ประชาไท | Prachatai3.info |
- ชาวบ้านลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดอีสาน จี้หยุดเขื่อนไซยะบุรี หนุนแผนไฟฟ้าทางเลือก
- กสทช.แจงกำหนดการ-ขั้นตอน ก่อน ‘ประมูล 3G’ 16 ตุลานี้
- ‘เครือข่ายลุ่มน้ำยม’ แฉ! ตัวเลขปริมาณน้ำ งัดข้อ ‘กบอ.-รมต.’ ดันเขื่อน
- องค์กรแรงงานไทย-เทศ ร้องนายก ปล่อย “สมยศ” ทันที
- เครือข่ายผู้ใช้ยาฯ จับตานโยบายบำบัดรักษาผู้ใช้ยาเสพติดของรัฐบาล
- ควันหลง “ชูวิทย์ – เฉลิม” ถกเดือดประเด็นต่างด้าวกลางสภา พา กมธ.ตร.ตรวจบ่อน อ.สะเดา
- นายกฯ เวียดนามสั่งจัดการ 3 บล็อกต้านรัฐบาล
- นายตำรวจ-เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เบิกความคดีไต่สวนการตาย จนท.เขาดิน 10 เมษา
- เลาะเลียบริมโขง: ลาวยังอยากจะพัฒนาตนให้กลายเป็นแบ็ตเตอรี่แห่งเอเชีย
- ยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ยัน ‘แบบจำลองโลกร้อน’ กระทบชุมชน
- แอดมินเพจตะละแม่ป๊อปคัลเจอร์
- มาเลเซียแพร่ "คู่มือ" ช่วยพ่อแม่บอก "อาการ" รักเพศเดียวกัน
- สัมภาษณ์ ‘มะเดี่ยว หุ่นนิ่ง’: ความนิ่งกลางความเคลื่อนไหว (สีแดง)
- จำนรรจา นารีหลุดกาล: คุยกับแอดมิน "ตะละแม่ป๊อปคัลเจอร์"
- ชาวลิเบียชุมนุมแสดงความเสียใจเหตุทูตอเมริกันถูกสังหาร
ชาวบ้านลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดอีสาน จี้หยุดเขื่อนไซยะบุรี หนุนแผนไฟฟ้าทางเลือก Posted: 14 Sep 2012 12:45 PM PDT เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน ชี้ไฟฟ้าจากเขื่อนไซยะบุรีไม่ใช่สิ่งจำเป็น หนุนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าทางเลือก เผยช่วยลดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคถึง 12% ภายในปี 2573
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
กสทช.แจงกำหนดการ-ขั้นตอน ก่อน ‘ประมูล 3G’ 16 ตุลานี้ Posted: 14 Sep 2012 10:19 AM PDT กสทช. เดินหน้าประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz จัดประชุมชี้แจงรายละเอียดการประมูลแก่ผู้เข้าร่วม เผยสิ้นสุดขอรับใบอนุญาต 27 กันยา -28 กันยา เปิดยื่น ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 9 ตุลา
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
‘เครือข่ายลุ่มน้ำยม’ แฉ! ตัวเลขปริมาณน้ำ งัดข้อ ‘กบอ.-รมต.’ ดันเขื่อน Posted: 14 Sep 2012 07:02 AM PDT เผยข้อมูลแม้มีเขื่อนแก่งเสือเต้นก็ไม่มีผลต่อการเกิดน้ำท่วมเมืองสุโขทัย แจงการพัฒนาระบบที่ยืดหยุ่นในการรับน้ำ หรือฝนจากพายุ ที่อาจตกใต้เขื่อน หรือตกกระจายตัว เป็นประเด็นสำคัญในการวางแผนรับมือน้ำท่วมน้ำ-แล้ง จากเหตุการณ์น้ำยมผุดทะลุกำแพงแนวกั้นน้ำของจังหวัดสุโขทัย ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจเมืองสุโขทัยที่ผ่านมา ได้มีรัฐมนตรีหลายคนออกมาผลักดันให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ที่ อ.สอง จ.แพร่ รวมทั้งเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์
แม่น้ำยม ไหลผ่าน อ.ปง อ.เชียงม่วน ซึ่งมีลำน้ำที่สำคัญต่างๆ ไหลลงแม่น้ำยมทั้ง 2 อำเภอ ได้แก่ ลำน้ำปี้ ห้วยหลวง ห้วยผาวัว และห้วยแม่กำลัง รวมไปถึงลำน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาทางทิศตะวันตกใน อ.เชียงม่วน ได้แก่ เทือกดอยภูนางและดอยแปเมือง คือ ลำน้ำจ๊วะ ลำน้ำแม่ผง ลำน้ำม่าว ห้วยม้า และห้วยแพะ รวมความยาวของแม่น้ำยมในพื้นที่ จ.พะเยา 120 กิโลเมตร
ข้อมูลน้ำชี้ชัด 'เขื่อนแก่งเสือเต้น' แก้ไขปัญหาน้ำท่วมไม่ได้
(ตรวจสอบปริมาณและระดับน้ำในแม่น้ำสายต่างๆ เลือกดู ก่อน หลัง ได้เปลี่ยนวันที่ด้านบน) เครือข่ายลุ่มน้ำยม ระบุข้อมูลด้วยว่า เขื่อนแก่งเสือเต้น และ เขื่อนแม่น้ำยม (ยมล่าง) อยู่ห่างจากต้นน้ำยมลงมา 115 กิโลเมตรและ 125 กิโลเมตร จากความยาวของแม่น้ำยมทั้งหมด 735 กิโลเมตร ดังนั้นพื้นที่รับน้ำจึงน้อยมาก หากฝนหรือพายุที่นำพาฝนมาตกด้านล่างของเขื่อน ซึ่งมีความยาวกว่า 600 กิโลเมตรนั้น น้ำก็จะไม่เข้าเขื่อน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
องค์กรแรงงานไทย-เทศ ร้องนายก ปล่อย “สมยศ” ทันที Posted: 14 Sep 2012 06:45 AM PDT แรงงานทั้งไทยและนานาชาติ และคนเสื้อแดงรวม97 องค์กร ร้องนายก ให้สิทธิการประกันตัว สมยศ พฤกษาเกษมสุข ตามมาตรฐานกฎหมายในและระหว่างประเทศ ย้ำนักต่อสู้เพื่อสิทธิฯ จะต้องทำงานโดยไม่ต้องเกรงกลัวภัยใดๆ ด้านศาลนัดพิพากษาคดีวันที่ 19 ก.ย. นี้ ภาพผู้เข้ายื่นจดหมายร้องปล่อยตัวสมยศ ที่หน้าทำเนียบ ภาพโดย Thai Labour Campaign วันนี้(14 ก.ย.55) เวลา 10.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก นักกิจกรรมด้านแรงงานและเสื้อแดง นำโดย โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย (Thai Labour Campaign) สหภาพแรงงานประชาธิปไตย องค์กรเลี้ยวซ้าย และกลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตย ประมาณ 20 คน เดินทางมายื่นจดหมายเรียกร้องต่อ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ปล่อยตัว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ถูกคุมขังจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี ออกมารับจดหมายแทนนายกรัฐมนตรี จากนั้นเวลา 11.00 น. กลุ่มดังกล่าวได้เดินทางไปยังศาลฎีกา สนามหลวง โดยมีเลขานุการประธานศาลฎีกามารับจดหมาย และเวลา 13.00 น. เดินทางไปยื่นจดหมายที่ศาลอาญา รัชดา โดยนางสาวพัชณีย์ คำหนัก ผู้ประสานงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย เปิดเผยว่า ได้ไปยื่นตรงหน่วยงานสารบรรณทั่วไป เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่สำนักอำนวยการประจำศาลอาญาไม่ยินยอมมารับด้วยตัวเองที่ด้านหน้าประตูเพราะเกรงเป็นการละเมิดอำนาจศาล นอกจากข้อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แล้ว ผู้ประสานงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย ยังกล่าวด้วยว่า มีการเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข และปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมให้มีมาตรฐานด้วยการที่ศาลต้องให้สิทธิประกันตัวแก่สมยศ เคารพเสรีภาพแห่งความเป็นมนุษย์ ไม่ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ น.ส.