โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

การประท้วงนายกฯ ที่ตุรกียังดำเนินต่อเนื่อง

Posted: 01 Jun 2013 11:19 AM PDT

การประท้วงรัฐบาลตุรขยายออกไปยังหลายเมือง โดยความรุนแรงยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง เหตุเริ่มจากจากการใช้แก๊ซน้ำตาของตำรวจสลายการชุมนุมคัดค้านการทำลายสวนสาธารณะในอิสตันบูล ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บกว่าพันคนแล้ว 

1 มิ.ย. 56 - ความรุนแรงในตุรกีดำเนินยังคงดำเนินต่อเนื่องในหลายเมือง อาทิ อิสตันบูล อังการา อิซเมียร์ และโบดรัม หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตำรวจจลาจลใช้แก๊สน้ำตาและสายฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุมผู้ประท้วงหลายพันคนที่พยายามปักหลักอยู่บริเวณสวนเกซีในจตุรัสตักซิม ในใจกลางเมืองอิสตันบูล ในขณะที่นายกรัฐมนตรีรีเชป ตอย์ยิป เออร์โดแกน ประณามผู้ประท้วงว่าเป็น "พวกหัวรุนแรงบ้าคลั่ง" 
 
การชุมนุมดังกล่าว เริ่มต้นจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งประท้วงคัดค้านนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเปลี่ยนสวนสาธารณะเป็นห้างสรรพสินค้าในบริเวณศูนย์กลางกรุงอิสตันบูล แต่ต่อมา ตำรวจได้ใช้กำลังพร้อมแก๊ซน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมดังกล่าว อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น การประท้วงก็ได้เริ่มขยายใหญ่ขึ้น โดยมีทั้งศิลปิน ปัญญาชน และส.ส. จากพรรคฝ่ายค้านเข้าร่วมด้วย เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อความเป็นอำนาจนิยมที่มากขึ้นของรัฐบาล 
 
การปะทะดังกล่าวได้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดมีรายงานจากสมาคมแพทย์ตุรกีว่ามียอดผู้บาดเจ็บราว 1,000 กว่าคน มีราว 6 คนที่สูญเสียตาเนื่องจากถูกระเบิดแก๊ซน้ำตา  และมีผู้เสียชีวิตแล้วเป็นผู้หญิงหนึ่งคน และมีรายงานว่าตำรวจยังได้เข้าโจมตีผู้ประท้วงที่นั่งอ่านหนังสือและร้องเพลงอยู่อย่างสงบ ในขณะที่สำนักข่าวโดแกนระบุว่ามีผู้ชุมนุมถูกควบคุมตัว 81 คน 
 
ประกอบกับการขาดการรายงานข่าวการประท้วงจากสื่อกระแสหลัก ทำให้ผู้ชุมนุมคาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลกดดันมิให้ช่องโทรทัศน์หลักๆ รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว และเกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น
 
เว็บไซต์เดอะ การ์เดียนรายงานด้วยว่า มีคลิปวีดีโอมือสมัครที่ถ่ายเหตุการณ์ทหารตุรกี ปฏิเสธที่จะช่วยตำรวจจลาจลเข้าควบคุมฝูงชน และช่วยส่งหน้ากากกันแก๊สน้ำตาให้กับผู้ประท้วง และมีรายงานอีกว่าตำรวจบางส่วนตัดสินใจเปลี่ยนฝ่ายและเข้าร่วมการชุมนุมแทน 
 
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีเออร์โดแกน ได้เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมยุติการประท้วงโดยทันที และกล่าวจะเดินหน้าโครงการพัฒนาการก่อสร้างในจตุรัสตักซิมต่อไป นอกจากนี้ ยังย้ำให้เรียกคืนระเบียบให้เหมือนเดิมและให้ตำรวจดำเนินการควบคุมผู้ประท้วงต่อ 
 
ทั้งนี้ ประเด็นการประท้วงคัดค้านการทำลายสวนสาธารณะที่เป็นชนวนของความรุนแรงนี้ เป็นแค่ปัญหาเทียบได้กับยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ดำเนินการสร้างสะพานข้ามช่องแคบบอสฟอรัส โดยไม่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยฝ่ายที่คัดค้านชี้ว่าการก่อสร้างดังกล่าวจะทำลายพื้นที่สาธารณะสีเขียวของประชาชน และไปรับใช้ผลประโยชน์ของธุรกิจเอกชน 
 
"วันนี้เปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนสำหรับพรรคเอเคพี (พรรคความยุติธรรมและการพัฒนา)" โคเรย์ คาลิสกาน นักรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยบอสฟอรัส กล่าว "เออร์โดนแกนนั้นมีความมั่นใจมากและเป็นนักการเมืองอำนาจนิยมมาก และเขาก็ไม่ฟังใครแล้วทั้งนั้น แต่เขาต้องเข้าใจว่าตุรกีไม่ใช่ราชอาณาจักร และเขาไม่สามารถบริหารประเทศจากเมืองอังการาด้วยตัวของเขาเองคนเดียวได้"  
 
อูกูร์ ทันเยลี นักประวัติศาสตร์ด้านสถาปัตยกรรมกล่าวว่า "ปัญหาที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ที่จตุรัสตักซิมและไม่ใช่สวนสาธารณะ แต่มันคือการขาดการมีส่วนร่วมการตัดสินใจที่เป็นประชาธิปไตย รวมถึงการขาดฉันทามติอย่างมาก ตอนนี้เรามีนายกรัฐมนตรีที่เขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ" 
 
การชุมนุมดังกล่าว นับเป็นการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดภายใต้สมัยการปกครองของนายกรัฐมนตรีรีเชป ตอย์ยิป เออร์โดแกน ซึ่งปกครองตุรกีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และมีการตั้งข้อสังเกตว่า การประท้วงครั้งนี้มีลักษณะพิเศษในแง่มีคนร่วมชุมนุมจากหลายแนวอุดมการณ์และอายุ ทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย รวมถึงกลุ่มชาตินิยมเติร์กและเคิร์ดด้วย โดยพวกเขาคัดค้านในประเด็นที่นอกเหนือไปจากการสร้างสวนสาธารณะ ทั้งนโยบายของรัฐบาลต่อประเทศซีเรีย การจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ และการห้ามการแสดงความรักใคร่กันในที่สาธารณะ ซึ่งรัฐบาลเพิ่งออกกฎหมายดังกล่าวมาเมื่อเร็วๆ นี้ 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

อภิชาตพงศ์เสนอ คว่ำกม.เซ็นเซอร์หนัง ตั้ง "สภาภาพยนตร์"

Posted: 01 Jun 2013 11:18 AM PDT

ผู้กำกับหนังเมืองคานส์ เสนอโมเดล ตั้งสภาภาพยนตร์ ให้อุตสาหกรรมคนทำหนังและโรงภาพยนตร์กลั่นกรองกันเอง คนทำหนังพ้อ ภาพยนตร์ตกขอบของสื่อที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ นักกฎหมายชี้ ภาพยนตร์เป็นสื่อเดียวที่ยังต้องถูกตรวจ "ก่อน" การนำเสนอ

1 มิ.ย. 56 สาขาวิชาการภาพยนตร์ วีดีทัศน์ ม.เกษมบัณฑิต สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย มูลนิธิหนังไทย และ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) จัดงานเสวนาเรื่อง "สิทธิหนังไทย: ฐานะสื่อและการกำกับดูแล" ณ ห้อง Auditorium ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

ก้อง ฤทธิ์ดี นักวิจารณ์ภาพยนตร์ กล่าวถึง พ.ร.บ.ภาพยนตร์ พ.ศ. 2551 ฉบับปัจจุบัน ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับคนวงการภาพยนตร์เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำระบบเรตติ้งมาใช้ แต่กลับติดปัญหาว่ายังคงมีระบบการแบนภาพยนตร์อยู่ โดยที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ที่โดนแบนไปสามเรื่อง คือ Insects in the Backyard เชคสเปียร์ต้องตาย(Shakespeare Must Die)และ ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง ที่เดิมมีคำสั่งแบน แต่ได้รับแจ้งในภายหลังว่าให้ฉายได้แต่ต้องตัดบางส่วนของภาพยนตร์ออกไป

 

ปรับทุกข์ แลกประสบการณ์การโดนเซ็นเซอร์

นนทวัฒน์ นำเบญจพล ผู้กำกับฟ้าต่ำแผ่นดินสูง กล่าวถึงเหตุการณ์การแบนภาพยนตร์ของเขาว่า ภาพยนตร์ของเขามีเนื้อหาเกี่ยวกับเขาพระวิหาร เมื่อส่งภาพยนตร์เข้าตรวจพิจารณาในแผนกดีวีดี ผลการพิจารณาออกมาว่าห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักรไทย เมื่อถามเจ้าหน้าที่ว่ามีปัญหาตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า "ก็มีปัญหาทั้งเรื่อง"

จากนั้นเขาก็โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าภาพยนตร์ของเขาถูกแบน ปรากฏว่ามีกระแสสนใจและนำไปสู่การเสนอข่าวทั่วโลก สองวันต่อมา ทางคณะกรรมการภาพยนตร์โทรศัพท์มาแจ้งว่าขอโทษในความผิดพลาด เพราะขั้นตอนที่ถูกต้องนั้นจะต้องเรียกคนทำภาพยนตร์เข้ามาชี้แจงก่อน และก็แจ้งเขาว่า ภาพยนตร์ของเขามีฉากที่เป็นปัญหา คือ ฉากงานปีใหม่ที่ราชประสงค์ ในฉากชวนคนเคาท์ดาว์นและผู้ประกาศบอกว่า มาร่วมเฉลิมฉลองให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนนทวัฒน์ยอมที่จะดูดเสียงตรงนี้ไป

"ผมกลัวว่าถ้าไม่ยอมดูดเสียง หนังผมจะถูกแบน และอาจถูกดึงไปเกี่ยวข้องในเรื่องอื่นๆ" นนทวัฒน์กล่าว

ด้านพันธ์ธัมม์ ทองสังข์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องไอ้ฟักเล่าประสบการณ์ที่เคยมีกับการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์เช่นกันว่า หนังเรื่องไอ้ฟักที่เขาทำ เขาเขียนบทให้ไอ้ฟักรักกับสมทรงแล้วแต่งงานกัน แต่ไอ้ฟักก็ไม่ยอมจะมีเซ็กส์กับสมทรงเพราะเป็นเมียพ่อ พอยื่นหนังให้คณะกรรมการฯ ตรวจ ก็ได้รับแจ้งว่า ให้ตัดฉากที่สมทรงทายาหม่องให้ไอ้ฟัก โดยคณะกรรมการฯให้เหตุผลว่า ฉากดังกล่าวดูแล้วเกดอารมณ์ทางเพศ ซึ่งพันธ์ธัมม์บอกว่า ตัดไม่ได้ เพราะผมต้องการให้เกิดอารมณ์ทางเพศ

ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย

ด้านธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Insects in the Backyard เล่าประสบการณ์ว่า กรณีการแบนที่พบมาต่างจากกรณีเช็คสเปียร์ต้องตายและกรณีฟ้าต่ำแผ่นดินสูง เพราะไม่มีโอกาสได้ชี้แจงเหตุผล มีแต่เจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาถามว่า "จะตัดไหมคะ จะตัดไหม" เมื่อถามว่าจะให้ตัดตรงไหนก็ได้รับคำตอบว่า ก็ทุกตรงที่มันผิดศีลธรรม สุดท้ายภาพยนตร์เรื่อง Insects in the Backyard ก็ถูกแบน และนำไปสู่การฟ้องศาลปกครอง

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ นักกฎหมายจาก iLaw กล่าวถึงประเด็นหนึ่งในการฟ้องศาลปกครองว่า คณะกรรมการภาพยนตร์จะใช้คำสั่งลอยๆ เพียงว่า ภาพยนตร์นั้นมีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรม จึงสั่งไม่อนุญาตให้ฉายไม่ได้ แต่ต้องระบุเหตุผลให้ชัดเจน ปัจจุบันคดีผ่านมาสามปี แม้ยังไม่มีคำพิพากษาแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเห็นได้คือ พบว่าคณะกรรมการภาพยนตร์ได้ทำงานตามขั้นตอนมากชึ้น เช่น ก่อนพิจารณามีการเรียกตัวแทนคนทำภาพยนตร์เข้าไปชี้แจง และมีการออกคำสั่งโดยละเอียด ดังที่เกิดขึ้นกับภาพยนตร์เรื่องเช็คสเปียร์ต้องตายและฟ้าต่ำแผ่นดินสูง

อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

ต้านเซ็นเซอร์ คนทำภาพยนตร์ต้องรวมพลัง

อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ และตัวแทนกลุ่ม Free Thai Cinema เล่าถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Free Thai Cinema ว่าเมื่อ 4-5 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องแสงศตวรรษของเขาถูกตัด ก็มีการเคลื่อนไหวในกลุ่มคนทำภาพยนตร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป การรณรงค์ก็แผ่วเบาลงไป มันทำให้เห็นความอ่อนแอว่าเราไม่ได้สนใจสังคมที่เราอยู่เลย จนทุกวันนี้ พอเกิดการแบนหนังครั้งหลัง เราก็มารวมกลุ่มและรณรงค์กัน ซึ่งการเคลื่อนไหวมันก็ซ้ำรอย มันเดจาวูมาก

รศ.บรรจง โกศัลวัฒน์ ผู้อำนวยการหลักสูตรนิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาภาพยนตร์ วีดิทัศน์ ม.เกษมบัณฑิต กล่าวว่านับแต่อดีตจนปัจจุบัน ภาพยนตร์ไทยเหมือนถูกคุมกำเนิดอยู่ตลอดเวลา ตอนร่างรัฐธรรมนูญ 2540 วงการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ต่อสู้กันอย่างเต็มที่ให้ตื่นตัวเรื่องเสรีภาพสื่อ แต่ผู้สร้างภาพยนตร์ไทย สมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์ไม่มีใครสนใจ

"พวกเรา ผู้สร้างภาพยนตร์ควรต้องรวมพลังกันหน่อยไหม อาจจะรวมพลังต้องการที่จะพูดหรือแสดงออก ซึ่งมันจะไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว หลายท่านบอกว่า ผมพูดมาซ้ำๆ ซากๆ ก็ไม่เห็นเกิดผล แต่สิ่งเหล่านี้มันจำเป็นที่จะต้องพูดกันไป" รศ.บรรจง กล่าว

อภิชาติพงศ์กล่าวว่า มันมีภาวะที่น่ากลัว คือ ภาวะของการสมยอมของคนทำงาน อย่างในหนังเรื่องฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหรือเช็คสเปียร์ต้องตาย ที่คนทำหนังจะไปสู่ว่าเราไม่ได้ทำหนังเข้าข้างใครหรือเราเป็นกลาง เขาเห็นว่าในแง่การให้เหตุผล คนทำหนังต้องไม่ใช้เทคนิคการปรองดอง ซึ่งมันเป็นเทคนิคของรัฐบาล ดังนั้น ไม่ต้องแก้ตัว เราไม่ต้องหน่อมแน้มกับเขา ถ้าผมไม่เป็นกลางก็ต้องมั่นใจว่าไม่เป็นกลาง ถ้าสังคมมันจะแตกแยกก็ต้องแตกแยก อย่างไรก็ดี การควบคุมภาพยนตร์ก็ยังมีความจำเป็นในกรณีการปกป้องเด็กและเยาวชน

 

"ภาพยนตร์" ก็เป็น "สื่อ" ไม่ควรต้องส่งตรวจก่อนออกฉาย

ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่ององก์บาก เล่าถึงกระบวนการเคลื่อนไหวจนมาถึงพ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ที่สู้เรื่องระบบเรตติ้ง แต่ทำไปทำมาก็ยังมีระบบแบนอยู่ ซึ่งแม้ในรัฐธรรมนูญจะรับรองเสรีภาพสื่อไว้ แต่ในนิยามก็ไม่ได้รวมถึงภาพยนตร์ว่าเป็นสื่อ เขากล่าวว่าตรงนี้มันเหมือนเป็นอุบัติเหตุแค่นิดเดียวเองที่ทำให้ภาพยนตร์ไม่ถูกรวมอยู่ในสื่อที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แล้วเจ้าหน้าที่รัฐก็ทำตามตัวอักษร มันแค่ไม่มีคำว่า "ภาพยนตร์" ในมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ นักกฎหมายจาก iLaw

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จาก iLaw กล่าวถึงรัฐธรรมนูญที่กำหนดคุ้มครองสื่อว่า "การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่น จะกระทำมิได้" จากท่อนนี้ของกฎหมายก็กำหนดชัดแล้วว่ารัฐธรรมนูญคุ้มครองสื่อจำพวกหนังสือพิมพ์ แต่ยังคลุมเครือในกรณีที่เป็นสื่อภาพยนตร์ ไม่เพียงเท่านั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรค 5 ให้การคุ้มครองไว้ว่า การตรวจเนื้อหาของสื่อ "ก่อน" นำเสนอเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย แต่ปัจจุบัน ภาพยนตร์เป็นสื่อเพียงประเภทเดียวที่ยังคงต้องส่งให้รัฐพิจารณาก่อนออกฉาย ซึ่งนี่เป็นปัญหาเชิงเทคนิคทางภาษากฎหมาย หากภาพยนตร์ถูกจัดเป็นสื่อแล้ว การส่งให้ตรวจก่อนก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย

เขากล่าวว่า ถ้าจะแก้ไขกฎหมายยังสามารถทำได้ผ่านกระบวนการเสนอกฎหมายภาคประชาชนที่อาจใช้วิธีระดมหนึ่งหมื่นชื่อ และหากอยากให้ภาพยนตร์เป็นสื่อ ก็อาจแก้ไขโดยเพิ่มนิยามของคำว่าภาพยนตร์ ว่าเป็นสื่อมวลชนได้เช่นกัน

 

ยกเครื่อง พ.ร.บ.ภาพยนตร์ เสนอตั้งสภาภาพยนตร์

รศ.บรรจง โกศัลวัฒน์ นักวิชาการด้านภาพยนตร์ จาก ม.เกษมบัณฑิต กล่าวว่า ตอนนี้พ.ร.บ.ฉบับนี้กลายเป็นล็อกสองชั้น คือมีทั้งเรตติ้งและเซ็นเซอร์ แต่ยังไงก็ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับนี้ไม่มีประโยชน์อะไร สามารถยกเลิกได้เลย เพราะถ้ากลัวคนทำหนังโป๊ หรือทำเรื่องกระทบต่อความมั่นคง แม้ไม่มีพ.ร.บ.ภาพยนตร์เราก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะมีประมวลกฎหมายอาญากำหนดอยู่

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เลขาธิการสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งประเทศไทย

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เลขาธิการสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากเป้าหมายของการแก้ไขพ.ร.บ.ภาพยนตร์คือ การตัดมาตรา 29 ที่กำหนดอำนาจให้คณะกรรมการภาพยนตร์สั่ง "ไม่อนุญาตให้ฉาย" ภาพยนตร์ได้ แต่กลวิธีในการตัด ไม่ใช่แค่การยื่นข้อเสนอ เพราะถ้าทำแบบนั้น สุดท้ายคณะกรรมการกฤษฎีกาก็คงไม่ยินยอม แต่ต้องหาวิธีเช่น หาคนที่สามารถเข้าถึงแล้วเจรจากับประธานกรรมการกฤษฎีกาชุดที่จะพิจารณากฎหมายฉบับนี้ได้

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ และตัวแทนกลุ่ม Free Thai Cinemaก็รำพึงว่า "วิธีดังกล่าว "ไทย" มากเลย" และเสนอว่า สิ่งที่เราต้องการคือ เลิกระบบเดิม ที่ปัจจุบันคณะกรรมการภาพยนตร์มีทั้งหมด 7 คน มี 4 คนจากภาครัฐ 3 คนจากภาคอุตสาหกรรม ควรเปลี่ยนใหม่แล้วมาใช้องค์กรอิสระด้านภาพยนตร์แทน เช่น เป็นสมาคมวิชาชีพดูแลกันเอง

อภิชาติพงศ์ กล่าวว่า ทางกลุ่ม Free Thai Cinema เห็นปัญหาถึงความไม่โปร่งใสของการแต่งตั้งคณะกรรมการ และการคัดสรรของกระทรวงวัฒนธรรมก็เอาข้าราชการเกษียญอายุแล้วมาอยู่ในโควต้าของภาคเอกชน ซึ่งเป็นระบบพวกพ้องและละเลยเจตนารมณ์ของกฎหมายไป

อภิชาติพงศ์เสนอว่า เราควรมีสภาภาพยนตร์ โดยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ดูแลกันเองเหมือนสมาคมวิชาชีพสื่อแบบอื่นๆ หรือเหมือนแบบที่อเมริกา โดยสภาจะทำหน้าที่ "แนะนำ" การใช้เรท ซึ่งสุดท้ายแล้วคนทำภาพยนตร์จะไม่เชื่อตามเรทนั้นก็ได้

ด้านปรัชญา ปิ่นแก้ว เล่าว่ากรณีละครเหนือเมฆ 2 ที่ถูกเซ็นเซอร์ตอนจบนั้น เป็นรูปแบบที่ทางช่องเซ็นเซอร์เอง แล้วก็จะเห็นว่าสังคมมันจัดการกันเอง เวลามีการแบนก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งนี่เป็นตัวอย่าง กรณีภาพยนตร์ก็ควรเป็นอย่างนั้น

 

ที่มา : โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) http://ilaw.or.th/node/2792

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

นิธิ เอียวศรีวงศ์

Posted: 01 Jun 2013 08:53 AM PDT

"..วิธีที่จะเอาใจ คุณจะเอาใจขวาจัดก็ได้ เอาใจซ้ายจัดก็ได้ คนที่ไปชุมนุมกันเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชานิยมชัดๆ เลยนะครับ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพนับถือในประเทศไทย ในหมู่ประชาชนกว้างขวางมาก แต่ไม่ค่อยมีใครพูดว่า พวกเสื้อเหลืองก็ประชานิยม ขวาจัดก็ได้ ซ้ายจัดก็ได้ เผด็จการก็ได้ ประชาธิปไตยก็ได้ ได้หมดทุกอย่างตราบเท่าที่คุณเอาใจประชาชนเพื่อการสนับสนุน.."
 
30 พ.ค.56, อธิบายถึง "การเอาใจประชาชน" ซึ่งเป็นหนึ่งในลักษณะของ "ประชานิยม" ในงานนเสวนาสาธารณะ "คิดใหม่ประชานิยม: จากรัฐบาลทักษิณถึงยิ่งลักษณ์ เราเรียนรู้อะไรบ้าง"

นิวยอร์กไทมส์: คราบการปกครองของทหารยังปรากฎในโรงเรียนไทย

Posted: 01 Jun 2013 05:09 AM PDT

วางความคิดเรื่องเมืองไทย ดินแดนแห่งการท่องเที่ยว ไนท์คลับเลื่องชื่อ และชีวิตเรื่อยเปื่อยแสนสบายที่คุณคุ้นเคยลงสักครู่ 
 
สำหรับนักเรียนไทยทั้งหลาย ชีวิตในโรงเรียนหาได้หอมหวานเช่นนั้น โรงเรียนไทยสำหรับนักเรียนส่วนมากคิอแดนสวรรค์ของจ่าฝึกทหารใหม่ มันมีธรรมเนียมปฏิบัติเยี่ยงทหารที่มีรากหยั่งลึกถึงยุคสมัยเผด็จการครองอำนาจ ระเบียบวินัยและการบังคับให้นอบน้อมยินยอมยังคงอยู่เรื่อยมา
 
ในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพ ครูหลายคนกวัดแกว่งไม้เรียวไผ่ไปมา พลางตำหนิทรงผมยาวที่ผิดระเบียบ และสั่งให้กร้อนผม ณ ที่นั้นในทันที นักเรียนโดนตรวจสอบความสะอาดของเล็บ สีของถุงเท้า หรือการทำผิดระเบียบอื่นใดของกฏเครื่องแต่งกายโรงเรียน
 
"โดยระดับพื้นฐานแล้ว นักเรียนทุกคนต้อง(แต่งกาย)เหมือนกันทั้งหมด" ครูอรุณ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ระหว่างที่เธอดูแลการเข้าแถวเคารพธงชาติ ของเหล่านักเรียนที่มีทรงผมเกรียน (นักเรียนห้ามย้อมผม) ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ไหว้พระในศาสนาพุทธ สาบานว่าจะสละชีพเพื่อชาติและกษัตริย์ และสัญญาว่าจะ "ไม่ก่อปัญหา" 
 
อย่าไรก็ดี เมื่อม่านหมอกของมรดกเผด็จการทหารจางลง นักเรียนบางคนก็ยืนหยัดขึ้นต่อต้านระบบที่ต้องการ การเชื่อฟังโดยไม่มีเงื่อนไขนี้ และบางคนก็ประสบความสำเร็จ พวกเขามีพันธมิตรในรัฐบาลที่ต้องการลดบทบาท(วัฒนธรรม) ทหารในชีวิตพลเรือนลงเช่นกัน เหล่านักเรียนและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาของประเทศอย่างกว้างขวาง
 
เมื่อปลายปีที่แล้ว นักเรียนมัธยมที่มีความคิดอิสระคนหนึ่ง เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ซึ่งใช้ชื่อเล่นว่าแฟรงค์  ได้ริเริ่มตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อลบล้างระบบการศึกษาเยี่ยงโรงงานของประเทศ เขาและกลุ่มเพื่อนที่เห็นพ้องกันได้ตั้ง สมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฎิวัติระบบการศึกษาไทย และเคลื่อนไหวผ่านเฟสบุ๊ก กลุ่มของแฟรงค์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ออกรายการเรทติ้งสูงรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ของไทย 
 
"โรงเรียน(ทุกวันนี้) เหมือนโรงงานปั้มนักเรียนให้ออกมาเป็นพิมพ์เดียวกันทุกคน" แฟรงค์ให้สัมภาษณ์กับเราในเช้าวันหนึ่ง ที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงเรียนเดียวกันกับ ครูอรุณ วันเพ็ญเป็นรองผู้อำนวยการ
 
แฟรงค์อธิบายถึงคุณครูในโรงเรียนว่าเป็นเหมือน "เผด็จการ" ที่คอยสั่งให้นักเรียน "เคารพ เคารพ และเคารพ" และอย่าได้คิดคัดค้านเป็นเด็ดขาด
 
สารของกลุ่มสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฎิวัติระบบการศึกษาไทย ได้รับการตอบรับ (จากผู้มีอำนาจตัดสินใจ) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณพงษ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจบการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา เห็นพ้องด้วยกับข้อเรียกร้องของกลุ่ม คุณพงษ์เทพได้สัญญาจะให้เด็กนักเรียนไทยมีเสรีภาพในการใว้ผมมากชึ้น นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มีลดการเรียนด้วยการท่องจำให้น้อยลง และเพิ่มการถกปัญหาอย่างวิเคราะห์วิจารณ์มากขึ้น.
 
