โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

การ 'ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์' กับ 'กวาดล้างเผ่าพันธุ์' ต่างกันอย่างไร?

Posted: 27 Oct 2017 02:04 PM PDT

ผู้นำโลกเลือกคำพูดอย่างระมัดระวังในการกล่าวถึงกรณีการอพยพของกลุ่มชาวโรฮิงญาที่หนีจากเหตุการณ์รุนแรงในพม่า โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าพวกเขาจะไม่ใช้คำว่า "genocide" หรือ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" แต่จะใช้คำว่า "Ethnic Cleansing" หรือ "การกวาดล้างเผ่าพันธุ์" ทั้งที่ความหมายน่าจะใกล้เคียงกันแต่สองคำนี้ต่างกันอย่างไร สื่อพีบีเอสจากสหรัฐฯ นำเสนอคำตอบในกรณีนี้

ผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่ชายแดนพม่า-บังกลาเทศ ภาพถ่ายเดือนพฤศจิกายน 2559

มีการตั้งข้อสังเกตว่าในกรณีความรุนแรงที่เกิดกับชาวโรฮิงญาตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. จนเกิดเป็นประเด็นร้อนในระดับโลก ในเวทีโลกก็มีการประณามการกระทำของทหารพม่าว่าเป็น "การปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม" หรือคำอย่าง "กรณีการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ตามนิยามในตำรา" (textbook case of ethnic cleansing)

ในวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่ากำลังพิจารณาคว่ำบาตรพม่าแบบจำกัดวง พวกเขาบอกแค่ว่าจะมีการจำกัดความร่วมมือกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรุนแรงและจำกัดการเดินทางของผู้นำกองทัพระดับสูงของพม่า รวมถึงอาจจะมีการใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนกับคนบางกลุ่มหรือเจ้าหน้าที่พม่าบางรายด้วย แต่พวกเขาก็ไม่ประกาศออกมาว่าการกระทำของรัฐบาลพม่าเป็น "การกวาดล้างเผ่าพันธุ์"

แล้ว "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" หมายความว่าอย่างไร?

สหประชาชาติเคยนิยามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เป็นครั้งแรกไว้ในปี 2491 โดยระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษความผิดอาญาฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Convention on the Prevention and Punishment of the Crime of Genocide) 5 ข้อที่กระทำ "โดยมีเจตนาทำลายชาติพันธุ์, สัญชาติ, เชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนา" ดังนี้คือ

1.) สังหารสมาชิกของกลุ่มคนนั้นๆ
2.) สร้างความเสียหายต่อร่างกายหรือจิตใจอย่างรุนแรง
3.) มีการกระทำการแบบคำนวนให้สภาพชีวิตของกลุ่มคนถูกทำลายทางกายโดยบางส่วนหรือโดยทั้งหมด ซึ่งมีการไตร่ตรองไว้ก่อน
4.) ออกมาตรการห้ามไม่ให้กลุ่มคนให้กำเนิด
5.) บีบบังคับให้มีการย้ายเด็กจากกลุ่มนั้นๆ

ขณะที่ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" หรือ genocide นั้นต้องมีเจตนาที่จะกำจัดกลุ่มคนนั้นๆ ทั้งกลุ่ม โดยถึงแม้ว่าจะพิสูจน์เจตนาไม่ได้แต่อาชญากรรมเช่นนี้ก็ยังถือเป็น "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" หรือเข้าข่าย "การกวาดล้างเผ่าพันธุ์" ได้แต่ไม่ถึงขั้นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มีการพยายามวางเกณฑ์ทางกฎหมายมาโดยตลอดว่าจะวัดเจตนากันอย่างไร ทำให้มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นในประวัติศาสตร์ที่ถูกตัดสินว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือระบอบนาซี และอีกรายหนึ่งคืออดีตนายกเทศมนตรีทาบคอมมูนในรวันดาที่ถูกตัดสินให้มีความผิดเพราะ "เขารับรู้หรือควรจะรับรู้ว่าการกระทำของเขาจะส่งผลให้เกิดการทำลายกลุ่มคนบางส่วนหรือทั้งหมด"

แล้วอะไรคือ "การกวาดล้างเผ่าพันธุ์" ?

การกวาดล้างเผ่าพันธุ์นั้นสื่อถึงแค่ว่ามีการขับไล่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งออกไปจากพื้นที่หนึ่งๆ แม้ว่าจากนิยามของยูเอ็นแล้วการกวาดล้างเผ่าพันธุ์จะไม่ถูกจัดเป็นอาชญากรรมในระดับนานาชาติ แต่ในความเป็นจริงการกวาดล้างเผ่าพันธุ์และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นั้นมีเส้นแบ่งที่พร่าเลือน เจมส์ ซิลค์ ศาตราจารย์ด้านสิทธิมนุษยชนจากวิทยาลัยกฎหมายของเยลกล่าวว่า "ถึงแม้ถ้าแรงจูงของคุณจะอยู่ที่การขับให้ผู้คนออกไป แต่ถ้าคุณกระทำมันด้วยเจตนาที่ต้องการทำลายกลุ่มๆ นั้น มันก็จะถือเป็น 'การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์' ด้วย"

ในกรณีของโรฮิงญานั้นรายงานของสหประชาชาติระบุว่ารัฐบาลพม่ากระทำการโดยวางแผนอย่างเป็นระบบในการละเมิดสิทธิมนุษยชนบีบบังคับให้ชาวโรฮิงญาจำนวนมากต้องอพยพออกจากหมู่บ้านตัวเอง

บทลงโทษของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คืออะไร?

อนุสัญญาของยูเอ็นระบุว่าผู้ที่ก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จะต้องถูกงโทษไม่ว่าจะเป็นผู้นำ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือปัจเจกบุคคลที่มีส่วนร่วม แต่ก็ไม่ได้ระบุบทลงโทษชัดเจนทำให้ที่ผ่านมามีการพิจารณาลงโทษตั้งแต่จำคุก 10 เดือน ไปจนถึงจำคุกตลอดชีวิตตามแต่บทบาทของผู้มีส่วนร่วมในอาชญากรรม

นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดขอบเขตอำนาจของศาลโลกที่ไม่สามารถออกคำสั่งจับกุมผู้ก่อเหตุได้ด้วยตนเองแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากชาติใดชาติหนึ่งในบังคับใช้คำสั่งลงโทษ ในกรณีที่ศาลของประเทศที่เกิดเหตุและลงนามในอนุสัญญาไม่มีการลงโทษผู้ก่อเหตุ

มีการยกตัวอย่างกรณีของรวันดาที่กองทัพและกลุ่มติดอาวุธชาวฮูตูออกสังหารชาวทุตซีและนักการเมืองฮูตูสายกลาง ทำให้เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2537 โฆษกการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่าเหตุการณ์ในรวันดาอาจจะนับเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เรื่องนี้มีการหารือจากฝ่ายกลาโหมของสหรัฐฯ ที่ระบุว่าการออกมาประกาศว่าเรื่องนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อาจจะทำให้สหรัฐฯ มีพันธะต้อง "ทำอะไรสักอย่าง"

แล้วในกรณีของพม่าเป็นเช่นไร?

