งใช้ฐานเปอร์เซ็นต์คะแนน และจะไม่ได้ที่นั่งจากระบบเขต

10. ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และเป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับเราว่า พรรคการเมืองใหม่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่มีผลเลย 

ชินวรณ์ชี้ว่า การเลือกตั้ง ส.ส. เขตใน จ. สุราษฎร์ธานีที่จัดขึ้นในเดือนสิงหาคม คือหลักฐานสำคัญที่แสดงความอ่อนแอของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งโน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนตนกาช่องไม่ลงคะแนน

ในการเลือกตั้งครั้งนั้น แม้ว่าจะมีการโหมประโคมโฆษณา แต่ก็มีผู้ลงคะแนน ไม่ประสงค์จะเลือกผู้ใดเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ชัยชนะอย่างง่ายได้

SOME IN NPP BELIEVE THIS PRINCE SHOULD BE A PAUPER
11. สำหรับพรรคการเมือง ในทางสาธารณะนั้น ถือได้ว่าอย่างน้อยที่สุดก็เป็นพรรคที่สถาปนารากฐานความจงรักภักดีในสถาบันกษัตริย์, แต่ในพรรคการเมืองใหม่ ในแง่มุมส่วนบุคคลกลับมีบุคลิกภาพแตกต่างอย่างน่าประหลาดในประเด็นการสืบราชสมบัติ

สุริยะใส เปิดเผยกับเราว่า พันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ แตกกันระหว่างคนที่ชัดเจนว่าสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ กับคนที่สนับสนุนเฉพาะกษัตริย์ในแง่ปัจเจกบุคล โดยเขาจัดตัวเองไว้ในกลุ่มหลัง XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX XXXXXXXXXXXXXXX XXXXXXXXXXXXX

คำถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรค หากพระบรมโอรสาธิราชทรงสืบราชสมบัติ?

สุริยะใสกล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาเชื่อว่า สถาบันกษัตริย์ต้องถูกปฏิรูป และให้ความเห็นว่า องค์ประกอบบางส่วนในการเคลื่อนไหวของฝ่ายราชานิยมมีความ “อันตราย” ซึ่งบางทีอาจจะมากกว่าการเคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณ

                                                                                                      จอห์น

 

ที่มา: “http://thaicables.wordpress.com/2011/06/23/09bangkok2855-color-me-green-yellow-shirts-enter-the-political-ring-and-change-colors-along-the-way/

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

"ชูวิทย์" มอบดอกไม้ให้กำลังใจรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

Posted: 05 Jul 2011 09:36 AM PDT

หัวหน้าพรรครักประเทศไทย มอบดอกไม้ให้กำลังใจรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเข้าพบประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมระบุ การเป็นฝ่ายค้านสามารถทำประโยชน์ให้ประชาชนได้เหมือนกัน

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานวันนี้ (5 ก.ค.) ว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกันนี้ได้เดินทางเข้าพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โดย นายชูวิทย์ กล่าวกับนายชวนว่า ตนเองเดินทางมาให้กำลังใจ นายอภิสิทธิ์ ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะตนเองตั้งใจมาเป็นฝ่ายค้านเพราะฝ่ายค้านสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชน ได้และ นายอภิสิทธิ์ ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศอีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาตนเองข้องใจว่าพรรคที่เคยร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ทำไมวันนี้จึงกลับไปเข้าร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การจะมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกันจะต้องมาหารือกันว่าจะทำอย่างไร

ขณะที่ นายชวน กล่าวแสดงความยินดีที่นายชูวิทย์ได้มาเป็น ส.ส. และเห็นว่าพรรคการเมืองต้องเป็นได้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ พรรคที่ได้เสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาล พรรคที่ได้เสียงน้อยก็เป็นฝ่ายค้านเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราควรทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดซึ่งการทำงานร่วมกันต้องรอให้สภาเปิด ก่อน อย่างไรก็ตาม ตนเองเห็นด้วยที่ นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่คนที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านควรจะเป็น นายอภิสิทธิ์

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เพ็ญ ภัคตะ: ศักดิ์ศรีคนอีสาน

Posted: 05 Jul 2011 09:23 AM PDT

สูเกิดมาเป็นคนกรุง หอมกลิ่นประทิ่นปรุง เรืองรุุ้งฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม

สูจึงเหยียบย่ำซ้ำเติม สันดานแต่เดิม พูนเพิ่มหลงปลื้มลืมตัว

สูคอยจิกกัดกดหัว มองผู้อื่นชั่ว เป็นวัวเป็นควายใช่คน

สูแบ่งผิวพรรณชั้นชน นี่พวกพ้องตน และโน่นบ้านนอกคอกนา

สูเหม็นสาบคาวปลาร้า ชิงชังชั่วช้า แช่งด่าว่าด้อยแดกดัน

สูจ้องรังเกียจเหยียดหยัน กล่าวโทษลงทัณฑ์ ว่ามันเป็นลาวใช่ไทย

สูเห็นเฮาเป็นคนไหม เฮามีหัวใจ มิใช่ใบ้เบื้อบัดสี

เฮาคือไพร่แดงเสรี หทัยดวงนี้ เฮาพลีเพื่อความยุติธรรม

เฮาจนบ่จนใจดำ กินไม่อิ่มหนำ แต่อิ่มน้ำคำเกินเอียน

เฮาอาจไม่เคยได้เฮียน บ่ฮู้ขีดเขียน โรงเรียนเฮาคือทุ่งนา

เฮาเฮียนจากหอยปูปลา จากดินจากหญ้า จากป่าฟ้าเปลี่ยวเรียวไพร

เฮาฮู้ว่าไผเป็นไผ ใครกลั่นแกล้งใคร เหตุใดไทยไม่พัฒนา

เฮาหันความจริงยิ่งกว่า หอคอยศักดินา บูชารูปโฉมโนมพรรณ

เฮาต่ำแค่ชาติตระกูลชั้น หากใจเฮานั้น ฮู้ทันทรราชฆาตกร

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

“วิกิลีกส์” ยื่นฟ้อง วีซ่า-มาสเตอร์การ์ด

Posted: 05 Jul 2011 07:50 AM PDT

เรกยาวิก - เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทนายความของวิกิลีกส์ในไอซ์แลนด์ Svein Andri Sveinsson ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า การระงับการให้บริการทางการเงินของวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด มีผลทำให้วิกิลีกส์ต้องสูญเสียรายได้จากเงินบริจาคไปกว่าวันละ 130,000 ยูโร โดย Sveinsson แจงว่า จะฟ้องวิซ่าและมาสเตอร์การ์ดต่อสหภาพยุโรป ในข้อหาใช้ตำแหน่งทางการตลาดในทางละเมิด และทำผิดกติกาการแข่งขันในยุโรป ถ้าหากว่าสองบริษัทดังกล่าวยังคงไม่ยกเลิกการระงับการให้บริการทางธุรกรรมแก่วิกิลีกส์

wikileaks's logo

ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บริษัทที่ให้บริการทางการเงิน เช่น วีซ่า มาสเตอร์การ์ด และเพย์พัล (PayPal) รวมถึง Amazon.com ต่างถอนตัวออกจากการให้บริการการชำระเงินแก่วิกิลีกส์ เนื่องจากให้เหตุผลว่าวิกิลีกส์ละเมิดข้อตกลงในการให้บริการ

รองประธานเพย์พัล Osama Bedier ได้เปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า ในเดือนพฤศจิกายนปี 2553 ทางเพย์พัลได้รับจดหมายแจ้งจากทางรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า การกระทำของวิกิลีกส์เป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย ทางเพย์พัลจึงได้มีนโยบายระงับการให้บริการแก่วิกิลีกส์ ในขณะที่ทางมาสเตอร์การ์ดได้ให้ความเห็นต่อการระงับการให้บริการทางการเงินดังกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องของมาสเตอร์การ์ดแต่เพียงผู้เดียว

อนึ่ง องค์กรวิกิลีกส์ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยนักไอทีและนักเคลื่อนไหวหลายประเทศ และมีจูเลียน อัสซานจ์ ชาวออสเตรเลียเป็นผู้อำนวยการ วิกิลีกส์ได้มีบทบาทในการเปิดโปงเอกสารลับของรัฐบาลและบรรษัทเอกชนในระยะสี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของสหรัฐฯ ในการทำสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน

ในเดือนพฤศจิกายนปี 2553 วิกิลีกส์ได้ปล่อยโทรเลขทางการทูตของรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวนกว่าสองแสนฉบับ ซึ่งให้ข้อมูลในทางการทูตและการข่าวของหลายประเทศ โดยมีเอกสารที่เกี่ยวข้องประเทศไทยกว่าสามพันฉบับ ส่งผลให้รัฐบาลไทยบล็อกเว็บไซต์วิกิลีกส์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เนื่องจากอ้างว่ามีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

คลิปล่าสุดโดยวิกิลีกส์ “What does it cost to change the world?”
(การเปลี่ยนแปลงโลกมีราคาเท่าไร)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ฮอร์ นัม ฮง

Posted: 05 Jul 2011 07:33 AM PDT

พวกเราดีใจกับชัยชนะของพรรคเพื่อไทย พวกเราหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่ตั้งขึ้นโดยพรรคเพื่อไทยจะคลี่คลายปัญหาที่ชายแดนซึ่งกัมพูชามองเรื่องนี้ในแง่บวกกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้านี้

รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาแสดงความยินดี"เพื่อไทย"ชนะเลือกตั้ง, 4 ก.ค. 2554

ร้ายสไตล์กับรุ้งรวี ศิริธรรมไพบูลย์: เซ็นทรัลเวิลด์กลายเป็น “บ้านเมืองของเรา” ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

Posted: 05 Jul 2011 07:24 AM PDT

Who run the world (Girl) Who run the world (Girl)...

