ประชาไท | Prachatai3.info |
- อวัตถุศึกษากับอธิป: รัสเซียประท้วงใหญ่ต้านกฎหมาย SOPA
- เผยค่าจ้างที่แท้จริงแรงงานสิ่งทอในหลายประเทศลดลงเมื่อเทียบ 10 ปีที่แล้ว
- อาจารย์ มช. ชี้แจงว่าไม่ได้ส่งภาพ นสพ.เก่าปี 2518 ให้เพจโอ๊ค พานทองแท้เผยแพร่
- สุรชัย แซ่ด่าน ร้องเรียนถูกกลั่นแกล้ง แจ้งเพิ่มคดี 112 หลังรอพระราชทานอภัยโทษ
- การทรงงานของพระราชวงศ์ทั่วโลกเพื่อดำรงสถาบันกษัตริย์
- ภัควดี วีระภาสพงษ์
- เว็บเดอะการ์เดียนเพิ่มปุ่ม Republican ซ่อนข่าวประสูติกาล
- รายงาน:“เพื่อนช่วยเพื่อน” สถานการณ์ความช่วยเหลือนักโทษการเมือง(ในพม่า)
- นักการเมืองสหรัฐฯ เรียกร้องพิจารณากม.ป้องกันตัว ใหม่อีกครั้ง หลังกรณีสังหารเทรย์วอน
อวัตถุศึกษากับอธิป: รัสเซียประท้วงใหญ่ต้านกฎหมาย SOPA Posted: 23 Jul 2013 10:10 AM PDT ประมวลข่าวรอบโลกด้านลิขสิทธิ์กับ 'อธิป จิตตฤกษ์' นำเสนอข่าวหญิงอเมริกันถูกจำคุก 21 ปีเหตุโวเรื่องโกงภาษีบนเฟซบุ๊ก, วิจัยชี้บริการฟังเพลงถูกกฎหมายทำให้ยอดขายดนตรีสูงขึ้น
Immaterial Property Research Center ตั้งขึ้นในวันที่ 18 มกราคม หรือ "วันเสรีภาพอินเทอร์เน็ต" เพื่อเป็นศูนย์ข่าว ศูนย์ข้อมูล และศูนย์วิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุ (หรือที่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่าทรัพย์สินทางปัญญา) ต่างๆ อย่างสัมพันธ์กับระบบกฎหมาย ระบบเศรษฐกิจ และระบบการเมืองในโลก ทางศูนย์ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานของศูนย์ฯ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุที่เอื้อให้เกิดเสรีภาพในเชิงบวกไปจนถึงความเท่าเทียมกันของผู้คนในโลก
Rick Falkvinge ผู้ก่อตั้ง Pirate Party ติติงผู้เอาหนังสือของเขามาปล่อยบน Pirate Bay ว่าเป็นการปล่อยที่ใช้ไม่ได้ และแจกลิงค์ให้โหลดหนังสือฟรีในเว็บไซต์เขาเองSwarmwise เป็นหนังสือเล่มที่สองของ Rick Falkvinge ซึ่งเนื้อหาของมันสอนการสร้างขบวนการเคลื่อนไหวแบบ Swarm ซึ่งเขาสร้างมันจากประสบการในการขับเคลื่อน The Pirate Party แน่นอนว่าสำหรับผู้สนับสนุนการสำเนาเถื่อนอย่างเขา เขาก็ย่อมโดนท้าทายโดยผู้ต้องการจะเย้ยหยันเสมอ เช่นในกรณีนี้ผู้โพสต์ไฟล์ทอร์เรนต์ไฟล์หนังสือที่ "หลุด" มาของเขาบนเว็บ The Pirate Bay ก็เขียนข้อความในเชิงเย้ยหยันในเชิงว่าเขาสมควรได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบรรดางานดนตรีที่คนดาวน์โหลดกันเป็นปกติ อย่างไรก็ดีตัว Falkvinge ก็เข้ามาติเตียนในเพจของทอร์เรนหนังสือเขาที่หลุดมาว่า ว่าไฟล์ที่เจ้าของไฟล์เอามาปล่อยนั้นใช้ไม่ได้ มันไม่ควรจะถูก Zip ซ่อนไว้ และไฟล์ก็มีปัญหา แล้วเขาก็ให้ลิงค์ไปโหลด pdf ของหนังสือได้โดยตรงในเว็บของเขา ซึ่งเขาก็บอกว่านี่เป็นเพียงเวอร์ชั่น "เกือบสมบูรณ์" เท่านั้น แล้วหลังจากนั้น 1 วันให้หลังเขาก็มาโพสต์ลิงค์ไฟล์หนังสือเวอร์ชั่นสมบูรณ์ให้โหลดในเว็บไซต์ของเขา ผู้สนใจ สามารถดาวน์โหลด Swarmwise เวอร์ชั่นสมบูรณ์ได้ที่ http://falkvinge.net/files/2013/04/Swarmwise-2013-by-Rick-Falkvinge-v1-Final-2013Jul18.pdf ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา Falkvinge ก็ได้นำเอาบทต่างๆ ของหนังสือเล่มนี้มาให้อ่านออนไลน์ฟรีบนเว็บของเขาเดือนละบททุกวันที่ 1 ของเดือนตั้งแต่ต้นปี 2013 แล้ว โดยในขณะนี้เขาได้นำมาให้อ่านถึงบทที่ 6 และตามตารางเขาก็จะปล่อยบทสุดท้ายซึ่งก็คือบทที่ 10 มาให้อ่านในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายนนี้ News Source: http://torrentfreak.com/rick-falkvinge-schools-pirate-after-botched-leak-of-swarmwise-130718/
ผู้หญิงผู้คุยโวว่าตนเป็น "ราชินีแห่งการโกงภาษี" บน Facebook โดนจำคุก 21 ปีหญิงจากฟลอริด้าผู้หนึ่งที่ปลอมแปลงอัตลักษณ์เป็นผู้อื่นเพื่อเรียกภาษีคืนมาโดยรวมกว่า 20 ล้านดอลลาร์นั้นได้คุยโวถึงวีรกรรมของตนบน Facebook ทำให้ตำรวจไปจับเธอในที่สุด ซึ่งในชั้นศาลเธอก็ได้รับสารภาพจนหมดทำให้ศาลลดโทษจากจำคุก 22 ปีลง 1 ปีเป็น 21 ปี อนึ่ง นี่ก็ไม่ใช่คดีแรกที่คนคุยโวถึงการก่ออาชญากรรมของตนบนเว็บเครือข่ายสังคมแล้วโดนจับแต่อย่างใด
19-07-2013 หลังจากมีการเปิดเผยว่า Cuckoo's Calling ของนักเขียนลึกลับ Robert Galbraith แท้จริงแล้วคือ J. K. Rowling หนังสือก็กลายเป็น Bestseller ไปในชั่วข้ามคืนผู้ที่ทำให้เรื่องนี้ "หลุด" มาเป็นครั้งแรกใน Twitter (โดยเพื่อนภรรยาของทนายในบริษัทกฎหมายหนึ่งของลอนดอนที่จัดการเรื่องกฎหมายให้ Rowling) ทางหนังสือพิมพ์จำนวนมากก็สืบค้น (ไปจนถึงให้ผู้เชี่ยวชาญใช้โปรแกรมในการวิเคราะห์ภาษาเพื่อพิสูจน์) และประโคมข่าว จนในที่สุด Rowling ก็ยอมรับว่าเป็นคนเขียนเอง ผลคือหนังสือก็ได้กลายมาเป็นหนังสือขายดีและขายตลาดไปในทันที ซึ่งราคาหนังสือในตลาดมือสองก็ยิ่งพุ่งพรวดพราด News Source: http://paidcontent.org/2013/07/15/j-k-rowlings-secret-book-shoots-up-bestseller-lists-months-after-publication-under-a-pseudonym/ , http://paidcontent.org/2013/07/18/london-law-firm-admits-to-accidentally-outing-rowling-as-author-of-the-cuckoos-calling/ , http://www.popsci.com/technology/article/2013-07/how-computer-algorithms-uncovered-j-k-rowlings-pseudonymous-novel