พัชณีย์ คำหนัก กล่าวถึงที่มาของรายชื่อองค์กรแรงงานกว่าร้อยรายชื่อที่ร่วมเรียกร้องสิทธิประกันตัวของนายสมยศและนักโทษการเมืองว่า ทาง โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย เป็นองค์กรด้านแรงงานจึงประสานงานเครือข่ายแรงงานทั่วเอเชียและยุโรปให้ร่วมกันแสดงความสมานฉันท์อีกครั้ง เพื่อรักษากระแสการต่อสู้ของฝ่ายแรงงาน "พี่สมยศ พฤกษาเกษมสุข ถือเป็นผู้นำแรงงานที่สู้เพื่อประชาธิปไตยที่เราต้องชูขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์เป็นตัวแทนของฝ่ายแรงงานเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อทหารและฝ่ายอนุรักษ์นิยม" น.ส. พัชณีย์กล่าว จดหมายเรียกร้องดังกล่าวยังระบุด้วยว่า นายสมยศต้องได้รับสิทธิในการประกันตัวเพื่อเป็นไปตามมาตรฐานของกระบวนการพิจารณาไต่สวนภายใต้กฎหมายในประเทศและระหว่างประเทศ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยเฉพาะคนที่ทำงานด้านเสรีภาพในการแสดงออกจะต้องสามารถดำเนินงานด้านสิทธิได้อย่างชอบธรรมโดยไม่ต้องเกรงกลัวภัยใดๆ และเป็นอิสระจากข้อจำกัดต่างๆ รวมถึงการละเมิดผ่านกระบวนการพิจารณาคดีด้วย ทั้งนี้ สมยศถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะนำลูกทัวร์เดินทางเข้าท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา โดยคำฟ้องระบุว่าเขาละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องมาจากนิตยสาร 'วอยซ์ ออฟ ทักษิณ' ที่เขาเป็นบรรณาธิการบริหารมีเนื้อหาหมิ่นเบื้องสูง สมยศถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพตั้งแต่นั้นมา โดยไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว ซึ่งศาลนัดพิพากษาวันที่ 19 ก.ย. 55 เวลา 09.00 น. 000 จดหมายเปิดผนึกเรียกร้องปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถึง นายกรัฐมนตรี สำเนาถึง นายไพโรจน์ วายุภาพ สำเนาถึง นายทวี ประจวบลาภ เรื่อง ปล่อยตัวสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหาคดีอาญา มาตรา 112 สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. เอกสารรายชื่อ 8,035 รายขอให้ปล่อยตัวสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำนวน กราบเรียนฯพณฯ นายกรัฐมนตรี การปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวเขาที่ผ่านมา เราถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่งและเป็นการข่มขู่นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เราขอให้เจ้าหน้าที่รัฐประกันสิทธินี้ให้แก่คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุขในช่วงระหว่างที่ถูกคุมขัง และรับประกันว่า เขาสมควรได้รับการพิจารณาคดีอย่างเที่ยงธรรม รวมถึงสิทธิในการประกันตัวด้วย เราขอเรียนฯพณฯด้วยความเคารพว่า ตามปฏิญญาสิทธิมนุษยชนสากลว่าด้วยสิทธิและความรับผิดชอบของปัจเจกชน กลุ่มและองค์กรของสังคมที่จะส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่ได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่ของสหประชาชาติเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ขอให้ฯพณฯได้ตระหนักถึงความชอบธรรมในการทำกิจกรรมด้านสิทธิของนักรณรงค์สิทธิมนุษยชน เหล่านี้ สิทธิของพวกเขาที่จะจัดตั้ง รวมกลุ่ม และเรียกร้องให้รัฐประกันการทำกิจกรรมโดยปราศจากความกลัวที่จะถูกตอบโต้ เราขอให้ฯพณฯประกันว่าคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุขต้องได้รับการปล่อยตัวโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข ความล้มเหลวของรัฐ ที่ไม่ยินยอมปล่อยตัวเขาจากการเรียกร้องที่ผ่านมานั้น คุณสมยศยังต้องได้รับสิทธิในการประกันตัวเพื่อเป็นไปตามมาตรฐานของกระบวนการพิจารณาไต่สวนภายใต้กฎหมายในประเทศและระหว่างประเทศ ที่นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะคนที่ทำงานด้านเสรีภาพในการแสดงออกสามารถดำเนินงานด้านสิทธิได้อย่างชอบธรรมโดยไม่ต้องเกรงกลัวภัยใดๆ และเป็นอิสระจากข้อจำกัดทั้งหลาย รวมถึงการละเมิดของกระบวนการพิจารณาคดีด้วย ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เครือข่ายผู้ใช้ยาฯ จับตานโยบายบำบัดรักษาผู้ใช้ยาเสพติดของรัฐบาล Posted: 14 Sep 2012 04:10 AM PDT
14 ก.ย. 55 - เครือข่ายคนทำงานด้านการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติดออกแถลงการณ์ข้อสังเกตของเครือข่ายคนทำงานด้านการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติดต่อผลการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาผู้ใช้ยาเสพติดของรัฐบาล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ แถลงการณ์ ข้อสังเกตของเครือข่ายคนทำงานด้านการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด ต่อผลการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาผู้ใช้ยาเสพติดของรัฐบาล ตามที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว เลขาธิการ ปปส. ร่วมกันแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาว่า สามารถดำเนินงานได้เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ มีจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมด 508,850 ราย เป็นผู้สมัครใจบำบัด 351,766 ราย บังคับบำบัด 139,885 ราย และระบบต้องโทษ 17,199 ราย เครือข่ายคนทำงานด้านการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด (เครือข่าย 12D) ดังมีรายนามท้ายหนังสือฉบับนี้ สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลโดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจังกับผู้ผลิต ผู้ค้ารายใหญ่ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว แต่เครือข่ายมีข้อสังเกตต่อแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้ 1. แถลงการณ์ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในเชิงปริมาณ แต่ไม่เห็นความสำเร็จในเชิงคุณภาพที่มีเป้าหมายในการคืนคนดีสู่สังคม 2. เป็นที่น่าสงสัยว่า รัฐบาลใช้มาตรการอะไรในการทำให้ผู้ใช้ยาจำนวนกว่า 350,000 คนตัดสินใจเข้ารับการบำบัดโดยสมัครใจอย่างพร้อมเพรียงกัน 3. พบว่า ยังคงมีระบบการบังคับบำบัดและระบบต้องโทษ ทั้งที่มีข้อมูลเชิงประจักษ์จากองค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศที่ระบุว่า วิธีการดังกล่าวส่งผลเชิงลบและสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล มากกว่าการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ยา 4. การที่ ศพส. จะมอบหมายให้สำนักงานกฤษฎีกาปรับปรุงพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาเสพติด พ.