ประชาไท | Prachatai3.info |
- รมว.เกษตรฯ ชี้ปริมาณฝนปีนี้ใกล้เคียงปี 54 แต่บริหารดีกว่า ทำให้ผลกระทบน้อยกว่า
- ครม.ไฟเขียว ร่าง กฎหมายคุ้มครองประชาชนในการต่อต้านการทุจริต
- ประยุทธ์ จ่อใช้ ม.44 เดินหน้าระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้รวดเร็วขึ้น
- ขอความร่วมมืองดดื่ม-จำหน่ายสุราช่วงพระราชพิธีฯ 25 – 29 ต.ค.นี้ ถวายเป็นพระราชกุศล
- 'ศูนย์ทนายสิทธิ' ร้องทหารปล่อยตัว 'เอกชัย' พร้อมแจ้งเหตุ-สถานที่ควบคุมตัวในทันที
- แก้ไขคําสั่งหัวหน้า คสช. ให้คนพิการเลือกสิทธิ์บัตรทองหรือประกันสังคมได้
- ศาลปล่อยตัว โจชัว หว่อง-นาธาน หลอ แล้วด้วยเงินประกันคนละ 2.1 แสนบาท
- สหรัฐฯ อนุญาตให้เผยแพร่ 'ซอร์สโค้ด' โปรแกรมตรวจสอบดีเอ็นเอหลังถูกทักท้วงเรื่องความแม่นยำ
- ศิลปะ วรรณกรรม และนาฏกรรมในล้านนา | คนสามัญ อานันท์ 70 ปี
- ประยุทธ์ แจ้งเก็บเงินสมทบผู้ประกันตนเพิ่ม เป็นเพียงการหารือ ยังไม่มีมาตรการใด ๆ
- ประยุทธ์ ย้ำระบายน้ำยังดี ระบุปริมาณน้ำยังต่ำกว่าปี 54
- ทหารคุมตัว 'เอกชัย' ไปรีสอร์ท จ.กาญจนบุรี
- แรงงานถาม เพิ่มเงินสมทบผู้ประกันตน แท้จริงกองทุนมีปัญหา เหตุรัฐค้างจ่าย 5.6 หมื่นล้าน
- รัฐสภากาตาลุญญาเตรียมตอบโต้สเปนหลังจ่อเข้าปกครองแคว้นโดยตรง
รมว.เกษตรฯ ชี้ปริมาณฝนปีนี้ใกล้เคียงปี 54 แต่บริหารดีกว่า ทำให้ผลกระทบน้อยกว่า Posted: 24 Oct 2017 12:06 PM PDT พล.อ.ฉัตรชัย ระบุ 1 ม.ค. – 15 ต.ค.60 จะพบว่ามีปริมาณฝน ใกล้เคียงกับปี 54 แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ดีกว่า มีการเตรียมแผนล่วงหน้า ผลักดันน้ำลงพื้นที่อย่างทันที ทำให้มีผลกระทบน้อยกว่า แถมลดพื้นที่น้ำท่วมได้
24 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือเฉพาะกิจ เพื่อติดตามสภาพอากาศ และสถานการณ์น้ำ การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ณ กรมชลประทาน ว่าได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ไปจัดทำรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม โดยการสร้างอาชีพให้เกษตรกร ประกอบด้วย 5 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการจ้างงาน 2.มาตรการเงินกู้ฉุกเฉิน 3.มาตรการส่งเสริมปัจจัยการผลิต รวมถึงเมล็ดพันธุ์ข้าว 4.มาตรการลดดอกเบี้ยและพักชำระหนี้ และ 5.มาตรการช่วยเหลือด้านปศุสัตว์ ซึ่งหากหน่วยงานใด สามารถดึงงบประมาณประจำเพื่อออกมาตรการช่วยเหลือก็ให้ใช้งบประมาณประจำดังกล่าวทันที แต่หากหน่วยงานใดมีงบประมาณไม่เพียงพอ ก็เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติงบประมาณกลาง เพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยคาดว่าน่าจะเสนอ ครม.ได้ภายใน 2 สัปดาห์ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า หากดูปริมาณฝนในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 15 ต.ค. 2560 จะพบว่ามีปริมาณฝน 1,740 มิลลิเมตร (มม.) ถือว่าใกล้เคียงกับปี 2554 ซึ่งมีปริมาณฝน 1,771 มม. แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ดีกว่าในปี 2554 โดยได้มีการเตรียมแผนล่วงหน้า อาทิ การจัดทำแก้มลิง การเตรียมทุ่งรับน้ำ การจัดจราจรน้ำ การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และการส่งเครื่องสูบน้ำ ผลักดันน้ำลงพื้นที่อย่างทันที ทำให้ปี 2560 มีผลกระทบน้อยกว่าปี 2554 ตั้งแต่การลดปริมาณน้ำ เมื่อเทียบระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม 2554 กับวันที่ 23 ตุลาคม 2560 โดยแม่น้ำเจ้าพระยา อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปี 2554 มีปริมาณน้ำ 4,200 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) /วินาที ปี 2560 มีน้ำ 3,054 ลบ.ม./วินาที บริเวณเขื่อนเจ้าพระยา ปี 2554 มีน้ำ 3,506 ลบ.ม./วินาที ปี 2560 มีน้ำ 2,598 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำเจ้าพระยา อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ปี 2554 มีน้ำ 3,693 ลบ.ม./วินาที ปี 2560 มีน้ำ 2,696 ลบ.ม./วินาที พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดพื้นที่น้ำท่วม โดยปี 2554 มีพื้นที่น้ำท่วม รวม 67 จังหวัด ปี 2560 มีพื้นที่น้ำท่วมเพียง 36 จังหวัด ส่วนพื้นที่เมือง พื้นที่เศรษฐกิจที่น้ำท่วม ปี 2554 มีพื้นที่น้ำท่วม รวม 15 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และ นครปฐม ส่วนปี 2560 มีพื้นที่น้ำท่วม เพียง 1 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร ขณะที่พื้นที่การเกษตรที่เสียหาย ปี 2554 เกษตรกร 1.16 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 11.16 ล้านไร่ ปี 2560 เกษตรกร 0.16 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 1.37 ล้านไร่ ที่มา : มติชนออนไลน์และ Voice TV ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ครม.ไฟเขียว ร่าง กฎหมายคุ้มครองประชาชนในการต่อต้านการทุจริต Posted: 24 Oct 2017 09:49 AM PDT ครม. มติอนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.การส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตั้ง กก.ส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ก่อนส่ง สนช. พิจารณาต่อ 24 ต.ค. 2560 รายงานข่าวจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วันนี้ (24 ต.ค.60) เมื่อเวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ซึ่งมีประเด็นหนึ่งคือ มติอนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.การส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนในการต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป พร้อมทั้ง รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอ สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล สรุปไว้ดังนี้ 1. กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (คตป.) ประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทนกระทรวงยุติธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวน 4 คน กรรมการผู้แทนภาคประชาชนหรือภาคประชาสังคมที่ได้รับการสรรหาจากเครือข่ายต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบภาคประชาชน โดยความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 คน และให้รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ที่เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. มอบหมาย จำนวน 1 คน เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือชี้เบาะแสการทุจริต ให้การรับรองและเพิกถอนเครือข่ายต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบภาคประชาชน และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ มาตรการคุ้มครองช่วยเหลือหรือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการรวมตัวกันต่อต้าน หรือชี้เบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบ 2. กำหนดให้มีการส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้เครือข่ายต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบภาคประชาชนซึ่งได้รับการรับรอง สามารถดำเนินกิจกรรมได้ 3 ประการ คือ การรณรงค์ให้ความรู้ การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการชี้เบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบ 3. กำหนดมาตรการคุ้มครองและช่วยเหลือเครือข่ายต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบภาคประชาชน เช่น การปกปิดมิให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่สามารถระบุตัวผู้ชี้เบาะแสได้ การห้ามปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้ชี้เบาะแส การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ชี้เบาะแส โดยให้การคุ้มครองเครือข่ายต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบภาคประชาชน และบุคคลซึ่งมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต และให้ความคุ้มครองผู้ชี้เบาะแสการทุจริต รวมถึงบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้แจ้งเบาะแสด้วย รวมทั้งการจัดหาทนายความให้และให้คำปรึกษาเมื่อถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 4. กำหนดให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมือต่อต้านการทุจริตขึ้นในสำนักงาน ป.ป.ท. ทำหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการ เครือข่ายต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบภาคประชาชน และส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือชี้เบาะแสรวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการหรือนโยบายของคณะกรรมการ เพื่อให้เป็นไปตามร่างพระราชบัญญัตินี้ 5. กำหนดให้รัฐจัดสรรเงินงบประมาณในหมวดเงินอุดหนุนให้เพียงพอเพื่อให้การส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือชี้เบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งการคุ้มครองผู้ชี้เบาะแสตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งกำหนดให้กรณีสำนักงาน ป.ป.ท. ได้รับเงินที่มีผู้มอบให้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือชี้เบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้สำนักงาน ป.ป.ท. จ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันภายในวงเงินที่ได้รับนั้นได้โดยไม่ต้องนำส่งคลัง 6. มีบทกำหนดโทษกรณีกระทำความผิดต่อชีวิตร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญาต่อผู้ชี้เบาะแส หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ชี้เบาะแส (โดยเพิ่มโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น) กรณีผู้ที่มีอำนาจเหนือการปฏิบัติงานของผู้ชี้เบาะแส กระทำการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน ลักษณะงาน สถานที่ทำงาน ข่มขู่ หรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้ชี้เบาะแส กรณีแจ้งเบาะแสอันเป็นเท็จ กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลใดนำข้อมูลของผู้ชี้เบาะแส หรือบุคคลที่มีส่วนร่วมในการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตไปเปิดเผยโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและได้กระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ประยุทธ์ จ่อใช้ ม.44 เดินหน้าระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้รวดเร็วขึ้น Posted: 24 Oct 2017 07:47 AM PDT หัวหน้า คสช. เผย เตรียมออกคำสั่งมาตรา 44 ในบางประเด็น เพื่อให้โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวดเร็วขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุน คู่ขนานระหว่างรอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ใน สนช. แฟ้มภาพ 24 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง การประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี กับ คสช. เช้าวันนี้ (24 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมร่วมได้มีการหารือการเดินหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยเตรียมออกคำสั่งมาตรา 44 ในบางประเด็น เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น และเป็นการทำงานคู่ขนานระหว่างรอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งในเรื่องการลงทุนต่างๆ ในหลายประเทศ ก็ได้มีการปรับปรุง และพัฒนาส่งเสริมการลงทุนมากมาย ไทยเองต้องเร่งพัฒนาในเรื่องเหล่านี้ด้วย หัวหน้า คสช. กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังเตรียมออกคำสั่งมาตรา 44 สำหรับการจัดตั้งสถาบันวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ จะให้มาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการบูรณาการงาน ทั้งแผนงาน บุคคลากร และงบประมาณ เช่นเดียวกับการจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการน้ำแห่งชาติ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุม คสช. ว่า ที่ประชุมคสช.ได้แก้ไขคำสั่งคสช.ตามอำนาจมาตรา 44 เพิ่มข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุน เพราะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. จะมีผลบังคับใช้ "ยืนยันว่าหากร่างดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะไม่ขัดกับคำสั่งของคสช.เพราะได้เขียนข้อกำหนดที่สอดคล้องกัน โดยมีสาระสำคัญคือ จากเดิมการทำผังเมืองต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ต้องใช้เวลามากกว่า 1-2 ปี และได้จัดกระบวนการดำเนินการใหม่ให้สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น โดยเริ่มต้นจากคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) จัดทำผังเมืองเพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่ของอีอีซีคือจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยองว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไร จากนั้นนำเสนอขอบเขตของแผนคร่าว ๆ ต่อคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเพื่อให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) ดำเนินการกับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า การจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้ละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการสื่อสาร ระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย การบริหารจัดการน้ำ การควบคุมขจัดมลพิษ โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน จากนั้นเสนอให้กรศ.รับทราบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จากนั้นส่งต่อให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำรายละเอียดแผนดังกล่าว โดยไม่ต้องคำนึงว่ากฎหมายผังเมืองจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้ในอนาคตประเทศไทยมีผังเมือง 2 รูปแบบ ได้แก่ ผังเมืองรวมโดยทั่วไป และผังเมืองที่ใช้เฉพาะกับจังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยอง ชลบุรี