"เราไม่ต้องการนักเรียนที่เป็นสำเนาจากต้นแบบเหมือนๆ กันหมด โดยเฉพาะต้นแบบที่ทำได้แค่ตามคำสั่งเท่านั้น" คุณพงษ์เทพกล่าวในการสัมภาษณ์ "เราไม่ต้องการให้เด็กทำสำเนาความรู้แล้วเอาไปเก็บในหัว เราอยากให้เขาเป็นปัจเจกชนที่ใช้เหตุผลในการคิด
 
ท่าน รมว. เสนอให้นักเรียนทำการบ้านน้อยลง และใช้แผนวิชาการที่เน้นการฝึกภาษา คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ท่านกล่าวว่า ในยุคของวิกิพีเดีย มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เด็กจะต้องจำชื่อแม่น้ำอะไรสักอย่างในอัฟริกา หรือท่องข้อมูลคลุมเครือที่ไม่มีความสำคัญ เหมือนที่เขาเองเคยต้องทำในวัยเด็ก
 
คุณพงษ์เทพ อดีตผู้พิพากษาที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน กล่าวว่าการสนับสนุนให้เด็กสร้างข้อคิดเห็นของตัวเองและรู้จักศาสตร์และศิลป์ของการโต้วาที เป็นเรื่องดีต่อระบอบประชาธิปไตยของประเทศที่ปัจจุบันก็อยู่อย่างกระท่อนกระแท่นมากว่า 8 ทศวรรศแล้ว 
 
"หากนักเรียนไม่รู้จักออกความคิดเห็นในห้องเรียนแล้ว เขาจะรู้จักใช้สิทธิเสรีภาพการแสดงออกของเขาในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร?" 
 
ต้นปีนี้ ท่าน รมว. ได้ประกาศว่าเขาจะอลุ่มอล่วยเรื่องความยาวผม ซึ่งมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญ เพราะเป็นกฏที่ตั้งขึ้นมาโดยคณะรัฐบาลทหารในปี 2515 ซึ่งบังคับให้ความยาวผมของนักเรียนหญิงไม่เลยติ่งหู และนักเรียนชายต้องไถหัวด้านข้างให้เกลี้ยงเหมือนนักเรียนทหาร กฏใหม่นี้กำลังอยู่ในวาระพิจารณาจากที่ประชุม ครม. 
 
"เราต้องการให้เด็กโตขึ้นเป็นคนมีเหตุผล แล้วเราจะบอกจะสอน ให้เด็กทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?"
 
การเปลี่ยนแปลงนี้กระเทือนไปถึงหัวใจของระบบการศึกษาของประเทศ การเรียนเป็นเวลายาวนานและอย่างเข้มงวดเป็นปัจจัยหนึ่งของ "ปาฏิหารย์แห่งเอเชียตะวันออก" ที่ประเทศไทยพยายามอย่างหนักที่จะเลียนแบบเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจของเอเซีย
 
อย่างไรก็ดี คุณพงษ์เทพกล่าวว่า ภาระเกินตัวนี้ ตกไปอยู่กับเด็กไทย และแม้แต่รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก็ทำให้เห็นว่ายังต้องปรับปรุงอีกมาก คะแนนสอบทั่วประเทศตกต่ำลงเรื่อยๆ นักเรียนไทยโดยรวมอยู่อันดับ 52 ในโครงการวัดผลนักเรียนโลก (Program for International Student Assessment) ซึ่งเป็นมาตรฐานการวัดผลในระดับโลก ซึ่งอันดับนี้อยู่ต่ำกว่ามาตรฐานของประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่มความร่วมมือทางการค้าและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development) (นักเรียนเซี่ยงไฮ้และสิงคโปร์อยู่ในอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับในตามข้อมูลปี 2552)
 
ผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงบอกว่าเนื้อหาวิชาการเรียนในตอนนี้มีเนื้อหาที่เน้นการท่องจำมากไป ไม่มีช่องให้นักเรียนคิดด้วยตัวเอง
 
"ผมได้พูดมานานมากแล้วว่า (ภายใต้ระบบปัจจุบัน)คุณยิ่งเรียน คุณยิ่งโง่" คุณสมพงษ์ จิตระดับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา และคณะกรรมการปรับปรุงเนื้อหาวิชาการของกระทรวงศึกษาธิการกล่าว "ที่เด็กเราทำคือท่องจำ ไม่มีการคิดอย่างวิพากษ์ ไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิด"
 
คุณสมพงษ์กล่าวว่าแรงต่อต้านส่วนใหญ่มาจากข้าราชการ  เพราะการปฏิรูปเนื้อหาเป็นเรื่องใหญ่และลำบาก นอกจากนั้น เนื้อหาใหม่ยังต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์อีกหลายครั้งก่อนจะได้รับการยอมรับ
 
ในกรณีเรื่องเครื่องแต่งกายและทรงผมนั้น ขณะนี้ก็มีสัญญาณมาบ้างแล้วว่าผู้บริหารโรงเรียนบางส่วนอาจไม่เชื่อฟังคำสั่งของกระทรวง ครูอรุณ รองผู้อำนวยการที่เข้มงวดได้บอกเราว่า เขาอาจเลือกที่จะไม่สนใจกฎกระทรวงหากเขาเห็นว่ามันเบาเกินไป ท่านรอง และผู้สนับสนุนกล่าวว่ากฏเหล่านี้จำเป็นต่อการต่อต้านพิษภัยทางสังคมที่กำลังเกาะกุมเยาวชนในประเทศไทย เช่น ยาเสพย์ติด และการตั้งครรภ์ในวัยเรียน และการยกพวกตีกัน
 
"รัฐบาลมีนโยบายของเขา แต่เราเป็นนักปฏิบัติ" ท่านรอง อรุณบอก "ถ้าทางรัฐออกนโยบายออกมาใหม่ เราก็จะดูว่าอันไหนเหมาะกับสถาณการณ์ของเรา และจะรับอันที่เหมาะสมมาปฏิบัติ" 
 
ท่านรอง อรุณสรุปว่า "ทหารเขามีปืน ครูเรามีไม้เรียว บางทีเราก็ต้องตีเด็กบ้าง แต่แค่ที่บั้นท้ายเท่านั้น"   
 
ในขณะที่ผู้ที่สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด เห็นจะเป็นเหล่านักเรียน
 
"เด็กนักเรียนไม่มีโอกาสหาความรู้ใส่ตัวเองด้วยตัวเอง" นายจิรพัฒน์ ฮ้อแสงไชย วัย 16 สมาชิกกลุ่มสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฎิวัติระบบการศึกษาไทยบอก "พวกเขาแค่รอให้(ครู) มาป้อนความรู้ให้เท่านั้น"
 
กลุ่มสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฎิวัติระบบการศึกษาไทยมีสมาชิกที่แก่กล้าเกินวัย และนิยมการโต้เถียง หนึ่งในสมาชิกชอบโต้แย้งเว็บไซต์วิทยาศาสตร์ด้วยการเถียงเรื่องความน่าเชื่อถือของทฤษฎีการวิวัฒนาการ  และวิจารณ์คนโพสท์กระทู้ว่าไม่มีความเป็นนักวิทยาศาสตร์ ส่วนอีกคนเคยแฮคเวบกระทรวงศึกษาธิการมาแล้ว และขณะนี้กระทรวงก็จ้างให้เขาช่วยปรับปรุงความปลอดภัยของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
 
นส.นัชชา พิบูลย์วัฒนา วัย 16 หนึ่งในสมาชิกหญิงไม่กี่คนในกลุ่มบอกว่าเธอมีจุดหมาย 2 ประการ หนึ่งคือเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา สองคือสนับสนุนให้เด็กหญิงของไทยที่โดนฝึกมาให้อ่อนน้อมว่าง่าย ให้มีความกล้ามากขึ้น
 
"เด็กผู้หญิงคิดตามกรอบมากไป" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ผมของเธอโดนรวบด้วยโบว์สีน้ำเงินอันใหญ่ "พวกเราเรียนเก่งกันทั้งนั้น แต่หนูอยากให้ทุกคนรู้ว่ายังมีโลกทั้งใบอยู่นอกโรงเรียน" 
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รอบโลกแรงงานพฤษภาคม 2556

Posted: 01 Jun 2013 01:35 AM PDT

แรงงานทั่วเอเชียเดินขบวนวันแรงงาน
 
1 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ว่า แรงงานราคาต่ำหลายหมื่นคน ชุมนุมประท้วงตามท้องถนนในวันแรงงาน หรือเมย์ เดย์ 1 พฤษภาคม เพื่อเรียกร้องขึ้นค่าแรง,ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้ดีขึ้น และปรับปรุงสภาพการทำงานในหนึ่งสัปดาห์ หลังจากอาคารที่ตั้งของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในบังกลาเทศ พังถล่ม มีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คนแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับความปลอดภัยที่หย่อนยาน ทำให้การทำงานตกอยู่ในอันตรายในประเทศยากจนทั้งหลาย
 
แรงงานในอินโดนีเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ ต่างเดินขบวน และตะโกนพร้อมกันอย่างกึกก้องในวันแรงงานวันนี้ ขณะที่ บางคนก็แสดงความไม่พอใจต่อการเอารัดเอาเปรียบของธุรกิจขนาดใหญ่ ท่ามกลางค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภูมิภาคเอเชีย เป็นฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลกหลายบริษัท
 
คนงานโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลายพันคนในบังกลาเทศ ก็เดินขบวนไปตามถนนสายต่าง ๆ ด้วย พร้อมเรียกร้องหาความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และให้ลากคอเจ้าของโรงงานนรก รับโทษประหารชีวิต
 
 
บังกลาเทศประท้วงวันแรงงาน ยอดตายตึกถล่มพุ่ง 402 ศพ
 
1 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ว่า คนงานในบังกลาเทศจำนวนมาก เดินขบวนประท้วงเนื่องในวันแรงงานสากล ภายในกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ เพื่อเรียกร้องให้มีการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคาร 8 ชั้นถล่มในเขตซาวาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 402 รายแล้ว และมีผู้บาดเจ็บกว่า 2,500 คน
 
เมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่สามารถขนย้ายเศษซากปรักหักพังของอาคาร 'รานา พลาซ่า' น้ำหนักกว่า 600 ตันออกได้ราว 350 ตันแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 402 ราย โดย 399 รายถูกพบใต้ซากอาคาร ขณะที่อีก 3 รายคือผู้รอดชีวิต ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล
 
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดำเนินการฝั่งร่างผู้เสียชีวิตในเหตุตึกถล่มที่ไม่อาจระบุตัวตนได้ 18 ร่าง ขณะที่ยังมีผู้สูญหายในเหตุดังกล่าวอีกอย่างน้อย 149 ราย โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ร่างรายชื่อของผู้สูญหาย และได้รับการยืนยันจากนาย ซิลลูร์ เราะห์มาน ชอว์ดูรี ผู้บริหารเขตในกรุงธากา
 
ขณะเดียวกัน คนงานและประชาชนราว 20,000 คน ออกมาเดินขบวนประท้วงในพื้นที่ต่างๆของกรุงธากา และเมืองอื่นๆ โดยผู้ประท้วงบางคนชูป้ายเรียกร้องให้ประหารชีวิตเจ้าของอาคารรานา พลาซ่า และเจ้าของโรงงาน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าบังคับลูกจ้างให้ทำงาน แม้ถูกเตือนว่าพบรอยร้าวในอาคาร ผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้มีการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานอีกด้วย
 