ในขณะที่กำลังซ้อมเต้นกับซิงเกิลใหม่ของบียอนเซ่อยู่ เพื่อนสาวไฮโซก็แท็กคลิปยูทูบอันหนึ่งมาให้บนวอลล์ในเฟซบุ๊ก ชื่อว่า ‘Beyonce อยากไปเซ็นทรัลเวิลด์’ ซึ่งเป็นการนำคลิปการแสดงเพลง ‘Who run the world’ ของบียอนเซ่ในงานแฟร์เวลเจ้าแม่ทอล์กโชว์โอปราห์ วินฟรีย์ ที่สิ้นสุดรายการ The Oprah Winfrey Show เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคอโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือยูทูบคงพอจะรู้ว่านี่คืออีกหนึ่งเวอร์ชั่นของ ‘พากย์นรก’ ที่เป็นกระแสอยู่สักพักเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ The Matrix จะไปซื้อผ้าที่พาหุรัดแล้ว

โอ๊ยยย...นั่งขำจนน้ำตาเล็ด ไปหาดูกันเองนะคะ

ดิฉันว่างานนี้เครือเซ็นทรัลคงต้องจ่ายเงินให้กับคนทำคลิปแล้วล่ะ (ส่วนจะจ่ายให้บียอนเซ่หรือเปล่าก็ไปฟ้องร้องกันในชั้นศาลเอาเอง) เพราะถือว่าเป็นการโฆษณา ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เต็มๆ เลยล่ะงานนี้ ว่าแต่ทำไมต้องเป็น ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ทำไมไม่เป็นพารากอน สยามสแควร์ ดิ เอ็มโพเรียม หรือเกษร (คาดว่าบียอนเซ่คงไม่ไปเซียร์ รังสิต พันทิพย์ หรือเดอะ มอลล์ แน่ เพราะแลดูจะไม่ไฮโซเท่าไหร่)

นั่นสิ...ทำไมต้องเป็น ‘เซ็นทรัลเวิลด์’

ปกติดิฉันไม่ค่อยจะเดินเซ็นทรัลเวิลด์เท่าไหร่ เพราะอย่างที่รู้กันว่าไม่ค่อยมีซูเปอร์แบรนด์ให้ช้อป ไฮโซตัวจริงนอกจากจะไม่ช้อปในประเทศแล้ว ถ้าเกิดฉุกเฉินจริงๆ ก็น่าจะช้อปกันที่เกษร ดิ เอ็มโพเรียมมากกว่า อย่าว่ากระนั้นกระนี้เลย พารากอน ยังไม่อยากจะเดิน ส่วนเซ็นทรัลเวิลด์น่ะเหรอ มีแต่สลิ่มไปหาข้าวกินกับดูหนังเท่านั้นแหละ

ก่อนหน้าที่จะชื่อว่า ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ที่ตรงนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เวิลด์เทรด’ อันเป็นชื่อเหมือนตึกเวิลด์เทรดที่ล้มพังพาบไปเมื่อเหตุการณ์ 911 อันเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของมหานครนิวยอร์ก คนตั้งชื่อก็คงกะว่า ‘เวิลด์เทรด’ ก็คงจะเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน แต่หลังจากเจ๊งมาหลายครั้ง ก็เลยรีโนเวทใหม่ปลี่ยนชื่อเป็น ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ (มีคนบอกกันว่าที่ตรงนั้น ‘ของ’ เค้าแรง เนื่องจากเป็นสี่แยกที่มีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาอยู่หลายองค์ หลายทิศ ก็เลยแผ่ความ ‘แรง’ ใส่กัน เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่ถ้าถามแม่ชีทศพรว่าทำไมเซ็นทรัลเวิลด์ถึงโดนเผา ดิฉันว่าแม่ชีทศพรก็จะอธิบายด้วยเหตุผลนี้แหละ...จริง...จริ๊ง...)

ไม่ว่าจะเป็นเวิลด์เทรด หรือเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ไม่เคยเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ แม้ว่าจะพยายามจัดงานปีใหม่ทุกปีก็ตาม

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับบียอนเซ่ ?

ที่พล่ามมาเสียยืดยาวเพื่อจะพล่ามต่อว่า ไม่นานหลังจากนั้น (ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง) ก็มีคลิปอีกอันที่ดิฉันได้รับแท็กมาในหน้าวอลล์เฟซบุ๊ก เป็นคลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์การเผาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยประโยคที่ใช้นั้นกล่าวว่าคุณยังจำได้ไหม...ว่าใครเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง (อะไรอีกก็จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้คลิกดู มัวแต่ดูมิวสิค Who run the world) แน่นอน คลิปนี้ ใจความนี้ และในช่วงเวลานั้น มันมีนัยถึงการเลือกตั้ง (ที่ผ่านมา) ว่าคุณจะเลือกคนที่เผาบ้านเผาเมืองให้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองหรืออย่างไร เหมือนกับที่หลังจากเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงข้างมากพร้อมจัดตั้งรัฐบาล ข้อความบนหน้าวอลล์เฟซบุ๊กก็เต็มไปด้วยการเสียดสีประมาณว่า ต่อไปนี้คงไม่มีคนเผาบ้านเผาเมืองอีกต่อไปแล้ว เพราะมันได้มาปกครองบ้านเมืองแล้ว อืม...ประมาณนั้น

ไอ้เรื่องการเผาบ้านเผาเมือง ใครทำอะไรยังไง ดิฉันไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ จำได้ว่าช่วงนั้นไม่ได้อยู่เมืองไทย มัวแต่ลั้นลากับผู้ชายอยู่เมืองนอก เลยไม่ค่อยได้สนใจข่าวสารบ้านเมืองสักเท่าไหร่ (ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยจะสนใจข่าวการเมืองพวกนี้ เพราะงานหลักคือเขียนข่าวกอสซิปดาราเมืองนอก กับรายงานเทรนด์แฟชั่นเมืองนอกค่ะ) ยกเว้นเรื่องของซ้อเจ็ดที่ต้องเปิดอ่านเป็นประจำ แต่ที่ทำให้ต้องหวนกลับมาคิดถึงนั้นก็เพราะว่า

ตกลง ‘บ้านเมือง’ ที่ว่านี้คือ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เหรอ...???

เอาล่ะ...อุปมาว่าด้วยจินตนาการแห่งความเป็นรัฐ เป็นชาติ อย่างที่ธงชัย วินิจจะกูล ว่าไว้ (ดิฉันไม่ได้ว่า อ้างคนอื่นเค้ามาอีกที) แม้มันจะไม่มีจริง เป็นเพียงจินตนาการก็ตามที แต่เราก็ต้องมีสัญลักษณ์มารองรับเพื่อทำให้สามารถ ‘ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย’ ได้ ซึ่งสัญลักษณ์สุดฮิตเพื่อสร้างบ้านแปงเมือง หรือความเป็นไทยขึ้นได้ ก็มีไม่กี่อย่าง ธงชาติไทยเอย การไหว้เอย (ไม่รวมพับเพียบนะคะ แพลงกิ้งก็ไม่เอา) เพลงชาติเอย ประวัติราชวงศ์ต่างๆ ที่เรียนในแบบเรียนสังคมศึกษาอันลากยาวมาตั้งเทือกเอาอิไตอิไต เอ๊ะ! ไม่แน่ใจนะคะ อัลไต หรืออิไตอิไต (เรียนอินเตอร์มาค่ะ ขออภัย) ซึ่งเรื่องจินตนาการความเป็นชาติ ความเป็นบ้านเมืองของเราด้วยการปลูกฝังผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ นี้ คงมีคนพูดกันจนเฝือแล้ว (ไปหาอ่านเอาเอง) แต่ที่ดิฉันขอตั้งข้อสงสัยก็คือ ชาติ บ้านเมือง (ไทย) มันกลายเป็นเพียง ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ (ยังไง เพราะอะไร) ไฉนเลยชาติบ้านเมืองของเรา มันจึงหดกะจิดริดจากขวานทอง (อันนี้ก็อุปมาอุปไมย) อันใหญ่โต สวยงามเหลือเพียงห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า ‘เซ็นทรัลเวิลด์’

จากความหมายของคลิป ความหมายของข้อความในเฟซบุ๊กที่เกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์การเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มาจนถึงก่อนเลือกตั้ง ทำให้เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่ง (ไม่ทราบจำนวนและอาจเป็นไปด้วยความไม่ตั้งใจ) พยายามสร้างความหมาย (และวาทกรรม ?) ของคำว่า ‘บ้านเมือง’ (ที่ถูกเผาวอดวาย) ให้เหลือห้างสรรพสินค้าห้างหนึ่ง เพื่อบอกต่อความหมายนี้ไปยังคนอีกหลายคน (ในเฟซบุ๊ก ?) ว่าคนที่ทำลาย ‘บ้านเมือง’ ของตัวนั้น ไม่สมควรที่จะได้รับการเลือกตั้งเพื่อมาปกครอง ‘บ้านเมือง’ (ของเรา ?)