ที่มา : สำนักข่าวไทย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ขอความร่วมมืองดดื่ม-จำหน่ายสุราช่วงพระราชพิธีฯ 25 – 29 ต.ค.นี้ ถวายเป็นพระราชกุศล Posted: 24 Oct 2017 07:19 AM PDT ตำรวจนครบาล-กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมืองดดื่ม-จำหน่ายสุราช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ 25 – 29 ต.ค.นี้ ถวายเป็นพระราชกุศล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขอความร่วมมือประชาชนกระจายไปยังจุดคัดกรองทุกจุดเพื่อความสะดวก 24 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (24 ต.ค. 60) พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลดูแลงานกิจการพิเศษ ได้ขอความร่วมมือประชาชน ร้านค้า และผู้ประกอบการไม่ควรจำหน่ายสุราช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25 – 29 ต.ค.นี้แต่ไม่ได้สั่งห้ามจำหน่าย โดยประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ควรมีงานรื่นเริงเพื่อความเหมาะสม สอดคล้องกับ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือประชาชนชาวไทยทุกคนงดดื่มสุราในช่วงงานพระราชพิธีฯ เพื่อร่วมใจกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลด้วยความจงรักภักดี และร่วมกันน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยระหว่างวันที่ 25 – 29 ต.ค.นี้ ขณะที่ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยประชาชนที่ตั้งใจจะเดินทางมาชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงได้มีการผ่อนคลายระเบียบบางประการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น โดยการเปิดจุดเพิ่มเติมให้ประชาชนได้เข้าชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ จาก 40,000 คน เป็น 70,000 คน "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาต ให้ประชาชนสามารถเข้าไปนั่งชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในฝั่งติดกำแพงพระบรมมหาราชวังได้ เมื่อริ้วขบวนที่ 1-3 ผ่าน ก็จะขอความร่วมมือประชาชนในการก้มกราบพระบรมศพฯ อย่างสุภาพ เนื่องจากจะเป็นภาพประวัติศาสตร์และถูกนำออกเผยแพร่ไปทั่วโลก จึงอยากเห็นภาพที่ดี เพราะถือเป็นงานพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ และต่างประเทศก็เฝ้าติดตามงานพระราชพิธีในครั้งนี้" ออมสิน กล่าว ออมสิน กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือประชาชนที่เฝ้ารอตามจุดคัดกรอง โดยเฉพาะบริเวณจุดพระแม่ธรณีบีบมวยผม ด้านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ มีประชาชนไปเฝ้ารอจำนวนมาก จึงอยากให้มีการกระจายไปยังจุดคัดกรองอื่น ๆ อีก 8 จุด ที่สามารถไปเฝ้ารอได้ โดยในวันนี้ (24 ต.ค.) จะมีการจัดระเบียบพื้นที่ ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ดังนั้นจำเป็นจะต้องมีการเครียร์พื้นที่ และประชาชนที่เข้ามาจับจองพื้นที่ก่อนหน้านี้ จะต้องถูกจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด ก่อนที่จะมีการเปิดให้ผ่านจุดคัดกรองในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ เวลา 05.00 น. ออมสิน กล่าวถึงการซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เมื่อวันที่ 21-22 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า การเตรียมการถ่ายทอดสดและระบบการส่งสัญญาณเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่อาจมีบางจุดที่ต้องปรับ เพื่อให้เห็นพระเมรุมาศที่ชัดเจน และสำหรับกล้องที่ประชาชนจะใช้ในการบันทึกภาพช่วงงานพระราชพิธี ขอความร่วมมือว่าเป็นกล้องเลนส์ธรรมดา ไม่ใช่เลนส์ซูม ที่มา : สำนักข่าวไทย และสำนักข่าว TNN24 ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
'ศูนย์ทนายสิทธิ' ร้องทหารปล่อยตัว 'เอกชัย' พร้อมแจ้งเหตุ-สถานที่ควบคุมตัวในทันที Posted: 24 Oct 2017 07:03 AM PDT ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวเอกชัย หงส์กังวาน จากความควบคุมตัว พร้อมทั้งแจ้งเหตุในการควบคุมตัว สถานที่ควบคุมตัวในทันที ชี้ขัดกติการะหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม 24 ต.ค. 2560 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ปล่อยตัว เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรม จากการควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีที่วันนี้ (24 ต.ค. 60) เวลาประมาณ 08.24 น. เอกชัย ติดต่อกับทนายความจากศูนย์ทนายฯ ว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 11 นาย มายังบ้านพักของตนในกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ระบุในลักษณะให้เลือกระหว่างจะไป "เที่ยว" ที่จังหวัดกาญจนบุรี หรือไปอยู่ในค่ายทหาร โดยไม่มีการแจ้งยศและสังกัด ซึ่งต่อมาเอกชัยแจ้งว่าตนได้ไปกาญจนบุรีกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อความสบายใจในช่วงงานพระราชพิธี โดยคาดว่าจะได้กลับในช่วงเช้าวันที่ 27 ต.ค. 2560 เอกชัย แจ้งอีกว่า ในการควบคุมตัวมีความพยายามฉุดกระชากตัวเขาให้ไปขึ้นรถจนเกิดบาดแผล ก่อนที่เอกชัยจะขาดการติดต่อไป ไม่สามารถติดต่อได้อีกหลังเวลา 09.50 น. ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ระหว่างเกิดเหตุเห็นรถเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจประมาณ 5-6 คัน จอดอยู่หน้าบ้าน แต่ไม่ทราบว่ามาจากหน่วยใด ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2560 เอกชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะว่าจะใส่เสื้อสีแดงในวันที่ 26 ต.