ผลวิจัยของ Spotify ระบุว่าการมีบริการฟังเพลงฟรีอย่างถูกต้องตามกฎหมายออนไลน์น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายงานดนตรีได้จริงงานวิจัยของทาง Spotify ที่ทำในเนเธอร์แลนด์นั้นชี้ให้เห็นว่าการดำรงอยู่ของบริการ "สตรีมมิ่ง" หรือบริการฟังเพลงออนไลน์อย่าง Spotify นั้นแปรผันตรงกับยอดขาย ผลคือการมีอยู่ของ Spotify ทำให้ยอดขายสูงกว่ายอดการ "โหลดสำเนาเถื่อน" ได้ ในขณะที่ถ้าไม่มี Spotify แล้วยอดขายกับยอดโหลดสำเนาเถื่อนจะใกล้เคียงกัน ซึ่งนี่เกิดจากการเปรียบเทียบยอดขาย ยอดสำเนาเถื่อน และยอดฟังเพลงบน Spotify ของ "ศิลปิน" สองคนที่คนหนึ่งมีเพลงบน Spotify อีกคนไม่มี นอกจากนี้แล้วหากดูภาพรวมในระยะยาว การมีบริการ Spotify ในประเทศก็จะทำให้ยอดการสำเนาเถื่อนในประเทศลดลงอีกด้วย ซึ่งนี่ดูจะตรงกับข้อสังเกตุในกรณีฝรั่งเศสว่าจริงๆ แล้วบริการอย่าง Spotify ต่างหากไม่ใช่กฎหมาย HATOPI ที่ใช้อำนาจรัฐสอดส่องเอาผิดผู้ละเมิดลิขสิทธิ์อินเทอร์เน็ต ที่เป็นตัวการให้การทำสำเนาเถื่อนในฝรั่งเศสลดลง (แต่ที่ต้องไม่ลืมคือในกรณีฝรั่งเศส ไม่ว่ายอดการสำเนาเถื่อนจะลดลงอย่างไร แต่ยอดขายงานดนตรีก็ไม่กระเตื้องขึ้น) ทั้งหมดดูจะทำให้การถอนเพลงออกจาก Spotify ด้วยเหตุผลว่า Spotify มีส่วนแบ่งรายได้กลับมาให้นักดนตรีน้อยเกินไป (กรณีล่าสุดคือ Thom Yorke แห่ง Radiohead) ดูจะไม่เป็นผลดีต่อยอดขายงานดนตรีเท่าไร (ยังไม่ต้องพูดถึงการลดการทำสำเนาเถื่อน) และทาง Torrentfreak ก็ได้ชี้อีกว่า ผลการวิจัยของ Spotify ชี้ด้วยว่าหลังการแสดงสดในงานเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ อัตราการทำสำเนาเถื่อนจะเร่งสูงขึ้นทันที และถ้าเป็นแบบนี้แล้วถ้านักดนตรีต้องการจะลดการทำสำเนาเถื่อนจริงๆ ก็คงจะต้องเลิกเล่นสด เล่นเทศกาลดนตรี เพราะกิจกรรมเหล่านั้นยิ่งไปเร่งให้เกิดการทำสำเนาเถื่อน News Source: http://paidcontent.org/2013/07/18/charts-how-spotify-is-killing-music-piracy/ , http://www.digitalmusicnews.com/permalink/2013/20130717spotifyresearch , http://torrentfreak.com/online-piracy-surges-after-music-festivals-spotify-reveals-130718/
ครั้งแรกที่ซีรีส์ที่ฉายแต่ "ออนไลน์" เท่านั้นเข้าชิงรางวัล Emmyซีรี่ส์ที่ว่าคือ House of Cards และซีซั่นที่ 4 ของ Arrested Development ซึ่งทั้งสองสามารถหาซื้อได้ผ่านบริการ "สตรีมวีดีโอตามสั่ง" ของ Netflix นับเป็นก้าวสำคัญของซีรี่ส์ในสหรัฐอเมริกาที่ซีรีส์ที่หาดูไม่ได้ทาง "ช่องโทรทัศน์" ได้รับการยอมรับเทียบเท่าซีรีส์ที่ฉายทางช่องทางดั้งเดิมอย่างโทรทัศน์ News Source: http://paidcontent.org/2013/07/18/netflix-emmy-nominations/
21-07-2013 หลายๆ ฝ่ายพร้อมใจกันต่อต้าน "SOPA ฉบับรัสเซีย" หรือกฎหมายเพิ่มอำนาจการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต ในนามการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ของรัสเซียกฎหมายที่เพิ่งผ่านออกมาให้อำนาจเจ้าของลิขสิทธิ์สูงมาก เพราะหากเจ้าของลิขสิทธิ์ร้องเรียนต่อศาลให้ลบเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์แล้ว ทางเจ้าของเว็บไซต์ไม่ทำการลบเนื้อหาออกภายใน 72 ชม. อาจโดนสั่งบล็อคทั้งโดเมนเนมจากทาง ISP ได้ แน่นอนว่าผู้กังวลมีหลากหลายตั้งแต่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปยันเว็บไซต์ที่เป็นที่สืบค้นข้อมูลความรู้ของผู้คนอย่าง Google และ Wikipedia การประท้วงมีทั้งการล่ารายชื่อ (ตอนนี้ได้ 4 หมื่นกว่ารายชื่อแล้ว) การประท้วงจอดำที่สำเร็จมาแล้วในการประท้วง SOPA ในอเมริกาในวันที่ 1 สิงหาคม ปีที่แล้ว ไปจนถึงการประท้วงบนท้องถนนของหลายๆ เมืองในรัสเซียที่มี Pirate Party รัสเซียเป็นตัวตั้งตัวตี News Source: http://torrentfreak.com/russias-anti-piracy-law-triggers-blackouts-and-protests-130720/ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
เผยค่าจ้างที่แท้จริงแรงงานสิ่งทอในหลายประเทศลดลงเมื่อเทียบ 10 ปีที่แล้ว Posted: 23 Jul 2013 09:44 AM PDT สภาองค์กรสิทธิแรงงานเผยผลวิจัยเปรียบเทียบค่าจ้างที่แท้จริงคนงานภาคสิ่งทอปี ค.ศ. 2001 เทียบกับปี ค.ศ.2011 พบหลายประเทศลดลง 23 ก.ค. 56 - เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาสภาองค์กรสิทธิแรงงาน (THE WORKER RIGHTS CONSORTIUM - WRC) ได้ออกรายงาน Global Wage Trends for Apparel Workers, 2001–2011 โดยระบุว่ารายงานฉบับนี้ทำการศึกษาค่าจ้างที่แท้จริงในอุตสาหกรรมสิ่งทอของประเทศที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าในกลุ่มสิ่งทอที่สำคัญมายังสหรัฐอเมริกา 15 จาก 21 ประเทศผู้ส่งออกสำคัญ ผลการศึกษาพบว่าค่าจ้างที่แท้จริง (Real Wage) [1] ของประเทศผู้ส่งออกมายังสหรัฐอเมริกาหลายประเทศในปี ค.ศ. 2011 เปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 2001 พบว่าประเทศที่ค่าจ้างที่แท้จริงลดลงได้แก่ บังคลาเทศ, กัมพูชา, โดมินิกัน, เอล ซัลวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, เม็กซิโก, ฟิลิปปินส์ และไทย ส่วนประเทศที่มีค่าจ้างที่แท้จริงเพิ่มขึ้นได้แก่ จีน, เฮติ, อินเดีย, อินโดนีเซีย, เปรู และเวียดนาม (ดูสัดส่วนตามตาราง)
