โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

ชาวบ้านทุ่งลุยลายประชุมร่วม อปท.-นายอำเภอ-ป่าไม้ ถกปัญหาแนวเขตป่าทับที่ทำกิน

Posted: 22 Jan 2013 09:44 AM PST

นายอำเภอคอนสารนั่งหัวโต๊ะประธานที่ประชุมถกแนวทางแก้ปัญหาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ทับที่ทำกินของสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินอีสาน ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ตัวแทนป่าไม้อ้างรอให้นายใหม่มารับหน้าที ขอเลื่อนเดินสำรวจแนวเขต

 
22 ม.ค. 56 ประมาณ 09.30 – 12.00 น. ตัวแทนชาวบ้าน และตัวแทนสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) ที่อยู่ในพื้นที่ ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ กว่า 40 คน ประชุม ร่วมกับนายไพศาล ศิลปะวัฒนานันท์ นายอำเภอคอนสาร และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาทิ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งลุยลาย, ประธานสภาเทศบาลตำบลทุ่งลุยลาย, ปลัดเทศบาลตำบลทุ่งลุยลาย และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ทับที่ทำกินชาวบ้าน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งลุยลาย
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ผาผึ้ง ที่เริ่มประกาศเมื่อ ปี 2543 นั้น ยังไม่มีแนวเขตที่ชัดเจนแน่นอน ทั้งยังสร้างปัญหาด้วยการทับที่กินทำกินเดิมของชาวบ้าน จึงได้ร่วมตกลงให้มีการดำเนินการหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องต่อไป
 
นายเหลือ ซึมดร สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน และประธานโฉนดชุมชนตำบลทุ่งลุยลาย กล่าวถึงกระทบและปัญหาว่า จากการดำเนินการประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง ที่ได้มีนโยบายขยายเขตเพิ่มขึ้น ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิที่ดินทำกิน และพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชน ที่เกิดจากการทับซ้อนกันระหว่างพื้นที่ป่าอนุรักษ์กับพื้นที่ที่ประชาชนมีการถือครองประโยชน์มาก่อนการประกาศเขตฯ ทำให้ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกิน รวมทั้งถูกดำเนินคดีความ ทั้งหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 6 รวมแล้วกว่า 80 กว่าราย
 
"การประชุมครั้งนี้ ต่อเนื่องมาจากการที่มีมติ ให้ยุติการตัดต้นยางพาราของชาวบ้าน รวมทั้งมาติดตามการดำเนินการ เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ไขแนวเขตที่มีปัญหา โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค.55 ประธานสภาเทศบาลตำบลทุ่งลุยลาย ได้ทำหนังสือส่งถึงหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง ให้พิจารณาการผ่อนผันการตัดต้นยางพารา และเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ให้ถูกต้องร่วมกัน โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงได้เกิดการประชุมในการติดตามผล" ประธานโฉนดชุมชนทุ่งลุยลาย กล่าว
 
นายเหลือ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุม เมื่อวันที่ 31 ก.ค.55 ที่เทศบาลตำบลทุ่งลุยลาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง เพื่อแลกเปลี่ยนหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีการตัดฟันต้นยางของชาวบ้าน สืบเนื่องจากวันที่ 19 ก.ค.55 นายสุพจน์ พรมเอี่ยม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ แจ้งต่อนายวานิช สุขันธ์ นายคำกอง ญาณไกล นายประยุร สวดสม และนางสง่า ฤทธิ์คุ้ม ให้ทำการรื้อถอน ตัดฟันต้นยาง จึงมีการเจรจาไม่ให้ดำเนินการใดๆ และให้ยุติการขับไล่ชาวบ้าน เนื่องจากอยู่ในช่วงที่รัฐบาลมีนโนบายเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเรื่องสิทธิในที่ดินทำกินให้ราษฎร์ และห้ามทำการ ข่มขู่ คุกคาม และดำเนินคดีกับชาวบ้านเพิ่มเติม
 
ที่ผ่านมาชาวบ้านได้มีการประชุมร่วมเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับพื้นที่ และในระดับนโยบายกับรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี และเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน
 
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.55 ชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้าร่วมกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ในนามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ระหว่างภาครัฐกับประชาชน ขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) เพื่อพิจารณากรอบวาระต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิที่ดินทำกินแล้ว
 
ด้าน นายสุพจน์ พรมเอี่ยม ตัวแทนเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ได้ร้องขอต่อที่ประชุมว่า ขอเลื่อนกำหนดวันที่จะร่วมเดินศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาแนวเขตฯ ออกไปก่อน เนื่องจากภายใน 2 -3 วันนี้ จะมีหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง คนใหม่ เข้ามาแทนคนเดิม จึงใคร่ขอวิงวอน เลื่อนกำหนดเพื่อให้ตนได้กลับไปรายงานต่อเจ้านายคนใหม่ให้รับทราบ เพื่อทำความเข้าใจให้กับหัวหน้า (คนใหม่) เสียก่อน แล้วค่อยกำหนดนัดวันกันอีกรอบ
 
นายไพศาล นายอำเภอคอนสารในประธานฯ การประชุม กล่าวถึงข้อสรุปว่า ปัญหามีความซับซ้อน และการประกาศเขตป่าฯ นั้นยังไม่มีความชัดเจน ดังที่ประชุมได้ร่วมแจ้ง จึงให้มีการกำหนดวันที่นัดหมายเดินหาแนวเขตดังกล่าวใหม่ เพื่อหาข้อยุติ ให้ปัญหาได้รับการแก้ไขด้วยความถูกต้อง เป็นธรรมต่อไปในทุกภาคส่วน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่บันทึกการประชุม เพื่อประสานต่อไปยังหน่วยที่รับผิดชอบให้มีการดำเนินการ และให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดสำรวจแนวเขตฯ โดยให้ยึดเอาคณะกรรมการฯ ชุดเดิม สมัยนายอำเภอคอนสารคนเดิม เป็นการต่อไป
 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ร่างกายใต้บงการ บนเรือนร่างในเครื่องแบบ: อภิปรายโดยสมาพันธ์นักเรียนไทยฯ และยุกติ

Posted: 22 Jan 2013 07:20 AM PST

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ห้อง ศศ. 201 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) มีการเสวนาอุษาคเนย์สาธารณะ "ความเป็นไทยตั้งแต่หัวจรดตีน" โดยช่วงหนึ่งมีการเสวนาหัวข้อ "ร่างกายใต้บงการ บนเรือนร่างในเครื่องแบบ" โดยเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล และพุทธิภรณ์ ผ่องใส ตัวแทนกลุ่มสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย  และยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย เมธาวุฒิ เสาร์แก้ว นักศึกษาโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

ทั้งนี้สมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย เคยเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการยกเลิกกฎระเบียบการตัดทรงผมนักเรียน และต่อมาทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการได้รับข้อเสนอไปปรับปรุงระเบียบการตัดทรงผมดังกล่าว โดยสั่งให้สำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการทำหนังสือเวียนเพื่อแจ้งไปยังสถานศึกษาในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการทุกแห่ง ว่าในเรื่องของทรงผมนักเรียนนั้น ให้ยึดกฎกระทรวง ฉบับที่ 2  พ.ศ. 2518 ซึ่งระบุวาาให้นักเรียนชายไว้ทรงยาวแบบรองทรงได้ และให้นักเรียนหญิงเลือกไว้ผมสั้นหรือยาวได้

โดยในการเสวนา เนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล ซึ่งเป็นสาราณียกรนิตยสารปาจารยสารด้วย กล่าวว่า เราต้องมีจุดยืนมีสถานที่ยืนในสังคม ไม่ควรให้ระเบียบใดระเบียบหนึ่ง เช่นคุณบอกว่าตัดเกรียนดี แล้วบังคับให้ทุกคนในประเทศให้เหมือนคุณ เอาความคิดเป็นใหญ่คนเดียวไม่ได้ แต่เราถูกสอนมาแบบนี้ คือหนึ่งสอนให้อยู่ในโอวาทหรือสอนให้คนโง่ ไม่ต้องตั้งคำถาม อีกแบบหนึ่งคือสอนให้ใช้ความคิด ใช้วิจารณญาณตนเอง แต่ตอนนี้ของเรายังไม่ต้องการให้คนฉลาด ยังสอนให้คนอยู่ในโอวาท ดังนั้นคนที่ตั้งคำถามก็โดยแรง โดนกระแสหนัก แต่ตอนนี้คนก็ตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดว่าอำนาจอนุรักษ์นิยมของพวกเขาไม่สามารถที่จะมีมนตราขังพันธนาการอิสรภาพทางความคิดได้ต่อไป

นอกจากนี้ พุทธิภรณ์ ผ่องใส กลุ่มสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ระบุเพิ่มเติมว่า พวกเขาต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการ ทบทวนเรื่องการกระบวนการเรียนการสอน โดยให้เน้นว่า ผู้เรียนต้องเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง เพื่อให้เด็กไทยทุกคน มีสิทธิเข้าถึงการศึกษาอย่างแท้จริง มากกว่าเน้นกฎระเบียบที่เข้มงวดทั้ง เรื่องทรงผม ที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน และเครื่องแต่งกาย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สาระการเรียนรู้

ส่วนเรื่องทรงผมที่ทางสมาพันธ์นักเรียนไทยฯ หยิบเรื่องนี้มาเป็นเรื่องแรกเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว นักเรียนเข้าถึงเยอะ และเข้าใจง่าย โดยผลตอบรับมีสองกระแสคือชอบ และไม่ชอบ แต่อย่างน้อยคนเริ่มแสดงความคิดเห็นแล้ว ซึ่งการมีสองขั้วก็เป็นเรื่องดี ดีกว่าไม่มีเลยและเรียบราบ โดยต่อจากนี้จะเรียกร้องเรื่องการศึกษาคือเรื่องชั่วโมงเรียน

ในประเด็นเรื่องการยกเลิกเครื่องแบบนักเรียน ยุกติ มุกดาวิจิตร แสดงความเห็นว่า รู้สึกอึดอัดกับเครื่องแบบมานานแล้วตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ แต่ส่วนนักเรียนนักศึกษา จะต่อสู้เรื่องนี้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ประเด็นของผมคืออย่างน้อยที่สุดในมหาวิทยาลัย ในระดับโรงเรียน สังคมคงจะช็อคถ้าเรียกร้องในระดับโรงเรียนให้เลิกชุดเครื่อแต่งกาย เพราะเป็นเรื่องปกติมากในยุโรป ในสหรัฐอเมริกาไม่มี ประเทศญี่ปุ่นยังมี ในประเทศเพื่อนบ้านยังมี แปลว่าพื้นฐานของสังคมเป็นอีกแบบหนึ่งแล้ว คือก้าวไปในอีกลักษณะหนึ่ง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไม่ใช่เรื่องจะมาบังคับควบคุมกัน อย่างน้อยที่สุด ผมไม่เข้าใจว่านักศึกษามหาวิทยาลัยโดยเฉพาะในปัจจุบันยังยอมรับที่จะใส่ชุดนักศึกษาได้อยู่ ซึ่งผมไม่ได้เรียกร้องให้เขาลุกขึ้นมา แต่กลับเรียกร้องกับคนมีอำนาจหรือผู้บริหารมหาวิทยาลัยว่าคุณไปบังคับให้เขาแต่งชุดนักศึกษาได้อย่างไร

ต่อคำถามจากผู้ดำเนินรายการว่าถ้าเป็นนักศึกษา อยากใส่เครื่องแบบนักศึกษาหรือไม่ พุทธิภรณ์ตอบว่า ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยไม่อยากใส่เครื่องแบบ ถ้าเป็นผู้หญิงต้องสวมกระโปรง และชอบใส่กางเกงมากกว่าเพราะต้องกลับบ้านเอง ต้องขึ้นรถเมล์ พูดถึงเรื่องนักศึกษาครั้งหนึ่งต้องใส่ชุดนักศึกษา คิดว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าโหยหายว่าวัยนี้ฉันได้ใส่ชุดนักศึกษา แต่อยากคิดกลับว่า ฉันได้เรียนรู้อะไรมากกว่าครั้งหนึ่งฉันได้ใส่ชุดนี้ ส่วน เนติวิทย์ ตอบว่า ตอนนี้เป็นนักเรียนอยู่ก็ไม่อยากใส่ เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่อยากใส่ เพราะไม่มีอะไรให้พิสมัย ส่วนใครอยากจะใส่ก็เรื่องของคุณ

ด้านยุกติ กล่าวถึงลัทธิบูชาเครื่อแบบว่า ลัทธิบูชาเครื่องแบบเกิดขึ้นมาจากการที่เราทำให้เครื่องแบบมีอำนาจในตัวของมันเอง เราทำจนกระทั่งเครื่องแบบศักดิ์สิทธิอย่างนั้นอย่างนี้ มีนักศึกษาคนหนึ่งไปทำงานราชการ เสร็จแล้วก็มาเล่าด้วยความตื่นเต้นตกใจว่า ได้ใส่เครื่องแบบแล้วเดินในห้องประชุม แล้วย่อตัว เหมือนมีสัมมาคารวะ ก็ถูกตำหนิว่าใส่เครื่องแบบไม่ควรจะย่อตัวหรือนอบน้อมถ่อมตัว ไม่มีประโยชน์ แต่จะต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องแบบ

คือมนุษย์หายไปเลย เครื่องแบบมันสวมเรา เราไม่ได้สวมเครื่องแบบ ถ้าคุณอยู่ในลัทธิบูชาเครื่องแบบ เครื่องแบบสวมคุณ คุณเป็นแค่ร่างทรงของเครื่องแบบ เครื่องแบบมาประทับทรงคุณ เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นหลายคนจึงบอกว่าเครื่องแบบศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะฉะนั้นจึงมีคนที่คิดว่าเมื่อเข้ามาในมหาวิทยาลัยอยากใส่เครื่องแบบสักครั้งหนึ่งในชีวิต หรือบางคนจะบอกว่าเครื่องแบบมหาวิทยาลัยมันเท่ หรือแสดงถึงว่าคุณได้บรรลุ คล้ายๆ ได้ประสบความสำเร็จในชีวิตในระดับหนึ่ง แปลว่า คุณอยากจะเข้ามาอยู่ในชนชั้นของคนที่มีเครื่องแบบ เป็นชนชั้นของคนที่ได้สวมเครื่องแบบ หลายคนอยากสวมเครื่องแบบมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้ใส่เห็นไหม เธอดูสิ ผมไม่เอา ผมไม่ใช่คนบูชาเครื่องแบบ ไม่สอนให้ใครบูชาเครื่องแบบ และไม่ได้แปลว่ากลับไปบ้านต้องเอาเครื่องแบบไปเผา แต่ไม่ต้องบูชาเครื่องแบบ เป็นแค่เครื่องแต่งกาย ถ้าอยากจะบูชาใครก็บูชาไป อยากจะบูชาคนที่เป็น Idol เป็นอุดมคติของคุณก็ว่าไป จะบอกว่ามหาวิทยาลัยมีศักดิ์ศรีอย่างนั้นอย่างนี้ มีคุณค่า สั่งสอนเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็บูชาไป ไม่เห็นต้องมาบูชาผ่านเครื่องแบบ เครื่องแบบเป็นแค่เครื่องแต่งตัวเท่านั้นเอง

