โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

ความกล้าหาญทางจริยธรรมของสื่อ กับ “ปัญหา ม.112”

Posted: 31 Jul 2011 10:00 AM PDT

ผมรู้สึกยินดีที่ได้ดูรายการ Intelligence ทาง Voice TV ดำเนินรายการโดย คุณจอม เพชรประดับ สนทนาเรื่อง“สิทธิ เสรีภาพ จักต้องไม่ถูกละเมิด”สืบเนื่องจาก คำประกาศ 359 นักเขียน  “สิทธิ เสรีภาพ จักต้องไม่ถูกละเมิดการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองจักต้องไม่ถูกขู่เข็ญ ด้วยข้อกล่าวหาไม่จงรักภักดี”โดยมีผู้ร่วมสนทนาคือ คุณวิภา ดาวมณี กิตติพล สรัคคานนท์, วรพจน์ พันธุ์พงศ์ และวาด รวี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผมมองว่านี่เป็นการเคลื่อนไหวต่อยอดจากการเคลื่อนไหวของ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และคณะนิติราษฎร์ ที่น่าสนับสนุนอย่างยิ่งเพราะเป็นการช่วยกันทำให้ประเด็น “ปัญหา ม.112”ถูกอธิปรายถกเถียงใน “พื้นที่สาธารณะ” กว้างมากขึ้น

สำหรับรายการ Intelligence, Voice TV และสื่ออย่าง “คุณจอม เพชรประดับ” ก็สมควรปรบมือให้กับ “ความกล้าหาญทางจริยธรรม”ที่เข้ามาจับ “ประเด็นละเอียดอ่อน” นี้

เพราะเป็นที่รู้กันว่าสื่อในบ้านเรานั้นสนใจทำเรื่องของ “ตัวเงินตัวทองร่วมรักกันในบริเวณรัฐสภา”ให้เป็น “ข่าวหน้า 1” และเอาจริงเอาจังกับการใช้ “บทรักของตัวเงินตัวทอง”เป็น “ฐานคิด” ในการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองตลอดมา
แต่หลีกเลี่ยงที่จะทำให้ปัญหาระดับรากฐานจริงๆ เช่น ปัญหา ม.112 เป็น “ข่าวหน้า 1” หรือเป็นประเด็นที่ควรนำเสนอการอภิปรายถกเถียงสู่สาธารณะอย่างกว้างขวาง!

ในขณะที่สื่อของรัฐ สื่อเสื้อเหลือง และสื่อกระแสหลักส่วนหนึ่งเสนอข่าวและความคิดเห็นตลอดมาว่าฝ่ายที่เสนอให้อภิปรายประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ และเสนอให้แก้ไขม.112 คือ ฝ่ายที่มีเจตนาทำลายสถาบัน และต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองแต่มีสื่อในวงแคบเท่านั้นที่นำเสนอ “เหตุผล” ว่าทำไมสังคมไทยจึงควรอภิปรายประเด็นสถาบัน และควรแก้ไข ม.112

นี่จึงเป็นภาพสะท้อนปัญหา “ความกล้าหาญทางจริยธรรมของสื่อ” อย่าน่าเป็นห่วง!

ความกล้าหาญทางจริยธรรมของสื่อ หมายถึงความกล้าหาญที่จะนำเสนอความจริง และต่อสู้เพื่อให้เกิดความถูกต้อง
แต่ ม.112  ที่ 1) ปิดกั้นเสรีภาพในการพูดความจริงเกี่ยวกับสถาบัน  2) มีการพิจารณาคดีแบบปิดลับ เป็นการปิดกั้นสิทธิที่จะรับรู้ความจริงของประชาชน   3) ไม่ให้ประกันตัวและมีบทลงโทษหนักเกินเหตุ เป็นการทำลายสิทธิมนุษยชน   4) ใครจะร้องทุกข์กล่าวโทษก็ได้ และจึงทำให้เกิด  5)ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมือง มากกว่าใช้ปกป้องสถาบัน

ฉะนั้น จึงเป็นกฎหมายที่ขัดหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย คือหลักเสรีภาพขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนเพราะปิดกั้นสิทธิที่จะรับรู้และพูดความจริงมีบทลงโทษที่รุนแรง และถูกซ้ำเติมด้วย “ตราบาป” ทางสังคมอันเกิดจากค่านิยมที่ถูกปลูกฝังโดยวัฒนธรรมอำนาจนิยมตาม “อุดมการณ์ราชาชาตินิยม” ที่ขัดแย้งกับความเป็นประชาธิปไตยโดยพื้นฐาน
เมื่อไม่มีเสรีภาพในการพูด สังคมก็ไม่อาจแลกเปลี่ยนเรียนรู้วินิจฉัย หรือมีความเห็นร่วมกันได้ว่า อะไรคือความจริง ความเท็จอะไรคือถูก อะไรคือผิด