ศ. 2545 โดยให้นำผู้เสพเข้าบังคับบำบัดนั้น ขัดแย้งกับคำประกาศของนายกรัฐมนตรีว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย และข้อมูลในแถลงการณ์ที่บอกว่า ผู้รับการบำบัดส่วนใหญ่สมัครใจ เครือข่าย 12D มีข้อเสนอแนะต่อ การพัฒนาแนวทางการบำบัดรักษาในอนาคต ดังต่อไปนี้ 1. รัฐบาลควรแถลงต่อสาธารณะถึงความสำเร็จในเชิงคุณภาพที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ได้คืนคนดีสู่สังคมแล้วอย่างยั่งยืน ตลอดจนเปิดเผยกระบวนการและมาตรการที่สนับสนุนให้ผู้ใช้สารเสพติดเข้ารับการบำบัดโดยสมัครใจ 2. รัฐบาลควรให้เหตุผลและข้อมูลเชิงวิชาการที่สนับสนุนการคงไว้ซึ่งระบบการบังคับบำบัดและระบบต้องโทษ 3. เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รัฐบาลควรเปิดเผยรายละเอียดการใช้งบประมาณและหน่วยงานที่มีส่วนในการใช้จ่ายงบประมาณ 4. กรณีที่จะมีการมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้แก้ไขทบทวน พระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยา พ.ศ. 2545 นั้น ควรจะต้องทำให้เจตนารมย์เรื่อง "ผู้เสพคือผู้ป่วย" ถูกระบุในกฎหมายอย่างชัดเจน มากกว่าการแก้ไขกฎหมายเพื่อตอบสนองการบังคับบำบัด และรัฐบาลควรประกาศยกเลิกการบังคับบำบัดและระบบต้องโทษอย่างสิ้นเชิง 5. รัฐบาลควรประกาศใช้นโยบายลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลัก โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ยาและภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน และติดตามผล ทั้งนี้ เครือข่าย 12D และภาคีพันธมิตร ในฐานะที่เราเป็นผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ใช้ยาและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน รายชื่อองค์กรที่สนับสนุนแถลงการณ์ฉบับนี้ เครือข่ายผู้ใช้ยา ประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย มูลนิธิพีเอสไอ ประเทศไทย มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ บ้านออเด้นท์ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการรักษาเอดส์ มูลนิธิรักษ์ไทย ศูนย์ลดอันตรายบ้านโอโซน ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ควันหลง “ชูวิทย์ – เฉลิม” ถกเดือดประเด็นต่างด้าวกลางสภา พา กมธ.ตร.ตรวจบ่อน อ.สะเดา Posted: 14 Sep 2012 03:50 AM PDT ควันหลังกระทู้ถามสดของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎฺ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดยมีการนำคลิปภาพเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ "ชูวิทย์" พา กมธ.ตร.ตรวจบ่อน อ.สะเดา ในคลิปวิดีโอ เจอแต่บ่อนร้าง เลขาฯ ถูกฟันหน้า สภ.หาดใหญ่ 14 ก.ย. 55 - สืบเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 55 ที่ผ่านมา โดยในช่วงของการตอบกระทู้ถามสดของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎฺ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดยมีการนำคลิปภาพเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มาถาม ระบุว่าเป็นคลิปการเจรจาของนายหน้า เพื่อต่อรองนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศไทยนอกจากนี้ อีกคลิปหนึ่งยังเป็นการอ้างถึงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศผ่านฐานทหารพราน โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งนายชูวิทย์ระบุว่า อาจกระทบต่อความมั่นคง และเป็นช่องทางในการนำยาเสพติดเข้าประเทศ ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ใครผิดใครถูก ตนดำเนินการอยู่แล้ว แต่ตนไม่มั่นใจว่าคลิปที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเป็นคลิปสมัยไหน หากคนไม่รู้ดูก็สนุกและมันส์เท่านั้น ตนจะสอนนายชูวิทย์เอาบุญว่า ขณะนี้ ไม่มีแรงงานจะต้องหลบซ่อน เพราะรัฐบาลเปิดให้พิสูจน์สัญชาติแล้วและแรงงงานก็สามารถเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อย่างเสรี ส่วนเรื่องยาเสพและบ่อน ขอยืนยันว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ไปรับเงินขอให้ตายเจ็ดชั่วโคตร ซึ่งยาเสพติดเข้ามาภาคเหนือประมาณ 83% ภาคอีสาน ประมาณ 17% ส่วนการลักลอบเข้ามาทางกัมพูชาไม่มีถึงแสนเม็ด อาจมีบ้างเพียงเล็กน้อย ดังนั้นคลิปของนายชูวิทย์ เป็นเรื่องเต้าข่าวเท่านั้น คนอาจจะเชื่อ แต่ตนไม่เชื่อนายชูวิทย์แน่นอน ทั้งนี้ตนขอฝากผู้นำฝ่ายค้านว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจขอให้ใส่ชื่อตนไปด้วยตามที่นายชูวิทย์ขอร้อง ทั้งนี้ ในการถามกระทู้ของนายชูวิทย์ ตอนหนึ่งในเรื่องการเปิดบ่อน ที่มีลูกชายนักการเมืองบางคนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และนายชูวิทย์โต้ตอบกันไปมาอย่างมีอารมณ์เป็นเวลานานในเรื่องบ่อน เรื่องอาบ-อบ-นวด และทั้งคู่ต่างก็ท้าสาบานที่วัดพระแก้วว่าสิ่งที่นำมาพูดเป็นความจริง ภายหลัง นายชูวิทย์ แถลงข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม เอาแต่ตอบกระทู้ด้วยการสาบาน ไม่รู้โกรธอะไรตนมาจากไหน ถ้ามัวแต่สาบานคงตายกันหมดทั้งสภาฯ และ ร.ต.อ.เฉลิม ยังชอบพูดวนเวียนแต่เรื่องบ่อนการพนัน ทั้งที่ตนพูดเรื่องความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้จะเดินทางลงพื้นที่ไปยัง อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อติดตามเรื่องบ่อนการพนันและการลักลอบค้าประเวณีที่เคยลงพื้นที่มาก่อนหน้านี้ ตนขอแนะนำ ร.ต.อ.เฉลิม ควรเลิกวิธีการตอบกระทู้แบบเก่าๆ ได้แล้ว หัดประพฤติปฏิบัติตัวใหม่ ถ้ายังตอบกระทู้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย มาพูดแทนยังได้เลย คิดว่าความสามารถของท่านเฉลิมลดลง น่าเป็นห่วงหากยังคงให้ท่านดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนขอเสนอ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ซึ่งเป็นผู้มีคุณวุฒิ มีประสบการณ์ และเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาทำหน้าที่แทน เพราะท่านมีความสามารถมากกว่า เฉลิมอัดชูวิทย์เอาคลิปบ่อนปอยเปตมาแหกตา ต่อมาในวันที่ 14 ก.ย. 55 ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดคลิปแฉกลางสภาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเมืองรับเงินในการขนแรงงานต่างด้าวว่า เมื่อมีการอภิปรายในสภา ตนก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ แต่อยากชี้แจงว่า ในอดีตมีการทำอย่างที่นายชูวิทย์ พูดจริง แต่เดี๋ยวนี้ตั้งแต่ตนเข้ามาไม่มีแล้ว การอภิปรายของนายชูวิทย์ ในสภาขัดกับข้อเท็จจริง "ถ้านายชูวิทย์ อภิปรายอะไรที่มีเหตุมีผลผมก็รับ และเมื่อมีการพูดผมก็ได้สั่งให้ไปตรวจสอบ ส่วนคลิปที่นำมาเปิดนั้น ผมยังดูไม่ออก ไม่เห็นตัวคน และมาบอกวันที่เท่านั้น เท่านี้ ใครก็ทำได้ และผมอยากจะบอกว่าบ่อนในประเทศไทยไม่มีใครกล้าถ่ายหรอก เพราะบ่อนเล็ก ใครเข้า ใครออกรู้หมด แต่มีการไปถ่ายคลิปกันที่ปอยเปต ซึ่งมีคนไทยเล่นอยู่ แล้วเอามาเปิด ซึ่งบ่อนในกทม.