ค. 2560 ทำให้ในวันต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปพบเอกชัยถึงที่ทำงานเพื่อสอบถามและเตือนให้ระมัดระวัง โดยทางเอกชัยยืนยันว่าตนไม่ได้จะกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่นั้นเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายดังต่อไปนี้ 1. ข้อเท็จจริงตามที่เกิดเหตุข้างต้นถือเป็น "การควบคุมตัว" เนื่องจากเอกชัยไม่มีอิสระในการตัดสินใจเดินทางหรือไม่เดินทางร่วมไปกับเจ้าหน้าที่ทหาร อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับญาติหรือทนายความโดยอิสระ ซึ่งปัจจุบันยังไม่อาจทราบได้อย่างแน่ชัดว่าเอกชัยถูกเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดเป็นผู้ควบคุมตัว และควบคุมตัวไปที่ใด 2. การควบคุมตัวดังกล่าวจึงขัดกับข้อ 9 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม ที่ได้รับรองว่า บุคคลจะถูกจับกุมหรือควบคุมโดยอำเภอใจมิได้ บุคคลจะถูกลิดรอนเสรีภาพของตนมิได้ และในขณะจับกุม บุคคลใดที่ถูกจับกุมจะต้องได้รับแจ้งถึงเหตุผลในการจับกุม และจะต้องได้รับแจ้งถึงข้อหาที่ถูกจับกุมโดยพลัน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้มีข้อสังเกตโดยสรุปต่อประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2560 เสนอแนะให้ประเทศไทยปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวโดยพลการในทันที และ 3. นอกจากนี้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 ข้อ 6 ซึ่งให้อำนาจเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยในการควบคุมตัวบุคคลได้ไม่เกิน 7 วัน ยังมีข้อจำกัดว่าต้องเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ความผิดเกี่ยวกับอาวุธสำหรับใช้ในการสงคราม และความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง คสช. ซึ่งไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเอกชัยไปเนื่องจากเหตุใด การควบคุมดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ด้วย ศูนย์ทนายฯ จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวเอกชัย จากความควบคุมตัว พร้อมทั้งแจ้งเหตุในการควบคุมตัว สถานที่ควบคุมตัวในทันที
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
แก้ไขคําสั่งหัวหน้า คสช. ให้คนพิการเลือกสิทธิ์บัตรทองหรือประกันสังคมได้ Posted: 24 Oct 2017 05:05 AM PDT คสช. แก้ไขคำสั่งเปิดทางคนพิการเลือกใช้สิทธิ์บัตรทองหรือประกันสังคมได้ พร้อมตั้งสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ขึ้นตรงสำนักนายกฯ แฟ้มภาพ ประชาไท 24 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ได้ออกคำสั่งให้จัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่บูรณาการด้านข้อมูลของทุกกรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับกรมทรัพยากรน้ำแล้ว จากเดิมที่ตั้งเป้าจะให้กรมทรัพยากรน้ำขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี "ที่ประชุมยังพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้า คสช.58/2559 ที่ก่อนหน้านี้เปิดโอกาสให้ผู้พิการและด้อยโอกาสสามารถทำงานได้ตามสัดส่วน ทำให้มีผู้พิการเข้าสู่ระบบการทำงานมากขึ้น และได้รับการดูแลรักษาตามระบบประกันสังคมได้ แต่ต่อมามีผู้พิการร้องเรียนว่าอยากจะสามารถเลือกได้ว่าหากเข้าทำงานในระบบบริษัทโดยทั่วไป แทนที่จะรักษาในระบบประกันสังคมอย่างเดียว แต่อยากให้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ระบบประกันสังคมหรือระบบบัตรประกันสุขภาพได้ คสช.จึงได้ปรับแก้ไขเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้พิการเลือกการรักษาพยาบาลได้ว่าจะใช้ระบบบัตรประกันสุขภาพหรือระบบประกันสังคม" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว สำหรับ คําสั่งหัวหน้า คสช. 58/2559 เรื่อง การรับบริการสาธารณสุขของคนพิการ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม นั้นระบุว่า ข้อ 5 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ศาลปล่อยตัว โจชัว หว่อง-นาธาน หลอ แล้วด้วยเงินประกันคนละ 2.1 แสนบาท Posted: 24 Oct 2017 04:26 AM PDT หลังถูกคุมขังมาสองเดือนจากข้อหาสมาคมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หัวหน้าผู้พิพากษาใช้เวลา 10 นาทีฟังคำไต่สวนแล้วจึงให้ประกันตัวกลับไปอยู่บ้านเพื่อรอฟังคำไต่สวนเรื่องโทษจำคุกในวันที่ 7 พ.ย. นี้ พ่อแม่หว่องเตรียมทำเมนูพิเศษรับลูกที่บ้าน หลอพร้อมช่วยเหลือประเด็นร้อนในฮ่องกงต่อ โจชัว หว่อง (ซ้าย) และ นาธาน หลอ (ขวา) ที่มา: แฟ้มภาพ/西鐵頭等/Jason940728/Wikipedia สำนักข่าว เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสท์ รายงานว่า โจชัว หว่องและนาธาน หลอ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยชื่อดังได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขังเป็นเวลาสองเดือนโดยใช้เงินประกันตัวทั้งสิ้นคนละห้าหมื่นดอลลาร์ฮ่องกงหรือราว 2.1 แสนบาท หว่องและหลอจะกลับไปพำนักที่บ้านเพื่อรอเข้าสู่กระบวนการไต่สวนในศาลฎีกาในเรื่องโทษการคุมขังที่มาแทนการบำเพ็ญประโยชน์ที่ทั้งสองทำเสร็จไปนานแล้ว หัวหน้าพรรคเดโมซิสโตทั้งสองคนถูกจับกุมพร้อมกับอดีตประธานสหภาพนักเรียน อเล็กซ์ โจว จากกรณีการประท้วงที่นำไปสู่การยึดครองถนนสายหลักทั่วฮ่องกงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหรือที่รู้จักกันในชื่อ การปฏิวัติร่ม เป็นเวลา 79 วันในปี 2557 ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม นักเคลื่อนไหวทั้ง 3 รายถูกตัดสินให้มีความผิดในข้อหารวมตัวสมาคมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ต้องทำรับโทษด้วยการทำงานบริการชุมนุม โดยโจชัว หว่อง ต้องทำงาน 80 ชั่วโมง นาธาน หลอ ต้องทำงาน 120 ชั่วโมง และอเล็ก โจว รอลงอาญา 3 เดือน อย่างไรก็ตามกรมยุติธรรมฮ่องกง ได้อุทธรณ์คำตัดสิน เนื่องจากเห็นว่านักเคลื่อนไหวเหล่านี้วางแผนชุมนุม ณ ที่ทำการรัฐบาลฮ่องกง และคำตัดสินของศาลไม่ได้พิจารณาที่จะลงโทษสถานหนัก สุดท้ายจึงได้ตัดสินและนำพวกเขาไปอยู่ในคุกแทน อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้งสามได้ยื่นอุทธรณ์โทษจำคุกและขอให้ยกเลิกการคุมขัง โดยการพิจารณาคำขอนี้จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ย. 2560 ล่าสุด วันนี้ เจฟฟรีย์ หม่า หัวหน้าผู้พิพากษาได้ใช้เวลาในการฟังคำไต่สวนเป็นเวลา 10 นาที แล้วจึงพิจารณาให้ปล่อยตัวหว่องและหลอด้วยหลักประกันตัวจำนวนคนละ 5 หมื่นดอลลาร์ฮ่องกง พร้อมเงื่อนไขว่าทั้งสองต้องให้เอกสารเดินทาง ที่อยู่อาศัยให้กับทางการพร้อมกับรายงานตัวกับสถานีตำรวจสัปดาห์ละครั้ง ส่วนตัวโจทก์ไม่ได้คัดค้านการปล่อยตัวครั้งนี้ โรเจอร์ หว่อง ผู้เป็นพ่อของโจชัว หว่อง กล่าวว่าเขาและภรรยาจะเตรียมอาหารมื้อพิเศษให้กับลูกชาย "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบพิเศษของผมและชานม(ที่แม่ทำขึ้นเป็นพิเศษ) เป็นเมนูโปรดของเขา และเราจะเตรียมอาหารมื้อนั้นเอาไว้รอ" หว่องผู้พ่อกล่าว "ถ้าคืนนี้เขาอยู่บ้าน เราก็จะนั่งคุยกันอย่างอบอุ่น" ทางด้านหลอได้ขอบคุณทีมกฎหมายและผู้สนับสนุนสำหรับการทำงานหนักและความอดทนอดกลั้น ภายหลังออกมาจากอาคารศาลพร้อมยุนผู้เป็นแฟนสาว "ในคุกเป็นสถานที่ที่ต้องการการปรับตัว...