ในสังคมที่ไม่มีเสรีภาพเช่นนี้เราไม่อาจเรียกว่าเป็น “สังคมประชาธิปไตย” ได้

การที่สื่อไม่ได้จริงจังกับการนำเสนอ “ความจริง” ของปัญหา ม.112 เช่นติดตามข้อมูลและการเคลื่อนไหวของคนที่ถูกดำเนินการด้วยกฎหมายนี้ในระยะกว่า 5 ปี มานี้ว่า มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเท่าไร สาเหตุที่ถูกดำเนินคดีเพราะเขาไปทำอะไรทำไมเขาไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ เช่น การประกันตัวชะตากรรมในคุกของเขาเป็นอย่างไร ครอบครัวเขาเป็นอย่างไร ฯลฯและไม่ได้สนใจเสนอประเด็นการอภิปราย ข้อเรียกร้อง และเหตุผลเชิงลึกต่างๆของฝ่ายเรียกร้องให้แก้ ม.112 อย่างละเอียดทุกแง่มุมและต่อเนื่อง สะท้อนว่าสื่อขาดความกล้าหาญทางจริยธรรมอย่างชัดเจน

ในสังคมที่ดีมันควรจะมีความผิดเกี่ยวกับการใช้สิทธิเสรีภาพในการพูดความจริงเกี่ยวกับสถาบันใดๆ ไหมว่าประชาชนต้องถูกดำเนินคดีโดยห้ามประกันตัว ศาลพิจารณาคดีแบบปิดลับและมีบทลงโทษอย่างหนัก โดยที่สื่อและประชาชนในประเทศไม่ต้องสนใจใดๆเลยกับ “ข้อเท็จจริง” เกี่ยวกับการกระทำ คำพูด และ/หรือสิทธิมนุษยชนของผู้ที่ถูกกล่าวหาและดำเนินคดีเช่นนั้น

การที่สื่อไม่ได้สนใจกับการตั้งคำถามทำนองนี้ มันก็เป็นเรื่องตลกร้ายอย่างยิ่งเมื่อสื่อยังประกาศ “คำขวัญ” ที่ว่า “เสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชน”โดยที่พฤติกรรมของสื่อไม่แสดงให้เห็นว่าคุณ “อิน”กับความหมายของ “ความกล้าหาญทางจริยธรรม”หรือความกล้าหาญในการนำเสนอความจริงและต่อสู้เพื่อให้เกิดความถูกต้อง

ซึ่งหัวใจสำคัญอยู่ที่ การต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน

คุณบอกว่า “เสรีภาพสื่อ คือเสรีภาพประชาชน”แต่คุณกลับสนใจใช้เสรีภาพนั้นเสนอเรื่องราว “การร่วมรักของตัวเงินตัวทอง”มากกว่าขณะที่แทบไม่สนใจทำข่าว หรือร่วมอภิปรายถกเถียงในประเด็นสถาบันและการแก้ไข ม.112 ซึ่งเป็นเรื่องของการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพและความเป็นประชาธิปไตยของประชาชนเลย

พูดถึงตรงนี้แล้วก็น่าเศร้าครับ ในยุคสมัยที่ “พลเมืองประชาธิปไตย” ตื่นขึ้นจำนวนมากสื่อไทยกลับมีท่าทีหวาดระแวง หรือไม่เชื่อมั่นต่อการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนและไม่นำเสนอ “เนื้อหา” ของการตื่นตัวนั้นเท่ากับ “เนื้อหา” คำสัมภาษณ์ของผบ.ทบ.ด้วยซ้ำ

มันตลกไหมครับที่เรารับรู้เรื่องราวของ “หมู่บ้านแดง”ทั้งในชนบทและในเมืองจากการนำเสนอของสื่อต่างชาติ(แล้วสื่อไทยก็แปลมานำเสนอต่อ) เช่นเดียวกับที่เราได้เห็นภาพเจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชนในการสลายการชุมนุมจากสื่อต่างชาติ มากกว่าจากสื่อไทย

และแน่นอนว่า ประเด็นปัญหา ม.112 ที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนก็คงจะเป็นที่สนใจและถูกนำเสนอโดยสื่อต่างชาติมากกว่า แล้วเรายังจะมีความหวังอะไรกับสื่อไทย ในเรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพและความเป็นประชาธิปไตยอีกเล่า!

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ประชาไทบันเทิง: หลิ่มหลีชวนชม “ตรรกะสังสรรค์”

Posted: 31 Jul 2011 09:43 AM PDT

อยากจะกราบเท้า ชาบู ชาบู อ. ประชา สุวีรานนท์ กับคอนเซปต์ “นรกพลังบวก” หรือ “Bright Sided Hell : The Positive Thinking” กับการใช้โครงเรื่องของ หนังสือ ไตรภูมิพระร่วง ของ เสฐียรโกเศศ หรือ พระยาอนุมานราชธน

เอ่อ...อุ้ย ..ความที่ตื่นเต้ลลล มากกับการได้ดูงานนิทรรศการของอาจารย์ประชา .. กรี๊ด ชาบูสุดฤทธิ์ ทำให้หลิ่มหลีลืมไปว่า น่าจะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับนิทรรศการนี้

เอาใหม่ เอาใหม่ ... หายใจลึกๆ เริ่มเล่าใหม่ค่ะ

หลายๆคนอาจจะทราบว่า ณ ตอนนี้มีงานนิทรรศการที่น่าสนใจและเป็นที่สนใจในหมู่ศิลปินทุกแขนงรวมทั้งเหล่าเพื่อนเสรีชนมากมาย