กรณีของพม่า สหรัฐฯ ก็กังวลในแบบเดียวกันว่าการใช้คำว่า "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" จะทำให้พวกเขามีพันธะทางกฎหมายและทางจริยธรรมในการต้องทำอะไรสักอย่างกับพม่า ปัญหานี้ยังเกิดจากการที่รัฐบาลบารัค โอบามา เคยยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ประชาธิปไตยในประเทศดีขึ้น ซึ่งซิลค์ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลโอบามาพยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าจะทำลายสิ่งที่เขาเคยบอกไว้ว่าพม่าเป็นประเทศที่ "เป็นประชาธิปไตยอย่างมีความหวัง" ด้วย

โจชัวร์ เคอร์ลันซิค นักวิจัยอาวุโสด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวว่าสหรัฐฯ น่าจะไม่เรียกสถานการณ์ในพม่าว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนกว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยูเอ็นพูดแบบนี้ก่อน ทางยูเอ็นเองก็รั้งรอที่จะพูดว่ามันเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพราะกลัวว่าจะกระทบต่อความพยายามนำประเทศพม่าจากการปกครองระบอบทหารไปเป็นประชาธิปไตย อีกทั้งยูเอ็นยังไม่สามารถตัดสินเรื่องเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ดยที่ไม่มีคณะกรรมการสืบสวนในเรื่องนี้ก่อน โดยต้องรอการรับรองจากสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมถึงต้องอาศัยความร่วมมือจากพม่าในการอนุญาตให้คณะผู้สืบสวนเข้าไปในประเทศได้

ความกังวลว่าความรับผิดชอบจะตกอยู่กับผู้ท่ประกาศว่าเป็น "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" นี้เองทำให้เป็นเรื่องยากที่สหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายเข้าไปเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในพม่าแต่เพียงฝ่ายเดียว แม้แต่กรณีรวันดาเองก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐบาลรวันดาจนทำให้ผู้ก่อเหตุถูกนำสู่กระบวนการยุติธรรมในอีก 20 ปีหลังจากนั้นได้

อย่างไรก็ตาม ทาสนิม โมตาลา ทนายความจากคลินิคกฎหมายสิทธิมนุษยชนนานาชาติโลเวนสไตน์ วิทยาลัยกฎหมายเยล กล่าวว่าประชาคมโลกยังต้องรับผิดชอบตามกฎหมายนานาชาติไม่ว่าการก่อเหตุเหล่านั้นจะเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ก็ตาม ในหลักการว่าด้วยความรับผิดชอบต่อการคุ้มครองระบุว่ารัฐที่ไม่สามารถคุ้มครองระบุว่ารัฐที่ไม่สามารถปกป้องประชากรตนเองจาก "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมสงคราม การกวาดล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" ได้ ประชาคมโลกจะต้องทำอะไรบางอย่าง แต่ปัญหาคือกฎหมายนานาชาติจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ถ้าหากไม่มีการสนับสนุนจากบางรัฐหรือจากประชาคมโลก

เรียบเรียงจาก

What's the difference between genocide and ethnic cleansing?, PBS, 24-10-2017

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

มติรัฐสภากาตาลุญญาหนุนแยกตัวแล้ว สภาสเปนไฟเขียวยึดอำนาจ รบ. ท้องถิ่น

Posted: 27 Oct 2017 11:30 AM PDT

รัฐสภาแคว้นชิงลงมติแยกตัวก่อน โดยสภาชิกสภาที่มีอยู่ 135 ที่นั่ง ได้ออกเสียงสนับสนุนแยกตัว 70 ต่อ 10 งดออกเสียง 2 เพื่อเปิดทางร่างกฎหมายใหม่ เจรจากับสเปนในฐานะรัฐเอกราชเสมอกัน ขณะที่คล้อยหลังไม่นาน รัฐสภาสเปนอนุมัติรัฐบาลกลางใช้มาตรา 155 ยึดอำนาจรัฐบาลท้องถิ่น โดยนายกรัฐมนตรีสเปนกร้าวมุ่งปลดตั้งแต่ผู้นำแคว้นยันเจ้ากระทรวงในรัฐบาลท้องถิ่น

(ล่าง)การ์เลส ปุกเดมอนด์ แถลงเรื่องการประกาศตัวเป็นเอกราชในรัฐสภากาตาลันเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา (ที่มา: Parliament de Catalunya)

 

 

ที่อาคารทำการของรัฐบาลแคว้นกาตาลุญญา ในเมืองกีโรนา ธงชาติสเปนถูกปลด และแทนที่ด้วยธงลา เอสเตลาดาของกาตาลุญญา

สำนักข่าวอินดิเพนเดนท์ของสหราชอาณาจักรรายงานว่า แคว้นกาตาลุญญาประกาศเอกราชจากราชอาณาจักรสเปนก่อนหน้ารัฐสภาสเปนจะประกาศรับรองให้รัฐบาลมาดริดยุบสภาท้องถิ่นแคว้นกาตาลุญญาแล้วดำเนินการบริหารแคว้นเอง

การลงคะแนนในรัฐสภาท้องถิ่นเกิดขึ้นหลังสัปดาห์แห่งความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นแคว้นกาตาลุญญาและรัฐบาลกรุงมาดริด ผลการลงคะแนนในประเด็นการประกาศเอกราช มีผู้เห็นด้วย 70 เสียง ไม่เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง จากสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ในสภา 135 ที่นั่ง ทั้งนี้มีสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านจำนวนหนึ่งได้เดินออกจากที่ประชุมก่อนหน้าจะมีการออกเสียงเป็นสัญลักษณ์ว่าประท้วง หลังคะแนนเสียงมีมติให้ประกาศเอกราชก็มีเสียงปรบมือกึกก้อง สมาชิกรัฐสภาจับมือและกอดกัน ภายนอกรัฐสภา ผู้คนที่เฝ้าดูการลงคะแนนเสียงในเมืองบาร์เซโลนาต่างแสดงความยินดีและเต้นกัน

ผลโหวตร้อยละ 90 หนุนกาตาลุญญาแยกตัว หลายฝ่ายกังวลปะทะเดือดวันลงคะแนน

รัฐสภากาตาลุญญาเตรียมตอบโต้สเปนหลังจ่อเข้าปกครองแคว้นโดยตรง

มติการออกเสียงดังกล่าวนำไปสู่การเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวที่ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา การ์เลส ปุกเดมอนต์ ประกาศเอกราชในรัฐสภาแคว้นไปแล้วเมื่อ 10 ต.ค. ที่ผ่านมาแต่ได้ระงับการบังคับใช้เอาไว้ก่อนเพื่อเปิดให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลสเปนและรัฐบาลแคว้น กระบวนการแยกตัวรวมไปถึงการร่างกฎหมายแคว้นกาตาลุญญาชุดใหม่และเปิดการเจรจาในสถานะที่เสมอกันกับสเปนเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาปุกเดมอนต์ปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นใหม่ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้ถูกมองว่าเป็นวิธีการลดความตึงเครียดที่มีต่อรัฐบาลกลางได้ ประธานาธิบดีแคว้นกาตาลุญญากล่าวว่าไม่มีการการันตีว่ารัฐบาลสเปนจะหยุดยั้งการยึดอำนาจรัฐบาลท้องถิ่นตามกฎหมายมาตราที่ 155 แห่งรัฐธรรมนูญสเปน

ธง ลา เอสเตลาดา ของแคว้นกาตาลุญญา (ที่มา: commons.wikimedia.org)

ทันทีหลังจากผลการออกเสียงประกาศเอกราช มาเรียโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปนได้ทวีตในทวิตเตอร์ส่วนตัวให้ผู้คนอยู่ในความสงบ อย่างไรเสีย รัฐสภาสเปนได้ออกเสียงรับรองการบังคับใช้มาตรา 155 หลังจากแคว้นกาตาลุญญาลงคะแนนเสียงประกาศเอกราชไม่นาน มติของรัฐสภาสเปนมอบอำนาจให้รัฐบาลมาดริดปกครองแคว้นกาตาลุญญาแทนรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการแทรกแซงแคว้นโดยรัฐบาลกลางในลักษณะนี้ครั้งแรก หลังบังคับใช้มาตรา 155 ราฮอยจะมีอำนาจในการปลดปุกเดมอนต์และคณะรัฐมนตรี

มาตรา 155 มีใจความว่า ถ้ารัฐบาลท้องถิ่นไม่สามารถรักษากฎหมายหรือบังคับใช้กฎหมายได้ รัฐบาลกลางสามารถยกเลิกการปกครองตนเองของแคว้นได้แล้วเข้ามาปกครองโดยตรง

สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ รายงานว่า มาริอาโน ราฮอยกล่าวว่าเขาต้องการปลดปุกเดมอนต์ รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีของกระทรวงในแคว้น โดยเขาต้องการให้ "กฎหมาย ประชาธิปไตยและเสถียรภาพ" ได้รับการฟื้นฟูในกาตาลุญญา ทั้งยังกล่าวหาว่ารัฐบาลกาตาลันได้สร้างรอยร้าวให้กับสังคมและสถาบันครอบครัว มีคนที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก และความไร้เสถียรภาพที่เกิดขึ้นได้ผลักไสธุรกิจออกไปจากแคว้น

มาริอาโน ราฮอย นายกฯ สเปน (ที่มา: วิกิพีเดีย)

"สิ่งที่ชาวกาตาลันต้องปกป้องตัวเองเอาไว้ไม่ใช่จากจักรวรรดินิยมสเปน แต่เป็นคนส่วนน้อยที่ประกาศว่าตัวเองเป็นเจ้าของแคว้นกาตาลุญญาในแบบที่ไม่มีน้ำอดน้ำทนแล้วกีดกันประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ความรู้สึกซึ่งเป็นมรดกของชุมชนต่างหาก" ราฮอยแถลงในรัฐสภาสเปนที่พรรคของราฮอยเป็นเสียงส่วนมาก และได้รับการตอบรับด้วยเสียงปรบมือ

ความขัดแย้งครั้งนี้มาจากการลงประชามติแยกตัวจากสเปนของแคว้นกาตาลุญญาเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญสเปนตัดสินว่าการลงประชามติครั้งนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดนัลด์ ทัสค์ ประธานสภาสหภาพยุโรปเองก็กล่าวว่าประชามติครั้งนี้จะไม่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรสำหรับอียู และอียูจะติดต่อกับทางรัฐบาลมาดริดเท่านั้น

ผลประชามติตามมาด้วยเหตุการณ์ เมื่อ 10 ต.ค. ที่ผ่านมาปุกเดมอนด์ได้ลงนามในคำประกาศเอกราชไปแล้ว แต่ว่าเลื่อนการบังคับใช้ไปก่อนเป็นเวลาสองเดือนเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากับรัฐบาลกลาง ปุกเดมอนด์ยังกล่าวถึงการบังคับใช้มาตรา 155 ว่าเป็นการโจมตีสถาบันของแคว้นกาตาลุญญาอย่างร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สมัยนายพลฟรานซิสโก ฟรังโกปกครองสเปนเมื่อ ค.ศ. 1939-1975 และเป็นการ "ปิดประตู" ใส่ความพยายามในการพูดคุย ทั้งนี้ รัฐบาลแคว้นกาตาลุญญายังไม่ล้มเลิกแผนการแยกตัวเป็นเอกราชและประกาศเลือกตั้งใหม่ก่อนที่มาตรา 155 จะถูกรับรองโดยรัฐสภาสเปน โดยโฆษกของรัฐบาลกาตาลันได้กล่าวว่ารัฐบาลจะ "สู้อย่างเต็มที่เพื่อปกป้องสถาบันที่ได้รับเลือกตั้งมาอย่างเป็นประชาธิปไตยแห่งกาตาลุญญา"

กาตาลุญญาถึงไทย: เข้าใจการเมืองเรื่องแคว้น บทเรียนของไทยจากสังคมที่โตแล้ว

5 เรื่องน่ารู้ เงื่อนไข ทางตันและทางออกก่อนกาตาลุญญาประกาศเอกราช

สถิติจากรัฐบาลกาตาลันระบุว่า วันประชามติเมื่อ 1 ต.ค. ที่ผ่านมามีผู้ออกไปลงคะแนนเสียงทั้งหมด 2.3 ล้านคน จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งสิ้น 5.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 43 อย่างไรก็ดี ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสเปนที่พยายามขัดขวางไม่ให้คนไปออกเสียงทำให้สูญเสียเสียงโหวตไปถึง 7 แสน 7 หมื่นเสียง จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขสเปนระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 450 รายแล้ว จากการปะทะในหลายพื้นที่ทั่วแคว้นกาตาลุญญา กระทรวงกิจการภายในของสเปนระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 11 ราย ในขณะที่ทางการท้องถิ่นของกาตาลันระบุว่ามีผู้บาดเจ็บมากกว่า 800 คน

รัฐบาลท้องถิ่นกาตาลันระบุว่า มีผู้มาออกเสียงเป็นจำนวน 2.26 ล้านคน ถือเป็นร้อยละ 42 ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง และผลประชามติครั้งนี้มีผู้ออกเสียงสนับสนุนการแยกตัวจากสเปนถึงร้อยละ 90 ถึงแม้จะถูกปิดกั้นการออกมาลงคะแนนเสียงด้วยไม้กระบองและกระสุนยาง รวมถึงการประกาศจากรัฐบาลกลางที่กรุงมาดริดว่าการประชามติไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็ตาม 

แปลและเรียบเรียงจาก

Catalonia declares independence as Spain prepares to impose direct rule, Independent, October 27, 2017

Catalan crisis: Spain PM Rajoy demands direct rule, BBC, October 27, 2017

 

หมายเหตุ: เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 28 ต.ค. 60 มีการแก้ไขเรื่องเสียงลงมติเป็น 70 ต่อ 10 งดออกเสียง 2 จากที่มีอยู่ในสภากาตาลุญญา 135 ที่นั่ง

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สภาวิศวกร ย้ำใบรับรอง วิศวกรจีน ใช้ได้เฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช

Posted: 27 Oct 2017 06:37 AM PDT

สภาวิศวกรเร่งอบรมและทดสอบวิศวกรจีนในรุ่น 3 และ 4 ต่อ ย้ำใบรับรองใช้ได้เฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-โคราชเท่านั้น

ภาพการอบรมวิศวกรจีนรุ่น 2

27 ต.ค. 2560 รายงานข่าวจาก สภาวิศวกร แจ้งว่า อมร พิมานมาศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 27-30 ต.ค.ที่ผ่านมา สภาวิศวกรได้มาจัดการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนรุ่นที่ 3 ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่นครเทียนจิน  สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน และในวันที่ 28 ต.ค.60 กมล ตรรกบุตร นายกสภาวิศวกร ได้ทำหน้าที่ประธานในพิธีมอบใบรับรองผ่านการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนในรุ่นที่ 1 และ 2 จำนวน 147 คน

สำหรับในรุ่นที่ 3 นี้ มีวิศวกรจีนเข้ารับการอบรมและทดสอบ 80 คน ซึ่งถ้ารวมทั้งสามรุ่นจะมีวิศวกรจีนเข้าร่วมทั้งหมด 226 คน หรือเท่ากับ90% ของวิศวกรออกแบบทั้งหมดที่จะเข้ามาทำงานในโครงการดังกล่าว สำหรับการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนยังเหลือรุ่นที่ 4 อีกหนึ่งรุ่นซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายโดยจะเน้นวิศวกรที่จะเข้ามาคุมงานก่อสร้างเป็นหลัก

การอบรมและทดสอบวิศวกรจีน เป็นภารกิจที่สภาวิศวกรได้รับการมอบหมายจากรัฐบาลตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 30/2560 ทั้งนี้เพื่อเป็นมาตรการในการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพของโครงการ โดยเป็นการเสริมความรู้และเตรียมความพร้อมให้แก่วิศวกรจีน ที่จะเข้าทำงานในโครงการรถไฟความเร็วสูงในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายวิศวกร จรรยาบรรณ และ กฎหมายควบคุมอาคาร สภาพทางพื้นดิน ลุ่มน้ำ  แผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติและสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย โดยสภาวิศวกรได้จัดหลักสูตรอบรม 3 วันโดยใช้วิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทยในด้านต่างๆ และจัดให้มีการทดสอบแก่วิศวกรจีน 1 วัน โดยหากวิศวกรจีนสอบผ่าน สภาวิศวกรจะออกใบรับรองให้ ตามเงื่อนไขที่ระบุในคำสั่ง คสช. ซึ่งใบรับรองดังกล่าวมีผลใช้ได้กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเฉพาะช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ไม่สามารถนำไปใช้กับโครงการอื่นได้ ทั้งนี้สภาวิศวกรยังคงสงวนสิทธิ์ที่จะกำกับการทำงานของวิศวกรจีน ให้รักษาไว้ซึ่งกฎหมายและจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด และ หากวิศวกรจีนต้องการทำงานในโครงการอื่นๆ จะต้องมาขอรับใบอนุญาตระดับภาคีวิศวกรพิเศษให้ถูกต้องตามกฎหมายของสภาวิศวกรต่อไป

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เล็งออก ก.ม.ให้อำนาจคลังดูแลเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 10 ปีของ ปชช.