ที่จริงปรากฏการณ์การสร้างความหมาย (และวาทกรรม ?) ของความเป็นชาติ บ้านเมือง ให้เหลือเพียง ‘อะไรอย่างหนึ่ง’ ที่ลดทั้งขนาด (จากขวานทอง) ความศักดิ์สิทธิ์ (เพลงชาติ) หรือระยะเวลา (ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ผู้ปกครองบ้านเมือง) ฯลฯ (อาจจะมีมากกว่านี้นะคะ พอดีคิดไม่ออก ไม่ค่อยจะมีความรู้น่ะค่ะ นอกจากเรียนจบหลักสูตรอินเตอร์มาแล้ว ยังจบแค่ป.ตรี มหาวิทยาลัยเล็กๆ ริมแม่น้ำที่ยากจนมากๆ เพราะใช้งบฯ ทั้งหมดไปสร้างภาพจนไม่เหลือเงินไปซื้อหนังสือมาให้นักศึกษาอ่านในห้องสมุด นักศึกษาอย่างดิฉันก็เลยโง่นี้ดดด..นึง ปล. ขอนอกเรื่อง ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้ ที่ถามคำ ผกา ในประเด็นการรับน้อง เมื่อเห็นถึง ‘โวหารที่ใช้ในคำถาม’ ที่ดูโอ้อวดเรื่องเสรีภาพ อะไรเทือกนั้นเหลือเกิน แล้วรู้สึกคันคะเยอ คลื่นไส้ แล้วอยากจะอ้วกเสียจริง!) นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เซ็นทรัลเวิลด์ ไม่ได้เป็นตัวแทนความเป็นชาติบ้านเมือง ในยุคโพสต์โมเดิร์นของเรา ก่อนหน้านี้เรามีทั้งเสื้อยืดสกรีนคำเชยๆ โหลๆ มีทั้งริสต์แบนด์ มีเข็มกลัด เพลงปลุกใจสมัยว่าด้วยความปรองดอง หรือแม้กระทั่งเอสเอ็มเอส และภาพโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามันได้กลายร่างจากนามธรรม หรือของสูงส่งสูงค่า ให้เหลือเพียงวัตถุอันว่าด้วยการบริโภค และ ‘ไลฟ์สไตล์’ อุปมาว่าด้วยบ้านเมือง หรือความเป็นชาติจึงต้องถูกปรับแต่งให้เข้ากับยุคกับสมัย ลดทอนให้เหลือเพียงสิ่งที่สลิ่มทั้งหลายสามารถปรับเข้าได้ (ง่ายๆ) กับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง (คนเมือง ?) ไม่ว่าจะเป็นการใส่ริสต์แบนด์ (เก๋มากกก...อินเทรนด์) เสื้อยืดสกรีนลาย (โอ๊! นี่ก็แลดูเท่ ใส่แล้วมีอะไรกว่าเสื้อห่านคู่สีขาวเสียอีก) และ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ (กรี๊ด! ชั้นไปเดินบ่อยเชียว ไปกินข้าวที่ชั้น 6 ดูหนังที่ชั้น 7 พวกแกมาเผาของชั้นทำม้าย...)

สลิ่ม (ถ้าเป็นชื่อพ่อ ชื่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ใครขอกราบขออภัยด้วยค่ะ) จึงลดทอนความซับซ้อน และโบราณคร่ำครึของอุปมาว่าด้วยชาติที่เชยเฉิ่มให้กลายเป็นเพียงอะไรก็ได้ที่ยังพอมี ‘กลิ่น’ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์การบริโภคของตน และถ้าเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ถูกเผา ก็คงไม่ถูกยกระดับให้กลายเป็นอุปมาของคำว่า ‘บ้านเมือง’ ของเราเฉกเช่นปัจจุบันนี้ ดิฉันว่าเซ็นทรัลต้องขอบคุณคนที่เผานะคะ ที่ช่วยยกระดับเซ็นทรัลเวิลด์ให้มีหลากหลายมิติและเลอเลิศถึงขั้นหลายเป็นตัวแทนของ ‘บ้านเมือง’ (ของเรา ?) ได้ถึงเพียงนี้

ในอีกแง่หนึ่งที่น่าสนใจ คือ อุปมาว่าด้วยชาติ ที่เคยเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์ ยาวนาน นั้น ก่อนหน้านี้ต้องหาสัญลักษณ์ที่สามารถ ‘หว่านคลุม’ คนทุกคนในประเทศเพื่อให้ห่ม (หรือถูกคลุมในผืนผ้าอันใหญ่ ?) ได้ นอกจากจะสามารถหว่านคลุมได้ทุกผู้ทุกคนแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว แต่ทุกคนสามารถอ้างการเป็นส่วนหนึ่งได้ มันคือ ‘การรวมหมู่’ (หรือสังหารหมู่ ?) โดยนัย แต่ในขณะที่สัญลักษณ์แนวใหม่ที่ถูกสร้างความหมาย (วาทกรรม ?) นี้กลับกลายเป็น ‘สิ่งอัน’ ที่ปัจเจกแต่ละคนสามารถครอบครองได้ด้วยตัวเอง และความลักลั่นที่เกิดขึ้นก็คือ มันไม่สามารถห่มคลุมคนทั้งหมด (หรือส่วนใหญ่) ได้

การสร้างความหมาย (วาทกรรม ?) ของเซ็นทรัลเวิลด์ให้เป็น ‘บ้านเมือง’ ของเรานั้น จึงไม่สามารถห่มคลุมคำว่า ‘ของเรา’ แก่คนทุกคนในประเทศได้ (คนกว่า 67 ล้านคนในประเทศไทยเดินเซ็นทรัลเวิลด์กันครบทุกคนหรือยังคะ ?) ในแง่นี้มันจึงไม่ ‘ศักดิ์สิทธิ์’ และยังถูกตั้งคำถามอีกด้วยว่าของเรานั้น ‘ใคร ?’ กลุ่มไหน ด้วยเหตุอันใด

แน่นอนส่วนหนึ่งของคนที่พยายาม ‘เคลม’ คำว่าของเรานั้น คือคนที่เป็นเจ้าของกิจการในนั้น เป็นลูกจ้างในนั้น มีหุ้นในนั้น เคยไปเดินเล่น ไปช้อปปิ้ง นัดชู้ไปดูหนัง (ส่วนแฟนอยู่พารากอน ?) ฯลฯ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ ‘สัมพัทธ์’ กับเซ็นทรัลเวิลด์เลยก็ตกเป็นเหยื่อของการสร้างความหมายของคำว่า ‘บ้านเมือง’ ไป เพราะหากพูดกันจริงๆ เซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่บ้านเมือง มันเป็นแค่ห้างสรรพสินค้า และเป็นทรัพย์สินของเอกชนอีกด้วย ! (เอาเงินภาษีของคนไทยไปสร้างก็ไม่ใช่ แต่เงินที่ได้ไปจากคนไปช้อป ไปกิน ไปดูหนัง ไม่แน่)

ทำไมรุ้งรวีถึงพูดแบบนี้ รุ้งรวีไม่รักชาติ รุ้งรวีไม่รักบ้านเมือง รุ้งรวีไม่โกรธที่เซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผา รุ้งรวีไม่สงสารเจ้าของห้างร้านที่ต้องวอดวายหมดตัว ไม่สงสารคนที่ต้องตกงานหรอกหรือ ทำไมรุ้งรวีถึงสวยแต่ใจดำ รุ้งรวีไปเห็นดีเห็นงามกับคนที่เผา ที่ทำผิดกฎหมาย สร้างความวุ่นวายและทำลายทรัพย์สินได้อย่างไร รุ้งรวีเข้าข้างอีพวกแดงเผาบ้านเผาเมืองได้อย่างไร หรือว่ารุ้งรวีเป็นแดง ???

ดิฉันเห็นสมควร ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าคนที่ได้กระทำการทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นต้องได้รับโทษทั้งทางแพ่งและอาญา (กรี๊ด! ได้ใช้งานเรื่องที่เรียนจบมาก็ประโยคนี้แหละ!) และสิ่งที่ดิฉันพล่ามมาทั้งหมดก็เพื่อทำให้เห็นว่า อย่า ‘เคลม’ เอาเซ็นทรัลเวิลด์ไปเป็น ‘ชาติบ้านเมือง’ มันผิดตรรกะ (ก็บอกแล้วว่านี่ของเครือเซ็นทรัล ไม่ใช่ของรัฐบาลที่เอาเงินภาษีประชาชนไปสร้าง และชาติบ้านเมืองนี้ไม่สามารถห่มคลุมคนทั้งประเทศได้!) และเมื่อผิดตรรกะตั้งแต่ต้นแล้วก็อย่าเอาคำว่า ‘ชาติบ้านเมือง’ (ที่นัยความหมายคือเซ็นทรัลเวืลด์) ไปเคลม ไปบลัฟ ไปคลุม ไปด่า คนอื่น ว่าทำไมเขาไม่รักชาติบ้านเมือง ทำไมคนส่วนใหญ่จึงเลือกคนที่เผาบ้านเผาเมืองมาปกครองบ้านเมือง

มันผิดตรรกะมาตั้งแต่ต้นแล้วค่า...อันเดอร์แสตนด์ ???