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร ศาลสสูงบังกลาเทศมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ นายโมฮัมเหม็ด โซเฮล รานา เจ้าของอาคารรานา พลาซ่า และสั่งให้อายัดทรัพย์สินของเหล่าเจ้าของโรงงานทั้ง 5 ที่อยู่ในตึกรานา พลาซ่า เพื่อนำเงินไปจ่ายเป็นค่าแรงแก่คนงาน
 
อีกด้านหนึ่ง พระสันตะปาปาฟรานซิส (ที่1) ตรัสในพิธีมิสซาช่วงเช้าที่นครรัฐวาติกันว่า สถานภาพของคนงานผู้เสียชีวิตในบังกลาเทศ ไม่ต่างจากแรงงานทาสที่ได้ค่าแรงอย่างไม่ยุติธรรม ไม่มีงานทำ เพราะผู้จ้างเอาแต่จ้องตัวเลขงบดุล จ้องหาแต่ผลกำไร
 
 
ผู้นำมาเลเซียพูดในวันแรงงานให้คำมั่นเพิ่มคุณภาพชีวิตแรงงาน
 
1 พ.ค. 56 - เนื่องในโอกาสที่วันนี้เป็นวันแรงงาน ผู้นำมาเลเซียหาเสียงโดยให้คำมั่นว่าจะเพิ่มคุณภาพชีวิตของแรงงานให้ดีขึ้น หากพรรครัฐบาลชนะการเลือกตั้ง 
 
นายกรัฐมนตรีนาจิ๊บ ราซัค กล่าวว่า พรรคบาริซาน นาเซียนัล จะสร้างหลักประกันที่จะทำให้ทุกคนมีงานทำและสามารถเข้าถึงการฝึกอบรมเสริมทักษะอาชีพเพื่อให้มีโอกาสที่จะมีรายได้สูงขึ้น นอกจากนี้จะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีเพื่อให้แรงงานและครอบครัวมีชีวิตที่มีความสุข เขาบอกด้วยว่า แรงงานชาวมาเลเซีย 13 ล้านคนมีเหตุผลมากมายที่จะดีใจที่ประเทศมีอัตราว่างงานประจำเดือนม.ค.ปีนี้เพียง 3.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับในชาติยุโรป เช่น สเปนที่มีอัตราสูงถึง 26.2% 
 
นอกจากนี้เขาบยอกด้วยว่า ค่าครองชีพยังอยู่ในระดับควบคุมได้โดยอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนม.ค.ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ 1.3% อัตราคนยากจนลดลงเหลือ 1.7% และรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็น 29,000 ริงกิตเมื่อปีที่แล้วหรือกว่า 275,000 บาท ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความพยายามของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับประโยชน์สุขของประชาชนเป็นอันดับแรก และรัฐบาลจะยังสานต่องานอีก 5 ปีข้างหน้าหากชนะเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนาจิ๊บกล่าวแสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลจะชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 หากไม่มีความขัดแย้งภายในพรรค ขณะที่บรรยากาศเลือกตั้งเริ่มคึกคักขึ้นแล้วโดยเปิดให้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวาน และเป็นครั้งแรกที่ทหารและตำรวจพร้อมด้วยคู่สมรสได้มีสิทธิลงคะแนนเสียงล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้สิทธิล่วงหน้าเช่นกัน
 
 
ชาวกรีกประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจเนื่องในวันแรงงาน
 
1 พ.ค. 56 - กรีซระงับการให้บริการเรือข้ามฟากไปยังเกาะต่าง ๆ รวมทั้งบริการขนส่งสาธารณอื่น ๆ ในกรุงเอเธนส์วันนี้ ก่อนที่ประชาชนจะจัดชุมนุมประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเนื่องในวันแรงงาน 1 พฤษภาคม
 
ขณะที่เรือข้ามฟากมีกำหนดหยุดบริการทั้งวันในวันนี้ เนื่องจากสมาชิกสหภาพแรงงานในธุรกิจบริการเรือข้ามฟากเข้าร่วมในการประท้วงใหญ่ซึ่งจัดโดยสหภาพ 2 แห่งหลักของกรีซ  บริการขนส่งสาธารณะในกรุงเอเธนส์กลับสู่สภาพปกติเมื่อช่วงเช้าหลังจากยุติการให้บริการรถไฟฟ้าและรถโดยสารในช่วงสั้น ๆ ไปก่อนแล้ว ขณะที่ร้านค้าหลายแห่งยังคงเปิดให้บริการ
 
 
กลุ่มนักเคลื่อนไหวเดินขบวนหลายเมืองในวันแรงงานสหรัฐ
 
1 พ.ค. 56 - เนื่องในวันแรงงาน สมาชิกสหภาพแรงงานและกลุ่มนักเคลื่อนไหวจัดการเดินขบวนไปตามท้องถนนสายต่าง ๆ หลายเมืองในสหรัฐ
 
บรรยากาศวันแรงงานที่นครซานฟรานซิสโก แรงงานอพยพและบรรดาผู้สนับสนุนเคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้าศาลากลางพร้อมเรียกร้องให้มีการยกเครื่องกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานอพยพในสหรัฐ กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้เรียกร้องขอความเสมอภาคทางสังคมและการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติไหน
 
ขณะที่ในนครลอสแองเจลิส บรรยากาศการชุมนุมเนื่องในวันแรงงาน เต็มไปด้วยสีสันของการเต้นรำ ผู้ชุมนุมราว 2,000 คน เรียกร้องให้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งแก้ปฎิรูปกฎหมายแรงงานอพยพ
 
ส่วนการชุมนุมเนื่องในวันแรงงานที่นครนิวยอร์ค บรรยากาศการชุมนุมส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ มีเพียงผู้ชุมนุมบางคนเท่านั้นที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไป
 
 
พักงาน! นักบินแอบหลับ ให้แอร์คุมห้องนักบิน
 
4 พ.ค. 56 - สายการบินแอร์อินเดีย สายการบินแห่งชาติของอินเดีย สั่งพักงานนักบิน นายบี.เค.โซนี,นายรวินธรา นาธ นักบินผู้ช่วย,น.ส.กรรณิกา กาลา  และ น.ส.เจ บัตต์ และพนักงานต้อนรับ อย่างไม่มีกำหนด ฐานร่วมกันละเลยหน้าที่ ด้วยการตั้งระบบออโต้ ไพล็อต หรือ ระบบการควบคุมอัตโนมัติ 
 
โดยนักบินแอบงีบในห้องโดยสารชั้นธุรกิจที่ไม่มีผู้โดยสาร ปล่อยให้พนักงานต้อนรับควบคุมห้องนักบิน ราว 4 ชั่วโมง แล้วเข้ามาดูความเรียบร้อยในห้องนักบินเป็นระยะ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 12 เม.ย. บนเที่ยวบินที่ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้ากรุงนิวเดลี โดยเครื่องบินแอร์บัส รุ่นเอ-320 บรรทุกผู้โดยสาร 166 คน
 
 
ตำรวจอินโดฯรวบเจ้าของโรงงานทรมานและบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส
 
5 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซีย จับกุมตัวนายยูกี อิราวัน เจ้าของโรงงาน พร้อมหัวหน้าคนงานอีก 4 คน ในข้อหาทรมานคนงาน และกักขังหน่วงเหนี่ยวพวกเขาอย่างผิดกฎหมาย โดยชินโต ซิลิตองกา หัวหน้าสอบสวน กล่าวว่า นายอิราวัน และพรรคพวกอีก 4 คนถูกกล่าวหาว่าทรมานและทำให้คนงาน 34 คนสูญเสียอิสรภาพ หลังจากเจ้าหน้าที่บุกจู่โจมบริษัทผลิตหม้ออะลูมิเนียมผิดกฎหมายในเมืองทังเกรัง นอกกรุงจาการ์ตา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
 
คนงานชาย ซึ่งรวมทั้งวัยรุ่นอายุ 17 ปี ถูกบังคับให้ทำงานอย่างน้อยวันละ 16 ชั่วโมง พร้อมอาหาร 2 มื้อต่อวัน และไม่จ่ายค่าจ้าง มานานตั้งแต่ 2 เดือนจนถึง 1 ปีครึ่ง คนงานเหล่านี้ ถูกทรมานร่างกายสารพัดวิธี ซึ่งรวมทั้งใช้บุหรี่จี้ตามตัว และราดด้วยน้ำร้อน หากพวกเขาไม่เชื่อฟัง ในคืนวันที่ ตำรวจบุกจู่โจมนั้น ทั้งหมดถูกล็อกอยู่ในห้องขนาด 8x6 เมตรและบังคับให้นอนบนพื้นคอนกรีตและเสื่อบาง ๆ และไม่มีทางหลบหนีด้วย
 
ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีความหวาดกลัวว่า การขึ้นค่าแรงจะกระตุ้นให้ธุรกิจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่นเวียดนาม แต่คนงานในโรงงานอินโดนีเซีย ก็ยังได้รับค่าแรงต่ำที่สุดในเอเชีย รายได้ต่ำกว่าคนงานในจีน หรืออินเดียด้วยซ้ำ
 
 
กู้ภัยซูดานยุติค้นหา ปล่อยคนงานเหมืองตายนับ 100
 
5 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 5 พ.ค. ว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือคนงาน หลังทางเดินภายในเหมืองทองคำ จีเบล อามีร์ พังถล่ม ถูกยกเลิกกลางคัน เนื่องจากมีความเสี่ยงและอันตรายมากเกินไป ส่งผลให้คนงานราว 100 ชีวิต ที่ติดค้างอยู่ลึก 40 เมตร อาจไม่รอดทั้งหมด 
 
เหมืองทองคำดังกล่าว อยู่ทางตอนเหนือของแคว้นดาฟูร์ ประเทศซูดาน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทีมกู้ภัย 9 นาย ที่ลงไปช่วยเหลือคนงาน ก็ติดค้างอยู่ใต้ดินเช่นกันและคาดว่าเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยกเลิกการค้นหา นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตด้วย 8 ศพ แต่ไม่ทราบว่าเป็นคนงานหรือทีมกู้ภัยในเบื้องต้น
 
อนึ่ง เมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา เกิดการต่อสู้รุนแรงระหว่างชนเผ่าอาหรับ เพื่อแย่งชิงการควบคุมดูแลเหมืองแห่งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน ประชาชนนับแสนต้องอพยพย้ายถิ่น ทางการจึงสั่งปิดเหมือง แต่อย่างไรก็ดี เหมืองดังกล่าวยังคนมีการใช้งานจนถึงทุนวันนี้.
 
 
คนงานท่าเรือสินค้าในฮ่องกงยุติหยุดงานประท้วงแล้ว หลังตกลงค่าแรงได้
 
7 พ.ค.56 คนงานท่าเรือสินค้าในฮ่องกงยุติหยุดงานประท้วงที่มีมานาน 40 วันแล้ว หลังสามารถตกลงเงื่อนไขขึ้นค่าแรงได้
 
คนงานประมาณ 450 คน ยอมรับเงื่อนไขที่ทางนายจ้างตกลงขึ้นค่าแรงร้อยละ 9.8 ได้แล้ว หลังตอนแรกเรียกร้องค่าแรงสูงกว่าร้อยละ 20 โดยผลการประท้วงส่งผลให้สินค้าที่โกดังเก็บของขนส่งล่าช้า
 
ประธานสหภาพ เปิดเผยว่า ข้อตกลงครั้งนี้ คือความสำเร็จ ไม่เพียงคนงานที่มาประท้วงจะได้ขึ้นค่าแรงเท่านั้น  แต่รวมไปถึงคนงานทุกคนด้วย โดยกลุ่มผู้ประท้วง สัญญาจะกลับมาทำงานโดยเร็ว หลังก่อนหน้านี้ มีการประท้วงหน้าสำนักงานใหญ่ของนายลี กา-ชิง ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองฮ่องกง เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน
 
ด้าน ฮัทชินสัน บริษัทท่าเรือ ที่เจ้าของเป็น นายลี กา-ชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง และรวยที่สุดในเอเชียระบุว่า ท่าเรือจะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง เร็วๆนี้ เนื่องจากเมื่อเดือนก่อน การหยุดงานประท้วงส่งผลให้เรือขนส่งสินค้าไปใช้ท่าเรือคู่แข่ง 
 
ขณะที่ สมาคมการค้าฮ่องกง ประเมินว่า การหยุดงานดังกล่าวส่งผลให้มีตู้สินค้าตกค้างประมาณ 80,000-90,000 ตู้
 
สำหรับฮ่องกงเป็นท่าเรือพักสินค้าขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ต่อจากนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน และสิงคโปร์ ตามลำดับ
 