ทั้งนี้รายงานของระบุว่าถึงแม้จะมีการขยายการจ้างงานภาคสิ่งทอเพิ่มมากขึ้น แต่สภาพความเป็นอยู่รวมถึงสภาพการจ้างงานในหลายประเทศก็ไม่ดีขึ้นนัก กอปรกับค่าครองชีพต่างๆ ที่พุ่งสูงขึ้นก็เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีพของคนงานอีกด้วย อนึ่งสภาองค์กรสิทธิแรงงาน (THE WORKER RIGHTS CONSORTIUM - WRC) เป็นองค์กรอิสระ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบด้านสิทธิแรงงาน โดยการประเมินจากสภาพการทำงานในโรงงานทั่วโลก วัตถุประสงค์ของเราคือต่อต้านโรงงานนรกและปกป้องสิทธิของคนงานตัดเย็บและผลิตสินค้าอื่นๆ ที่ขายในมหาวิทยาลัย WRC ปฏิบัติการตรวจสอบอย่างเจาะลึกโดยอิสระ และเสนอรายงานผลการตรวจสอบ โรงงานที่ผลิตสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาสู่สาธารณะและช่วยเหลือคนงานมิให้ถูกละเมิด และช่วยปกป้องสิทธิในสถานที่ทำงาน WRC มีมหาวิทยาลัยมากกว่า 175 แห่งเป็นสมาชิก โดยตระหนักถึงในเรื่องการปฏิบัติต่อคนงานของโรงงานที่ผลิตเสื้อผ้าและสินค้าอื่นๆ ของมหาวิทยาลัย
หมายเหตุ [1] ค่าจ้าง คือ ค่าที่จ่ายให้แก่ผู้ใช้แรงงาน เนื่องจากการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งค่าจ้างที่ได้รับจึงเป็นที่มาของรายได้ และเมื่อนำมารวมกันทั้งหมด ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ประชาชาติ ค่าจ้างแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ค่าจ้างที่เป็นตัวเงิน (Money Wage) คือ ค่าจ้างที่ได้รับจากนายจ้างที่จ่ายให้อาจเป็นรายวัน รายสัปดาห์หรือรายเดือน 2. ค่าจ้างที่แท้จริง (Real Wage) คือ การนำค่าจ้างที่เป็นตัวจริงลบด้วยอัตราเงินเฟ้อต่อปีซึ่งอัตราเงินเฟ้อสามารถคำนวณได้จากดัชนีราคาผู้บริโภคการกำหนดอัตราค่าจ้างจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของแรงงาน คือ ถ้าอุปสงค์ของแรงงานมีมาก ความต้องการจ้างแรงงานมาก อัตราค่าจ้างจะสูงขึ้น แต่ถ้าอุปทานของแรงงานมีมาก จะทำให้ค่าจ้างลดลง ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
อาจารย์ มช. ชี้แจงว่าไม่ได้ส่งภาพ นสพ.เก่าปี 2518 ให้เพจโอ๊ค พานทองแท้เผยแพร่ Posted: 23 Jul 2013 06:16 AM PDT อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทำจดหมายชี้แจงว่าไม่ได้ส่งภาพ นสพ.เดลินิวส์ ปี 2518 ให้เพจ "โอ๊ค พานทองแท้" เผยแพร่ และคำบรรยายในภาพต้นฉบับไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และไม่ประสงค์ให้ภาพถูกใช้โดยขั้วการเมืองฝ่ายใด ตามที่เพจ "Oak Panthongtae Shinawatra" ของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์สเตตัส พร้อมภาพหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 23 ธ.ค. 2518 พร้อมระบุว่า "ทีมงานผมนำรูปหนังสือพิมพ์เก่าๆ ซึ่งมีอาจารย์จากเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ส่งมาให้ทีมงานดู" และต่อมามีการนำเสนอข่าวใน VoiceTV ด้วยนั้น ล่าสุดวันนี้ (23 ก.ค. 56) อ.พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้โพสต์ภาพหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับดังกล่าว ก่อนถูกนำไปเผยแพร่ต่อนั้น ได้เขียนหนังสือชี้แจงลงในสเตตัสของเฟซบุ๊ก เรียนทีมงานของเพจพานทองแท้ ชินวัตร และระบุว่าได้เผยแพร่ภาพหนังสือพิมพ์ดังกล่าวในเฟซบุคส่วนตัว และมิได้ส่งไปให้นายพานทองแท้หรือทีมงานตามที่ถูกระบุในเพจ "Oak Panthongtae Shinawatra" แต่อย่างใด โดยมีรายละเอียดของหนังสือชี้แจงดังนี้
เรื่อง ขอชี้แจงเกี่ยวกับรูปหนังสือพิมพ์เก่าบนเฟซบุคของ นายพานทองแท้ ชินวัตร เรียน ทีมงานเฟซบุค พานทองแท้ ชินวัตร ตามที่สื่อของท่านได้โพสต์รูปหนังสือพิมพ์เก่า ดังปรากฏในข่าวของ VoiceTV ว่า "โอ๊ค โพสต์ FB โชว์นสพ.38 ปีก่อน การเมืองไม่ต่างจากปัจจุบัน" โดยมีเนื้อความตอนหนึ่งคัดลอกจากเนื้อหาของนายพานทองแท้ ซึ่งระบุว่า "ทีมงานผมนำรูปหนังสือพิมพ์เก่าๆ ซึ่งมีอาจารย์จากเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ส่งมาให้ทีมงานดูครับ..." นั้น ดิฉันขอเรียนชี้แจงว่า ดิฉันเป็นผู้เผยแพร่ภาพดังกล่าวในเฟซบุคส่วนตัวของดิฉัน แต่มิได้ส่งไปให้นายพานทองแท้หรือทีมงานของเขาแต่อย่างใด โดยภาพดังกล่าวนั้นดิฉันได้ขอมาจากลูกศิษย์ซึ่งไปเยี่ยมบ้านคุณย่าของเขาในวันหยุดยาว แล้วได้เห็นหนังสือพิมพ์เก่าจึงถ่ายรูปมา ดิฉันได้เผยแพร่ภาพนั้นโดยไม่มีข้อความใดๆที่เกี่ยวโยงกับการเมืองในปัจจุบันไม่ว่าฝ่ายใด และไม่มีความประสงค์ที่จะให้ภาพดังกล่าวถูกใช้โดยขั้วการเมืองไม่ว่าฝ่ายใด ดิฉันเพียงแต่ระบุคำอธิบายภาพว่า "หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 23 ธันวาคม 2518 ราคา 1.50 บาท.. หัวข้อข่าว ประกอบด้วย ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน, การก่อม็อบประท้วง, ราคาข้าว, ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้, ปัญหาปาเลสไตน์ ..