หลังจากที่เลือกตั้งเสร็จสิ้น (แต่ดิฉันยังไม่เสร็จภาระกิจการแกะท่าเพลง Who run the world) สารพัดข้อความที่เฟซบุ๊กทำเอาดิฉันละเหี่ยใจ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า นอกจากเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่ ‘บ้านเมือง’ ของเราแล้ว เฟซบุ๊กก็ยังไมใช่ประเทศของเราอีกด้วย เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในเฟซบุ๊กก็ไม่ใช่ประชาชนส่วนใหญ่และทั้งหมดของประเทศที่ Run This Country นี้ !!!

ปล. บทความนี้มีไว้อ่านเพื่อความบันเทิง ผู้เขียนไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อ (นอกจากในเว็บแห่งนี้) ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ กลัวว่าผู้สันทัดกรณีวิชาการอันว่าด้วยชาติ การสร้างความหมาย สัญลักษณ์ จินตนาการ บลา บลา บลา บลา ทั้งหลายเค้าอ่านแล้วจะงงว่า...อีนี่พล่ามอะไรของมัน

Central World

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

รอบโลกแรงงาน มิถุนายน 2554

Posted: 05 Jul 2011 05:54 AM PDT

สมาชิกสหภาพแรงงานในกรีซประท้วงมาตรการลดรายจ่ายของรัฐ

4 มิ.ย. 54 – สมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งหนุนหลังโดยพรรคคอมมิวนิสต์นับหมื่นคนชุมนุมประท้วงมาตรการลดรายจ่ายของรัฐด้วยการบุกยึดกระทรวงการคลัง โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้พากันประณามรัฐบาลที่ไปทำข้อตกลฉบับใหม่กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ สหภาพยุโรป และธนาคารกลางยุโรปเพื่อขอรับเงินสนับสนุนการแก้ปัญหาหนี้สินงวดใหม่มูลค่า 110,000 ล้านยูโร ในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งผู้ประท้วงมองว่า เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนที่กำลังโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานจนย่ำแย่อยู่แล้ว ต้องรับภาระหนักยิ่งขั้นไปอีก สำหรับเงินกู้งวดใหม่นี้ รัฐบาลกรีซจำเป็นต้องใช้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ พร้อมกับพยายามลดตัวเลขการขาดดุลงบประมาณจาก 10.5% ของผลผลิตมวลรวม เมื่อปีที่แล้ว ให้เหลือ 7.5 % ในปีนี้ การที่จะได้รับเงินงวดใหม่นี้ รัฐบาลกรีซต้องยอมให้สถาบันการเงินทั้ง 3 เข้ามาแทรกแซงการบริหารจัดการได้เต็มที่

กษัตริย์ซาอุฯออกกฎหมายห้าม “ชาย” ทำงานในแผนกชุดชั้นในสตรี

6 มิ.ย. 54 – กษัตริย์อับดุลเลาะห์ยังทรงกำหนดให้อุตสาหกรรมบางประเภท เช่น โรงงานผลิตยา รับเฉพาะคนงานหญิงเท่านั้น และทรงสนับสนุนการทำธุรกิจภายในครัวเรือน โดยเรื่องการรับพนักงานหญิงเข้าทำงานในร้านจำหน่ายชุดชั้นในเคยเป็นประเด็นขัดแย้งมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน ระหว่างกระทรวงแรงงานกับองค์กรศาสนาอิสลาม ซึ่งออกคำตัดสินห้ามผู้หญิงทำอาชีพนี้ สตรีในซาอุดีอาระเบียต่างร้องเรียนมานานว่า รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องซื้อชุดชั้นในจากพนักงานชาย และต้องการให้พนักงานขายสินค้าประเภทนี้ เป็นผู้หญิงด้วยกันมากกว่า ฟาติมา การุบ ผู้ก่อตั้งโครงการรณรงค์ “Enough Embarrassment” บนเว็บไซต์สังคมออนไลน์ กล่าวชื่นชมการตัดสินพระทัยของกษัตริย์อับดุลเลาะห์ โดยบอกว่า กฎหมายดังกล่าวจะช่วยสร้างงานให้แก่ผู้หญิงซาอุฯได้ถึง 6,000 ตำแหน่ง โดยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงานซาอุฯ จะต้องรับสนองพระบรมราชโองการดังกล่าว ภายใน 1 เดือนนับจากนี้ อนึ่งปัจจุบัน อัตราการว่างงานของสตรีในซาอุดีอาระเบียอยู่ที่ราวๆ 30 เปอร์เซ็นต์

ศรีลังกาขยับค่าแรงคนงานไร่ชาขึ้นอีกเกือบ 25 %

6 มิ.ย. 54 - ศรีลังกา ประกาศปรับขึ้นค่าแรงให้แก่คนงานไร่ชาอีกเกือบ 25 % จากวันละ 415 รูปี เป็น 515 รูปี เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น หลังล่าสุดอัตราเงินเฟ้อพุ่งเกือบแตะระดับ 10 % ทั้งนี้ ปัจจุบัน ศรีลังกา ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตชารายใหญ่สุดของโลก คาดว่าปีนี้จะมีกำไรจากการส่งออกชามากเป็นประวัติการณ์ที่ราว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

มาเลย์เล็งอภัยโทษคนงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย

6 มิ.ย. 54 - นายไฮชัมมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีด้านความมั่นคงภายใน เผยว่ามาเลเซียจะเสนออภัยโทษแก่ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายบางรายจากจำนวน 2 ล้านราย ตามแผนบรรเทาการขาดแคลนแรงงานในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมบริการ มาเลเซียเป็นชาติหนึ่งที่มีแรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานมากที่สุดในเอเชีย เพราะมาเลเซียต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะจากเอเชียอาคเนย์ สำหรับการทำงานต่างๆ อย่างงานบ้าน ดูแลเด็ก ก่อสร้าง เรือกสวนไร่นา และโรงงาน แรงงานจำนวนมากเป็นชาวอินโดนีเซียที่ได้ค่าแรงต่ำและทำงานหลายชั่วโมงในงานหลายอย่างที่คนมาเลย์ไม่ทำ นายไฮชัมมุดดินกล่าวว่าโครงการอภัยโทษแก่ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายจะเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ได้มีงานทำและไม่ถูกเอาเปรียบจากนักค้ามนุษย์ โดยหวังจะเริ่มโครงการนี้ได้ในเดือน ก.ค.

แรงงานอพยพในกวางโจว ชุมนุมประท้วง หลังเกิดเหตุขัดแย้งเรื่องค่าแรง

8 มิ.ย. 54 - แรงงานอพยพมากกว่า 200 คน ในเมืองเฉาโจว มณฑลกวางโจว ได้รวมตัวกันประท้วงอยู่ด้านหน้าอาคารที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 54 เรียกร้องให้มีการลงโทษผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน ที่ทำร้ายร่างกายคนงาน เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามระงับเหตุประท้วงดังกล่าว แต่เหตุการณ์กลับบานปลายจนเกิดการปะทะกัน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 คน และถูกจับกุม 9 คน ขณะที่ ยานพาหนะที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวเสียหายไป 15 คัน ทั้งนี้ เหตุขัดแย้งเรื่องค่าแรงที่เกิดขึ้นกับเหล่าแรงงานอพยพที่ทำงานตามโรงงานต่างๆ ทั่วประเทศจีน มีให้เห็นมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นการเรียกร้องการเพิ่มค่าแรงและมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ฮุนไดระงับผลิตรถยนต์ หลังเจอปัญหาคนงานฆ่าตัวตาย

9 มิ.ย. 54 - เหล่าแรงงานของสหภาพพากันวอล์คเอาต์ ณ โรงงานผลิตรถยนต์ของฮุนไดในเมืองอาซาน ห่างจากกรุงโซล ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 100 กิโลเมตร ตั้งแต่เวลา 14.30 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) โดยอ้างว่าสมาชิกของสหภาพรายหนึ่งต้องฆ่าตัวตายเพราะทางฮุนได พยายามกำจัดนักเคลื่อนไหวของสหภาพ สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่าชายวัย 49 ปีนามสกุลปาร์ครายนี้ ถูกพบเสียชีวิต ณ เวลา 8.30 น. โดยต่อมาตำรวจเปิดเผยว่าศพของเขาอยู่ในสภาพแขวนคอตายภายในห้องน้ำของโรงงาน เหตุฆ่าตัวตายครั้งนี้มีขึ้นท่ามความตึงเครียดภายในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่แห่งนี้ โดยทางฮุนไดต้องการให้สหภาพลดจำนวนพนักงานเต็มเวลาลงภายใต้กฎหมายใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่สหภาพบอกว่า ปาร์ค ได้ทิ้งจดหมายลาตายโดยตำหนิฝ่ายบริหารของฮุนได ที่พยายามขัดขวางการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของสหภาพของเขา และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโรงงานแห่งนี้ต้องระงับการผลิตนานเท่าใด โดยโรงงานแห่งนี้ใช้ผลิตรถยนต์ขนาดกลางทั้งโซนาตาและแกรนด์เจอร์ ซีดาน และมีกำลังผลิต 240,000 คันต่อ