 
พนักงานสหภาพยุโรปนัดหยุดงานประท้วง หลังมีข้อเสนอลดเงินเดือน เพื่อรัดเข็มขัด
 
7 พ.ค. 56 - พนักงานประจำกว่า 3,500 คน ที่ทำงานให้กับสภาแห่งสหภาพยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมใจกันหยุดงานเมื่อวันที่ 7 พ.ค. เพื่อประท้วงข้อเสนอรัดเข็มขัดทางการเงินของยุโรป ที่รวมถึงการลดรายจ่ายพนักงานอียูมูลค่ากว่า 7,000 ล้านยูโร (ราว 2.8 แสนหมื่นบาท) 
 
สหภาพแรงงานระบุว่า พนักงานจะมีอำนาจซื้อลดลง 60% ในอีก 15 ปีข้างหน้า หากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในตอนนี้
 
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอัตราเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ ของพนักงานของอียูกว่า 5.5 หมื่นคน เป็นหัวข้อที่ได้รับการถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดย ได เวลท์ หนังสือพิมพ์เยอรมนี รายงานว่า มีพนักงานสหภาพยุโรปกว่า 4,365 คน ในปีนี้ที่มีรายรับมากกว่านายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่มีรายได้ 2.1 หมื่นยูโร (ราว 8.4 แสนบาท) ต่อเดือน เสียอีก
 
อย่างไรก็ดี คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกมาปฏิเสธข้ออ้างดังกล่าว โดยอ้างว่าพนักงานประจำจะได้รับค่าจ้างราว 2,600 ยูโร (ราว 1 แสนบาท) ถึง 4,400 ยูโร (ราว 1.7แสนบาท) ต่อเดือน ส่วนผู้เชี่ยวชาญได้ค่าจ้างราว 4,400 ยูโร ถึง 1.84 หมื่นยูโรต่อเดือน โดยได้โบนัส 16% ของเงินเดือน และได้รับรายได้เพิ่มเติม 400 ยูโรต่อเดือน หากมีลูก 1 คน จนกว่าจะมีอายุครบ 26 ปี และยังได้รับค่าเล่าเรียนจากสหภาพยุโรปอีกด้วย
 
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปอยู่ในระหว่างการปฏิรูประบบฐานเงินเดือนของพนักงานภายใน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการลดค่าจ้าง 5% เพิ่มชั่วโมงการทำงานจาก 37.5 ชั่วโมง เป็น 40 ชั่วโมง และขยายอายุการเกษียณ จาก 63 ปี เป็น 65 ปี
 
 
คนงานสิ่งทอบังกลาเทศไม่พอใจเงินชดเชยเหตุตึกถล่ม
 
9 พ.ค. 56 - คนงานที่รอดชีวิตจากเหตุอาคารรานาพลาซาในบังกลาเทศพังถล่มวันที่ 24 เมษายน ไม่พอใจจำนวนเงินชดเชยที่ได้รับ เพราะไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายรักษาอาการบาดเจ็บและการว่างงานไม่มีรายได้
 
คนงานแม่ลูกสองวัย 30 ปี ที่เลี้ยงลูกคนเดียวและเป็น 1 ในคนงาน 3,000 คนที่ทำงานเป็นกะในอาคารรานาพลาซา ชานกรุงธากาเผยว่า ได้รับเงิน 8,500 ตากา (ราว 3,200 บาท) เป็นเงินชดเชยเหมาจ่ายจากสมาคมผู้ผลิตและส่งออกสิ่งทอบังกลาเทศ ทั้งที่เธอมีอาการปวดศีรษะไม่หาย เดินไม่สะดวกและไม่มีงานทำ ซ้ำยังไม่ได้รับเงินล่วงเวลาที่ทำในเดือนเมษายนทั้งหมด 150 ชั่วโมงแม้แต่ธากาเดียว คนงานวัย 25 ปีรายหนึ่งที่สูญเสียพี่น้องสองคนในเหตุดังกล่าวประกาศไม่ยอมรับเงินชดเชย 6,000 ธากา (ราว 2,400 บาท) เพราะไม่พอแม้แต่จะจ่ายค่ายารายเดือนที่เธอต้องกินบรรเทาอาการปวดศีรษะแทบแตก
 
ปกติแล้วคนงานสิ่งทอบังกลาเทศได้เงินเดือนไม่ถึง 3,200 ธากา (ราว 1,280 บาท) แต่เมื่อเกิดเหตุโรงงานสิ่งทอ 5 แห่งพังพร้อมกับอาคารดังกล่าว คนงานจำนวนมากจะยิ่งมีชีวิตลำบากขึ้นเมื่อใช้จ่ายเงินชดเชยจนหมด จำนวนเงินชดเชยของแต่ละคนแตกต่างกัน และบางส่วนขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ทำงาน ผู้นำสหภาพแรงงานระบุว่า เงินชดเชยทั้งต่ำและไม่เป็นธรรม ไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าผู้รอดชีวิตจำนวนมากทำงานมากกว่าสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง ด้านรองประธานสมาคมผู้ผลิตและส่งออกสิ่งทอบังกลาเทศยืนยันว่า เป็นการจ่ายเงินชดเชยตามมาตรฐานของกฎหมายแรงงาน คาดว่าจะต้องจ่ายให้คนงานหรือญาติผู้เสียชีวิตรวมประมาณ 3,400 คน.
 
 
บิลด์ แทบลอยด์เยอรมัน ปลดพนักงาน
 
12 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ว่า บิลด์ หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี อาจปลดพนักงานมากถึง 200 คน ขณะที่ สื่อสิ่งพิมพ์แห่งนี้ ต้องการประหยัดงบประมาณจำนวนประมาณ 20 ล้านยูโร หรือ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหนังสือพิมพ์เดอร์ สปีเกล รายสัปดาห์ รายงานอ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้หลายแห่งว่า อาเซล สปริงเกอร์ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของแทบลอยด์ชื่อดังเมืองเบียร์ กำลังพิจารณาที่จะปรับลดพนังงานลงระหว่าง 170-200 ตำแหน่งของหนังสือพิมพ์บิลด์ หนังสือพิมพ์รายวันที่มีผู้อ่านมากที่สุดในยุโรป
 
สปีเกล รายงานว่า อาเซล สปริงเกอร์ เชื่ออย่างชัดเจนว่า การลดพนักงานเป็นสิ่งจำเป็นในกิจกรรมหนังสือพิมพ์ของบริษัท และกำลังพิจารณาที่จะประหยัดงบประมาณให้ได้ทั้งสิ้น 20 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม อาเซล สปริงเกอร์ เคยระงับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างมูลค่า 50 ล้านยูโรมาแล้ว
 
ทั้งนี้ พนักงานที่หนังสือพิมพ์บิลด์, เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ และบี.แซด.แทบลอยด์ท้องถิ่นของเบอร์ลิน จะถูกย้ายไปยังบริษัทสาขา บิลด์ ดิจิทัล
 
 
ประกาศปิด โรงงานเสื้อผ้าบังกลาเทศ หลังคนงานประท้วงรุนแรงจากเหตุตึกโรงงานถล่ม
 
14 พ.ค. 56 - ประธานสมาคมสิ่งทอบังกลาเทศเปิดเผยว่า เจ้าของโรงงานประกาศปิดโรงงานชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย หลังจากคนงานเริ่มก่อเหตุรุนแรง ส่วนรัฐบาลเตรียมอนุญาตให้คนงานจัดตั้งสหภาพแรงงานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากนายจ้าง ท่ามกลางแรงกดดันที่ต้องการให้มีการปรับปรุงกฎหมายด้านสภาพการทำงาน
 
หน่วยกู้ภัยของบังกลาเทศประกาศยุติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคารรานา พลาซา ที่เมืองซาวาร์ ชานกรุงธากา ที่พังถล่มเมื่อวันที่ 24 เม.ย. หลังใช้เวลาทั้งสิ้น 20 วัน ในการขุดค้นหาผู้ที่อาจรอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร 8 ชั้น  ทั้งนี้ กองทัพบังกลาเทศเตรียมส่งมอบภารกิจต่อให้แก่ทางการท้องถิ่นในวันนี้ (14 พ.ค.) ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตศพสุดท้ายได้ถูกนำขึ้นมาจากใต้ซากเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ยอดจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 1,127 ราย
 
โดยเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปฏิบัติการค้นหา หน่วยกู้ภัยได้ยกเอาแผ่นซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ฐานรากของอาคารออกมา ทหารที่ถูกระดมกำลังมาช่วยรื้อถอนสิ่งปรักหักพังได้รับคำสั่งให้กลับสู่กรมกอง เช่นเดียวกับเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่ช่วยในการรื้อถอนหรือเคลื่อนย้าย ได้เคลื่อนออกไปจากบริเวณที่เกิดเหตุและมีการสร้างรั้วไม้ไผ่ล้อมรอบ พร้อมปักธงแดงไว้เป็นสัญลักษณ์ว่าห้ามเข้าไปในบริเวณดังกล่าว
 
นายโมฮัมหมัด อาติกูล อิสลาม ประธานสมาคมผู้ผลิตและส่งออกเสื้อผ้าบังกลาเทศ เปิดเผยว่า เจ้าของโรงงานหลายแห่งตัดสินใจปิดโรงงานเพื่อความปลอดภัย หลังจากคนงานก่อเหตุรุนแรงแทบทุกวันหลังเกิดเหตุตึกถล่ม โดยคนงานกว่าร้อยละ 80 ในเขตอาชูเลีย ก่อเหตุนัดหยุดงานเพื่อเรียกร้องขึ้นค่าจ้าง และเรียกร้องให้มีการประหารชีวิตเจ้าของอาคารรานา พลาซา
 
คนงานหลายหมื่นคนออกเดินประท้วงไปตามท้องถนน ทุบทำลายยานพาหนะและร้านค้าต่างๆ ก่อนที่จะถูกตำรวจจับกุมตัว ขณะที่รัฐบาลเห็นชอบอนุญาตให้คนงานจัดตั้งสหภาพแรงงานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากนายจ้าง ที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแรงงานฉบับปี 2006 นอกจากนั้น รัฐบาลยังตั้งคณะกรรมการเพื่อเป็นตัวแทนของสหภาพแรงงานและคนงาน เพื่อพิจารณาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า
 
ด้านบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของโลก 4 แห่ง อาทิ เอชแอนด์เอ็ม, ซีแอนด์เอ, ไพรมาร์ค และซารา เปิดเผยวานนี้ว่า จะให้การสนับสนุนข้อตกลงด้านความปลอดภัยของสถานประกอบการ ที่มีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือไอแอลโอเป็นแกนนำ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งจะเพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคาร การซ่อมแซมพื้นที่ และการยุติการทำธุรกิจกับบริษัทที่ปฏิเสธการปรับปรุงสภาพการทำงาน
 
 
ธนาคาร HSBC จ่อลอยแพพนักงานเพิ่มอีก 14,000 ตำแหน่ง
 
14 พ.ค. 56 - ธนาคารเอชเอสบีซี เผยเตรียมปรับลดพนักงานทั่วโลกเพิ่มเติมอีก 14,000 ตำแหน่ง ส่วนหนึ่งในแผนปฏิรูปเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเสริมกำไร
 
ด้วยมาตรการนี้ ธนาคารวางเป้าหมายประหยัดค่าใช้จ่ายอีก 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี หลังต้นทุนเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อการกำไรของบริษัทอย่างยิ่ง และแผนเลิกจ้างดังกล่าว เป็นผลให้ช่วง 3 ปีข้างหน้าหรือ 2016 เอชเอสบีซี จะเหลือพนักงานทั่วโลกราว 240,000 ถึง 250,000 ตำแหน่ง
 
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอชเอสบีซี เผยว่าได้ตัดลดค่าใช้จ่ายรายปีลง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับลดพนักงานไปแล้ว 46,000 ตำแหน่ง ภายใต้แผนปฏิรูปเดิม 3 ปี นับตั้งแต่นายสจ๊วร์ต กัลลิเวอร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอในปี 2011
 
ทั้งนี้นายกัลลิเวอร์ วางเป้าหมายปรับปรุงความกระฉับกระเฉงด้านปฏิบัติการต่างๆของธนาคาร ด้วยพุ่งเป้าไปที่ตลาดซึ่งกำลังขยายตัวสูงในเอเชีย ขณะที่แบงค์แห่งนี้ได้ปิดหรือขายกิจการไปแล้วกว่า 52 ธุรกิจ
 
 
พนักงานสายการบินตุรกีแอร์ไลน์สผละงานประท้วง
 
15 พ.ค.56 - พนักงานของสายการบินตุรกี แอร์ไลน์ส 14,000 คน นัดกันผละงานประท้วงในวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้บริษัทรับเพื่อนพนักงานกว่า 300 คนกลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม หลังจากพวกเขาถูกปลดเมื่อปีที่แล้ว ฐานจัดการประท้วงในลักษณะเดียวกันนี้ พนักงานพวกนี้ยังเรียกร้องขอขึ้นเงินเดือน และปรับปรุงสภาพการทำงานให้ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ พนักงานของตุรกี แอร์ไลน์ส มีประมาณ 16,000 คน เมื่อเดือนมิถุนายน 2555 ตุรกี แอร์ไลน์ส ปลดพนักงาน 305 คนฐานผละงานประท้วงหลายวัน
 
