โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

ชุมชนดอนฮังเกลือร้องคนแห่ทำนาปรังป้อนจำนำข้าวแย่งน้ำ ซ้ำเติมปัญหาภัยแล้ง

Posted: 12 Jun 2013 01:06 PM PDT

ชาวชุมชนดอนฮังเกลือ เผย 'นโยบายรับจำนำข้าว' ทำชาวบ้านแห่สูบน้ำจากบึงเกลือเข้านาปรัง ทั้งสภาวะภัยแล้งกระหน่ำอีสาน กระทบการเพาะปลูก-วิถีชีวิต-การประมง-โรงเรียนอนุบาลพันธุ์ปลา แนะ อบต.จัดประชามมติหาทางออก

 
นายเกียง โคตุเคน ชาวบ้านชุมชนดอนฮังเกลือ ต.บึงเกลือ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เปิดเผยสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ว่า การทำนาปรังที่ต้องสูบน้ำจากบึงเกลือหรือทะเลอีสานซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เนื้อที่ 7,500 ไร่ ไปใช้เป็นจำนวนมาก ซ้ำเติมปัญหาน้ำในบึงเกลือแห้งจากภาวะภัยแล้งติดต่อกันมา ทำให้น้ำยิ่งลดระดับลงไปมากกว่าเดิม โดยสถิติระดับน้ำจะอยู่ช่วง 3 เมตร ส่วนช่วงหน้าแล้ง (มี.ค.–พ.ค.) น้ำจะอยู่ในระดับ 2 เมตร แต่นับจากปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงปัจจุบัน น้ำลดลงมากจนแห้งเห็นเป็นลานดิน
 
นายเกียง กล่าวด้วยว่า ความจริงในพื้นที่มีการทำนาปรังมาแต่ปี 2530 แล้ว แต่ยังไม่มีปัญหาการแย่งชิงน้ำเพราะคนทำกันนาปรังกันน้อยและช่วงนั้นระดับน้ำไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไร แต่มาช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ราคาข้าวแต่เดิมจาก 2.50 บาทต่อกิโลกรัม โครงการต่างๆ ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีการรับจำนำราคาข้าวอยู่ที่ 14 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ชาวบ้านหันมาทำนาปรังกันมาก จนมีปัญหาการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
 
กรณีดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่ พืชผักที่ของชาวบ้านชุมชนดอนฮังเกลือที่ปลูกไว้ในแปลงรวม พื้นที่ราว 30 ไร่ เนื่องจากไม่มีน้ำใช้ในเพาะปลูกทำให้ผักแห้งตายเกือบหมด และทำให้ชาวชุมชนดอนฮังเกลือ 31 ครอบครัว ซึ่งพึงพาน้ำจากบึงเกลือเป็นหลักต้องขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภคด้วย
 
นอกจากนี้ การที่น้ำลดระดับลงยังส่งผลกระทบต่อโรงเรียนอนุบาลพันธุ์ปลาที่ชุมชนได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพราะปัจจุบันเขตโรงเรียนอนุบาลพันธุ์ปลาน้ำแห้งไปแล้ว แม้ชาวบ้านจะช่วยกันขุดคลองรอบโรงเรียนปลา แต่น้ำลดลงมากจนคลองที่ขุดแห้งขอด ทำให้ตอนนี้ไม่มีพันธุ์ปลาเหลืออยู่แล้ว
 
 
นายเกียง เล่าว่า ชาวดอนฮังเกลือได้ตั้งโรงเรียนอนุบาลพันธุ์ปลาขึ้นมา เพื่อเป็นแหล่งพักอาศัยและขยายพันธุ์ปลาไม่ให้สูญหาย โดยใช้เนื้อที่กลางน้ำบึงเกลือประมาณ 1 ไร่ ทั้งนี้ ชาวบ้านมีมติร่วมกันมานับแต่เดือน เม.ย.55 และกำหนดกติกาขึ้นมาห้ามจับปลาในบริเวณนี้ เพื่อให้ปลาเจริญเติบโตก่อนที่จะให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ในการจับปลาร่วมกัน ถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ชุมชน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้พันธุ์ปลาสูญหายไปหมดแล้ว
 
"โดยส่วนตัวไม่ได้ขัด หรือห้ามการทำนาปรังแต่อย่างใด เพราะตัวเองก็เป็นเกษตรกร เป็นลูกชาวนา แต่ทั้งนี้อยากให้ทาง อบต.บึงเกลือ มีมาตรการหาทางออก ด้วยการลงประชามมติหาทางออกร่วมกัน" นายเกียงกล่าว และว่าหากไม่มีการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้ดีกว่านี้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอาจถึงขึ้นวิกฤติ เพราะน้ำที่แห้งต่อเนื่องมาถึง 3 ปี และปีนี้ยิ่งแห้งลงอย่างมาก
 
นายเกียง กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านจะเสนอให้มีการป้องกันภัยแล้ง โดยให้มีการยกระดับฝายกั้นน้ำ จากแต่เดิมมีระดับต่ำมากให้สูงขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไม้ให้ไหลออก ซึ่งทาง อบต.เคยรับปากว่าจะยกระดับฝายให้สูงขึ้นอีก 50ซ.ม.แต่จนกระทั้งเปลี่ยน อบต.ชุดใหม่ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
 
"คาดว่าปัญหาความขาดแคลน และการแย่งชิงน้ำจะมีแนวโน้มหนักมากขึ้นกว่าเดิม หาก อบต.ไม่มีนโยบายส่งเสริมการจัดการน้ำ" นายเกียงระบุ
 
 
ทั้งนี้ ชุมชนดอนฮังเกลือ มีกรณีพิพาทเรื่องที่สาธารณะประโยชน์กับ อบต.บึงเกลือ ข้อมูลข้องชาวบ้านระบุว่า ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่มาก่อนปี 2472 ต่อมาปี 2542 อบต.บึงเกลือ ได้นำแผ่นป้ายมาติดประกาศ ให้ผู้ที่ครอบครองทำประโยชน์ในบริเวณดอนฮังเกลือออกจากพื้นที่ เพื่อก่อสร้างสนามกีฬา สถานที่ราชการ และปัจจุบันมีโครงการจัดทำแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากพื้นที่เป็นแหล่งน้ำกว้าง ชาวบ้านในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจึงรวมกลุ่มกันยื่นข้อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาต่อรัฐบาล
 
ต่อมามีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายมนตรี บุพผาวัลย์ นายอำเภอเสลภูมิเป็นประธาน คณะทำงานมีมติร่วมกันว่า การประกาศเขตที่สาธารณะประโยชน์ดอนฮังเกลือไม่ถูกต้อง ควรเพิกถอน ยุติการดำเนินการ และให้เอกสารสิทธิ์แก่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบต่อไป ขณะที่ อบต.ไม่เห็นด้วย และมีแผนการที่จะอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ โดยไม่ใส่ใจร่วมกันแก้ไขปัญหา
 
เมื่อปี 2552 ชาวบ้านดอนฮังเกลือ ในฐานะสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) ได้ร่วมกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ยื่นข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน เพื่อขอจัดทำโฉนดชุมชนเนื้อที่ 31 ไร่ ต่อรัฐบาล กระทั่งคณะอนุกรรมการตรวจสอบพื้นที่มีการลงมาตรวจสอบพื้นที่ แล้วมีมติจากคณะกรรมการว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ.2553 ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และยังคงมีการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เผยผลสรุปไฟดับภาคใต้เหตุฟ้าผ่า กฟผ.ไม่ต้องรับภาระชดเชย

Posted: 12 Jun 2013 12:49 PM PDT

นายกมอบ ก.พลังงานเจ้าภาพทำแผนรับมือหากเกิดซ้ำ ส่งต่อ กฟภ.-กฟน.ทำแผนสั่งตัดจ่ายไฟในบางพื้นที่รักษากำลังการผลิตฟื้นฟูระบบได้เร็วขึ้น เตรียมพัฒนากำลังการผลิตสำรองให้ภาคใต้พึ่งตนเองได้ หลังผลสอบไฟใต้ดับเหตุสุดวิสัย กฟผ.ไม่ต้องรับภาระชดเชย

11 มิ.ย.56 เดลินิวส์ รายงาน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมการสอบสวนกรณีไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 56  มีมติว่า เหตุการณ์เกิดไฟฟ้าดับใน 14 จังหวัดภาคใต้เป็นอุบัติเหตุ และเป็นเรื่องสุดวิสัย เนื่องจากเกิดจากฟ้าผ่าสายส่ง ขนาด 500 กิโลวัตต์  จึงไม่สามารถลงโทษการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ทั้งหมด  ขณะเดียวกันช่วงเวลาที่เกิดเหตุเกิดขึ้นในช่วงเวลา 8 วินาทีเท่านั้น จึงเป็นเรื่องน่าเห็นใจ ที่ทุกฝ่ายได้พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว

ทั้งนี้ ในระยะยาวได้รับคำสั่งจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพในการทำแผนรับมือกรณีเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต จึงได้สั่งให้ กฟผ.ร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เลกูเรเตอร์ ไปหารือร่วมกับ 2 การไฟฟ้า ได้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง ในการทำแผนสั่งตัดจ่ายไฟในบางพื้นที่เพื่อรักษากำลังการผลิตให้สามารถฟื้นฟูระบบได้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงลงทุนด้านสายส่งให้มีขนาด 500 กิโลวัตต์ ในพื้นที่ภาคใต้ถึงจังหวัดสงขลาและภูเก็ต

"คณะทำงานจะมีการประชุมหารือกันในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ซึ่งตามแผนสั่งตัดจ่ายไฟฟ้าจะต้องเลือกพื้นที่สำคัญที่ไฟฟ้าห้ามดับ  เช่น  โรงพยาบาล โครงข่ายการสื่อสาร และสถานีตำรวจ  โดยจะเลือกดับไฟฟ้าในบริเวณแคบ แต่คงต้องไปดูว่าจะดับในพื้นที่ใดได้"

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า มาตรการป้องกันปัญหาไฟฟ้าดับในวงกว้างระยะยาวนั้นกระทรวงพลังงานได้วางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าในภาคใต้ให้มีกำลังผลิตสำรองที่เพียงพอ เพื่อให้ภาคใต้สามารถพึ่งพาตนเองได้, เร่งพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าควบคู่ไปด้วย  และทบทวนภาพรวมของการวางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้าโดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าทั้งประเทศหากจุดใดมีความเสี่ยงหรือมีความสำคัญต่อประเทศก็จะเพิ่มระดับความมั่นคงด้านไฟฟ้าเพิ่ม

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธาน กกพ. กล่าวว่า จากผลสอบที่ตัดสินว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จึงทำให้ กฟผ. ไม่ต้องรับภาระชดเชยจากการไปซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซีย วงเงิน 13 ล้านบาท  แต่ในส่วนนี้ กกพ.กำลังพิจารณาว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อไฟฟ้าดังกล่าว จะต้องเรียกเก็บจากประชาชนเพิ่มในงวดต่อไป หรือจะใช้เงินจากส่วนใดในการเข้ามาชดเชย

"อย่างไรก็ตาม แนวโน้มค่าเอฟทีในงวดต่อไป (ก.ย.-ธ.ค.) เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มค่าเชื้อเพลิงแล้วเชื่อว่ามีโอกาสจะปรับลดลงได้อีก แม้ว่าค่าเงินบาทจะเริ่มแข็งค่าขึ้นแล้ว แต่ในส่วนของวงเงิน 13 ล้านบาทในการซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียนั้นอาจจะไปรวมกับค่าเอฟทีลงอยู่ที่ไม่ถึง 0.1 สต.ต่อหน่วย"

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

‘กาแฟปฏิรูป’ ถ้วย 2 กับ ‘ภูมิธรรม’ ชี้ รธน.50 อุปสรรคพัฒนา ปชต.-พรรคการเมือง

Posted: 12 Jun 2013 12:24 PM PDT

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยันพรรคไม่ได้บริหารโดยคนเดียว ไม่ปฏิเสธว่า 'ทักษิณ' และ บ้านเลขที่ 111 ช่วยคิด พยายามเชื่อม ปชช.ทำให้นโยบายไม่ใช่การนั่งฝัน ชี้ รธน.50 เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยประเทศไทย

ภาพจากเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย

"กาแฟปฏิรูป" ถ้วยที่ 2 แล้ว กับ บก.ลายจุด หรือ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ โดยในวันนี้(12 มิ.ย.56) ได้มีการพูดคุยกันที่ห้องสมุดทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย อาคารโอเอไอ กับนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในประเด็นแนวทางการปฏิรูปพรรคการเมือง ให้มีความเป็นประชาธิปไตย

นายภูมิธรรม เริ่มต้นด้วยการกล่าวให้กำลังใจนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สามารถปฏิรูปพรรคได้ประสบความสำเร็จ แม้จะทำให้พรรคเพื่อไทยแข่งขันได้ยาก แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่โดยรวมประชาธิปไตย ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ พร้อมทั้งจะเป็นสิ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องเร่งพัฒนาตัวเองมากขึ้นด้วย

"พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของพี่น้องประชาชน ดังนั้นต้องอยู่ในสายตาที่จะได้รับการตรวจสอบอยู่แล้ว จึงยินดีที่จะพูดและเผยแพร่แนวความคิดของเราในเรื่องของการมองพรรคการเมืองในฐานะตัวเราเอง" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว

เขากล่าวว่า หากจะพูดเรื่องพรรคเพื่อไทย ต้องพูดถึงปมปัญหาของระบบพรรคการเมืองที่เป็นปมปัญหาในปัจจุบันด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะพูดถึงการปฏิรูปพรรคนั้น ก่อนอื่นต้องพูดถึงบรรยากาศและสภาพทางการเมืองในประเทศไทยด้วยว่าประเทศไทยเรามีปัญหาอุปสรรคที่ทั้งโครงสร้างและกลไกต่างๆ ขัดขวางความเป็นประชาธิปไตยและพรรคการเมืองอยู่

"รัฐธรรมนูญปี 50 เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยประเทศไทย กฎหมายพรรคการเมืองปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของพรรคการเมือง ทำให้พรรคการเมืองเกิดและเติบโตได้ยาก ดังนั้นถ้าไม่จัดการหรือทำความเข้าใจในปัญหา 2 เรื่องนี้ และประชาชนไม่ออกมาทำให้บรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้จริง การจะบีบคั้นหรือกดดันให้พรรคการเมืองพัฒนาเป็นพรรคการเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย" นายภูมิธรรม กล่าว

เขากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเติมโตมา 3-4 ปี แต่ถ้าพูดจากความเป็นจริงว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันทำงานต่อเนื่องมาก็ไม่ต่ำกว่า 15 ปี ใน 15 ปีมานี้เราถูกยุบพรรคไป 2 ครั้ง และบุคลากรที่เป็นแกนนำในพรรคถูกตัดสินไป 2 รอบแล้ว นี่คือปัญหาสำคัญซึ่งทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถไม่กล้าเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค

"วันนี้เราจึงต้องอยู่รอดให้ได้ภายใต้ประชาธิปไตยที่พิกลพิการ ที่กลไกในการขัดขวางระบอบประชาธิปไตยยังทำหน้าที่อยู่ และคอยขัดขวางไม่ให้บุคลากรของเราได้ทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้นเราต้องพูดถึงบรรยากาศที่เป็นจริงของประเทศไทยมันถึงจะพูดได้ว่าเราจะแก้ปัญหาประเทศ" นายภูมิธรรม กล่าว

ภาพจากเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย

"ผมถูกตัดสิทธิไป 5-6 ปี เป็นเรื่องที่ในโลกประชาธิปไตยที่ทันสมัยเขาไม่ทำกัน การตัดสิทธิทางการเมืองเป็นการตัดสิทธิพลเมือง มันติดตัวผมมา คุณเก็บภาษีเอาภาษีผมไปจ่ายทุกอย่าง ถึงเวลาเลือกกำนันผู้ใหญ่บ้านยังเลือกไม่ได้ ต้องทำตัวสงบแนบนิ่งอยู่ในพื้นที่อันจำกัด นี่เป็นเรื่องจากความเป็นจริงที่จะต้องพูดกัน เพราะฉะนั้นเรื่องแรกเลยถ้าอยากพัฒนาพรรคการเมืองคุณต้องปลดกติกาให้มีความเป็นประชาธิปไตยให้มากขึ้น ให้มีกฎหมายพรรคการเมืองที่เอื้อ" นายภูมิธรรม กล่าว

เขากล่าวด้วยว่า วันนี้มันมีอุดมการณ์ 2 อุดมการณ์ที่สู้กัน อุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชน กับอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมที่ต้องการเห็นโครงสร้างอำนาจแบบดั้งเดิมและยังคงอยู่ หรือบางทีพูดสวยหรูว่าเป็นประชาธิปไตยภายใต้คนดี ประชาธิปไตยที่ต้องการการชี้นำ ซึ่งก็ต้องให้สังคมได้ถกเถียงกันให้ชัดเจนว่าเราต้องการประชาธิปไตยแบบไหนกันแน่

กรณีหน้ากากขาวออกมาเคลื่อนไหวนั้นคิดว่าเป็นสิทธิที่จะออกมาเคลื่อนได้อย่างเต็มที่ แต่ยังไม่ทันเปิดหน้ากากก็บอกว่าเชิญทหารมารัฐประหารนั้น คิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เรื่องไพรมารี่โหวตนั้น เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าตนคิดมาก่อนที่อลงกรณ์จะเสนอในการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยบริบทการเมืองที่ผ่านมาทำให้ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นด้วยกลไกของพรรคการเมืองไทยที่เป็นอยู่มันจึงไม่สามารถพัฒนาให้เป็นพรรคมหาชนได้ง่ายๆ

สำหรับเรื่องโครงสร้างของพรรคเพื่อไทยเองนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้บริหารโดยคนเดียว หรือกลุ่มเดียวอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เน้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม แสดงความเห็นและประสบการณ์ โดยไม่ปฏิเสธว่า มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตคนบ้านเลขที่ 111 มาช่วยคิดและจัดการ มีคณะกรรมการบริหารพรรค รวมถึงมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่รวบรวมผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองมาช่วยมองทิศทาง มีคณะกรรมการประสานภารกิจกับหัวหน้าโซน 19 โซนทั่วประเทศ เพื่อให้การบริหารจัดการ การกระจายทรัพยากรมีประสิทธิภาพ และเพื่อไปทำความเข้าใจกับ ส.ส.ในการประสานกับประชาชน พร้อมกับสะท้อนสิ่งที่ประชาชนต้องการกลับมา และมีการประชุมกันเป็นประจำในหลายระดับเหล่านี้ โดยทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดในที่ประชุม ส.ส. ซึ่งก็วิพากษ์วิจารณ์กันได้ปกติ ไม่เคยตื่นเต้นที่มีข่าวว่าที่ประชุมส.ส.แตก ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ภาพจากเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย

เขากล่าวต่อว่า หากจะดูกลไกของประชาชนสมาชิกพรรค สมัยเป็นไทยรักไทย เราเป็นพรรคการเมืองที่พบประชาชนมากที่สุด แทบทุกสัปดาห์ แต่เมื่อยุบพรรค ตัดสิทธิเราไป ถึงวันนี้จากสมาชิก 15 ล้าน เหลือ 30,000 แต่ก็ตัดได้เฉพาะในทางนิตินัยแต่จิตวิญญาณไม่ได้หายไป ตอนนี้กำลังฟื้นให้ทุกคนทำสมาชิกซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีกฎเกณฑ์ที่ยุ่งยากไม่เอื้ออำนวย จึงจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาอีกหน่วยคือ อาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของพรรคการเมือง คุยกับประชาชนโดยไม่ต้องมีบัตรสมาชิกพรรค แล้วทำงานคู่ขนานกัน

"วันนี้พอปิดสมัยประชุมสภา ถ้าเป็นพรรคการเมืองแบบไม่ปฏิรูป ทุกคนก็หยุด แต่เราเสนอไปที่ว่า ผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ลงไปหาประชาชนเพื่อทำความเข้าใจ ผมจัดรายการพรรคเพื่อไทยพบประชาชนเพื่ออนาคตประเทศไทย เป็นการรายงานประชาชนว่าสมัยอยู่ในสภาทำอะไรไปแล้วบ้าง กำลังจะทำอะไรอีกบ้างและฟังความเห็นของประชาชน อีสานจัดไปแล้ว 4 ครั้ง ภาคเหนือจัดที่เชียงรายเชียงใหม่...นี่คือการทำงานที่พยายามเชื่อมต่อประชาชน ถ้าเราทำให้กลไกของประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แม้กลไกทางโรงสร้างไม่เปิดโอกาสให้ร่วมได้ด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมือง "

ภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า เร็วๆ นี้ จะพูดคุยกับกลุ่มสตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ เพื่อรับฟังความคิด นำข้อมูลมาจัดทำเป็นนโยบาย สะท้อนให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่นั่งฝันออกมาเป็นนโยบาย แต่เป็นนโยบายที่มาจากฐานรากโดยตรง รวมถึงยังมีแนวคิดเชิญกลุ่มที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลเช่น กลุ่มแพทย์ชนบท กลุ่มพีมูฟมาหารือแก้ปัญหา เพื่อลดการเผชิญหน้า เป็นการช่วยงานรัฐบาลอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามยอมรับว่า พรรคมีจุดอ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์ในสื่อสมัยใหม่ที่ต้องพัฒนาต่อไป

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ACLU ฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ กรณีโครงการสอดแนมข้อมูล

Posted: 12 Jun 2013 11:31 AM PDT

สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) ฟ้องเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กรณีโครงการสอดแนมข้อมูลของประชาชน หลังกรณีอื้อฉาวเรื่องโครงการ PRISM ขณะที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ขออนุญาตทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลคำร้องด้านความมั่นคง

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union) หรือ ACLU ได้ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลโอบาม่า หลังจากกรณีที่องค์กรความมั่นคงของสหรัฐฯ ถูกเปิดโปงเรื่องที่พวกเขาดักเก็บข้อมูลโทรศัพท์บ้านจากบริษัทให้บริการโทรศัพท์ Verizon โดยบอกว่าเป็นการละเมิดบทบัญญัติเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มาตรา 1 และมาตรา 4

ทาง ACLU กล่าวในคำร้องว่า การกระทำของทางการสหรัฐฯ เปรียบเสมือนการขโมยสมุดบัญชีโทรศัพท์ของชาวอเมริกันทุกคนมาดูว่าพวกเขาพูดคุยกับใครบ้าง เริ่มคุยเมื่อไหร่ ใช้เวลามากแค่ไหน และคุยจากไหน รัฐบาลสหรัฐฯจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของพวกเราได้ว่าเราเข้าร่วมกับกลุ่มรณรงค์สาธารณะอะไรบ้าง รวมถึงข้อมูลของครอบครัว, หน้าที่การงาน, ศาสนา และกลุ่มสังคม ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง

หลังจากถูกเปิดโปงเรื่องโครงการสอดแนมข้อมูล รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ออกมายอมรับในเรื่องดังกล่าวโดยอ้างถึงมาตรา 215 ในรัฐบัญญัติว่าด้วยความรักชาติ (Patriot Act) ซึ่งอนุญาตให้ทางการเก็บ "ขัอมูลที่บอกรายละเอียดของข้อมูล" (metadata) จากการพูดคุยโทรศัพท์ทั้งหมดของประชากรผู้อาศัยในสหรัฐฯ

องค์กร ACLU ยังได้เรียกร้องต่อศาลสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ หยุดดักเก็บข้อมูลชาวอเมริกัน และทำลายข้อมูลที่พวกเขาดักเก็บไว้ก่อนหน้านี้

การฟ้องร้องของ ACLU มีผู้สนับสนุนหลายคนรวมถึง ส.ส. พรรครีพับริกัน จิม เซนเซนเบรนเนอร์ ผู้หล่าวว่าแม้เขาจะเป็นผุ้ร่วมร่างรัฐบัญญัติว่าด้วยความรักชาติ แต่เขาไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลปัจจุบันอ้างกฏหมายฉบับนี้ในการดักข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ซึ่งเขาถือว่าเป็นการใช้กฏหมายในทางที่ผิด

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้เรียกร้องสิทธิฯ ร่วมกับบริษัทอินเตอร์เน็ตมากกว่า 80 กลุ่ม เปิดเว็บไซต์ชื่อ StopWatching.Us ที่เรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐฯ มีการสอบสวนในเรื่องโครงการสอดแนม เว็บไซต์นี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเวิร์ลไวลด์เว็บ ของ ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี ผู้คิดค้นและประดิษฐ์ เวิร์ลไวลด์เว็บ (WWW)

เว็บไซต์ Policymic.com กล่าวว่า การที่หลายคนกลัวโครงการสอดแนมของมูลโดยสภาความมั่งคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NSA) เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะแม้ว่าการสอดแนมข้อมูลของโครงการนี้จะใช้ในการต่อต้านการก่อการร้าย แต่ในอดีตที่ผ่านมาหากรัฐบาลมีอำนาจในการดำเนินการตามเป้าหมายอย่างหนึ่งก็มักจะมีการใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อเป้าหมายอีกอย่างหนึ่ง

"คดีนี้มีความสำคัญ และอาจจะช่วยให้ความกระจ่างเรื่องที่ว่าโครงการสอดแนมมีความชอบธรรมตามกฏหมายหรือไม่ ในขณะที่ยังมีการอภิปรายกันเรื่องความขัดแย้งระหว่างสิทธิความเป็นส่วนตัวกับเรื่องความมั่นคง" เว็บไซต์ Policymic กล่าว

 

บริษัทไอทียักษ์ใหญ๋ขออนุญาตทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลคำร้องด้านความมั่นคง

ในวันที่ 12 มิ.ย. บริษัทไอทียักษ์ใหญ่สามค่าย คือ Google, Facebook และ Microsoft เรียกร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ให้มีการอนุญาตให้พวกเขาเปิดเผยข้อมูลคำร้องด้านความมั่นคงเกี่ยวกับวิธีการจัดการข้อมูลของผู้ใช้

เดวิด ดรัมมอนด์ หัวหน้าแผนกกฏหมายของ Google ได้เขียนถึงรมต.กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เพื่อขออนุญาตเผยแพร่ข้อมูลตัวเลขโดยรวมเกี่ยวกับคำร้องด้านความมั่นคง เพื่อแสดงให้เห็นว่าปริมาณคำร้องมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดไว้ และ google ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

ทางด้านบริษัท Microsoft กล่าวว่าความโปร่งใสเรื่องคำร้องด้านความมั่นคงจะทำให้ประชาคมอินเตอร์เน็ตเข้าใจและมีการอภิปรายในเรื่องนี้ ขณะที่เท็ด อูลเลียท ที่ปรึกษาด้านกฏหมายของ Facebook กล่าวในทำนองเดียวกันว่า พวกเขาต้องการเปิดเผยข้อมูลคำร้องจากรัฐบาลและวิธีการตอบสนองของทาง facebook เอง

ความตื่นตัวเรื่องสิทธิความส่วนตัวเกิดขึ้นหลังจากที่ เอ็ดเวิร์ด สโนวเดน อดีตคนทำงานร่วมกับ CIA ได้เปิดโปงข้อมูลเอกสารโครงการ PRISM ของรัฐบาลสหรัฐ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวพูดถึงเรื่องการดักฟังโทรศัพท์และการสอดแนมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตโดยมีการลิสท์รายชื่อบริษัทชั้นนำด้านไอทีที่ทางการสหรัฐฯ ต้องการให้ความร่วมมือด้วย

โดยล่าสุด จูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บ Wikileaks ที่นำเสนอข้อมูลอื้อฉาวของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมเอ็ดเวิร์ด สโนวเดน บอกว่าเขาเป็นฮีโร่ที่ตีแผ่เรื่องราวสำคัญให้กับสาธารณะได้ทราบเกี่ยวกับความน่าหวาดหวั่นของการสอดแนมจากรัฐ

 

เรียบเรียงจาก

NSA PRISM Scandal: ACLU Sues Obama Administration Over "Dragnet" Collection of Phone Logs, PolicyMic, 12-06-2013 http://www.policymic.com/articles/48035/nsa-prism-scandal-aclu-sues-obama-administration-over-dragnet-collection-of-phone-logs

ACLU Sues Government Over 'Dragnet' Surveillance Of Americans, Business Insider, 11-06-201 http://www.businessinsider.com/aclu-sues-over-prism-2013-6#ixzz2W0rFBpqQ

Google, Facebook and Microsoft seek data request transparency, BBC, 12-06-2013 http://www.bbc.co.uk/news/business-22867185