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 15 - 21 ม.ค. 2556

Posted: 22 Jan 2013 06:10 AM PST

"มัลลิกา" แฉ ก.พาณิชย์ทำผิด กม.แรงงาน จ้างพนักงานวันละ 200 บาท

รองโฆษก ปชป.แฉเอกสารกระทรวงพาณิชย์ทำผิดกฎหมายแรงงาน จ้างพนักงานร้านถูกใจวันละ 200 บาท ทั้งที่ค่าจ้างขั้นต่ำต้อง 300 บาทตามนโยบายรัฐบาล ระบุพิษค่าแรงทำโรงงานทยอยปิดตัว คนงานเคว้ง ค่าครองชีพพุ่ง ทำเดือดร้อนหนัก น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นำหลักฐานหนังสือราชการในช่วงปลายปี 2555 ที่รายงานถึงความคืบหน้าของโครงการร้านถูกใจ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจ้างพนักงานเพียงแค่ 200 บาทต่อวัน ทั้งที่รัฐบาลมีนโยบายให้จ่ายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท โดยอ้างงบประมาณมีจำกัดจึงจำเป็นต้องลดค่าจ้างลงจาก 300 บาทเหลือ 200 บาท สำนักบริหารกิจการการค้าภูมิภาค แต่มีการปกปิดข้อมูลว่ารัฐบาลก็ไม่สามารถจ้างแรงงาน 300 บาทได้ ทั้งที่เป็นโครงการของรัฐบาลเอง

ทั้งนี้ยังได้รับการร้องเรียนจากชาวจังหวัดเชียงรายและลำปาง เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเซรามิกที่ต้องปิดโรงงานอย่างน้อย 7 แห่ง เพราะไม่สามารถย้ายฐานการผลิตได้ ทำให้แรงงานทยอยตกงานจากการเลิกจ้างดังกล่าวโดยไม่มีงานรองรับ น.ส.มัลลิกากล่าวว่า ล่าสุดเอสเอ็มอีที่พยายามเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ตั้งกองทุนชดเชยเงินส่วนต่าง ค่าแรงขั้นต่ำแต่รัฐบาลไม่ตอบรับนั้น ทางทีดีอาร์ไอได้ทำการวิจัยพบว่ากระทบจีดีพีประเทศ 1.7% โดยเกษตรกรได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะต้นทุนการผลิตเพิ่ม 21.7-29.99% ด้านก่อสร้างเพิ่มขึ้น 7-10% ยังไม่นับอุตสาหกรรมด้านอื่น นอกจากนี้ ค่าครองชีพประชาชนจะเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ค่าทางด่วนจะเพิ่มอีก 5 บาท ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในขณะที่รายได้ของประชาชนกำลังจะลดลงหรือไม่มีรายได้ แต่ต้องเผชิญกับปัญหารายจ่ายเพิ่มขึ้นซ้ำเติมทุกข์ของประชาชน ขณะเดียวกัน

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 15-1-2556)

 

เจรจาล้ม พนักงานอิเลคโทรลักซ์ระยอง เตรียมบุกศูนย์ราชการ ยื่นเรื่องพ่อเมือง

15 ม.ค. 56 - ตามที่พนักงานฝ่ายผลิตของบริษัท อิเลคโทรลักซ์  จำกัด  ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าโรงงานฯ ตั้งอยู่ภายในสวนอุตสาหกรรมบริษัท เหมราชระยองที่ดินอุตสาหกรรม  จำกัด  ตำบลหนองละลอก  อำเภอบ้านค่าย  จังหวัดระยอง หลังถูกโรงงานดังกล่าวเลิกจ้าง จากกรณีพนักงานฝ่ายผลิต จำนวน 130 คน ได้ยื่นข้อเสนอขอให้บริษัทฯ  พิจารณาเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ  การปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีและโบนัส ซึ่งเห็นว่าเกิดความไม่เป็นธรรม กรณีพนักงานเก่าที่มีอายุงานมากกับพนักงานที่มีอายุงานน้อย ค่าจ้างจะปรับมาอยู่ในระดับเดียวกัน

โดยเมื่อวันที่ 10 และ 11 มกราคม 2556  ที่ผ่านมา  ทางบริษัทฯ ได้มีการเจรจากับทางสหภาพแรงงานฯ  อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ ก็มีการเจรจากันแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้   ทำให้พนักงานเกิดความไม่พอใจ  ไม่ลุกไปปฏิบัติงานเพราะต้องการให้ทางผู้บริหารฯ มาชี้แจงเรื่องที่เรียกร้องไป    จนทำให้ถูกให้ออกจากงานในฐานความผิดละทิ้งหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ทำให้พนักงานยิ่งไม่พอใจผู้บริหารฯ มากยิ่งขึ้น ที่หวังจะได้ปรับค่าแรงกลับถูกให้ออก

 ล่าสุดในวันนี้(15 ม.ค.55)   พนักงานทั้งหมดยังคงปักหลักชุมนุมกันอยู่หน้าโรงงาน พร้อมชูป้ายข้อความขอความเป็นธรรมให้รับกลับเข้าทำงานทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ได้ส่งตัวแทนเข้าเจรจากับผู้บริหารบริษัทฯ โดยมีตัวแทนของทางสำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน จังหวัดระยอง เข้าร่วมไกล่เกลี่ยด้วย

นายไพวรรณ์  เมทา  ประธานสหภาพแรงงานบริษัทอีเลคโทรลักซ์  จำกัด  เปิดเผยว่า  การเจรจากับผู้บริหารบริษัทฯ ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งจะทางพนักงานก็จะต้องมาคุนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งอาจจะเดินขบวนไปที่ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง เพื่อยื่นหนังสือกับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือต่อไป

(เดลินิวส์, 15-1-2556)

 

แรงงานกว่า 200 คนชุมนุมประท้วงหลังโรงงานปิดตัว

บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี  พนักงานบริษัทจี  เจ  สตีล  จำกัด  มหาชน  บริษัทผลิตเหล็กร้อนอันดับ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ได้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องขอกลับเข้าทำงานหลังโรงงานปิดตัวโดยไม่แจ้งล่วง หน้าเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 55  ที่ผ่านมา  โดยผู้บริหารระดับสูงให้เหตุผลว่าขาดสภาพคล่อง  จนกระทั่งวันที่ 7 ม.ค.  ที่ผ่านมา  ทางบริษัทได้เปิดทำการอีกครั้งโดยเรียกพนักงานทั้งหมด 678 คน  เข้ามารับทราบว่าหากต้องการทำงานกับทางบริษัทต่อต้องยอมเซ็นต์ชื่อยอมรับ เงื่อนไขว่า  ภายใน 3 ปี  จะไม่มีการขึ้นเงินเดือน  และไม่มีการจ่ายโบนัส  ซึ่งมีผู้ยอมรับเงื่อนไขมีเพียง 100 คน  เท่านั้น  นอกจากนี้ทางบริษัทยังไม่อนุญาติให้สมาชิกสหภาพแรงงานของทางบริษัท  ทั้งสิ้น 200 คน  เข้าบริษัทโดยเด็ดขาด

นายจีรวัฒน์  ถาวรธาร  รองประธานสหภาพแรงงาน  กล่าวว่า  กลุ่มสหภาพแรงงานจี  เจ  สตีล  จำกัด  มหาชน  ชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิ์การกลับเข้าไปทำงานเช่นเดิมและได้รับสวัสดิการ ดังเดิมที่พึงได้  เนื่องจากบริษัทอ้างว่าขาดสภาพคล่องทั้งที่จริงแล้วนั้นมียอดการสั่งซื้อ เข้ามาที่โรงงานโดยตลอด  จึงคาดว่าบริษัทน่าจะหาข้ออ้างในการเลี่ยงจ่ายโบนัสแก่พนักงาน  ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถทำได้ตามที่กลุ่มสหภาพแรงงานทำการเรียกร้อง  จะยกระดับการชุมนุมเพิ่มขึ้นพร้อมเดินเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อเรียกร้องต่อ รัฐบาลให้จัดการปัญหาที่เกิดขึ้น

ล่าสุดสวัสดิการคุ้มครองแรงงานชลบุรีขอเจรจากับแกนนำสหภาพแรงงาน  พร้อมรับข้อร้องเรียนต่าง ๆ ไว้พิจารณาช่วยเหลือไว้แล้วเบื้องต้น

(เดลินิวส์, 16-1-2556)

 

แนะกระทรวงพาณิชย์จัดตลาดนัดหน้าโรงงาน

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2556 นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) กล่าวถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศว่า คสรท.ได้รับร้องเรียนปัญหาการปรับขึ้นค่าจ้าง พบว่า แรงงานหลายจังหวัดกังวลว่าจะไม่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้าง ขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างที่ชัดเจน เช่น สถานประกอบการที่ปิดกิจการ แรงงานถูกเลิกจ้าง ซึ่งเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างจริงๆ อย่างไรก็ตาม คสรท.กำลังจับตากลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะธุรกิจกิจที่ใช้แรงงาน เข้มข้นและธุรกิจเอสเอ็มอีว่าจะมีสถานประกอบการและแรงงานถูกเลิกจ้างมากน้อย เพียงใด ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนมกราคมนี้จะเห็นผลกระทบชัดเจน

"ผมไม่อยากให้มีการนำเรื่องของการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาทมาเป็นข้ออ้างในการปิดกิจการ อยากให้ผู้ประกอบการบอกถึงสาเหตุที่แท้จริงแก่สังคม เช่น ธุรกิจขาดทุนสะสมมา 5 ปีแล้วดำเนินกิจการต่อไปไม่ไหว ทำให้ต้องปิดกิจการในช่วงที่จะต้องมีการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาท ไม่ใช่หยิบยกเอาเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ดูดีในการปิด กิจการ ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้สังคมมองว่าการปรับขึ้นค่าจ้างให้แก่แรงงานเป็นต้น เหตุทำให้ธุรกิจต่างๆต้องปิดกิจการลง และการเรียกร้องปรับขึ้นค่าจ้างของแรงงานในอนาคตจะทำได้ลำบากเพราะมีข้อหา ดังกล่าวติดตัว" ประธานคสรท. กล่าว

นายชาลี กล่าวอีกว่า ตนเห็นด้วยมาตรการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคของกระทรวงพาณิชย์ แต่ไม่ควรกำหนดเวลาไว้แค่ 3 เดือน หากจำเป็นก็ควรขยายเวลาให้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากระทรวงพาณิชย์คงสามารถควบคุมราคาสินค้าได้เฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เท่านั้น ส่วนสินค้าประเภทข้าวสาร เนื้อสัตว์และพืชผักต่างๆ รวมไปถึงข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารปรุงสำเร็จที่จำหน่ายตามร้านเล็กๆและรถเข็นขายอาหารคงไม่สามารถเข้าไป ควบคุมราคาได้ และเห็นว่ามาตรการจัดคาราวานจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและร้านธงฟ้าไม่ สามารถช่วยเหลือแรงงานได้อย่างเต็มที่และทั่วถึงเพราะกระทรวงพาณิชย์มักไป จัดในตัวเมืองเป็นหลัก ไม่ได้กระจายออกไปจัดตามโรงงานต่างๆ ทำให้แรงงานไม่มีโอกาสเข้าถึงร้านธงฟ้าและสินค้าราคาถูก

"ผมเห็นว่าวิธีการช่วยลดค่าครองชีพให้แก่แรงงานได้ดีที่สุดก็คือ กระทรวงพาณิชย์ต้องเล่นบทพ่อค้าคนกลางเข้าไปซื้อข้าวสาร พืชและผักต่างๆจากเกษตรกรโดยตรง จะซื้อได้ราคาต่ำกว่าท้องตลาดและนำมาขายให้แก่แรงงานในราคาถูกโดยเข้าไปจัด ตลาดนัดย่อยๆตามหน้าโรงงานสัปดาห์ละ 3-4 วัน ช่วงตั้งแต่ 11.00-17.00 น. เพื่อให้แรงงานในทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงสินค้าและซื้อได้ในราคาถูก จะช่วยลดภาระค่าครองชีพได้อย่างแท้จริง" ประธานคสรท. กล่าว

(เนชั่นทันข่าว, 18-1-2556)

 

ผอ.นวนครโคราชเผยค่าแรงทะลุ 300

นายสุรสีห์ แห่งศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการโครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมนวนคร (นครราชสีมา) บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ภายในโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในโครงการฯ หลังจากที่ทางรัฐบาลได้ประกาศขึ้นค่าแรง 300 บาท ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาว่า ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานและสถานประกอบการภายในโครงการเขตประกอบการ อุตสาหกรรมนวนคร (นครราชสีมา) แต่อย่างใด เนื่องจากทางโรงงานที่เปิดทำการในโครงการทั้งหมด รวม 10 แห่ง ได้มีการปรับแผนรองรับและปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับพนักงานตั้งแต่ช่วง ปลายปี 2555 ที่ผ่านมาแล้ว และทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา ทางโรงงานสามารถขยับค่าแรงได้โดยไม่มีผลกระทบ และยังคงมีการจ้างงานพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 10,000 คนต่อไปได้โดยไม่มีปัญหา นอกจากนี้โรงงานภายในโครงการอีกหลายแห่งก็ยังคงมีความต้องการแรงงานอีกจำนวน มาก อยู่ที่ประมาณ 5,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานฝ่ายผลิตภาคชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งขณะนี้ยังมีโรงงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างอีก 8 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปีนี้ และหากโรงงานทั้ง 8 แห่งเสร็จสิ้นแล้วจะต้องการแรงงานอีกกว่า 10,000 ราย พร้อมกันนี้ยังมีโรงงานที่เซ็นสัญญาเพื่อเข้ามาลงทุนในนวนครฯ เพิ่มเติมอีก 3 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเดินหน้าก่อสร้างได้ในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ภายหลังจากที่ทางรัฐบาลได้ประกาศขึ้นค่าแรง 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556 ที่ผ่านมา และกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาแรงงานบางส่วนตกงานและบริษัทปิดตัวลง รายวัน ซึ่งปรากฏตามข่าวต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการตรวจสอบในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมต่างๆ ของจังหวัดนครราชสีมา พบว่าหลายโรงงานยังมีการขึ้นป้ายประกาศรับสมัครพนักงาน โดยเสนอค่าแรงขั้นต่ำเกินกว่า 300 บาทอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงงานภายในเขตประกอบการอุตสาหกรรมนวนคร จ.นครราชสีมา ยังคงมีความต้องการแรงงานในส่วนของพนักงานฝ่ายผลิตมากกว่า 5,000 ราย