แม้ว่าจะมีการเจรจากันหลายเดือน แต่ตัวแทนของสหภาพแรงงานและเจ้าหน้าที่ของสายการบิน ก็ไม่สามารถลงนามในข้อตกลงแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็นทีวี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายฮัมดี ท็อปคู ประธานบริหารของสายการบิน กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายมารองรับสำหรับการประท้วงครั้งนี้ เราจะไม่กดดันพนักงานที่ต้องการเคารพข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน แต่เขาคิดเป็นการส่วนตัวว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ สายการบินทั้งหมดจะต้องขึ้นบินโดยไร้ปัญหา
 
ขณะที่ นายเมเหม็ต ซิมเซค รัฐมนตรีคลังแดนไก่งวง ก็กล่าวว่า เราจะไม่อนุญาตให้การบริการของสายการบินตุรกีแอร์ไลน์ส ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนฤดูการท่องเที่ยว
 
 
โรงงานรองเท้า 'กัมพูชา' ถล่ม มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 11 ราย
 
16 พ.ค. 56 - เหตุการณ์ชั้นลอยโรงงานผลิตรองเท้าในกัมพูชาถล่ม เมื่อเช้าวันนี้ ได้มีการปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็น 2 คน นำมาซึ่งความวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน หลังเกิดเหตุอาคารโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปทรุดและพังถล่มในบังคลาเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว
                        
เจ้าหน้าที่กู้ภัยในท้องถิ่น ภายใต้การสนับสนุนจากทหาร ได้ค้นหาคนที่ติดอยู่ใต้ซากคอนกรีตที่ถล่มลงมา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นชั้นลอยที่สร้างเอาไว้ผลิตรองเท้าผ้าใบ / ตำรวจในจังหวัดกำปง สปือ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 11 คน บางคนอาการสาหัส และการกู้ภัยได้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน ส่วนคนงานที่เสียชีวิตเป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน
                        
บริเวณชั้นลอยที่ถล่มลงมา ถูกใช้ในการเก็บเครื่องมือและวัตถุดิบในการผลิตรองเท้าด้วย ซึ่งเชื่อว่า ได้ถล่มลงมาเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว อันเนื่องมาจากโครงสร้างที่ไม่แข็งแรง ตัวแทนของสหภาพการค้ากัมพูชา ซึ่งเป็นตัวแทนของแรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ระบุว่า บริษัทวิง สตาร์ ชูส์ เป็นของไต้หวัน และผลิตรองเท้ากีฬายี่ห้อ เอซิคส์ ให้กับญี่ปุ่น
                        
ตำรวจระบุว่า เจ้าของโรงงานได้ถูกสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า โรงงานแห่งนี้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างถูกต้องหรือไม่ และมีการก่อสร้างอย่างไร / คนงานหญิงคนหนึ่ง บอกว่า มีคนงานที่โรงงานแห่งนี้กว่า 100 คน แต่เธอไม่ทราบว่า มีคนงานเท่าใดในช่วงที่เกิดเหตุ
                        
นายรง ชุน ประธานสหภาพฯ ของกัมพูชา บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งสร้างความวิตกเพราะโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปในกัมพูชา ไม่ได้มาตรฐานสากลในด้านความปลอดภัย ไม่มีหลักประกันเกี่ยวกับคุณภาพของอาคาร และคนงานต่างทำงานในสภาพเสี่ยง
                        
ทั้งนี้กัมพูชาได้มีการลงทุนอย่างเร่งด่วนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปและรองเท้า เนื่องจากเป็นแหล่งแรงงานราคาถูกที่ดึดดูดนักลงทุนเอเชียและตะวันตก ทำให้อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปของกัมพูชา เป็นแหล่งจ้างงานที่ใหญ่ที่สุดและมีรายได้จากการส่งออกมากที่สุด และเชื่อว่า มีคนงานในอุตสาหกรรมแห่งนี้มากกว่า 5 แสนคน และเพิ่งจะมีการขึ้นค่าแรงจากเดือนละ 61 ดอลลาร์ หรือราว 1,800 บาท เป็น 75 ดอลลาร์ หรือราว 2,200 บาท ส่วนใหญ่ผลิตเสื้อผ้าส่งตลาดสหรัฐและยุโรป
                        
หนังสือพิมพ์พนมเปญ โพสต์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคมคนงานของโรงงานแห่งนี้ ได้นัดหยุดงานและกีดขวางถนนที่เป็นเส้นทางหลัก นานประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อประท้วงขอขึ้นค่าแรงและให้ปรับปรุงสภาพการทำงาน
                        
การประท้วงขอขึ้นค่าแรงและเรียกร้องให้ปรับปรุงสภาพการทำงาน เป็นเรื่องปกติในกัมพูชาซึ่งคล้ายคลึงกับบังกลาเทศ ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่ตั้งโรงงานผลิตเสื้อผ้าราคาถูกให้กับบรรดาผู้ค้าปลีกจำนวนมากของตะวันตก ซึ่งโศกนาฎกรรมที่เกิดกับโรงงานในบังคลาเทศหลายระลอกได้ดึงดูดความสนใจจากชาวโลก ในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยในประเทศที่อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปกำลังเบ่งบาน และได้ชื่อว่า เป็นแหล่งส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองรองจากจีน
                        
เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุอาคารที่เป็นที่ตั้งโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป เกิดการทรุดตัวและพังถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,100 คน ทำให้เกิดการรณรงค์ในประเทศตะวันตกเรียกร้องให้ปรับปรุงสภาพการทำงานในประเทศที่ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์เนมส่งให้ตะวันตก ซึ่งพบว่ามีบริษัทยุโรปมากกว่า 10 แห่ง รวมทั้ง ไพรมาร์ค และเทสโก ของอังกฤษ ได้ลงนามรับรองกฎใหม่ที่จะผูกมัดให้บรรดาโรงงานที่เป็นซัพพลายเออร์ ปรับปรุงสภาพการทำงาน แต่บริษัทของสหรัฐ เช่น แกปและวอลมาร์ท ไม่ได้เข้าร่วมด้วย
 
 
สั่งหยุดงานเหมืองอินโดนีเซียหลังอุโมงค์ถล่ม
 
16 พ.ค. 56 - บริษัทเหมืองแร่ของสหรัฐตัดสินใจระงับการดำเนินงานของเหมืองทองแดงในอินโดนีเซีย หลังเกิดเหตุอุโมงค์พังถล่มเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คนงานเสียชีวิตไป 4 คน
 
บริษัท ฟรีพอร์ท อินโดนีเซียซึ่งเป็นบริษัทสาขาของฟรีพอร์ท-แม็คโมแรน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์  ของสหรัฐ ตัดสินใจระงับการดำเนินงานของเหมืองแกรสเบิร์กในจังหวัดปาปัวตะวันตก ซึ่งเป็นเหมืองทองแดงใหญ่อันดับ 2 ของโลก หลังเกิดเหตุอุโมงค์ใต้ดินใกล้กับเหมืองพังถล่มลงมาเมื่อวันอังคาร เป็นเหตุให้คนงานเสียชีวิตไป 4 คน และยังมีผู้ที่ติดอยู่ในเหมืองอีก 25 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ จุดที่เกิดเหตุอุโมงค์ถล่มอยู่นอกเขตตัวเหมือง ห่างจากทางเข้าเหมืองราว 500 เมตร ซึ่งขณะที่เกิดเหตุมีคนงานกำลังรับการฝึกอบรมในบริเวณดังกล่าว 39 คน สำหรับผู้รอดชีวิตทั้ง 10 คน ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บในโรงพยาบาล
 
 
รอยัล แบงค์ ออฟ สก๊อตแลนด์ จะปลดพนักงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
 
17 พ.ค. 56 - ซีอีโอของธนาคารอาร์บีเอส ออกแถลงการณ์ ปลดพนักงาน จำนวน 1,400 ตำแหน่ง เพื่อเป็นการปรับโครงสร้าง การปฎิบัติงานภาย ในสำนักงานใหญ่ ภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ โดยได้แสดงความเสียใจ และว่าจะว่าจ้างพนักงานที่ปลดออกไปอีกครั้ง หากมีโอกาส
 
ก่อนหน้านี้ ธนาคารอาร์บีเอส ได้ปลดพนักงาน ออกไปแล้วกว่า 35,000 ตำแหน่ง นับตั้งแต่ ธนาคารต้องมาตรการรัดเข้มขัด และรับความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากรัฐบาลอังกฤษ ในช่วงที่สก็อตแลนด์ ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ หลังจากที่ข่าวการปลดพนักงานของธนาคารอาร์บีเอสออกมา ทำให้หุ้นของธนาคาร ในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 3.35
 
ขณะที่ยูไนท์ ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดในอังกฤษ วิพากษ์วิจารณ์การปลดพนักงานของธนาคารอาร์บีเอสว่า เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและว่าจะส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการให้บริการแก่ลูกค้าของธนาคารอีกด้วย
 
 
โรงงานสิ่งทอในบังกลาเทศเปิดทำการอีกครั้ง
 
17 พ.ค. 56 - โรงงานสิ่งทอหลายร้อยแห่งในแหล่งผลิตสินค้าของบังกลาเทศเริ่มเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้ หลังจากถูกสั่งปิดไปเนื่องจากเหตุความไม่สงบซึ่งปะทุขึ้นสืบเนื่องจากเหตุการณ์ตึกถล่มครั้งใหญ่เมื่อเดือนที่ผ่านมา   
 
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกสิ่งทอของบังกลาเทศ (บีจีเอ็มอีเอ) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ผลิตสิ่งทอ 4,500 รายทั่วประเทศ ได้สั่งปิดโรงงานในเขตอุตสาหกรรมอาชูเลีย ชานกรุงธากา หลังจากคนงานหลายหมื่นคนต่างพากันออกมาประท้วงเรียกร้องให้ประหารชีวิตเจ้าของอาคารรานา พลาซ่า ที่พังถล่มลงมาและปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้พวกเขา  แต่บีจีเอ็มอีเอได้ตัดสินใจให้เปิดทำการโรงงานเหล่านี้อีกครั้ง หลังจากรัฐบาลออกมาให้ความมั่นในว่าโรงงานของพวกเขาได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยระดับสูงสุด
 
นายชาฮิดุลเลาะห์ อาซิม รองประธานบีจีเอ็มอีเอ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการประท้วงหรือเหตุรุนแรง แม้ว่าจะมีแรงงานเพียงราวร้อยละ 60-70 เข้ามาทำงานในโรงงงานวันนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งโดยปกติจะเป็นวันหยุดในบังกลาเทศ  ด้านผู้บัญชาการตำรวจในเขตอาชูเลียก็กล่าวเช่นกันว่า ยังไม่มีรายงานการประท้วง หรือเหตุรุนแรงใด ๆ หลังจากโรงงานเปิดทำการอีกครั้ง และตำรวจก็ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดเหตุรุนแรงและมีการนำรถหุ้มเกราะกันกระสุนมาจอดไว้ในเขตอาชูเลียด้วย
 
 
คนงานฟ็อกซ์คอนในจีนโดดตึกฆ่าตัวตาย 3 รายซ้อน
 
18 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ว่า กลุ่มสิทธิแรงงาน เปิดเผยวันนี้ว่า มีคนงานของบริษัทฟ็อกซ์คอน 3 คน ฆ่าตัวตายที่โรงงานแห่งหนึ่งในจีน ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้ง 3 คนกระโดดจากอาคารโรงงานลงมาเสียชีวิตในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ภาคกลางของจีน ซึ่งโรงงานดังกล่าวบริหารงานโดยบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของไต้หวัน
 
รายงานข่าวระบุว่า ชายแต่งงานแล้ววัย 30 ปี ฆ่าตัวตายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากมีเหตุฆ่าตัวตายลักษณะเดียวกันของหญิงสาววัย 23 ปีเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา และชายวัย 24 ปี เมื่อ 3 วันก่อนหน้า กลุ่มสิทธิมนุษยชนแรงงานจีน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในนิวยอร์ก ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า เหตุผลของการกระโดดตึกฆ่าตัวตายนี้ ยังไม่ชัดเจน
 
บริษัทฟ็อกซ์คอน ซึ่งผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนป้อนให้บริษัทโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ทั้งแอปเปิล โซนี และโนเกีย ถูกจับตามองอย่างหนัก หลังจากมีเหตุการณ์ฆ่าตัวตายและการก่อความวุ่นวายของแรงงาน ที่โรงงานในจีนตั้งแต่ปี 2553 โดยในปีดังกล่าว มีคนงานอย่างน้อย 13 คนของฟ็อกซ์คอนในจีน เสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งนักเคลื่อนไหวระบุว่า เกิดจากสภาพการทำงานที่ตึงเครียด กระตุ้นให้มีเสียงเรียกร้องให้มีการปรับปรุงสภาพการทำงานและดูแลคนงานให้ดีขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ฟ็อกซ์คอนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ทางบริษัทก็ได้ขึ้นค่าแรงเกือบร้อยละ 70 ในโรงงานที่จีนเมื่อปี 2553
 