กัมพูชาเดินขบวนรณรงค์ยุติแรงงานเด็ก

12 มิ.ย. 54 - ชาวกัมพูชาหลายร้อยคนเดินขบวนในกรุงพนมเปญวานนี้ เนื่องในวันต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก พร้อมชูป้ายเรียกร้องให้ยุติการใช้แรงงานเด็กที่มีอยู่ทั่วประเทศ การเดินขบวนดังกล่าวจัดขึ้นโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO และรัฐบาลกัมพูชา ที่ตั้งเป้ายุติการใช้แรงงานเด็กในประเทศให้ได้ภายในปี 2559 และยังได้ประกาศเปิดตัวโครงการที่จะจัดระเบียบพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำของกรุงพนมเปญที่มักมีแรงงานเด็กอยู่เป็นจำนวนมากให้ได้ภายในปีถัดไป ตามข้อมูลของ ILO ระบุว่า ชาวกัมพูชาที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ประมาณ 1.5 ล้าน ถูกบังคับให้ทำงาน และมากกว่า 310,000 คน จากจำนวนดังกล่าวทำงานที่เสี่ยงอันตรายเช่น งานพ่นยาฆ่าแมลง หรือทำงานในโรงงานอิฐ ทั้งนี้กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ 1 ใน 3 จากประชากรประมาณทั้งหมด 14 ล้านคน มีรายได้น้อยกว่า 1 ดอลลาร์ต่อวัน.

ตำรวจจีนยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของแรงงานอพยพ

13 มิ.ย. 54 – ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มแรงงานอพยพที่รวมตัวประท้วงกรณีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผลักสตรีตั้งครรภ์รายหนึ่งล้มลงกับพื้นระหว่างการจับกุมผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเมื่อสุดสัปดาห์ บรรดาแรงงานอพยพที่โกรธแค้นราว 1,000 คนรวมตัวกันตามท้องถนนหลายแห่งของเมืองเซ็งเชงในมณฑลเสฉวนใกล้กับมณฑลกว่างโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน พากันทุบกระจกหน้าต่างรวมทั้งจุดไฟเผาอาคารรัฐบาลหลายแห่งและคว่ำรถตำรวจด้วย ตำรวจปราบจลาจลต้องยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงก่อนเข้าสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ประท้วงใส่กุญแจมือไปหลายราย กลุ่มแรงงานอพยพได้รวมตัวกันประท้วงเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านต้าตุนผลักสตรีวัย 20 ปี ซึ่งเป็นคนขายของหาบเร่และกำลังตั้งครรภ์ล้มลงขณะเข้าเคลียร์พื้นที่ ทำให้ผู้อพยพเหล่านี้ไม่พอใจเจ้าหน้าที่ นับเป็นเหตุประท้วงครั้งล่าสุดในหลายระลอกที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทางภาคใต้ของจีน

พนักงานดับเพลิงบราซิลประท้วงขอขึ้นค่าแรง-สวัสดิการ

13 มิ.ย. 54 - พนักงานดับเพลิงชาวบราซิลราว 27,000 คน รวมตัวประท้วงที่ย่านโคปาคาบานาในนครรีโอเดจาเนโร เพื่อเรียกร้องขอเงินเดือนขึ้นและให้ทางการปรับปรุงสวัสดิการต่าง ๆ สำหรับพนักงานดับเพลิง ตำรวจได้ส่งเจ้าหน้าที่ 150 คน ไปควบคุมสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การประท้วงเป็นไปอย่างสงบ แตกต่างจากการประท้วงครั้งก่อนเมื่อต้นเดือนนี้ เมื่อผู้ประท้วงเกิดปะทะกับตำรวจส่งผลให้พนักงานดับเพลิงถูกจับไป 500 คน กลุ่มผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้มีอภัยโทษแก่ผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมไประหว่างการประท้วงครั้งก่อนด้วย.

ประชาชนกรีซผละงานประท้วง ค้านแผนรัดเข็มขัดฉบับใหม่

15 มิ.ย. 54 - ตำรวจปราบจลาจลได้ติดตั้งเครื่องกีดขวาง สกัดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าถึงตัวอาคารรัฐสภา ทางการประเมินว่ามีมวลชนจำนวน 20,000 คนออกมาชุมนุมตามคำเรียกร้องของกลุ่ม “ดิ อินดิกเน็นต์ส” (The indignants - ความโกรธแค้น) แต่จากการประเมินของสื่อชี้ว่ามีชาวกรีซไม่ต่ำกว่า 40,000 คนเข้าประท้วง โดยกลุ่มดิ อินดิกเน็นต์ส ซึ่งได้อิทธิพลมาจากการประท้วงในสเปน ได้ยึดจัตุรัสซินดักมา (Syntagma Square) กลางกรุงเอเธนส์ เป็นเรือนนอนมานานกว่า 3 สัปดาห์ ด้านสมาชิกสภานิติบัญญัติภายในอาคารรัฐสภากำลังถกกันถึงมาตรการรัดเข็มขัดแพ็จเกจใหม่ มูลค่ากว่า 28 ล้านยูโร (ประมาณ1,200 ล้านบาท) ตามเงื่อนไขของอียูและไอเอ็มเอฟ เจ้าหนี้ของกรีซ แลกเปลี่ยนกับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ที่กรีซกำลังต้องการอย่างหนัก ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดการแปรพักตร์ภายในรัฐบาล ประกอบกับการที่พรรคอื่นๆ ยืนยันที่จะลงมติคัดค้านมาตรการฉบับใหม่ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่สภาจะไม่รับรองแผนการครั้งนี้ ทั้งนี้การผละงานประท้วงครั้งที่ 3 ในรอบปีวันนี้ส่งผลให้การคมนาคมทั่วประเทศเป็นอัมพาต ความตึงเครียดเริ่มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนไม่พอใจต่อแผนการปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลขนานใหญ่ มิหนำซ้ำอาจมีการเพิ่มภาษี
 
กัมพูชาจวก "พูม่า" ใช้แรงงานเกินเวลาทำลูกจ้างป่วยหมู่

19 มิ.ย. 54 - สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตรองเท้ากีฬายักษ์ใหญ่ “พูม่า” แห่งเยอรมนี ถูกทางการกัมพูชากล่าวหาละเมิดกฎหมายด้านสุขภาพและความปลอดภัย โดยบังคับใช้แรงงานทำงานเกินเวลาหลายชั่วโมง ทำให้คนงาน 101 คน เป็นลมหน้ามืดหลายคนเมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยบริษัทพูม่า ยอมรับข้อกล่าวหาดังกล่าว ทั้งรับปากเร่งอบรมคนงานและหัวหน้างาน ให้เคารพเงื่อนไขความปลอดภัยในการ ทำงานอย่างเข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในกัมพูชามักถูกพบมาตรฐานสุขอนามัยต่ำ และระบบระบาย อากาศภายในโรงงานไม่ดีพอ.

กลุ่มคนงานก่อสร้างชาวศรีลังกาในอิรัก อดอาหารประท้วง หลังถูกนายจ้างเบี้ยวค่าแรงมานาน 2 ปี

19 มิ.ย. 54 - คนงานก่อสร้างชาวศรีลังกาในอิรัก จำนวน 30 คน ร่วมกันอดอาหารประท้วง หลังถูกนายจ้างอิรัก เบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าแรงมานาน 2 ปี ทั้งที่ก่อนเริ่มงานสัญญาจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละ 2, 000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60,000 บาท ทั้งนี้ หลังสหรัฐ เปิดฉากสงครามอิรักเมื่อปี 2546 มีคนงานจากเอเชียใต้ ไหลทะลักเข้าไปขายแรงงานในอิรักจำนวนหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างบริษัทรับเหมาที่ได้รับสัมปทานจากกองทัพสหรัฐ

“โตโยต้า-ฮอนด้า-นิสสัน” ประกาศจ้างงานเพิ่มหลายพันตำแหน่งหลังหายนะดินไหว

21 มิ.ย. 54 - โตโยต้าแถลงว่า มีแผนการจ้างงานพนักงานราว 4,000 คน สำหรับการผลิตรถยนต์ภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งประมาณเดือนตุลาคม เพื่อชดเชยความล่าช้าที่มีสาเหตุจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของประเทศ ขณะที่ฮอนด้าก็มีแผนจ้างพนักงานใหม่ และต่อสัญญาลูกจ้างเดิม ประมาณ 1,000 คน เพื่อกระตุ้นการผลิตในครึ่งหลังของปีนี้ ตามคำบอกกล่าวของโฆษกหญิง ส่วนนิสสันวางแผนเพิ่มจำนวนคนงานเซ็นสัญญา อีกอย่างน้อย 200 ราย เพื่อทำงานโรงงานทั้ง 5 แห่งในประเทศ ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
 