นายสุรสีห์ กล่าวว่า สำหรับแรงงานในพื้นที่ภาคอีสานต่อไปไม่ต้องเข้าไปในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลแล้ว โดยเฉพาะผลพลอยได้จากค่าแรง 300 บาท มาจากจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสาน รวม 20 จังหวัด และ จ.เพชรบูรณ์ ก็มี และนโยบายของรัฐบาล 300 บาท ที่จริงแล้วเรานำร่องและเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ โบนัสก็ยังเหมือนเดิม เฉลี่ยบางคนได้ 450-550 บาท แต่ 300 บาท ออโต้ตายตัว ได้แน่นอน แต่มีแต่ละโรงงานมีการแข่งขันเรื่องสวัสดิการ เบี้ยขยัน ค่ารถ และอีกต่างๆ โบนัสบางโรงงานให้ 4 เดือน บางโรง 2.5 เดือน บางโรง 3 เดือน อย่าง บ.แคนนอน ปาเข้าไป 550 บาทต่อคน และตอนนี้เฉลี่ยทุกโรงงานใกล้เคียงกันหมด ตนเรียนว่าค่าแรง 300 บาทที่ จ.นครราชสีมา จ่ายค่าครองชีพเราจะอยู่ได้นานกว่าในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล เพราะข้าวของไม่แพงเท่ากรุงเทพฯ ของเราค่าใช้จ่ายถูกกว่าแน่นอน อยู่โคราชไป จ.บุรีรัมย์ ก็ง่าย ไป จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี ก็ง่าย และเริ่มมีแรงงานจากกรุงเทพฯ ไหลเข้ามาดีสำหรับใน จ.นครราชสีมา ส่วนนวนครฯ เรารองรับการขยายการลงทุกระดับไซด์ใหญ่ๆ ขนาด 20-50-กว่า 100 ไร่ รองรับได้ใกล้เคียง 100 โครงการ โดยมีผู้ประกอบการสนใจเข้าชมอุตสาหกรรมนวนครฯ ของเรามีมาอยู่เรื่อยๆ ในปีนี้กิจการอุตสาหกรรมปี 2556 หรือปีมะเส็งไม่ถึงกับเลวร้าย แต่ทรงตัว แต่นวนครฯ โชคดีมีลูกค้ามาดูตลอด จ.นครราชสีมา กว่า 10 ปีมานี้มีปัญหาเรื่องแรงงานเท่านั้นเองอย่างเดียวชัดเจน ไม่มีปัญหาอื่นที่มีผลกระทบ ตอนนี้แต่ละโรงงานเปิดรับสมัครแต่ละโรงมากน้อยเท่านั้นเอง เพราะยังขาดแรงงานอีกมาก แต่ไม่กระทบต่อการผลิตสินค้า โดยเฉพาะแรงงานในนวนครฯ ห้ามมีแรงงานต่างด้าวเด็ดขาด ยังไงก็สู้ของบ้านเราไม่ได้เพราะฝีมือประณีตมาก ผลงานออกมามีคุณภาพ

(บ้านเมือง, 18-1-2556)

 

พนักงานบินไทยฮือประท้วงขอขึ้นเงินเดือน-โบนัส

(18 ม.ค.) ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานการบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ อายุ 59 ปี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้นำพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 400 คน มาชุมนุมประท้วงกรณีขอขึ้นเงินเดือนและโบนัส โดยนางแจ่มศรี กล่าวว่า วันนี้ได้นัดให้พนักงานมาชุมนุมกดดันและให้จับตาดูการตัดสินใจของนายอำพน กิตติอำพน ประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า จะมีมติตอบแทนความเหนื่อยยากทุ่มเทของพนักงานอย่างยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพนักงานทุกคนได้ช่วยกันกอบกู้สถานะของบริษัทฯ จากที่ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างมหาศาลมาตั้งแต่ปี 51 ทุกคนอดทนต่อความเหนื่อยยากและสู้กับปัญหาต่าง ๆ จนบริษัทฯ อยู่รอด และกลับมามีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง


นางแจ่มศรี กล่าวต่อว่า โดยเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางประธานบอร์ดฯ แจ้งว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลกำไรมากกว่า 7,000 ล้านบาท ทางสหภาพแรงงานฯ จึงขอให้คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาผลตอบแทนให้พนักงานเป็นเงินโบนัสไม่ต่ำกว่า 2เดือน และปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีไม่ต่ำกว่า 7.5 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับมีข่าวว่าทางคณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณาขึ้นเงินเดือนให้เพียง 4 เปอร์เซ็นต์ ทางพนักงานเห็นว่าที่ผ่านมาบอร์ดมักจะอ้างสถานการณ์หรือวิกฤติต่าง ๆ เพื่อขึ้นเงินเดือนให้พนักงานน้อยแต่ในปีนี้บริษัทฯ มีผลกำไรดีไม่มีปัจจัยกระทบ จึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะขึ้นเงินเดือนให้พนักงานต่ำกว่า 7.5 เปอร์เซ็นต์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมประท้วงเป็นไปอย่างเผ็ดร้อน กลุ่มผู้ชุมนุมที่นั่งฟังประธานสหภาพฯ กล่าวโจมตีประธานบอร์ดต่างปรบมือโห่ร้องเสียงดังสนั่น จนกระทั่งต่อมา ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่ถึง 6 เดือน ได้ออกมาชี้แจงว่าสิ่งที่พนักงานเข้าใจนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้พนักงานไม่พอใจต่างพากันตะโกนโห่ไล่ ทำให้การเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ โดยพนักงานยังคงปักหลักประท้วงต่อไป


ต่อมาเวลา 19.40 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางแจ่มศรีว่า ขณะนี้พนักงานทั้งหมดยังปักหลักชุมนุมประท้วงกันอยู่ สืบเนื่องจากยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ซึ่งในเบื้องต้นตนได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) แล้วว่า ตอนนี้ตนมีภารกิจที่ต้องบินด่วนไปที่ จ.อุตรดิตถ์ และได้นัดรวมตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 22 ม.ค. นี้ ซึ่งพนักงานทั้งหมดก็ยินยอมรับข้อเสนอ แต่ยังขอปักหลักชุมนุมเพื่อปรึกษาหารือกันก่อน โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้การชุมนุมครั้งนี้สูญเปล่า ส่วนจะยุติการชุมนุมเมื่อใดคงต้องรอมติจากสมาชิก.

(เดลินิวส์, 18-1-2556)

 

ภาคเอกชนยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการ

นายวีรยุทธ สุขวัฑฒโก รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ และ กรรมการบริษัท คอนเฟ็ดเดอร์เรท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยหลังจากเดินทางมาร่วมสวัสดีปีใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาค ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ ว่า ตนเองมาในฐานะของผู้ประกอบการที่เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องของการยกเลิกในการสั่งซื้อ เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าแรง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จะต้องมีการปรับราคาสูงขึ้น โดยเรียกร้องให้ทางรัฐบาลหาแนวทางในการแก้ไข ทั้งในเรื่องของการชดเชยค่าแรงส่วนต่าง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนของภาคธุรกิจ รวมทั้งเพื่อให้ทางรัฐบาลวางมาตราแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย ขณะเดียวกันตนเองได้มีการยื่นสำเนา เอกสารทั้งหมดใหกับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำไปดำเนินการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วย

ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทปัจจุบัน พบว่า ได้รับผลกระทบในเรื่องของการยกเลิกคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เป็นตลาดรายใหญ่ คือประเทศเยอรมัน ที่มีอัตราการสั่งสินค้าสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องยกเลิกคำสั่งซื้อ เนื่องจากทางบริษัทมีการปรับราคาสินค้าจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และไม่สามารถยอมรับกับเรื่องดังกล่าวได้ส่งผลให้ธุรกิจต้องชะลอตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาเดียวกัน ด้าน นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่เดินทางมาร่วมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมามอบของขวัญสวัดีปีใหม่นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมยืนหนังสือถึงผลกระทบของภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศที่ได้รับความเดือด ร้อนในเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรง โดยต้องการเรียกร้องให้ทางรัฐบาลพิจารณามาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในภาคอุตสาหกรรมด้วย เบื้องต้นพบว่า จะมีการชี้แจงแนวทางในการแก้ไขปัญหาในวันพรุ่งนี้ (21 ม.ค.) ที่กรุงเทพฯ

(เนชั่นทันข่าว, 20-1-2556)

 

'การบินไทย' ยอมขึ้นเงินเดือน พนง.-สหภาพฯ ยุติชุมนุมแล้ว

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.56  เวลา 00.20 น. น.ส.แจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า หลังจากตัวแทนจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้เข้าประชุมเจรจากับ ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ คณะกรรมการบริหาร(บอร์ด ) เพื่อหาหาข้อสรุป โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง ก็ได้ข้อตกลงที่เป็นที่พอใจของทั้ง2 ฝ่าย ทางบอร์ด มีมติจะปรับเงินเดือนให้ตาม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ให้รัฐวิสาหกิจที่มีกำไร ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานไม่เกินร้อยละ 7.5 ส่วนโบนัสนั้น ทางบอร์ดจะนำผลประกอบการมาติดประกาศชี้แจงและพิจาณาตามผลกำไรที่เกิดขึ้น สร้างความพอใจให้กับพนักงานที่รวมตัวประท้วงอยู่ ณ ศูนย์ปฏิบัติการ ฝ่ายอุปกรณ์ภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตนเองเช่นเดิม

ส่วนข้อเรียกร้องที่ให้นายอำพน กิตติอำพน ประธานบอร์ดการบินไทย ลาออกนั้น ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ระบุว่า ในวันนี้พนักงานทุกคนได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ต้องการนายอำพน อีกต่อไป ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับนายอำพนว่า จะพิจารณาตนเองอย่างไรต่อไป

(คมชัดลึก, 20-1-2556)

 

ดันเด็กเรียนสายวิทย์-เทคโนฯ สู่ตลาดแรงงานอาเซียน

( 21 ม.ค.) ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า  ในปีการศึกษา 2554   สจล.  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ(มจพ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.)  ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันที่ผลิตบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ ประเทศ  สามารถผลิตบัณฑิต ได้ประมาณ 15,000 คน อาทิ  ด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานและตลาดอาเซียน  ในปี 2558

ศ.ดร.ถวิล กล่าวต่อไปว่า ก่อนที่จะมีการเปิดประชาคมอาเซียนตนเห็นว่าระบบการศึกษาของประเทศไทยจำเป็น ต้องมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และน่าจะถึงเวลาของการผลักดันให้ผู้เรียนหันมาสนใจด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีมากขึ้นด้วย  เพราะปัจจุบันมีผู้ที่เรียนทางด้านสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพียง 20% ขณะที่สายสังคมศาสตร์สูงกว่า70%  อีกทั้งตลาดแรงงานทั้งในประเทศและอาเซียนยังต้องการบุคลากรทางด้านวิทยา ศาสตร์วิศวกรรมศาสตร์ และคอมพิวเตอร์อีกเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าบัณฑิตของไทยสามารถหางานทำในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ แต่ผู้ที่มีศักยภาพและความพร้อมที่สูงกว่าย่อมมีโอกาสที่ดีกว่าในการได้งาน ทำและมีความก้าวหน้าในอาชีพ จึงอยากให้นักเรียนหันมาสนใจเรียนด้านวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น.

