โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ: ชั่วไม่ช่างชี ดีไม่ช่างสงฆ์

Posted: 21 Jul 2013 09:45 AM PDT

ข่าวที่เป็นเรื่องฮือฮาตามหน้าหนังสือพิมพ์ในขณะนี้ก็คือ ปัญหาในวงการสงฆ์ เรื่องที่มีผู้ติดตามมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องของพระวีรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ซึ่งล่าสุดก็ยังคงมีข่าวอื้อฉาวบรรเลงกันสนุกบนหน้าสื่อทุกวัน คำเรียกหาหลวงปู่ก็เปลี่ยนไป วันนี้เรียกกันอย่างทำลายศักดิ์ศรีว่า "ไอ้คำ"บ้าง "สมีคำ"บ้าง "โล้นคำ"บ้าง และบางสื่อก็โยงกลับไปถึงตำนานอดีตพระภิกษุ ที่เคยมีข่าวอื้อฉาวในลักษณะเดียวกัน เช่น พระยันตระ พระนิกร ภาวนาพุทโธ ฯลฯ

ตามประวัติ พระวีรพล เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2522 ที่ตำบลทรายมูล อำเภอพิบูลมังสาหาร อุบลราชธานี เริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ต่อมา บวชเณรเมื่ออายุ 15 ปี แล้วไม่ได้สึก จนได้บวชเป็นพระภิกษุเมื่อ พ.ศ.2542 ได้ฉายาว่า ฉัตติโก พระวีรพลกลายเป็นพระที่มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วมาก จากการแสดงความรอบรู้ในพระธรรมวินัย และความสามารถในการอธิบายหลักธรรม จนในที่สุดเป็นพระภิกษุที่มีสานุศิษย์มาก ทั้งที่อายุยังน้อย ตั้งตัวเป็นหลวงปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึง 30 ปี และได้รับบริจาคที่ดินจนสามารถนำมาสร้างสำนักสงฆ์สันติธรรม ที่อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีษะเกษ ตั้งแต่ พ.ศ.2542 จากนั้น ก็มีผู้เสื่อมใสถวายที่ดินจนทำให้มีการขยายสาขาเป็นสำนักสงฆ์ขันติบารมี จำนวนถึง 202 สาขา รวมทั้งสาขาเลคเอลซินอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

ต่อมา ตามตำนานของหลวงปู่ เล่าว่า ท้าวสักกะเทวราชได้มาอาราธนาให้หลวงปู่สร้างพระแก้วมรกตใหญ่ที่สุดในโลกที่วัดป่าขันติธรรม จึงได้เรี่ยไรเงินบริจาคมาสร้างเป็นพระปางสมาธิสูงถึง 18.5 เมตรทำด้วยหินหยกสีเขียวจากอินเดีย หลวงปู่เล่าว่า พระแก้วมรกตนี้ทำขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานดอกไม้สด 4 พาน ให้แก่หลวงปู่เณรคำเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2556

หลวงปู่เณรคำได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมงานวิสาขบูชาที่กรุงปารีส ในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ที่ผ่านมานี้ แต่ก็เหมือนกับมีมารมาผจญให้ชีวิตหักเห เพราะในระหว่างที่หลวงปู่ยังอยู่ฝรั่งเศส ในวันที่ 16 มิถุนายน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ได้เปิดเผยว่า ได้มีการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากในเชิงตำหนิติเตียนว่า พบเห็นภาพพระสงฆ์บางรูปมีเครื่องบินส่วนตัว มีรถยนต์หรู และมีเครื่องใช้ไม้สอยราคาแพง ฟุ่มเฟือยมาก ผิดจากสถานะแห่งความเป็นสงฆ์ โดยมีภาพแสดงเป็นคลิป พระ 3 รูปนั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว หูเสียบหูฟังไอโฟน สวมแว่นตาเรย์แบรนด์สีดำและกระเป๋ายี่ห้อดังหลุยวิกตอง เมื่อมีการสอบสวนต่อมา พบว่า หนึ่งในพระเหล่านั้น คือ หลวงปู่เณรคำ ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ภาพในเฟซบุคของตนเอง เพื่อต้องการที่จะอวดความร่ำรวย