คืองานตรรกะสังสรรค์ : ศิลปะแห่งการสนทนา ซึ่งเปิดงานไปเมื่อวันที่ 21กรกฎาคม และงานจะมีถึงวันที่ 25 กันยายน 2554 ณ นิทรรศการ ชั้น 8 ที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (ฺฺBACC) โดยเป็นการจัดของหอศิลปฯ ร่วมกับ มูลนิธิเสฐียรโกเศศ นาคะประทีป

โดยการจัดงานนี้จะเป็นประเด็นของพื้นฐานการดำรงชีวิตของเหล่าปกติชน (เด๋วต้องมาคนสงสัย แล้วเหล่าไม่ปกติชนเป็นอย่างไร) “ตรรกสังสรรค์” ของผลงานจัดวางของศิลปิน 8 ท่าน ตามแนวคิด “เกิด แก่ เจ็บ ตาย กิน ขี้ ปี้ นอน” โดยแรงบันดาลใจจะมาจากตัวของศิลปินเอง หรือ ของท่านพระยาอนุมานราชธนก็ได้

งานตรรกะสังสรรค์นี้ มีคุณกิตติพล สรัคคานนท์ เป็นภัณฑารักษ์รับเชิญ
ศิลปินจาก 8 สาขา 8 แนวคิด ได้แก่

  • ล้อม เพ็งแก้ว ผ่านภิญโญ ไตรสุริยธรรมา สาขาวรรณกรรม (เกิด),
  • ประชา สุวีรานนท์ สาขาออกแบบ (แก่),
  • สุรสีห์ กุศลวงศ์ สาขาทัศนศิลป์ (เจ็บ),
  • ภัทรสุดา อนุมานราชธน ร่วมด้วย Millie Young สาขาศิลปะการแสดง (ตาย),
  • มหาสมุทร บุณยรักษ์ และเศรษฐวัตร อุทธา สาขาสื่อผสม (กิน),
  • ตุล ไวฑูรเกียรติ สาขาดนตรี (ขี้),
  • ธัญสก พันสิทธิวรกุล สาขาภาพยนตร์ (ปี้),
  • สิงห์ อินทรชูโต สาขาสถาปัตยกรรม (นอน)

บอกตรงๆ ตามประสาหลิ่มๆอย่างหลิ่มหลี ดูไม่่ค่อยจะรู้เรื่องหรอกค่ะ เดินเข้ามาในงาน หลิ่มหลีก็เห็น กองด้ายเยอะมากก แล้วเพื่อนของหลิ่มหลีก็บอกว่า เขาให้หาสร้อยทองที่ซ่อนอยู่ในนั้น หลิ่มหลีก็ งง งง ให้หา ใครจะไปหาเจอ แต่นี่ก็คือ คอนเซปต์ของ”เจ็บ” ของคุณสุรสีห์ เดินไปอีกหน่อย หลิ่มหลีก็ได้เห็น เตียงนอนในห้อง กับเตียงนอนนอกห้อง เตียงในห้องเป็นเตียงแปลกๆ เป็นเหล็กนูนๆ แต่เตียงด้านนอก เป็นเตียงน่านอน หลิ่มหลีว่านี่ต้องเป็นแนวคิดของ “นอน” แน่ๆเลยค่ะ บอกให้รู้เลยว่า ต้องการนอน เราต้องเปลี่ยนคู่นอนแหงแหง ไหงคิดอย่างนี้ไปได้น้า

ประชาไทบันเทิง: หลิ่มหลีชวนชม “ตรรกะสังสรรค์”

หันหลังกลับมา ก็เป็นงานภาพยนตร์ พร้อมกับคำคมมากมายของ ..จุด ..จุด ..จุด ที่เกี่ยวข้องการการปราบปรามคนเสื้อแดง ช่างเป็นคำคมที่แสบสันต์สาหัสสากรรจ์เหลือเกินค่ะพี่ขา ..หลิ่มหลีรักนะ และเบื้องบนก็เป็นภาพยนตร์ที่เป็น เอ่อ.. คน กับ คน จูบกัน ..ดูแล้วมันต้องเกี่ยวกับการ “ปี้” ของพี่ปุ่น ธัญสก นักทำหนังเจ้าของหนังดังในต่างประเทศที่ชื่อว่า “The Terrorists” แน่ๆเลยค่ะ

งง แล้วก็เดินผ่านเส้นทางที่จะไปอีกทางหนึ่ง ผ่านไปยังทางที่เหมือนเขาวงกต ที่มีดอกบัว มีม่านขาวที่ฉายหนัง แล้วก็ไปยัง งานของอาจารย์ประชา ที่หลิ่มหลีกรี๊ดสุดขีด ที่เป็นภาพต่างๆของเด็กน้อย ปัญญา - เรณู ถือโอกาสไปเที่ยวแดนนรก .. แบบ พลังบวก มองโลกในแง่ดี ไม่ว่าจะชิบหายยังไง ทุกข์ร้อนแค่ไหน เน่าเฟอะในกะทะทองแดงยังไง ถ้าเราคิดบวก เราก็เป็นคนดี โอ้ย อยากจะกราบกรานคนเขียน หอมแก้มฟอดๆ มันช่างกระแทกใจดำของใครหลายๆคนจริงๆเลยค่ะ

