โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

พื้นที่ความรู้ ป่าชุมชน และคนสามัญ | คนสามัญ อานันท์ 70 ปี

Posted: 23 Oct 2017 01:19 PM PDT

สัมมนาวิชาการ "มานุษยวิทยา ล้านนาคดี และประวัติศาสตร์นิพนธ์ คนสามัญ อานันท์ 70 ปี" ระหว่างวันที่ 20 - 21 เดือนกันยายน พ.ศ. 2560 ห้องประชุม 1 อาคารรวมวิจัยและบัณฑิตศึกษา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโดย สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร

ในช่วงเช้าวันที่ 21 กันยายน เป็นการนำเสนอกลุ่มบทความ นำเสนอกลุ่มบทความ "พื้นที่ความรู้ ป่าชุมชน และคนสามัญ" ดำเนินรายการโดย เก่งกิจ กิติเรียงลาภ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวข้อนำเสนอประกอบด้วย  (1) สุนทร สุขสราญจิต คณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา นำเสนอหัวข้อ "อิ้วเมี่ยนภูลังกา: พลวัตความเป็นไทยและอัตลักษณ์ความเป็นชาติพันธุ์"

(2) วรวรรณ วรรณลักษณ์ นักวิชาการอิสระ นำเสนอหัวข้อ "เวียงหนองหล่ม: พื้นที่เชิงซ้อนของความหมายและการจัดการทรัพยากรร่วม"

(3) อัษฎาวุธ มงคลแก้ว นักวิชาการอิสระ นำเสนอหัวข้อ "การปรับตัวเพื่อเข้าถึงที่ดิน กรณีการปลูกยางพาราในพื้นที่สูงทางภาคเหนือ"

และ (4) พสุธา โกมลมาลย์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร นำเสนอหัวข้อ "หัวไร่ปลายนา: พื้นที่(กึ่ง)ป่าชุมชนในวัฒนธรรมของคนอีสาน"

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

มรดกล้านนาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม | คนสามัญ อานันท์ 70 ปี

Posted: 23 Oct 2017 12:28 PM PDT

สัมมนาวิชาการ "มานุษยวิทยา ล้านนาคดี และประวัติศาสตร์นิพนธ์ คนสามัญ อานันท์ 70 ปี" ระหว่างวันที่ 20 - 21 เดือนกันยายน พ.ศ. 2560 ห้องประชุม 1 อาคารรวมวิจัยและบัณฑิตศึกษา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโดย สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร

ช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.ย. เป็นการนำเสนอกลุ่มบทความ  "มรดกล้านนาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม" ดำเนินรายการโดย ดร.อาชว์บารมี มณีตระกูลทอง สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ทั้งนี้การเปลี่ยนอดีตพื้นที่ความขัดแย้งให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพร้อมไปกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ติดตามได้จากการนำเสนอของ วศิน ปัญญาวุธตระกูล คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งนำเสนอหัวข้อ "การจัดการชุมชนท่องเที่ยวบนพื้นที่สูง กรณีศึกษาภูลมโลและพื้นที่เชื่อมโยงอย่างยั่งยืน"

ส่วนการนำเสนอต่อมา กรวรรณ สังขกร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พูดถึงการวิจัยเพื่อเชื่อมโยงและพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยว แนวทางการพัฒนาศักยภาพของชุมชนเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สถานการณ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สภาพการแข่งขันทางการตลาด และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่ภาคเหนือ โดยนำเสนองานวิจัยหัวข้อ "มรดกล้านนาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม"

นอกจากนี้อานันท์ กาญจนพันธุ์ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย โดยตอนหนึ่งกล่าวว่าการท่องเที่ยว นอกจากการมีส่วนร่วมจากทุกกลุ่มแล้ว ต้อง 4 มิติได้แก่ จิตวิญญาณ อัตลักษณ์ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิต ถ้าไม่มี 4 มิตินี้การท่องเที่ยวก็จะไม่น่าสนใจ โดยยกตัวอย่างการจัดการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลออกหว่าหรือออกพรรษาของ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อีกด้วย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ประธาน ป.ป.ช.ไม่ขัด กฎหมายลูกเปิดช่องให้ สตง. ตรวจสอบทุจริตเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.