 
เหมืองทองแดงอินโดฯถล่มคนงานดับ 14 ศพ
 
20 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองทิมิกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ว่า หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียพบผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ศพ จากเหตุเหมืองทองแดงทางตะวันออกของประเทศถล่มลงมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
 
พันตำรวจโท เกเด สุเมอร์ตา จายา จากสำนักงานตำรวจจังหวัดปาปัว กล่าวว่า เหมืองทองแดง "เดอะ พีที ฟรีพอร์ต อินโดนีเซีย" พังถล่มลงมาเมื่อวันอังคารที่ 14 พ.ค. ฝังกลบคนงานทั้งเป็น 38 คน ในจำนวนนี้ 10 คน สามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ แต่ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่เบื้องล่างเป็นไปอย่างยากลำบาก ด้วยอุปสรรคจากสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยโขดหิน ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถกู้ศพออกมาได้เพียง 9 ศพเท่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ศพ แต่ประเมินว่า คนงานที่ยังติดอยู่เบื้องล่างอีก 14 คน อาจเสียชีวิตแล้วทั้งหมด เนื่องจากขาดทั้งอาหารและน้ำมาเกือบ 7 วันเต็ม ทว่าจะเดินหน้าค้นหาต่อไปจนกว่าจะพบผู้สูญหายครบทั้งหมด ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม
 
ด้านนายริชาร์ด แอ็ดเคอร์สัน ประธานบริษัทฟรีพอร์ต แมคโมแรน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองทองแดงที่เกิดเหตุ ประกาศจะให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทุกคนอย่างเต็มที่ ขณะที่ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ผู้นำอินโดนีเซีย มีคำสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ รวมถึงผู้บริหารบริษัทเหมืองทองแดงดังกล่าว เร่งสืบสวนหาสาเหตุและส่งรายงานโดยตรงมายังทำเนียบประธานาธิบดีด้วย
 
 
ชาวชิคาโก้ประท้วงแผนปิดโรงเรียน 54 แห่งเพื่อประหยัดงบ
 
20 พ.ค. 56 - ผู้ปกครอง นักเรียน และครู หลายร้อยคนในเมืองชิคาโก้ของสหรัฐ เดินขบวนประท้วงเป็นวันที่สองเมื่อวานเพื่อคัดค้านแผนการปิดโรงเรียน 54 แห่งเพื่อประหยัดงบประมาณ หลังประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณมหาศาล
 
คณะกรรมการบริหารการศึกษาเมืองชิคาโก้จะตัดสินใจในวันพุธนี้ว่าจะปิดโรงเรียน 54 แห่งหรือไม่ แต่บรรดาผู้ปกครอง นักเรียน และครูเริ่มชุมนุมประท้วงเป็นเวลา 3 วันตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านแผนการปิดโรงเรียนที่จะส่งผลกระทบต่อนักเรียนอย่างน้อย 50,000 คนในโรงเรียนประถม 53 แห่ง และโรงเรียนมัธยมอีก 1 แห่งในเขตเซาท์ไซด์สและเวสต์ไซด์ส
 
เมื่อวานนี้ผู้ประท้วงราว 150 คนเดินขบวนจากโรงเรียนประถมพาร์คแมน ไปยังโรงเรียนมัธยมไดเอ็ท และผ่านโรงเรียนประถมโอเวอร์ตัน หนึ่งในโรงเรียนซึ่งถูกสั่งปิด และอยู่ห่างไม่กี่ช่วงถนนจากสถานที่เกิดเหตุยิงกันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ปกครองบอกว่า หากปิดโรงเรียน เด็กๆที่ต้องย้ายที่เรียน ก็จะต้องเดินผ่านเส้นทางอันตรายเพื่อไปโรงเรียนทุกวัน ผู้ประท้วงถือป้ายที่มีข้อความสนับสนุนโรงเรียนของเรา อย่าปิดโรงเรียน
 
จิทู บราวน์ ผู้ปกครองซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการชุมนุมครั้งนี้บอกว่า ไม่มีทางที่โรงเรียนของรัฐจะดูแลความปลอดภัยของนักเรียนได้ถ้าต้องเดินทางผ่านเขตที่อันตรายแบบนั้น 
 
นอกจากนี้ระหว่างทางที่เดินขบวนนั้น ผู้ขับขี่รถยนต์หลายคันต่างบีบแตรสนับสนุนด้วย และในวันจันทร์นี้ ผู้ชุมนุมจะจบการประท้วงด้วยการเดินขบวนที่ดาลีย์ พลาซ่า ช่วงเวลา 16.30 น. นอกจากนี้สหภาพครูจะยื่นฟ้องต่อศาลในสัปดาห์นี้เพื่อคัดค้านการปิดโรงเรียนด้วย
 
 
ชาวฟิลิปปินส์ประท้วงไต้หวันทำร้ายแรงงานฟิลิปปินส์
 
22 พ.ค. 56 - แรงงานชาวฟิลิปปินส์เดินขบวนประท้วงไต้หวัน เพื่อต่อต้านการทำร้ายชาวฟิลิปปินส์ในไต้หวัน ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายกำลังตึงเครียด
 
กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านแรงงานชาวฟิลิปปินส์ราว 50 คน รวมตัวชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตไต้หวันในกรุงมะนิลา หลังมีรายงานว่า แรงงานชาวฟิลิปปินส์ในไต้หวันถูกทำร้ายหลายคน ภายหลังจากเกิดเหตุชาวประมงไต้หวันถูกหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา โฆษกของพรรคแรงงาน กล่าวว่า คนงานชาวฟิลิปปินส์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และว่า แรงงานอพยพทั่วโลกจะต้องได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายระหว่างประเทศ
 
อย่างไรก็ดี ทางการฟิลิปปินส์ได้ร้องขอให้ไต้หวันดูแลความปลอดภัยของชาวฟิลิปปินส์กว่า 85,000 คน ที่ทำงานในไต้หวัน ซึ่งประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ของไต้หวัน เรียกร้องให้อยู่ในความสงบ และรับปากจะดูแลให้
 
 
ตำรวจกัมพูชาปะทะคนงานโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เจ็บ 23 คน
 
27 พ.ค. 56 - คนงานและผู้แทนสหภาพแรงงานกัมพูชา เปิดเผยว่า มีคนงานบาดเจ็บอย่างน้อย 23 คน ในวันนี้ หลังจากตำรวจใช้กระบองไฟฟ้าเข้าสลาย เพื่อยุติการประท้วงเรื่องค่าจ้างที่โรงงานแห่งหนึ่งที่ตัดเย็บเสื้อผ้าให้แก่บริษัทไนกี้ของสหรัฐ
 
ตำรวจพร้อมด้วยอุปกรณ์ปราบจลาจลถูกส่งไปสลายการชุมนุมของคนงานราว 3,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และปิดขวางถนนด้านนอกโรงงาน ซึ่งเป็นของบริษัท ซาบรีนา (กัมพูชา) การ์เมนต์ แมนูแฟคเจอริ่ง ในจังหวัดกำปงสปือ ทางตะวันตกของกรุงพนมเปญ ประธานกลุ่มสหภาพแรงงานของบริษัท ซาบรีนาฯ กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บมีทั้งผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน และแท้งลูกหลังจากถูกผลักล้มลงบนพื้น คนงานเริ่มประท้วงตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้มีการจ่ายเงินเพิ่มให้แก่พวกเขาอีกเดือนละ 14 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นค่าเดินทาง ค่าเช่า และค่ารักษาพยาบาล
 
 
คนงานเหมืองในอินโดนีเซียที่เกิดอุบัติเหตุยังไม่ยอมกลับเข้าทำงาน
 
31 พ.ค. 56 - สหภาพแรงงานแถลงวันนี้ว่า พนักงานหลายพันคนที่เหมืองของบริษัทสหรัฐทางตะวันออกของอินโดนีเซียยังไม่ยอมกลับเข้าทำงานจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้นในเหมืองเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา
 
บริษัทฟรีพอร์ต-แมคมอแรน เริ่มดำเนินงานบางส่วนที่เหมืองทองคำและทองแดงกลาสเบิร์กในจังหวัดปาปัวตั้งแต่วันอังคาร ภายหลังต้องปิดเหมืองนานเกือบ 2 สัปดาห์ จากเหตุผนังด้านบนอุโมงค์ถล่ม ทำให้คนงานเสียชีวิต 28 คน และช่วยเหลือออกมาได้ 10 คน
 
อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานซึ่งมีตัวแทน 18,000 คน จากพนักงานกว่า 24,000 คน ในเหมืองแถลงว่า พนักงานจะไม่กลับเข้าทำงานจนกว่าจะเสร็จสิ้นการสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งหน่วยงานภาครัฐบาลและบริษัทต่างมีการสอบสวนอุบัติเหตุดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงสาเหตุอุโมงค์ถล่มเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ในช่วงที่พนักงาน 38 คน กำลังฝึกอบรมด้านความปลอดภัยอยู่ในชั้นใต้ดิน คาดว่ากระบวนการสอบสวนจะกินเวลาประมาณ 1-2 เดือน
 
พานาโซนิคประกาศโล๊ะพนักงาน 5 พันตำแหน่ง-หลังขาดทุนกว่า 7 พันล้าน
 
31 พ.ค. 56 - บริษัท พานาโซนิค ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น ประกาศลดกำลังคนงานที่ผลิตสินค้าหลายรายการ ตั้งแต่ชิปความจำไปจนถึงระบบนำทางในรถยนต์ราว 5,000 ตำแหน่ง จากพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ราว 111,000 ตำแหน่ง ภายใน 3 ปี ในฝ่ายธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม หลังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักบวกกับการแข่งขันสูงขึ้นทำให้รายได้ลดลงอย่างต่อเนื่องนับจากพานาโซนิคเผยยอดขาดทุนสุทธิ 754,250 ล้านเยน (225,000 ล้านบาท) ในปีการเงินที่นับจนถึงเดือนมีนาคม 2556
 
'แอปเปิล' เลิกจ้าง 'ฟ็อกซ์คอนน์' หันหน้าซบพันธมิตรรายใหม่
 
31 พ.ค. 56 - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 31 พ.ค. หลังจากมีข่าวว่าโรงงาน ฟ็อกซ์คอนน์ ผู้ผลิตและประกอบสินค้าให้กับ แอปเปิล บริษัทไอทีรายใหญ่ของโลกสัญชาติสหรัฐฯ ต้องการยุติการทำธุรกิจด้วย ล่าสุด แอปแปิล เป็นฝ่ายเพิกถอนการว่าจ้างกับ ฟ็อกซ์คอนน์ ก่อน โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับปัญหาของโรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน 
 
ทั้งนี้ แอปเปิล หันหน้าไปเกี่ยวก้อยกับบริษัท เพกาทรอน เทคโนโลยีแทน ซึ่งวอลสตรีทเจอร์นัล ระบุว่า เพกาทรอนและได้เริ่มสายการผลิต  iPad Mini และ iPhone รุ่นใหม่ไปแล้ว และอาจรวมถึง iPhone ราคาประหยัด ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปลายปีนี้ด้วย นอกจากนี้สื่อยังรายงานด้วยว่า แอปเปิล และ ฟ็อกซ์คอนน์ เป็นคู่ค้ากันมาต่อเนื่องยาวนาน แต่เหตุบกพร่องเกี่ยวกับการผลิต iPhone 5 ทำให้ แอปเปิล ตัดสินใจเปิดใจรับพันธมิตรรายใหม่
 
อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์มองด้วยว่า ค่าแรงของฟ็อกซ์คอนน์นั้นปรับสูงขึ้น เพื่อพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตและการทำงาน ขณะที่เพกาทรอน ยังคงยอมรับผลกำไรที่น้อยกว่าได้ นอกจากนี้ ฟ็อกซ์คอนน์ ยังแอบรำคาญ แอปเปิล อยู่เนืองๆ ด้วย อย่างเช่นการเปลี่ยนชิ้นส่วนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า และไม่ปลื้มความจุกจิกยุ่งยากของผลิตภัณฑ์แอปเปิล เป็นต้น.
 