มีบางครั้งที่อะไรๆ ก็ไม่ง่าย" หลอพูดกับนักข่าวเกือบร้อยคนที่รออยู่หน้าศาล "แต่ผมเชื่อว่าเพื่อนที่ร่วมเดินอยู่บนเส้นทางสายประชาธิปไตยได้เตรียมใจกับเรื่องนี้แล้ว และพวกเขาจะไม่เห็นว่าเป็นอุปสรรค" นอกจากร่วมทานอาหารเย็นกับครอบครัวเพื่อเฉลิมฉลองวาระกลางฤดูใบไม้ผลิย้อนหลังแล้ว หลอมีแผนที่จะช่วยเหลือในประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงจากที่เขาติดตามระหว่างถูกคุมขัง ได้แก่ประเด็นความขัดแย้งกฎหมายสภานิติบัญญัติและการสร้างจุดตรวจคนเข้าเมืองบนจุดเดียวกันระหว่างฮ่องกงและจีนบนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากเมืองกวางโจว ประเทศจีน "มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในฮ่องกง...ผมหวังว่าการที่ได้รับประกันตัวออกมาจะทำให้ผมช่วยเหลืออะไรได้" หลอกล่าว ทั้งนี้ โจว ยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ในการได้รับสิทธิ์ประกันตัว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตัดสินโทษเกิน 3 เดือน จะมีผลทำให้นักเคลื่อนไหวทั้ง 3 ราย มีคุณสมบัติต้องห้ามในการลงเลือกตั้งของฮ่องกง ซึ่งรวมทั้งสภานิติบัญญัติฮ่องกง และสภาท้องถิ่นเป็นเวลา 5 ปี ในกรณีของนาธาน หลอ ควุน-จุง (Nathan Law Kwun-chung) หรือ นาธาน หลอ ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกง แต่ถูกศาลตัดสินว่าขาดคุณสมบัติ กรณีปฏิญาณตนรับตำแหน่งว่าจะจงรักภักดีเฉพาะฮ่องกงเท่านั้น พร้อมชูข้อความ "ฮ่องกงไม่ใช่จีน" เรียบเรียงจาก Occupy leaders Joshua Wong and Nathan Law released on bail pending appeal against jail terms, South China Morning Post, October 24, 2017 ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
สหรัฐฯ อนุญาตให้เผยแพร่ 'ซอร์สโค้ด' โปรแกรมตรวจสอบดีเอ็นเอหลังถูกทักท้วงเรื่องความแม่นยำ Posted: 24 Oct 2017 03:34 AM PDT ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตอบรับคำขอของสื่อโปรพับลิกายอมเปิดเผยรหัสต้นฉบับโปรแกรมหรือซอร์สโค้ดของโปรแกรมซอฟท์แวร์ที่ทางการใช้ในการตรวจวิเคราะห์หลักฐานทางดีเอ็นเอ โปรแกรมดังกล่าวพัฒนาโดยห้องแล็บอาชญวิทยาของนิวยอร์กซิตี้และกลายเป็นที่ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ประชาชน 24 ต.ค. 2560 ผู้พิพากษาวาเลอรี คาโปรนี จากนิวยอร์กสั่งยกเลิกการคุ้มครองข้อมูลซอร์สโค้ดโปรแกรมที่ชื่อว่า "เครื่องมือเชิงสถิติด้านนิติวิทยาศาสตร์" (Forensic Statistical Tool หรือ FST) ตามคำขอของโปรพับลิกาโดยบอกว่าทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน มีการเผยแพร่ซอร์สโค้ดดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ GitHub และมีบันทึกของผู้เชี่ยวชาญด้านทนายความในแบบที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขเปิดให้ผู้คนเข้าอ่านได้ด้วย คริสโตเฟอร์ ฟลัด หนึ่งในทนายความผู้ต้องการเข้าถึงโค้ดโปรแกรมนี้กล่าวว่าคนที่ถูกระบุไว้ในรายงานของ FST จะสามารถรับรู้ได้ว่ามีความไม่แม่นยำของการประเมินด้วยโปรแกรมตรงจุดไหนบ้าง ทุกคนมีสิทธิที่จะรู้ในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นคนที่ถูกตัดสินให้มีความผิด ถูกดำเนินคดีในชั้นศาล หรือมีการถอนฟ้อง ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ จากนักวิทยาศาสตร์และทนายความที่ระบุว่าซอฟท์แวร์ตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอตัวนี้อาจจะทำให้คนบริสุทธิ์ถูกส่งเข้าคุกได้ นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้กำหนดนโยบายในนิวยอร์กซิตี้พยายามผลักดันให้มีความโปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจด้วย 'อัลกอริทึ่ม' หรือขั้นตอนวิธีตั้งแต่ประเมินความเสี่ยงช่วงก่อนพิจารณาคดี ไปจนถึงระบบการพยากรณ์เพื่อออกนโยบาย ไปจนถึงระเบียบวิธีในการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาในไฮสคูล มีการใช้หลักฐานทางดีเอ็นเอเพื่อสืบคดีอาชญากรรมมาเป็นเวลานานแล้ว เช่นการสืบหาตัวฆาตกรจากหลักฐานทางพันธุกรรมทีติดอยู่กับอาวุธในที่เกิดเหตุ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการวิเคราะห์ดีเอ็นเอด้วยวิธีใหม่แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นวิธีการที่มีความกำกวมและเสี่ยงต่อการผิดพลาด เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ทางโปรพับลิการ่วมกับนิวยอร์กไทม์เผยแพร่ปัญหาความสงสัยเกี่ยวกับเครื่องมือตรวจสอบดีเอ็นเอ FST ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูความเป็นไปได้ว่าจะมีดีเอ็นเอของจำเลยปนอยู่กับสารพันธุกรรมของคนอื่นด้วยหรือไม่ มีการใช้เครื่องมือนี้มาแล้ว 1,350 คดีในช่วง 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ทนายความเคยเรียกร้องให้ผู้ตรวจการของรัฐตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีนี้และให้พลิกคดีก่อนหน้านี้ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการใช้ FST กลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง ถึงจะมีการตอบรับแต่ก็ยังไม่มีการประกาศใดๆ ทั้งสิ้นว่าจะมีการตรวจสอบ ขณะที่ตัวแล็บอาชญวิทยานิวยอร์กซิตี้เองไม่ได้ต่อต้านสื่อโปรพับลิกาที่อยากจะให้เผยแพร่ซอร์สโค้ดของโปรแกรม FST แต่ก็ยืนยันว่าเทคโนโลยีของพวกเขาใช้ได้จริง และยินดีจะเปิดเผยซอร์สโค้ดเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิ่งที่คนเคยวิพากษ์วิจารณ์ นาธานเนียล อดัมส์ นักวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมจากบริษัทให้คำปรึกษาด้านนิติวิทยาศาสตร์ในโอไฮโอลองพิจารณาโค้ดโปรแกรม FST แล้วพบว่าโปรแกรมนี้มีปัญหาด้านความแม่นยำและควรได้รับการตั้งคำถามอย่างหนัก ทำให้ในวันที่ 25 ก.ย. โปรพับลิกาและองค์กรคลินิคเพื่อเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการเข้าข้อมูลข่าวสาร (MFIA) สังกัดวิทยาลัยกฎหมายเยลส์เรียกร้องให้มีการระงับคำสั่งคุ้มครองข้อมูลซอร์สโค้ด FST และให้มีการเผยแพร่ต่อประชาชน โดยระบุว่าการคุ้มครองเช่นนี้ไม่ดีต่อความโปร่งใสของประชาชน ฮันนาห์ บล็อคห์-เวห์บา ผู้อำนวยการทนายของ MFIA เปิดเผยว่าการตัดสินใจเปิดซอร์สโค้ดให้เข้าถึงในครั้งนี้ทำให้โปรพับลิการายงานเรื่องที่ประชาชนกังวลได้ การที่ผู้บังคับกฎหมายหันมาใช้เครื่องมืออัลกอริทึมในระบบสอบสวนอาชญากรรมมากขึ้นมันก็ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สื่อและประชาชนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จะทำให้ทราบว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่และตรวจสอบรัฐบาลได้ ในการใช้งานก่อนหน้านี้ยังมีผู้พิพากษาบางรายที่มองว่าหลักฐานจาก FST นั้นใช้ไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือมาร์ค ดวิเยอร์แห่งบรูคลิน ผู้ที่เคยปฏิเสธ FST มาแล้วสองคดีในปี 2557 