Posted: 23 Oct 2017 09:32 AM PDT

ประธาน ป.ป.ช. ยันส่วนตัวยอมรับและเห็นด้วยในเนื้อหาของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินที่ให้อำนาจผู้ว่าการ สตง. สามารถไต่สวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่กระทำการทุจริตได้ ระบุข่าว จนท.ป.ป.ช.ค้าน คงกังวลในเรื่องข้อกฎหมาย

แฟ้มภาพ

23 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (23 ต.ค.60) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ผ่านวาระ 3 จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว โดยให้อำนาจผู้ว่าการ สตง. สามารถไต่สวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่กระทำการทุจริตได้ ว่า ส่วนตัวยอมรับในเนื้อหาของกฎหมาย และเห็นด้วย เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ สตง.ในการตรวจสอบการใช้เงินแผ่นดินของทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ 

ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.ได้คัดค้านเรื่องนี้นั้น ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า คงเป็นเพียงรายงานข่าวเท่านั้น หากมีการคัดค้านคงเป็นข้อกังวลในเรื่องข้อกฎหมายที่มองว่า ในการดำเนินการของ ผู้ว่า สตง. ตามเนื้อหาเดิม ก่อนปรับแก้จะกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ เมื่อผ่านความเห็นชอบจาก สนช. ก็ถือว่า เรื่องยุติลงแล้ว 

พล.ต.อ.วัชรพล ยังกล่าวถึง การจัดทำร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. ว่า ทราบว่า กรธ. จะส่งร่างกฎหมายไปยัง สนช. ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ และจะเข้าวาระแรก ในวันที่ 2 พ.ย. โดย ป.ป.ช.ได้ชี้แจงความเห็นไปยัง กรธ.แล้ว เกี่ยวกับบริบทของการทำหน้าที่ ที่มีปัญหาอุปสรรคขัดกับร่างกฎหมาย โดยจะพยายามชี้แจงกับ กรธ. และหากว่าท้ายที่สุดยังไม่ได้มีการปรับแก้ตามข้อเสนอ ก็ยังมีชั้นกรรมาธิการศึกษา พร้อมยืนยันว่า จะใช้เวทีนี้ชี้แจงอีกครั้ง รวมถึงช่องทางกระบวนการอื่นๆ ที่จะทำให้กฎหมายมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ประธาน ป.ป.ช. ระบุถึงการรื้อฟื้นคดี 3 คดีใหญ่ ที่จะยื่นต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีคดีที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร 2 คดีว่า อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล คาดว่า จะใช้เวลาไม่นาน เพราะมีข้อมูลเดิมอยู่แล้ว เมื่อแล้วเสร็จก็จะยื่นศาลฯ ตามขั้นตอน

ที่มา : สำนักข่าวไทย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

แจ้งตำรวจจับคนปลอมเข็มที่ระลึกงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

Posted: 23 Oct 2017 03:58 AM PDT

รองปลัดสำนักฯ เผยแจ้งตำรวจจับคนปลอมเข็มที่ระลึกงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพออนไลน์ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ทอ.เตรียมเล่นงานฝ่าฝืนบินโดรน - ห้ามเนชั่นทีวี สำนักข่าวทีนิวส์ ไทยทีวี 6 ทำข่าวหลังฝืนข้อตกลงไลฟ์สด 

23 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (23 ต.ค.60) สมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการเปิดการจำหน่ายเข็มที่ระลึกพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 40,000 เข็ม เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา สามารถจำหน่ายครบหมด โดยประชาชนที่มาเข้าคิวซื้ออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  โดยหลังจากนี้ สำนักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ยังเร่งผลิตเข็มที่ระลึกดังกล่าวเพื่อนำออกจำหน่ายอีก และจะเปิดให้ประชาชนสั่งจองได้เร็วที่สุดประมาณปลายเดือน พ.ย.นี้ หรือตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.โดยในกรุงเทพฯ สถานที่เปิดรับจองได้แก่ กองคลัง สำนักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ภายในทำเนียบรัฐบาล และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาในเขตกรุงเทพฯ  ส่วนในต่างจังหวัดนั้น สปน.กำลังหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นที่ศาลากลางจังหวัด หรือที่ทำการไปรษณีย์  ทั้งนี้การรับสั่งจองนี้ไม่ได้จำกัดจำนวนเข็มที่แต่ละคนต้องการจะซื้อ ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลว่าเข็มดังกล่าวจะหมด เพราะเราผลิตอยู่เรื่อย ๆ ตามจำนวนที่มีการสั่งจองเข้ามา 

รองปลัดสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการที่ สปน.พบเบาะแสการขายเกินราคา และการทำปลอมแปลง จึงขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อคนที่นำเข็มดังกล่าวมาขายในราคาสูงเกินจริง เพราะสปน.กำลังจะเร่งเปิดรับจองการสั่งซื้อ พร้อมกับจะจัดส่งให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด  อีกทั้งพบว่ามีคนอ้างว่าได้รับเข็มพระราชทานแล้วไปจัดทำเอง และมีคนที่ทำปลอมขึ้นมาหลอกจำหน่ายผ่านทางเฟซบุ๊กและบางเว็บไซต์ ซึ่งได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตรวจสอบเพื่อจับกุม 

"ขอย้ำว่าเข็มที่ระลึกพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ มีลักษณะรูปทรงหกเหลี่ยม พื้นเป็นสีเหลืองทอง ด้านหน้าอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภปร มีพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมีประดิษฐานอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างจารึกอักษรคำว่า "พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ๒๕๖๐"  ดังนั้น ขอให้ประชาชนหลงเชื่อซื้อของปลอม และอย่าทำปลอมแปลงเพื่อมาหลอกขายเลย เพราะถือเป็นความผิดทางอาญา และเป็นสิ่งที่ไม่บังควรอย่างยิ่งในการทำอะไรที่ไปกระทบกระเทือนจิตใจของประชาชนชาวไทยในช่วงพระราชพิธีดังกล่าว จึงขอให้ทุกคนร่วมกันทำความดีถวายในหลวง" รองปลัด สปน. กล่าว

ทอ.เตรียมเล่นงานฝ่าฝืนบินโดรน

ขณะที่วานนี้ พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์  เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีกองทัพอากาศขอความร่วมมืองดบินโดรนรอบพื้นที่ประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรัศมี 19 กิโลเมตร  ระหว่าง 25-29 ตุลาคม 2560 และขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสการฝ่าฝืนบินโดรน ได้มีประชาชนผู้หวังดีส่งภาพและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการบินโดรนในบริเวณใกล้เคียงพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นพื้นที่โดยรอบในรัศมี 19 กิโลเมตร ตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยมาให้กองทัพอากาศ 

"ขอขอบคุณผู้ที่ส่งข้อมูลและเบาะแสภาพการบินโดรนมาให้ ซึ่งกองทัพอากาศจะได้ส่งมอบข้อมูลและภาพให้หน่วยเกี่ยวข้องตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ขอวิงวอนผู้ที่คิดจะฝ่าฝืนบินโดรนในห้วงเวลาและพื้นที่ประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รวมทั้งพื้นที่โดยรอบพระเมรุมาศจำลองและซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ทั่วประเทศ โปรดล้มเลิกความคิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัว" โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ขอเชิญประชาชนร่วมถวายพระเกียรติและร่วมกันรักษาความปลอดภัยในห้วงพระราชพิธี โดยช่วยเฝ้าตรวจผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดกฎหมาย และสามารถส่งข้อมูล ภาพ คลิป ฯลฯ ที่แสดงแนวโน้มการฝ่าฝืนบินโดรนในห้วงเวลาดังกล่าว ได้ที่เฟซบุ๊คกองทัพอากาศหรือไลน์กองทัพอากาศ ไอดี @rtaf เพื่อรวบรวมส่งให้หน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

ห้ามเนชั่นทีวี สำนักข่าวทีนิวส์ ไทยทีวี 6 ทำข่าวหลังฝืนข้อตกลงไลฟ์สด 

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้ประชุมชี้แจงกับเจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์ ภายหลังการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ถึงกรณีที่มีสื่อมวลชน 3 สำนัก ได้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ขอความร่วมมือไว้ในการประชุมแต่ละครั้งว่า จะไม่มีการไลฟ์สดในวันที่ 21 และ 26 ต.ค.2560 และจะต้องไม่เผยแพร่คลิปข่าว ก่อนที่ริ้วขบวน ที่ 1-3 จะจบสิ้นลง