ปัจจุบันอาจมีเปิดบ้าง แต่ก็ทำหนังสือเวียนถึงตำรวจตลอดให้สืบสวนจับกุม ยืนยันผมไม่มีการหากินเรื่องพวกนี้ ถ้าผมชั่ว ไม่มาถึงวันนี้หรอก" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่าการเปิดคลิปของนายชูวิทย์ เช่นนี้จะกระทบต่อภาพพจน์ของตำรวจหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตำรวจก็ต้องไปสืบสวนจับกุม แต่ตนว่าถ้าจะเอาจริง ไม่ควรไปเปิดเผยในสภา แค่มาส่งให้ตนก็จบ จะได้เป็นความลับ และหากตนไม่ดำเนินการก็ค่อยมาวิจารณ์ แต่พอเปิดในสภา ถ้าเป็นจริงก็บ้านแตกสาแหรกขาดหมด ใครจะมารอให้จับ ยืนยันตนไม่หากินกับเรื่องสกปรก เมื่อถามว่าการออกมาเปิดเช่นนี้ของนายชูวิทย์ มองว่ามีเรื่องการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ผู้สื่อข่าวถามว่านายชูวิทย์ จะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า "สาธุ ภาวนาเถอะ ผมกลัวผมเหงา ใส่ชื่อมาเถอะ เรียนผู้นำฝ่ายค้านด้วย ถ้าคุณชูวิทย์ ร้องขอเขาอาจมีหลักฐานเด็ดน็อกผมในสภา กรุณาใส่ชื่อผมหน่อย" รองนายกฯ กล่าว. "ชูวิทย์" พา กมธ.ตร.ตรวจบ่อน อ.สะเดา ในคลิปวิดีโอ เจอแต่บ่อนร้าง วันเดียวกัน (14 ก.ย.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พร้อมคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ตร.) ได้เดินทางไปตรวจสอบบ่อนการพนันบริเวณย่านซอยไทยจังโหลน 4 ติดชายแดนไทยมาเลเซีย ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา โดยเดินย้อนรอยตามคลิปวิดีโอที่นายชูวิทย์แถลงข่าว ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า มีบ่อนขนาดใหญ่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเล่นการพนัน โดยใช้สกุลเงินริงกิต มีลูกค้าเข้ามาเล่นวันละไม่ต่ำ 500 คน มีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยบ่อนตั้งอยู่ในซอยไทยจังโหลน 4 เดินทางผ่านป้อม ตร.จราจร ผ่านร้านขายเครื่องนอน จ่ายค่าผ่านทาง 10 บาท ทะลุเข้าบ่อน ซึ่งมีศาลเจ้าขนาดเล็กอยู่หน้าทางเข้า มีการตรวจค้นนักเล่นก่อนเข้าประตูบ่อน และภายในมีบ่อนการพนัน พร้อมนักเล่นชาวมาเลเซียมากมายตามคลิปที่เสนอ คณะกรรมาธิการได้เดินทางมาตามคลิปวิดีโอ ก็มาพบบ่อนร้างมีฝุ่นจับหนาเตอะ หลังคาผุพัง ด้านหลังบ่อนติดด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่เคยแอบลักลอบเล่นเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับกรรมาธิการเป็นอย่างมาก โดยนายชูวิทย์และทีมงานส่วนตัวได้ทำการพิสูจน์ใหม่อีกรอบ ก็ไม่ตรงกับคลิป โดยทีมงานของนายชูวิทย์กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงสภาพกระเบื้องปูหน้าทางเข้าและไม่สามารถตรวจสอบได้ พร้อมกันนั้น นายชูวิทย์และนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ ให้สัมภาษณ์ว่า สรุปไม่มีบ่อนและให้ตำรวจรับปากว่า ต่อไปคงไม่มีบ่อนอีกต่อไปเช่นกัน จากการตรวจพบว่าอาจมีการลักลอบเล่นกันบ้าง ซึ่งเรายังไม่แน่ใจ เพราะตำรวจมีกำลังน้อย ต้องดูแลด้านความมั่นคงและปัญหายาเสพติด เพราะที่นี่เป็นที่ล่อแหลม ทำให้การลักลอบเล่นการพนันย่อมมีบ้าง ต่อไปเราจะคุยกันถึงเรื่องงบประมาณตำรวจ เพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือให้กับท้องที่ อ.สะเดา พร้อมกับนายชูวิทย์กล่าวเสริมว่า เมื่อคืนตัวเมืองหาดใหญ่เรียบร้อยมาก มีการตั้งด่านตรวจตราเป็นพิเศษ จากนั้น คณะได้เดินย้อนกลับทางเดิม โดยมีเจ้าของร้านขายเครื่องนอน ที่ใช้เป็นทางผ่านเข้าบ่อนและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้ออกมาขอถ่ายรูปกับนายชูวิทย์กันอย่างล้นหลาม พร้อมกับเอ่ยปากขอโทษต่อพ่อค้าแม่ค้าว่า ที่มาในวันนี้ผมทำตามหน้าที่ อย่าโกรธอย่างเด็ดขาด เลือกผมมาแล้วผมก็ต้องพูดต้องทำ เสร็จที่นี่แล้วผมจะไปพูดที่อื่น ขออวยพรให้พ่อค้าแม่ค้าทำมาค้าขึ้น ขอให้รวยๆ กล่าวพร้อมเอามือลูบอกพร้อมพูดว่า โล่งอกไปที หลังจากนั้น นายชูวิทย์เดินกลับที่ปากซอย เพื่อเปรียบเทียบรูปป้อมตำรวจกับคลิปว่า เหมือนกันหรือไม่ โดยพบว่าได้มีการดึงสติกเกอร์รูปตราโล่ออก ยังปรากฏร่องรอยอย่างชัดเจน เลขาฯ ชูวิทย์ถูกฟันหน้า สภ.หาดใหญ่ ทั้งนี้ในระหว่างการลงพื้นที่ จ.สงขลา นายเทพทัพ บุญพัฒนานนท์ อายุ 29 ปี เลขานุการส่วนตัวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ถูกฟันด้วยมีดขนาดใหญ่เข้าที่บริเวณกกหู ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ แพทย์กำลังให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่ามือมีดเป็นหญิงวิกลจริต ขณะที่นายชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และ รองประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่สามารถสรุปว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นคนวิกลจริตหรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปสอบปากคำ และตรวจสอบสุขภาพจิตก่อน แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นการจ้างวานให้มาทำร้ายตนเอง เนื่องจากในขณะเกิดเหตุตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่โชคดีมีเลขาฯ กับ เจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันไว้ได้ นอกจากนี้ นายจักภพ เทพเสนา หนึ่งในทีมงานนายชูวิทย์ ก็ถูกหญิงคนดังกล่าวฟันเฉี่ยวบริเวณแขนเสื้อสูทเช่นกัน ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