Posted: 27 Oct 2017 04:36 AM PDT

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แจงปมเปิดรับฟังความเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 10 ปีของประชาชนแทนสถาบันการเงิน

27 ต.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยแพร่แถลงข่าว ฉบับที่ 44/2560 เรื่อง ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดรับฟังความเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้เปิดรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ทางเว็บไซต์ www.fpo.go.th และอาจสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้กับประชาชน ดังนั้น สศค. จึงขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้

ปัจจุบัน ประชาชนส่วนหนึ่งมีการฝากเงินทิ้งไว้ที่สถาบันการเงินโดยที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน (Dormant Account) ซึ่งประชาชนอาจทราบหรือไม่ทราบก็ตาม ซึ่งในส่วนนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการเงินฝากดังกล่าวออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่

(1) กรณีเงินฝากมียอดเงินฝากคงเหลือน้อยกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด ธนาคารสามารถเรียกเก็บค่าบริการรักษาบัญชีเงินฝากได้ หากมียอดคงเหลือในบัญชีเงินฝากน้อยกว่าขั้นต่ำ ที่ธนาคารกำหนด (ส่วนใหญ่ ธนาคารจะกำหนดยอดขั้นต่ำไว้ที่ 2,000 บาท และเก็บค่าบริการรักษาบัญชีจนกระทั่งเงิน ในบัญชีหมดไป)

(2) กรณีบัญชีเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวมียอดเงินฝากคงเหลือสูงกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด ธนาคารไม่สามารถเรียกเก็บบริการรักษาบัญชีเงินฝากสำหรับเงินในส่วนนี้ได้ ทั้งนี้ ธนาคารสามารถแยกเงินในบัญชีนี้ออกเป็นบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหว โดยต้องแจ้งยอดเงินฝากคงเหลือเป็นจดหมายลงทะเบียนหรือจดหมายรับรองให้ลูกค้าทราบ และหากลูกค้าหรือทายาทยังไม่ติดต่อกลับมายังธนาคารตามระยะเวลาที่กำหนด ธนาคารจะแยกเงินในบัญชีนี้ออกเป็นบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และที่ผ่านมาได้มีการใช้ประโยชน์จากเงินในส่วนนี้ ผ่านการรับรู้เงินในบัญชีดังกล่าวเป็นรายได้

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในระบบสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน กระทรวงการคลังจึงได้มีการยกร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกินกว่า 10 ปีขึ้นไปของประชาชนแทนสถาบันการเงิน และจัดทำระบบการค้นหาข้อมูลออนไลน์เพื่อสืบค้นเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เพื่อให้ประชาชนเจ้าของบัญชีหรือทายาทตามกฎหมายสามารถสืบค้นและขอเงินต้นคืนได้ตลอดเวลา ผ่านการดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนด ทั้งนี้ หากไม่มีการจัดทำระบบการค้นหาข้อมูลข้างต้น ประชาชนอาจจะลืมหรือไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ หรือหากประชาชนต้องการสืบค้นเงินดังกล่าวก็จำเป็นต้องติดต่อสอบถามสถาบันการเงินเป็นราย ๆ ไป

ทั้งนี้ ในต่างประเทศได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะนำเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาบริหารจัดการเพื่อนำเงินส่วนหนึ่งไปเพื่อสาธารณประโยชน์ และกันเงินสำรองอีกส่วนหนึ่งไว้เพื่อคืนเงินแก่ประชาชนที่มาขอเรียกเงินคืน

สศค. ยังเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างกฎหมายดังกล่าวถึงวันที่ 14 พ.ย. 2560 ผ่านทาง Fax: 0 2618 3366 Email: fpo.hearing@gmail.com

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

พิสิฎฐ์กุล ควรแถลง: ศิลปะไม่ใช่แค่การตั้งคำถาม แต่ต้องหาทางออกด้วย

Posted: 27 Oct 2017 04:14 AM PDT

23 ต.ค. นิทรรศการ BLACK Country ซึ่งจัดแสดงที่ Thong Lor Art Space Bangkok โดย พิสิฎฐ์กุล ควรแถลง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือให้ปิดงาน และถูกยึดชิ้นงานจำนวนหนึ่ง เนื่องจากมีความล่อแหลมตามความเห็นของตำรวจ

ทั้งนี้ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีกรณีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจบุกแกลเลอรี 2 แห่ง คือ Cartel Artspace  และ Ver Gallery ซึ่งขณะนั้นกำลังแสดงงาน  "ไร้มลทิน : Whitewash"  โดย หฤษฏ์ ศรีขาว เจ้าหน้าที่ได้ปลดรูปทั้งหมด 3 ชิ้น และ Cartel Artspace ซึ่งขณะนั้นกำลังแสดงงาน "The Shards Would Shatter At Touch. สุขสลาย" โดย ธาดา เฮงทรัพย์กูล ต่อมาภายหลังธาดาจึงได้ตัดสินใจเก็บงานของตัวเองก่อนที่ทหารจะมาอีกทีในช่วงบ่าย

เสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็นของประเทศไทยนั้นถูกจำกัดอย่างเห็นได้ชัดในหลายกรณีตั้งแต่รัฐประหารในปี 57 กิจกรรมสาธารณะถูกปิดกั้นโดย คสช. ออกประกาศฉบับที่ 7/2557 ห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และการนำข้อหา "ปลุกปั่นยั่วยุ" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาใช้ ไอลอว์ได้เขียนรายงานสรุปสถานการณ์เรื่องเสรีภาพการชุมนุม การแสดงออกและการตั้งข้อหาก่อนและหลังรัฐประหารปี 57 (อ่านต่อได้ที่นี่)

การขยายอำนาจการควบคุมตรวจสอบมายังโลกของศิลปะอาจแสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐในการควบคุมปิดกั้นจนไม่อาจเหลือพื้นที่ใดในการแสดงออก แม้กระทั่งพื้นที่แห่งการพลิกแพลงและการสร้างสรรค์ก็ตาม

ประชาไท ชวนคุยกับ พิสิฎฐ์กุล ควรแถลง ถึงเหตุการณ์ถูกสั่งปิดงานในวันนั้น ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ทำไมจึงต้องทำงานศิลปะที่มีแนวคิดทางการเมือง และทำไมศิลปะในความหมายของเขาจึงไม่ใช่เพียงการ "ตั้งคำถาม" แต่ต้องรวมถึงการพยายาม "หาทางออก" ด้วย

พิสิฎฐ์กุล ควรแถลง

รายละเอียดในวันที่โดนปิดงาน

งานแสดงมี 3 วัน ทั้งหมด 72 ชั่วโมง ผ่านมา 2 คืนแล้ว เราก็นั่งคุยกัน เออดีแฮะ ไม่มีอะไรเลย เขาคงไม่มาแล้วมั้ง สักพักก็มาเลย 2 คน เป็นในเครื่องแบบ ตอนแรกคิดว่าคงมีคนไปแจ้งเรื่องเสียงดัง เพราะเขาดูไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นการเมือง ถ่ายรูปงานเสร็จเขาก็ไป

สักพักก็มาอีก 2 คน คราวนี้เป็นนอกเครื่องแบบ เขาบอกว่ามาจากสันติบาล บอกว่านายเขาให้มาดู ช่วงนี้ห้ามจัดงานสังสรรค์ เราก็บอกว่าไม่ใช่งานสังสรรค์เป็นงานศิลปะ แล้วเขาก็เดินดูงาน เริ่มพูดเรื่องการเมือง แล้วคนหนึ่งเขาก็ไปเห็นในตารางงานว่ามี พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ

แล้วอีก 2 คนใหม่ก็เดินเข้ามา เป็นนอกเครื่องแบบเหมือนกัน มาขอตรวจ แล้วก็มาเดินสำรวจอีกรอบ เราก็เลยอธิบายให้ทั้ง 4 คนฟังด้วยกันเลยว่างานนี้มันเคยแสดงที่ญี่ปุ่นนะ มันพูดถึงรัฐบาลญี่ปุ่น ไม่ใช่รัฐบาลไทย เพราะงาน Black Country ให้ทุนโดยรัฐบาลญี่ปุ่น เคยไปแสดงที่โยโกฮาม่ามาก่อน เราก็รู้ว่าถ้าเขาขุดลึกขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะยาว

แล้วตำรวจ 2 คนแรกก็เดินเข้ามาอีก บอกว่า เนี่ย นายเขาโทรมาอีกบอกให้ดูให้ละเอียด สันติบาลก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวผมดูให้เอง สรุปแล้วก็คือไม่มีคนโทรแจ้งเรื่องเสียงดัง แต่ทั้งหมดเป็นนายสั่งมา ตำรวจกลุ่มที่ 3 บอกว่า เนี่ยวุ่นวายหมดเลยงานคุณ ทุกหน่วยโทรมาใหญ่เลย สรุปคือเป็นทหารโทรมาให้สารวัตรที่ทองหล่อตรวจสอบงานนี้ แล้วสารวัตรก็โทรมาสั่งกลุ่มนี้อีกที

ตำรวจกลุ่มที่ 3 ก็เดินลงไปชั้นล่าง หายไปประมาณครึ่งชั่วโมงเพราะงานมันเยอะมาก  แล้วก็เดินขึ้นมาพร้อมงานของเราเต็มไปหมดเลย บอกว่า นี่มันคอนเซปต์อะไรเนี่ย ทำไมมี -วยประเทศเ-ี้ย เผด็จการ -ี ช้าง ในงานด้วย ทีแรกเขาจะไม่ปิด แต่พอเริ่มมียังงี้ปุ๊บ ก็เลยโทรไปเรียกสารวัตรมา สารวัตรก็มาอีก 2 คน

ตอนนี้มี 8 คนแล้วเนอะ

ใช่ 8 คน แต่ 2 คนแรกกลับไปแล้ว สันติบาลก็ขอกลับไปก่อน แต่ซื้อหนังสือของเราไป ดูแล้วน่าจะซื้อเป็นหลักฐาน แล้วก็เก็บรูปโปสเตอร์ที่เป็นรูปประยุทธ์ไปทั้งหมด

สารวัตร 2 คนก็เดินไปดูอีก แล้วก็บอกอันนี้ไม่ได้ อันนี้เอาออก จนเขาบอก พี่ขอปิดเถอะ เพราะดูแล้วมันไม่น่าจะจัดงานต่อได้แล้ว เพราะล่อแหลมเยอะ เราก็บอกว่าไม่มี ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย เขาบอกว่า น้องรีบปิดเถอะ เขาพยายามจะทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องโดนอะไรมากๆ แล้วก็ยึดงานวาดไปสองชิ้น งานไม่มีอะไรเลย เป็นรูปชฎาอันหนึ่ง อีกอันเป็นรูปชายหญิง แล้วก็ยึดผ้ายันต์ (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน) ไป 8 ชิ้น

แล้วเราก็ต้องไปทำบันทึกประจำวันที่สน. ระหว่างที่อยู่ในห้องสืบสวนก็มีคนนั่งคุยกับเรา เขาก็พยายามตะล่อมให้เราพูดเรื่องการเมืองไทย แต่เราก็ไม่พูด บอกว่า ผมพูดเรื่องการเมืองต่างประเทศอย่างเดียว เขาก็บอก อ้าวน้อง งานศิลปะทำไมไม่พูดเรื่องการเมืองไทย ไปพูดเรื่องคนอื่นมันจะได้หรือเนี่ย จะดีหรือ แล้วก็พูดเรื่องใต้ดิน บอกว่า เนี่ยเขามีเคลื่อนไหวใต้ดินกันเยอะจะตาย น้องมาเขียนดงเขียนด่ามันไม่เห็นจะศิวิไลซ์เลย ทำไมไม่ทำใต้ดิน เขาพยายามจะให้เราตอบอะไรสักอย่าง เราก็ปฏิเสธตลอด

พอเสร็จก็กลับมา คนแถวนั้นก็บอกว่า เนี่ย รู้ไหมมีทหารตามมาอีก 4 คน แล้วเขาก็มาถ่ายรูปรอบๆ แล้วก็มีคนโทรมาเรื่อยๆ แบบ อยากรู้ประวัติ อยากรู้ชื่อจริง เออ ทำไมเขาไม่คุยกันบ้าง (หัวเราะ) เพราะตอนไปสน. เราก็ให้บัตรประชาชน อะไรไปหมดแล้ว

แล้วเขาก็บอกว่ามีงานที่ไหนอีกไหม ถ้ามีก็ปิดได้เลย เพราะปิดที่นี่แล้ว เดี๋ยวที่อื่นก็ตามไป เราเลยโทรหาแกลเลอรีที่อื่นให้ช่วยเก็บงานเราให้ ความจริงมีงานวันที่ 28 นี้ แล้วก็วันที่ 4 เดือนหน้าด้วย ก็ต้องปิดหมดเลย

เราหวังว่าเขาอาจจะไม่ทำอะไร เพราะเขาก็บอกว่าสิ้นเดือนค่อยมาเอางานคืน

พอรู้ไหมว่าทำไมงานนี้ไปเข้าตาเขา ตัวงาน คอนเซปต์ หรือภาพรวมทั้งหมด

มันเป็นภาพรวมทั้งหมดด้วยแหละ เขาบอกว่า นายเห็นโปสเตอร์แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ถ้าเห็นโปสเตอร์เขาก็อาจจะมาตั้งแต่วันแรกแล้วไง หรืออาจจะเพิ่งมาเห็น อย่างงานนี้เป็น complexity มาก ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน มีทั้งรูป สื่อวิดีโอ ไปจนถึงผ้ายันต์ เสียง และเพลง

แค่โปสเตอร์ก็โดนแล้วหรือ

อืม โปสเตอร์ไม่มีอะไรเลยนะ

โปสเตอร์งาน BLACK Country

แล้วทำไมสถานที่ถึงยอมให้แสดงงาน

จริงๆ เราไม่ได้แสดงมา 5 ปีแล้ว และเราวางแผนงานนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เราติดต่อสถานที่เขาตั้งแต่ปีที่แล้ว และไม่ใช่พื้นที่ที่เป็นแกลเลอรีขายงานขนาดนั้น แต่หลังจากนี้คงไม่มีแกลเลอรีไหนให้เราแสดงอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ขยาดๆ อยู่แล้ว ว่างานมึงจะมาทำอะไรให้แกลเลอรีกูไหม แล้วมันก็มาเป็นแบบนี้

แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโดนปิด

เพราะงานเราไม่ค่อยได้โชว์ที่ไทย งานทั้งหมดจะแสดงที่ต่างประเทศ เราเริ่มแสดงงานตอนปี 55 งานแรกคือที่ Cartel Artspace  เป็นรูปสักที่เราสักเกี่ยวกับชีวิตเรา แล้วก็มีเพลงที่เราชอบตอนนั้น ชื่อเพลง wake up ของ Arcade Fire แล้วในปีนั้นพอทำงานอีกชิ้นหนึ่งเราก็โดนโซเชี่ยลแซงชั่น

 