พล.ท.สรรเสริญ ระบุว่า สื่อสำนักหนึ่งได้ลงคลิปที่ถ่ายบนอัฒจันทร์ และนำมาเผยแพร่ในลักษณะรายงานข่าวเหตุการณ์สด โดยที่ริ้วขบวนทั้ง 3 ยังไม่จบสิ้นดี กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเพช (กอร.พระราชพิธี) จึงได้เชิญผู้บริหารช่องดังกล่าวเข้ามาพูดคุยชี้แจง และมีมติไม่ให้สื่อสำนักดังกล่าว ทำข่าวในวันที่ 22 ต.ค. ซึ่งจะมีการซ้อมริ้วขบวนที่ 4-6 โดยจะยึดบัตรสื่อมวลชนพิเศษที่ กอร.ออกให้ และจะคืนให้หลังจากประชุมร่วมในวันที่ 24 ต.ค.นี้ เพื่อให้สามารถทำงานในวันพระราชพิธีจริงได้ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสามารถมาใช้บริการศูนย์สื่อมวลชนได้ แต่ไม่สามารถขึ้นอัฒจันทร์ทำข่าวได้ โดยแนวทางนี้ จะเป็นแนวทางปฏิบัติกับสื่ออีก 2 สำนัก ที่ไม่ทำตามข้อตกลง เช่นเดียวกัน และขอให้สื่ออื่นๆ ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เคยได้ประชุมร่วมกันด้วย
 
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสื่อมวลชน 3 สำนักที่ถูกห้ามทำข่าวการซ้อมริ้วขบวนที่ 4 - 6 ในวันนี้ ได้แก่ เนชั่นทีวี สำนักข่าวทีนิวส์ และ ไทยทีวี 6 ซึ่งเผยแพร่ทางยูทูบ
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

รบ.ปฏิเสธสั่งรื้อถอนทุบทำลายเทวรูปภายในวัด

Posted: 23 Oct 2017 03:41 AM PDT

รัฐบาลปฏิเสธสั่งรื้อถอนทุบทำลายเทวรูปภายในวัด ชี้เป็นดุลพินิจของคณะสงฆ์ที่อยากเห็นความถูกต้องเหมาะสมตามหลักธรรมคำสอนและพระวินัย เชื่อชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจและยอมรับได้

23 ต.ค. 2560 รายงานข่าวจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วานนี้ (22 ต.ค.60) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการส่งต่อกันในสื่อออนไลน์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้รื้อถอนทุบทำลายรูปปั้น องค์เทพ หรือสิ่งที่เป็นความเชื่อของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักทางศาสนา ออกจากวัดทุกวัด ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะความจริงคือการดำเนินงานภายในของคณะสงฆ์ที่ได้พิจารณาแล้วว่าสิ่งใดถูกต้องเหมาะสม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ได้รับทราบข้อมูลว่า มหาเถรสมาคมได้มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะทุกเขตในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ เรื่อง ห้ามติดแผ่นป้ายโฆษณาพระพุทธรูป พระเครื่อง วัตถุมงคล และเทวรูปในที่ต่าง ๆ โดยให้เหตุผลว่า ปัจจุบันมีกลุ่มบุคคลใช้ความเชื่อทางศาสนาไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการโฆษณาสรรพคุณพระบูชาและวัตถุมงคล มีการอ้างที่มาของวัสดุที่ใช้สร้างพระบูชา วัตถุมงคล เทวรูป และอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ โดยไม่คำนึงถึงหลักธรรมคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา จึงขอให้เจ้าคณะทุกเขตสอดส่องดูแลการโฆษณาจัดสร้างพระบูชา วัตถุมงคล และเทวรูปอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการเผยแผ่ธรรมะอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ พระอุโบสถหรืออุโบสถนั้นเป็นสถานที่ที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินัย ดังนั้น วัดทุกวัดจึงไม่ควรจำหน่ายพระบูชา วัตถุมงคล และเทวรูปต่าง ๆ ภายในและบริเวณพระอุโบสถหรืออุโบสถ" ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นดุลพินิจของคณะสงฆ์ที่ต้องการเห็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักธรรมคำสอนและพระวินัยเกิดขึ้น โดยแต่ละวัดจะพิจารณารื้อถอน ทุบทำลายรูปปั้นหรือเทวรูปที่อยู่ภายในวัด รวมทั้งงดจำหน่ายพระบูชาและวัตถุมงคลเอง ส่วนทางด้านของพุทธศาสนิกชนนั้นเชื่อว่าส่วนใหญ่มีความเข้าใจและยอมรับได้ เนื่องจากอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของวงการพระพุทธศาสนาในทางที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