(เดลินิวส์, 21-1-2556)

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ตั้งสภาผู้รู้อิสลามที่ปัตตานี ดันยุทธศาสตร์ศาสนาดับไฟใต้

Posted: 22 Jan 2013 04:55 AM PST

เปิดตัวสภาผู้รู้อิสลามฟาฏอนีย์ ดารุสลาม ชูนักปราชญ์ 'เชคดาวูด' สร้างแรงบันดาลใจ ผลิตอูลามาอฺแห่งปาตานี ดันยุทธศาสตร์ศาสนาสร้างสันติสุขชายแดนใต้

เยี่ยมบ่อน้ำ – บรรดา  นักเรียนและครูสอนศาสนาอิสลามพากันเยี่ยมชมบ่อน้ำซึ่งอดีตเป็นที่ตั้งปอเนาะของเชคดาวูด นักปราชญ์ผู้รู้ศาสนาอิสลามชื่อดังระดับโลกของปัตตานีในช่วง 200 ปีที่แล้ว ที่บ้านปาเระ หมู่ที่ 2 ต.บาราโหม อ.เมือง จ.ปัตตานี หลังจากเข้าร่วมงานเปิดสภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ ดารุสลาม

 

อับดุลการีม นาคนาวา โต๊ะครูปอเนาะดาลอ ประธานอูลามาอฺฟาฏอนีย์ ดารุสลาม

 

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 21 มกราคม 2556 ที่บ้านปาเระ หมู่ที่ 2 ต.บาราโหม อ.เมือง จ.ปัตตานี สภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลาม หรือสภานักปราชญ์ทางด้านศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดงานเมาลิดนบีหรืองานรำลึกถึงนบีมูฮำหมัดศาสดาของอิสลาม พร้อมพิธีเปิดป้ายสภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลาม โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 8,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้นำศาสนา โต๊ะครูและนักเรียนปอเนาะ และมีผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่เข้าร่วมงานจำนวนมากเช่นกัน

โดยพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นสถานที่ก่อสร้างศูนย์สภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลามมูลนิธิ ซึ่งที่ดินส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งของปอเนาะหรือโรงเรียนสอนศาสนาของเชคดาวูด บินอับดุลลอฮฺ บินอิดริส อัลฟาฏอนีย์ นักปราชญ์ผู้รู้ทางด้านศาสนาอิสลามชื่อดังของปัตตานีในอดีต ปัจจุบันมีหลักฐานซึ่งเป็นบ่อน้ำของเชคดาวูดเหลืออยู่ในบริเวณด้านหลังของที่ตั้งศูนย์สภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลามมูลนิธิ ซึ่งที่ผ่านมามักมีประชาชนแวะมาเยี่ยมชมบ่อน้ำดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ

นายอับดุลการีม นาคนาวา โต๊ะครูเจ้าของปอเนาะดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ในฐานะประธานสภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลาม กล่าวรายงานว่า สภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลามตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 มีวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ศาสนาอิสลามอย่างถูกต้อง มีความเป็นอิสระทางวิชาการ ไม่อยู่ภายใต้บงการของใคร ให้ข้อชี้ขาดในประเด็นขัดแย้งทางศาสนา รวมทั้งเป็นศูนย์รวมของบรรดานักปราชญ์ทางศาสนาอิสลามในจังหวัดปัตตานีและใกล้เคียง

นายอับดุลการีม กล่าวอีกว่า สำหรับที่ดินทั้งหมดของศูนย์สภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลามมูลนิธิ ทั้งหมด 12 ไร่ ได้จัดซื้อมาทั้งหมดด้วยราคา 6.7 ล้านบาท จะเป็นสถานที่ก่อสร้างมัสยิด สำนักงาน ห้องประชุม ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ โดยจะรวบรวมผลงานทั้งหมดของเชคดาวูดมาไว้ที่นี่ ซึ่งในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งในเดือนเมษายนนี้จะจัดงานเลี้ยงสมทบทุนสร้างอาคารทั้งหมด ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณทั้ง 70 ล้านบาท

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวระหว่างร่วมพิธีเปิดว่า สภาแห่งนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในมิติทางด้านศาสนาในการนำพาสันติสุขมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามวัตถุประสงค์ของสภา คือ การแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 22 มกราคม 2556) ตนจะเข้าร่วมประชุมยุทธศาสตร์ชาติที่กรุงเทพมหานคร ตนจะนำเสนอเรื่องของสภาอูลามาอฺในที่ประชุมด้วย เพราะคิดว่าน่าจะเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่จะนำพาสันติสุขได้

จากนั้น นายประมุข ลมุน ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้มอบทะเบียนจัดตั้งสภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลามมูลนิธิ ซึ่งเพิ่งได้จดทะเบียนได้เพียง 1 สัปดาห์ก่อนวันงาน โดยก่อนหน้านี้สภาอูลามาอฺฟาฏอนีย์ดารุสสลามเป็นเพียงชมรมอูลามาอฺเท่านั้น

นายอับดุลการีม เปิดเผยหลังพิธีเปิดว่า สถานที่แห่งนี้จะมีการตั้งสถาบันผลิตนักปราชญ์ทางศาสนาอิสลามด้วย ให้สมกับเคยเป็นที่ตั้งปอเนาะของเชคดาวูด โดยจะคัดนักเรียนท่องจำอัลกุรอาน หรือ ฮาฟิซ ที่เป็นฮาฟิซซาฮาดะห์ หรือคนที่ท่องจำอัลกุรอานทั้งเล่ม สามารถอ่านอัลกุรอานปากเปล่ารวดเดียวภายในเวลา 16 ชั่วโมง ปีละ 15 คนมาเรียนเสริมความรู้ทางศาสนา ไม่ใช่แค่ท่องจำเหมือนนกขุนทองอย่างเดียว จากนั้นจะส่งไปเรียนต่อระดับสูงขึ้นจนถึงปริญญาเอก

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เหตุใดรัฐจึงกลายเป็นฆาตกร

Posted: 22 Jan 2013 04:40 AM PST

 คนที่สนใจประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่ผ่านมา น่าจะมีอยู่บ้างที่เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า เหตุใดรัฐจึงกลายเป็นฆาตกร ฆ่าพลเมืองของตน คำตอบแบบทั่วไปที่เรารับรู้กันก็ได้แก่ ความเห็นแก่ตัว  ความกระหายเลือดของนักการเมือง ผู้นำพลเรือนหรือเผด็จการทหารที่ต้องการมีอำนาจปกครองประเทศตลอดกาล ซึ่งก็ไม่ใช่คำตอบที่ผิดแต่ประการใด 
 
อย่างไรก็ตามบทความนี้ต้องการวิเคราะห์ให้เห็นอีกมิติ หรือมิติอื่นๆ โดยผ่านนิยามและธรรมชาติของรัฐเอง 
 
ถ้าเรามองดูให้ดี คำว่า "รัฐ" หรือ State มีความหมายที่ลึกซึ้งและมีพื้นที่กว้างกว่าตัวบุคคลเป็นยิ่งนัก รัฐไม่ได้มีตัวตนอยู่เฉพาะแค่รัฐบาลอย่างเดียว รัฐยังหมายถึงองค์กรหรือสถาบันอีกมากมายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล เช่น เราไม่สามารถกล่าวได้ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำสูงสุดของรัฐไทย เพราะมีผู้อยู่ในตำแหน่งทรงอำนาจอื่นๆ ซึ่งถึงแม้จะต่ำกว่าหรืออ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ต่างก็เข้ามามีส่งอิทธิพลต่อนโยบายของรัฐอีกมากมาย 
 
ผู้เขียนยังคิดว่า มีอีกนิยามหนึ่งที่น่าสนใจ คือรัฐคือองค์รวมอันยิ่งใหญ่ทั้งมวลของชาติ เป็นองคาพยพที่ไม่มีตัวตนหรือ entity เป็นรูปธรรม เป็นสภาวะจิตสูงสุดตามแนวคิดของ จอร์จ ฟรีดริก เฮเกล แต่รัฐในที่นี้ยังเป็นศูนย์รวมหรือ locus ของอำนาจทั้งปวงที่ไร้ใบหน้า คือไม่มีใคร บุคคลใดในฐานะเป็นมนุษย์ที่มีเนื้อหนังซึ่งมีอายุมักไม่เกินศตวรรษที่สามารถเป็น"รัฐ" ได้ เพียงแต่สามารถประกาศตนว่าเป็นรัฐ หรือมีอำนาจเหนือรัฐในระดับหนึ่งหรือเพียงระยะเวลาหนึ่ง 
 
ทั้งนี้หากเราจะยึดถือแนวคิดของแม็กซ์ เวเบอร์ นักสังคมวิทยาชาวเยอรมันที่กล่าวว่า "รัฐคือผู้มีอำนาจผูกขาดในการใช้ความรุนแรง"  (Monopoly of violence) เหนือพลเมืองที่อาศัยอยู่ในขอบเขตของอำนาจตน เช่น การบังคับ คุกคามให้ประชาชนทำอะไรที่ขัดแย้งกับความต้องการหรือสามัญสำนึกของตน การใช้กำลังตำรวจหรือทหารเข้าควบคุมหรือปราบปรามผู้ประท้วง หรือแม้แต่การที่เราได้รับอนุญาตจากกฎหมายในการใช้ความรุนแรงเพื่อจัดการกับผู้ล่วงละเมิดสวัสดิภาพและทรัพย์สินของเราและครอบครัว การใช้รุนแรงสามารถยกระดับไปถึงการให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหายไปจากโลกนี้ ซึ่งก็คือการฆ่าเช่น การวิสามัญฆาตกรรมผู้ร้าย การประหารชีวิตนักโทษ (โดยได้รับการอนุมัติจากศาลซึ่งไม่ได้สังกัดอยู่กับรัฐบาลหรือฝ่ายบริหาร) รัฐสามารถทำให้การฆ่าเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม (legitimate killing) หากมองในด้านบวก การฆ่าแบบถูกต้องชอบธรรมโดยเฉพาะที่ผ่านกรอบของกฎหมายก็เพื่อผลประโยชน์โดยรวมของสังคมหรือการอยู่รอดรัฐ  เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าใครเป็นผู้นำของรัฐ  การกระทำเช่่นนี้ของรัฐคงต้องเกิดขึ้นเรื่อยๆ  ไม่มากก็น้อย ตามแต่ปัจจัยอื่นเช่นระบอบการปกครอง เช่นประชาธิปไตยเสรีนิยม จะมีแนวโน้มในการสังหารประชาชนน้อยกว่ารัฐเผด็จการ 
 
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่า สำคัญต่อการดำรงอยู่ของรัฐไม่น้อยไปกว่าตัวองค์กรเลย คือวัฒนธรรมทางการเมือง (Political culture) ที่เป็นตัวผลักดันให้ความเป็นรัฐดำเนินต่อไป วัฒนธรรมทางการเมืองหมายถึงทัศนคติ ค่านิยม หรือจารีต ฯลฯของคนในรัฐที่ส่งผลต่อการเมือง วัฒนธรรมการเมืองเอื้อต่อการเป็นฆาตกรทั้งชอบธรรมและไม่ชอบธรรม  (เช่นการฆ่าแบบนั่งยางเผา)  ของรัฐ  ในรัฐที่เป็นเผด็จการอย่างเช่น ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในยุคที่การสื่อสารด้อยประสิทธิภาพและวาทกรรมเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นแค่ลมปากของนักวิชาการต่างประเทศ การฆ่าที่ชอบธรรมและไม่ชอบธรรมจึงมีความเหลื่อมล้ำ ขาดความชัดเจน ผู้ต้องสงสัยว่ามีพฤติกรรมเป็นคอมมิวนิสต์ การแบ่งแยกดินแดน การวางเพลิงเคหะสถานถูกรัฐใช้ตามมาตราที่ 17 คือการประหารชีวิตโดยไม่ผ่านกระบวนการศาล  อันได้รับการยกย่องจากคนยุคหลังผ่านการศึกษาทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ชัดเจนว่า ผู้ที่เสียชีวิตแท้ที่จริงเป็นผู้ผิดหรือผู้บริสุทธิ์กันแน่ และมักมีคนเห็นว่า ช่วงจอมพลท่านนี้สามารถทำให้บ้านเมืองร่มเย็นได้ ทั้งที่ไม่มีใครเข้าไปสืบเสาะสถิติอาชญากรรมในช่วง พ.ศ.2501-2506 ว่าเป็นอย่างไร และผู้ประกอบอาชญากรรมนั้นเป็นคนในเครื่องแบบเสียกี่คน แน่นอนว่าทัศนคติเช่นนี้ย่อมส่งผลให้เกิดผู้นำประเทศอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมเหมือนจอมพลสฤษดิ์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต   
 
การโยงสาเหตุของการฆ่ามายังเฉพาะรัฐบาลหรือตัวผู้นำเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด ถึงแม้รัฐบาลหรือผู้นำเองพยายามสร้างหรือผลิตซ้ำวัฒนธรรมทางการเมืองที่ยกย่องความรุนแรง แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเองก็ดูเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจด้วย เพราะคุ้นชินกับวัฒนธรรมการเมืองเช่นนี้ จนการใช้ความรุนแรงของรัฐเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ (Normalizing violence) ในขณะที่เสรีภาพการแสดงออกของประชาชนด้วยกันกลับเป็นเรื่องที่ต้องควบคุมต้องจำกัด เป็นเรื่องอันตราย เป็นภัยต่อความมั่นคง เช่น ตอนผู้หญิงใช้นมทาสีบนแผ่นเฟรมในรายการทางโทรทัศน์ เราก็จะบอกว่า มันไม่เหมาะสม เพราะเป็นรายการที่เยาวชนทั่วประเทศรับชม แต่เรากลับไม่วิตกที่จะให้เยาวชนผู้ใสซื่อของเรารับรู้ว่า รัฐฆ่าคนตายได้มากๆ แต่ไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองก่อได้เลย

อาจจะจริงที่่ว่ามีการประท้วงหรือแสดงความไม่เห็นด้วยต่อพฤติกรรมของรัฐในหลายยุค แต่กลับปราศจากความต่อเนื่องและชัดเจนเพราะผู้กระทำความผิดเป็นรัฐที่เต็มไปด้วยความชอบธรรมบางประการที่ช่วยห่อหุ้ม ปกป้องไว้ ดังเช่นวัฒนธรรมทางการเมืองที่ได้กล่าวมา เราจึงไม่สามารถสร้างภาพยนตร์เรื่อง  14 ตุลา  6 ตุลา  พฤษภาทมิฬ การฆ่าตัดตอนผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าค้ายาเสพติด กรณีตากใบ หรือการสังหารหมู่ที่มัสยิดกรือเซะ การปราบปรามเสื้อเหลืองอย่างรุนแรง การสังหารหมู่กลางเมืองหลวงเมื่อปี 2553 โดยซื่อสัตย์ต่อความจริงได้
 
การด่าว่าหรือซุบซิบพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมโดยเฉพาะทางเพศของบุคคลสาธารณะ เช่น ดารา จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายเพราะเป้าหมายเป็นเพียงปัจเจกชนที่สาธารณชนรู้สึกมีอำนาจ  ปลอดภัย ไม่ต้องหวาดกลัวต่อกฎหมายหรืออำนาจมืด  ที่สำคัญเป็นการกระทำที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราเป็นคนดี เป็นพลเมืองดี มองอีกแง่หนึ่ง การกระทำของเราคือความสำเร็จของรัฐในการหลอกอย่างแยบยลให้เรายอมรับอำนาจการปกครองของรัฐที่ส่งเสริมให้เราอยู่ในจารีตประเพณีอันดีงาม เราในฐานะพลเมืองจึงถูกคุมขังและกลายเป็นจักรกลหนึ่งของรัฐภายใต้วาทกรรมของ "ความเป็นไทย"  หรือ "วัฒนธรรมไทยอันดีงาม" โดยมีความรุนแรงเป็นกรอบเหมือนกับสระน้ำที่ขุดขึ้นเพื่อล้อมรอบประตูเมืองโบราณ
 