คิดจะทำงานไม่เกี่ยวกับการเมืองไหม

เราสนใจเกี่ยวกับการเมืองเพราะเราคิดว่ามันน่าจะพูดได้ไง เราไม่คิดว่ามันผิดบาปอะไร อย่างตอนนั้นเราไปวาดรูปที่หอศิลป์ ทุกคนโดนไล่หมดเพราะมาประท้วง แต่เราเป็นคนเดียวที่ไม่โดนไล่ เราคิดว่าศิลปะมันมี Gap (ช่องว่าง) บางอย่างที่ทำให้เราสามารถเล่นกับอะไรแบบนี้ได้

พอศิลปะมันเริ่มถูกจับตาปุ๊บ เราก็รู้สึกว่าเขาเองก็ปรับตัวในการตีวงให้กว้างขึ้น คนอาจจะคิดว่าศิลปะมันไม่เกี่ยวกับการเมือง มีศิลปินจำนวนมากคิดว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับการเมือง แต่สำหรับเรามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้ มีคนที่หลีกเลี่ยงได้ แต่เราทำไม่ได้

แต่ก่อนเราไม่ได้ทำเรื่องการเมือง แต่เราสนใจประวัติศาสตร์ เราเล่นกับความเป็นประวัติศาสตร์ แต่ก่อนเราทำงานสวยๆ อย่างงานดรอว์อิ่ง เราไม่สนใจการเมืองเลย จนถึงปี 53 เพราะเหตุการณ์เดือนพฤษภา เราก็เริ่มเปลี่ยน เราเริ่มตั้งคำถามกับความเป็นคุณค่าบางอย่าง เราเริ่มสนใจในแง่การเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ

เริ่มมีงานที่ตั้งคำถามกับมัน ตั้งคำถามกับความเป็นสื่อ ทั้งที่จริงๆ มันมี fact เต็มไปหมดที่พูดถึงเหตุการณ์การฆ่ากัน แต่คนก็มองว่า ต่อให้สื่อจะพูดอะไรก็ตาม เขาก็จะคิดแบบนั้น มีทัศนคติในการมองแบบเขา แบบ take side ตลอดเวลา เราเลยทำเป็นหนังสือการ์ตูน ซึ่งแทบไม่เกี่ยวกับข่าวการเมือง แล้วเราก็ให้คนมาชมงานเป็นคนเขียนเนื้อหาขึ้นมาเอง เพราะในตอนนั้นคนไม่ได้สนใจ fact อีกต่อไป ไม่ได้สนความจริงหรือตรรกะ แต่คนสนว่ากูคิดยังไง เสื้อเหลืองคิดว่าเสื้อแดงเหี้ย หรือเสื้อแดงก็จะคิดว่าเสื้อเหลืองเหี้ย เราก็เริ่มทำแนวการเมืองตั้งแต่ตอน 53 แล้วก็เพิ่มเลเวลขึ้นเรื่อยๆ

งานเราไม่ได้เขียนอธิบายเลย เพราะเขียนอธิบายอะไรไม่ได้เลย

หลังจากนี้จะยังทำงานได้ไหม

ที่ไทยคงไม่มีหวังแล้วล่ะ คงไม่รู้จะแสดงยังไงแล้วที่ไทย

จะลงทุนแบบไอ้เว่ยเว่ยไหม ที่ยอมถูกรัฐจับแล้วเอาประสบการณ์ที่โดนจับมาทำเป็นผลงาน

เราไม่อยากเป็นไอ้เว่ยเว่ย เพราะมันเป็น Art  World ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ด้วย ก็ต้องการศิลปะที่มันต้องพูดเรื่องการเมืองแบบนั้น ให้มันกระจายออกไปในวงกว้างได้ แต่ context (บริบท) แบบไทยมันไม่ได้ถูกพูดถึงวงกว้างแบบนั้น เราว่ามันไม่ได้จำเป็น ถ้ามันเป็นมันก็เป็นเอง ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นไปแบบนั้นแบบเดียว

เราสนใจศิลปะและการเมืองในฐานะที่มันพูดเรื่องระบบอื่นๆ สร้างโครงสร้างอื่นๆ ขึ้นมา เราสนใจศิลปะในแง่ของการจัดการมากกว่า ในแง่การครีเอทระบบอื่นๆ ขึ้นมา

เวลาทำงานศิลปะเราก็จะมองหาปัญหา แล้วก็พูดถึงปัญหานั้นให้มันเห็น แต่ศิลปะจะไม่แก้ปัญหาอะไรเลย แต่เราสนใจว่า เราจะมองหาปัญหา ทำให้เห็นปัญหา และแก้ปัญหานั้นด้วย โดยหาระบบอื่นมาแก้ปัญหา

เรามีโครงการอย่างเช่น Borrow Man ที่เราทำ เราพยายามสร้างกองทุนขึ้นมาเองเพื่อให้คนมีโอกาสได้เข้าถึงทุนนอกเหนือจากทุนของรัฐ หรือ money factory เป็นธนาคาร เอาเงินที่ทำกันเองมาใช้มาขายมาซื้อ มีพนัน เราพยายามจำลองระบบเงิน เราอยากเล่นกับระบบ

อย่างงานที่เพิ่งโดนปิด จริงๆ พยายามทำให้เป็นแบบ art expo คือ art expo ก็ถูกทำแบบ top down เหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็จัดโดยรัฐ แต่เราก็พยายามลองดูว่าถ้าเราทำคนเดียวมันทำได้ไหม

*Black Country เป็นส่วนหนึ่งของ Super Art Expo ซึ่งวางไว้ว่าเป็นการจัดแสดงงานศิลปะติดต่อกัน 8 งาน 8 อาทิตย์ Black Country เป็นงานที่ 4 ซึ่งเมื่อโดนปิดแล้วทำให้งานอื่นไม่ได้แสดงอีกต่อไป

เราทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วศักยภาพของคนมันสามารถสร้างระบบขึ้นมาเองได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งรัฐด้วยซ้ำไป แต่มีคนเกลียดเราเยอะไงเรื่องของเรื่อง ผลตอบรับมันเลยอาจไม่ดีเท่าไหร่

เราสนใจศิลปะที่มันเข้าไปเล่นกับคน เข้าไปอยู่ในวิถีชีวิต หาทางออก ไม่ใช่แค่ตั้งคำถาม ไม่ใช่แค่การบอกว่าศิลปะนี้แสดงแนวความคิดแบบนี้ เราไม่ค่อยเชื่อ เพราะมันมีหลักวิชาการ มีคนที่เขียนเรื่องนี้เต็มไปหมดแล้ว แต่มันไม่มีคนที่ทำให้เห็นว่า มันใช้แบบไหน ปฏิบัติแบบไหน มีระบบแบบอื่นไหม

เล่าโครงการ Borrow Man ให้ฟังหน่อย

Borrow Man มันเกิดจากว่า เราไปต่างประเทศบ่อย เราเห็นนู้นนี้ แล้วก็เห็นว่าการให้ทุนของรัฐ การให้ทุนเกี่ยวกับศิลปะมันก็มีข้อจำกัดหลายด้าน อย่างเช่น ตั้งแต่การเลือกคน agenda ที่เขาให้ในทุนแต่ละอย่าง หรือแม้แต่การสร้างเงื่อนไขว่าทุนนี้ทำอะไรได้บ้าง

ซึ่งการทำแบบนี้มันค่อนข้างจำกัดอยู่เฉพาะคนเฉพาะกลุ่ม มันไม่กระจายไปสู่คนกลุ่มอื่น ด้วยเงื่อนไขที่รัฐก็ต้องการยอดปีระมิดอย่างเดียว คือ พวกคนหัวกะทิ คนที่ได้รางวัลเยอะๆ มา และรัฐส่วนใหญ่ที่มีเงินก็จะเป็นแบบให้ทุนหนึ่งปี พอปีหนึ่งก็ต้องหาทุนใหม่ ซึ่งหมายความว่ามันไม่ได้ทำให้ระบบมันยั่งยืน และมันก็จะเป็นปัญหานี้เป็นลูปไปตลอด เป็น top down ตลอด เราอยากสร้างทุนที่มันเป็น bottom up ให้เกิดเงินขึ้น ให้ทุนคนพวกนี้ได้