 
พนักงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้ากรีซร่วมประท้วง โดยการตัดไฟ ต้านแผนการขายบริษัทให้เอกชน ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ

21 มิ.ย. 54 - พนักงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้า “ดีอีเอช” ตัดสินใจเข้าร่วมการประท้วงรัฐบาลด้วยการตัดไฟเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อต่อต้านแผนการขายบริษัทให้เอกชน เป็นมูลค่า 50,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้หนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ซึ่งรัฐบาลมีกำหนดผ่านมติในสภาสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ทั้งนี้ประเทศกรีซประสบปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่ หลังรัฐบาลไปกู้เงินชุดแรกจากไอเอ็มเอฟเมื่อเดือน พ.ค. ปีก่อน เป็นมูลค่า 110,000 ล้านยูโร หรือราว 4.7 ล้านล้านบาท นำมากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลจะต้องชำระหนี้ให้ทันภายในกลางเดือน ก.ค.นี้ มิฉะนั้นประเทศจะล้มละลาย และส่งผลกระทบวงกว้างต่อเศรษฐกิจของยุโรปและชาติอื่นๆทั่วโลก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลออกนโยบายขึ้นภาษี ลดงบประมาณภาครัฐต่างๆ รวมถึงการขายรัฐวิสาหกิจให้เอกชน แต่ก็ส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจอย่างรุนแรง รวมตัวกันประท้วงตามท้องถนนรายวัน วันเดียวกัน นายอีวานเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลังกรีซคนใหม่ เข้าประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีคลังชาติอื่นๆในยุโรป ที่ประเทศลักเซมเบิร์กเป็นวันที่ 2 หารือเรื่องแผนการขอความช่วยเหลือทางการเงินงวดที่ 5 จากไอเอ็มเอฟ อีก 12,000 ล้านยูโร หรือราว 516,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้ รัฐบาลกรีซยังเผยว่า รัฐบาลประสบภาวะขาดดุลระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ค. เป็นมูลค่ากว่า 10,260 ล้านยูโร หรือราว 441,180 ล้านบาท.

อินโดฯฉุน! ห้ามแรงงานไปซาอุฯ หลังแม่บ้านถูกตัดหัวประหารชีวิต

22 มิ.ย. 54 - อินโดนีเซียสั่งห้ามพลเรือนเดินทางไปประกอบอาชีพคนรับใช้ที่อาซุดีอาระเบีย หลังริยาดประหารชีวิตแม่บ้านแดนอิเหนารายหนึ่งในช้อหาฆาตกรรมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าคำสั่งชั่วคราวนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมไปจนกว่าทั้งสองประเทศจะตกลงกันได้ในหลักการสำหรับการปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าวอย่างยุติธรรม รูยาติ บินตี ซูปาบี วัย 54 ปี ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะเมื่อวันเสาร์(18) หลังจากสารภาพว่าเป็นคนสังหารนายจ้างของเธอ โดยอ้างว่านายจ้างรายนี้ข่มขืนเธอ และแม้มีคำขอโทษจากซาอุดีอาระเบีย แต่ก็ไม่สามารถดับความขุ่นเคืองของอินโดนีเซียได้มีแรงงานอินโดนีเซียราว 1.5 ล้านคนในซาอุดีอาระเบีย และจำนวนมากประกอบอาชีพแม่บ้าน อย่างไรก็ตามข้อถกเถียงเกี่ยวกับการทำทารุณโดยนายจ้างรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
 
คนงานกว่า 4,000 คนของโรงงานเกาหลีใต้ในจีนผละงานประท้วง

ฮ่องกง 23 มิ.ย. 54 – หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ของทางการจีนรายงานวันนี้ว่า คนงานหลายพันคนของโรงงานแห่งหนึ่งในจีน ซึ่งเป็นของบริษัทเกาหลีใต้ ผละงานประท้วงเพื่อเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงและสภาพแวดล้อมในการทำงาน คนงานกว่า 4,000 คนในโรงงานผลิตกระเป๋าในมณฑลกว่างโจวก่อเหตุประท้วงต่อต้านสภาพแวดล้อมในที่ทำงานอันเลวร้าย และมีรายงานพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่รอบนอกโรงงานดังกล่าว โดยคนงานอ้างว่ามีผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายหนึ่งคนถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท้องถิ่นทุบตีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ภาพคนงานจำนวนมากในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินแสดงท่าทีไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านผู้ประกอบการโรงงานดังกล่าวเปิดเผยว่า คนงานส่วนใหญ่เริ่มกลับมาทำงานแล้วในวันนี้ แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม รายงานระบุว่า คนงานเหล่านั้นร้องเรียนว่า พวกเขาถูกบังคับให้ยืนทำงานเป็นเวลาวันละ 12 ชั่วโมง และได้รับอนุญาตให้หยุดพักเข้าห้องน้ำเพียงหนึ่งครั้งต่อสี่ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ พวกเขายังถูกสั่งห้ามไม่ให้ดื่มน้ำหรือใช้ห้องน้ำ ยกเว้นช่วงหยุดพักเท่านั้น

รัฐสภากรีซรับรองมาตรการรัดเข็มขัด ผู้ประท้วงเดือดปะทะเจ้าหน้าที่รุนแรง

30 มิ.ย. 54 - รัฐสภากรีซลงมติเห็นชอบมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหญ่ของรัฐบาล ในวันพุธ (29 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ตามที่อียู และไอเอ็มเอฟเรียกร้องเพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางการเงิน ส่งผลให้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงคัดค้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรุนแรงในกรุงเอเธนส์ สมาชิกรัฐสภากรีซลงมติด้วยคะแนนเสียง 155 ต่อ 138 เสียง รับรองร่างกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งอย่างรุนแรง เพื่อลดการใช้จ่ายของรัฐบาลลง 28,400 ล้านยูโรภายในปี 2015 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเปิดทางขอความช่วยเหลือทางการเงินฉุกเฉินจากอียู และไอเอ็มเอฟ ขณะที่กลุ่มเยาวชนหัวรุนแรงประมาณ 500-600 คนใช้จรวดยิงประท้วงการลงมติดังกล่าว ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ปราบจลาจลโดยยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในจัตุรัสซินแทกมา หน้าอาคารรัฐสภาและอาคารโดยรอบกองกำลังรักษาความมั่นคงได้ขับไล่ผู้ประท้วงให้ออกห่างจากรัฐสภาได้แล้ว แต่กลับเกิดเพลิงไหม้ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ห่างจากจัตุรัสดังกล่าวออกไปแทน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะเดินหน้าประท้วงต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะล้ม
 
 
 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ทหารไทใหญ่ปะทะทหารพม่าพื้นที่เมืองสู้–เมืองหนอง รัฐฉานภาคเหนือ

Posted: 05 Jul 2011 03:48 AM PDT

ยังคงมีการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับทหารกองทัพรัฐฉาน "เหนือ" ในพื้นที่รัฐฉานภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง

มีรายงานจากแหล่งข่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังคงมีการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับทหารกองทัพรัฐฉาน SSA/SSPP (กองกำลังไทใหญ่ "เหนือ") ในพื้นที่รัฐฉานภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ได้เกิดการปะทะของทั้งสองฝ่ายขึ้นที่บริเวณกิ่วหมายุย ตำบลเมืองอาก เขตเมืองหนอง ฝ่ายทหารพม่าจากสังกัดกองพันทหารราบเบาที่ 515 และกองพันทหารราบที่ 64 ไม่ทราบจำนวน ส่วนฝ่ายทหารไทใหญ่จากกองพันที่ 801 กองพลน้อยที่ 72

การปะทะเกิดขึ้นหลังจากชุดลาดตระเวนทหารพม่าซึ่งมีชาวบ้านซึ่งถูกเกณฑ์เป็นลูกหาบรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่งได้ไปพบกับชุดลาดตระเวนทหารกองกำลังไทใหญ่ (SSA/SSPP) ทำให้ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันนานหลายชั่วโมง ล่าสุดยังไม่มีรายงานการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย

ขณะที่เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ทหารกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" SSA/SSPP ได้ซุ่มโจมตีทหารพม่าสังกัดกองพันทหารราบที่ 513 บนเส้นทางบ้านซ่อ – บ้านผักชี ห่างจากตัวเมืองสู้ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 30 กม. ส่งผลให้ฝ่ายทหารพม่าได้รับบาดเจ็บ 4 นาย โดยแหล่งข่าวรายงานว่า กองทัพพม่าพยายามส่งกำลังทหารเข้าไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ฝั่งตะวันออกแม่น้ำป๋างเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อจำกัดพื้นที่เคลื่อนไหวกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ"