และอีกสองคดีในปีนี้ โดยบอกว่าชุมชนวิทยาศาสตร์ยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับเครื่องมือตัวนี้ และในตอนนี้รัฐนิวยอร์กก็เลิกใช้ไปแล้ว รวมถึงไม่มีแล็บอื่นที่ใช้เครื่องมือนี้เลย ก่อนหน้านี้โปรแกรม FST เองก็เคยมีปัญหาจากที่ยูจีน เลียน ผู้นำฝ่ายเทคนิคของแล็บดีเอ็นเอเคยตรวจพบว่ามีปัญหาทางคณิตศาสตร์ใน FST จนอาจจะทำให้ส่งผลต่อการวิเคราะห์จนต้องนำซอฟท์แวร์ออกชั่วคราวและนำไปโปรแกรมใหม่ ถึงแม้ว่าจะมี "การตรวจเช็คการทำงาน" ของโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ก่อนนำมาใช้อีกครั้งแต่เจ้าหน้าที่แล็บก็ไม่ได้บอกกับคณะกรรมการตรวจสอบและไม่มีการศึกษาเพื่อตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบก่อนการนำมาใช้อีกครั้ง ทำให้มีการวิจารณ์เรื่องการขาดความโปร่งใสของแล็บนี้ นอกจากนี้นักการเมืองนิวยอร์กซิตี้บางคนยังเรียกร้องให้มีการพิจารณาเรื่องอัลกอริทึมและผลกระทบจากมันอีกครั้ง รวมถึงมีการเสนอกฎหมายให้หน่วยงานภาคของทุกเมืองต้องเผยแพร่ซอร์สโค้ดสำหรับอัลกอริทึมที่นำมาใช้ในการตัดสินใจ เนื่องจากเคยมีกรณีที่อัลกอริทึมมีอคติทางเชื้อชาติ เจมส์ แวคคา ประธานกรรมการและผู้เสนอร่างกฎหมายนี้กล่าวว่าอัลกอริทึมฟังดูเป็นเครื่องมือที่มีความเป็นวัตถุวิสัยแต่พวกเราก็ต้องรับรู้ว่าอัลกอริทึมเป็นเพียงแค่การสมมติฐานด้วยรหัสโปรแกรมเท่านั้น การออกแบบโปรแกรมเหล่านี้อาจจะมีอคติและการประมวลข้อมูลทั้งหมดเองก็อาจจะมีข้อผิดพลาดได้
เรียบเรียงจาก Federal Judge Unseals New York Crime Lab's Software for Analyzing DNA Evidence, ProPublica, 20-10-2017
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ศิลปะ วรรณกรรม และนาฏกรรมในล้านนา | คนสามัญ อานันท์ 70 ปี Posted: 24 Oct 2017 02:56 AM PDT สัมมนาวิชาการ "มานุษยวิทยา ล้านนาคดี และประวัติศาสตร์นิพนธ์ คนสามัญ อานันท์ 70 ปี" ระหว่างวันที่ 20 - 21 เดือนกันยายน พ.ศ. 2560 ห้องประชุม 1 อาคารรวมวิจัยและบัณฑิตศึกษา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโดย สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร ช่วงบ่ายวันที่ 21 กันยายน เป็นการนำเสนอกลุ่มบทความ "ศิลปะ วรรณกรรม และนาฏกรรมในล้านนา" ดำเนินรายการโดย ธิตินัดดา จินาจันทร์ สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย (1) วรลัญจก์ บุญยสุรัตน์ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอหัวข้อ "มองศิลปะวัฒนธรรมในมุมมองแบบอานันท์ กาญจนพันธุ์" (2) สุนทร คำยอด คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำเสนอหัวข้อ "'วิสารทนาฏการ' การฟ้อนผียุค 4.0 กรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่" (3) สงกรานต์ สมจันทร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ นำเสนอหัวข้อ "ดนตรีล้านนาในกระแสความเปลี่ยนแปลง กรณีวงปี่พาทย์ล้านนาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่" (4) ธนพงษ์ หมื่นแสน สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอหัวข้อ "ทบทวน "ล้านนาคดี" ผ่าน "รากนครา" : บททดลองนำเสนอว่าด้วยนิเทศศาสตร์ล้านนาร่วมสมัย" รับชมคลิปจากสมมนาวิชาการ "มานุษยวิทยา ล้านนาคดี และประวัติศาสตร์นิพนธ์ คนสามัญ อานันท์ 70 ปี" ที่ https://goo.gl/Jy7wiF
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ประยุทธ์ แจ้งเก็บเงินสมทบผู้ประกันตนเพิ่ม เป็นเพียงการหารือ ยังไม่มีมาตรการใด ๆ Posted: 24 Oct 2017 02:10 AM PDT ประยุทธ์ แจ้งการเก็บเงินสมทบสำหรับผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นจากเดิม เป็นเพียงการหารือ ยังไม่มีมาตรการดำเนินการใด ๆ ยืนยันรัฐบาลไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ใคร 24 ต.ค. 2560 จากกรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมขยายเพดานเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม จาก 15,000 เป็น 20,000 บาท โดยเก็บร้อยละ 5 ของค่าจ้าง แต่สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท โดย สปส. จะนำเสนอกระทรวงแรงงานเพื่อพิจารณาเสนอเข้า ครม. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปนั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) จนเก็ดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลที่ยังค้างจ่ายเงินสมทบในส่วนของภาครัฐกว่า 56,000 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ (24 ต.ค.60) เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเรื่องการเก็บเงินสมทบสำหรับผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นจากเดิมนั้น ว่า ยังไม่มีมาตรการดำเนินการอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงการหารือเพื่อเตรียมกำหนดแผนงาน พร้อมกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ต้องการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการที่ไม่สะดวกรับเบี้ยประกันจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และจากกองทุนประกันสังคมว่า ครม. เห็นชอบมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่างคำสั่ง ให้ผู้พิการสามารถเลือกรับเบี้ยประกันที่ใดที่หนึ่งได้ตามความสมัครใจ ทั้งนี้ จะใช้เวลา 1 ปี ในการทดลองเลือกรับเบี้ยประกันสำหรับผู้พิการ หากผู้พิการไม่สะดวก สามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่รับประกันได้ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ประยุทธ์ ย้ำระบายน้ำยังดี ระบุปริมาณน้ำยังต่ำกว่าปี 54 Posted: 24 Oct 2017 01:59 AM PDT ประยุทธ์ย้ำระบายน้ำยังเป็นไปได้ด้วยดี ระบุปริมาณน้ำยังต่ำกว่าปี 54 เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ห่วงเกษตรกรแนะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกมุ่งเน้นลดรายจ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิต ย้ำรัฐบาลยินดีช่วยเหลือทุกรูปแบบ วอนทุกฝ่ายร่วมมือขจัดปัญหาการเกษตรที่เรื้อรัง ภาพซ้ายมือจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ภาพขวามือจากเฟซบุ๊ก 'คำฝอย บ้านโคกอีโด่ย' 24 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าว ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (24 ต.