โลกเหมือนหยุดนิ่ง ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ ว่าไหมคะ" ซึ่งเป็นการเผยแพร่ในหมู่คนที่เป็นเพื่อน (friend) ของดิฉันในเฟซบุคเท่านั้น แต่มีลูกศิษย์หลายรายชื่นชอบเพราะตื่นเต้นกับหนังสือพิมพ์ยุคก่อนพวกเขาเกิด จึงแชร์กันต่อๆ ไป ทั้งนี้ดิฉันมีเพื่อนในเฟซบุคซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์และเพื่อนร่วมสถาบันการศึกษาที่ดิฉันเคยศึกษา เกือบสองพันคน ดิฉันจึงไม่อาจทราบได้ว่ารูปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้างเพียงใด และทีมงานของนายพานทองแท้จะพบเห็นแล้วนำไปส่งให้นายพานทองแท้หรือไม่อย่างไรนั้น ดิฉันก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน ต่อมาดิฉันได้ส่งจดหมายไปยัง VoiceTV เพื่อชี้แจง และต่อมาปรากฏว่าทีมงานในเพจของท่าน ได้ลงภาพข้อความที่เขาเขียนมาขอแชร์รูปของดิฉันในเพจของท่าน ไปเขียนในเพจของท่านว่า ดิฉันเป็นผู้ที่อนุญาตให้นำไปโพสต์ในเพจของท่าน ซึ่งไม่เป็นความจริง ดิฉันเพียงแต่นึกเอาเองโดยสุจริตใจว่าเขาจะเหมือนกับลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่นำไปแชร์ในเฟซบุคส่วนตัวของตนเท่านั้น ดิฉันไม่ทราบและไม่มีความประสงค์ที่จะให้ภาพที่ดิฉันเผยแพร่ไปปรากฏในสื่อของขั้วการเมืองไม่ว่าขั้วใด และถึงแม้ได้นำไปโพสต์แล้วก็ไม่ควรอ้างว่าดิฉันส่งให้ แต่ควรกล่าวว่า "ทีมงานของผมไปพบภาพนี้ในเฟซบุคของอาจารย์คนหนึ่ง จึงได้แชร์มา แล้วนำมาให้ผม" มิใช่ อ้างว่าดิฉันส่งให้ซึ่งไม่เป็นความจริง ดิฉันรู้สึกเสียใจมากที่ทีมงานของคุณได้นำดิฉันไปอ้างว่าเป็นผู้ส่งให้เอง และยังนำบทสนทนาที่เขาเขียนมาขอแชร์ไปเผยแพร่ในทางที่บิดเบือน และเสื่อมเสียต่อดิฉัน ดิฉันไม่คิดว่าความใจดีของดิฉันจะย้อนกลับมาทำร้าย ดิฉัน จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถือ อ.พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี
ทั้งนี้ท้ายจดหมายของอาจารย์คนดังกล่าว ระบุด้วยว่า จดหมายต้นฉบับนี้ได้มีการเผยแพร่ในเฟซบุ๊คบัญชีส่วนตัวด้วย และระบุด้วยว่าได้ส่งข้อความนี้ไปยังเพจ Oak Panthongtae Shinawatra แล้ว แต่ยังไม่มีการแก้ไข ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
สุรชัย แซ่ด่าน ร้องเรียนถูกกลั่นแกล้ง แจ้งเพิ่มคดี 112 หลังรอพระราชทานอภัยโทษ Posted: 23 Jul 2013 05:02 AM PDT
นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยานายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) ผู้ต้องขังคดีหมิ่นประมาทสถาบันกษัตริย์ ตามมาตรา 112 แจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยอัยการพิเศษได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 แก่นายสุรชัยที่อยู่ในเรือนจำเพิ่มอีก 1 คดี หลังจากก่อนหน้านี้นายสุรชัยตกเป็นจำเลยในคดีหมิ่นฯ รวม 5 คดีจากการตระเวนปราศรัยในหลายพื้นที่ และศาลพิพากษาให้จำคุกคดีละ 2 ปี 6 เดือนเนื่องจากจำเลยรับสารภาพ รวมแล้วพิพากษาจำคุก 12 ปี 6 เดือน โดยคดีล่าสุดที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหานั้นเป็นกรณีการปราศรัยที่ศูนย์การเรียนรู้ฯ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนมกราคม 2554 ปัจจุบันนายสุรชัยอยู่ระหว่างขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล โดยเขาถูกจับกุมและคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.2554 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน นางปราณี ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยัง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. โดยขอให้ นปช.ช่วยเหลือผลักดัน ดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจ สภ.แม่ริม และดีเอสไอ ว่ามีการกลั่นแกล้งหรือไม่ ในกรณีที่ผบ.ตร.และรัฐบาลไม่ได้อนุมัติให้ดำเนินคดี เนื่องจากไม่มีการเสนอให้ ผบ.ตร.และรัฐบาลรับทราบก่อน 2.หาก ผบ.ตร.และรัฐบาลทราบและอนุมัติให้ดีเอสไอดำเนินคดีได้ ก็เท่ากับว่ารัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยทำลายนักรบตัวเอง มวลชนคนเสื้อแดงจะรับได้หรือไม่ การทำเช่นนี้ทำให้เกิดความแตกแยกในคนเสื้อแดงและรัฐบาลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสุรชัย ได้ทำหนังสือขอกความเป็นธรรม กรณีถูกกลั่นแกล้งจากตำรวจ สภ.แม่ริมและดีเอสไอเช่นกัน โดยระบุว่า คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 5 คดีของเขานั้นถูกตัดสินจำคุกรวม 12 ปี 6 เดือน ได้รับอภัยโทษเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2555 ลดโทษ 1 ปี 9 เดือน คงเหลือโทษจำคุกอีก 8 ปี 4 เดือน โดยจำคุกมาแล้ว 2 ปี 5 เดือนและเวลานี้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม จึงได้ทำหนังสือทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษพิเศษรายบุคคลไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 พร้อมกับผู้ต้องขังคดีเดียวกันอีก 2 คน คือ ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล และวันชัย แซ่ตัน ซึ่งทั้งคู่ได้รับพระราชทานอภัยโทษและปล่อยตัวไปแล้ว สุรชัยย้ำด้วยว่า มีสัญญาณว่าเขาอาจได้รับพระราชทานอภัยโทษในเดือนสิงหาคม 2556 นี้ "ผ่านมา 3 ปี โดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ทางเรือนจำพิเศษฯ ได้สอบถามไปยังฝ่ายทะเบียนประวัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเสนอเรื่องทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ไปยังกรมราชทัณฑ์ ก็ไม่มีเรื่องจาก สภ.