ลักษณะโดดเด่นอีกประการหนึ่งของความพยายามของรัฐในการนำพลเมืองมาเป็นนักโทษคือการใช้ศาสนามาเป็นเครื่องมือในการควบคุมพลเมือง เช่น รัฐที่เป็นเผด็จการหรือไม่เผด็จการทั้งหลายมักจะอิงอยู่กับหลักศาสนากลายเป็นรัฐจารีตแบบวิกตอเรียนของอังกฤษ ที่รับไม่ได้กับการแสดงออกของร่างกายอันหลากหลายของพลเมือง (Body Politics)ไม่ว่าการแสดงออกเรื่องทางเพศอย่างเปิดเผย การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส การเป็นพวกรักร่วมเพศ ฯลฯ ที่รัฐถือว่าคุกคามต่อความปกติของร่างกายภายใต้อำนาจของรัฐในระดับหนึ่ง เพราะศาสนาเป็นองค์กรที่สอนให้มนุษย์ละเว้นการแสวงหาความสุขทางร่างกายเพื่อความสุขในระดับทางจิตใจหรือโลกหน้า ซึ่งเป็นเรื่องง่ายของรัฐในการนำอุดมการณ์ของศาสนามาปะปนกับอุดมการณ์ที่ตนวางไว้  จนกลายเป็นว่าเป้าหมายสูงสุดของรัฐคือเป้าหมายสูงสุดของศาสนาเช่นการเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า การทรยศต่อรัฐคือการทรยศต่อพระเจ้า
 
รัฐที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมพฤติกรรมของพลเรือนในเรื่องร่างกายผ่านศาสนา ย่อมไม่รอช้าในการใช้ความรุนแรงเข้าควบคุมพลเมืองจนถึงระดับการปลิดชีพในกรณีที่พลเมืองไม่ประพฤติตนตามกฎที่รัฐได้วางไว้ ที่เห็นชัดเจนในการรัฐในตะวันออกกลางและเอเชียใต้มักใช้หลักทางศาสนาอิสลามเข้ามาเป็นกฎหมาย (เรียกว่าชะรีอะฮ์) เช่น ในอัฟกานิสถานเมื่อปีที่แล้ว สามีจับได้ว่า ภรรยาของตนมีชู้กับพวกตาลีบัน ก็เอาปืนกลยิงภรรยาจนเสียชีวิต รัฐบาลของนายฮามิด คาไซ ประนามการกระทำเช่นนี้ แต่ไม่สามารถทำอะไร เพราะมันเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองที่ปฏิบัติกันมาช้านาน (อันสะท้อนว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแทนของรัฐเสมอไป) สำหรับรัฐไทยก็ประสบความสำเร็จในการสร้างวาทกรรมของพุทธศาสนาที่อิงอยู่กับหลักชาตินิยมที่ฝึกให้พลเมืองของรัฐยอมรับต่อชนชั้นปกครองและแนวคิดที่ว่า การผิดศีลข้อหนึ่ง คือการห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นสิ่งที่ทนยอมรับกันได้ หากผู้ถูกฆ่า เป็น"ยักษ์มาร" เป็นภัยต่อพุทธศาสนาและประเทศชาติ ดังที่มีพระชื่อดังรูปหนึ่งกล่าวว่า "การฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" ในช่วง 6 ตุลาคม 2519
 
จากทั้งหมดแสดงให้เราเห็นว่าในอีกมิติของรัฐ ร่างกายของเราไม่มีตัวตนอยู่จริง เพราะตัวตนทางการเมืองของเราถูกหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐที่มีสภาพของยักษ์หน้าตาประหลาด (เหมือนกับ Leviathan ของนักปรัชญาการเมืองชื่อดังคือโธมัส ฮอบ์บส์) ร่างกายของเรา คือการทับซ้อนของวาทกรรมมากมายที่ถูกเชิดโดยรัฐ การที่รัฐใช้ความรุนแรงกับพลเมืองในการกำจัดพลเมืองบางส่วนออกไปจึงไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรในจักรวาลขององค์ความรู้มนุษย์ที่มีรัฐเป็นศูนย์กลาง หรือทางการการแพทย์ก็เหมือนกับการผ่าตัดเอาอวัยวะบางส่วนที่ (คิดว่า) เป็นเนื้อร้ายออกไป
 
ดังนั้นจึงขอสรุปได้ว่า การที่รัฐเป็นฆาตกร ก็คือเพื่ออำนาจในการการดำรงอยู่ของตัวรัฐนั้นเอง อย่างไรก็ตามก็เป็นข้อถกเถียงต่ออีกว่า มนุษย์สามารถดำรงตนเป็นตัวละครที่มีเจตจำนงอิสระ (free agent) ในการกำหนดรัฐ หรือสลัดพันธะจากอำนาจของรัฐเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่รัฐที่มีต่อประชาชนได้หรือไม่ ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นผู้นำของรัฐบาล หรือกลุ่มทางสังคม หรือประชาชนธรรมดา

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

อรรคณัฐ วันทนะสมบัติ: เกาหลีเหนือ-ชวนเชื่อเพื่อชาติ

Posted: 22 Jan 2013 03:56 AM PST

แม้แต่ในสวนสัตว์ก็แสดงถึงความสำคัญของท่านผู้นำ

แม้กระทั่งโปสการ์ดก็ยังแฝงการปลุกระดมเอาไว้

คำขวัญต่างๆ ของท่านผู้นำ

นักเรียนที่มาต้อนรับชาวคณะและนักเรียนที่พบเห็นทั่วๆไป

บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์แสดงถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเกาหลีเหนือ

ป้ายปลุกใจต่างๆ ภายในโรงเรียน

ป้ายหินจารึกวันเวลาที่ผู้นำเคยมาเยือน

ภายในห้องเก็บของขวัญที่ได้รับจากท่านผู้นำ

สัญลักษณ์แสดงจุดที่ผู้นำเคยมายืน

รายการโทรทัศน์ที่ฉายแต่ภาพสงครามในอดีตอยู่ตลอดเวลา

 

ประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ค่อนข้างจะโดดเดี่ยวตนเองจากการคบค้ากับชาวโลก แม้จะมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับหลายๆประเทศ ทว่ากิจกรรมที่ส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อประชาชนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์ คนไทยทั่วไปอาจไม่ทราบว่ามีสถานทูตเกาหลีเหนือในประเทศไทยตั้งอยู่ที่บริเวณถนนพัฒนาการ สิ่งที่เราคุ้นชินและอาจจะเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างคือ "กายกรรมเปียงยาง" ที่เคยมาเปิดแสดงให้คนไทยได้ดูหลายครั้งด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีทีมฟุตบอลทีมชาติเกาหลีเหนือที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งในปีนี้ด้วย

ประเทศเกาหลีเหนือนั้น ไม่สามารถจะเปรียบเทียบได้กับประเทศทุนนิยมอื่นใดในโลกนี้ แม้กระทั่งประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์อื่นๆ อาทิ จีน เวียดนาม คิวบา หรือ ลาว ก็ยังไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบได้ ประชาชนในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ประเทศอื่นๆนั้น สามารถที่จะเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆได้ง่ายกว่ามาก ถึงกระนั้นประชาชนเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของตนลำบากแต่ประการใด เนื่องจากไม่เคยมีโอกาสได้รับรู้ว่าโลกภายนอกนั้นเจริญก้าวหน้าและพัฒนาไปไกลเพียงใดแล้ว

การปลูกฝังความเชื่อเริ่มตั้งแต่ในโรงเรียน ที่ซึ่งจะพบเห็นโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะของป้ายต่างๆ อยู่ตามบริเวณทางเดินและหน้าห้องเรียน ผู้เขียนได้เข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นโรงเรียนเพียงแห่งเดียว ที่เปิดให้คณะชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชม มีเด็กๆชาวเกาหลีเหนือหน้าตาน่ารักแต่งตัวสะอาดสะอ้านมาคอยต้อนรับ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับภาพที่ผู้เขียนได้พบเห็นเมื่อมองจากรถบัส ขณะเดินทางไปตามที่ต่างๆ ซึ่งได้พบเห็นเด็กนักเรียนทั่วไปแต่งกายด้วยเครื่องแบบที่ดูมอมแมมขณะกำลังเดินไปโรงเรียน ที่โรงเรียนแห่งนี้จะมีห้องพิเศษห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับใช้เรียนวิชาที่เกี่ยวกับประวัติของท่านผู้นำโดยเฉพาะ และมีห้องพิเศษอีกห้องหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นห้องสำหรับเก็บของขวัญที่ท่านผู้นำทั้งสามรุ่นได้มอบให้แก่เด็กๆและโรงเรียน ภายในห้องเต็มไปด้วยสัตว์หายากชนิดต่างๆที่สตัฟฟ์เอาไว้ ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์ ตลอดจนภาชนะหรืออาวุธของมนุษย์ในยุคโบราณ เด็กๆจึงมีความผูกพันกับท่านผู้นำมาก แม้ท่านผู้นำทั้งสองรุ่นก่อนหน้านี้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม เด็กๆได้รับการสอนว่าท่านผู้นำรักและห่วงใยเด็กๆมาก แม้แต่โต๊ะที่พวกเค้าใช้เรียนหนังสือก็เป็นผลงานการออกแบบของท่านผู้นำตลอดกาล คิม อิล ซุง

โดยทั่วไป เมื่อเราเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ สิ่งที่เรามักพบเห็นโดยปกติคือป้ายบอกถึงความสำคัญของสถานที่นั้นๆ แต่ที่ประเทศเกาหลีเหนือ เราจะพบป้ายหินขนาดใหญ่จารึกไว้ว่าท่านผู้นำเคยมาเยือนเมื่อใด กี่ครั้ง หรือท่านผู้นำเคยกล่าวถึงความสำคัญของสถานที่นั้นๆไว้อย่างไร ที่วิทยาลัยการเกษตรแห่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้เดินทางไป มีการทำสัญลักษณ์ไว้ที่พื้นพร้อมป้ายหิน แสดงตำแหน่งที่ท่านผู้นำเคยยืน และบันทึกถ้อยคำที่ท่านผู้นำได้กล่าวถึงความสำคัญของต้นไม้ ไม่เว้นแม้กระทั่งในสวนสัตว์ ที่หน้ากรงจะมีป้ายบอกชนิดของสัตว์ไว้อย่างชัดเจน ว่าเป็นสัตว์ชนิดใดและท่านผู้นำได้มอบให้กับสวนสัตว์แห่งนี้เมื่อใด มีเกร็ดน่าสนใจอีกเรื่องสำหรับสวนสัตว์ของที่นี่ ในบ้านเรา เราสามารถพบเห็นสุนัขได้โดยทั่วไป ทั้งที่เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือ สุนัขจรจัดเมื่อเราเดินออกมาตามท้องถนน แต่ที่เกาหลีเหนือ ผู้เขียนพบเห็นสุนัขเพียงหนึ่งตัวซึ่งมีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ ในขณะเดียวกันกับพบว่ามีสุนัขจัดแสดงอยู่ในสวนสัตว์เป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้วเราจะไม่ได้เห็นสุนัขนำมาแสดงเช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆภายในสวนสัตว์ แต่สำหรับที่เกาหลีเหนือ มีส่วนที่จัดแสดงเฉพาะสุนัข เป็นส่วนที่ใหญ่พอสมควร โดยมีสุนัขพันธุ์ต่างๆเช่น อัลเซเชี่ยน เชาเชา พิตบูล และชนิดอื่นๆอีกนับสิบสายพันธุ์ ซึ่งเรียกความสนใจจากเด็กๆชาวเกาหลีเหนือได้มากพอสมควร

นอกเหนือจากป้ายคำขวัญและรูปท่านผู้นำที่พบเห็นได้ในทุกๆที่ หรืออนุสาวรีย์ท่านผู้นำที่มีอยู่ในทุกๆเมืองแล้ว เมื่อเรากลับเข้ามาในบ้าน รายการโทรทัศน์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังความเชื่อและค่านิยมที่รัฐต้องการให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายการโทรทัศน์ที่เกาหลีเหนือนั้น ผู้เขียนไม่แน่ใจว่ามีกี่ช่อง เนื่องจากนับได้เพียงแค่สามช่องเท่านั้น มีการนำเสนอเรื่องราวของสงครามเกาหลีในอดีตอยู่ตลอดเวลา ในความรับรู้ของชาวเกาหลีเหนือนั้น ผู้ที่แพ้สงครามคือสหรัฐอเมริกา เกาหลีเหนือมองสหรัฐอเมริกาว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง ทุกคำพูดที่กล่าวถึงจะใช้คำว่า "American Imperialist" หรือ จักรวรรดินิยมอเมริกา พร้อมกันนั้นก็เรียกเกาหลีใต้ว่าเป็น "American's Puppet" หรือหุ่นเชิดของอเมริกาในทุกคำพูดที่กล่าวถึง ในทุกๆจุดที่ไปเยี่ยมชม จะมีผู้นำทางท้องถิ่นคอยบรรยายสิ่งต่างๆให้ฟังเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้นำทางท้องถิ่นบอกกับชาวคณะว่า สาเหตุที่สหรัฐอเมริกาต้องการที่จะยึดครองเกาหลีเหนือนั้น เป็นเพราะประเทศของพวกเค้ามีความอุดมสมบูรณ์ มีแร่ธาตุ และสามารถปลูกข้าวได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งนี้ขัดต่อสิ่งที่บุคคลภายนอกอย่างพวกเรารับรู้ในอีกแง่มุมหนึ่งว่า เกาหลีเหนือผลิตอาหารได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และต้องขอความช่วยเหลือด้านอาหารจาก WFP (World Food Programme) ของสหประชาชาติ เพื่อแลกกับการยอมเข้าร่วมเจรจาหกฝ่ายในเรื่องของการยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

รายการทางโทรทัศน์จะฉายเรื่องราวความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธ รายการข่าวก็แทบจะไม่มีข่าวสารจากต่างประเทศเลย รายการละครที่ได้ดู ผู้เขียนเดาเอาว่าเป็นเรื่องของการขับไล่ญี่ปุ่น ที่เข้ามายึดครองคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี ค.ศ. 1910-1945 แม้จะไม่เข้าใจภาษาเกาหลี แต่สามารถคาดเดาได้จากเครื่องแบบของทหารญี่ปุ่น ผู้เขียนเดินทางไปเกาหลีเหนือในช่วงเวลาเดียวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ลอนดอนเกมส์ 2012 ที่ประเทศอังกฤษ มีการนำภาพจากการแข่งขันมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ แต่ไม่ใช่การถ่ายทอดสด และเลือกเฉพาะรายการที่เกาหลีเหนือได้เหรียญทองเท่านั้นมาออกอากาศ ผู้เขียนได้ชมการแข่งขันเทเบิ้ลเทนนิสหรือปิงปอง ระหว่างทีมเกาหลีเหนือและทีมเกาหลีใต้ ซึ่งทีมเกาหลีเหนือชนะไปสองต่อหนึ่งเซต ปรากฏว่าในเซตที่สองซึ่งเกาหลีเหนือแพ้นั้นถูกตัดออก ไม่นำมาเผยแพร่แต่อย่างใด โดยได้ข้ามไปยังเซตที่สามซึ่งเกาหลีเหนือกลับมาเอาชนะได้ สิ่งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญและสามารถที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้มีอำนาจในการควบคุมข้อมูลข่าวสารได้เป็นอย่างดี

ที่กรุงเปียงยางจะมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงคราม ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสงครามเกาหลีพร้อมทั้งจัดแสดง อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งรถถังหรือเครื่องบินของฝ่ายตรงข้ามที่ยึดได้ นอกจากนี้ยังจัดแสดงจดหมายที่เชลยเป็นผู้เขียนขึ้นเพื่อสารภาพและจำนนต่อความพ่ายแพ้ต่อเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังนำเรือสัญชาติสหรัฐอเมริกา USS PUEBLO ที่เกาหลีเหนือยึดได้ภายในน่านน้ำของตนเองมาจัดแสดง โดยเกาหลีเหนือเชื่อว่าเป็นเรือจารกรรม ขณะที่สหรัฐอเมริกาปฏิเสธว่าเรือดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่อยู่ในน่านน้ำสากล

ทั้งหมดที่นำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนมีโอกาสได้สัมผัสกับประเทศเกาหลีเหนือเป็นระยะเวลาสั้นๆ เราคงพอจะนึกภาพออกนะครับว่า ถ้าเราลองจินตนาการภาพตัวเองต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกับชาวเกาหลีเหนือ สถานการณ์ที่ได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลต่างๆเพียงด้านที่ผู้มีอำนาจหวังผล และต้องการที่จะควบคุมอุดมการณ์ทาง สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ โดยที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้รับรู้ รับฟัง ข้อเท็จจริงในแง่มุมอื่นๆ เราก็คงจะต้องมีความเชื่อไปในแนวทางเดียวกันนั้น ในทัศนะของผู้กำหนดนโยบายเหล่านั้น อาจจะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจก็ได้ว่า สิ่งทั้งหลายทำไปโดยเจตนาบริสุทธิ์ เพราะเชื่อว่าจะนำพาชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ไปสู่สังคมที่ใกล้เคียงความเป็นอุดมคติ และต้องไม่ลืมว่าเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีอัตราอาชญากรรมต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยที่ไม่มีปัญหายาเสพติด หรือปัญหาสังคมอื่นเฉกเช่นเดียวกับโลกทุนนิยม

สิ่งที่เป็นคำถามต่อเนื่องจากนี้ที่ผมจะขอทิ้งท้ายไว้ให้ท่านผู้อ่านลองคิดกันต่อก็คือ ในสังคมแบบไทยๆของเรา ซึ่งมีโอกาสที่ดีกว่าชาวเกาหลีเหนือ ในแง่ของการเข้าถึงข่าวสารข้อมูล หากเราไม่รู้จักนำข้อดีนี้มาใช้ในการเปิดใจรับฟังข้อเท็จจริงในแง่มุมต่างๆ โดยเลือกที่จะรับรู้แต่ในมุมที่เราเลือกเชื่อไปแล้วเท่านั้น สิ่งนี้มีความหมายเท่ากับเรากำลังสร้างโฆษณาชวนเชื่อขึ้นมาเพื่อมอมเมาตัวเราเองโดยไม่มีใครมาบังคับใช่หรือไม่ 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

บารัค โอบามา

Posted: 22 Jan 2013 03:45 AM PST

"การเดินทางของเรายังไม่สมบูรณ์ จนกว่าพี่น้องชาวเกย์ทั้งชายและหญิงจะได้รับการดูแลภายใต้กฎหมาย ถ้าเราได้กำเนิดขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และแน่นอนว่าความรักที่เรามีให้แก่กันนั้นต้องเท่าเทียมกันด้วย"

21 ม.ค. 56, ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 ที่บริเวณบันไดหน้าอาคารรัฐสภา

พรุ่งนี้พิพากษา ‘สมยศ’ แรงงานชูป้ายหน้าศาล ‘Restore Human Rights, Release Somyot’

Posted: 22 Jan 2013 03:19 AM PST

นัดฟังคำพิพากษาคดี 'สมยศ พฤกษาเกษมสุข' 23 ม.ค.56 เวลา 9.00 น. ศาลอาญา รัชดา ด้านองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตยชูป้ายรณรงค์หน้าศาล

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (23) ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการนิตยสารการเมือง Red Power ที่ถูกคุมขังในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ที่ศาลอาญา รัชดา เวลา 9.00 น.

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่หน้าศาลอาญา ตัวแทนองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย 21 คนจากสหภาพแรงงาน 7 แห่ง ได้รวมตัวกันชูป้ายข้อความเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข

เยาวภา ดอนสี ผู้ประสานองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย ว่า ต้องการแสดงออกเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมได้รับทราบ เพราะเชื่อว่าสมยศไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาเนื่องจากไม่ใช่ผู้เขียนบทความ รวมทั้งการแสดงทัศนะทางการเมืองในลักษณะดังกล่าวเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ที่ผ่านมาทั้งชั้นสืบสวนและชั้นพิจารณาคดีสมยศก็ไม่เคยได้รับสิทธิในการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีตามสิทธิที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ แม้ทนายความจะยื่นประกันตัวมากกว่า 10 ครั้งแล้วก็ตาม  

ทั้งนี้ สมยศ ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 และถูกคุมขังมาจนปัจจุบันรวมแล้วกว่า 20 เดือน จากกรณีที่เป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Red Power) ตีพิมพ์บทความ 2 ชิ้นในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2553 โดยผู้ใช้นามแฝงว่า จิตร พลจันทร์ ซึ่งสมยศเบิกความในศาลว่า คือ นายจักรภพ เพ็ญแข บทความนั้นชื่อ แผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น และ 6 ตุลา แห่ง พ.ศ.2553 ซึ่งมีตัวละครหนึ่งชื่อ "หลวงนฤบาล แห่งโรงแรมผี" คอยบงการการเมืองไทยมาตลอดตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รวมทั้งเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองสมยศมีอาชีพเป็นนักกิจกรรมด้านแรงงาน อ่านได้ที่ รายงาน: เปิดเส้นทางชีวิต 'สมยศ พฤกษาเกษมสุข'

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

อภิสิทธิ์ออก 'บลูมเบิร์ก' ย้ำอีก ไม่ได้สั่งทหารบุกสลายชุมนุม '53 -จ่อฟ้องกลับ DSI

Posted: 22 Jan 2013 03:18 AM PST

ย้ำทหารไม่เคยปฏิบัติการก้าวร้าว เพียงแค่ตั้งด่านสกัดการชุมนุมเท่านั้นแต่ด่านโดนโจมตี ระบุคดีพัน คำกอง เหมือนอุบัติเหตุ พร้อมสู้ข้อกล่าวหาซึ่งเป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ฟ้องกลับดีเอสไอ แจ้งข้อหาโดยมิชอบ

22 ม.ค. 56 - เว็บไซต์บลูมเบิร์ก ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอการสัมภาษณ์อดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางรายการโทรทัศน์ของบลูมเบิร์ก "First Up" โดยนายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีที่ตนเองถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษส่งฟ้องในข้อหามีเจตนาให้บุคคลอื่นตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล เขายืนยันที่จะเผชิญกับข้อกล่าวหาดังกล่าวที่มีแรงจูงใจทางการเมือง และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองในชั้นศาล และยังย้ำด้วยว่า ทหารไม่เคยปฏิบัติการทางทหารที่ก้าวร้าวและรุนแรงในการสลายการชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 53

ต่อคำถามของพิธีกรที่ว่า รายงานของฮิวแมนไรท์ วอทช์ เปิดเผยว่า มีขั้นตอนการสลายการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน เช่นมีการยิงโดยไม่เลือกหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่มีการพิสูจน์ในเรื่องดังกล่าว และชี้ว่า แม้คดีที่ตนเองถูกกล่าวหานั้น ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการยิงโดยไม่เลือกหน้า และอธิบายว่าสิ่งที่เกิดขึ้น คือ รถตู้พยายามวิ่งผ่านด่านกั้น มีการยิงปืน และคนที่ถูกยิง คือคนที่วิ่งออกมาดูเหตุการณ์ (คดีพัน คำกอง - ประชาไท)
 
"ถ้าคุณอ่านคำอธิบาย (คดี) ทั้งหมด มันแทบจะเป็นเหมือนอุบัติเหตุ" อภิสิทธิ์กล่าว 
 
 
เขากล่าวว่า มันสำคัญมากที่ควรจะต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ยิง ภายใต้สถานการณ์ใด และก็ดำเนินไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ว่าการกระทำนั้นมีจุดประสงค์อะไรและสมควรแล้วหรือไม่ 
 
เมื่อพิธิกรถามว่า จากตำแหน่งอภิสิทธิ์ที่ได้รับข้อเท็จจริงที่มีอยู่ ใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ เขากล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร 
 
"จากรายงานต่างๆ ที่เราได้รับ ก็ชัดเจนว่าทหารไม่เคยปฏิบัติการที่ก้าวร้าว เราไม่ได้อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปสลายการชุมนุมในที่ชุมนุมใหญ่เสียด้วยซ้ำ สิ่งที่พวกเขาทำก็เพียงแค่การตั้งด่านเพื่อสกัดการชุมนุม และด่านกั้นเหล่านั้นก็ถูกโจมตี" เขากล่าว
 
อภิสิทธิ์ยังกล่าวด้วยว่า ตนจะฟ้องธาริษฐ์ เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยข้อหาแจ้งข้อหาโดยมิชอบ ภายในสัปดาห์นี้ 
 
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'อวัตถุศึกษา' กับ 'อธิป': เมื่อคำปราศรัย ‘มาร์ติน ลูเธอร์ คิง’ ยังมีลิขสิทธิ์

Posted: 22 Jan 2013 02:51 AM PST

 

 

Immaterial Property Research Center ตั้งขึ้นในวันที่ 18 มกราคม หรือ "วันเสรีภาพอินเทอร์เน็ต" เพื่อเป็นศูนย์ข่าว ศูนย์ข้อมูล และศูนย์วิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุ (หรือที่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่าทรัพย์สินทางปัญญา) ต่างๆ อย่างสัมพันธ์กับระบบกฎหมาย ระบบเศรษฐกิจ และระบบการเมืองในโลก ทางศูนย์ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานของศูนย์ฯ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบทรัพย์สินที่ไม่เป็นวัตถุที่เอื้อให้เกิดเสรีภาพในเชิงบวกไปจนถึงความเท่าเทียมกันของผู้คนในโลก

 

15-01-2013

งานบันทึกเสียงเพลง Love Me Do ของ The Beatles จัดเป็น "ทรัพย์สินทางปัญญาสาธารณะ" (Public Domain) แล้วในอังกฤษ


ที่มาภาพ: Library Congress

สืบเนื่องจากซิงเกิลแรกของ The Beatles ซิงเกิลนี้ออกสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกในวันที่ 5 ตุลาคมปี 1962 (จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Love_me_do) และกฏหมายอังกฤษนั้นคุ้มครองลิขสิทธิ์งานบันทึกเสียงเป็นเวลา 50 ปี ภายนับจากสิ้นปีที่มันออกสู่สาธารณะครั้งแรก ดังนั้นเพลงนี้จึงจัดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาสาธารณะในอังกฤษแล้วตั้งแต่ 1 มกราคม 2013

ทั้งนี้ อังกฤษก็มีนโยบายจะขยายการคุ้มครองลิขสิทธิ์เพิ่มอีก 20 ปีตามข้อตกลงในกลุ่มประเทศ EU ในปีที่แล้วเพียงแต่ยังไม่มีการออกกฏหมายเพื่อขยายการคุ้มครองลิขสิทธิ์ออกมา

ป.ล. ในกรณีของไทย งานบันทึกเสียงชิ้นนี้ถือเป็น "ทรัพย์สินทางปัญญาสาธารณะ" ไปแล้วตั้งแต่ 5 ตุลาคม 2012 เพราะกฏหมายลิขสิทธิ์ไทยเริ่มนับถอยหลังการหมดลิขสิทธิ์งานบันทึกเสียงตั้งแต่วันที่มันออกสู่สาธารณะ ไม่ใช่นับจากสิ้นปีแรกที่มันออกสู่สาธารณะไม่ได้ (จะนับสิ้นปีในกรณีที่หาวันออกสู่สาธารณะไม่ได้)

News Source: http://www.digitalmusicnews.com/permalink/2013/20130114lovemedo

 

นโยบายเตือนการละเมิดลิขสิทธิของ Verizon ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในอเมริกา

จากบันทึกที่หลุดมาทางเว็บ Torrentfreak ระบุว่าระบบแจ้งเตือนการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งในอเมริกาเป็นดังนี้

ละเมิด 1-2 ครั้ง: แจ้งเตือนการละเมิดผ่านอีเมลล์ และวอยซ์เมลล์

ละเมิด 3-4 ครั้ง: ผู้ใช้จะถูกนำกลับไปหน้าเพจต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ และถูกบังคับใหู้ดูวีดีโอต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์

ละเมิด 5-6 ครั้ง: ผู้ใช้ต้องเลือกระหว่างการลดความเร็วอินเทอร์เน็ตเหลือ 256 kbps ทันที หรือ ลดความเร็วในอีก 14 วัน หรือ จ่าย 35$ ให้กับ American Arbitration Association เพื่อทบทวนว่าการแจ้งเตือนทั้งหมดมีมูลหรือไม่ ซึ่งจะให้เงินคืนถ้าการแจ้งเตือนไม่มีมูล

ละเมิด 7 ครั้งขึ้นไป: อาจมีการส่ง IP ไปให้เจ้าของลิขสิทธิ์

ทั้งนี้นโยบายการปราบปรามละเมิดลิขสิทธิ์คล้ายคลึงกันมีอยู่ในหลายๆ ประเทศและถูกขนานนามว่า "Three Strikes" ตามลักษณะทั่วไปของนโยบายแบบนี้ที่ให้มีการเตือน 3 ครั้งก่อนที่จะมีการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือดำเนินคดีในการละเมิดครั้งที่ 4