ค.60) ถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจกับการแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ในขณะนี้ โดยได้มีวิเคราะห์เปรียบเทียบสถานการณ์น้ำ เมื่อปี 2554 พบว่า ปริมาณน้ำยังน้อยกว่าปี 2554 แต่ขณะเดียวกันก็ถือว่ายังมีปริมาณน้ำที่มาก สืบเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องระบายน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าแหล่งกักเก็บน้ำทั้งหมด จึงส่งผลกระทบต่อประชาชนบางพื้นที่ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ แต่ข้อดีคือ หน้าแล้งจะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำในระบบชลประทาน ขอขอบคุณเกษตรกรที่ทำให้ 12 ทุ่งภาคกลาง รองรับได้เป็นแก้มลิง ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะเร่งรัดมาตรการดูแลเยียวยาทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร ที่อยู่อาศัย และผู้ประกอบการ ขอให้ประชาชนติดตามการประชาสัมพันธ์ และประกาศเตือนต่างๆ ของทางราชการ "ขอยืนยันว่าจะดูแลทุกภาคส่วน ไม่ว่าเกษตรกร ที่อยู่อาศัยหรือผู้ประกอบการ ขอให้รับทราบว่ามีการดูแลอยู่แล้ว และพยายามจะทำให้ได้โดยเร็ว ถ้าทุกคนจะช่วยกันได้อีก ในเรื่องประกันภัยพิบัติ ประกันนาข้าว ที่มีกองทุน เราก็จะได้เงินเพิ่มมา ทุกคนต้องเรียนรู้ไม่ว่าจะเพาะปลูกพืช ใช้น้ำ ต้องมีเสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนใหญ่ รู้ว่าทุกคนเดือดร้อนหมด แต่ทำไงได้ ถ้าไม่ปล่อยน้ำก็ท่วมทั้งหมด แต่ถ้าปล่อยก็ท่วมบางพื้นที่และจะเข้าไปดู ขอให้เข้าใจตรงนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว "รัฐบาลนี้พยายามแก้ปัญหาในทุกเรื่องให้ได้มากที่สุด ดังนั้น เรื่องไหนที่ไม่ใช่ประเด็น ขอความร่วมมืออย่าสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีก ทั้งในวันนี้และอนาคต ยืนยันว่า รัฐบาลเดินหน้าเพื่อให้เกิดการปฎิรูปในประเทศ โดยบางเรื่องได้ดำเนินการไปแล้ว จึงขอให้ทุกคนติดตาม และเป็นกำลังใจให้กันและกัน และหวังว่าสื่อมวลชน ก็จะช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว แนะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก วอนทุกร่วมมือขจัดปัญหาการเกษตรที่เรื้อรังขณะที่วานนี้ (23 ต.ค.60) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาช่วงวันหยุดทบทวนภารกิจและปัญหาสำคัญของบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยย้ำว่าการจัดสรรพื้นที่เพาะปลูกอย่างเหมาะสม การทำไร่นาสวนผสมควบคู่กับการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ ปลา สุกร ฯลฯ เพื่อให้มีรายได้เสริมและลดรายจ่ายของครอบครัว ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางที่ควรนำไปประยุกต์ใช้ "การทำให้สินค้าเกษตรมีราคาดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ที่สำคัญคือการเพิ่มมูลค่าผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรควรพิจารณาปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกโดยใช้พันธุ์ที่มีคุณภาพ ใช้วิธีอินทรีย์และนวัตกรรมเข้ามาช่วย เช่น ปลูกข้าวอินทรีย์ แปรรูปยาง หรือปลูกปาล์มที่ให้น้ำมันสูงขึ้น เพราะตลาดมีความต้องการมาก ขณะเดียวกันต้องลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งการจ้างคน การใช้ปุ๋ยเคมีที่ไม่จำเป็น และประหยัดการใช้น้ำ
ที่มา : สำนักข่าวไทย เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ข่าวสดออนไลน์และ เฟซบุ๊กคำฝอย บ้านโคกอีโด่ย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ทหารคุมตัว 'เอกชัย' ไปรีสอร์ท จ.กาญจนบุรี Posted: 24 Oct 2017 01:37 AM PDT ทหารกว่า 10 นาย ทั้งใน-นอกเครื่องแบบ คุมตัว 'เอกชัย หงส์กังวาน' จากบ้านไป รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี เจ้าตัวเผยหลังโพสต์เจ้าปัญหา ปฏิบัติการวันที่ 26 ต.ค. นั้นยังไม่ได้คิดเลย อย่างมากก็คงจะออกไปใส่เสื้อแดง นั่งอ่านหนังสือตามร้านกาแฟสักกชั่วโมง ไม่ได้คิดจะทำอะไรใหญ่โต 24 ต.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ต.ค.60) เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ทหาร แต่งกายในเครื่องแบบ 3 คน แต่งกายนอกเครื่องแบบจำนวน 11 คน ได้เดินทางไปที่บ้านของ เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมและอดีตนักโทษการเมือง โดยแจ้งกับ เอกชัย ว่า ต้องการมาคุมตัว เอกชัย โดยมีทางเลือกให้ว่าจะไปพักผ่อนที่รีสอร์ทที่ จ.กาญจนบุรี หรือ ต้องการให้จับกุมตัวเข้าค่ายทหาร
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
แรงงานถาม เพิ่มเงินสมทบผู้ประกันตน แท้จริงกองทุนมีปัญหา เหตุรัฐค้างจ่าย 5.6 หมื่นล้าน Posted: 24 Oct 2017 12:51 AM PDT ปมประกันสังคมจ่อเพิ่มเก็บเงินสมทบผู้ประกันตน รองประธาน คสรท.ตั้งข้อสังเกตเพราะกองทุนประกันสังคมเริ่มเห็นว่าจะมีปัญหาเงินลดน้อยลงเรื่อยๆ หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลยังค้างจ่ายเงินสมทบในส่วนของภาครัฐกว่า 56,000 ล้านบาท ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน' โพสต์วานนี้ พร้อมระบุด้วยว่า การปรับเพิ่มฐานค่าจ้างในกา 24 ต.ค. 2560 จากกรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมขยายเพดานเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม จาก 15,000 เป็น 20,000 บาท โดยเก็บร้อยละ 5 ของค่าจ้าง แต่สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท โดย สปส. จะนำเสนอกระทรวงแรงงานเพื่อพิจารณาเสนอเข้า ครม. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา มติชนออนไลน์ รายงานว่า สมพร ขวัญเนตร รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า การเพิ่มเงินสมทบทั้งส่วนลูกจ้างนายจ้าง ในผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 16,000-20,000 บาทขึ้นไป เงินที่เพิ่มขึ้นตนตั้งข้อสังเกตว่า เพราะกองทุนประกันสังคมเริ่มเห็นว่าจะมีปัญหาเงินลดน้อยลงเรื่อยๆ หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลยังค้างจ่ายเงินสมทบในส่วนของภาครัฐกว่า 56,000 ล้านบาท ทั้งๆที่กฎหมายให้รัฐร่วมสมทบจ่ายน้อยกว่านายจ้างลูกจ้างเสียอีก โดยจ่ายในสัดส่วนเพียง 2.75 เปอร์เซ็นต์ หายไปถึง 2.25 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่นายจ้างและลูกจ้างต้องจ่ายตามกฎหมายฝ่ายละ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเดิมรัฐก็จ่ายเท่ากันหมด แต่มีการแก้กฎหมาย สุดท้ายก็เป็นปัญหาเงินกองทุน "ผมแค่สงสัยและตั้งคำถามว่า การเพิ่มเงินสมทบครั้งนี้ เพื่อนำมาหมุนก่อนหรือไม่ เพราะสิทธิประโยชน์จริงๆ ที่ได้เพิ่มขึ้นก็ไม่รู้ว่าแบ่งอย่างไร แต่ที่แน่ๆ กองทุนจะมีเงินเพิ่มขึ้นมา จริงๆแล้วหากรัฐบาลจ่ายเงินที่ค้างสปส.อยู่ ก็จะช่วยได้มาก ปัญหาคือ เมื่อพูดแบบนี้ ทางสปส.