แม่ริม ก่อนที่อัยการคดีพิเศษ นายจรูญพงศ์ อินทจาร จะฟ้องคดีตามมาตรา 112 ทั้งหมด ก็ได้สอบถามไปยงสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกท้องที่ให้ส่งคดีมายังดีเอสไอเพื่อฟ้องคราวเดียวกัน เพราะได้ตกลงกันว่าข้าพเจ้าจะขอรับสารภาพทั้งหมดทุกคดี เพื่อให้คดีจบเร็ว จะได้ทำหนังสือทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษพิเศษ แล้วจู่ๆ เอาคดีมายัดให้ข้าพเจ้าอีก จะให้พิจารณาอย่างไร" สุรชัยระบุในจดหมาย ในจดหมายยังระบุด้วยว่า นับตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมาจนถึงวันที่ถูกจับกุม เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสิ้น 11 คดี คือ 1.ถูกนายชวน หลีกภัย แจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท คดีจบลงโดยศาลสั่งปรับ 25,000 บาท ในปี 2550 2.ถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่า และ พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตในปี 2552 คดีจบลงโดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง 3.ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมชุมนุม ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานและพากันเดินขบวนเป็นแถวกีดขวางการจราจรที่เมืองพัทยา ในเดือนเมษายน 2552 ร่วมกับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล 4.ถูกแจ้งข้อหาร่วมชุมนุม และโฆษณาให้ปิดถนน ในการชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลในเดือนเมษายน 2552 ผลคดีเงียบหายไป คาดว่าสั่งไม่ฟ้อง 5.ถูกแจ้งข้อหาขู่ฆ่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ทางสถานีวิทยุกระจายเสียง ที่จังหวัดเชียงใหม่ในปี 2552 ผลคดีเงียบหายไป คาดว่าสั่งไม่ฟ้อง 6.ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 โดย สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในปี 2552 ผลคดีเงียบหายไป คาดว่าสั่งไม่ฟ้อง 7.ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในการปราศรัยที่ท้องสนามหลวง ในเดือนธันวาคม 2551 ผลคดีถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน (อ่านรายละเอียดคดีที่ http://freedom.ilaw.or.th/th/case/47#detail) 8.ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในการปราศรัยที่ห้างอิมพีเรียลเวิร์ล ลาดพร้าว ในปลายปี 2553 ผลคดีถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน (อ่านรายละเอียดคดีที่ http://freedom.ilaw.or.th/th/case/46#detail) 9.ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในการปราศรัยที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในปลายปี 2553 ผลคดีถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน (อ่านรายละเอียดคดีที่ . http://freedom.ilaw.or.th/th/case/47#detail) 10.ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในการปราศรัยบนเวทีวัดย่านลาดพร้าว ในปลายปี 2553 ผลคดีถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน (อ่านรายละเอียดคดีที่ http://freedom.ilaw.or.th/th/case/50#detail) 11.ถูกแจ้งขอหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงที่จังหวัดอุดรธานี ในปลายปี 2553 ผลคดีถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน (อ่านรายละเอียดคดีที่ http://freedom.ilaw.or.th/th/case/48#detail) ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
การทรงงานของพระราชวงศ์ทั่วโลกเพื่อดำรงสถาบันกษัตริย์ Posted: 23 Jul 2013 03:06 AM PDT ปัญหาหนึ่งของการเทิดพระเกียรติ
ในสงครามโลกครั้งที่สอง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
Posted: 22 Jul 2013 11:38 PM PDT ต่อให้ญาติผู้เสียชีวิตไม่อยากไ 22 ก.ค. 2556, โพสต์สถานะบนเฟซบุ๊ก |
เว็บเดอะการ์เดียนเพิ่มปุ่ม Republican ซ่อนข่าวประสูติกาล Posted: 22 Jul 2013 10:51 PM PDT
ทั้งนี้ แม็กซ์ ฟิชเชอร์ บล็อกเกอร์ของวอชิงตันโพสต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ชาวอังกฤษที่เลือกอ่านเว็บแบบ republican นั้น บางคนอาจจะไม่ได้ต้องการล้มล้างราชวงศ์อังกฤษ แต่พวกเขาอาจจะเหนื่อยกับการอ่านข่าวราชวงศ์ก็เป็นได้ เพราะมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ต่อเนื่องกันชุดใหญ่ ตั้งแต่การหมั้นของเจ้าชายวิลเลียมกับเคท มิดเดิลตัน พระราชพิธีภิเษกสมรส การทรงพระครรภ์ และข่าวระหว่างรอการประสูติ ขณะที่ฉบับกระดาษ เดอะซัน แท็บลอยด์ชื่อดังของอังกฤษ เปลี่ยนหัวชั่วคราวเป็น The Son ส่วน ดิอินดิเพนเดนท์ ซึ่งเป็นสื่อหัวเอียงซ้าย ใช้ภาพที่ถ่ายจากนอกพระราชวังบักกิ้งแฮม แต่มีเรื่องเด่นของฉบับเป็นเรื่องความพยายามของ เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ที่จะปราบปรามภาพโป๊บนอินเทอร์เน็ต โดยถือเป็นเพียงฉบับเดียวที่ไม่ได้ให้พื้นที่หน้าหนึ่งกับการประสูติกาลครั้งนี้มากเท่ากับฉบับอื่นๆ อนึ่ง สำนักพระราชวังเคนซิงตันแห่งอังกฤษ ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหญิงแคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ มีพระประสูติกาลพระโอรสแล้ว เมื่อเวลา 16.24น. ของวันจันทร์ ตามเวลาอังกฤษ (22.24น.ของไทย) โดยเจ้าชายน้อยจะเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ
ข้อมูลจาก British news site offers 'Republican' option for readers sick of royal baby news www.washingtonpost.com/blogs/worldviews/wp/2013/07/22/british-news-site-offers-republican-option-for-readers-sick-of-royal-baby-news/ How British newspaper front pages covered the royal baby http://www.thejournal.ie/british-newspapers-front-pages-royal-baby-1004420-Jul2013/
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
รายงาน:“เพื่อนช่วยเพื่อน” สถานการณ์ความช่วยเหลือนักโทษการเมือง(ในพม่า) Posted: 22 Jul 2013 10:50 PM PDT
ประเทศที่ได้ชื่อว่ามี "นักโทษทางความคิด" หรือ "นักโทษการเมือง" มากที่สุดในโลกอย่างพม่า กำลังจะลงจากตำแหน่งนั้นเมื่อประธานาธิบดี เต็ง เส่ง (Thein Sein) ประกาศขณะเยือนกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า "ขอรับประกันว่าภายในสิ้นปีนี้ จะไม่มีนักโทษทางความคิดในพม่า" ขณะที่ประเทศไทยยังคงมีผู้ถูกคุมขังจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองอยู่อีกหลายสิบราย และยังไม่เห็นอนาคตที่ชัดเจนนักเกี่ยวกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม จากจำนวนนักโทษทางการเมืองที่มีมากกว่า 2,000 คน นับตั้งแต่พม่าปกครองในระบอบเผด็จการทหารมาหลายสิบปี ปัจจุบันพวกเขาถูกทยอยปล่อยตัวหลายระลอกหลังพม่าเปิดประเทศ จนเหลือนักโทษการเมืองในเรือนจำอยู่อีกราว 161 คน
หลังสปีชของประธานาธิบดีพม่าไม่กี่วัน เรามีโอกาสพูดคุยกับจ่อ ซอ (Kyaw Soe) อดีตนักโทษการเมืองที่เมืองย่างกุ้ง ปัจจุบันเขาเป็นอาสาสมัครให้กับสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (AAPP-B) ซึ่งเป็นองค์กรผลักดันเรื่องการปล่อยตัวและการให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมืองมาตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรเมื่อปี 2000 ปัจจุบันจ่อ ซอ เป็นอาสาสมัครในการกระจายเงินช่วยเหลือไปยังครอบครัวนักโทษการเมืองทั้งที่ยังอยู่ในคุกและรวมถึงให้ความช่วยเหลือคนที่ออกมาแล้วให้ "ไปต่อ" ได้ องค์กรนี้เป็นการรวมตัวของอดีตนักโทษการเมืองด้วยกันเอง และภารกิจในการสนับสนุนทางการเงินก็เริ่มมาตั้งแต่ปี 2002 โดยที่มาของเงินมาจากการบริจาคของต่างประเทศ ปัจจุบันมีองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า 2 องค์กร อีกองค์กรหนึ่งคือ FPPS (Former Political Prisoners Society) งานบางส่วนทั้งสององค์กรนี้ก็ทำร่วมกัน จ่อ ซอ ตระเวนนำส่งเงิน 75,000 จ๊าด (2,250 บาท) ต่อเดือนให้กับญาตินักโทษ และช่วยเหลือนักโทษการเมืองตลอดในอดีตที่ผ่านมาราว 650 คน ปัจจุบันกลุ่มเขาดูแลนักโทษการเมืองที่มัณฑะเลย์ 30 คน เมาะละแหม่ง 6 คน มิงยาน 12 คน ตะเย็ก 9 คน ธาราวดี 12 คน พะสิม 2 คน หงสาวดี 1 คน มง-ยวะ1 คน เขาบอกว่าปัจจุบันองค์กรให้เงินช่วยเหลือรวมแล้วประมาณ 100,000 บาทต่อเดือน
นอกเหนือจากการช่วยเหลือญาติของคนที่ยังอยู่ในคุก องค์กรของเขายังดูแลครอบคลุมเมื่อนักโทษการเมืองได้รับการปล่อยตัว ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพ การศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ภาคเรียนละ 450,000 จ๊าด (13,500 บาท) และการฝึกอาชีพ เช่น การอบรมการขับรถ การอบรมทักษะคอมพิวเตอร์ เพราะนักโทษการเมืองในพม่านั้นถูกจำคุกกันนานตั้งแต่สามปีจนถึงหลายสิบปี ปัจจุบัน จ่อ ซอ และเพื่อนนักโทษการเมืองในพม่า ได้ร่วมกันตั้งชมรม "พิณทอง" หรือ Golden Harp เพื่อประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ สำหรับตัวเขาเองนั้นถูกจับกุมคุมขังสองครั้ง ในช่วงปี 1990-1992 สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาร่วมประท้วงในประท้วงใหญ่ปี 1988 อีกครั้งหนึ่งคือหลังการร่วมประท้วงที่นำโดยพระสงค์ในพม่าปี 2007 และถูกคุมขัง 3 ปี หลังจากออกจากเรือนจำเขาก็เข้ารับการอบรมการขับรถ และรวมกลุ่มกับนักโทษการเมืองอีกจำนวนหนึ่งจัดตั้งกลุ่มแท็กซี่ของอดีตนักโทษการเมือง ความช่วยเหลือนักโทษการเมืองของพม่า ดำเนินงานโดยอดีตนักโทษด้วยกันเองอย่างเป็นระบบ ก่อนหน้านี้งานลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องแอบทำ เพราะคนที่ไปช่วยก็อาจถูกจับเสียเอง นอกจากนี้ยังประสบปัญหาความยากลำบากในการติดต่อกับญาติผู้ต้องขังด้วยโดยเฉพาะชนกลุ่มน้อย เมื่อเราถามจ่อ ซอ ว่า หากคำประกาศของประธานาธิบดีเป็นจริง นักโทษการเมืองก็จะหมดไปจากพม่า