นายกฯ เวียดนามสั่งจัดการ 3 บล็อกต้านรัฐบาล Posted: 14 Sep 2012 03:48 AM PDT เวียดนามออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์รัฐบาล ระบุว่า เหงียน เติ๋น สุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและจัดการกับผู้อยู่เบื้องหลังบล็อกภาษาเวียดนาม 3 แห่งที่เขียนโจมตีรัฐบาล โดยระบุว่าจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก รวมถึงสั่งห้ามไม่ให้ข้าราชการเข้าไปอ่านบล็อกเหล่านี้ด้วย แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า นี่เป็นแผนชั่วร้ายของกองกำลังฝ่ายศัตรู และว่าบล็อกเหล่านี้ใส่ร้ายผู้นำประเทศ ปั้นน้ำเป็นตัวและบิดเบือนข้อมูล ป่วนพรรคและรัฐ และก่อให้เกิดความสงสัยและความไม่ไว้วางใจในสังคม ทั้งนี้ 3 บล็อกดังกล่าว มีบล็อก Dan Lam Bao (ประชาชนทำสื่อ) และ Quan Lam Bao เวียดนามนั้นไม่อนุญาตให้มีสื่อเอกชน หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์เป็นกิจการของรัฐ ผู้สื่อข่าวซึ่งทำงานให้สำนักข่าวต่างประเทศได้รับอนุญาตให้อาศัยในประเทศ แต่หากจะเดินทางไปรายงานข่าวนอกเมืองหลวงต้องขออนุญาตก่อน ทั้งนี้ หากหัวข้อเรื่องดูเป็นเรื่องอ่อนไหวหรือเป็นอันตรายกับประเทศ ก็มักถูกปฏิเสธอยู่เสมอ องค์การผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (RSF) ระบุว่า ปัจจุบัน มีผู้สื่อข่าวอย่างน้อย 5 คนและพลเมืองเน็ต 19 คนถูกจับกุมตัวในเวียดนาม ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีการคุมขังบล็อกเกอร์และผู้เห็นต่างในโลกไซเบอร์ มากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและอิหร่าน รวมถึงติดอยู่ใน 1 ใน 12 ประเทศที่องค์การผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนจัดให้เป็น "ศัตรูอินเทอร์เน็ต" ด้วย
ที่มา: Another journalist arrested, held incommunicado for past month ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
นายตำรวจ-เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เบิกความคดีไต่สวนการตาย จนท.เขาดิน 10 เมษา Posted: 14 Sep 2012 03:24 AM PDT รองผู้กำกับ สน.ดุสิต ระบุมีทหารเข้าใจว่ามีการยิงปืนมาจากรัฐสภา แต่เข้าไปตรวจสอบแล้วมีเพียงตำรวจประจำรัฐสภา และไม่พบสิ่งผิดปกติ ส่วนรอบสวนสัตว์มีทหารวางกำลังอยู่ ขณะที่ตำรวจในกองร้อยปราบจลาจลระบุช่วงเกิดเหตุ ทหารวิ่งฮือเข้ามาหลบในอาคารจอดรถสวนสัตว์ และทหารยิงปืนออกจากอาคารในทิศทางชี้ขึ้นฟ้า 45 องศา ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 14 ก.ย.55 เวลา 09.00 น. ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำที่ อช.8/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรการเสียชีวิตของนายมานะ อาจราญ ลูกจ้างของสวนสัตว์ดุสิตแผนกบำรุงรักษา เพื่อทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทั้งนี้นายมานะถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 บริเวณสวนสัตว์ดุสิต ถ.พระราม 5 แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กทม. ระหว่างสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่ ถ.ราชดำเนิน โดยวันนี้เป็นนัดที่สองของการไต่สวน (ข่าวก่อนหน้านี้)
นายตำรวจระบุรอบสวนสัตว์มีทหารประจำการอยู่ ใกล้ร่างนายมานะพบปลอกกระสุน พยานปากแรกของวันนี้ คือ พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ดุสิต เบิกความว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 เวลาประมาณ 23.30 น. ได้รับแจ้งทางวิทยุว่ามีการยิงกันที่บริเวณรัฐสภา จึงเข้ามาตรวจพื้นที่ พบทหารประมาณ 30 นาย นอนราบอยู่ที่ ถ.อู่ทองใน เล็งปืนไปทางสภา โดยบอกว่ามีบุคคลยิงปืนมาจากสภา พ.ต.ท.สำเริง ซึ่งคุ้นเคยกับท้องที่จึงประสานกับทหารเพื่อขอนำตำรวจประจำรัฐสภา 2 นายออกมา โดยทั้ง 2 นายยอมให้ปลดอาวุธ จากนั้น พ.ต.ท.สำเริงนำกำลังเข้าไปสำรวจภายในอาคารรัฐสภาไม่พบสิ่งผิดปกติ ต่อมาในเวลา 00.30 น. ของวันที่ 11 เม.ย. ได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในสวนสัตว์ดุสิต พ.ต.ท.สำเริงจึงเข้าไปตรวจสอบ พบร่างนายมานะ อาจราญถูกยิงเสียชีวิต ห่างออกไป 20 เมตรไปทางทิศตะวันออก มีปลอกกระสุนตกอยู่ 2-3 ปลอก ไม่ทราบว่านายมานะตายด้วยสาเหตุใด แต่เมื่อถามญาติผู้ตาย ญาติกล่าวว่าคนในบริเวณดังกล่าวยิง ทั้งนี้ พ.ต.ท.สำเริงได้ออกตรวจพื้นที่รอบสวนสัตว์ดุสิต นอกจากเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็มีแต่ทหารและตำรวจ โดยตำรวจปราบจลาจลไม่มีอาวุธ ส่วนบริเวณรอบๆ ที่รัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า แยกราชวิถี มีทหารประจำการอยู่
ตำรวจปราบจลาจลขึ้นเบิกความเผยช่วงชุลมุนเห็นทหารยิงปืนเฉียงขึ้นฟ้า ต่อมา ร.ต.ต.ณรงค์ คำโพนรัตน์ ปัจจุบันประจำอยู่ สภ.อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา เบิกความว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 มียศ ส.ต.อ. สังกัดอยู่ สน.สามเสน และได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในกองร้อยปราบจลาจล กองร้อยที่ 1 มีกำลังพลประมาณ 120 นาย ในวันดังกล่าวได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ไปประจำอยู่ที่สวนสัตว์ดุสิตตั้งแต่เวลา 8.00 น. ต่อมาเวลา 16.00 น. กองร้อยปราบจลาจลได้รับคำสั่งให้แบ่งไปปฏิบัติภารกิจที่จุดต่างๆ โดยกลุ่มของตนได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่แยกวัดเบญจมบพิตร แต่เข้าไม่ได้เนื่องจากทหารนำแท่งปูนมาวางกั้นที่แยก จึงถอนกำลังกลับมาอยู่ที่สวนสัตว์ดุสิตทั้งหมด 7 นาย มาเฝ้าเครื่องมือวิทยุสื่อสารของหน่วย ทั้งนี้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวไม่ได้ถือกระบองปราบจลาจล ทั้งนี้ ร.ต.ต.ณรงค์เบิกความว่า ทหารเริ่มเข้ามาบริเวณสวนสัตว์ดุสิต ตั้งแต่เวลา 18.00 น. มีทั้งสิ้น 4 กองร้อย กองร้อยละ 120 นาย อาวุธประจำกายประกอบด้วย ปืนเอ็ม-16 ปืนทาโว่ (TAR-21 หรือ Tavor) ปืนลูกซอง และกระบอง ต่อมาในเวลา 23.00 น. ขณะนั้น ร.ต.ต.ณรงค์ ผูกเปลนอนอยู่ใต้ต้นโพธิ์สวนสัตว์ดุสิตใกล้ลานจอดรถ ทหารได้วิ่งเข้ามาจากประตูทางเข้าสวนสัตว์ฝั่งรัฐสภา ถือปืนวิ่งเข้ามา ต่างคนต่างหลบที่ลานจอดรถ ชนเก้าอี้ระเนระนาด และมีทหารวิ่งเข้าชนจน ร.ต.ต.ณรงค์ตกเปล จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น ทหารที่นอนหมอบอยู่ได้ยิงปืนในทิศทางเฉียงขึ้นฟ้า 45 องศา โดยมีปลอกกระสุนปืนกระเด็นมาถูกตัว ร.ต.ต.ณรงค์ ด้วย โดยเสียงปืนนั้น ร.ต.ต.ณรงค์ได้ยินมาจากรอบทิศทาง เสียงปืนดังเป็นชุดๆ เงียบไปสักพักหนึ่งก็ดังขึ้นมาอีก จากนั้นทหารก็สั่งว่า "แนวยิงให้หยุดยิง" เสียงปืนซึ่งดังเป็นเวลา 30 นาทีจึงสงบลง โดย ร.ต.ต.ณรงค์ ได้ชวนเพื่อนขึ้นไปที่ชั้น 2 ของอาคารจอดรถ ก็พบทหารวางแนวปืนอยู่ที่ชั้น 2 ด้วย
เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เผยมีทหารหนีมาขอหลบในกรงแพนด้าแดง ต่อมา นายนภดล ทิพย์ธัญญา พนักงานบำรุงรักษาสัตว์ เบิกความว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ได้รับคำสั่งให้ดูแลความปลอดภัยบริเวณกรงเสือและแพนด้าแดง ด้านติดกับ ถ.ราชวิถี เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีคนปีนเข้ามาภายในสวนสัตว์ดุสิต กลางดึกมีคนแต่งกายคล้ายทหาร 2 นาย คนหนึ่งสวมเครื่องแบบทหารครึ่งท่อน อีกคนสวมชุดลายพราง วิ่งมาจากที่จำหน่ายตั๋วของสวนสัตว์ด้าน ถ.ราชวิถี มาขอความช่วยเหลือบอกว่าถูกคนเสื้อแดงไล่ยิง พยานกับเพื่อนที่เข้าเวรด้วยกันจึงให้ไปหลบในกรงแพนดาแดง โดบบอกว่าจะขอเปลี่ยนเสื้อด้วย แต่พยานกับเพื่อนไม่ทราบว่าทหารทั้ง 2 นาย เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดอะไร เพียงแต่ดูต้นทางให้และไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดตามทหารทั้ง 2 นายมา จนถึงเวลา 23.30 น.ได้ยินเสียงปืนหลายนัด แต่จะยิงมาจากทิศทางใด ไม่ทราบ หลังจากนั้นได้รับการติดต่อทางวิทยุสื่อสารว่า นายมานะโดนยิงบริเวณกรงเก้งหม้อที่เป็นบ่อพักเต่ายักษ์ นายนภดลจึงจะเดินไปกับเพื่อนชื่อนายสมบัติเพื่อไปดูจุดที่นายมานะถูกยิงก็มีเสียงตะโกนจากอาคารจอดรถว่า "ใคร" จากนั้นนายสมบัติจึงตอบว่าเป็นพนักงานสวนสัตว์ จากนั้นมีเสียงจากอาคารจอดรถสั่งให้หมอบเป็นเวลา 20 นาที และระหว่างนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น หลังจากเสียงปืนสงบแล้วและมีเสียงจากอาคารจอดรถบอกว่า "ให้ไปได้" ทั้งนายนภดล และนายสมบัติจึงเดินไปหลบที่อาคารจอดรถ ทั้งนี้เห็นว่าบริเวณที่นายมานะเสียชีวิตมี ผอ.สวนสัตว์ดุสิต และพนักงานสวนสัตว์เข้ามาดูศพนายมานะ แต่ทั้งนายนภดล และนายสมบัติไม่ได้เดินไปดูจุดที่นายมานะเสียชีวิตอีก ภายหลังไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้วในวันนี้ ศาลนัดไต่สวนพยานครั้งต่อไปวันที่ 17 ก.ย. เวลา 9.00 น. ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เลาะเลียบริมโขง: ลาวยังอยากจะพัฒนาตนให้กลายเป็นแบ็ตเตอรี่แห่งเอเชีย Posted: 14 Sep 2012 03:20 AM PDT
ลาวยังยืนยันจะพัฒนาประเทศให้เป็นแบ็ตเตอรี่ของเอเชียด้วยการส่งเสริมการลงทุนก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าให้มากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เจ้าหน้าที่ชั้นสูงในกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ได้เปิดเผยให้ทราบว่าผู้นำประเทศและรัฐบาลลาวยังคงยืนยันที่จะนำพาและพัฒนาประเทศลาวให้เป็นแบตเตอรี่แห่งเอเชียให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยการส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อก่อสร้างเขื่อนในลาวให้มากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง โดยถึงแม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวนับวันจะถูกคัดค้านจากองค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากลมากขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าเป้าหมายสำคัญที่สุดของทางการลาวในการพัฒนาประเทศให้เป็นแบตเตอรี่ของเอเชียนั้น ก็คือการนำเอารายรับจากการส่งออกพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว มาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนลาวทุกเผ่าเป็นด้านหลัก และยังถือว่าเป็นการใช้ศักยภาพทรัพยากรน้ำของลาวให้เป็นประโยชน์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งด้วยศักยภาพดังกล่าวนี้ ท่านจูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศ ก็เคยให้การเน้นย้ำต่อบรรดาคณะทูตานุทูตค่างประเทศในลาวเมื่อไม่นานมานี้ว่า "สปป. ลาว เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำอย่างมากมาย ซึ่งก็เป็นโอกาสดีต่อการนำทรัพยากรน้ำมาใช้เพื่อเป็นทุนรอนในการก่อร่างสร้างพัฒนาประเทศชาติ ฉะนั้น รัฐบาลลาวจึงได้ทุ่มเททุกความพยายามของตน ร่วมกับการสนับสนุนทางวัตถุ เทคนิก และทุนรอนจากนานาชาติ เพื่อพัฒนาแหล่งพลังงานที่สะอาดดังกล่าวให้สามารถตอบสนองได้กับความต้องการพลังงานอยู่ภายในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ได้ประกาศแผนการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้เข้ามาก่อสร้างเขื่อนในลาวให้ได้ปีละ 2 โครงการ นับจากปัจจุบันไปจนถึงปี 2020 โดยถ้าหากว่าสามารถปฏิบัติได้จริงก็จะทำให้ลาวมีเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 20 โครงการ และยังจะทำให้ลาวมีความสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจาก 2,540 เมกะวัตต์ ในปัจจุบันนี้เป็นมากกว่า 9,000 เมกะวัตต์ ในปี 2020 อีกด้วย จนถึงปัจจุบันนี้ รัฐบาลลาวได้อนุญาตให้ภาคเอกชนลาวและต่างชาติดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้และออกแบบก่อสร้างเขื่อนอยู่ในลาวไปแล้ว 80 กว่าโครงการ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการที่อยู่ในขั้นตอนของการวางแผนก่อสร้าง 20 กว่าโครงการ และอีกกว่า 60 โครงการกำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้และออกแบบก่อสร้างต่อไป ส่วนเขื่อนที่ได้ทำการผลิตพลังงานไฟฟ้าแล้วในปัจจุบันมีจำนวน 14 แห่ง ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2,540 เมกะวัตต์ โดยเขื่อนที่ถือว่าเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้คือ เขื่อนน้ำเทิน 2 ที่ส่งพลังงานไฟฟ้าให้ไทยเป็นส่วนใหญ่ โดยรัฐบาลไทยได้ตกลงจะรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากลาวจำนวน 7,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2015 ส่วนรัฐบาลเวียตนามและกัมพูชา ก็ได้ตกลงรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากลาว 5,000 เมกะวัตต์ และ 3,000 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ในปี 2020 หากแต่ว่าปัญหาในเวลานี้ ก็คือบรรดาองค์การอนุรักษ์สภาพแวดล้อมธรรมชาติในระดับสากล ได้ประกาศท่าที่อย่างชัดเจนว่าจะคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนทั้งในลาวและเขื่อนตามแนวแม่น้ำโขงอย่างถึงที่สุด เพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมธรรมชาติและสัตว์น้ำอย่างกว้างขวาง โดยล่าสุดองค์การองค์การอนุรักษ์สภาพแวดล้อมธรรมชาติในไทย ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุลีบนแม่น้ำโขงในแขวงไซยะบุลี และเขื่อนดอนสะหงอยู่ในเขตสีพันดอน แขวงจำปาสักของลาว รวมทั้งยังจะพากันเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านแผนการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากรัฐบาลลาวของรัฐบาลไทยอีกด้วย