อยากจะเอารูปทุกรูปที่แอบถ่ายมาโพสให้ดู ..แต่อยากบอกว่า ถ้าอยากให้ได้อรรถรสแบบขึดสุด ..ไปดูเอง อ่านเองทุกตัวอักษรเลยนะคะ ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี โดยเฉพาะเหล่าเอเจนซี่นักทำโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายนี่ น่าไปดูไปศึกษาไว้เป็นที่สุดเลยค่ะ หึ หึ

หลังๆ หลิ่มหลีแยกไม่ออกแล้วว่า ที่เดินผ่านมานั้น เป็นแนวคิด เจ็บ ขี้ ตาย แก่ เกิด อันไหนเป็นอันไหน .. แต่หลิ่มหลีก็มาศึกษาหลังงานอีกทีว่า ไอ้แต่ละงานจัดวางที่ตามแนวคิดที่เหลือนั้นเป็นอย่างไร

อย่างแนวคิด “เกิด” ก็เป็นการนำเครื่องใช้เด็กแรกเกิดมาวาง แล้วก็เป็นวีดีโอสัมภาษณ์ “อาจารย์ล้อม” ส่วนแนวคิด “แก่” ก็คือของอาจารย์ประชา ตอนแรกหลิ่มหลีคิดว่าเป็นแนวคิด “ตาย”ซะอีก ฮ่าๆๆๆ ขำ ขำ ยิ่งรู้ว่าเป็นแนวคิด “แก่” ยิ่งขำ สะใจกับงานนี้จริงๆค่ะ สนุก พีคเหลือเกินกับงานนี้ ฟินสุดๆ

ส่วนทางเขาวงกตก็เป็นแนวคิดของ “ตาย” คือเส้นทางไปสู่อีกชีวิตหนึ่งโดยมีดอกบัวมากมายเรียงรายตามทาง ส่วนแนวคิด “กิน” เป็นการฉายภาพยนตร์ ที่เกี่ยวกับการกิน ส่วนห้องหนังสือที่หลิ่มหลีผ่านมานั่งคือแนวคิด “ขี้” แบบว่า เขาบอกว่า แนวคิดขี้ก็คือการแลกเปลี่ยนความคิด การขับถ่ายความคิด เท่ากับว่าเราอ่านหนังสือแล้วเราก็มาถกประเด็นกันอะไรประมาณนี้ ฉลาดเนอะ คุณตุลเนี่ย โอ้ย อิน หลิ่มหลี อินมากค่ะ

แล้วก็มาจบด้วย รูปกระจกที่เมื่อส่องกระจกแล้วจะเห็นตัวหนังสือที่ผนัง คำว่า “รู้จักตัวเอง” “Know Yourself”

เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ !!!! เหมือนกับสอนให้ ส่องกระจกตัวเองบ้าง กรี๊ดดดดด ใครคิดเนี่ย... !!!! จุ๊บๆๆๆๆๆๆ

งานยังมีอยู่นะคะ พร้อมกับกิจกรรมต่างๆ หลิ่มหลีไปศึกษาตารางกิจกรรมมาให้ดังข้างล่างนี้นะคะ ยังไงก็แวะไปชมได้นะคะ เหมาะกับทุกคนเลยค่ะ แต่ถ้ามีเด็กเยาวชนไปด้วย ต้องระวังนิ๊ดส์นุงนะคะ .. อาจจะต้องให้คำแนะนำที่เหมาะสมบ้าง

กิจกรรมประกอบนิทรรศการ ตรรกะสังสรรค์ ชั้น 8

Artist Tour, A personal guide through death ของ Millie Young
ผู้จัด - หอศิลปฯ และศิลปิน Millie Young
4 สิงหาคม 2554 / 12:00 น - 13:00 น
21 สิงหาคม 2554 /15:00 น - 16:00 น

- - - - - - - - - -

หนังเรื่องเพลงราตรี โดยมหาสมุทร บุณยรักษ์และเศรษฐวัฒน์ อุทธา
ผู้จัด - หอศิลปฯ และศิลปิน
11 สิงหาคม 2554 / 18:00 น.

- - - - - - - - - -

ปาฐกถาโดยอาจารย์สุลักษณ์
ผู้จัด - หอศิลปฯ และมูลนิธิเสฐียรโกเศศ
รากฐานทางความคิดจากพระยาอนุมานราชธน จากเก่าสู่ใหม่ การเรียนรู้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ของความรู้หรือบทบาททางประวัติศาสตร์ความคิด
3 กันยายน 2554 / 13:00-15:00 น.

- - - - - - - - - -

กิจกรรมโดย ตุล ไวฑูรเกียรติ
ผู้จัด - หอศิลปฯ ตุล ไวฑูลเกียรติ และ Thaipoetsociety
การแลกหนังสือ เขียนกวี และอ่านบทกวี
ตลอดระยะเวลานิทรรศการ

- - - - - - - - - -

Bookfair
ผู้จัด - หอศิลปฯและสำนักพิมพ์
การออกร้านหนังสือของสำนักพิมพ์ต่างๆ ได้แก่
สำนักพิมพ์ระหว่างบรรทัด สำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น สำนักพิมพ์undergroundbulleteen สำนักพิมพ์เคล็ดไทย สำนักพิมพ์กำมะหยี่ สำนักพิมพ์ openbooks
ตลอดระยะเวลานิทรรศการ

- - - - - - - - - -

Special & Exclusive Film Program โดย ธันสก พันสิทธิวรกุล และ สนธยา ทรัพย์เย็น
ผู้จัด - หอศิลปฯ ธันสก พันสิทธิวรกุลและ filmvirus