องค์กรของเขา ความช่วยเหลือของเขายังจะเป็นสิ่งจำเป็นอยู่หรือไม่ เขากล่าวว่า ตอนนี้องค์กรพุ่งเป้ามาช่วยเหลืออดีตนักโทษการเมืองที่เมื่อถูกปล่อยออกมาก็ไม่สามารถมีที่ทาง มีอาชีพ มีความมั่นคงในชีวิตได้ง่ายๆ เนื่องจากถูกคุมขังมานาน จ่อ ซอ บอกด้วยว่า ถึงจะปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังแล้วทั้งหมด แต่ใช่ว่านักโทษการเมืองในพม่าจะเป็นศูนย์ เพราะรัฐบาลก็มีการจับกุมใหม่อยู่เรื่อยๆ ตอนนี้มีนักกิจกรรมอีกกว่า 100 คนที่ถูกจับกุม แจ้งข้อกล่าวหาสร้างความวุ่นวาย และทำลายความสงบของรัฐ ซึ่งคดีกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คงต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า คดีทางการเมืองนั้นเป็นเงื่อนไขในการยกเว้นประกัน และแม้พม่าจะเปิดประเทศอย่างมากแล้ว แต่กระบวนการพิจารณาของศาลพม่า ยังคงเป็นระบบปิดที่ไม่เปิดโอกาสให้มีใครได้เข้าร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบการทำหน้าที่ของตุลาการ(ในยุคเปิดประเทศ) ชะตากรรมของคนเหล่านี้จึงยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้เรายังมีโอกาสพูดคุยกับ ซอ หม่อ (Zaw Moe) อดีตนักโทษการเมืองที่เพิ่งถูกปล่อยตัวใหม่หมาดเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ครอบครัวของเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจาก AAPP หลายครั้ง แต่ก่อนจะยอมรับความช่วยเหลือ ทางครอบครัวก็ปฏิเสธอยู่นาน เพราะถือว่าไม่ได้มีฐานลำบากยากแค้น และอยากให้นำเงินไปช่วยนักโทษคนอื่นที่ย่ำแย่กว่า ซอ หม่อ ติดคุกอยู่ 4 ปี 7 เดือนและเพิ่งถูกปล่อยตัวเมื่อกลางปีนี้ เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหามากมายโดยเฉพาะภัยต่อความมั่นคง เมื่อเขาและกลุ่มนักกิจกรรมจากหลายประเทศพยายามตั้งกลุ่มต่อต้านขึ้นใหม่ หลังความรุนแรงจากการปฏิวัติชายจีวรเมื่อปี 2007 ซึ่งขณะนั้นเขายังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ กลุ่มของเขามีเป้าหมายที่จะปลุกระดมคนให้ลุกขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลทหารอีกครั้งและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้กลับ "ถ้าเขายิงเรา เราก็จะยิงกลับ" แต่เขาก็ถูกจับกุมเสียก่อนพร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวัตถุระเบิด "เรายังไม่ได้ทำอะไร แค่เตรียมพร้อมสำหรับการสู้กลับ" ซอ หม่อ บอก เขาเล่าให้ฟังถึงสภาพภายในเรือนจำอิน เส่ง ที่เขาถูกคุมขังว่า นักโทษการเมืองที่มีชื่อเสียงจะได้แยกไปอยู่ห้องขังเล็กคนเดียว แต่ถ้าเป็นคนเล็กคนน้อยทั่วไปจะถูกขังรวมกับนักโทษอื่นๆ ในลักษณะที่แออัดมาก มีพื้นที่ให้นอนกว้างราว 1 ฟุตครึ่ง แทบจะไม่สามารถพลิกตัวได้ ดูแล้วขนาดที่นอนก็ไม่ต่างจากคุกไทยมากนัก ตัวเขาเองถูกลงโทษด้วยการใส่ตรวนหลายวันถึง 3 ครั้ง เนื่องจากเขาโต้เถียงและประท้วงคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่ เช่น การสั่งให้นักโทษขนย้ายสิ่งสกปรกด้วยมือเปล่า เขาเล่าว่า ตรวนของที่นี่จะมีลักษณะพิเศษเนื่องจากระหว่างเหล็กที่คล้องข้อเท้าสองข้างนั้น จะมีแท่งเหล็กหนา หนัก ขนาดความยาวต่างๆ กัน ติดอยู่ด้วย มีตั้งแต่ขนาด 6 นิ้ว 12 นิ้ว 15 นิ้ว ซึ่งยิ่งเล็กก็ยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวในการเดินยากลำบาก "ถ้าโดนทำโทษแบบนี้ในหน้าหนาวก็จะยิ่งแย่มาก" เขากล่าว การซ้อมทรมาน ทำร้ายร่างกายในเรือนจำในกรณีที่นักโทษขัดขืนคำสั่งเจ้าหน้าที่นั้นแทบจะเป็นเรื่องปกติ นักโทษการเมืองบางคนขอย้ายไปอยู่คุกเดียวกับพ่อ แต่เมื่อไม่ได้ย้ายก็ประท้วงด้วยการไม่กินข้าว ไม่อาบน้ำ ไม่ตื่นตามเวลา กลางดึกคืนนั้นเขาก็ถูกลากออกไปตีและขังในที่ที่คนคุกเรียกกันว่า "dog cell" มีนักโทษบางคนที่โดนแยกขังเดี่ยวใน dog cell อยู่นาน 8 เดือน นั่นคือเรื่องราวในอดีต ปัจจุบันอดีตนักโทษการเมืองวัย 37 ปีคนนี้กำลังเตรียมตัวสอบหลักสูตรคอมพิวเตอร์เพื่อสมัครงานกับบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และเขายังคงเป็นอาสาสมัครของ AAPP เพื่อช่วยงานด้านการช่วยเหลือเยียวยานักโทษการเมืองคนอื่นๆ ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในพม่าต่อไป
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
นักการเมืองสหรัฐฯ เรียกร้องพิจารณากม.ป้องกันตัว ใหม่อีกครั้ง หลังกรณีสังหารเทรย์วอน Posted: 22 Jul 2013 07:59 PM PDT จากการประท้วงทั่วสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเด็กวัยรุ่นผิวสีเทรย์วอน มาร์ติน ซึ่งถูกยิงเสียชีวิต จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกก็เป็นอีกหนึ่งเสียงที่ต้องการให้นำกฎหมายป้องกันตัวเองแบบไม่จำเป็นต้องหนี หรือที่เรียกว่ากฎหมาย 'ยืนหยัดสู้' (Stand your ground) ขึ้นมาพิจารณาใหม่ เมื่อช่วงวันที่ 20-21 ก.