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สมาพันธ์นักเรียนไทยฯ ประณามโรงเรียนดื้อตัดเกรียน - พร้อมยืนยันจะสู้ต่อไป

Posted: 12 Jun 2013 11:15 AM PDT

สมาพันธ์นักเรียนไทยฯ ออกแถลงการณ์อัดผู้อำนวยการและคณะครู "วางอำนาจบาตรใหญ่" บังคับตัดเกรียน พร้อมเรียกร้องกระทรวงศึกษาธิการให้นักเรียนได้รับอิสระในเรื่องทรงผม เป็นจุดเริ่มต้นให้รู้จักคิดเองในการใช้ชีวิต

ตามที่สมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ได้รวมกันเคลื่อนไหวเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการยกเลิกบังคับไว้การทรงนักเรียน กระทั่งต่อมา แม้กระทรวงศึกษาธิการจะมิได้ทำตามข้อเรียกร้อง แต่ได้ผ่อนปรนด้วยการออกระเบียบกฎกระทรวงฉบับใหม่ และมีหนังสือสั่งการถึงหัวหน้าส่วนราชการที่มีสถานศึกษาในสังกัดให้นักเรียนชายไว้ผมรองทรง และนักเรียนหญิงไว้ผมยาวได้ ทันทีที่เปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2556 และสถานศึกษาใดไม่ปฏิบัติตามให้ร้องเรียนมาที่กระทรวงศึกษาธิการ แต่ล่าสุดยังพบโรงเรียนหลายแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามนั้น

ล่าสุด "สมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย" ได้ออกแถลงการณ์ "ประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีทรงผมที่ยังมีอยู่ในโรงเรียนและการต่อสู้สิทธิทรงผมจะยังคงดำเนินต่อไป" ถึงนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ

บางตอนของแถลงการณ์เนื้อหาระบุว่า "เป็นที่น่าเศร้าใจอย่างสุดแสนที่แม้กระทั่งกฏใหม่นี้ก็ยังมีผู้บริหารบางสถานศึกษาและคณะครูหลายท่าน ยังคงยึดติดกับอำนาจใช้ระบอบเผด็จการโดยคิดถึงแต่ประเพณีที่ยาวนานโดยมิได้สนใจถึงเหตุผลและประโยชน์ต่อนักเรียนให้เหมาะสมกับโลกปัจจุบันเลยโดยการยึดติดกับอัตลักษณ์บางอย่างนั้นทำให้เกิดการเสื่อมเสียมากกว่าผลดีได้ และยังคงมีการปฏิบัติกับนักเรียนอย่างไม่เป็นธรรมราวกับผู้ที่มิได้สนใจกับความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นเช่น บางสถานศึกษากล่าวว่าการตัดผมเกรียน หรือ ตัดผมสั้นติ่งหู ของ โรงเรียน อักษรย่อ ว่า เทพ หรือ สตรี ว่านี้คืออัตลักษณ์ของโรงเรียนมีมายาวนานกว่า 100 ปีจะเปลี่ยนแปลงมิได้ ถ้าจะเปลี่ยนแปลงย่อมไม่เคารพกฎอัตลักษณ์ก็ออกจากสถานศึกษาไปซะ โดยที่ยังมิได้มีการให้เหตุผลอย่างจริงจังเลยว่าการไว้ทรงนักเรียนกับทรงอิสระนั้นสิ่งใดให้ประโยชน์มากกว่าทั้งที่สถานศึกษานั้นเป็นของภาครัฐ ที่ได้งบสนับสนุนจากภาษีประชาชน แต่ผู้อำนวยการและคณะครูวางอำนาจบาตรใหญ่เหนือประชาชนหรือนักเรียนและขับไล่ประชาชนหรือนักเรียนที่มีความเห็นต่างนักเรียนที่ตั้งคำถามที่ขัดกับอัตลักษณ์ ซึ่งเสียภาษีและปฏิบัติตามกฎหมายหลักการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือบ้างก็กล่าวว่า ถึงจะมีกฎแต่ก็จะมิทำตามใดๆ ทั้งสิ้น"

"และเรื่องการกล่าวว่าหากไว้ผมยาวแล้วจะท้องหรือมีคนโรคจิตมาข่มขืนซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์และความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้แม้จะเป็นการประชดประชันแต่เราก็ควรที่จะให้เกียรติความเห็นอีกด้านด้วย เพราะความเห็นที่แตกต่างอาจะช่วยพัฒนาข้อบกพร่องให้ดีขึ้นมีโรงเรียนชื่อดังภาคเหนือแห่งหนึ่งมีการทำประชามติในสถานศึกษาเรื่องทรงผม แต่ช่างเป็นประชามติที่ไม่มีความน่าเชื่อแม้แต่นิดเดียวไม่มีการทำเป็นลายลักษณ์อักษร มิหนำซ้ำยังมีการออกเสียงแบบที่มีอาจารย์ยืนคุมกดดันนักเรียนให้คิดตามที่ตนบอกเสมือนนายพรานถือปืนกระบอกใหญ่นั่งจับตาอยู่และนักเรียนก็เหมือนกับนกพิราบที่ปีกหักที่จะบินหนีก็ไม่ได้ จะร้องก็ไม่ได้ ต้องจนมุมเข้าเกรงเหล็กและรับฟังนายพรานพูดแบบคัดค้านมิได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่งว่าฝ่ายบริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตยที่มีนโยบายเชิงประชาธิปไตยแต่ก็อย่างไม่สามารถขจัดความเป็นไม่ประชาธิปไตยหรือเผด็จการไปได้"

"ทางสมาพันธ์นักเรียนจึงจะขอเรียกร้อง ให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และ คณะกระทรวง ร่วมถึง คณะครู และผู้อำนวยการสถานศึกษาที่มีใจ รัก ประชาธิปไตย โปรดเรียกร้องความเป็นธรรมแก่นักเรียนอย่างที่มนุษย์ผู้หนึ่งควรได้รับจากผู้ที่มิสนใจเรื่องความเป็นธรรม โปรดเรียกร้องการให้อิสระนักเรียน ในการคิด วิเคราะห์ เลือกสิ่งที่ดีแก่ชีวิตและร่างกายของนักเรียนเองขอให้นักเรียนได้รับอิสระจากทรงผมเพราะจะได้เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆให้พวกเขารู้จักคิดเองในการใช้ชีวิต เพราะทรงผมถือเป็นเรื่องที่พื้นฐานมากในชีวิตหากจุดเริ่มต้นเล็กๆอย่างเรื่องทรงผมคุณไม่ปล่อยให้เขาคิดเอง แล้วจุดใหญ่ๆในชีวิตคุณจะให้ใครคิด?นักเรียนต้องเริ่มคิดเป็นและรู้จักการใช้ชีวิตในสังคม หากเรื่องพื้นฐานเราสามารถจัดการเองได้เรื่องปัญหาชีวิตเราก็จะรู้จักคิดและจัดการได้วัยรุ่นไทยจะได้ไม่ถูกใส่ความว่าไม่รู้จะโตเพราะเขาจะได้เริ่มคิดเริ่มใช้ชีวิตจริงตั้งแต่เด็กๆ แต่เพราะกฎทรงผมบังคับนักเรียนนี้พยายามใส่ความเด็กที่ผมยาวว่าเป็นเด็กเสเพลโดยที่ให้นักเรียนจดจำว่าผมยาวเสเพลแล้วผมสั้นเกรียนเป็นเด็กดีโดยที่ไม่ได้ให้เด็กคิดเลยว่าผมยาวต้องเสเพลจริงไหมแล้วผมสั้นเกรียนจะเป็นเด็กดีหรือแม้คิดก็จะถูกต่อต้านจนยอมไป แต่ความจริงแล้วกฎนี้เอง ที่สาดโคลนให้แก่เด็ก นักเรียนต้องการคิดเองเหมือนกับประเทศที่มีอารยะ โปรดอย่าห่วงพวกเราว่า เลิกกฎนี้แล้วเด็กจะเสเพล เพราะกฎของสังคมจะขัดเกลาเด็กและเยาวชนเองเราประชาชนชาวไทยต้องการ นำกะลาไทยออกจากหัวของอนาคตของชาติเปิดโอกาสให้เด็กได้คิด หากจุดเล็กๆเช่นนี้ท่านยังไม่ใส่ใจ ไม่เริ่มต้นให้เด็กคิดไม่ต่อสู้เพื่อเด็กผู้จะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า จุดใหญ่ๆคงไม่มาถึงแล้วท่านจะให้เด็กจะคิดเป็น ใช้ชีวิตอย่างถูกต้องในอนาคตได้อย่างไรขอให้วิสัยทัศน์ของท่านไม่ใช่เพื่อเด็กน้อย แต่เพื่ออนาคตของชาติข้างหน้า เพราะผมเชื่อว่าเด็กในวันนี้จะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ในวันหน้า ท่านจะเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและเป็นที่เชิดชูของเด็กๆ และโลกนี้"

ตอนท้ายของแถลงการณ์ระบุด้วยว่า "หากมีโรงเรียนที่ไม่ทำตามกฎใหม่ที่ได้ยื่นมา ทางสมาพันธ์นักเรียนจะทำการประณามโรงเรียนนั้นผ่านทางสื่อและทุกเส้นทางและหากกฎนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและบังคับใช้ได้สำเร็จทางสมาพันธ์นักเรียนจะดำเนินต่อต้านต่อไป และจะไม่ลดละจนกว่ากฎจะถูกใช้จนสมบูรณ์หากผู้บริหารและทางกระทรวงยิงมิได้ดำเนินการอย่างจริงจังโดยคำนึงถึงประโยชน์ของนักเรียนเป็นหลักทางสมาพันธ์จะยังมิหยุดและจะสนับสนุนนักเรียนให้ต่อต้านต่อไปอย่างไม่ลดละไม่ว่าจะต้องต่อต้านกับอำนาจขนาดไหนก็ตามขอให้ท่านดูหลังแลหน้าที่จะส่งผลต่อประเทศชาติให้ดีเถิด"

ล่าสุด สมาพันธ์นักเรียนไทยฯ ยังออกแถลงการณ์เพิ่มเติมอีกว่า "สมาพันธ์นักเรียนไทยฯ ขอต่อต้านและประณามการที่โรงเรียนใช้ประชามติโหวตเรื่องทรงผม เพราะว่า สิทธิทรงผมเป็นสิทธิของปัจเจกบุคคลซึ่งไม่ได้ส่งกระทบต่อส่วนรวมแต่อย่างใด และการที่ทำให้ทุกคนต้องเหมือนกันเพราะเสียงส่วนใหญ่เห็นอย่างนั้น ขัดกับหลักประชาธิปไตยที่เคารพในสิทธิความเป็นมนุษย์ของแต่ละบุคคล"

อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา สมาพันธ์นักเรียนไทยฯ ได้เปิดเผยด้วยว่าได้รับการร้องเรียนว่ามีโรงเรียนอย่างน้อย 60 แห่งทั่วประเทศที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใหม่เรื่องทรงผม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Sueksa.go.th ของกระทรวงศึกษาธิการ ได้รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ ดร.ประแสง มงคลศิริ เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการที่ระบุว่าได้รับการร้องเรียนจากนักเรียนว่ามีสถานศึกษาหลายแห่งไม่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติดังกล่าว จึงได้ตรวจสอบและพบว่ามีการร้องเรียนจากผู้ปกครองและนักเรียน ผ่านสายด่วนการศึกษา 1579 เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวถึง 38 เรื่อง โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งให้ สพฐ. ดำเนินการแจ้งสถานศึกษา เพื่อย้ำให้ปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

‘4 Laws For Poor’ ชู 4 นิ้ว สนับสนุน 4 ร่างกฎหมายคนจน

Posted: 12 Jun 2013 11:06 AM PDT

13 มิ.ย.56  คนรุ่นใหม่รณรงค์ชู 4 นิ้ว '4 Laws For Poor' ในสังคมออนไลน์ เพื่อให้เกิดกระแสการติดตามข้อมูลข่าวสารสนับสนุนร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาคนจน 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.สิทธิชุมชน พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน พ.ร.บ.ภาษีทีดินอัตราก้าวหน้า พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม


"เราไม่อยากที่จะไปนอนตากแดดตากฝน เราไม่อยากให้คนบางกอก ก่นด่า อย่างรำคาญในปัญหาการจราจร เราไม่อยากที่จะไปเยี่ยมนายกทุกยุค ทุกสมัย เราไม่อยากร้องไห้เพียงเพราะญาติถูกจับกุม ในคดีที่ไม่สมควรที่จะโดนจับด้วยซ้ำไป ดังนั้น เราจึงหาทางออกให้รัฐบาลแล้ว และจะเกิดความสันติสุข มากขึ้นระหว่าง รัฐกับชุมชน กรณีการใช้ที่ดิน การจัดการที่ดิน ที่รัฐไม่เคยเห็นมันเลย" ข้อความจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "กฎหมายเพื่อคนจน 4 ฉบับ" ที่รวบรวมข้อมูลกฎหมายเผยแพร่สำหรับประชาชน พร้อมทั้งเชิญชนประชาชนให้ร่วมกัน "ชู 4 นิ้ว" แสดงสัญญะสนับสนุนกำหมายแก้ไขปัญหาของคนจนด้วย  พ.ร.บ. 4 ฉบับ

" พ.ร.บ. 4 ฉบับสำคัญอย่างไร เพราะชาวเลทุ่งหว้าอาศัยอยู่มากว่า 150 ปี แล้วรัฐประกาศเป็นที่สาธารณะ เมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา แล้วปี 2547 มีนโยบายจะพัฒนาพื้นที่และไล่ชาวเลออก ถ้ามี  พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากร ชาวเลกลุ่มนี้และชุมชนอื่นๆที่อยู่มายาวนาน จะมีแผ่นดินอยู่อาศัยและทำกิน"  โพสต์แสดงความคิดเห็นจากผู้เล่นเฟสบุ๊คชื่อ "Maitree Jongkraijug" พร้อมทั้งบอกอีกว่าเริ่มต้น เพื่อให้สังคมเข้าใจ กังขา ค้นหา แล้ว เมื่อเราสร้างความเข้าใจได้ เมื่อถึงช่วงล่ารายชื่อประชาชนจะได้เข้าใจทิศทางและความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ขณะเดียวกันเพื่อสร้างกระแสสังคม สื่อมวลชนก่อน และพิจารณากระแสตอบรับจากประชาชน