จะบอกว่าเป็นปัญหาค้างจ่ายของรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่ถามว่ารัฐบาลไม่ว่าชุดไหน หากมาอยู่ในปัจจุบันก็ต้องเป็นหน้าที่ในการแก้ปัญหาหรือไม่ แบบนี้เหมือนรัฐบาลตีตั๋วเด็ก จ่ายส่งน้อย แต่มาให้ผู้ประกันตนกลุ่มหนึ่งจ่ายเพิ่ม และบอกว่าจะให้สิทธิต่างๆ ซึ่งเรื่องสิทธิที่เพิ่มขึ้นก็ต้องมาแจงว่าตกลงเพิ่มอะไร เอาให้ชัด เพราะจะให้ดีควรเพิ่มในส่วนของเงินบำนาญชราภาพ เพื่อให้ได้มากขึ้น ส่วนอื่นๆ ค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องเอาเงินส่วนนี้ไปเพิ่ม แต่ให้รัฐรับผิดชอบไป เหมือนของสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง)" สมพร กล่าว รองประธาน คสรท. กล่าวอีกว่า เงินบำนาญชราภาพก็ต้องมีการปรับปรุงด้วย เพราะหากเพิ่มเงินสมทบแล้ว แต่ช่องโหว่ต่างๆยังมีก็ไม่มีประโยชน์ อย่างปกติผู้ประกันตนเมื่อส่งเงินไปไม่ถึง 15 ปีจะได้รับเงินบำเหน็จ หรือกรณีเสียชีวิตก็จะได้ แต่หากส่งเงินเกิน 15 ปีก็จะได้รับเป็นเงินบำนาญชราภาพแทน แต่หากเสียชีวิตทั้งก่อนหรือหลังเกษียณไม่เกิน 5 ปี จะได้รับเงิน 10 เท่าจากเงินบำนาญที่รับเพื่อมอบให้ทายาท ปัญหาคือ หากหลัง 5 ปีก็ไม่ได้รับอะไรเลย เงินบำนาญก็ไม่ได้รับ แบบนี้ต้องแก้ไข จริงๆ แล้วก่อนจะประกาศกฎหมายทั้งเรื่องแก้ไขเงินสมทบ หรือการปฏิรูปกองทุนชราภาพ ควรเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าหารือก่อน ไม่ใช่ประกาศเลย แบบนี้จะมีปัญหาในอนาคต เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางคสรท.จะมีการประชุมประจำทุกเดือน และจะหยิบยกปัญหาของประกันสังคมเข้าหารือด้วยในวันที่ 5 พ.ย. นี้
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
รัฐสภากาตาลุญญาเตรียมตอบโต้สเปนหลังจ่อเข้าปกครองแคว้นโดยตรง Posted: 23 Oct 2017 11:19 PM PDT คาดสภาแคว้นประชุมพฤหัสฯ นี้ รมว. ต่างประเทศแคว้นกาตาลุญญาอัด อียูนิ่งเฉยแบบนี้ประชาธิปไตยจะอยู่รอดอย่างไร โฆษกรัฐบาลกาตาลุญญากร้าว รัฐบาลจะสู้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องสถาบันที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย อาจนำไปสู่ความเป็นไปได้ที่กาตาลุญญาจะบังคับใช้การประกาศเอกราชฝ่ายเดียว (ล่าง)การ์เลส ปุกเดมอนด์ แถลงเรื่องการประกาศตัวเป็นเอกราชในรัฐสภากาตาลันเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา (ที่มา: Parliament de Catalunya) เมื่อ 23 ต.ค. 2560 สำนักข่าวเดอะ การ์เดียน รายงานว่า รัฐสภาแคว้นกาตาลุญญาเตรียมจัดประชุมหาแนวทางตอบโต้การประกาศใช้มาตรา 155 จากรัฐบาลสเปน การจัดประชุมจะมีขึ้นก่อนหน้าการประชุมของรัฐสภาสเปนที่คาดว่าจะเป็นการประชุมเพื่อรับรองการใช้มาตรการถอดถอนรัฐบาลท้องถิ่นแล้วให้รัฐบาลกลางปกครองแทน โดยจะจัดให้มีการเลือกตั้งอีกครั้งภายในหกเดือน ผู้นำกาตาลุญญาลงนามประกาศเอกราชแต่ยังไม่บังคับใช้ หวังเปิดโต๊ะเจรจา รบ. กลาง หลายพรรครัฐสภายุโรปกังวลกาตาลุญญาแยกตัว ชี้ถ้าออกจากสเปนคือออกจากอียูด้วย 5 เรื่องน่ารู้ เงื่อนไข ทางตันและทางออกก่อนกาตาลุญญาประกาศเอกราช มาตรา 155 มีใจความว่า ถ้ารัฐบาลท้องถิ่นไม่สามารถรักษากฎหมายหรือบังคับใช้กฎหมายได้ รัฐบาลกลางสามารถยกเลิกการปกครองตนเองของแคว้นได้แล้วเข้ามาปกครองโดยตรง เมื่อวานนี้ ราอูล โรเมวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแคว้นกาตาลุญญาได้กล่าวหาสหภาพยุโรป (อียู) ที่ไม่ออกมาแสดงท่าทีต่อความพยายามจะควบคุมรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐบาลกลางสเปน "[ถ้าการรวบอำนาจเกิดขึ้น] อียูจะอยู่กับสภาวะแบบนี้อย่างไร" โรเมวากล่าวกับรายการวิทยุ บีบีซีเรดิโอ โฟร์ส ทูเดย์ "ประชาธิปไตยของอียูจะยังคงอยู่และมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไรถ้าพวกเขายอมให้มันเกิดขึ้น สิ่งที่ผมบอกได้ก็คือประชาชนและสถาบันต่างๆ ในกาตาลุญญาจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ในขณะที่รองนายกรัฐมนตรีสเปน โซรายา เซนซ์ เด ซานตามาเรียกล่าวว่า ทันทีที่การปกครองแคว้นโดยตรงถูกบังคับใช้ รัฐบาลสเปนจะแต่งตั้งผู้แทนเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของประธานาธิบดีแทนการ์เลส ปุกเดมอนด์ ประธานาธิบดีแคว้นคนปัจจุบัน "พวกเขาได้เป็นประธานาธิบดีของรัฐบาลท้องถิ่นและเป็นบุคคลอาวุโสในรัฐบาลเพราะว่ารัฐธรรมนูญให้อำนาจ" เธอกล่าวผ่านวิทยุโอนดา เซโร "พวกเขาไม่ได้รับมอบหน้าที่ดังกล่าวมาจากอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีของสเปนกล่าวว่าเขาบังคับใช้อำนาจตามมาตรา 155 ของรัฐธรรมนูญสเปนเพื่อ "ฟื้นฟูหลักนิติธรรม การอยู่ร่วมกันอย่างสงบและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งยังเป็นการประกันว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นภายใต้สภาวะปรกติ" ประธานาธิบดีกาตาลุญญา การ์เลส ปุกเดมอนด์ได้ประณามท่าทีของรัฐบาลสเปนว่าเป็น "การรัฐประหารในทางปฏิบัติ (de facto coup d'etat)" และยังยืนยันว่าผลประชามติที่ร้อยละ 90 เห็นว่ากาตาลุญญาต้องแยกตัวจากสเปนเป็นอาณัติที่รัฐบาลต้องตอบสนองด้วยการแยกตัวจากสเปนมาตั้งเป็นสาธารณรัฐ เมื่อ 10 ต.ค. ที่ผ่านมาปุกเดมอนด์ได้ลงนามในคำประกาศเอกราชไปแล้ว แต่ว่าเลื่อนการบังคับใช้ไปก่อนเป็นเวลาสองเดือนเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากับรัฐบาลกลาง ปุกเดมอนด์ยังกล่าวถึงการบังคับใช้มาตรา 155 ว่าเป็นการโจมตีสถาบันของแคว้นกาตาลุญญาอย่างร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สมัยนายพลฟรานซิสโก ฟรังโกปกครองสเปนเมื่อ ค.ศ. 1939-1975 และเป็นการ "ปิดประตู" ใส่ความพยายามในการพูดคุย ทั้งนี้ รัฐบาลแคว้นกาตาลุญญายังไม่ล้มเลิกแผนการแยกตัวเป็นเอกราชและประกาศเลือกตั้งใหม่ก่อนที่มาตรา 155 จะถูกรับรองโดยรัฐสภาสเปน โดยโฆษกของรัฐบาลกาตาลันได้กล่าวว่ารัฐบาลจะ "สู้อย่างเต็มที่เพื่อปกป้องสถาบันที่ได้รับเลือกตั้งมาอย่างเป็นประชาธิปไตยแห่งกาตาลุญญา" พรรค CUP ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อยและมีแนวคิดซ้ายจัดได้เรียกร้องให้มวลชนทำอารยะขัดขืนเพื่อต่อต้านสิ่งที่เรียกว่า "การคุกคามสิทธิของพลเมือง ปัจเจกและส่วนรวมของชาวกาตาลันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด" ตั้งแต่สมัยรัฐบาลฟรังโก สถิติจากรัฐบาลกาตาลันระบุว่า วันประชามติเมื่อ 1 ต.ค. ที่ผ่านมามีผู้ออกไปลงคะแนนเสียงทั้งหมด 2.3 ล้านคน จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งสิ้น 5.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 43 อย่างไรก็ดี ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสเปนที่พยายามขัดขวางไม่ให้คนไปออกเสียงทำให้สูญเสียเสียงโหวตไปถึง 7 แสน 7 หมื่นเสียง เรียบเรียงจาก Catalan MPs to discuss response to Spanish move towards direct rule, The Guardian, October 23, 2017 ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท. To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, CA 94043, United States |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น