ค. ที่ผ่านมา ประชาชนมากกว่า 100 เมืองของสหรัฐฯ ออกมาชุมนุมแสดงความไม่พอใจการตัดสินให้จอร์จ ซิมเมอร์แมน พ้นจากข้อกล่าวหาในคดีสังหาร เทรย์วอน มาร์ติน เด็กวัยรุ่นชาวผิวสีโดยไม่เจตนา ซึ่งผู้เป็นมารดาของมาร์ตินออกมากล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนและผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย "ฉันอยากขอบคุณทุกคนเป็นการส่วนตัวที่มาร่วมชุมนุมและเดินขบวนกันทั่วประเทศในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อเทรย์วอน มาร์ติน หากพวกเรารวมกันพวกเราถึงจะอยู่ได้" มารดาของเทรย์วอนกล่าว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการชุมนุมที่จัดตั้งโดยนักสิทธิพลเมืองผู้มีประสบการณ์อย่างบาทหลวงอัล ชาร์ปตัน ถือว่าเป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมาในกรณีของเทรย์วอน พวกเขาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับการเสียชีวิตของเทรย์วอน มีการตะโกนคำว่า "ความยุติธรรม" รวมถึงมีการเดินขบวนและแสดงการรำลึกถึงผู้ตาย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในนิวยอร์ก ไมอามี และวอชิงตัน เหตุการณ์สังหารเทรย์วอนเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ. 2012 โดย จอร์จ ซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นอาสาผู้เฝ้าระวังภายในหมู่บ้านเดินติดตามเทรย์วอนที่กำลังเดินกลับบ้านหลังจากไปซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นจอร์จก็โทรแจ้งตำรวจว่าเทรย์วอนดูน่าสงสัยเนื่องจากเป็นคนผิวสี ขณะที่จอร์จ ซิมเมอร์แมนเองก็เป็นลูกครึ่งคนผิวขาวกับฮิสปานิค หลังจากนั้นจอร์จ ก็ยิงเทรย์วอนจนเสียชีวิตโดยอ้างว่าเป็นการยืนหยัดสู้ (Stand your ground) เรื่องเชื้อชาติไม่เป็นประเด็นที่ถูกนำมาถกในการดำเนินคดีชั้นศาล ทนายความของซิมเมอร์แมนอ้างว่าลูกความของเขาทำไปเพื่อเป็นการป้องกันตัว และหลังจากที่มีการตัดสินให้ซิมเมอร์แมนพ้นผิด กลุ่มคนผิวสีและกลุ่มนักกิจกรรม รวมถึงสมาคมเพื่อความก้าวหน้าของกลุ่มคนผิวสีแห่งชาติ (NAACP) ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิพลเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พากันเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีในเชิงการละเมิดสิทธิความเป็นพลเมืองต่อซิมเมอร์แมน เดอะ การ์เดียน ระบุว่าการเดินขบวนในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้รับแรงกระตุ้นจากคำปราศรัยเรื่องการเหมารวมทางเชื้อชาติของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยโอบาม่ากล่าวไว้ว่า "ตัวเขาเมื่อ 35 ปีที่แล้วอาจจะเป็นแบบเดียวกับเทรย์วอน" "และเมื่อคุณคิดว่าทำไมผู้คนถึงรู้สึกเจ็บปวดอย่างน้อยก็ในหมู่ชุมชนชาวแอฟริกันอเมริกัน ข้าพเจ้าคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่ควรตระหนักว่าชุมชนชาวแอฟริกันอเมริกันมองสิ่งเหล่านี้ผ่านประสบการณ์หลายอย่างและจากประวัติศาสตร์ที่ยังคงไม่จางหายไป" โอบาม่ากล่าวในการปราศรัย "มีชาวแอฟริกันอเมริกันอยู่น้อยคนมากที่ไม่เคยมีประสบการณ์ถูกเดินตามหลังจากออกไปซื้อของที่ร้านค้า ซึ่งนั่นรวมถึงผมด้วย" โอบาม่ากล่าว คำปราศรัยดังกล่าวสร้างความแปลกใจให้กับสมาชิกของทำเนียบขาว ซึ่งไม่คาดคิดว่าประธานาธิบดีจะกล่าวถึงประสบการณ์ความเป็นคนผิวสีในสหรัฐฯ อย่างเป็นส่วนตัว บาทหลวง อัล ชาร์ปตัน กล่าวในประเด็นเดียวกันไว้ในการเดินขบวนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยบอกว่าแม้การกล่าวหาอย่างเหมารวมทางเชื้อชาติจะไม่แย่เท่าการแบ่งแยกสีผิว แต่การถูกเดินตามเฝ้าระวังก็ถือเป็นการเหยียดหยามอย่างหนึ่ง เขาได้ยินเรื่องของคนที่ถูกสังหารและถูกทำให้ไม่มีค่า ซึ่งสำนึกเรื่องความยุติธรรมในตัวเขาทำให้เขาไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไว้ได้ ทางด้านศิลปินฮิปฮอปชื่อดัง เจย์ซี และภรรยาของเขา บียอนเซ่ ก็เข้าร่วมขบวนประท้วงช่วงสั้นๆ ในแมนฮัตตัน ซึ่งมีการตะโกนคำว่า "เราคือเทรย์วอน มาร์ติน" ซึ่งมีการตะโกนคำๆ นี้ในการประท้วงเล็กๆ ในรัฐอื่น เช่น บอสตัน ชิคาโก นิวออร์ลีน แอตแลนตา และลอสแองเจลิส โดยการประท้วงทั้งหมดนี้ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
คดีของเทรย์วอน มาร์ติน ยังทำให้มีการถกเถียงเรื่องกฎหมาย "ยืนหยัดสู้" (Stand your ground) ซึ่งทำให้ซิมเมอร์แมนพ้นผิด ซึ่งนอกจากในรัฐฟลอริดาที่เกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ยังมีอีกมากกว่า 20 รัฐในสหรัฐฯ ที่มีการใช้กฎหมายนี้ โดยมีข้อแตกต่างจากกฎหมายการป้องกันตัวทั่วไปตรงที่ ในกฎหมายการป้องกันตัวทั่วไปจะต้องให้ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงภัยหนีได้ก่อน แต่กฎหมายยืนหยัดต่อสู้อนุญาตให้ใช้กำลังรุนแรงได้เลยหากเชื่อว่ากำลังมีภัยถึงชีวิต ทนายความของซิมเมอร์แมนเองไม่ได้อาศัยกฎหมายนี้ แต่เป็นผู้พิพากษาที่นำเสนอกฎหมายนี้ให้คณะลูกขุนพิจารณา โดยในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ลงนามเป็นหนึ่งในผู้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายฉบับนี้ และกล่าวผ่านรายการโทรทัศน์ของซีเอ็นเอ็นว่า กฎหมายยืนหยัดสู้ควรมีการถูกนำมาพิจารณาใหม่ ไม่ว่าจะในรัฐฟลอริดาหรือรัฐอื่นๆ
Calls for 'stand your ground' review grow after day of Trayvon rallies ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น