News Source: http://www.digitalmusicnews.com/permalink/2013/20130114verizon

 

นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเธิร์นชี้รายได้จากการขายงานบันทึกเสียงคิดเป็นเพียง 6% ของรายได้เฉลี่ยนักดนตรี

ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ดิโคลา จากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเธิร์นชี้จากงานวิจัยที่กำลังจะตีพิมพ์ของเขา (ดาวน์โหลดได้ที่ http://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=2199058 ) ว่าโดยเฉลี่ยแล้วจากขายงานบันทึกเสียงคิดเป็นเพียงร้อยละ 6 ของรายได้เฉลี่ยนักดนตรีเท่านั้น การ "โหลดเพลง" ทั้งหลายส่งผลต่อรายได้ของนักดนตรีโดยตรงน้อยมาก รายได้กว่าครึ่งค่อนของนักดนตรีโดยเฉลี่ยมาจากการออกทัวร์ การสอนดนตรี เงินเดือนจากการเป็นสมาชิกวงดนตรี และการเป็น "มือปืน" ในการบันทึกเสียง อย่างไรก็ดี การลดลงของยอดขายงานดนตรีส่งผลต่อรายได้ของอุตสาหกรรมบันทึกเสียงมากๆ เพราะรายได้หลักของอุตสาหกรรมบันทึกเสียงมาจากการขายงานบันทึกเสียง

อนึ่ง นี่ป็นงานอีกชิ้นจากหลายๆ ชิ้นที่ปรากฏในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาที่ขัดแย้งกับภาพที่อุตสาหกรรมบันทึกเสียงเคยวาดไว้ว่าการทำสำเนาเถื่อนเป็นปีศาจร้ายที่จะสูบเลือดสูบเนื้อนักดนตรีให้แห้งตายไปในอดีต

News Source: http://torrentfreak.com/music-sales-are-just-6-of-average-musicians-income-130114/ , http://www.digitalmusicnews.com/permalink/2013/20130116copyright


แอรอน สวาร์ตซ์

เหล่านักวิชาการโพสต์ลิงค์บทความวิชาการอันมีลิขสิทธิ์ในทวิตเตอร์เพื่ออุทิศให้แอรอน สวาร์ซดิจิทัลแอคทิวิสต์ผู้ล่วงลับ

แหล่งข่าวรายงานว่าการเรียกร้องการกระทำกึ่งอุทิศกึ่งประท้วงนี้เริ่มที่ Reddit นอกจากนี้ก็ยังมีคนเรียกร้องให้ผลักดันกฏหมายปฏิรูปลิขสิทธิ์ให้งานศิลปวัฒนธรรมเปิดกว้างขึ้นต่อสาธารณะโดยใช้ชื่อว่า Aaron Swartz Act อีกด้วย ทั้งนี้นี่ก็เป็นการโต้กับ Sonny Bono Act ที่เพิ่มการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในปี 1998 นั่นเอง

News Source: http://www.theverge.com/2013/1/13/3872648/academics-share-links-to-copyrighted-journals-to-honor-aaron-swartz , http://www.techdirt.com/articles/20130114/19291621672/fitting-tribute-aaron-swartz-researchers-post-free-pdfs-their-research-online.shtml

 

Copy Culture งานวิจัยทัศนคติการ "โหลดเพลง" และการทำสำเนาเถื่อนของชาวอเมริกันและเยอรมันออกมาให้ดาวน์โหลดแล้ว

อนึ่ง งานวิจัยชิ้นนี้จัดเป็นงานวิจัยเชิงสำรวจที่ใหญ่ที่สุดที่ทำโดย "นักวิชาการ" นอกแวดวงนักการตลาดซึ่งมีแนวโน้มจะปิดบังผลวิจัยที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของคนซึ่งก็คืออุตสาหกรรมบันทึกเสียง

ผลสำรวจใหญ่ๆ ก็เช่น คนส่วนใหญ่ในทั้สองประเทศมองว่าการแชร์ไฟล์เป็นสิ่งที่พึงกระทำในหมู่เพื่อนฝูง ในอเมริกาคนกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ "โหลดเพลง" มาฟังฟรีๆ นั้นก็เป็นคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ใช้เงินจับจ่ายซื้อไฟล์งานดนตรีมากที่สุดด้วย นอกจากนี้ในทั้งสองประเทศคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการมีบทลงโทษผู้แชร์ไฟล์เป็นการปรับเงินประมาณ 10-100 ดอลลาร์ เท่านั้น (ซึ่งห่างไกลจากการอ้างความเสียหายตามกฎหมายสหรัฐที่ 150,000 ดอลลาร์ มาก) และไม่เห็นด้วยกับโทษลดความเร็วอินเทอร์เน็ต ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไปจนถึงจำคุก สุดท้ายคนส่วนใหญ่ในเยอรมนีเห็นว่ารัฐควรจะเซ็นเซอร์และบล็อคเว็บไซต์ที่นำไปสู่เนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์แม้ว่าจะมีเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ถูกบล็อคไปด้วย แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการเซ็นเซอร์บล็อคเว็บไซต์โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าอย่างไรก็ดีคนทั้งสองประเทศไม่เห็นว่ารัฐควรจะลงมาสอดส่องอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการทำสำเนาเถื่อน

Download at: http://piracy.americanassembly.org/presenting-copy-culture-in-the-us-and-germany/

 

16-01-2013

จำเลยจากนโยบายสอดส่องการละเมิดลิขสิทธิ์ของนิวซีแลนด์กำลังจะขึ้นศาลเป็นครั้งแรกแล้ว

ทั้งนี้นิวซีแลนด์เริ่มนโยบายที่บังคับให้ทางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตร่วมมือกับเจ้าของลิขสิทธืในการสอดส่อง "เตือน 3 ครั้ง" (3 strikes) ก่อน "ตัดเน็ต" และดำเนินคดีมาตั้งแต่ผ่านกฏหมายปฏิรูปลิขสิทธิ์ปี 2011 ซึ่งก็มีนักวิชาการและนักกิจกรรมคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองกันของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกันกับรัฐบาลนิวซีแลนด์เพื่อให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ The Hobbit ในนิวซีแลนด์ต่อไป

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130114/20423721682/first-three-strikes-case-new-zealand-goes-to-hearing.shtml , http://www.bloomberg.com/news/2012-12-04/kill-the-hobbit-subsidies-to-save-regular-earth.html

 

นักดนตรีข้างถนนหัวใสเล่น "มนุษย์ตู้เพลง" ที่เปลี่ยนเพลงที่เล่นทันทีเมื่อคนหยอดเงิน

นักดนตรีข้างถนนเล่นดนตรีข้างถนน แล้วมีกระปุกให้หยอดเงินหลายๆ กระปุก ถ้าคนมาหยอดกระปุกไหน มันจะเล่นดนตรีตามกระปุกนั้น คือมีทั้ง Lady Gaga, Bach, Michael Jackson, ??? และมีให้หยอดให้เล่นเร็วขึ้น และช้าลง

เป็นกลยุทธกระตุ้นให้คนหยอดเงินที่เข้าท่ามากๆ และเล่นออกมาสนุกมากๆ

Watch Clip At: http://youtu.be/Pbdewwtm70w

 

17-01-2013

ศาลตัดสินว่าครูคณิตศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ละเมิดลิขสิทธิ์ฐานใส่ลิงค์หนังสือเฉลยโจทย์คณิตศาสตร์ในเว็บไซต์ตนเอง

หลังจากทางสำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือคณิตศาสตร์เจ้าของหนังสือไปพบแทนที่จะส่งจดหมายเตือน แต่ทางสำนักพิมพ์กลับฟ้องเลย

ครูพยายามจะแก้ต่างว่าการแก้โจทย์เลขมีลักษณะสากลเพราะคำตอบมีเพียงคำตอบเดียว ดังนั้นมันไม่มีลิขสิทธิ์ แต่ศาลไม่เห็นด้วยและตัดสินว่าผิด

ทั้งนี้กฏหมายเนเธอร์แลนด์ระบุว่าการดาวน์โหลดไปเพื่อใช้ส่วนบุคคลนั้นไม่ผิดกฎหมาย และการโพสต์ลิงค์โดยตัวมันเองก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่ในกรณีนี้การโพสต์ลิงค์ถือว่าสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์ จึงถือว่าผิด

ป.ล. ศาลชั้นต้นตัดสินว่าครูผิดฐานอัปโหลดไฟล์หนังสือขึ้นไปด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องข้อหานี้เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ครูจึงมีความผิดฐานโพสต์ลิงค์เท่านั้น

News Source: http://torrentfreak.com/math-teacher-convicted-for-linking-to-copyrighted-answer-sheets-130116/

 

ศาลชั้นต้นนิวยอร์คตัดสินให้ AFP และ Washington Post แพ้คดีละเมิดลิขสิทธิ์ช่างภาพอิสระผู้หนึ่งที่ "ทวีต" ภาพแผ่นดินไหวในเฮติ

เรื่องราวมีอยู่ว่าสำนักข่าว AFP ไปเจอรูปใน Twitter แล้วก็เอาไปขึ้นเว็บคลังพวก Getty Images ทางสำนักข่าว Washington Post ก็เอารูปไปใช้จาก Getty Images อีกที

ปรากฏว่าช่างภาพที่เป็นเจ้าของภาพบอกว่ารูปเป็นของตนเองและ AFP และเมิดลิขสิทธิ์ นี่ทำให้ AFP ฟ้องช่างภาพก่อนข้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่นี่ทำให้ช่างภาพฟ้อง APF กลับ โดยพวก Washington Post และ Getty Images และ AFP เลย

ตอนแรก AFP ตอบโต้ว่าการโพสต์รูปในTwitter และ TwitPic ถือเป็นการให้ใบอนุญาตแก่สาธารณชนใช้โดยปริยาย

อย่างไรก็ดีสุดท้ายศาลก็ตัดสินว่านี่เป็นการอ่าน Terms of Service ของทั้ง Twitter และ TwitPic อย่างผิดๆ ของ AFP และสิ่งที่ AFP ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ทาง AFP และ Washington Post ต้องจ่ายค่าเสียหายให้ช่างภาพ

ทั้งนี้ปัญหานี้พัวพันกับเรื่องลิขสิทธิ์รูปในปัจจุบัน ที่บรรดาสำนักข่าวและคลังภาพทั้งหลายก็เป็นทั้งจำเลย (ในกรณีที่เอารูปจากเว็บเครือข่ายสังคมมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต) และโจทก์ (ในกรณีที่ไปไล่ฟ้องเอาค่าลิขสิทธิ์ผู้เอารูปของตนไปใช้อย่างไม่ได้รับอนุญาต) ในคดีละเมิดลิขสิทธิ์รูปภาพบนอินเทอร์เน็ตทั้งเหล่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ตราบที่กฎหมายยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130116/07144421700/court-once-again-explains-to-afp-that-twitters-terms-dont-give-it-right-to-use-any-photo.shtml , http://paidcontent.org/2013/01/16/news-companies-must-pay-for-swiping-twitter-pics-but-our-photo-laws-are-still-a-mess/

 

18-01-2013

18 มกราคม วันเสรีภาพอินเทอร์เน็ต เนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งปีถล่ม SOPA/PIPA


การประท้วงกฎหมาย SOPA หรือ Stop Online Piracy Act ในกรุงนิวยอร์กเมื่อปี 2555

กลุ่มนักกิจกรรมและพลเมืองเน็ตอเมริกันและที่อื่นๆ ฉลองครอบรอบ 1 ปีในการประท้วง "จอดำ" ในวันที่ 18 ม.ค. 2012 ที่ทำให้สมาชิกสภาคองเกรสหลายคนถอนตัวการสนับสนุนร่างกฎหมายนาม SOPA และ PIPA พร้อมสถาปนาวันที่ 18 มกราคมของทุกปีให้เป็นวันเสรีภาพอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Freedom Day

พร้อมกันนั้นนักกิจกรรมและเว็บต่างๆ ที่รวมกันต่อต้าน SOPA/PIPA มาก็ทำการทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมาและยังเห็นว่าการต่อสู้กับระบอบลิขสิทธิ์เพื่อเสรีภาพอินเทอร์เน็ตยังเป็นหนทางอีกยาวใกล เพราะอย่างน้อยๆ ปีที่ผ่านมาระบอบลิขสิทธิ์ก็รุกไล่หนักมากกว่าที่ผ่านๆ มาโดยไม่ต้องใช้กฎหมาย SOPA/ PIPA แต่อย่างใด

News Source: http://www.techdirt.com/articles/20130117/15210821719/infographic-celebrating-internet-freedom-day-anniversary-sopapipa-protests.shtml , http://torrentfreak.com/happy-internet-freedom-day-but-was-sopa-really-defeated-130118/ , http://www.internetfreedomday.net/

 

ศูนย์ข้อมูลลิขสิทธิ์อเมริการะบุว่าแผน "เตือน 6 ครั้ง" เมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์อินเทอร์เน็ตจะส่งผลต่อภาคธุรกิจด้วยเมื่อมีการละเมิดภายในเครือข่ายและนี่อยู่ใน "เงื่อนไขการใช้งาน" อยู่แล้ว

ทั้งนี้ถ้ามีการละเมิดผ่าน Wifi สาธารณะนั้นเข้าของเครือข่ายก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เนื่องจาก "เงื่อนไขการใช้งาน" ไม่อนุญาตให้เปิด Wifi สาธารณะด้วยซ้ำ

News Source:  http://torrentfreak.com/six-strikes-anti-piracy-scheme-affects-some-businesses-public-wifi-forbidden-130118/

 

ปราศรัย "I Have A Dream" ของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ถูก "เอาลง" จากเว็บ Vimeo เนื่องจากละเมิดลิขสิทธิ์


ที่มาภาพ: National Archives and Records Administration

ทั้งนี้เคยมีคดีความมานานแล้วว่าคำปราศรัยนี้มีลิขสิทธิ์หรือไม่ ผลสรุปคือศาลตัดสินว่าการที่คิงได้พิมพ์คำปราศรัยนี้จากแก่นักข่าวในวงจำกัดนั้นทำให้เนื้อความในคำปราศรัยนี้มีลิขสิทธิ์ ซึ่งส่งผลให้วีดีโอคำปราศรัยนี้มีลิขสิทธิ์ตามมา ทั้งๆ ที่ตัวการปราศรัยเองนั้นปกติไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์