 
ที่มาเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, ASTV ผู้จัดการออนไลน์, ประชาไท, สำนักข่าวไทย, สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, ไอเอ็นเอ็น, ครอบครัวข่าว, คมชัดลึก
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ: เอาทักษิณกลับบ้าน

Posted: 01 Jun 2013 01:25 AM PDT

 
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้แถลงที่สนามทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุดรธานี อธิบายอย่างชัดเจนว่า สาเหตุสำคัญในการเสนอมพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ ก็เพื่อที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย และยังแสดงการคาดหมายว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับบ้านก่อนปีใหม่อย่างแน่นอน ประเด็นอยู่ที่ว่า การนำเอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย คงไม่ใช่เรื่องที่ผิด และเป็นสิ่งที่สมควรด้วยซ้ำ แต่ต้องไม่แลกเปลี่ยนกับการนิรโทษให้กับกลุ่มฆาตกรที่สังหารประชาชน
 
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกโค่นอำนาจโดยการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ ในระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลี้ภัยครั้งแรก จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ พ.ต.ท.ทักษิณได้กลับมาประเทศไทย ในสมัยที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องลี้ภัยจากประเทศไทยอีกครั้งตั้งแต่วันที่ ๑๑ สิงหาคม ปีเดียวกัน เพราะถูกศาลตัดสินคดี มาจนถึงขณะนี้ มีคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยังค้างอยู่ทั้งสิ้น ๙ คดี แต่เป็นคดีที่ศาลตัดสินแล้ว ๕ คดี นอกนั้นยังอยู่ในชั้นศาล
 
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องอธิบายว่า คดีทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินคดีที่มาจากกระบวนการอันไม่ชอบธรรม และเป็นผลพวงรัฐประหารทั้งสิ้น เพราะหลังจากการยึดอำนาจ คณะรัฐประหารได้ออกประกาศคณะ คปค. ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ ให้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อมุ่งที่จะสอบสวนความผิดในการดำเนินงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี คณะกรรมชุดนี้มีระยะเวลาการทำงานจนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ ปัญหาแรกสุด คือ ตัวบุคคลในคณะ คตส.ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายรัฐประหาร ล้วนแต่มิได้เป็นคนที่ใจเป็นกลาง แต่เป็นพวกอคติและเป็นศัตรูของ พ.ต.ท.ทักษิณแทบทั้งสิ้น ความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณจึงถูกตั้งไว้ล่วงหน้า
 
ถึงกระนั้น คณะกรรมการชุดนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จเลยในการพิสูจน์ให้ประชาชนทั่วไปเห็นว่า มีการทุจริตคอรับชั่นอย่างมโหฬารในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะไม่สามารถที่จะหาหลักฐานความผิดที่เป็นจริงมาแสดงต่อสาธารณชน นอกจากนี้ การดำเนินคดีที่เกิดขึ้นก็ขัดหลักการยุติธรรมที่ควรจะเป็น กล่าวคือ การดำเนินคดีโดยทั่วไปจะถือหลักการแยกผู้สอบสวนกับผู้พิจารณาสั่งฟ้อง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหา ดังนั้นในคดีทั่วไป ตำรวจเป็นผู้สอบสวน แต่จะไม่มีอำนาจในการยื่นฟ้อง ต้องเสนอให้อัยการเป็นผู้พิจารณาฟ้อง แต่ในกรณีนี้ คตส.เป็นผู้สอบสวนและยื่นฟ้องต่อศาลเองเสีย ๔ คดี และยื่นต่ออัยการสูงสุดให้พิจารณาฟ้อง ๗ คดี แต่ศาลไทยก็ยังอุตส่าห์รับฟ้องทุกคดี
 
คดีสำคัญที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลตัดสินลงโทษจนต้องหนีไปต่างประเทศนั้นคือ คดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ ๑ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตรเป็นจำเลยที่ ๒ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  โดยคดีนี้เริ่มจาก เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖ คุณหญิงพจมานได้ทำการประมูลซื้อที่ดินริมถนนเทียมร่วมมิตร ย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เนื้อที่ประมาณ ๓๓ ไร่ ด้วยราคา ๗๗๒ ล้านบาท จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร่วมลงนามยินยอมในฐานะคู่สมรส ปรากฏว่าศาลตัดสินว่า การซื้อที่ดินนั้นถือเป็นถือโมฆะให้คุณหญิงพจมานคืนที่ดิน และให้กองทุนคืนเงินแก่คุณหญิงพจมานพร้อมดอกเบี้ย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณแต่เพียงผู้เดียวที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิดต้องโทษจำคุก ๒ ปี คำตัดสินของศาลในกรณีนี้จึงไม่อาจหาเหตุผลรองรับได้ และเรื่องนี้ก็ไม่สามารถเป็นข้อพิสูจน์ถึงการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ
 
ต่อมา ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๓ องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอให้ยึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตน อันมีผลทำให้มูลค่าหุ้นของ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น สูงขึ้น จึงให้ยึดเงินค่าขายหุ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรวม ๔.๖ หมื่นล้านให้ตกเป็นของแผ่นดิน ปัญหาของคดีนี้คือ ศาลไม่อาจพิสูจน์ให้เห็นได้เลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้อำนาจหน้าที่ผิดอย่างไร ก็ในเมื่อสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ หุ้นก็ขึ้นทั่วทั้งตลาด
 
สำหรับ คดีเลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น มูลค่า ๓๗๘ ล้านบาท ซึ่ง คตส.ได้มอบหมายให้อัยการส่งฟ้อง คุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน โดยศาลอาญาได้พิพากษาให้จำคุกคุณหญิงพจมานและนายบรรณพจน์ คนละ ๓ ปี ส่วนนางกาญจนาภา ๒ ปี ปัญหาของคดีนี้ก็คือ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๐ ก่อน พ.ต.ท.ทักษิณตั้งพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ จึงไม่อาจโยงกับการทุจริตอันใดได้เลย ยิ่งกว่านั้น ศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องคดีนี้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔ และอัยการสูงสุดไม่ฏีกา
 
ส่วนคดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพารา ๙๐ ล้านต้น ที่มีการยื่นฟ้อง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ กับพวก รวม ๔๔ คน ศาลฎีกาให้ยกฟ้องจำเลยเนื่องจากพบว่าไม่ได้กระทำความผิด
 
คดีทุจริตโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ ๒ ตัว ๓ ตัว หรือเรียกกันว่า หวยบนดิน ซึ่ง คตส.ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งคณะและผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศาลฎีกาฯตัดสินให้จำคุกนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ๒ ปี นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลังและประธานคณะบอร์ดกองสลาก ๒ ปี และ นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีต ผอ.กองสลาก ๒ ปี แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสามไม่เคยทำผิดมาก่อน ให้รอลงอาญา สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษา จึงมีการออกหมายจับ ปัญหาของคดีนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน ก็คือไม่อาจจะอธิบายการทุจริตของคณะรัฐบาลได้เลย เพราะการออกหวยบนดินทำให้รัฐได้เงินเพิ่ม การลงโทษของศาลต่อจำเลย ๓ คนเป็นเพียงความผิดทางข้อกฎหมายเท่านั้น
 
ส่วนคดีอื่นที่ศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.ไว้ ก็เช่น ๑. คดีแจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จเพราะไม่ได้แจ้งการครอบครองหุ้นชินคอร์ปฯ ๖ ครั้ง ๒.คดีปล่อยเงินกู้รัฐบาลพม่า ๔,๐๐๐ ล้าน ๓. คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิตเพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปฯ ๔. คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทกฤษดามหานครทั้งหมดล้วนเป็นคดีที่หลักฐานอ่อน และไม่สามารถพิสูจน์การทุจริตหรือฉ้อโกงประเทศชาติของ พ.ต.ท.ทักษิณได้เลยแม้แต่คดีเดียว
 
จากตัวอย่างคดีเหล่านี้ จึงสรุปได้ว่า คดีทั้งหลายที่สอบสวนและดำเนินการโดย คตส.จึงเป็นเรื่องเหลวไหล และถือได้ว่าเป็นเรื่องใช้อำนาจศาลมากลั่นแกล้งทางการเมืองต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
 
เมื่อเป็นเช่นนี้ การนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านด้วยวิถีทางอันเหมาะสม รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรที่จะใช้การออกพระราชกำหนดล้มล้างผลพวงคณะรัฐประหาร โดยถือว่า คำสั่งคณะรัฐประหารทั้งหมดเป็นโมฆะ และปราศจากผล แล้วนำคดีทั้งหลายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาพิจารณาใหม่ ในกฎหมายปกติ ภายใต้กระบวนการอันโปร่งใส
 
เมื่อเป็นเช่นนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะกลับบ้านได้อย่างภาคภูมิ และไม่ต้องไปนิรโทษกรรมฆาตกร
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

“ครูนอกกระทรวง” สอนศิลปะ นอกหลักสูตรนักเรียนชายแดน ไทย-กัมพูชา

Posted: 01 Jun 2013 01:15 AM PDT

อาสาสมัคร "ครูนอกกระทรวง" สอนศิลปะให้โรงเรียนติดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา หวังคนเห็นคุณค่าทางการศึกษาของเด็กนักเรียนไทยในชนบทถิ่นธุรกันดาร บริจาคสิ่งของจำเป็นสำหรับการศึกษา

 
 
 
 
 
 
 
 
1 มิ.ย.56 - ผู้สื่อข่าวประจำจ.สุรินทร์ รายงานว่า นสพ.สุรินทร์นิวส์ และกลุ่มครูนอกระทรวง กว่า 10 คน ได้เดินทางไปสอน "เทคนิคการเขียนภาพ ระบายสี อย่างง่ายๆ" ที่ โรงเรียนไทยนิยมพัฒนา ม.17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนติดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ห่างปราสาทตาควายเพียง 5 กม. และมีครูเพียง 3 คน นักเรียน 30 คนเท่านั้น เพื่อเป็นการปลอบขวัญและให้กำลังใจแก่ครู นักเรียน ชายแดน หลังสอนศิลปะแล้ว นายดำรงพล พาชื่น บรรณาธิการบริหาร นสพ.สุรินทร์นิวส์ และคณะได้มอบเงินเพื่อเป็นทุนอาหารกลางวันจำนวนหนึ่ง
 
นายธนพนธ์ เล็กสิงโต (คบ.ศิลปศึกษา) วค.มหาสารคาม กล่าวว่า โครงการครูนอกกระทรวง เกิดจากแรงบันดาลใจของตนและเพื่อนๆ ที่ผ่านประสบการณ์การทำงานด้านศิลปะมายาวนาน เล็งเห็นว่าการศึกษาไทยยังขาดการเรียนรู้ที่เน้นอาชีพทางศิลปะ ซึ่งสามารถดัดแปลงไปใช้งานได้จริง ทุกๆ สาขาอาชีพในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นจึงได้คิดโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่ขาดแคลนครูสอนศิลปะที่มีฝีมือ เพราะประเทศไทยยังขาดแคลนครูสอนศิลปะที่มีฝีมือที่แท้จริงอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนที่ยังขาดแคลน ครูศิลปะและทุนทรัพย์ในการจัดซื้ออุปกรณ์ขั้นพื้นฐานในการเรียนรู้วิชาศิลปะศึกษา
 
กลุ่มครูนอกกระทรวง เป็นการร่วมตัวของคนที่มีความรู้ ความสามารถ ทุกสาขาอาชีพ ที่มีจิตอาสาเข้าร่วมโครงการ เช่น การสอนการปั้นหล่อหินทราย การแกะโฟม การสอนสีน้ำสีน้ำมัน การวาดภาพการ์ตูนล้อเลียน การหล่อหุ่นไฟเบอร์ เป็นต้น การสอนวิชากฎหมายใกล้ตัว การสอนการทำของที่ระลึก และการสอนการอาชีพต่างๆ แก่ชุมชนที่ลงพื้นที่ เพื่อสร้างงานเสริมรายได้
 
ทั้งนี้จะระดมทุนจากผู้ใหญ่ใจดี สร้างห้อมคอมพิวเตอร์เพื่อห้องโรงเรียนชายแดน จำนวน 1 ห้อง พร้อมอุปกรณ์ เพื่อใช้เป็นแหล่งสำหรับผลิตครู นักเรียนและผู้ที่สนใจ ในการเรียนคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน ซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ แทปเลต ตามโครงการของรัฐบาล
 
ทั้งเปิดรับสมัครผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน ที่เห็นคุณค่าทางการศึกษาของเด็กนักเรียนไทยในชนบทถิ่นธุรกันดาร บริจาคอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ตู้คอนเทรนเนอร์ ที่เหลือใช้และร่วมบริจาคทุนทรัพย์ สามารถแจ้งความประสงค์และติดต่อประสานงานได้ที่ นายธนพนธ์ เล็กสิงโต ผู้อำนวยการโครงการครูนอกกระทรวง โทรศัพท์ 084-6067203 หรือโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคาร กรุงไทย สาขา พุธไธสง จ.บุรีรัมย์ ชื่อบัญชี นายธนพนธ์ เล็กสิงโต หมายเลขบัญชี 3340044899  และนายธนินท์ทัศน์ ภูแก้ว เลขานุการโครงการครูนอกกระทรวง และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์สุรินทร์นิวส์ 091-0179989
 
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น