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปที่สนใจ พ.ร.บ. ดังกล่าวนี้สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่


1.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________572f11de8f76bc
2.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________1f3168dc485b3d
3.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________e1b53a4c7e7bf8
4.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________4acd0c6c964042

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

‘4 Laws For Poor’ ชู 4 นิ้ว สนับสนุน 4 ร่างกฎหมายคนจน

Posted: 12 Jun 2013 11:05 AM PDT

13 มิ.ย.56  คนรุ่นใหม่รณรงค์ชู 4 นิ้ว '4 Laws For Poor' ในสังคมออนไลน์ เพื่อให้เกิดกระแสการติดตามข้อมูลข่าวสารสนับสนุนร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาคนจน 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.สิทธิชุมชน พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน พ.ร.บ.ภาษีทีดินอัตราก้าวหน้า พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม


"เราไม่อยากที่จะไปนอนตากแดดตากฝน เราไม่อยากให้คนบางกอก ก่นด่า อย่างรำคาญในปัญหาการจราจร เราไม่อยากที่จะไปเยี่ยมนายกทุกยุค ทุกสมัย เราไม่อยากร้องไห้เพียงเพราะญาติถูกจับกุม ในคดีที่ไม่สมควรที่จะโดนจับด้วยซ้ำไป ดังนั้น เราจึงหาทางออกให้รัฐบาลแล้ว และจะเกิดความสันติสุข มากขึ้นระหว่าง รัฐกับชุมชน กรณีการใช้ที่ดิน การจัดการที่ดิน ที่รัฐไม่เคยเห็นมันเลย" ข้อความจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "กฎหมายเพื่อคนจน 4 ฉบับ" ที่รวบรวมข้อมูลกฎหมายเผยแพร่สำหรับประชาชน พร้อมทั้งเชิญชนประชาชนให้ร่วมกัน "ชู 4 นิ้ว" แสดงสัญญะสนับสนุนกำหมายแก้ไขปัญหาของคนจนด้วย  พ.ร.บ. 4 ฉบับ

" พ.ร.บ. 4 ฉบับสำคัญอย่างไร เพราะชาวเลทุ่งหว้าอาศัยอยู่มากว่า 150 ปี แล้วรัฐประกาศเป็นที่สาธารณะ เมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา แล้วปี 2547 มีนโยบายจะพัฒนาพื้นที่และไล่ชาวเลออก ถ้ามี  พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากร ชาวเลกลุ่มนี้และชุมชนอื่นๆที่อยู่มายาวนาน จะมีแผ่นดินอยู่อาศัยและทำกิน"  โพสต์แสดงความคิดเห็นจากผู้เล่นเฟสบุ๊คชื่อ "Maitree Jongkraijug" พร้อมทั้งบอกอีกว่าเริ่มต้น เพื่อให้สังคมเข้าใจ กังขา ค้นหา แล้ว เมื่อเราสร้างความเข้าใจได้ เมื่อถึงช่วงล่ารายชื่อประชาชนจะได้เข้าใจทิศทางและความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ขณะเดียวกันเพื่อสร้างกระแสสังคม สื่อมวลชนก่อน และพิจารณากระแสตอบรับจากประชาชน

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปที่สนใจ พ.ร.บ. ดังกล่าวนี้สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่


1.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________572f11de8f76bc
2.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________1f3168dc485b3d
3.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________e1b53a4c7e7bf8
4.http://issuu.com/67916/docs/130606______________________________4acd0c6c964042

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

หมอชนบทไม่ร่วมประชุม สธ.ตั้งคณะแก้ P4P รอดูท่าทีรัฐบาล

Posted: 12 Jun 2013 10:28 AM PDT

 

สืบเนื่องจากนายประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงจัดประชุมตัวแทนกลุ่มวิชาชีพในหน่วยบริการทุกระดับ ในวันนี้ (12 มิ.ย. 56) เวลา 16.00 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข โดยเชิญผู้แทนจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ผู้แทนจากทุกวิชาชีพ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง เข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานพัฒนาระบบค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน หรือP4P และตั้งคณะทำงานอย่างเป็นทางการนั้น

นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า แพทย์ชนบทมีจุดยืนที่ไม่เปลี่ยน และผลการเจรจาก็ตรงกันและได้มีการระบุไว้ชัดเจนว่า

1. ยืนยันการมีเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายเช่นเดิมมีความสำคัญในการคงวิชาชีพสุขภาพในชนบท ดังนั้นชมรมแพทย์ชนบทขอคงอัตราและแนวทางเดิมในประกาศฉบับ 4,6 ไว้ทุกประการ

2.สนับสนุนให้มีการปรับอัตราเพิ่มของวิชาชีพอื่นๆ ให้เหมาะสมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แต่ต้องคงหลักการนี้ไว้โดยไม่ปรับลดก่อน 

3.ระหว่างการร่างประกาศเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฉบับใหม่ใน 60 วัน กระทรวงสาธารณสุขจะมีการเยียวยาทุกคนให้ได้ค่าตอบแทนเหมือนการใช้ประกาศฉบับ 4,6

4. กรณี P4P จะต้องเป็นการทำโดยสมัครใจไม่ใช่บังคับ ข่มขืน  ณ 1 ต.ค.56 หากการปรับแต่งเกณฑ์การวัด P4P ใหม่ออกมาไม่น่าทำยังเป็นการเก็บแต้มรายกิจกรรม ก็เป็นสิทธิของ รพ.ที่จะไม่ทำต่อไป

นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้ ต้องติดตามการประชุมชิงการนำจากผลการเจรจาที่มีข้อสรุปให้ตั้งกรรมการมาทบทวนเรื่องเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย การเยียวยา และการปรับเกณฑ์ P4P เชิญคนมาเต็มห้องประชุมก็เปล่าประโยชน์ ประเด็นไม่ใช่การรีบจัดประชุมหารือ แต่ประเด็นคือ รมต.ยังแถลงบิดเบือนเอาแต่ความคิดตนเองมาเป็นมติว่า จะไม่เยียวยาคนค้าน P4P ไม่ยืนยันการคงอยู่ของเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย แถมยังจะบังคับทำ P4P ตั้งแต่ 1 ต.ค.56 โดยไม่กล้าให้ทำโดยสมัครใจ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า P4P เป็นของไม่ดีมีปัญหามาก หากสมัครใจก็คงไม่มีใครทำ เช่นนี้แล้วแพทย์ชนบทจะเข้าไปร่วมประชุมพูดคุยไปทำไม ทำงานในพื้นที่ไม่ดีกว่าหรือ

นพ.อารักษ์กล่าวต่อว่า แพทย์ชนบทไม่เข้าร่วมการหารือครั้งนี้ และจะไม่เข้าจนกว่าทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีท่าทีที่ถูกต้องเสียก่อน อยากให้ทุกฝ่ายจับตาดูว่าเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมจะได้ใครมาเป็นประธานกรรมการ เป็นกรรมการ และมีบทบาทหน้าที่แค่ไหน กรรมการที่ไม่มีกรอบจุดยืนการทำงานที่ชัดเจนก็เป็นแค่ฝักถั่วตรายาง และการตั้งกรรมการชุดดังกล่าว หากให้มีความเหมาะสมต้องตั้งโดยสำนักนายกรัฐมนตรี มีคนนอกเป็นประธาน เพราะกระทรวงสาธารณสุขโดยรัฐมนตรีและปลัดเป็นคู่กรณีที่มีความขัดแย้งกับแพทย์ชนบท จะมาตั้งตนเป็นประธานและควบคุมทิศทางการประชุมซึ่งคงไม่ใช่ และยอมรับไม่ได้"

นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทกล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าในการประชุม ครม.ที่กำแพงเพชรนั้น กระทรวงสาธารณสุขนำผลการหารือฉบับกระทรวงเข้า ครม.เพื่อแจ้งให้ทราบในวาระที่ 6 และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนำเรื่องเข้าในวาระที่ 17 ซึ่งวาระที่ 17 นี้มีสาระตรงกับความเห็นของเครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ ทำให้ ครม.รับทราบผลจากการนำเสนอของทั้งสองฝ่าย จึงเกิดความคลุมเครือในทางปฏิบัติ เช่นปลัดกระทรวงก็ยังดื้อดึงที่จะไม่ให้กลับไปใช้สาระของประกาศฉบับที่ 4,6 ยังจะบังคับทำ P4P ในเดือนตุลาคม 56 ทั้งๆที่การเจรจามีการสรุปจากฝั่งชมรมแพทย์ชนบทด้วยว่า จะต้องเป็นไปโดยสมัครใจภายใต้ฐานการมีอยู่ของเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายตามประกาศฉบับที่ 4,6  

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ขอให้พี่น้องชาวโรงพยาบาลชุมชนจะยังไม่ไปชุมนุมที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรี แต่จะมาร่วมประชุมกันเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน แสดงจุดยืนและกำหนดท่าทีที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร ส่วนจะไปที่ไหนต่อหรือไม่ขอรอดูความคืบหน้าจากฝั่งรัฐบาล เป็นการให้เวลาอีกเล็กน้อยในการดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 10 ข้อ ที่ ครม.รับทราบแล้ว  อย่างไรก็ตาม ชมรมแพทย์ชนบทหวังว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีสัญญาณที่ดีจากรัฐบาลในการดำเนินการตามผลการเจรจาฉบับสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ญาติฯ เม.ย.-พ.ค.53 ร้องนายกเร่งคดี ย้าย ‘ธาริต’ ไม่หนุน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย

Posted: 12 Jun 2013 10:01 AM PDT

กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตฯ เม.ย. – พ.ค. 53 ร้องนายก ย้าย 'ธาริต' จากดีเอสไอ เหตุเป็นผู้มีส่วนได้-เสีย เร่งคดีที่ผ่านการไต่สวนสู่การพิจารณาของศาลอาญา ตั้งคณะกรรมการเร่งรัดคดี วอน รบ.ไม่สนุน ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ที่ไม่เอาผิดผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติการในการสังหารหมู่ประชาชน

กลุ่มญาติฯ ขณะรอเข้ายื่นหนังสือ / ภาพโดย นิธิวัต วรรณศิริ

11 มิ.ย.56 เวลา 09.15 น. ที่ประตูฝั่งถนนราชดำเนิน ทำเนียบรัฐบาล นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา นางสาวกมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม 19 พฤษภาคม 2553 และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อของน้อง "เฌอ" (สมาพันธ์ ศรีเทพ) พร้อมด้วยกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมือง เม.ย. – พ.ค. 53 เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้โยกย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกไปจากการทำหน้าที่ในดีเอสไอ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดคดีโดยมีข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ดีเอสไอ อัยการ แพทย์ ฯลฯ เร่งรัดคดีที่ผ่านการไต่สวนขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลอาญา และรัฐบาลต้องไม่สนับสนุน ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ที่มีเนื้อหาไม่เอาผิดผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติการในการสังหารหมู่ประชาชน

โดยมีนายสุพร อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นผู้รับหนังสือ โดย มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า นายสุพร รับปากว่าจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ตนไม่อยากให้มีการออกมาชุมนุมปิดล้อมบริเวณทำเนียบรัฐบาล แต่หากนางพะเยาว์ต้องการมายื่นหนังสือขอให้ติดต่อมายังตนที่ห้องทำงานหรือห้องรับเรื่องร้องทุกข์ได้ตลอดเวลา

ขณะที่นายพันธ์ศักดิ์ศรีเทพ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมษายน - พฤษภาคม 2553 มีแนวคิดว่าจะทำ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน ที่จะล้างผิดให้กับประชาชนผู้ชุมนุมทุกกลุ่มทุกสี แต่จะไม่รวมผู้ปฏิบัติและสั่งการฆ่าประชาชน โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ในเรื่องของเทคนิคด้านกฎหมายจะขอให้อาจารย์จากคณะนิติราษฎร์ เป็นที่ปรึกษา และจะประสานให้ ส.ส.เสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย นำไปให้ ส.ส.ในพรรคลงชื่อให้การสนับสนุน นำส่งต่อรัฐสภาให้ทันก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้สามารถพิจารณาร่วมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับอื่น ๆ ได้ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพรรค แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแปรญัตติแล้วเนื้อหาก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี

นางพะเยาว์ อัคฮาด กล่าวด้วยว่า ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ฉบับของ นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย นั้น ในตอนแรกไม่ได้ดูร่างทั้งหมด แต่เมื่อได้มีการเปิดดูทั้งหมดแล้ว ถึงได้ทราบว่า ร่าง พรบ.ดังกล่าวมันมีการนิรโทษกรรมให้กับทหารด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสอดไส้ ปกปิดประชาชน

หนังสือที่กลุ่มญาติฯ ยื่นต่อนายกฯ :

กลุ่มญาติวีรชน เมษายน - พฤษภาคม 2553

 

                                                            วันที่ 11 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556

เรื่อง      ขอให้เร่งรัดคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553

เรียน     ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ข้าพเจ้านางพะเยาว์ อัคฮาด ในฐานะตัวแทนกลุ่มญาติวีรชน เมษายน - พฤษภาคม 2553 ขอเรียนให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้ทราบว่ากลุ่มญาติวีรชนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ได้มีการประชุมปรึกษาหารือถึงการดำเนินคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 พบว่าเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้หลักฐานทั้งวัตถุพยาน และ/หรือ พยานบุคคลได้สูญหายและไม่สามารถติดตามมาร่วมเป็นพยานในคดีจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มญาติฯเกรงว่าหากปล่อยให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างล่าช้าตามกระบวนการของทางราชการที่ไร้ประสิทธิภาพแล้วอาจจะทำให้คดีเหล่านี้ในหลายสำนวนมีปัญหาได้ในอนาคต

กอปรกับผู้รับผิดชอบหลักคือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในคดีดังกล่าวด้วย เนื่องจากดำรงตำแหน่งกรรมการในศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ความตามรายละเอียดซึ่งฯพณฯทราบดีอยู่แล้ว

นอกจากนั้น การที่คดีเหล่านี้ไม่มีการเร่งรัดใดๆ จากรัฐบาล ก็อาจทำให้ รัฐบาลของ ฯพณฯ ถูกกล่าวหาจากนานาอารยะประเทศว่าไม่มีความจริงใจในการสะสางปัญหาที่เชื่อได้ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายสถาน มีประชาชนจำนวนมากกว่า 100 คนต้องเสียชีวิต บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน รวมถึงผู้ต้องขังเพราะเหตุทางการเมืองนี้กว่า 200 คน ทั้งที่พ้นโทษเพราะถูกจำขังมาจนครบกำหนด รวมถึงผู้ที่ยังต้องขังตามคดีอยู่