มหาดไทยไม่อุทธรณ์คดี 351 ไทยพลัดถิ่น พร้อมออกบัตรคนไทยให้

Posted: 23 Oct 2017 12:09 AM PDT

กระทรวงมหาดไทยไม่อุทธรณ์ คดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษาให้รับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น แก่ 351 ผู้ที่ยังไม่ได้สัญชาติไทยจาก อ.แม่สอดและอ.แม่ระมาด จ.ตาก พร้อมจะเร่งรัดดำเนินการออกบัตรประจำตัวประชาชนคนไทยให้

คนไทยพลัดถิ่นบ้านห้วยส้าน อพยพกลับเข้ามาอยู่ อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่ พ.ศ. 2515 และสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ ระหว่างไปฟังคำพิพากษาศาลปกครองขอคืนสัญชาติไทยเมื่อ 14 ก.ย. 2560 (ที่มา: เอื้อเฟื้อภาพโดยสุรพงษ์ กองจันทึก)
 

23 ต.ค. 2560 รายงานข่าวแจ้งว่า สุรพงษ์ กองจันทึก หัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือคนไทยพลัดถิ่น สภาทนายความ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากศาลปกครองว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน คือภายในวันที่ 13 ตุลาคม 2560  มีผลให้คดีถึงที่สุด  ส่งผลให้ผู้ถูกฟ้องคดีต้องดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ในการเพิ่มชื่อเข้าสู่ระบบทะเบียนและออกบัตรประจำตัวประชาชนแบบคนไทยให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 351 คน

ตามที่เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2560 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 352/2558 ว่า คำสั่งของคณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น ตามหนังสือด่วนที่สุดที่ 0309.1/15143 ลงวันที่ 29 ก.ย. 2557 ที่ไม่รับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นแก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 351 คน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  และให้ดำเนินการเพิ่มชื่อคนไทยพลัดถิ่นเหล่านี้ เข้าในระบบทะเบียนราษฎร์แบบคนไทย โดยถือว่าเป็นคนไทยโดยการเกิด


สุรพงษ์ กล่าวว่า บรรจบ จันทรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการส่วนการทะเบียนราษฎร สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งว่า กำลังเร่งดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางโดยตรวจสอบสถานะปัจจุบันของคนไทยพลัดถิ่นทั้ง 351 คน  เนื่องจากมีบางคนเสียชีวิตไปแล้ว  หลายคนก็ได้สัญชาติไทยไปแล้วด้วยวิธีการตามข้อกฎหมายอื่น ซึ่งต้องตรวจละเอียดว่าได้รับการถ่ายรูปทำบัตรประชาชนไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนคนที่เหลือจะต้องให้อำเภอและจังหวัดจัดทำแก้ไขข้อมูลในส่วนต้นทางให้ถูกต้อง เพื่อจะได้เข้าระบบออกเลข 13 หลักแบบคนไทยในฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎร์ให้  คาดว่าจะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในเดือนตุลาคม  เพื่อให้คนไทยพลัดถิ่นเหล่านี้สามารถเข้าสู่ระบบทะเบียนราษฎร์และจัดทำบัตรประจำตัวแบบคนไทยได้ภายในต้นเดือนพฤศจิกายน 2560

สุรพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากคนไทยพลัดถิ่น 351 คนนี้แล้ว ยังมีคนไทยพลัดถิ่นที่ยื่นเรื่องรอการพิจารณาของคณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นอีกจำนวนมาก  รวมทั้งคนที่ยังไม่ได้ยื่นเรื่องอีกไม่น้อย  เมื่อคำพิพากษาของศาลปกครองกลางถึงที่สุด จะเป็นบรรทัดฐานในการได้สัญชาติไทยของกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นจากอำเภอแม่สอดและอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตากอีกนับพันคน รวมทั้งลูกหลานของคนเหล่านี้ด้วย

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น