ข่าวนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นนำมาซึ่งการขุดคุ้ยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำ จนล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยว่า พระวีรพล จะถูกแจ้งดำเนินคดี 8 คดี คือ  1.ใช้สื่อสารสนเทศลงโฆษณาอันเป็นเท็จ 2.กระทำชำเราเด็กหญิง และพรากผู้เยาว์ 3.หลบเลี่ยงภาษีรถหรู 4. กรณีเสพยาเสพติดให้โทษ 5. กรณีวุฒิการศึกษาเป็นเท็จจากการอ้างว่า จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก 6.คดีฆ่าคนตายโดยประมาทจากการขับรถชนคนตาย 7. ความผิดฐานฟอกเงินกรณีการเบียดบังเงินบริจาคไปซื้อทรัพย์สินและนำเงินไปฝากในต่างประเทศ และ 8.การอวดอุตริ อภินิหาร

นอกเหนือจากนี้ ยังมีหนังสือพิมพ์บางฉบับพยายามกล่าวหาเพิ่มเติมว่า หลวงปู่เณรคำ สร้างความร่ำรวยมาจากการค้ายาเสพติดข้ามประเทศ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่จะต้องมีการขุดคุ้ยติดตามต่อไป

สรุปแล้ว เรื่องหลวงปู่เณรคำกลายเป็นละครเรื่องยาวที่ช่วยกันเขียนบทโดยตำรวจกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสื่อทั้งหลาย และเป็นแนวเรื่องแบบเมโลดรามา คือ ตัวละครเวลาดีก็ดีใจหาย เป็นพระทรงปริยัติธรรมที่ผู้คนนับถือเลื่อมใสทั่วแผ่นดิน พอถึงบทเลวก็เลวสุดขีดราวกับมารร้ายมาจากขุมนรก ซึ่งผมเห็นว่า กรณีของหลวงปู่เณรคำ สะท้อนลักษณะของปัญหาทางวัฒนธรรมและความคิดเรื่องใหญ่ในสังคมไทยที่น่าจะต้องรีบแก้ไข มิฉะนั้นแล้ว ศรัทธาในศาสนาของคนคงเสื่อมลงยิ่งกว่านี้

พระสงฆ์ในสังคมไทย ถือเป็นผู้สืบศาสนา รักษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ชายที่เข้ามาบวชในผ้ากาสาวพัตรต้องปฏิบัติพระวินัยจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญคือต้องถือศีลพรหมจรรย์ จะมีความสัมพันธ์กับสตรีมิได้ สังคมไทยมักจะถือกันว่า พระภิกษุเหล่านี้เป็นเนื้อนาบุญ เป็นตัวแทนความดีในสังคม เป็นที่มาแห่งศรัทธาในพระศาสนา ทายกจำนวนมากก็จะทำบุญ บริจาคเงินทองและข้าวของให้แก่พระเหล่านี้ โดยหวังว่าตนเองจะได้ส่วนบุญที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีในภายภาคหน้า นอกจากนี้ ยังต้องให้เงินและสิ่งของตอบแทนในกรณีของการประกอบพิธีกรรม เช่น งานพิธีศพ การทำบุญในเทศกาลสำคัญ การสะเดาะเคราะห์ สังฆทาน และอื่นๆ

และจากการที่ศาสนาพุทธเป็นสถาบันหลักอันหนึ่งของสังคม เราจึงแกล้งลืมกันว่า วัดจำนวนมากนั้นร่ำรวยจนถึงร่ำรวยมาก ไม่ใช่วัดป่าขันติธรรมเท่านั้นที่ร่ำรวย วัดระดับอำเภอ ระดับจังหวัด จำนวนมากก็ร่ำรวยและมีทรัพย์สินมาก ยิ่งวัดสำคัญในส่วนกลาง หรือวัดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ก็ร่ำรวยและมีทรัพย์สินมหาศาล ตัวอย่างเช่น วัดหลวงพ่อโสธร วัดพระปฐมเจดีย์ วัดบวรนิเวศ วัดเทพศิรินทร์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดบ้านแหลม วัดไร่ขิง ฯลฯ วัดเหล่านี้ล้วนร่ำรวย ถ้ามีการตรวจสอบ ทรัพย์สินคงมหาศาล เงินบริจาคก็คงเป็นจำนวนมากโขแทบทุกวัน วัดหลวงพ่อคูณที่นครราชสีมา หรือแม้กระทั่งวัดสวนแก้วของหลวงพ่อพระพยอม วัดสวนโมกข์ที่ไชยา ก็มีเงินจำนวนมิใช่น้อย แต่ผู้บริจาคก็ไม่ได้คิดว่า การที่วัดมีเงินมาก หรือพระจะร่ำรวย เป็นปัญหา เพราะเชื่อกันว่า พระเหล่านี้ ก็จะนำเงินไปใช้ในทางที่เป็นบุญกุศล และผู้บริจาคเงินก็จะได้รับผลบุญด้วย