และที่สำคัญในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการเสนอร่าง พรบ.นิรโทษกรรมจำนวนหลายฉบับ แต่ต่างมีเนื้อความคล้ายกันแทบทั้งสิ้น นั่นคือ การนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดและผู้มีอำนาจสั่งการในการประกอบอาชญากรรมร้ายแรงในคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 ทางกลุ่มญาติฯจึงมีข้อเรียกร้องเพื่อให้ ฯพณฯ พิจารณาดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังต่อไปนี้

  1. ออกคำสั่งโยกย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในคดีดังกล่าว ตามที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้
  2. เร่งรัดคดีด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการ แพทย์ ฯลฯ ที่จะทำหน้าที่เร่งรัด สืบสวน สอบสวน และนำคดีขึ้นไต่สวนการตาย รวมถึงเป็นโจทย์ร่วมกับผู้เสียหายในการฟ้องร้องเอาผิดผู้กระทำผิดและผู้มีอำนาจสั่งการในการประกอบอาชญากรรมร้ายแรงในคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 เพื่อให้การเร่งรัดคดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของ ฯพณฯ มิได้นิ่งนอนใจต่อการดำเนินคดีอาชญากรรมร้ายแรงดังกล่าว
  3. เนื่องจากคดีจำนวนหนึ่งผ่านการไต่สวนและพิสูจน์การตายจากศาลอาญาแล้ว แม้จะไม่ระบุผู้กระทำความผิดแต่พบแนวโน้มว่าน่าจะมาจากปฏิบัติการทางทหาร จึงขอให้มีการเร่งรัดคดีที่ผ่านการไต่สวนแล้วให้มีผลในทางปฏิบัติด้วยการนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลโดยเร็วยิ่งขึ้น
  4. ขอให้ ฯพณฯ และรัฐบาล ฯพณฯ ยืนยันต่อสาธารณะและนานาอารยะประเทศว่าจะไม่ให้การสนับสนุนใดๆ ต่อร่าง พรบ.ปรองดอง และ/หรือ ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ที่มีเนื้อหานิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดและผู้มีอำนาจสั่งการในการประกอบอาชญากรรมร้ายแรงในคดีสังหารหมู่ประชาชน ในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 โดยเด็ดขาด

ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนกลุ่มญาติฯ และกลุ่มญาติฯ ต่างหวังว่า ฯพณฯ จะเร่งรัดให้มีการดำเนินการตามข้อเรียกร้องนี้ เพื่อทำให้ปาฐกถาของ ฯพณฯ ที่กล่าวถึงความสำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยได้เกิดการปฏิบัติตามสิ่งที่ ฯพณฯ เคยได้กล่าวไว้ในที่ต่างๆ เป็นจริง มากกว่าที่จะเป็นคำกล่าวลอยๆ ที่มิได้มีการปฏิบัติใดๆอย่างเป็นรูปธรรม

 

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา

ด้วยความเคารพอย่างสูง

 

นางพะเยาว์ อัคฮาด

ตัวแทนกลุ่มญาติวีรชน เมษายน - พฤษภาคม 2553

ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ....  ฉบับที่นำโดย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พร้อมด้วย ส.ส. พรรคเพื่อไทยอีก 21 คน

หลักการ

ให้มีกฎหมายว่าด้วยนิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ระหว่างวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554

 

เหตุผล

เนื่องจากสังคมไทยที่ผ่านมาอยู่ในสภาวะที่สร้างความแตกแยกทางความคิดมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้แก่ชาติบ้านเมืองจนปัจจุบัน ด้วยสืบเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองตกอยู่ในความคิดที่ไม่เคารพในระบอบประชาธิปไตย มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลจนนำไปสู้การยึดอำนาจการปกครอง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เหตุการณ์นี้สร้างความขัดแย้งทางการเมืองและทางสังคมที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนทำให้เกิดการใช้บังคับกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมสร้างความรู้สึกสับสนและไม่เท่าเทียม การเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นในทางความคิดทางการเมืองของประชาชนเป็นวงกว้างจึงมีการชุมนุมประท้วงทางการเมืองของประชาชนจนเกิดการกระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองอันนำไปสู่การกล่าวหาและมีการดำเนินคดีกับผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมจำนวนมากทำให้ถูกจำกัดเสรีภาพและอิสรภาพในระหว่างการถูกกล่าวหาทางอาญา อันเป็นผลมาจากภาครัฐได้ประกาศและบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดและขาดความยืดหยุ่นจนเกินความจำเป็น ซึ่งสภาพปัญหาดังกล่าวได้เกิดเป็นปัญหาร้าวลึกลงไปสู้สังคมไทยในทุกระดับและนำมาซึ่งความหวั่นไหวขาดความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตให้เป็นปกติสุขของประชาชนทั่วไป ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศชาติทั้งทางด้านความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทย ทั้งนี้ เมื่อได้คำนึงว่าบรรดาการกระทำต่างๆ ของประชาชนที่ได้กระทำไปเพื่อแสดงออกซึ่งความคิดทางการเมืองของประชาชน ซึ่งมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความขัดแย้งในทางการเมืองอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ จึงสมควรให้มีการนิรโทษกรรมแก่ประชาชนในกรณีดังกล่าวเพื่อเป็นการให้โอกาสแก่ประชาชนซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศและเป็นการรักษาคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ทั้งเพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตยโดยใช้หลักนิติธรรม อันจะเป็นรากฐานที่ดีต่อการลดความขัดแย้ง และสร้างความปรองดองของคนในชาติ โดยต้องคำนึงถึงมูลเหตุจูงใจของการกระทำที่ประชาชนได้แสดงออกทางการเมืองเพื่อจะทำให้สังคมไทยและประเทศชาติกลับมาสู่ความสงบสุขเรียบร้อยมีความสมัครสมานสามัคคีร่วงแรงร่วมใจกันพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงและเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

 

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ..."

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ไม่เป็นความผิดต่อไปและให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว

มาตรา 4 เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้กระทำการตามมาตรา 3 วรรคหนึ่งยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ในระหว่างการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนผู้ซึ่งมีอำนาจสอบสวน หรือพนักงานอัยการระงับการสอบสวนหรือการฟ้องร้อง หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้พนักงานอัยการ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้องหรือให้ถอนฟ้อง ถ้าผู้นั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีไม่ว่าจำเลยร้องขอหรือศาลเห็นเอง ให้ศาลพิพากษายกฟ้องหรือมีคำสั่งจำหน่ายคดี ในกรณีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นอยู่ระหว่างการรับโทษให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัวผู้นั้น

มาตรา 5 การนิรโทษกรรมตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ได้รับนิรโทษกรรมในอันที่จะเรียกร้องสิทธิ หรือประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

มาตรา 6 การดำเนินการใดๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิของบุคคลซึ่งไม่ใช่องค์กรหรือหน่วยงานของรัฐในการเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่ง จากการกระทำของบุคคลใดซึ่งพ้นจากความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และทำให้ตนต้องได้รับความเสียหาย

มาตรา 7 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

 

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

 

นายกรัฐมนตรี

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 4 - 10 มิ.ย. 2556

Posted: 12 Jun 2013 06:22 AM PDT

ม.เกษตรเพิ่มเงินพนักงานมหาวิทยาลัย

รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณบดี มก. ครั้งที่ 7/2556 มีมติอนุมัติให้ใช้เงินรายได้ส่วนกลาง ในการปรับเงินเพิ่มตามคุณวุฒิ ของปีงบประมาณ พ.ศ.2555 จำนวน 76 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ.2556 จำนวน 105 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 181 ล้านบาท ให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัย ที่บรรจุก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 โดยจ่ายเป็นเงินตกเบิก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 รวม 17 เดือน และจะได้รับค่าจ้างในอัตราที่ปรับใหม่ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 เป็นต้นไป เพื่อให้พนักงาน มก.ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่บุคลากร

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 มีมติเห็นชอบการปรับเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิการศึกษาของข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ของรัฐระหว่างปี พ.ศ.2555-2557 โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 และสำนักงาน ก.พ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดเงินเดือนให้กับข้าราชการใหม่ โดยปรับอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้น รวมถึงข้าราชการที่บรรจุก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 จะได้รับเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิตามเกณฑ์ที่ ก.พ.กำหนดด้วย อย่างไรก็ตาม มก.ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานแก่บุคลากรทุกระดับกว่า 10,000 คน ทั้ง 4 วิทยาเขต คือ บางเขนกำแพงแสน ศรีราชา และเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจและประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อดัชนีความสุขของประชากรในประเทศอีกด้วย

(บ้านเมือง, 4-6-2556)

 

บอร์ด สปสช. เตรียมดึงสถานพยาบาลเอกชนให้บริการฟันเทียมผู้สูงอายุ

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถึงข้อเสนอเรื่องการเข้าถึงบริการทันต กรรมประดิษฐ์ของผู้สูงอายุที่ใช้บริการของภาคเอกชนว่า จากข้อมูลศูนย์สารสนเทศทางประชากรศาสตร์ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 8.9 ล้านคนทั่วประเทศหรือคิดเป็นร้อยละ 13.7 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2563 ตัวเลขของผู้สูงอายุจะมีถึง 15.3 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีปัญหาด้านสุขภาพทางช่องปาก โดยเฉพาะระบบการเคี้ยวบดอาหาร ไร้ฟันบดเคี้ยว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากอย่างมาก โดยเฉพาะ อาหารไม่ย่อย ท้องอืด เฟ้อ เกิดภาวะทุพโภชนาการ รวมทั้งการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมา

นพ.ประดิษฐ์ กล่าวว่า ข้อมูลจากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติของผู้สูงอายุในปี 2555 พบว่าผู้สูงอายุที่มีฟันบดเคี้ยวหรือมีฟันน้อยกว่า 20 ซี่ มีเพียง 42.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่อีก 7.2 เปอร์เซ็นต์ไม่มีฟันบดเคี้ยวอาหารเลย โดยเฉพาะผู้สูงอายุในที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และภาคใต้ซึ่งประมาณมีมากถึงร้อยละ 10

นอกจากนี้แล้ว จากข้อมูลการให้บริการจากฐานข้อมูลการเบิกจ่ายชดเชยของ สปสช. พบว่า มีจำนวนผู้รับบริการฟันเทียมที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพตั้งแต่ปี 2551- 2555 ของจำนวนประชากรทุกกลุ่มอายุมีจำนวน 2.58 แสนคน โดยเป็นกลุ่มผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 1.43 แสนคนที่ได้รับบริการฟันเทียมซึ่งพบว่า ผู้สูงอายุยังเข้าถึงบริการในสถานพยาบาลของรัฐได้น้อยเนื่องจากต้องรอคิว มากกว่า 6 เดือน อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถเข้าถึงการให้บริการ แต่ยังมีปัญหาทางด้านอัตราการจ่ายค่าชดเชยในหลายประเด็น ดังนั้น จึงมีแนวทางที่จะกำหนดอัตราค่าบริการและการเบิกจ่ายในสถานพยาบาลเอกชนเพื่อ ให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการบริการอย่างทั่วถึงมาก

นพ.ประดิษฐกล่าวว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีมติได้มีการหารือเรื่องของการแก้ไข ปัญหาคิวการรับบริการของผู้สูงอายุ กรณีจัดทำฟันเทียม ซึ่งมีแนวคิดว่าจะให้นำสถานพยาบาลเอกชนเข้าร่วม เนื่องจากมีความสามารถในการบริการ ลดขั้นตอนและการรอคิว ด้วยมีผู้ใช้บริการมาก แต่ทั้งนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องอัตราค่าบริการ ค่าแรงงาน ในการจ่ายให้กับเอกชนอย่างเหมาะสม เนื่องจากการรักษาในรพ.ของรัฐ ไม่มีค่าแรง ทั้งนี้จะส่งเรื่องดังกล่าวให้ชุดคณะอนุกรรมการสิทธิประโยชน์ โดยคาดว่าใช้เวลาในการหารือภายใน 60 วัน จากนั้นเสนอมายัง บอร์ดสปสช.พิจารณาอีกครั้ง และใช้เวลาอีก 60 วันในการพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง

(บ้านเมือง, 4-6-2556)

 

แรงงานไทยเสียชีวิต 1 รายในเกาหลี

นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน สาธารณรัฐเกาหลี ว่าในวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา เกิดการระเบิดของอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างรถไฟด่วน และมีกำแพงหินถล่มส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต2 ราย จากการตรวจสอบพบว่ามีแรงงานไทยทำงานในสถานที่ดังกล่าวจำนวน 19 คน และ 1ในผู้เสียชีวิตคือคนงานไทย เป็นชายอายุ 34 ปี มีภูมิลำเนาที่จังหวัดลำปางเดินทางไปทำงานได้ 1 ปี ในเบื้องต้นได้สั่งการณ์ไปยังเจ้าหน้าที่ในจังหวัดลำปางประสานญาติผู้เสีย ชีวิตและแจ้งให้รับทราบว่าผู้ตายจะได้รับสิทธิ์ค่าทำศพ 40,000 บาท จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ พร้อมทั้งกำชับในเจ้าหน้าที่ของสำนักแรงงานไทยในเกาหลี เร่งประสานนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศไทยรวมทั้ง สิทธิอื่นๆในเกาหลีที่แรงงานจะได้รับด้วย ส่วนแรงงานไทยที่เหลืออีก 18 คนปลอดภัยดี และผู้เสียชีวิตอีก 1 คนเป็นแรงงานจากประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามสาเหตุที่มีเปิดเผยชื่อของผู้เสียชีวิตเนื่องจากเกรงว่าจะเกิด ผลกระทบทางจิตใจกับญาติผู้เสียชีวิต

(เนชั่นทันข่าว, 5-6-2556)

 

ก.แรงงานแจง กมธ.งบประมาณปี 57

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 วันนี้ (6 มิ.ย.) มี นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รองประธานกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้เชิญกระทรวงแรกที่ได้รับการจัดสรรเข้าชี้แจงคือกระทรวงแรงงาน
 
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ชี้แจงว่า กระทรวงแรงงานได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557  จำนวนกว่า 33,400 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงบประมาณปี 2556 ประมาณ 3 พันล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน 1,236 ล้านบาท กรมการจัดหางาน 1,118 ล้านบาท กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 2,153 ล้านบาท กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 1,082 ล้านบาท และสำนักงานประกันสังคม 27,898 ล้านบาท โดยงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจำแนกตามยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการ คือ การสร้างรากฐานการพัฒนาที่สมดุล ส่งเสริมการคุ้มครองแรงงาน การรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการพัฒนาฝีมือแรงงานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กรรมาธิการเสียงข้างน้อย  อาทิ นายวิฑูรย์ นามบุตร และ นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าการได้รับการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงแรงงานมีความเหมาะสม เพราะถือเป็นกระทรวงสำคัญที่เป็นหลักในการดูแลแรงงานทั้งในและนอกระบบ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ  แต่การจัดสรรงบประมาณในส่วนของหน่วยงานในสังกัดยังไม่เหมาะสม โดยเฉพาะงบประมาณของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่เป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาขีดความ สามารถของแรงงานในการแข่งขันตามนโยบายของรัฐบาล  แต่กลับได้รับการจัดสรรที่น้อยเกินไปหากเทียบกับสำนักงานประกันสังคมที่ได้ รับการจัดสรรงบมากเกินความจำเป็น ทั้งที่สำนักงานประกันสังคมมีเงินคงค้างจำนวนมาก จึงขอให้กระทรวงแรงงานทำการจัดสรรงบในส่วนนี้ใหม่ รวมถึงปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงด้วย.