Borrow Man มีเป้าหมายสามอย่าง คือ หนึ่ง หาวิธีการสร้างทุนใหม่ๆ สอง หาวิธีการให้ทุนแบบอื่นๆ สาม สร้างเครือข่ายของประเทศต่างๆ เราทดลองในครั้งแรกคือปีนี้ ก็คือการหาทุนโดยของานศิลปินมาประมูล ได้เงินมาเท่ากับที่เราต้องใช้เลย ทุนที่ให้ก็คือให้ไปยอกยาการ์ตา ที่อินโดนีเซีย ไปทำอะไรก็ได้ที่นั่น วิธีการให้ทุนคือ ทุกคนต้องมาเวิร์คชอปกัน 4 ครั้ง และการตัดสินคือให้ทุกคนตัดสินร่วมกันว่าใครควรได้ไป สุดท้ายแม่งได้ไปทุกคนเลย ก็เลยแบ่งเงินกัน ได้แค่ค่าเครื่องบิน แล้วเราก็โคกับต่างประเทศคืออินโดนีเซีย

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'มหาดไทย' สรุปยอดผู้ร่วมวางดอกไม้จันทน์ทั้วประเทศ 19.1 ล้านคน

Posted: 27 Oct 2017 03:55 AM PDT

ศูนย์อำนวยการเเละประสานงานการจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ในส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย สรุปยอดผู้เข้าร่วมพิธีที่สถานที่วางดอกไม้จันทน์ทุกจังหวัดเเละอำเภอทั้งสิ้น 878 เเห่ง 16 ล้านล้าน ขณะที่ กทม. 2.9 ล้านคน

ที่มาภาพ เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล

27 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า ศูนย์อำนวยการเเละประสานงานการจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ในส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย สรุปรายงานสถานการณ์เเละภาพรวมพิธีวางดอกไม้จันทน์ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในส่วนภูมิภาคเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมาทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศว่า เหตุการณ์โดยรอบบริเวณพิธีเป็นปกติทุกจังหวัด โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีที่สถานที่วางดอกไม้จันทน์ทุกจังหวัดเเละอำเภอทั้งสิ้น 878 เเห่ง จำนวน 16,160,884 คน สำหรับกรุงเทพมีจำนวน 2,965,856 คน มีผู้คนเข้าร่วมพิธีร่วมทั้งสิ้น 19,126,740 คน

สำหรับกรุงเทพฯ นั้น ศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์กรุงเทพมหานคร (ศตส.กทม.) รายงานสรุปสถานการณ์วางดอกไม้จันทน์ บริเวณเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 114 จุด มีประชาชนเข้าวางดอกไม้จันทน์ รวมทั้งสิ้น 2,896,482 คน แบ่งเป็นหน่วยงานที่กรุงเทพมหานคร รับผิดชอบ 90 จุด 2,441,766 คน ประกอบด้วย พระเมรุมาศจำลอง 221,611 คน ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ขนาดใหญ่ 312,026 คน ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ขนาดกลาง 222,008 คน และซุ้มวางดอกไม้จันทน์สำหรับวัดในกทม. 50 เขต 1,686,121 คน 

ส่วนที่หน่วยงานอื่นรับผิดชอบ 24 จุด จำนวน 454,716 คน ประกอบด้วย พระเมรุมาศจำลอง 147,921 คน ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ขนาดใหญ่ 140,205 คน ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ขนาดกลาง 166,590 คน

สำหรับพื้นที่ในความรับผิดชอบของกทม. ที่มีประชาชนเข้าวางดอกไม้จันทน์ มากที่สุดอันดับ 1 คือ พระเมรุมาศจำลอง ไบเทคบางนา เขตบางนา มีผู้วางดอกไม้จันทน์ 90,699 คน 2.วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ เขตลาดพร้าว 71,200 คน 3.สถานีรถไฟหัวลำโพง เขตปทุมวัน 68,861 คน 4.วัดอุดมรังสี เขตหนองแขม 63,400 คน 5.ลานปฐมบรมราชานุสรณ์ พระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร 58,405 คน 6.ลานหน้าศูนย์การค้าแฟชั่นไอร์แลนด์ เขตคันนายาว 57,189 คน 7.วัดเจ้าอาม เขตบางกอกน้อย 57,000 คน เป็นต้น

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ และข่าวสดออนไลน์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

นักกิจกรรมสิ่งแวดล้อม อัด คสช.ใช้ ม.44 ดันผังเมืองใหม่เอื้อกลุ่มทุน

Posted: 27 Oct 2017 01:09 AM PDT

ประสิทธิชัย หนูนวล โพสต์เฟซบุ๊กอัด คสช. หลังออกคำสั่ง จัดทําผังเมืองขึ้นใหม่ 3 จังหวัด เพื่อดันระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ชี้จะนำไปสู่การทำลายทรัพยากรสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกัน กลายเป็นการหยิบยื่นให้กลุ่มทุน

ประสิทธิชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินและนักกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม (แฟ้มภาพ)

27 ต.ค. 2560 จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 47/2560 เรื่อง ข้อกําหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก อันได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง โดยมีการระบุถึงการดําเนินการจัดทําผังเมืองขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนั้น

ล่าสุด วันนี้ (27 ต.ค.60) ประสิทธิชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินและนักกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะวิจารณ์คำสั่ง หัวหน้า คสช. ดังกล่าว ว่า การใช้ ม.44 ยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองใน 3 จังหวัดของตะวันออก เพื่อให้เขตเศรษฐกิจพิเศษที่กลุ่มทุนไม่กี่ตระกูลจะได้รับประโยชน์สามารถเดินหน้าได้อย่างไม่ติดขัด มันคือการทำลายกติกาการพัฒนาประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้มันไม่เท่าเทียม การมีกฎหมายผังเมืองเป็นเครื่องมือสำคัญของการถ่วงดุล แม้ว่าประชาชนจะชนะยากก็ตามเพราะอำนาจในการอนุมัติอยู่ในมือราชการ แต่กระนั้นมันก็ยังมีช่องทางให้ประชาชนร่วมกำหนดอนาคตการพัฒนาของตนเองได้อยู่บ้าง การกระทำของ คสช.คือการทำลายกติกาสากลว่าด้วยการพัฒนา

นักกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาคือผู้รับใช้อันซื่อสัตย์ออกมาตรา 44 ยกเลิกผังเมืองทั้งประเทศมาแล้วให้บางกิจการไม่ต้องอยู่ในกรอบผังเมือง การกระทำอันเลวร้ายเช่นนี้จะนำไปสู่การทำลายทรัพยากรสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ความยากจนค้นแค้นจะเพิ่มสูงขึ้นในหมู่ประชาชน ตราบเท่าที่ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ ที่ดิน ทะเล น้ำ กลายเป็นการหยิบยื่นให้กลุ่มทุน เพราะประชาชนใช้สิ่งเหล่านี้เป็นฐานชีวิตและเศรษฐกิจ การเติบโตของจีดีพีนั้น คือการรวยของคนไม่กี่ตระกูล โดยไม่เกี่ยวข้องอันใดกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทั้งประเทศ การที่รัฐบาลทหารเข้ามานั้น ชัดเจนแล้วว่ามาเพื่อการนี้

"มีใครเชื่อบ้างว่า 3 ปีแห่งการครองอำนาจนั้น ทหารระดับนายพลทั้งที่อยู่ในรัฐบาลและนอกคณะรัฐมนตรีไม่ได้ร่ำรวยขึ้นจากการทำงานครั้งนี้ วิบากกรรมของประเทศนี้จะยาวนานจากฝีมือของทหาร พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องประเทศ หากแต่ใช้อำนาจปืนปูทางให้กลุ่มทุน บนความหายนะของประชาชน" ประสิทธิชัย โพสต์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กรมชลฯ ยันไม่เคยมีแผนปล่อยน้ำเพิ่มหลัง 26 ต.ค. - ท่วม อยุธยา 2 เมตร หวั่นฝนซ้ำ