ปัญหาสำคัญจากเรื่องนี้ คือ การคาดหมายต่อพระสงฆ์ที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ และเกินจากความเป็นจริง โดยไม่พิจารณาว่า ชายที่เป็นพระสงฆ์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ที่ยังอาจตัดกิเลสไม่ได้ เมื่อสังคมคาดหมายความดีอย่างมาก แต่พระเหล่านี้ปฏิบัติจริงไม่ได้ ก็ต้องถูกบีบให้หลอกลวง กลายเป็นนักลวงโลก พระภิกษุหลอกลวงจึงมีอยู่ทั่วไป และจากการที่ที่มีเงินบริจาคอันมหาศาล ทำให้การเป็นพระภิกษุกลายเป็นอาชีพที่หาเงินคล่องอาชีพหนึ่ง จึงกลายเป็นว่า พระภิกษุเหล่านี้ ก็จะเป็นเหยื่อรอวันเปิดโปง ว่าวันไหน จะมีพระรูปไหนถูกเปิดเผยตัวตนออกมาอีก แล้วสังคมก็จะรุมประณามราวกับไม่ใช่มนุษย์

แต่ก็อยากจะตั้งข้อสังเกตว่า พระที่จะถูกเปิดเผย มักเป็นพระบ้านนอก หรือ พระชั้นกลาง ที่ไม่เจียมตัว ทำอะไรผิดพลาด การโจมตีไม่เคยขึ้นไปถึงพระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีพัดยศสมณศักดิ์ปกป้องตัว เราไม่เคยตั้งตำถาม หรือคิดจะตรวจสอบกันว่า พระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีสมณศักดิ์สูง อยู่ในมหาเถระสมาคม หรือเป็นเจ้าอาวาสวัดระดับใหญ่ในกรุงเทพฯ จะมีวัตรปฏิบัติอย่างไร นั่นรถยนต์หรูอะไรหรือไม่ ไปต่างประเทศอย่างไร มีเงินบริจาคเท่าใด มีทรัพย์สินขนาดไหน และมีการใช้จ่ายเงินในทางไหนบ้าง นำไปให้พ่อแม่พี่น้องครอบครัวอย่างไรหรือไม่

ดังนั้น แทนที่ตั้งหน้าตั้งตาโจมตีเปิดโปงพระเณรคำ หรือคอยหาเหยื่อว่าจะมีพระรูปใด ที่มีวัตรปฏิบัติอันนอกรีต จะได้มาเปิดโปงกันอีก เราหาทางมาแก้ปัญหาต้นเหตุกันให้ตรงจุดไม่ดีกว่าหรือ ด้วยการดำเนินการให้วัดทั่วประเทศ และเจ้าอาวาสของวัดเหล่านี้ ต้องทำบัญชีทรัพย์สินและเงินบริจาค แล้วรายงานให้สำนักงานพระพุทธศาสนาทราบทุกปี โดยเฉพาะวัดขนาดใหญ่ และพระเจ้าอาวาสที่มีสมณศักดิ์สูง และแม้แต่พระชั้นผู้ใหญ่ในมหาเถระสมาคมก็ควรทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เพื่อจะได้เปิดเผยและโปร่งใสว่า วัดและพระเหล่านี้มีรายได้เท่าไร อย่างไร มีทรัพย์สินขนาดไหน และเพิ่มขนาดไหนต่อปี เอาเงินไปใช้อะไรกันบ้าง

การทำให้วัดโปร่งใส และตรวจสอบได้ จะเป็นมาตรการหนึ่งช่วยทำให้พระเหล่านี้ ได้เป็นพระภิกษุที่วัตรปฏิบัติอันงามได้อย่างแท้จริง และจะเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดพระภิกษุอื้อฉาวในลักษณะนี้อีก และ พระศาสนาก็จะยั่งยืนเป็นที่นับถือกันสืบไป

 

 

ที่มา: โลกวันนี้วันสุข 20 กรกฎาคม 2556

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ประกาศปิดเพจ SS 'ยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคม' หลังเสียบเป้าผิด กรณีไล่ที่ 'พลทหารมังกรทอง'

Posted: 21 Jul 2013 06:53 AM PDT

เพจยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคม หรือ SS ประกาศปิดเพจ หลังเสียบประจานผิดคน-โดนแจ้งความ กรณี รพ.พระมงกุฏไล่ที่ 'พลทหารมังกรทอง' ทางเพจยังคงคอมเมนท์ตอบผู้แสดงความเห็นแม้ประกาศปิดไป 6 ชม.แล้ว แจงปิดเพจไม่ได้ประกาศลบหน้า