6 สิงหาคม 2554
14.30 น. – Introduction โดย วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา

The Old
15.00 น. - THE SEED OF MAN (Marco Ferreri /1969/ Italy)
15.00 น. - THE SURROGATE MOTHER (Im Kwon Taek /1987 / South Korea)

20 สิงหาคม 2554

The New
15.00 น. - CRIA CUERVOS (Carlos Saura / 1976/ Spain)
17.00 น. - XALA (Ousmane Sembene /1975/ Senegal)

3 กันยายน 2554

Cannot be Born
15.00 น. - THE BROOD (David Cronenberg/ 1979/ Canada)
17.00 น. - NIGHT OF THE COUNTING THE YEARS (Shadi Abdel Salam /1969/ Egypt)

17 กันยายน 2554

Cannot Reconciled
15.00 น. - NIGHT OF THE COUNTING THE YEARS
(Shadi Abdel Salam /1969/ Egypt)
17.00 น. - THE SEED OF MAN (Marco Ferreri /1969/ Italy)

- - - - - - - - - -

ข้อควรรู้ในการเข้าชมนิทรรศการตรรกะสังสรรค์

  • นิทรรศการนี้สามารถถ่ายรูปได้
  • ผลงานโดยส่วนใหญ่สามารถจับต้องได้ โปรดสังเกตกติกาตามเงื่อนไขผลงานของแต่ละศิลปิน
  • ผลงานบางชิ้นมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ในกรณีที่เข้าชมพร้อมผู้ชมวัยเยาว์ โปรดให้คำแนะนำที่เหมาะสม
  • นิทรรศการนี้เป็นการนำเสนอกระบวนการความคิดและต้องการการมีส่วนร่วมจากผู้ชม ภายใต้คำถาม “คุณกำลังคิดอะไรอยู่” จะมีกระดาษจัดเตรียมไว้ให้เพื่อเขียนความคิดที่ท่านมีเกี่ยวกับประเด็น “เกิด แก่ เจ็บ ตาย กิน ขี้ ปี้ นอน” ทีมงานจะนำเสนอความคิดที่ถูกคัดเลือก ร่วมแสดงในนิทรรศการร่วมกับแนวคิดของศิลปินและอื่นๆ

ประชาไทบันเทิง: หลิ่มหลีชวนชม “ตรรกะสังสรรค์”

ประชาไทบันเทิง: หลิ่มหลีชวนชม “ตรรกะสังสรรค์”

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ตลกร้าย กรณี “ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์” ถูก มติชน “เชิญออก”

Posted: 31 Jul 2011 09:21 AM PDT

 “การยอมรับความแตกต่างและใช้ความแตกต่างเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมเป็นความงดงามของ ปชต. แต่การปิดกั้นผู้อื่นคือ อนารยะ”

-- ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ 31 กรกฎาคม เวลาประมาณ 8 โมงเช้า ผ่านทวิตเตอร์แอคเคาท์ @Prasong_Lert                  
https://twitter.com/#!/Prasong_lert/status/97452873906008064

-----------------------------------------------

การที่นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นักข่าวอาวุโส ผู้ทำงานที่เครือมติชนมาร่วม 26 ปี และมีชื่อเสียงทางด้านการทำข่าวสืบสวนสอบสวน ต่อต้านทักษิณ ชินวัตร ถูกบีบออกจากมติชนเป็นเรื่องที่สะเทือนใจและน่าเป็นห่วงสำหรับคนที่รักประชาธิปไตยและสังคมที่ยอมรับความหลากหลาย รวมถึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก หากทว่า ท่ามกลางเสียงแสดงความเห็นใจและเสียใจต่อกรณีนายประสงค์ และความเงียบจากฝ่ายเสื้อแดงที่เรียกตนว่า “รักประชาธิปไตย” ผู้เขียนขอตั้งข้อสังเกตความย้อนแย้งระดับตลกร้าย มาให้ช่วยกันพิจารณาดังนี้

1. วันที่ 31 กรกฎาคม เวลาประมาณ 8 โมงเช้า นายประสงค์ทวีตผ่านทวิตเตอร์แอคเคาท์ @prasong_lert เพื่อขอบใจผู้ที่แสดงความชื่นชมและเป็นห่วงเป็นใยต่อชะตากรรมของตนว่า “@xxxxxxx ขอบคุณครับ การยอมรับความแตกต่างและใช้ความแตกต่างเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมเป็นความงดงามของ ปชต. แต่การปิดกั้นผู้อื่นคือ อนารยะ” ผู้เขียนเห็นด้วยกับข้อความนายประสงค์ทุกอย่าง แต่อดมิได้ที่จะถามว่า จุดยืนของนายประสงค์ช่วงที่เป็นนายกสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ต่อสื่อเสื้อแดง เป็นอย่างไร ซึ่งรวมถึงคนอย่างนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งถูกรัฐบาลประชาธิปัตย์ ไล่บี้จนต้องไปพิมพ์หนังสือ Red Power ในประเทศกัมพูชา ทั้งยังถูกจับกุมข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมถึงคำถามเช่น ในช่วงปี 2552 ซึ่งวิทยุ สถานีโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์เสื้อแดงจำนวนมากถูกไล่ปิด นายประสงค์เคยแสดงจุดยืนบ้างไหมเรื่องความจำเป็นที่สังคมไทยควร “ยอมรับความเห็นต่าง”