(สำนักข่าวไทย, 6-6-2556)

 

คาดศพแรงงานไทยถึงมาตุภูมิ 11 มิ.ย.-นายจ้าง ประกันเกาหลี จ่ายร่วม 4 ล้าน

นายสิงห์ หล้าสุภา อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1582/ ม.6 บ้านฮ่องฮี ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง บิดาของนายวิเชียร หล้าสุภา อายุ 34 ปี แรงงานไทยชาว ที่เดินทางไปทำงานก่อสร้างในเกาหลีใต้ผ่านกรมการจัดหางาน ซึ่งเสียชีวิตจากการเข้าทำงานระเบิดอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างรถไฟด่วน เมื่อ 3 มิ.ย.56 ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางครอบครัว และญาติ นับวันรอศพของลูกชายที่จะถูกส่งกลับมาประเทศไทย

ล่าสุดได้รับการยืนยันจากกระทรวงแรงงาน ว่า จะมีการนำศพของนายวิเชียร จากประเทศเกาหลีใต้ มาถึงประเทศไทย ในวันที่ 11 มิถุนายน 2556 นี้ บรรดาญาติที่เป็นผู้ชายจึงได้เตรียมตัว ที่จะเดินทางไปรับศพ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ด้านนางกัญจนา กลิ่นทอง แรงงานจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ตน ได้เดินทางไปยังบ้านของ นายวิเชียร หล้าสุภา อายุ 34 ปี ที่ อ.เสริมงาม จ.ลำปาง แล้ว โดยได้ไปให้คำปรึกษาและช่วยเหลือครอบครัวของแรงงานไทยที่เสียชีวิตจาก อุบัติเหตุครั้งนี้ พร้อมกับประสานงานกับนายจ้าง ในประเทศเกาหลีใต้โดยตรง จนได้รับสิทธิต่าง ๆ รวม 6 รายการ เป็นเงินเกาหลี กว่า 120 ล้านวอน คิดเป็นเงินไทยกว่า 4 ล้านบาท เป็นเงินค่าประกันอุบัติเหตุจะได้รับ 2 ล้านบาท ค่าปลอดขวัญอีกเกือบ 1 ล้านบาท โดยนายจ้างจะเป็นผู้จ่ายให้กับผู้เสียชีวิต ส่วนทางแรงงานประเทศเกาหลี จะจ่ายให้อีกกว่า 1 ล้านบาท เป็นค่าทำศพ และเงินคืนภาษี ถือว่าได้รับสิทธิอย่างเต็มที่

โดยเงินดังกล่าว จะมีการจัดสรรแบ่งให้กับบุคคลในครอบครัวของแรงงานที่เสียชีวิต ได้แก่ ภรรยา บุตร พ่อ และแม่ ส่วนการรับเงินนั้น ทางนายจ้างแรงงานเกาหลี จะส่งมาให้ภายใน 3 สัปดาห์ ซึ่งทางสำนักงานแรงงานจังหวัดลำปาง จะเป็นผู้ประสานติดตามขั้นตอนให้ครอบครัวได้ทราบทุกระยะต่อไป

ด้านนางนิตยา พงษ์พานิช นายอำเภอเสริมงาม จ.ลำปาง กล่าวว่า หลังได้รับการประสานงานจากญาติของผู้เสียชีวิต ตนก็ให้เจ้าหน้าที่ทางทะเบียนอำนวยความสะดวกในการรวบรวมเอกสารที่จะต้องใช้ ทั้งหมด ทั้งของผู้เสียชีวิต-ญาติ และดำเนินการจัดส่งให้กับกงสุลในประเทศเกาหลีใต้ จนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ซึ่งทางญาติก็จะรอเพียงกำหนดการที่ทางประเทศเกาหลีจะนำศพกลับประเทศไทยเท่า นั้น

(ASTVผู้จัดการออนไลน์, 6-6-2556)

 

กนกชี้อนาคตกองทุนประกันสังคมล้มละลาย

นายกนก วงษ์ตระหง่าน  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อวันที่ 4-7 มิ.ย. กรรมาธิการงบประมาณ ได้พิจารณางบประมาณของกระทรวงแรงงาน จำนวน 33,489 ล้านบาท ประเด็นที่น่าสนใจคือ กองทุนประกันสังคม (กรณีชราภาพ) ได้คาดการณ์จำนวนเงินที่เก็บเข้ากองทุนและเงินที่ต้องจ่ายให้ผู้ประกันตน ระหว่าง พ.ศ. 2552 - 2587 พบว่า

1. ปี 2577 เงินกองทุนสูงสุด 4.59 ล้านล้านบาท มีผู้รับบำเหน็จ 69,950 คน และรับบำนาญ 3.3 ล้านคน รวมจ่ายบำเหน็จและบำนาญ 444,610 ล้านบาท

2. ปี 2578 รายรับของกองทุนจะเท่ากับรายจ่าย (จากปี 2578 เป็นต้นไป เงินเข้ากองทุนจะน้อยกว่าเงินออกจากกองทุน กองทุนจะเริ่มติดลบมากขึ้นทุกปีจนหมดเงิน)

3. ในปี 2587 กองทุนจะติดลบ มีผู้รับบำเหน็จและบำนาญ 6.3 ล้านคน (ตั้งแต่ปี 2587 เป็นต้นไปเงินของกองทุนจะเป็นศูนย์หรือติดลบ)

แสดงว่า เมื่อถึงปี 2587 กองทุนจะหมดเงิน และไม่สามารถจ่ายบำเหน็จและบำนาญให้แก่ผู้ประกันตนได้อีกต่อไป พูดภาษาชาวบ้านคือ กองทุนล้มละลาย ประเด็นที่สำคัญยิ่งต่อกองทุนประกันสังคมและรัฐบาล คือจะแก้ไขอย่างไรไม่ให้กองทุนล้มละลาย เพราะจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแรงงานกว่า 10 ล้านคน ที่ได้จ่ายเงินให้กองทุนไปแล้ว แต่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากกองทุนเมื่อเกษียณอายุคนทำงานที่จ่ายประกันสังคม ต้องคิดเรื่องนี้
และติดตามการแก้ไขปัญหาในอนาคตของกองทุนและรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง อีก 30 ปี ประเทศไทยเกิดวิกฤติที่สาหัสอย่างไม่เคยพบมาก่อนแน่นอน

(ไอเอ็นเอ็น, 7-6-2556)

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

แอมเนสตี้ พบยิ่งลักษณ์ เน้นยกระดับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย

Posted: 12 Jun 2013 04:16 AM PDT

 

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.56 นายซาลิล เช็ตติ (Salil Shetty) เลขาธิการองค์การแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล นายสมชาย หอมลออ ประธานกรรมการ และนางสาวปริญญา บุญฤทธิ์ฤทัยกุล และผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.30 น. เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย พร้อมทั้งมอบรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปี 2556 ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลต่อนายกรัฐมนตรี

นายซาลิล เช็ตติ เปิดเผยว่าการหารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้มีหลากหลายประเด็น ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียน แอมเนสตี้ฯ ขอให้ไทยเป็นผู้นำในการผลักดันให้อาเซียนมีการทำงานด้านการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้มากขึ้น นอกเหนือจากการทำงานด้านการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมทั้งหวังว่าจะมีการทบทวนปรับปรุงปฎิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอาเซียน ให้สอดคล้องตามหลักการ และมาตราฐานสิทธิมนุษยชนสากล       

แอมเนสตี้ฯ ยังสนับสนุนการถอดตรวนผู้ต้องขัง ยืนยันเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศพักการประหารชีวิตอย่างเป็นทางการ อีกทั้งเสนอให้แก้ไขกฎหมายเพื่อลดจำนวนความผิดทางอาญาที่มีบทลงโทษประหารชีวิต เพื่อแสดงถึงการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ทุกคน

ในประเด็นผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเข้าเมืองทางแอมเนสตี้ฯได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 โดยมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลให้คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้แสวงหาที่พักพิงและผู้เข้าเมืองโดยเฉพาะผู้ที่ขึ้นฝั่งโดยทางเรือ

"ในกรณีของชาวโรฮิงญา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลสนับสนุนรัฐบาลไทยกับอาเซียน ร่วมมือกับรัฐบาลพม่าในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งซึ่งเป็นสาเหตุการลี้ภัยของชาวโรฮิงญา และเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพต่อหลักการไม่ส่งกลับ ซึ่งไม่ให้มีการส่งกลับบุคคลไปยังประเทศที่เสี่ยงจะเผชิญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง ให้ยุตินโยบายการกักและผลักดันเรือของผู้อพยพให้ออกสู่ทะเล ปล่อยตัวผู้แสวงหาที่พักพิงและผู้เข้าเมืองทุกคนที่ถูกควบคุมตัวโดยขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสถานะของผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 (Convention relating to the Status of Refugees) และพิธีสาร พ.ศ. 2510 และกำหนดให้มีระบบการแสวงหาที่พักพิงที่เป็นธรรมและเป็นผล สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ"  

สำหรับการขัดแย้งกันด้วยอาวุธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยนั้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมีความกังวลที่พลเรือนและผู้บริสุทธิ์รวมทั้งผู้หญิงและเด็กตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการใช้กฎหมายพิเศษ อาทิเช่น พรก.ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก เป็นต้น การลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง การซ้อมทรมาน และเรียกร้องรัฐบาลให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย

สำหรับประเด็นเสรีภาพในการแสดงออกได้เรียกร้องให้ปฏิรูปหรือยกเลิกการออกกฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน โดยยึดหลักมาตรฐานสากลและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights (ICCPR) ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้ และเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางความคิดทุกคนโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข

ด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทางรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญในประเด็นสิทธิมนุษยชน และพร้อมที่จะยกระดับให้สอดคล้องตามหลักการและมาตราฐานสิทธิมนุษยชนสากล

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

อวัตถุศึกษากับอธิป: บริษัทเกม Zynga ไล่พนักงาน 520 คน และปิด สนง.หลายแห่ง

Posted: 12 Jun 2013 04:04 AM PDT

'อธิป จิตตฤกษ์' นำเสนอข่าวสารด้านลิขสิทธิ์รอบโลก สัปดาห์นี้นำเสนอข่าวกรรมาธิการคองเกรสสหรัฐเสนอมาตรการรุกหนักผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ - ผู้ประท้วงตุรกีระดมทุนแบบ Crowdfunding - ตำรวจเดนมาร์ครับการสอดส่องข้อมูลเน็ตไม่ช่วยจับอาชญากร - Games of Thrones: Season 3 สร้างสถิติโหลดทอร์เรนต์พร้อมกันมากสุด

Immaterial Property Research Center ตั้งขึ้นในวันที่ 18 มกราคม หรือ "วันเสรีภาพอินเทอร์เน็ต" เพื่อเป็นศูนย์ข่าว ศูนย์ข้อมูล และศูนย์วิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุ (หรือที่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่าทรัพย์สินทางปัญญา) ต่างๆ อย่างสัมพันธ์กับระบบกฎหมาย ระบบเศรษฐกิจ และระบบการเมืองในโลก ทางศูนย์ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานของศูนย์ฯ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุที่เอื้อให้เกิดเสรีภาพในเชิงบวกไปจนถึงความเท่าเทียมกันของผู้คนในโลก

 

04-06-2013

บริษัทเกมชื่อดัง Zynga ไล่พนักงานออกไป 520 คนและปิดสำนักงานไปหลายแห่ง

Zynga เป็นบริษัทเกมที่โตมากับเกมที่เล่นตามเว็บเครือข่ายสังคมต่างๆ ซึ่งเกมที่น่าจะรู้จักกันดีก็คือ Mafia Wars และ Farmville น่าจะจัดว่าเป็นบริษัทเกมที่โตเร็วมากเพราะใช้เวลาหลังตั้งบริษัทในปี 2007 เพียง 4 ปีในการเข้าไปเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหุ้นสหรัฐ

อย่างไรก็ดีในช่วงหลังการโตของ Zynga ก็ชะลอตัวลง ผลประกอบการไม่ได้ดังที่คาดไว้และติดลบ ซึ่งการไล่พนักงานออก 520 คนและปิดสำนักงานหลายแห่งไปก็น่าจะเป็นการสะท้อน "ขาลง" ของ Zynga

ทั้งนี้พนักงานที่ออกไป 520 คนนั้นคิดเป็น 18% ของพนักงานของ Zynga ทั้งหมด

News Source: http://www.gamasutra.com/view/news/193513/Zynga_laying_off_520_staff_shuttering_multiple_offices__Report.php

 

จอร์แดนแบนเว็บไซต์ที่ไม่ได้จดทะเบียนกับกรมสื่อและสิ่งพิมพ์

นี่เป็นผลมาจากการแก้กฎหมายสื่อและสิ่งพิมพ์ของจอร์แดนในปี 2012 ที่ระบุให้เว็บข่าวออนไลน์ต้องมีการลงทะเบียนและได้รับใบอนุญาติถึงจะดำเนินการได้ถูกกฎหมาย และมันส่งผลให้เว็บข่าวของจอร์แดนกว่า 300 เว็บถูกบล็อคไป