นอกจากนี้ มีรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทหารกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" SSA/SSPP ได้ดักซุ่มโจมตีขบวนรถผู้บัญชาการยุทธการของทหารพม่าประจำเมืองต้างยาน ขณะเดินทางกลับจากประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่จีนที่เมืองแลมในฝั่งจีน โดยถูกทหารกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" ซุ่มโจมตีบนเส้นทางระหว่างหย่องปิ่นโกง และ ดอยแอ่น ตะวันออกเมืองต้างยาน ส่งผลให้รถยนต์ทหารพม่าได้รับความเสียหายและมีทหารได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะที่มีรายงานไม่ยืนยันว่า ตัวผู้บัญชาการยุทธการของทหารพม่าได้รับบาดเจ็บด้วย

 

ชมภาพ / อ่านข่าวย้อนหลังได้ที่
http://www.khonkhurtai.org/

"คนเครือไท" เป็นศูนย์ข่าวภาคภาษาไทยเครือข่ายสำนักข่าวอิสระไทใหญ่ หรือ สำนักข่าวฉาน (SHAN – Shan Herald Agency for News) มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐฉาน สหภาพพม่า ตลอดจนตามแนวชายแดนไทย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรการเมือง / การทหารกลุ่มใด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ shan_th@cm.ksc.co.th หรือ ติดตามอ่านข่าวสารภาคภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org ภาคภาษาไทใหญ่ที่ www.mongloi.org และภาคภาษาไทยที่ www.khonkhurtai.org

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

กองกำลังเมืองลา NDAA เผาทำลายยาเสพติดครั้งใหญ่

Posted: 05 Jul 2011 03:40 AM PDT

กองกำลังเมืองลา NDAA เผาทำลายยาเสพติดครั้งใหญ่รวมน้ำหนักกว่า 4 ตัน แสดงเจตนาไม่เกี่ยวข้องยาเสพติดตามที่ได้ประกาศต่อต้านมาตั้งแต่ปี 2540 ขณะที่กองกำลังว้า UWSA ก็มีการเผาทำลายยาเสพติดในพื้นที่ครอบครองเช่นกัน

มีรายงานจากแหล่งข่าวชายแดนจีนว่า เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กองกำลังสัมพันธมิตรชาติประชาธิปไตย หรือ กองกำลังเมืองลา NDAA (National Democratic Alliance Army) ได้จัดพิธีเผาทำลายยาเสพติดครั้งใหญ่ โดยมีผู้นำระดับสูง ทหาร และประชาชนร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก พิธีเผาจัดขึ้นที่บริเวณใกล้กับหนองหลวง ในเมืองลา เมืองที่ตั้งกองบัญชาการใหญ่ของ NDAA ภาคตะวันออกรัฐฉาน โดยยาเสพติดที่นำมาเผาทำลายในครั้งนี้มีหลายชนิดรวมน้ำหนักกว่า 4 ตัน

ทั้งนี้ ก่อนพิธีเผาทำลายจะมีขึ้นทางผู้นำได้กล่าวต่อหน้าผู้มาร่วมพิธีว่า ยาเสพติดเป็นมหันตภัยคุกคามชีวิตประชาชน เป็นสิ่งที่ทั่วโลกทำการต่อต้าน และกองกำลังเมืองลา NDAA ได้เห็นความสำคัญเรื่องนี้โดยตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา NDAA ได้ประกาศเขตพื้นที่ครอบครองเป็นเขตปลอดยาเสพติด และได้ทำการตรวจยึดและจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ระหว่างวันที่ 23 - 27 มิถุนายน กองกำลังเมืองลา NDAA ได้ทำการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ซึ่งสามารถยึดของได้เป็นจำนวนมาก และสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งผู้ค้าและผู้เสพกว่า 200 คน โดยปฏิบัติการกวาดล้างและเผาทำลายยาเสพติดครั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าทางกลุ่มให้ความสำคัญในการต่อต้านยาเสพติดสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ตรงกับวันต่อต้านยาเสพติดโลก

กองกำลังเมืองลา NDAA เป็นกองกำลังหยุดยิงกับรัฐบาลทหารพม่ามาตั้งแต่ปี 2532 โดยตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา NDAA ได้ถูกรัฐบาลทหารพม่ากดดันเปลี่ยนสถานะเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF (Border Guard Force) แต่หลังจากปฏิเสธได้ถูกรัฐบาลทหารพม่ากำหนดเป็นกลุ่มนอกกฎหมายซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายเกิดความตึงเครียดมาจนถึงปัจจุบัน

มีรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ซึ่งตรงกับวันต่อต้านยาเสพติดโลก กองกำลังว้า UWSA (United Wa State Army) ได้ทำพิธีเผาทำลายยาเสพติดที่ยึดได้ในพื้นที่ครอบครองเช่นเดียวกัน พิธีจัดขึ้นที่เมืองยองติง อยู่ห่างจากเมืองปางซาง (รัฐฉานภาคตะวันออก) ไปทางทิศเหนือประมาณ 18 กม. โดยยาเสพติดที่ UWSA เผาทำลายมีทั้งยาบ้า เฮโรอีน และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดรวมน้ำหนักกว่า 5 ตัน

 

ชมภาพ / อ่านข่าวย้อนหลังได้ที่
http://www.khonkhurtai.org/


"คนเครือไท" เป็นศูนย์ข่าวภาคภาษาไทยเครือข่ายสำนักข่าวอิสระไทใหญ่ หรือ สำนักข่าวฉาน (SHAN – Shan Herald Agency for News) มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐฉาน สหภาพพม่า ตลอดจนตามแนวชายแดนไทย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรการเมือง / การทหารกลุ่มใด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ shan_th@cm.ksc.co.th หรือ ติดตามอ่านข่าวสารภาคภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org ภาคภาษาไทใหญ่ที่ www.mongloi.org และภาคภาษาไทยที่ www.khonkhurtai.org

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ส่งสัญญาณปรองดอง รายชื่อ รมต. อาจไม่มีแกนนำเสื้อแดง

Posted: 05 Jul 2011 02:04 AM PDT

สื่อรายงานเพื่อไทยเน้นปรองดอง เลี่ยงเสนอชื่อแกนนำเสื้อแดงเป็น รมต. ยิ่งลักษณ์ปัด ยังไม่ได้คุยรายละเอียด ยันไม่ปิดกั้น เน้นผลงานที่ปรากฏชัดต่อประชาชน

เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ รายงานเมื่อเวลา 5.30 น. วันที่ 4 ก.ค. ว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งพรรคเพื่อไทยกำลังจัดทำนั้น อาจไม่มีชื่อของแกนนำคนเสื้อแดง เนื่องจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยเน้นการสร้างความสมานฉัน และเพื่อลดเงื่อนไขและภาพความรุนแรง

โดยไทยรัฐออนไลน์ เปิดเผยรายชื่อจำนวน 31 รายชื่อที่อาจได้รับการนำเสนอชื่อดังนี้

1. นายโอฬาร ไชยประวัติ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย
2. นายสันติ พร้อมพัฒน์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
3. นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
4. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ว่าที่ ส.ส.กทม.
5. ว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธุ์ สุนทรชัย ว่าที่ ส.ส.หนองคาย
6. นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ว่าที่ ส.ส.เลย
7. นายศักดา คงเพชร ว่าที่ ส.ส.ร้อยเอ็ด
8. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
9. นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ 121
10. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุน ว่าที่ ส.ส.พะเยา
11. นายอัศนี เชิดชัย ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
12. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ว่าที่ ส.ส.แพร่
13. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
14. พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
15. โควต้าของนายอิทธิ ศิริลัทธยากร
16. นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
17. นายคณวัฒน์ สศินสังวร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
18. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่
19. พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
20. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

21. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ว่าที่ ส.ส.กทม.
22. นายอุดมเดช รัตนเสถียร ว่าที่ ส.ส.นนทบุรี
23. นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
24. นายปลอดประสพ สุรัสวดี ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
25. น.ส.กฤษณา ศรีหลักษณ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
26. นายวัฒนา เมืองสุข ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
27. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
28. นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ว่าที่ ส.ส.ชัยภูมิ
29. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ทีมเศรษฐกิจ
30. นายจักรินทร์ พัฒนดำรงจิต ว่าที่ ส.ส.ขอนแก่น
31. คนตระกูลเทียนทอง

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์มติชนรายงานในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 5 ก.ค. ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีการพิจารณาตามที่มีข่าวออกมา และยังไม่ได้พูดคุยกัน อยากให้ผ่านขั้นตอนของการประกาศรับรอง ส.ส.ไปก่อน จึงจะดำเนินการในเรื่องของการจัดคณะรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลในพรรคเพื่อไทยเองที่มีการต่อรองตำแหน่งกันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เชื่อว่าสุดท้ายแล้วคงจะคุยกันได้ ส่วนตัวอยากเห็น ครม.ช่วยกันทำงาน และสามารถทำงานได้ จะมีการพิจารณาคนในด้วย และการจัดไม่มีการแบ่งเป็นอัตราส่วน 10 ต่อ 1 ตามที่มีข่าวออกมาแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่มีแกนนำคนเสื้อแดงอยู่ใน ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ในลักษณะของรัฐมนตรีและ ครม.ที่จะมีขึ้น จะเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเกี่ยวข้องกับงาน โดยจะไม่ปิดกั้นทั้งคนในและคนนอก ซึ่งจะทำอย่างดีที่สุด แต่บางครั้งก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง บางครั้งหน้าตาอาจจะไม่ดี แต่ก็ต้องมาดูที่ผลงานที่ปรากฏชัดกับประชาชน