ที่มา http://lao.voanews.com/content/lao-authorities-emphasize-on-plan-of-battery-of-asia/1505842.html ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ยัน ‘แบบจำลองโลกร้อน’ กระทบชุมชน Posted: 14 Sep 2012 02:59 AM PDT เครือข่ายภาคประชาชน 23 ราย ยื่นอุทธรณ์ขอศาลปกครองสูงสุดรับพิจารณาคำฟ้อง ยกเลิก 'แบบจำลองโลกร้อน' ทนายแจงประชาชนหวังพึงอำนาจศาลปกครองแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมต่อชุมชนท้องถิ่น-ประชาชน วางบรรทัดฐานในการบริหารงานที่ดีของหน่วยงานรัฐ วันนี้ (14 ก.ย.55) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.เครือข่ายภาคประชาชน รวม 23 รายได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ฟ้อง ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งให้บังคับใช้แบบจำลองสำหรับการประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่าไม้ หรือแบบจำลองค่าเสียหายโลกร้อน และให้ผู้ถูกฟ้องร้องคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขแบบจำลองดังกล่าวให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนนำแบบจำลองใหม่มาบังคับใช้ นายกฤษดา ขุนณรงค์ หนึ่งในทนายความ ผู้รับมอบอำนาจผู้ฟ้องคดีครั้งนี้ กล่าวว่าเราต้องการยืนยันต่อศาลปกครองว่าการที่หน่วยงานของรัฐ คือ กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้นำแบบจำลองคดีโลกร้อนมาใช้บังคับกับประชาชนเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากยังมีข้อโต้แย้งมากมายทั้งจากนักวิชาการ สื่อมวลชน ตลอดถึงองค์กรอิสระต่าง ๆ ว่าแบบจำลองฯ ดังกล่าวไม่มีความถูกต้องทางวิชาการและไม่สามารถนำมาใช้ในการเรียกค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองหน่วยงานนี้ไม่เคยรับฟังความคิดเห็นหรือดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง ด้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกร่วมในการฟ้องคดีครั้งนี้ เผยแพรข้อมูลโดยระบุว่า เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ และคณะทำงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายฯ (คดีโลกร้อน) สภาทนายความ มีความเห็นว่า คำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาของศาลปกครองกลางนั้น ได้หยิบยกมาวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียว คือ มองว่าหนังสือคำสั่งให้ใช้แบบจำลองฯ เป็นเพียงการวางหลักเกณฑ์ภายในฝ่ายปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยศาลปกครองยังมิได้ลงไปวินิจฉัยในประเด็นอื่น เช่น ความเป็นบุคคล กลุ่มบุคคลหรือนิติบุคคลของผู้ฟ้องคดี ความเสียหายหรือผลกระทบจากการใช้แบบจำลอง รวมทั้งยังไม่ได้ดูความไม่ถูกต้องทางเนื้อหาของแบบจำลองตามที่ได้เสนอไปในคำฟ้องแต่อย่างใด เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ระบุด้วยว่า ข้อสำคัญอีกประเด็นหนึ่งก็คือ การยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้ เป็นไปเพื่อให้กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ได้ตระหนักถึงการใช้อำนาจของตนในลักษณะที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในสังคม และเพื่อให้การกระทำทางปกครองที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 66 ของผู้ฟ้องคดีทั้ง 23 ราย เกษตรกร ชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้รับการคุ้มครองและตรวจสอบโดยองค์กรตุลาการเพื่อเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนและเป็นการวางบรรทัดฐานในการบริหารงานที่ดีของหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯจึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งรับฟ้องคดีทั้ง 23 รายต่อไป เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
Posted: 14 Sep 2012 02:48 AM PDT | |
มาเลเซียแพร่ "คู่มือ" ช่วยพ่อแม่บอก "อาการ" รักเพศเดียวกัน Posted: 14 Sep 2012 02:34 AM PDT กระทรวงศึกษาธิการของมาเลเซีย เผยแพร่เอกสารที่ช่วยให้ผู้ปกครองบ่งชี้ "ลักษณะอาการ" รักเพศเดียวกันของลูกตน เช่น หากเด็กชายมีลักษณะร่างกายที่กำยำ ใส่เสื้อแขนกุด และชอบถือกระเป๋าแบบผู้หญิง ต้องใส่ใจเป็นพิเศษทันที เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 55 เว็บไซต์มาเลเซียกีนี รายงานว่า กระทรวงศึกษามาเลเซียได้เผยแพร่ "แนวทาง" ที่ช่วยพ่อแม่ผู้ปกครองมาเลเซีย ช่วยระบุ "ลักษณะอาการ" ของความเป็นรักเพศเดียวกัน เยาวชน เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที โดยเอกสารดังกล่าว ได้แจกจ่ายในงานสัมมนา "การเลี้ยงลูกกับการแก้ปัญหาความหลากหลายทางเพศ (LGBT)" ซึ่งรัฐบาลมาเลเซีย ได้จัดโดยเวียนไปตามรัฐต่างๆ โดยครั้งล่าสุดจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ที่ปีนัง แนวทางดังกล่าว ระบุว่า ลักษณะอาการของเกย์ ได้แก่ การมีร่างกายที่มีกล้ามเนื้อกำยำ และชอบโชว์เรือนร่างของตนเองด้วยการใส่เสื้อคอวี และเสื้อแขนกุด รวมถึงเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส นอกจากการชอบเพศชายด้วยกันแล้ว ยังมีนิสัยถือกระเป๋าผู้หญิงใบใหญ่เวลาออกไปข้างนอกบ้านด้วย ในขณะที่อาการของเลสเบี้ยน ตามเอกสารดังกล่าวระบุว่า มีลักษณะชอบพอกับผู้หญิงด้วยกัน ชอบไปเที่ยว ทานอาหาร และนอนกับผู้หญิง ไม่มีความสนใจต่อผู้ชาย เอกสารระบุว่า "หากเด็กๆ มีอาการเหล่านี้ ควรให้ความสนใจแก่พวกเขาโดยทันที" รองรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซีย โมฮัมหมัด ปูอาด ซาร์กาชิ กล่าวว่า เยาวชนเป็นผู้ที่ถูกชักจูงได้ง่ายจากเว็บไซต์และบล็อกที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มความหลากหลายทางเพศหรือโดยกลุ่มเพื่อนของตน ตนจึงเกิดความกังวลว่าพฤติกรรมเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในช่วงที่ยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ในขณะที่เว็บไซต์ฟรีมาเลเซียทูเดย์ สัมภาษณ์ความคิดเห็นของนักรณรงค์เพื่อสิทธิชาวรักเพศเดียวกัน และนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนในมาเลเซีย ว่าไม่เห็นด้วยกับการรณรงค์ดังกล่าวของทางรัฐบาล เพราะนอกจากจะเป็นการเลือกปฏิบัติทางเพศแล้ว ยังทำให้เกิดความเกลียดชัง สนับสนุนความไม่เท่าเทียมกัน "รัฐบาลต้องยุติการรณรงค์ที่ไม่เป็นธรรมต่อเยาวชนที่เปราะบาง" แปง คี ไทก์ นักเคลื่อนไหวและผู้ก่อตั้งองค์กรสิทธชาวรักเพศเดียวกันกล่าว "รัฐบาลควรจะสอนให้เด็กๆ ให้มีความมั่นใจ และให้เคารพซึ่งกันและกัน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไร" ทั้งนี้ มาเลเซีย เป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีกฎหมายที่รับมรดกจากสมัยอาณานิคม ที่ทำให้การร่วมเพศระหว่างชายกับชายทางเว็จมรรค (ทวารหนัก) เป็นความผิดทางกฎหมายอาญา และมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ในขณะที่ปีนี้ รัฐบาลได้อนุญาตให้ภาพยนตร์และละคร มีตัวละครที่เป็นเกย์ได้ แต่มีเงื่อนไขว่า ในตอนจบของเรื่อง ชาวรักเพศเดียวกันต้องกลับตัวกลับใจ และ/หรือเสียใจการกระทำที่เป็นไปในทางรักเพศเดียวกัน ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก Guidelines to identify gay and lesbian symptoms published Malaysia publishes 'symptoms' of homosexuality list Govt endorses guide on how to spot gays ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