นี่ยังไม่รวมถึงจุดยืนของนายประสงค์ต่อการทำลายความเห็นต่างอย่างแท้จริงในสังคมไทยอย่างร้ายแรงที่สุด อย่าง กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เท่าที่ผู้เขียนจำได้จากการแลกเปลี่ยนความเห็นกับนายประสงค์ในเวทีสาธารณะอย่างน้อยสองครั้ง จุดยืนของนายประสงค์ต่อกฎหมายที่ขัดกับหลักประชาธิปไตยพื้นฐานนี้ก็คือ ไม่ต้องไปทำอะไร และไม่มีปัญหาอะไรกับกฎหมายนี้ ผู้เขียนจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่า มาวันนี้ นายประสงค์กลับกลายเป็นผู้ที่ชื่นชอบ “ความแตกต่าง” ทางความคิดไปได้อย่าไร

2. ก่อนหน้านั้น นายประสงค์ได้ทวีตขอบคุณ “เปลว สีเงิน” บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์ผู้ที่กระทำต่อนายประสงค์ ซึ่งผู้เขียนก็เห็นว่า เป็นสิ่งที่พึงกระทำอยู่ แต่อยากจะชี้ให้เห็นถึงตลกร้ายในเรื่องนี้ว่า นายประสงค์มิได้ตระหนักหรือไงว่า เปลว สีเงินก็มีระดับ การยอมรับ “ความแตกต่าง” ทางการเมืองในระดับที่น่าจะเรียกได้ว่าต่ำเช่นกัน ดูได้จากการที่เปลว สีเงิน จัดกำรปิดปากอดีตคอลัมนิสต์ไทยโพสต์ สีแดง ที่ใช้นามปากกาว่า “ใบต้องแห้ง” ซึ่งก็ไม่ต่างจากการที่มติชนเพิ่งจัดการกับนายประสงค์

3. ส่วนบรรดาเสื้อแดง โดยเฉพาะบรรดาเสื้อแดงที่เรียกตนว่า เป็นพวกหัวก้าวหน้า หรือเสื้อแดงเพี่อประชาธิปไตยก็ตาม พวกเขาเงียบหายไปไหนกันหมดล่ะ ทำไมไม่ออกมาปกป้องให้สังคมและสื่อมีพื้นที่สำหรับความเห็นต่าง หากพวกคุณไม่เห็นคุณค่าของความเห็นต่าง และความสำคัญของความเห็นต่างอันหลากหลายในสังคมประชาธิปไตย (ซึ่งก็น่าจะเป็นสังคมแบบที่คุณอยากเห็นมิใช่หรือ) พวกคนเสื้อแดงก็ควรสำเนียกว่า หากพวกคุณไม่ออกมารักษาสิทธิของผู้เห็นต่าง ณ วันนี้ ในวันหน้า เมื่อใดที่รัฐบาลที่เห็นต่างจากพวกคุณกลับมามีอำนาจ ความเห็นของสื่อหรือนักข่าวที่แดง ก็จะถูกเหยียบย่ำจัดการ ไม่ต่างจากการที่นายประสงค์ถูกกระทำ ในวันนี้ แบบทีใครทีมัน แบบที่ใครมีอำนาจ ก็ปิดปากผู้ไม่มีอำนาจ หรือผู้เห็นต่าง

ผู้เขียนอยากบอกคนเสื้อแดง และคนเสื้อสีอื่นๆ ว่า หากเราไม่ปกป้องสิทธิในการแสดงออก สังคมไทยก็ไม่สามารถเป็นประชาธิปไตยได้ ถ้าคุณสนใจแต่จะปกป้องเสียงที่เห็นเหมือนคุณ หรือเสียงที่คุณเห็นว่าเป็น “คนดี” ในมุมมองของคุณ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะดีอย่างไร มันก็ไม่สามารถทำให้สังคมเป็นประชาธิปไตยได้ เพราะสังคมประชาธิปไตยคือสังคมที่ความคิดเห็นอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะทางการเมือง เศณษฐกิจ หรือสังคม สามารถมีที่ยืนได้ โดยไม่ถูกทำลายหรือปิดกั้น  