โพสต์ประกาศปิดเพจของ SS

เมื่อเวลา 11.00 น. และ  13.00 น. แฟนเพจในเฟซบุ๊ก ชื่อ "ยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคม - Social Sanction: SS" ได้โพสต์ ประกาศปิดเพจตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการโพสต์ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน กรณีข่าวของ พ.ท.หญิงโสภา แห่ง รพ.พระมงกุฏไล่ที่ขายล็อตเตอรี่อดีตพลทหารมังกรทอง  ลิ้มประเสริฐกุล หรือแชมป์ แต่ส่งผลต่อ พ.ต.หญิง โสภา แห่ง รพ.ค่ายกาวิละ เนื่องจากเพจดังกล่าวได้นำภาพของ พ.ต.หญิงโสภา แห่ง รพ.ค่ายกาวิละ ซึ่งมีการเบลอหน้ามาเสียบประจานจนมีการแชร์ในเฟซบุ๊กพร้อมการด่าทอจำนวนมาก กระทั่งสามีของผู้เสียหายมาทักท้วง พร้อมระบุด้วยว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว

ในประกาศปิดเพจของ SS ทีมงานเพจยุทธการณ์ลงทัณฑ์ทางสังคม ระบุว่า จากกรณีปัญหาที่ SS ได้นำเสนอข้อร้องเรียนจากเพื่อนสมาชิกเรื่อง "พันโทหญิงโสภา แห่ง รพ.พระมงกุฏ" ไล่ที่ขายลอตเตอรี่ของน้องแชมป์ (พลทหารมังกรทอง) เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2556 ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทุกประการที่ปรากฏตามข่าวต่อมา แต่ SS ผิดพลาดตรงที่ได้นำภาพของ "พันตรีหญิงโสภา แห่ง รพ.ค่ายกาวิละ" เชียงใหม่ มาทำเป็น "ภาพประกอบข่าว" โดยทำการเบลอหน้าตามมารยาทแล้ว (เพราะไม่มั่นใจว่าจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่? หรือถ้าใช่ก็อาจจะเป็นภาพเก่าสมัยเป็นพันตรี) ทั้งนี้ ในพาดหัวข่าวและเนื้อหาก็เขียนชัดว่า "พันโทหญิงโสภา แห่ง รพ.พระมงกุฏ"

"ในวันเดียวกันนั้น หากข่าว 9 อสมท.สำนักข่าวไทย มิได้ออกข่าวขยายผลว่า "ภาพดังกล่าวคือ..พันตรีหญิงโสภา บุญชุม แห่ง รพ.ค่ายกาวิละ เชียงใหม่" คนส่วนใหญ่ก็ยากที่จะทราบว่าภาพดังกล่าวคือใคร เพราะ SS เบลอหน้าไว้แล้ว และไม่ได้เขียนตรงไหนว่าภาพดังกล่าวคือ "พันตรีหญิงโสภา บุญชุม ที่ รพ.ค่ายกาวิละ เชียงใหม่"  อย่างไรก็ตาม ทีมงาน SS กราบขออภัยต่อ พันตรีหญิงโสภา บุญชุม และครอบครัวที่ได้รับผลกระทบโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการ "ปิดเพจ" ไปจนกว่า พันตรีหญิงโสภา บุญชุม และครอบครัว จะให้อภัย SS" ประกาศของ SS ระบุ

เพจดังกล่าวระบุด้วยว่า ขอย้ำว่า "เรา" ไม่มีเจตนาโทษใคร เราขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โปรดอย่าพยายามแปลความว่าเป็นการ "แถ" เป็นเพียงแต่เราจำต้องชี้แจงทุกอย่างตามข้อเท็จจริง

ล่าสุดเพจดังกล่าวยังมีการโพสต์ตอบโต้ผู้ที่มาคอมเมนท์อยู่โดยตลอด อย่างกรณีผู้ใช้ชื่อในเฟซบุกว่า "Prach Panchakunathorn" เข้าไปแสดงความเห็นว่า "การ "ปิดเพจ" มันคือการปิดไปเลย ลบเพจไปเลย ไม่ใช่แค่หยุดการโพสท์ จนกว่าเจ้าทุกข์จะให้อภัย สัญญาอะไรไว้ก็รักษาคำพูดหน่อย มาเล่นคำแบบนี้มันน่าสมเพช ...ถ้ารักษาคำพูดแค่นี้ ยังไม่มีศักดิ์ศรีพอ" เพจ SS ได้โต้อกลับโดยทำภาพมาชี้แจงว่า ไม่ได้ประกาศลบหน้าเพจแต่อย่างใด