Posted: 27 Oct 2017 12:34 AM PDT

กรมชลประทานแก้ข่าวทางโซเซียลมีเดียที่ระบุ จะมีการปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นจากเขื่อนเจ้าพระยา ยืนยันไม่เคยมีแผนปล่อยน้ำเพิ่มหลัง 26 ต.ค. แต่อย่างใด - ท่วม อ.บางบาล  อยุธยา 2 เมตร หวั่นฝนซ้ำทำวิกฤติหนัก

27 ต.ค. 2560 ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความแจ้งเตือนว่า ที่รังสิตจะมีการปล่อยน้ำหลังวันที่ 26 ต.ค. นี้ ทั่วย่านรังสิตจะเกิดน้ำท่วมและน้ำล้นฝาท่อระบายน้ำได้ นั้น โดยกรมชลประทานชี้แจงว่า กรณีข้อความที่ได้มีการแชร์กันมากในโลกโซเซียลมีเดีย ดังกล่าวข้างต้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กรมชลประทาน ยังคงปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,697 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มาตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. 60 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน (27 ต.ค. 60) เขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ำในอัตราเท่าเดิม โดยได้ผันน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเข้าสู่ระบบชลประทานฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกรวม 769 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไม่มีแผนที่จะเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาแต่อย่างใด

ปัจจุบันปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราดังกล่าว ได้ไหลมาถึงบริเวณจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานครแล้ว โดยไม่ได้ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้ พื้นที่น้ำท่วมด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อำเภออินทร์บุรี อำเภอพรมบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 14 จุด เท่านั้น อีกทั้ง ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสถานี C.29A อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันมีอัตราเฉลี่ย 2,826 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังต่ำกว่าความจุของลำน้ำมาก(บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแต่อย่างใด

กรมชลประทาน ระบุด้วยว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 2,979 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หลังจากที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 60 ในอัตรา 3,059 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำลดลงเมื่อเทียบกับค่าสูงสุด 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกรณีของคลองรังสิต นั้น เนื่องจากต้องแบ่งเบาปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสัก ที่จะระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านเขื่อนพระรามหก ด้วยการเพิ่มการรับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์มากขึ้น ส่งผลให้น้ำในคลองต่างๆ รวมถึงคลองรังสิต มีระดับน้ำสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เนื่องจากในคลองเหล่านี้ จะมีอาคารบังคับน้ำ สถานีสูบน้ำที่จะควบคุมปริมาณน้ำ และระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ โดยไม่ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่ง อย่างไรก็ตาม หากพบเห็นจุดเสี่ยงภัยน้ำท่วม สามารถแจ้งข้อมูลหรือติดต่อสอบถามได้ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ เบอร์โทรศัพท์ 02 5312913

ท่วมอ.บางบาล 2 เมตร หวั่นฝนซ้ำทำวิกฤติหนัก

ขณะที่ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. รายงานด้วยว่า พรชัย พุ่มฤกษ์ หรือ กำนันเรือง กำนัน ต.บางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สถานการณ์น้ำท่วม ใน อ.บางบาล ขณะนี้วัดระดับความสูงเฉลี่ย 1 - 2 เมตร ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศ ประชาชน 308 ครัวเรือน หรือ ประมาณ 1,000 คน ซึ่งอาศัยอยู่นอกคันกั้นน้ำ ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับผลกระทบต้องขนย้ายทรัพย์สิน และ ยานพาหนะมาไว้บนถนนที่น้ำท่วมไม่ถึง ขณะที่ราษฏรส่วนใหญ่ต้องอพยพมาอาศัยบนเต็นท์ที่เจ้าหน้าที่จัดหาไว้ให้ในเวลากลางวัน ก่อนจะกลับไปพักอาศัยที่บ้านในเวลากลางคืนเนื่องจากเป็นห่วงบ้าน โดยปัจจุบันพบว่าเมื่อมีชาวบ้านมารวมตัวกันตามจุดที่จัดหาไว้ให้เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาเรื่องหาเรื่องห้องสุขา ล่าสุดเจ้าหน้าที่กำลังเร่งจัดหางบประมาณเพื่อนำมาสร้างห้องสุขา

 

 

สำหรับบรรเทาความเดือดร้อน ขณะที่ทางอำเภอบางบาลได้เร่งเสริมคันกั้นถนนเส้นผักไห่-อยุธยา เพราะเกรงว่าจะถูกน้ำท่วมขังจนไม่สามารถใช้การได้ และหากน้ำท่วมขังถนนเส้นดังกล่าวก็จะทำให้ อ.บางบาล ถูกตัดขาด นอกจากนี้ ชาวบ้านยังกังวลว่าหากมีฝนตกทางภาคเหนือ และภาคกลางซ้ำอีกก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ในพื้นที่แย่ลง เนื่องจากมวลน้ำเหนือจะไหลบ่ามาสมทบ โดยปีนี้ถือว่าระดับน้ำที่ท่วมอยู่ยังห่างจากช่วงน้ำท่วม ปี พ.ศ. 2554 ประมาณ 30 ซม. 

อย่างไรก็ตาม ทางกรมชลประทานได้แจ้งเตือนมาว่า ภายในช่วง 1 - 2 วันนี้ ทะเลจะหนุนสูง ซึ่งก็จะทำให้สถานการณ์อยู่ในภาวะทรงตัว และหากพ้นช่วงทะเลหนุนสูงไปได้ภายใน 2 - 3 วัน ระดับน้ำจะมีแนวโน้มลดลงตามลำดับ  ทั้งนี้ จากการประเมินภาพรวมคาดว่าปัญหาอุทกภัยของทุกจุดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในช่วงสิ้นเดือน พ.ย. 2560

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเก็บพระบรมอัฐิ ร.9 ลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร รวม 6 พระโกศ

Posted: 26 Oct 2017 11:09 PM PDT

 
27 ต.ค. 2560 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ (27 ต.ค.60) เวลา 08.43 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดําเนิน พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระเมรุมาศท้องสนามหลวง เทียบรถยนต์พระที่นั่งหลังพระที่นั่งทรงธรรม ถนนหน้าพระธาตุ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม โดยมี 8 ตํารวจหลวง นายทหารราชองครักษ์เชิญธงชัย พระครุฑพ่าห์ ธงชัยราชกระบี่ยุทธ นําเสด็จ นายทหารราชองครักษ์ตามเสด็จการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีเฝ้ารอรับเสด็จ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระเมรุมาศ พร้อมด้วยพระบรมวงศ์ โดยมี 8 ตำรวจหลวง นายทหารราชองครักษ์เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ ธงชัยราชกระบี่ยุทธ นำเสด็จ นายทหารราชองครักษ์ตามเสด็จ ประทับพระราชอาสน์ข้างพระจิตกาธาน เจ้าพนักงานถวายเปิดผ้าเยียรบับคลุมพระอัฐิออก ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้ว ถวายน้ำพระสุคนธ์สรงพระบรมอัฐิ เจ้าพนักงานถวายปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมอัฐิบูชาพระสงฆ์ แล้วทรงทอดผ้าไตร 3 หาบ วางบนผ้าเยียรบับที่ปิดคลุมพระบรมอัฐิที่พระจิตกาธาน สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ 9 รูป ขึ้นสดับปกรณ์ที่พระจิตกาธานครั้งละ 1 รูป จนครบ 9 รูป

เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายเปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงเก็บพระบรมอัฐิสรงพระสุคนธ์ในขันทองคำ แล้วประมวลลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร รวม 6 พระโกศ พระราชทานพระโกศพระบรมอัฐิแก่พระบรมวงศ์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศไปยังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตาม แล้วประทับพระราชอาสน์ที่หน้าอาสน์สงฆ์

ขณะที่หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ตามจังหวัดต่างๆ ประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์และพิธีอัญเชิญพระโกศบรรจุเถ้าดอกไม้จันทน์ และถุงบรรจุเถ้าดอกไม้จันทน์ ไปลอยอังคารตามแหล่างน้ำสำคัญของจงหวัดนั้นๆ 
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น