4. ผู้เขียนยืนยันว่า กรณีนายประสงค์ถูกบีบออก เป็นสิ่งที่สังคมต้องออกมาร่วมกันเรียกร้องให้มติชนตอบคำถามให้ชัดเจน หรือไม่ก็ต้องออกมาประณามมติชน หากเหตุผลที่บีบออกเพียงเพราะ คนที่รักทักษิณเกลียดประสงค์เกินไป อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ได้ทำให้นายประสงค์กลายเป็นผู้ที่รักและสนับสนุนปกป้องความเห็นต่างโดยปริยายและอย่างแท้จริง โดยเฉพาะความเห็นต่างที่ต่างจากนายประสงค์ หากเราย่อมต้องถามเช่นเดียวกันว่า นายประสงค์เชื่อมั่นว่า สังคมต้องมีพื้นที่สำหรับผู้เห็นต่าง โดยไม่ต้องถูกทำให้เงียบ ไล่ออก หรือถูกโยนเข้าคุกเข้าตารางจริงหรือ หรือเป็นเพียงการที่นายประสงค์ท่องคาถาใหม่ หรือใส่หัวโขนใหม่ ภายใต้บริบทที่ถูกยัดเยียดให้ใหม่ ผู้เขียนเสียใจที่ต้องตอบว่า ผู้เขียนกังขาอย่างยิ่งว่า จุดยืนแท้จริงของนายประสงค์เป็นอย่างไรในเรื่องนี้ แต่ถึงแม้เราจะเห็นต่างกัน ผมก็ขอยืนยันว่า คนไทย ไม่ว่าเสื้อสีแดง สีเหลือง หรือสีอะไร ก็ควรออกมาประณามผู้กระทำการปิดปากนายประสงค์ เพื่อว่า วันหนึ่งสังคมไทยจะได้เป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อที่ว่า สังคมจะเรียนรู้ยอมรับว่า คุณอาจเห็นต่างจากผม แต่ผมเชื่อว่า คุณมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นต่าง โดยไม่ถูกปิดปาก และจักสู้ปกป้องสิทธิในการเห็นต่างของคุณและทุกคน

ปล.1 การเขียนบทความเกี่ยวกับนายประสงค์ ผู้เคยเป็นนายกสมาคมนักข่าวสองสมัย ทำให้ผู้เขียนนึกขึ้นมาได้อีกว่า การจัดอันดับเสรีภาพของสื่อไทย จากองค์กรต่างประเทศเช่น Freedom House องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน และ Committee to Protect Journalists ได้ตกลงไปฮวบฮาบจนกระทั่งทุกวันนี้ไทยตกมาอยู่อันดับดับท้ายๆ ของโลกร่วมกับสังคมเผด็จการหลายประเทศไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งนี้เกิดขึ้นภายใต้การนำของคุณประสงค์ในฐานะสมาคมนักข่าวฯ แล้วสุดท้ายมติชนก็มาจัดการกับนายประสงค์แบบนี้หลังจากเขาพ้นตำแหน่งที่สมาคมฯ ได้ไม่กี่เดือน มันช่างเป็นตลกร้ายเสียจริง

ปล.2 สำหรับหนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งเรียกตนเองว่า เป็น “หนังสือพิมพ์คุณภาพเพื่อสังคมคุณภาพ” นั้น น่าจะเปิดพื้นที่วิพากษ์รัฐบาลเพื่อไทย/ยิ่งลักษณ์/ทักษิณให้มากขึ้น ในเมื่อเพื่อไทยกำลังจะตั้งรัฐบาล แต่ผู้บริหารกลับเลือกที่จะผลักไสนายประสงค์ออก ผู้เขียนก็มองมิออกว่า มันจะช่วยทำให้สังคมไทยเป็น “สังคมคุณภาพ” ได้อย่างไร

 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ยะลาเขต 2 นับคะแนนเลือกตั้งใหม่-ประชาธิปัตย์ยังคงชนะเพื่อไทย

Posted: 31 Jul 2011 08:13 AM PDT

ผลการนับคะแนน ส.ส. เขต 2 ยะลารอบใหม่ ผล "อับดุลการิม เต็งระกีนา" จากประชาธิปัตย์ชนะ "ซูการ์โน มะทา" จากเพื่อไทย ทิ้งห่างกัน 530 คะแนน ส่วนบัตรเสียเพิ่มขึ้นเป็น 10,043 ใบ

วันนี้ (31 ก.ค.) ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ที่อาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา มีการนับคะแนนเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.ยะลาใหม่ตามมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยการนับคะแนนใหม่ดังกล่าวมีผู้สังเกตการณ์และผู้สนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรอลุ้นผลการนับคะแนน ทั้งนายถาวร เสนเนียม แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นายซูการ์โน มะทา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และนายอับดุลการิม เด็งระกีนา ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์

โดยการนับคะแนนใช้ตำรวจภูธร จ.ยะลา ทั้งสิ้น 290 นายเป็นผู้นับคะแนน ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยการขานคะแนนเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 น. โดยล่าสุดเมื่อเวลา 21.00 น. สำนักข่าวแห่งชาติ รายงานว่าผลการนับคะแนนใหม่ทั้ง 172 หน่วย ปรากฏว่า นายอับดุลการิม เด็งระกีนา จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 28,495 คะแนน ส่วน นายซูการ์โน มะทา จากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 27,965 คะแนน ทิ้งห่างกัน 530 คะแนน ต่างจากผลการนับคะแนนเลือกตั้งครั้งแรกที่ผลคะแนนต่างกันเพียง 48 คะแนน ส่วนบัตรเสียเพิ่มขึ้น เป็น 10,043 ใบ ทำให้ นายอับดุลการิม เด็งระกีนา ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ชนะการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดยะลา

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

"ภูมิใจไทย" คะแนนนำเลือกตั้งซ่อมเขต 3 สุโขทัย

Posted: 31 Jul 2011 06:45 AM PDT

ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. สุโขทัยเขต 3 "จักรวาล ชัยวิรัตน์นูกุล" ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ชนะการเลือกตั้งมีคะแนนนำเหนือคู่แข่งจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน

สำนักข่าวแห่งชาติ รายงานวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า ภายหลังจากปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดสุโขทัย เขตเลือกตั้งที่ 3 รอบที่ 2 ล่าสุดผลการนับคะแนนรวมของ กกต.จังหวัดสุโขทัย อย่างไม่เป็นทางการทั้ง 3 อำเภอ คือ อำเภอบ้านด่านลานหอย อำเภอทุ่งเสลี่ยม และอำเภอสวรรคโลก ยกเว้น ตำบลป่ากุมเกาะ ตำบลในเมือง ตำบลคลองยาง และตำบลนาทุ่ง ปรากฏว่า นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นูกุล ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย ได้ 34,232 คะแนน ชนะคู่แข่งคนสำคัญ คือ นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หลานชายของ ว่าที่ ร.ต.ประภาส ลิมปะพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่ได้ 22,882 คะแนน

นายจรูญ จันทร์อินทร์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีเรื่องร้องเรียนหรือกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่ อย่างใด สำหรับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ที่ร้อยละ 60 ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เพราะตลอดทั้งวันมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอิทธิพลของพายุ นกเตน

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ผลการเลือกตั้งซ่อมหนองคายเขต 2 เพื่อไทยชนะ

Posted: 31 Jul 2011 05:17 AM PDT

ผลนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมหนองคายเขต 2 นายสมคิด บาลไธสงค์จากเพื่อไทยได้ 46,403 คะแนน ส่วนนายพิทักษ์ ศรีตะบุตรพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินได้ 10,726 คะแนน

วันนี้ (3 ก.ค.) กกต. จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เขต 2 จ.หนองคาย คือพื้นที่ อ.โพนพิสัย, อ.เฝ้าไร่ และ อ.รัตนวาปี
โดยผลการเลือกตั้งวันนี้ มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 121,514 คน มาใช้สิทธิ์ 59,619 คน มีบัตรเสีย 1,457 ใบ ไม่ประสงค์ลงคะแนน 853 ใบ ผลการนับคะแนนปรากฏว่านายสมคิด บาลไธสงค์ ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ได้ 46,403 คะแนน อันดับสอง นายพิทักษ์ ศรีตะบุตร ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ 10,726 คะแนน นายชัยวัชร์ นามขันธ์ ผู้สมัครหมายเลข 16 พรรคภูมิใจไทย 272 คะแนน นายเทวัน พันลำ ผู้สมัครหมายเลข 10 พรรคประชาธิปัตย์ได้ 160 คะแนน

สำหรับผลการเลือกตั้งก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ก.ค. มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 121,132 คน มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 81,048 คน หรือร้อยละ 66.91 มีบัตรเสียร้อยละ 3.69 ไม่ประสงค์ลงคะแนนร้อยละ 1.30 โดยผลการนับคะแนน นายสมคิด บาลไธสง พรรคเพื่อไทยได้ 45,927 คะแนน นายพิทักษ์ ศรีตะบุตร พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินได้ 20,959 คะแนน นาย ชัยวัชร์ นามขันธ์ พรรคภูมิใจไทยได้ 1,611 คะแนน นายเทวัน พันลำพรรคประชาธิปัตย์ได้ 1,233 คะแนน

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

อภิสิทธิ์เผยจะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญต่อไป-จนกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาทำงาน

Posted: 31 Jul 2011 03:15 AM PDT

เผยเตรียมประชุม ครม. นัดสุดท้ายพรุ่งนี้ โดยจะหารือเรื่องการจัดพระราชพิธีที่สำคัญ และเรื่องคืนตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้กับจาดุร อภิชาตบุตร พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญต่อไปจนกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาทำงาน ในส่วนของขั้นตอนการตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด เนื่องจากไม่ต้องการให้รัฐบาลเก่าและใหม่ทิ้งช่วงนานเกินไป

สำนักข่าวแห่งชาติ รายงานวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบตำแหน่งให้กับนายกสมาคมส่งเสริมชาวคลองเตย ณ สมาคมส่งเสริมชาวคลองเตย บริเวณศาลเจ้าตลาดคลองเตย ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ วันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.54) ซึ่งถือเป็นนัดสุดท้ายของการประชุมในรัฐบาลชุดนี้ จะมีการหารือเรื่องการจัดพระราชพิธีสำคัญ รวมถึงการเสนอคณะรัฐมนตรี ในการคืนตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้กับ นายจาดุร อภิชาตบุตร ตามที่ศาลปกครองได้วินิจฉัยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ตนเองยังคงยืนยันที่จะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญต่อไปจนกว่ารัฐบาลใหม่ จะเข้ามาทำงาน โดยในส่วนของขั้นตอนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่นั้นจะพยายามดำเนินการให้ เร็วที่สุด เนื่องจากไม่ต้องการให้รอยต่อระหว่างรัฐบาลชุดเก่าและชุดใหม่ทิ้งช่วงนาน เกินไปเพราะจะทำให้การทำงานแก้ไขปัญหาบ้านเมืองล่าช้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าการจัดคณะรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยน่าจะทำได้ง่ายจากการที่มีเสียง ส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า อยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ระวังคำพูดเกี่ยวกับการรัฐประหาร เนื่องจากประชาชนจะคิดว่าบ้านเมืองยังไม่สงบ อีกทั้งองค์กรและสื่อมวลชนที่เสนอข่าวดังกล่าว ก็ควรแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะข่าวที่ออกมาส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น