สัมภาษณ์ ‘มะเดี่ยว หุ่นนิ่ง’: ความนิ่งกลางความเคลื่อนไหว (สีแดง) Posted: 14 Sep 2012 01:44 AM PDT จากผู้ร่วมชุมนุมคนหนึ่ง ถูกจับปะแป้ง นั่งสมาธินิ่งๆ เติบโตสู่แการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ "เพราะสังคมนี้ไม่สามารถบอกใครอย่างตรงไปตรงมาได้" 25 ส.ค. 55 ที่วัดลาดพร้าว งานสวดอภิธรรมศพวันสุดท้ายของนายอำพล หรือ อากง SMS
ประชาไท : สิ่งที่ทำอยู่นี้จะเรียกมันว่าอะไรดี เริ่มต้นทำกิจกรรมนี้ได้อย่างไร ระยะแรกก็เริ่มปะแป้ง จากนั้นก็ไปศึกษาเรื่องสี ก่อนจะมาเล่นสี แต่ไม่ได้จบช่างศิลป์หรือเรียนอะไรมานะ ตั้งแต่มาอยู่เสื้อแดงนี่เป็นหมดเลย อาศัยดูรายการผู้หญิงๆ ดูเวลาเขาแต่งหน้าแต่งตา ดูการเขียนของเขา และดูรูปภาพไปด้วย ดูการทาปากเพ้นท์หน้า ซึ่งก็เหมือนเป็นงานศิลปะชนิดหนึ่ง จากเป็นมวลชนธรรมดามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์นี้เราก็รู้ว่าเสี่ยง ซึ่งเราก็ดูตัวอย่างคนอื่นเขา ถ้าเราด่าเขาโดยเอ่ยชื่อ เราก็เจ็บตัว เราเลยใช้การเสียดสีให้รู้ว่า คนเสื้อแดงถูกกระทำอย่างไร มาตรา 112 นั้น ไม่ต่างกับการถูกล่ามโซ่อย่างนี้ อย่างอากง SMS เราแสดงตั้งแต่เขายังมีชีวิตอยู่ จนถึงแกตาย เราก็ยังแสดงเพื่อรำลึกถึงแกอยู่ และเพื่อสื่อให้โลกรู้ว่า อากงเป็นแพะแน่นอน เขาบริสุทธิ์ SMS ก็ส่งไม่เป็น อายุมากแล้ว ขนาดผมเองยังเพิ่งหัดใช้เลย หรือการรู้เบอร์เลขาคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้น คนธรรมดาจะไปรู้นั้นก็เป็นไปไม่ได้ จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว แล้วเคลื่อนไหวต่ออย่างไร
เสร็จภารกิจ เก็บพร็อพอุปกรณ์
ในสังคมไทยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์สำคัญไหมและอย่างไร ถ้าคนไทยมีสติ เหมือนที่พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้จริงเห็นแจ้ง รู้ด้วยตัวเอง อย่าไปเชื่อคำที่เขาพูด คนโน้นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เราจึงต้องมาสัมผัสเองว่า เขาผิดจริงหรือไม่จริง ไม่ใช่ว่าพวกกู กูเลยเชื่อพวกกู อย่างนี้ไม่ใช่ อย่างผม ก็ต้องดูทุกสื่อ แล้วมาเปรียบเทียบว่าของเราหรือพวกเราพูดจริงหรือพูดหลอก หรือเราเองแสดงละครหลอกอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ทำไมไม่แสดงตรงๆ เลย ทำไมต้องเลี่ยงไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
จี้อเมริกาดูแล "โจ กอร์ดอน" ชี้โดนข้อหาหมิ่นฯ ขังกว่า 4 เดือน-ไม่ได้สิทธิประกันตัว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
จำนรรจา นารีหลุดกาล: คุยกับแอดมิน "ตะละแม่ป๊อปคัลเจอร์" Posted: 14 Sep 2012 01:23 AM PDT
แอดมินทั้งสาม คนกลางคือ ฑิตฐิตา ซิ้มเจริญ, ขวามือของฑิตฐิตา คืออรวรรณ ราตรี และด้านซ้ายคือปวรรัตน์ ผลาสินธุ์
นอกจากนี้เรายังต้องขอบคุณการสนับสนุนจากมิตรสหายหลายๆ ท่านที่ทำหน้าที่เป็นนักแปลกิตติมศักดิ์ ที่คอยให้ไอเดีย ให้กำลังใจ รวมไปถึงแฟนเพจทั้งสองหมื่นกว่าท่านด้วยนะคะ ส่วนรูปที่นำมาปรับใช้คือ "ไก่แก้ว" (2526) ของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต จากเรื่องลิลิตพระลอค่ะ
ส่วนคำว่า "ภาษาวิบัติ" นี่ ถ้าจะแปลแบบคงความหมายเดิมไว้ น่าจะเป็นคำว่า "อุตริภาษา" มาจากคำว่า อุตริ ที่แปลว่านอกลู่นอกทาง ผิดแปลก แต่เป็นคำที่มีนัยประหวัดถึงการริเริ่มทำสิ่งแปลกใหม่ (แผลงๆ) ได้ด้วย คำนี้ตรงกับภาษาบาลีสันสกฤตว่า อุตฺตริ แปลว่า ยิ่ง เป็นความหมายกลาง ที่เลือกใช้คำนี้เพราะมองว่าภาษาในลักษณะนี้มีความ "ผาดแผลง" อยู่ในตัว ซึ่งทำให้หลายคนมองในเชิงลบ แต่ที่จริงแล้วก็เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบหนึ่งเท่านั้นค่ะ คิดยังไงกับเพจที่ออกมาล้อเลียนเพจตัวเอง อย่าง "ผัวตะละแม่ป๊อปคัลเจอร์" โดยเขาอธิบายว่า "กระดานชนวนออนไลน์แห่งนี้ สร้างมาเพื่อความสนุกสนาน เพราะกุแค้น ตอบตะละแม่ ไม่ได้" ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ชาวลิเบียชุมนุมแสดงความเสียใจเหตุทูตอเมริกันถูกสังหาร Posted: 14 Sep 2012 01:09 AM PDT เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 55 เว็บไซต์ BuzzFeed ได้เผยแพร่ภาพถ่ายการชุมนุมของชาวลิเบียในเมืองเบงกาซี แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงลิเบีย คริสโตเฟอร์ สตีเฟน และเจ้าหน้าที่สถานทูตชาวสหรัฐอีก 3 คน ที่เสียชีวิตจากการโจมตีสถานทูตสหรัฐของกลุ่มติดอาวุธชาวลิเบียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 ก.ย.) เหตุไม่พอใจภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง "Innocence of Muslims" ที่ถูกมองว่ามีเนื้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม โดยผู้ชุมนุมมีข้อความในป้ายขอโทษต่อชาวอเมริกัน และชี้ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่พฤติกรรมของชาวมุสลืมและชาวเบงกาซี ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่า การประท้วงจากความไม่พอใจภาพยนตร์ดังกล่าว ได้ลุกลามไปในประเทศในตะวันออกกลางหลายประเทศ โดยในตอนแรกเริ่มจากที่กรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ และเมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย ต่อมาได้ลามไปยังกรุงซานา ประเทศเยเมน และกรุงเตหะราน ประเทศอียิปต์ ทำให้มีคนบาดเจ็บแล้วกว่า 200 คน ล่าสุด มีรายงานว่า ทางการลิเบียสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยในการโจมตีสถานทูตสหรัฐ ซึ่งทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐและเจ้าหน้าที่อีกสามคนเสียชีวิตได้แล้ว แต่ยังไม่เป็ดเผยชื่อ และข้อหาที่ถูกตั้ง ยังไม่แน่ใจว่า ผู้ต้องสงสัยมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มใด ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น