โพสต์ชี้แจงว่าไม่ได้ประกาศลบเพจ ของ SS

ทั้งนี้เฟซบุ๊กแฟนเพจยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคม - Social Sanction: SS ปัจจุบันมีผู้กดไลค์อยู่ 35,600 ไลค์ เป็นเพจที่ตั้งมาตั้งแต่ต้นปี 2553 และถูกร้องเรียนจนมีการปิดเพจไปพักหนึ่งก่อนที่จะมีการเปิดใหม่ช่วงกลางปี 2553 จนถึงปัจจุบัน โดยช่วงแรกเพจนี้บทบาทและสร้างความวิตกกังวลต่อผู้คิดต่างทางการเมืองโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจำนวนมากในเฟซบุ๊ก จากพฤติกรรมที่มักทำการเสียบประจานบุคคลต่างๆ รวมถึงการล่าแม่มดของเพจนี้ โดยเอาข้อมูลส่วนบุคคลและภาพของผู้ที่เพจนี้กล่าวหาว่าหมิ่นและผู้วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ รวมทั้งเป็นฝ่ายที่สนับสนุนเสื้อแดง มาโพสต์เผยแพร่ในเพจเพื่อให้เกิดการรุมด่า และบางครั้งเลยไปถึงการคุกคามทางอื่น เช่น กดดันให้มีการไล่ออกจากที่ทำงาน เป็นต้น

จากรายงานประจำปีเครือข่ายพลเมืองเน็ต เสรีภาพและวัฒนธรรมอินเตอร์เน็ตไทย พ.ศ.2554 ที่จัดทำโดยเครือข่ายพลเมืองเน็ตระบุว่า ชุดวาทกรรมหลักของ SS ที่ใช้ในการด่าทอฝ่ายต่อต้านอำนาจเก่ามีศูนย์กลางที่ความคิด "ความเป็นไทย" ที่อยู่ภายใต้แนวคิดสมบูรณาญาสิทธิราช อันได้แก่ การเป็นคนไทยต้องจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินไทย หากผู้ใดตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์หรือไม่แสดงความรักต่อสถาบันพระมหากษิตริย์ ไม่เช่นนั้นถือว่าไม่ใช่คนไทย เป็นผู้ไม่สำนึกบุญคุณต่อพระมหากษัตริย์ และถือเป็นคนเลว ดังจะเห็นได้จากวาทกรรมที่พบบ่อยๆ ในเพจนี้เช่น "เนรคุณ" "หนักแผ่นดิน" "ใจเขมร" เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าภายหลังจากเปลี่ยนรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทย เพจดังกล่าวเริ่มมีประเด็นที่หลากหลายมากขึ้น โดยมีการมุ่งเป้าไปที่การวิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลมากขึ้น พร้อมทั้งมีการหยิบเรื่องทางสังคม เช่น เรื่องเณรคำ มาวิจารณ์ รวมทั้งความสนใจในการเสียบประจานกลุ่มเป้าหมายก็ลดลงเนื่องจากมีเรื่องที่โพสต์หลากหลาย เมื่อเทียบกับช่วงแรกที่เน้นเรื่องการละเมิดสถาบันฯ บวกกับการที่เฟซบุ๊กมีการเปลี่ยนระบบเป็น Timeline ซึ่งทำให้ข้อมูลไหลไปตามเวลาที่เร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันฝ่ายที่ถูกเสียบประจานก็เริ่มมีปฏิกิริยาโต้กลับน้อยลง เพจที่ถูกตั้งขึ้นมาต่อต้านเพจ SS นี้อย่างเช่น เพจ Anti-Social Sanction เพจ Sanction Witch Doctors เพจ WHY- Social Sanction ก็ถูกปิดไป จึงทำให้เพจ SS ลดบทบาทลงแม้จำนวนยอดไลค์จะมากขึ้นกว่าเดิมถึงเกือบ 3 เท่าก็ตาม (ปี 2554 มี 13,700 ไลค์ )

 