News Source: https://www.eff.org/deeplinks/2013/06/jordan-takes-disappointing-turn-toward-censorship

 

ศาลสูงอเมริกาตัดสินว่าการเก็บ DNA ของผู้ต้องหาของเจ้าพนักงานมีความชอบธรรม

ผลคือตอนนี้ตำรวจอเมริกานั้นมีสิทธิ์ในการเก็บตัวอย่าง DNA ของผู้ต้องหาได้ในการจับกุมทุกสถานการณ์ ไม่ได้ต่างจากการเก็บรอยนิ้วมือแต่อย่างใด

เรื่องแปลกอีกเรื่องคือผู้พิพากษา Scalia ที่เป็นปีกอนุรักษ์นิยมอันโด่งดังของศาลสูงในกรณีนี้กลับมองว่าการเก็บ DNA เป็นการละเมิดบทแก้ใช่รัฐธรรมนูญครั้งที่สี่ (Fourth Amendment) ที่ว่าด้วยเสรีภาพของบุคคลที่จะไม่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสืบค้นและยึดสิ่งต่างๆ ไปอย่างไม่มีเหตุผล

อนึ่ง คดีต้นเรื่องเกิดจากผู้ต้องหาคนหนึ่งโดนจับคดีทำร้ายร่างกายในปี 2009 แล้วตำรวจก็เก็บรอยนิ้วมือและ DNA ของเขาไปตรวจ พบว่าเขาเชี่ยมโยงกับคดีข่มขืนที่ปิดไม่ได้ในปี 2003 เขาพยายามจะอุทธรณ์ว่าการที่ตำรวจเอา DNA ของเขาเป็นเป็น "การค้นที่ผิดกฏหมาย" (illegal search) ซึ่งจะส่งผลให้หลักฐาน DNA ที่จะใช้เอาผิดเขาในคดีข่มขืนเป็นหลักฐานที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายตามมา

News Source: http://www.popsci.com/technology/article/2013-06/us-supreme-court-rules-dna-testing-legal-search

 

05-06-13

รัฐบาลไต้หวันระงับการแก้กฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อให้อำนาจรัฐในการบล็อคเว็บไซต์ต่างประเทศหลังพลเมืองเน็ตเตรียมประท้วงด้วยการ "จอดำ"

หากจะกล่าวโดยย่นย่อแล้ว ก่อนหน้านี้สำนักงานลิขสิทธิ์ใต้หวันได้พยายามจะเสนอการแก้กฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อเพิ่มอำนาจรัฐในการบล็อคเว็บไซต์ต่างประเทศที่ละเมิดลิขสิทธิ์ (นี่ทำให้กฎหมายนี้มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า "SOPA ฉบับไต้หวัน" ตามกฎหมายเล่นงานเว็บไซต์ต่างประเทศอันฉาวโฉ่ของอเมริกาที่ถูกประท้วงจนโดนแขวนการพิจารณาไว้อย่างไมมีกำหนด)

อย่างไรก็ดีด้วยภาษาทางกฎหมายที่คลุมเครือ ก็มีผู้เกรงกันว่ารัฐจะนำอำนาจนี้ไปใช้บล็อคเว็บไซต์ต่างประเทศตามใจชอบภายใต้ข้ออ้างของการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นการละเมิดเสรีภาพในการพูดของชาวไต้หวัน

ผลคือเหล่าพลเมืองเน็ตไต้หวันที่มีหัวหอกคือมูลนิธิ Wikimedia ของไต้หวัน รวบรวมผู้สนับสนุนกว่า 45,000 คน และเว็บไซต์อีกจำนวนหนึ่งเตรียมประท้วงการแก้กฎหมายด้วยการจอดำในวันที่ 4 มิ.ย. 2013

อย่างไรก็ดีรัฐเห็นท่าทีนี้จึงถอนร่างแก้กฎหมายนี้ไปก่อนมีการประท้วงหนึ่งวัน และก็บอกไปตามสูตรว่าประชาชนนั้นตื่มตูมเกินไป กฎหมายนี้ไม่มีอะไรเลวร้าย

News Source: http://infojustice.org/archives/29805

 

09-06-13

ผู้ประท้วงในตุรกีระดมทุนออนไลน์เพื่อซื้อโฆษณาในนิตยสาร New York Times 1 หน้าเต็มๆ เพื่อลงข่าวพวกเขา ซึ่งการระดมทุนก็สำเร็จอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากผู้ประท้วงตุรกีเห็นว่าสื่อกระแสหลักลงข่าวของพวกเขาน้อยไป พวกเขาจึงระดมทุนผ่านฝูงชน (Crowdfunding) บนเว็บ Indiegogo เพื่อลงข่าวของพวกเขา

ผลคือพวกเขาระดมทุนสำเร็จอย่างรวดเร็ว (ดูหน้าระดมทุนได้ที่ http://www.indiegogo.com/projects/full-page-ad-for-turkish-democracy-in-action?c=home )

ดูรูป "โฆษณา" ที่ลงใน New York Times เต็ม 1 หน้ากระดาษของพวกเขาได้ีที่ http://i.imgur.com/a13jvEA.jpg

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130607/00022723355/crowdfunding-protests-turkish-protesters-raise-over-100000-to-buy-ny-times-ad.shtml

 

เจ้าของเว็บ Proxy Pirate Bay ในอังกฤษโดนตำรวจไปเคาะประตูให้ปิดเว็บถึงบ้าน

เรื่องที่แปลกคือเว็บของเขาเปิดมาหลายเดือนแล้วก็จริง แต่แทบจะไม่มีคนใช้เป็นช่องทางเข้าไป Pirate Bay เลย

เขาสันนิษฐานว่าตำรวจต้องรวมมื่อกับกลุ่มต่อต้านลิขสิทธิ์ในอังกฤษที่ไปเจอเขาโดยบังเอิญจากผลการสืบค้นใน Google

News Source: http://torrentfreak.com/police-visit-pirate-bay-proxy-owners-home-demanding-a-shutdown-130609/

 

Games of Thrones ตอนจบ Season 3 สร้างสถิติการโหลดทอร์เรนต์พร้อมกันมากที่สุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย

โดยมีการอัปโหลดและดาวน์โหลด (ภาษาทอร์เรนต์ให้ตรงกว่านั้นคือมี Seeder และ Leecher) พร้อมกันกว่า 170,000 คน ในเวลาไม่นานหลังจากที่มีการฉายตอนจบ Season ในอเมริกา

ความนิยมอย่างล้นหลามนี้เกิดจากการที่ตอนรองสุดท้ายนามว่า The Rains of Castamere (ซึ่งมีชื่อเรียกกันเล่นๆ ว่า "The Red Wedding") เป็นปรากฎการกว้างขวางในการมีเนื้อหาที่ช็อคผู้ติดตามชมจนมีปฏิกริยากว้างขวางบนอินเทอร์เน็ตไปทั่ว (ถึงกับมีการแซวกันว่าตัวละครใน Games of Thrones ตายนั้นทำให้ผู้คนสนใจกว่าความเป็นความตายของผู้ประท้วงในตรุกี)

ที่น่าสนใจคือคนจากประเทศที่ดาวน์โหลดเยอะที่สุดคือออสเตรเลียที่ซึ่งไม่มีช่องทางถูกกฎหมายใดๆ ที่จะสามารถรับชม Games of Thrones ตอนล่าสุดได้พร้อมๆ อเมริกา

และความนิยม "โหลด" อย่างล้นหลามในการโหลดนี้ก็สร้างปรากฎการณ์ที่ช็อคพอควรเมื่อผู้สร้าง Games of Thornes มองว่ามันเป็น "คำชม" และไม่มีปัญหาอะไร ในขณะที่บรรดาคนของทางการสหรัฐมักจะยกมาเป็นตัวอย่างของการ "ขโมย" ทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกาอย่างหน้าด้านๆ

ทั้งนี้สถิติเก่าของการโหลดทอร์เรนต์พร้อมกันมากที่สุดที่ถูกทำลายไปก็ไม่ใช่อะไรอื่นตอนจากตอนแรกของ Season 3 ของ Game of Thrones นั่นเองที่มี Seeder และ Leecher พร้อมกันกว่า 160,000 คน

News Source: http://torrentfreak.com/games-of-thrones-season-finale-sets-new-piracy-record-130610/

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

Believe it or not จดหมายน้อยข้างคันแทนา

Posted: 12 Jun 2013 02:07 AM PDT


คุณเชื่อหรือไม่?

อะไรเอ่ย ?

คนกินทั้งประเทศ แต่คนปลูกทำไมยังไม่รวยซักที  จนเพื่อชาติ ?

เขาว่า ซื้อแพง ขายถูก ยังไงก็ขาดทุน

ขาดไปเท่าไหร่ ตอบไม่ได้ ตอบไม่ชัด  ไม่กล้าตอบ

เก็บไว้จนโรงสีไม่มีที่จะเก็บ ไม่รู้ไปขายที่ไหน ไม่รู้จะขายตอนไหน  คนรับจ้างเก็บชอบใจ อยากให้เก็บนานๆ

คำก็ว่าเอาเงินภาษีของประชาชนมาอุ้ม สองคำก็ว่าอุ้ม  สามคำก็ว่าอุ้ม    ขี่หลังกันมากี่ชาติแล้วจำได้ไหม

ฯลฯ ฯลฯ

รัฐบาลขาดทุนเท่าไหร่  ประเทศเสียงบประมาณไปกับโครงการนี้เท่าไหร่  บางคนก็ว่า นี่มันเงินภาษีของพวกเรานะ ต้องจับตาดู  นโยบายประชานิยมแบบนี้ จะพากับฉิบหายทั้งประเทศ

เสียงสะท้อนส่วนใหญ่นั้น ดังอยู่ในฟากของผู้ค้านทั้งหลาย ที่เป็นห่วงเป็นใย กับสถานการณ์ของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้

ทั้งอ่านข่าว ทั้งดูทีวี  ยังไม่นับกระทู้ในเฟสบุ๊ค ที่อ่านผ่านหูผ่านตา จนแทบจะตาลายเลยก็ว่าได้  *^*@*?*.. ...ทั้งนี้ทั้งนั้นชาวนายินดีรับฟังกับข้อเสนอต่างๆ ของท่านเหล่านั้น แม้จะนึกน้อยใจอยู่บ้างว่า น่าจะด่าโครงการรถคันแรกให้มันสมน้ำสมเนื้อกันบ้าง  งบเหยียบๆแสนล้านเหมือนกันนี่น่า  หรืออาจจะด่าแต่ว่าเสียงเบาไปนิด  อยากให้ด่าดังๆสักหน่อย...

แม้จะเป็นชาวนาปรังที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ จากโครงการนี้  จนเกือบจะได้เป็นชาวนาเงินล้านอยู่แล้ว  อาจจะเรียกได้ว่าเป็นชาวนาเงินล้านบนความฉิบหายของประเทศก็ว่าได้  ชาวนาก็รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยต่อเพื่อนชาวนาด้วยกันเป็นอย่างยิ่ง

หากพิจารณาในส่วนของงบประมาณ ที่นำมาใช้ และกำไรจากการขายข้าวนั้น ทุกฝ่ายต่างฟันธงว่า  เจ๊งแน่นอน  ซึ่งชาวนาก็ค่อนข้างเชื่อว่าถ้ามองในแง่นี้แง่เดียว เจ๊งก็คือเจ๊ง นั่นแหละ ชาวนา อยากให้รัฐบาลออกมายอมรับตรงนี้อย่างตรงไปตรงมา จุดอ่อนที่สำคัญเรื่องการระบายข้าวนั้น ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน  เจ๊ง ก็คือเจ๊ง นั่นแหละ …

ตอนนี้แนวโน้มของโครงการคือการปรับราคารับจำนำใหม่  อาจจะอยู่ที่ 12,000-13,000 บาทต่อตัน สำหรับข้าวนาปรัง   เอาเถอะ ยังไงก็รับได้ แค่ขอให้ราคาข้าวไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตันก็พอ ชาวนาขอแค่นี้ จริงๆ  จะให้กลับไปขายข้าวตันละ 6 – 7 พัน เหมือนแต่ก่อน  มันทำใจลำบากเหมือนกัน ต้นทุนทำนาตอนนี้อยู่ที่ 5-6 พันบาทต่อไร่ แล้ว ขอรับ .... มาถึงตรงนี้ก็จะมีเสียงแซ่ซ้องกันมาอีกว่าก็ชาวนาไทยทำนาต้นทุนแพง  ไปลดต้นทุน ไปลดต้นทุน ๆๆๆ 

ครับๆๆๆๆ ข้าก็พยายามลดอยู่เนี่ย  เอ็งหยุดเปรียบเทียบแล้วมาดูข้าก่อน....ข้าไม่อยากเสียสักบาทโน่นหล่ะเอ็งเอ้ย

ท่ามกลางเสียงบ่นกันอื้ออึงว่า เจ๊งแล้ว เจ๊ง แล้ว  (โปรดสังเกต ชาวนาใช้คำนี้เกือบทุกย่อหน้า แสดงว่า น่าจะเจ๊งจริง) ชาวนามองเห็นอะไรบ้าง ในสังคมเพื่อนชาวนาด้วยกัน  นอกจากคำว่า เจ๊ง  ที่บรรดาผู้เป็นห่วงเป็นใยกำลังเป็นห่วงกัน

ถ้าชาวนาพูด คุณจะเชื่อหรือไม่ว่า เม็ดเงินจากโครงการรับจำนำในช่วงเวลาสองปีมานี้ ได้ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น  อย่างเห็นได้ชัดเจน

คุณเชื่อหรือไม่ ว่าชาวนานำเงินจากการขายข้าวมาปรับปรุงที่นาของตนเองให้มีศักยภาพในการทำนามากขึ้น เช่น การยกร่อง ขุดคัน  การถมถนนเข้านา  การปรับแปลงนาให้สม่ำเสมอมากขึ้น  แน่นอนว่าเที่ยวต่อไปผลผลิตข้าวต้องเพิ่มขึ้น  และช่วยลดต้นทุนเรื่องการจัดการน้ำในแปลงนาของชาวนาลงได้ด้วย เราเคยรู้/เห็นสิ่งเหล่านี้บ้างไหม

คุณเชื่อหรือไม่ว่า ชาวนานำเงินจากการขายข้าว มาลงทุนเพิ่มในกิจการทำนาของตนเอง ซื้อรถไถคันใหม่ ที่เครื่องแรงขึ้น ซื้อเครื่องมือย่ำเทือกชุดใหม่  รวมแล้ว ราคา 6-7 หมื่น  เครื่องมือเหล่านี้นอกจากใช้งานในนาของตนเองแล้ว ยังนำมาเป็นเครื่องมือหากินสำหรับรับจ้างเพื่อนชาวนาด้วยกันได้อีกด้วย  นี่คือการลงทุนใหม่ๆ ของชาวนา  คุณจะไม่ให้เขามีโอกาสอย่างนี้เลยหรือ

คุณเชื่อหรือไม่ว่า ชาวนานำเงินจากการขายข้าว ไปถอยรถเกี่ยวข้าว พร้อมกับรถเทรลเลอร์คันใหม่ สำหรับรับจ้างเกี่ยวข้าว  ทั้งหมดนี้รวม ราคา ล้านกว่าๆ นี่คือการลงทุนทางธุรกิจใหม่ของชาวนาจากฐานเดิมของตนเอง  มีใครเห็นสิ่งเหล่านี้บ้าง  นี่มันอนาคตของชาวนาที่เราอยากเห็นไม่ใช่รึ

คุณเชื่อหรือไม่ว่า คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของชาวนา หลังจากถอยรถคันแรกแล้ว จากชีวิตที่เคยอยู่แต่แถวในหมู่บ้าน เข้าจังหวัดนานๆที   รถคันแรกได้พาเพื่อนชาวนาเต็มคันรถ ไปเชียร์ทีมฟุตบอลที่เขารัก  มีเงินซื้อเสื้อทีม ตัวละแปด เก้า ร้อย ใส่ไปเชียร์ทีมบอลประจำจังหวัด ไปกันทุกแมทซ์     คุณจะให้เขาคอยดูแต่ในจอทีวีอยู่ได้ไง  อะไรมันจะมันส์เท่ากับไปเชียร์ข้างขอบสนาม จริงมั้ย  ถ้าใครไม่เล่นบอล คงไม่รู้....  ถึงจะเป็นชาวนา เราก็อยากมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจบ้าง จริงมั้ย ....