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ และมติชนออนไลน์

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

TCIJ: ชาวบ้านเต้น ผู้ว่าฯ ชุมพรฟื้น “เขื่อนท่าแซะ” ไม่ปรึกษาผู้ถูกกระทบ

Posted: 05 Jul 2011 01:53 AM PDT

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ)

 

วานนี้ (4 ก.ค.54) กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะ จ. ชุมพร ออกแถลงการณ์ “สมัชชาคนจนกรณีเขื่อนท่าแซะ” ประณามกรณีนายพินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ร่วมกับกรมชลประทานจัดประชุมร่วมหลายภาคส่วนเพื่อรื้อฟื้นโครงการเขื่อนท่าแซะ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.54  โดยไม่มีการปรึกษาชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการ พร้อมเรียกร้องให้มีการพิจารณายกเลิกโครงการเขื่อนท่าแซะโดยเด็ดขาด

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า การดำเนินการโครงการเขื่อนท่าแซะที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง และไม่มีความโปร่งใสในกระบวนการพิจารณา อาทิ การนำเรื่องเข้าพิจารณาในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยยังไม่ผ่านคณะ กรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) อีกทั้งข้อมูลที่เสนอในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นข้อมูลเก่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีการบิดเบือนข้อมูล โดยเฉพาะประเด็นความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เพราะเขื่อนท่าแซะทำลายเศรษฐกิจสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไม้ผลของประชาชนกว่า 6,800 ไร่ มีมูลค่าปีละร้อยล้านบาท และทำลายป่าอนุรักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรซึ่งเป็นลุ่มน้ำชั้น A1 กว่า 2,400 ไร่

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะยืนยันคัดค้านโครงการเขื่อนท่าแซะจนถึงที่สุด และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายหยุดพฤติกรรมการข่มขู่ชาวบ้านผู้ได้รับผล กระทบ อีกทั้งจะไม่มีการเจรจาเรียกร้องค่าชดเชยใดๆ และเพื่อพิทักษ์สิทธิชุมชนท้องถิ่น ชาวบ้านจะไม่ยอมอพยพโยกย้ายจากพื้นที่

พร้อมกันนี้ กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะได้นัดชุมนุมในวันที่ 5 ก.ค.54 เพื่อให้ผู้ว่าฯ หยุดละเมิดสิทธิชาวบ้านและหยุดละเมิดต่อมติ ครม.ที่ให้ชะลอโครงการ

ทั้งนี้ โครงการเขื่อนท่าแซะเดิม วางแผนตั้งก่อสร้างในเขต ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี (ปี 2547 - 2552) งบประมาณทั้งโครงการ 3,321 ล้านบาท โดยจะมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาด 215.63 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 61,000 ไร่ ครอบคลุมเขต อ.ท่าแซะ รวม 7 ตำบล คือ ต.ท่าแซะ ต.สองพี่น้อง ต.หงษ์เจริญ ต.คุริง ต.นากระดาน และต.ท่าข้าม อีกทั้งยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งน้ำดิบให้กับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ด้วย

  

 

แถลงการณ์สมัชชาคนจนกรณีเขื่อนท่าแซะ

กลุ่มอนุรักษ์ป่าต้นน้ำท่าแซะ การที่ผู้ว่าราชการ นายพินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าจังหวัดชุมพร ผลักดันโครงการสร้างเขื่อนท่าแซะร่วมกับกรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีอย่างมีเงื่อนไขคือให้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาตินั้นพวกเราเครือข่ายประชาชนต้นน้ำท่าแซะจังหวัดชุมพรใน นามกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะขอยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง และไม่มีความโปร่งใสในกระบวนการพิจารณาทุกขั้นตอนมาตั้งแต่ต้น กล่าวคือ การนำเรื่องเข้าพิจารณาในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยยังไม่ผ่านคณะ กรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.) มีการใช้ข้อมูลที่เสนอในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ที่เป็นข้อมูลเท็จและบิดเบือนโดยเฉพาะประเด็นสำคัญเรื่องความคุ้มค่าทาง เศรษฐกิจพื้นที่ชลประทานความต้องการใช้น้ำและพื้นที่น้ำท่วมในป่าอนุรักษ์ อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรแต่กรรมการสิ่งแวดล้อมกลับอนุมัติผ่านโครงการโดยไม่ฟังเสียงทัก ท้วงจากประชาชนโดยเพิ่มเงื่อนไขให้ไปปฏิบัติตามผู้ชำนาญการแล้วกระทรวงเกษตร ได้นำเรื่องขออนุมัติกับคณะกรรมการกลั่นกรองโดยที่กรมชลประทานเจ้าของ โครงการยังไม่ได้ดำเนินการใดๆเลยตามเงื่อนไขของผู้ชำนาญการจากนั้นก็เสนอให้ ครม.อนุมัติโครงการโดยไม่ฟังเหตุผลและตรวจสอบข้อมูลใดๆตามที่ประชาชนผู้ได้ รับผลกระทบได้ยื่นหนังสือทักท้วงคัดค้านกับ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี รมว.เกษตรฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ โดยที่ได้มีการคัดค้านโครงการเขื่อน ท่าแซะมาตลอดตั้งแต่ต้น

 

กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะ จึงมีท่าทีและมีข้อเสนอ ดังนี้

1.กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะขอประณามการจัดฉากเวทีชี้แจงเขื่อนท่าแซะของ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรและกรมชลประทานที่จัดประชุมกับหลายฝ่าย เพื่อผลักดันให้มีการสร้างเขื่อนท่าแซะ

2.การที่กรมชลประทานและจังหวัดชุมพรอ้างมติครม.เพื่อเริ่มดำเนินการสร้าง เขื่อนท่าแซะโดยไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ผู้ชำนาญการ จนถึงครม.นั้นถือเป็นการเจตนาจงใจเอามติครม.มาข่มขู่ประชาชนให้เกรงกลัวและ ยินยอมนับเป็นการกระทำของหน่วยงานราชการผู้ไม่มีความเจริญทางจิตใจด้อยพัฒนา ล้าหลังที่สุดขัดกับการปฏิรูปราชการหลักธรรมาภิบาลและไม่เคารพต่อสิทธิและ การมีส่วนร่วมของประชาชนตามบทบัญญัติของกฎหมายรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550

3.การสร้างเขื่อนท่าแซะไม่มีความคุ้มทุนทางเศรษฐกิจอย่างที่กรมชลประทาน อ้างข้อมูลเก่าในรายงานEIA เมื่อ10 ปีที่แล้วเพราะเป็นช่วงหลังพายุเกย์และข้อมูลสำคัญบิดเบือนมาตั้งแต่ต้นด้วย เพราะเขื่อนท่าแซะทำลายเศรษฐกิจสวนยางพาราปาล์มน้ำมันและไม้ผลของ ประชาชนกว่า6,800 ไร่มีมูลค่าปีละร้อยล้านบาทและทำลายป่าอนุรักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรซึ่งเป็นลุ่มน้ำชั้นA1 กว่า2,400 ไร่และจ.ชุมพรมีภูมิอากาศชุ่มชื้นฝนตกชุกทั้งปีไม่ต้องการใช้น้ำชลประทาน

4.กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะขอยืนยันคัดค้านโครงการเขื่อนท่าแซะจนถึงที่ สุดจนกว่าจะมีการยกเลิกโครงการด้วยสันติวิธีและความอดทดเพื่อปกป้องทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งชุมชนท้องถิ่นต้นน้ำท่าแซะตามสิทธิในบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายหยุดพฤติกรรมการข่มขู่ชาวบ้านผู้ได้รับผล กระทบจากเขื่อนท่าแซะ

5.กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะซึ่งเป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ เขื่อนท่าแซะจะไม่ขอเจรจาเรียกร้องค่าชดเชยใดๆเพื่อพิทักษ์สิทธิชุมชนท้อง ถิ่นเราจะไม่ยอมอพยพโยกย้ายจากพื้นที่ต้นน้ำท่าแซะไปที่ไหนทั้งสิ้นขอเรียก ร้องให้กรมชลประทานเร่งพิจารณายกเลิกโครงการเขื่อนท่าแซะจ. ชุมพรโดยเด็ดขาด

6.กลุ่มจะสนับสนุนแนวทางการจัดการลุ่มน้ำท่าตะเภา(ท่าแซะ-รับร่อ) ด้วยวิธีการที่ยั่งยืนเท่านั้นและขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาแนวทางเลือกอื่นที่ ไม่ใช่การสร้างเขื่อนท่าแซะ

กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะจ. ชุมพร

ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
ณ ศาลากลางจังหวัดชุมพร

 

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น