ครอบครัว "พ.ต.หญิง โสภา" แจ้งความเอาผิดมือโพสต์รูป

ส่วนพ.ต.หญิงโสภา ผู้เสียหายนั้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา "สำนักข่าวไทย" ได้ตรวจสอบพบว่านายทหารหญิงที่ถูกนำภาพมาโพสต์ คือ "พ.ต.หญิงโสภา บุญชุม" หัวหน้าวอร์ดห้องฉุกเฉิน รพ.ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายพิรส บุญชุม อยู่บ้านเลขที่ 99/44 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สามีของ พ.ต.หญิงโสภา ยืนยันกับสำนักข่าวไทยว่าภรรยาไม่รู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากทำงานที่ จ.เชียงใหม่ มาตั้งแต่ปี 2541 คาดว่ามีการนำภาพในฐานข้อมูลของนักเรียนชั้นนายพัน ในช่วงที่ภรรยาลงเรียนที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วไปเผยแพร่ เนื่องจากมีชื่อเหมือนกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าไล่ที่พลทหารมังกรทอง

นายพิรส กล่าวว่า หลังมีการส่งต่อข้อความและภาพทางอินเทอร์เน็ต ครอบครัวก็ได้รับผลกระทบ มีคนรู้จักโทรมาสอบถามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อตรวจสอบจึงพบว่ามีข้อความต่อว่าภรรยาอย่างรุนแรง ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทำให้ตัดสินใจไปแจ้งความลงบันทึกประจำไว้ที่ สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ขณะที่วันนี้จะเดินทางไปที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จ.เชียงใหม่ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหาตัวผู้ที่โพสต์รูปมาแสดงความรับผิดชอบ

"ผมไม่ทราบเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้น และไม่อยากยุ่ง ขอเพียงให้คนโพสต์รูปมารับผิดชอบกรณีใส่รูปผิดเท่านั้น คาดว่าน่าจะชื่อเหมือนกัน แต่คนละนามสกุล"  นายพิรส กล่าว

 

รพ.พระมงกุฎเกล้า ยันไม่มีการไล่ที่ "พลทหารมังกรทอง" ชี้เป็นการกระทำโดยพลการ

ขณะที่กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงาน (20 ก.ค.) ว่า พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน ร.พ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเผยถึงกรณีที่มีการส่งต่อข้อความทางโซเชียลมีเดีย อ้างว่า พลทหารมังกรทอง ลิ้มประเสริฐสกุล หรือ น้องแชมป์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนทำให้ร่างกายทุพลภาพ ถูกทหารหญิงยศพันโท ของร.พ. พระมงกุฎเกล้า ไล่ที่ห้ามขายลอตเตอรี่ บริเวณริมทางเดินภายใน ร.พ.พระมงกุฎเกล้า ว่าทหารหญิงคนดังกล่าวมีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุงและการไปต่อว่าพลทหารมังกรทอง เนื่องจากรู้สึกว่าแผงลอตเตอรี่กีดขวางเส้นทาง ทำให้เข็นรถผู้ป่วยลำบาก ถือเป็นการกระทำโดยพลการ พล.ต.ชุมพร เปี่ยมสมบูรณ์ ผอ.รพ.พระมงกุฎเกล้า ไม่รู้เห็น และไม่มีนโยบายไล่ที่พลทหารมังกรทอง ซึ่งที่ผ่านมาพลทหารมังกรทองได้ขออนุญาตขายลอตเตอรี่ในเขตโรงพยาบาล และโรงพยาบาลได้อนุมัติให้เป็นกรณีพิเศษมานานแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นโรงพยาบาลไม่รู้เห็น ถือว่าเป็นเรื่องระหว่างบุคคล อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการเรียกตัวพันโทหญิงคนดังกล่าวมาตักเตือน

ด้าน นายนพรัตน์ ลิ้มประเสริฐสกุล พ่อของน้องแชมป์ กล่าวว่า การขับไล่มีมาตลอด ซึ่งตนและน้องแชมป์ก็ย้ายที่ขายมาตลอดเช่นกัน ทั้งๆ ที่มีหนังสืออนุญาต โดยเหตุการณ์ที่ถูกโพสต์ในโซเซียลมีเดีย และกำลังแชร์อย่างมากมายเกิดขึ้นเพราะอาสาสมัครชาวฮอลแลนด์ที่เดินทางมาช่วยเหลือทหารที่ได้รับผลกระทบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางมาเยี่ยมน้องแชมป์และอยู่ในระหว่างการพูดคุยเพื่อจะลากลับประเทศ ในระหว่างนั้นมี พันโทหญิงท่านหนึ่งเดินมาพบและพูดจาขับไล่ให้ไปพูดคุยที่อื่น พร้อมทั้งยังไล่ให้น้องแชมป์ไปขายลอตเตอรี่ที่อื่นด้วย ทำให้อาสาสมัครชาวฮอลแลนด์ไม่พอใจและโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความไม่เหมาะสม กรณีที่ทหารที่มียศสูงไปรังแกคนที่ด้อยกว่า

ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อยู่ในความรับผิดชอบของกรมแพทย์ทหารบก เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกด้วย ส่วนการกระทำของนายทหารหญิงคนดังกล่าว ไม่มั่นใจว่า ถูกกฎกติกาหรือไม่ แต่เชื่อว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชา น่าจะให้ความสนใจ โดยคงจะต้องมีการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไรให้โดยเร็วที่สุด เพราะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ส่วนพลทหาร มังกรทอง ที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติราชการ ยืนยันว่า กองทัพคงไม่ทอดทิ้งต้องดูแลกัน ถ้าปล่อยเรื่องเช่นนี้ไว้คงไม่งาม ไม่ว่าจะเป็นคนของเรา หรือคนของใคร

สำหรับ พลทหารมังกรทอง  ลิ้มประเสริฐกุล หรือแชมป์ วัย 19 ปี ในปี 2551 เขา  สังกัด ร. 7 พัน 1  ค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่  ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ระหว่างปฏิบัติภารลาดตระเวนคุ้มครองครู  เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551เขาและชุดรักษาความปลอดภัย ถูกลอบวางระเบิด และถูกยิงซ้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง  นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ 3 เดือน และต้องรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎอยู่ 2 ปี หลังจากออกจากโรงพยาบาล ได้รับมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พระราชทานอาชีพ การขายสลากกินแบ่งรัฐบาล  โดยน้องแชมป์ และคุณพ่อ  ช่วยกันขายหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

คำสั่งห้ามจำหน่ายสุราทั่วประเทศเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เริ่มหลังเที่ยงคืนนี้

Posted: 21 Jul 2013 05:39 AM PDT

มาตรการงดจำหน่ายสุราช่วงวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษาจะเริ่มขึ้นหลังเวลา 24.00 น. คืนนี้ จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันอังคาร และจะมีการตั้งจุดตรวจปริมาณแอกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

วันนี้ (21 ก.ค.) สำนักข่าวไทย รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ซึ่งระบุว่า สตช. ขอความร่วมมือประชาชนในการงดดื่มสุราในวันสำคัญทางศาสนา  ส่วนของผู้ค้า ทั้งร้านค้าทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตและปั๊มน้ำมัน ห้ามให้มีการจำหน่ายสุราตั้งแต่หลังเวลา 24.00 น. ของวันที่ 21 กรกฎาคม ต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 24.00  น.ของวันที่ 23 กรกฎาคม  ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ตำรวจจะเน้นการตั้งจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอลล์ผู้ใช้รถเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ทั่วประเทศในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลเพื่อความปลอดภัย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

คนงานแมคโดนัลด์นิวยอร์คผละงานประท้วงเหตุแอร์เสีย

Posted: 21 Jul 2013 03:25 AM PDT

"เกินมนุษย์จะทนทานไหว" คนงานร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง 'McDonald' ในนิวยอร์คประท้วง ทนไม่ไหวทำงานท่ามกลางอุณหภูมิสูง หลังเครื่องปรับอากาศเสียร่วมปี 

 
ที่มาภาพ: pic.twitter.com/b4RZGG5zWt
 
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 56 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคนงานในร้านแมคโดนัลด์ (McDonald) สาขาหนึ่งในนครนิวยอร์ค ได้ผละงานประท้วง หลังเครื่องปรับอากาศของร้านเสีย โดยคนงานระบุว่าอุณภูมิในครัวเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 90 องศาฟาเรนไฮต์ จนไปแตะที่ระดับ 110 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพวกเขา
 
จากเหตุความร้อนพุ่งสูงขึ้นนี้ทำให้คนงานคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากเป็นลมอีกด้วย นอกจากนี้คนงานยังได้รวมตัวกันเพื่อชุมนุมประท้วงโดยชูป้ายที่มีข้อความว่า "ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีสันติสุข (โปรด)เคารพคนงานของคุณ" (No AC / No Peace, Respect Your Workers) 
 
โดยคนงานระบุว่าพวกเขาต้องทนกับความร้อนแบบนี้ทุกปีในช่วงฤดูร้อน แม้ช่างจะทำการแก้ไข แต่สักพัก (ประมาณ 20 นาที) ความร้อนก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งเครื่องปรับอากาศเจ้ากรรมตัวนี้เสียมาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
 
ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาคนงานแมคโดนัลด์ในหลายเมืองใหญ่ของสหรัฐก็ได้ออกมาประท้วงเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้น (15 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง) และเรียกร้องสิทธิการรวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงานโดยไม่ถูกขัดขวางมาแล้ว
 
การประท้วงของคนงานแมคโดนัลด์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (ที่มาภาพ: commondreams.org)
 
อนึ่งข้อมูลจาก wikipedia.org พบว่าปัจจุบันแมคโดนัลมีสาขาทั้งหมดมากกว่า 34,000 แห่งทั่วโลก มีพนักงานมากกว่า 1,800,000 คน และในปี ค.ศ. 2012 ที่ผ่านมา มีรายได้จากการทำธุรกิจถึง 8.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
 
ที่มา:

http://www.nypost.com/p/news/local/extreme_lovin_heat_mcdonald_employees_MhKlTYzbA7rucukjXUj1NL
http://www.huffingtonpost.com/2013/07/19/new-york-mcdonalds-workers-air-conditioning_n_3624240.html

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'หมอตุลย์' ชี้ 'เสื้อแดง' ชุมนุมหน้าสภาแค่ตีกันกลุ่มต้าน

Posted: 21 Jul 2013 12:14 AM PDT

'หมอตุลย์' ชี้ 'เสื้อแดง' เตรียมปักหลักชุมนุมหน้ารัฐสภา 1 ส.ค. นี้เพื่อกดดันให้สภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทันทีที่มีการเปิดสมัยประชุมนั้น ไม่ได้เป็นการชุมนุมเพื่อหวังผลในทางปฏิบัติ แต่ต้องการเพื่อยึดพื้นที่ไม่ให้กลุ่มที่คัดค้านรัฐบาลมาชุมนุมเพื่อต่อต้านเท่านั้น

 
21 ก.ค. 56 - เนชั่นทันข่าวรายงานว่า นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณาร่างกฎหมายปรองดอง, ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมในชั้นรับหลักการ ช่วงของการเปิดสมัยประชุม สามัญทั่วไป เดือนสิงหาคมนี้ ว่า ในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ต้องมาพิจารณาและติดตามดูจากทิศทางของการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวว่าจะเป็นการพิจารณา 3 วาระรวด หรือพิจารณาตามลำดับขั้นตอน ถ้าเป็นการพิจารณาตามลำดับขั้นตอน คือ รับหลักการ พิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ทางกลุ่มอาจทำเพียงแค่การยื่นหนังสือคัดค้านเท่านั้น และเมื่อผ่านในชั้นสภาผู้แทนราษฎรเตรียมเข้าสู่ชั้นวุฒิสภาทางกลุ่มอาจจะมีการชุมนุมเรียกร้องต่อไป แต่หากการพิจารณาใช้การรวบรัดพิจารณา 3 วาระรวดอาจจะมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น
 
นพ.ตุลย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ที่นำโดยนายเล็ก บ้านดอน เตรียมปักหลักชุมนุมหน้ารัฐสภา ในวันที่ 1 สิงหาคม เพื่อกดดันให้สภา พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทันทีที่มีการเปิดสมัยประชุมว่า เชื่อว่าไม่เป็นการชุมนุมเพื่อหวังผลในทางปฏิบัติ เพราะหากกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าวต้องการความสำเร็จจริง ทำไมถึงไม่ไปเรียกร้องที่หน้าพรรคเพื่อไทย เพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยพูดมาโดยตลอดว่าประชาชนกว่า 15 ล้านเสียงเลือกมาทำหน้าที่บริหารประเทศ
 
"ผมมองว่าการชุมนุมหน้ารัฐสภา เป็นการตีขลุมมากเกินไป ซึ่งการที่คนเสื้อแดงมาปักหลักหน้าสภา ไม่ต้องการเอาจริง แต่ต้องการเพื่อยึดพื้นที่ไม่ให้กลุ่มที่คัดค้านรัฐบาลมาชุมนุมเพื่อต่อต้านเท่านั้น เพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นเสียงข้างมากในสภา" นพ.ตุลย์ กล่าว
 
นพ.ตุลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอโดยกลุ่มของนางพะเยา อัคฮาค นั้นถือเป็นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับประชาชนที่แท้จริง ดังนั้นตนขอแนะนำมวลชนให้ไปชุมนุมที่หน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ส.ส.ของพรรคดังกล่าวประกาศและยืนยันชัดเจนว่าจะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของประชาชน และจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กลุ่มการเมืองหรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น