คุณเชื่อรึไม่ว่า ชาวนาบางคนทำนาแค่สิบกว่าไร่ แต่มีเงินดาวน์รถอีโคคาร์ให้ลูกขับไปสอนหนังสือในโรงเรียนเอกชน  นี่ยังไม่รวมถึงว่า ชาวนาบางคนเอาเงินจากการทำนาไปดาวน์บ้านให้ลูกที่ทำงานในกรุงเทพ ฯ   นี่มันเป็นเรื่องคุณภาพชีวิตชัดๆ

คุณเชื่อรึไม่ว่า  ระบบนาปรังภาคกลางนั้นสามารถดูดซับแรงงานได้อย่างมากมาย  ชาวนาแปลกใจมาก เมื่อเริ่มเป็นชาวนาใหม่ๆ ชาวนาเห็นบรรดาลูกหลานชาวนาปรังจำนวนมาก มีแต่คนหนุ่มๆ สาวๆ พวกเขาแค่จบชั้น ม.3 เขาหลังจากนั้นก็อยู่ช่วยครอบครัวทำนา และเป็นแรงงานรับจ้างในแปลงนาไปพร้อมกัน  บางคนขยับฐานะขึ้นมาเป็นเจ้าของรถเกี่ยวข้าวแล้วก็มี  คนที่ทำงานฝีมือดี  แต่ละวันรับโทรศัพท์แทบจะไม่ว่าง   ต้องรอคิวกันเลยทีเดียว   ขนาดหนุ่มคนพิการทางหูคนหนึ่ง  เมื่อครอบครัวมีทุนออกรถไถนา คูโบต้า ให้เขารับจ้างทำเทือก  ในฤดูทำนาหนึ่งๆ เขาแทบไม่ว่างเลย   ถึงจะพูดคุยกันไม่ได้ แต่หนุ่มชาวนาคนนี้ขับรถไปยังแปลงนาถูกเป้าหมายทุกแปลง  รายได้ของเขาสามารถเลี้ยงดูภรรยา ได้อย่างสบายๆ  อึ้งล่ะสิ  นี่มันเป็นเรื่องคุณภาพชีวิต ชัดๆ (ย้ำอีกที)

จะทำอย่างไร ในขณะที่เราพูดกันว่า ปีนึงชาวนาประเทศไทยปลูกข้าวได้ประมาณ 30 ล้านตันเศษๆ    นำมาบริโภคภายในประเทศและแปรรูปประมาณ 20 ล้านตัน และส่งออกประมาณ 10 ล้านตัน (ข้อมูลประมาณการ  ตอนนี้คงส่งออกต่ำกว่าเป้า จะเจ๊งแล้ว)   คิดเป็นมูลค่าเท่าใด ...ไม่รู้  คิดไม่ทัน ต้องถาม นักเศรษฐศาสตร์

ทำไมภาคการผลิตสินค้าที่มีคนกินกันทั้งประเทศ ส่งออกไปขายทั่วโลก กลับพากันรวยอย่างช้าๆ  ในขณะที่บรรดาพ่อค้าโรงสีพากันรวยเอา ๆ  ทำไมช่องว่างมันถ่างออกมากขึ้นทุกที

การจัดการปัญหาของโครงการนี้มีผู้เสนอไว้มากแล้ว เข้าท่าบ้าง ไม่เข้าท่าบ้าง รัฐบาลควรที่จะหยิบไปพิจารณาให้หมด ชาวนาไม่ขอเสนออะไร (ขี้เกียจคิด)  

รัฐบาลนี้  ////  โครงการรับจำนำ//// จะทำอย่างไร//// จะอุ้มใครกันแน่  ////จะขายข้าวที่ราคาไหน  //////ข้าวในสต๊อค จะขายใคร /////จะเจ๊งแล้ว ///// มีนโยบายอะไรที่ดี ก้าวหน้า กว่านี้มั้ย ? ///// มีแน่ๆ แต่รอรัฐบาลโน้นนน....ดีมั้ย

สุดท้ายแล้ว ชีวิตชาวนามัสโกออน......   ไม่ว่าข้าวจะราคาเท่าไหร่ ก็คงยังไม่หยุดทำนา  ตราบที่ยังมีนาให้ทำ  จุดยืนของพวกเราก็คือฝ่าเท้าของพวกเรานั่นเอง ......แน่นอนว่าเราไม่มีฟูกมารองหลัง อย่างเวลาคนรวยล้ม ......  ไม่อุ้มเราไม่เป็นไร แต่อย่ามาขี่หลังเราได้มั้ย  มิตรสหายคนหนึ่งกล่าวไว้....

สุดท้ายอีกที ขอดราม่า มั่งได้มั้ย ชาวนารู้สึกเศร้าใจมากๆ ถึงมากที่สุด เมื่อได้เห็นบรรดาผู้ไม่ได้ทำนา พากันก่นดาชาวนา กันอย่างไม่หยุดยั้ง ชาวนาขอได้ไหม ขอนิดเดียว   ถ้าคุณไม่อยากกินข้าว ขอให้ไปกินหญ้าแทนได้ไหม  เวลาอ่านที่คุณด่ามันเศร้านะ ......

 

 

หมายเหตุ: ภาพประกอบโดย นิรมล ยุวนบุณย์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เตือนอันตรายจากไฟดูดหน้าฝน แจ้งสายด่วน 1669

Posted: 12 Jun 2013 02:02 AM PDT

นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)  กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนมีอันตรายจากไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าดูด เนื่องจากละอองฝนอาจกระเด็นไปโดนปลั๊กไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจนอาจส่งผลให้เกิดไฟฟ้าช็อตหรือไฟฟ้าลัดวงจรได้ ส่วนอาการของคนที่โดนกระแสไฟฟ้าดูด กระแสไฟจะไหลผ่านหัวใจทำให้หัวใจหยุดทำงาน และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆ ที่เป็นทางผ่านของกระแสไฟฟ้า เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะในช่องท้อง และระบบประสาท ซึ่งหากกระแสไฟฟ้ามีแรงสูงมากๆ จะส่งผลให้เนื้อเยื่อที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านถูกทำลายอย่างรุนแรง และจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บของอวัยวะในช่องท้องได้ บางคนอาจมีอาการชักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย หายใจเร็วและหมดสติ  ทั้งนี้หากเราพบเห็นผู้ถูกไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าช็อตในระหว่างการเข้าให้การช่วยเหลือหรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นจะต้องรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างถูกวิธี เพราะผู้ป่วยจะได้รับอันตรายมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ถูกไฟฟ้าดูด และการช่วยเหลือที่ทันกาลและถูกวิธีจะเพิ่มโอกาสรอดให้กับผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย

ขณะที่นายผดุงเกียรติ คุ้มมะม่วง  เจ้าหน้าที่อาสาฉุกเฉินการแพทย์ (FR) องค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา แนะนำวิธีการเข้าช่วยเหลือผู้ถูกไฟฟ้าดูดว่า  จะต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ถูกไฟดูด ไฟช็อตให้เร็วที่สุด แต่การเคลื่อนย้ายจะต้องทำด้วยความระมัดระวังด้วยเพราะผู้ป่วยอาจได้รับบาดเจ็บในบริเวณอื่นด้วย เช่น ตกจากที่สูง นอกจากนี้การช่วยเหลือจะต้องป้องกันตนเองไม่ให้ถูกไฟดูดหรือเป็นผู้ประสบเหตุเองด้วย โดยต้องรีบหาแหล่งที่เกิดไฟฟ้ารั่วและหาทางตัดวงจรไฟฟ้าเสียก่อน ส่วนในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินถูกกระแสไฟฟ้าดูดและมีสายไฟผ่านตัวผู้ป่วยอยู่ จะต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวน ไม่นำกระแสไฟฟ้า เช่น ไม้ เชือกที่แห้ง สายยาง ถุงมือยางหรือผ้าแห้งพันมือให้หนา จากนั้นผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบเหตุให้หลุดออกมาโดยเร็ว หรือเขี่ยออกจากตัวผู้ประสบอันตรายออกจากกระแสไฟ แต่หากเป็นกระแสไฟฟ้าแรงสูงควรแจ้งการไฟฟ้าโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ตัดกระแสไฟฟ้า รวมถึงโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพที่สายด่วน 1669

นอกจากนี้หากผู้ถูกไฟดูดโดดดูดในบริเวณที่มีน้ำขัง ผู้ช่วยเหลือไม่ควรลงไปในน้ำเด็ดขาดจะต้องตัดกระแสไฟฟ้าก่อนเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งการเข้าไปช่วยเหลือจะต้องทำด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ และระมัดระวัง จากนั้นห่อหุ้มบริเวณที่ถูกไฟดูดด้วยผ้าแห้ง และหากมีบาดแผลบริเวณนั้นหรือไม่แน่ใจว่ามีการบาดเจ็บของผิวหนังและเนื้อเยื่อของร่างกายบริเวณที่ถูกสัมผัสหรือไม่ จะต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที อย่างไรก็ตามสำหรับการปฐมพยาบาลหากพบว่าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้น จะต้องรีบดำเนินการช่วยเหลือให้ฟื้นคืนชีพทันที

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

คนไทยหัวใจรักชาติร้องทหารใช้อำนาจหยุดรัฐบาลเจรจาพระวิหาร

Posted: 12 Jun 2013 01:38 AM PDT

ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นำคนไทยหัวใจรักชาติ ร้อง ผบ.ทบ.ใช้อำนาจความมั่นคงหยุดการดำเนินการของรัฐบาลกรณีศาลโลกในการพิจารณาข้อพิพาทเขาพระวิหาร เตรียมยืนรายชื่อต่อ UN พรุ่งนี้ เพิ่มกว่า 5 ล้านชื่อ ค้านการตีความของศาลโลก

12 มิ.ย. 56 เวลา 11.00 น. ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ประตูฝั่งตรงข้ามเวทีมวยราชดำเนิน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่าวภาคประชาชนไทย ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มพลังประชาธิปไตย สภาเกษตรกรไทยแห่งชาติ สมาพันธ์เกษตรกรไทย แนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน และกลุ่มประชาชนต่างๆ เดินทางมายื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เรียกร้องให้ใช้อำนาจหน้าที่หยุดยั้งนักการเมืองในรัฐบาลและในรัฐสภาในการทำลายชาติ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยแห่งราชอาณาจักรไทย โดยขอให้มีการใช้อำนาจความมั่นคงในการหยุดยั้งการดำเนินการของรัฐบาล กรณีการเข้าร่วมกับศาลโลกในการพิจารณาพื้นที่ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมี ร.อ.ประเวศย์ สูชัยยะ หัวหน้านายทหารเวรกองทัพบกเป็นตัวแทนรับหนังสือ

ทั้งนี้ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพราะต้องการให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารที่ทำเพื่อประเทศชาติ และราชบัลลังค์ พร้อมกันนี้ต้องการให้ทหารภายใต้การนำของผบ.ทบ.คนปัจจุบันได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการหยุดยั้งนักการเมืองในรัฐบาลและในรัฐสภาที่นำอำนาจของปวงชนมาทำลายชาติ และทำลายความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมรายชื่อประชาชนจำนวน 5,084,979 รายชื่อที่สนับสนุนมายื่นคัดค้านการตีความของศาลโลกกรณีเขาพระวิหารด้วย

นายไชยวัฒน์  กล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวในขณะนี้ไม่ได้เป็นการกดดันรัฐบาล แต่ต้องการกดดันอาจตุลาการและอำนาจความมั่นคง ให้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ โดยในวันพรุ่งนี้ เวลา 11.00 น. จะนำรายชื่อประชาชนเพิ่มเติม เข้ายื่นต่อองค์การสหประชาชาติด้วย ซึ่งรายชื่อในขณะนี้มีมากกว่า 5 ล้านรายชื่อแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ทางแกนนำและเครือข่ายฯจะเดินทางไปยื่นหนังสือดังกล่าวต่อ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ

ภายหลังที่ได้มีการยื่นหนังสือต่อประธานศาลฎีกา เพื่อขอให้มีการใช้อำนาจตุลาการ หยุดยั้งกระกระทำของรัฐบาลและรัฐสภา ที่กำลังทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย เนื่องจากเห็นว่า ประธานศาลฎีกา มีอำนาจสูงสุดในการถ่วงดุลอำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร

เรียบเรียงจาก มติชนออนไลน์ และ ASTVผู้จัดการออนไลน์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น