ทุกวันนี้ครอบครัวของคิงก็ยังได้ประโยชน์จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์เมื่อมีผู้ใช้คำปราศรัยนี้ไปจนถึงรูปและภาพของคิงอยู่ โดยล่าสุดนี้การตั้งอนุเสาวรีย์ของคิงก็ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ให้ครอบครัวของเขากว่า 7 แสนเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

News Source:  https://www.techdirt.com/articles/20130118/11244621727/martin-luther-kings-i-have-dream-video-taken-down-internet-freedom-day.shtml , http://www.jdsupra.com/legalnews/to-be-judged-not-by-the-color-of-their-s-16098/

 

19-01-2013

MEGA เปิดตัวในวันครบรอบ 1 ปีปิด Megaupload

คิม ดอทคอม (Kim Dotcom) เปิดตัวเว็บฝากใหม่ของเขานาม MEGAในวันที่ 19 มกราคม 2013 ซึ่งเป็นเวลาครบรอบ 1 ปีที่เว็บ Megaupload ของเขาถูกปิดโดยรัฐบาลสหรัฐพอดี ทั้งนี้ในการทำ MEGA เขาพยายามจะแก้ใขจุดอ่อนที่ทำให้ Megaupload โดนปิดไปไม่ว่าจะเป็นการกระจายเซิร์ฟเวอร์ไปทั่วโลกและเพิ่มระบบการเข้ารหัสความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในระดับสูง โดเมนเนมที่เขาใช้กับ MEGA ก็เป็นของนิวซีแลนด์อันเป็นดินแดนที่เขาพำนักอยู่ในปัจจุบัน และดินแดนแห่งนี้เองที่ไม่ยอมส่งเขาเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปสหรัฐเนื่องจากทางรัฐบาลสหรัฐไม่ยอมแสดงหลักฐานการกล่าวหาเขาในคดีบันลือโลกอย่างการปิดเว็บ Megaupload ให้ชัดเจน

ทั้งนี้มีผู้สนใจ MEGA มหาศาลดังจะเห็นได้จากการที่มีผู้เข้าชมเว็บ 1 ล้านคน และมีผู้สมัครสมาชิกกว่า 5 แสนคนภายใน 14 ชม. หลังเว็บไซต์เปิดทำการ

News Source: https://mega.co.nz/ , http://www.digitalmusicnews.com/permalink/2013/20130119mega , http://torrentfreak.com/dotcoms-mega-launches-to-unprecedented-demand-130120/

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

บันทึกจากสนาม: เสียงจากโรฮิงญาที่ปัตตานี

Posted: 22 Jan 2013 01:06 AM PST

ฟังเสียงเด็กชายชาวโรฮิงยา ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาและเพื่อนร่วมชะตามกรรม 103 คน ส่วนหนึ่งของคำบอกเล่าคือ หลังถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับกุม พวกเขาถูก "ขาย" ให้กับนายหน้า รายงานโดยกลุ่มเอฟทีมีเดียและเพื่อน ซึ่งลงพื้นที่ไปยังบ้านพักพิงของเด็กชาวโรฮิงยา ใน จ.ปัตตานี

 

บ้านพักเด็กบนถนนโรงเหล้าสาย ก.ในปัตตานีมีพื้นที่ไม่กว้างขวางนัก แต่ก็เป็นที่พำนักของเด็กๆ โรฮิงญาราวยี่สิบกว่าคนได้สบายๆ คืนที่พวกเราได้ข่าวและเข้าไปเยี่ยมนั้นพวกเขากำลังเตรียมตัวจะนอน กลุ่มที่เราพบมีแต่เด็กและวัยรุ่นผู้ชายเพราะพวกผู้หญิงอยู่ข้างบนบ้านหมดแล้ว  พวกเขามีท่าทีตื่นเต้นดีใจที่เห็นคนไปหา เพื่อนร่วมงานที่เป็นมุสลิมตรงเข้าไปทักทายพลางสวมเข้ากอดเด็กๆซึ่งอายุเฉลี่ยคงไม่เกินสิบห้า กำแพงใดๆ ที่อาจจะมีระหว่างคนแปลกหน้ากับพวกเขาดูจะละลายไปฉับพลัน

เราพยายามพูดคุยกับพวกเขาด้วยทุกวิธีและภาษาเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย มลายู อังกฤษ แต่ก็สื่อสารกันไม่ได้ เด็กๆ โรฮิงญาถามพวกเราว่าพูดอุรดู และภาษาพม่าได้ไหม พูดมาถึงตรงนี้ก็ให้นึกอยากเขกหัวตัวเองเป็นกำลังในฐานะที่อุตส่าห์เรียนภาษาพม่าอยู่เป็นปีแต่ดันส่งคืนครูไปหมด แม้จะมีเด็กหนุ่มสองคนบอกพวกเราว่าพวกเขาพูดอังกฤษได้แต่ถึงที่สุดแล้วก็ยังสื่อสารกันได้แค่คำสองคำ เจ้าหน้าที่ในบ้านพักบอกว่า พวกเขาเองก็หวังพึ่งล่ามซึ่งจะมีมาก็เฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น  ล่ามเหล่านี้มีค่าตัววันละสองร้อยบาท จัดหามาโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

การสื่อสารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดทำให้เราได้ข้อมูลมาแบบกระท่อนกระแท่นจากการสัมภาษณ์ประหนึ่งเล่นเกมยี่สิบคำถาม เช่นกว่าจะรู้ว่ามาจากเมืองซิตตะเวในพม่าก็เล่นเอาเหงื่อตก ในที่สุดบทสนทนากลายเป็นการเก็บ key words เสียมากกว่า เช่น No Myanmar. เด็กที่พูดภาษาอังกฤษได้นิดๆบอกเราว่า พวกเขาจะไปมาเลเซีย แต่ต้องการไปอยู่ออสเตรเลีย

เมื่อจนแต้มมากเข้าและไม่รู้จะทำอย่างไรในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ต้องการให้เด็กเข้านอน พวกเราก็เลยเอาไมค์ให้พวกเขาพูดอะไรก็ได้แล้วก็อัดเสียงมา แต่เสียงที่ได้มานั้นก็ตกหล่นหายไปอีกกว่าครึ่งเพราะความผิดพลาดทางด้านเทคนิคของพวกเราเอง  เราเอาคลิปที่ถ่ายมาส่งไปให้เพื่อนประชาไทช่วยหาคนแปล เนื่องจากมีนักเคลื่อนไหวชาวโรฮิงญาในกรุงเทพฯเตือนมาว่า ไม่ให้ไปเที่ยวสุ่มหาล่ามตามที่ต่างๆเพราะโรฮิงญาที่หักหลังขายพวกเดียวกันเองมีอยู่ถมถืดและบ่อยครั้งล่ามเจตนาแปลชนิดหน้ามือกลายเป็นหลังเท้าได้อย่างง่ายๆ ทำให้เหยื่อตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าที่เราจะหาคนแปลกันได้ คลิปนี้ต้องเดินทางผ่านประเทศจากปัตตานีไปกรุงเทพฯ ไปอินเดีย บังคลาเทศกว่าจะลงเอยด้วยการหาคนที่เข้าใจมันได้ ทั้งนี้เพราะภาษาที่พวกเขาใช้มันเป็นภาษาแบบบังคลาเทศที่มาพร้อมกับสำเนียงแบบจิตตะกอง – เขาว่า

ก่อนจากพวกเขามาคืนนั้นเราก็เลยพยายามเก็บภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลุ่มผู้หญิงนอนบนบ้าน กลุ่มผู้ชายกางมุ้งครอบนอนกันเป็นกลุ่มๆอยู่ข้างล่าง ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังหาอุปกรณ์ต่างๆรองรับพวกเขาได้ไม่เต็มที่ เจ้าหน้าที่ในบ้านพักบอกเราว่าที่บ้านพักแห่งนี้เคยรับคนต่างชาติที่ชะตากรรมส่งให้พวกเขาไปตกหล่นอยู่แถวชายแดนมาแล้วหลายรายแต่ไม่เคยมีครั้งใดที่จะมากเท่านี้ เด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรฮิงญาที่"ได้รับความช่วยเหลือ" ออกมาได้จำนวนกว่าแปดร้อยคนและถูกนำตัวกระจายไปฝากไว้ในที่ต่างๆเพราะไม่มีสถานที่ใหญ่พอจะรองรับพวกเขาได้หมด  ในกลุ่มที่อยู่ที่ปัตตานีนี้เจ้าหน้าที่บอกว่ามีเพียงคนเดียวที่อายุมากกว่าสิบแปด

ข่าวโรฮิงญาในช่วงต้นๆแม้ว่าจะไม่ค่อยมีสื่อลงรายงานมากนักแต่ในพื้นที่กลายเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากแพร่สะพัดถึงกันอย่างรวดเร็ว ชะตากรรมของโรฮิงญาเป็นเรื่องหนึ่งที่ผู้คนในพื้นที่นี้ให้ความสนใจอย่างล้นหลาม  และทำให้บรรดากลุ่มและองค์กรต่างๆในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตื่นตัวระดมทุนช่วยเหลือพวกเขา มีการตั้งกล่องและเต้นท์รับบริจาคตามที่ต่างๆ ค่ำคืนนั้นก็เช่นกัน มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินทางไปเยี่ยมเด็กๆโรฮิงญาที่ปัตตานีกลุ่มนี้ด้วย และก็เหมือนพวกเรา คือทุกคนได้แต่ทักทายกันสั้นๆแล้วก็มองหน้ากันไปมา  

ในส่วนของพวกเขาเองก็คงฉงนฉงายไม่แพ้เราจากสายตาของพวกเขาที่มองมาดูจะเต็มไปด้วยคำถาม เด็กหนุ่มเกือบสิบคนที่มานั่งล้อมวงพยายามสื่อสารกับเราคืนนั้นฝากคำพูดลงในไมโครโฟนยาวเหยียดราวกับต้องการจะฟ้องชาวโลกเรื่องอะไรสักอย่าง  สองวันถัดมาเพื่อนๆหลายคนในเฟสบุคแชร์ข่าวของบีบีซีที่ระบุว่าโรฮิงญาเหล่านี้ได้รับความช่วยเหลือมาแล้วแต่ถูกจนท.ขายต่อ ไม่ต้องสงสัยว่าคำเตือนเรื่องไม่ให้ไว้ใจใครนั้นมันมีที่มาและที่ไปอย่างแน่นอน

 

หมายเหตุ

เสียงสัมภาษณ์ในคลิปวิดีโอแปลจากภาษาเบงกาลีสำเนียงจิตตะกองเป็นภาษาอังกฤษ โดย มูฮัมเหม็ด มามุน ออ ราชิด ผู้ประสานงานโครงการพัฒนาสถาบันประชาธิปไตย ศูนย์พัฒนาชุมชน จากเมืองจิตตะกอง ประเทศบังคลาเทศ

แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยโดย ทีมข่าวประชาไท

Translated from Chittaong accent Bengali by Mohammed Mamun Or Rashid

Project Coordinator, Promoting Democratic Institutions and Practices (PRODIP) Project

Community Development Centre (CODEC). Chittagong, Bangladesh

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กรรมการสิทธิฯ เชิญหน่วยงานสอบ ‘ค้ามนุษย์โรฮิงญา’ ชี้รอบนี้เริ่มมี หญิง-เด็ก

Posted: 21 Jan 2013 11:01 PM PST

 


ภาพจากทีมอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

 

ภายหลังข่าวคราวชาวโรฮิงญาจำนวนมากอพยพหลบหนีเข้ามาเมืองไทยและได้รับการช่วยเหลือไว้ในหลายจุด สำนักข่าวบีบีซี ได้เปิดโปงว่าพวกเขามักถูกทางการไทยแก้ปัญหาด้วยวิธีการ 'ปกติ' นั่นคือ ขายให้กับขบวนการค้ามนุษย์เพื่อนำพวกเขาไปเป็นแรงงานในประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นการมาของ 'เด็กและสตรี'

อนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง คณะกรรมาสิทธิมนุษยชน เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อปี 2552 ที่มีข่าวใหญ่เรื่องผู้อพยพโรฮิงญา

"นี่เป็นครั้งแรกที่มีเด็กกับผู้หญิงมาด้วยเยอะขนาดนี้" หนึ่งในทีมอนุกรรมการฯ กล่าว

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการฯ ระบุว่า เขาได้รับข้อมูลตั้งแต่ก่อนปีใหม่ด้วยซ้ำว่าชาวโรฮิงญาทะลักเข้ามาในไทยจำนวนมาก ถูกจับกุมเป็นพัน และยังตกค้าง 700-800 คน โดยเข้ามาทั้งทางเรือและทางบก จากการตรวจสอบเบื้องต้นของกรรมการที่ลงพื้นที่พบว่ามีชาวโรฮิงญาที่ถูกกักตัวอยู่หลายจุดทั้งในสงขลา ระนอง พังงา รวมแล้วราว 800 คน เฉพาะที่สงขลามีเด็กและสตรีราว 80 คน

 "ลักษณะที่แปลกว่าคราวก่อนๆ คือ มีเด็กและสตรีเข้ามาด้วย จากข้อมูลที่ลงพื้นที่ค่อนข้างยืนยันได้ว่า เป็นครอบครัวของชาวโรฮิงญาชุดที่แล้ว ที่ทะลักเข้ามาช่วงปี 2551-2552 ช่วงนั้นผมเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ มีชาวโรฮิงญาอพยพเข้ามา มีเสียชีวิตที่ ตม.ระนอง 2 คน และตม.สวนพลูอีก 1 คน เพราะร่างกายทรุดโทรมมาก  เด็กและสตรีล็อตนี้เข้ามมาเพื่อจะไปอยู่กับครอบครัว" นิรันดร์กล่าว

 

 

เขากล่าวด้วยว่า ชาวโรฮิงญาที่เข้ามาก่อนหน้านี้ (ปี 52) ตกค้างอยู่ที่ ตม.สวนพลูถึง 2-3 ปี เพราะยากจน ไม่มีเงินประกันตัว ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ หากจะไปประเทศที่สามก็จะเป็นปัญหาในเชิงการเมืองระหว่างประเทศ จากที่เราเชิญหน่วยงานรัฐมาสอบจึงพบว่า หน่วยงานรัฐใช้แนวทาง 'ปล่อยตัวไปโดยธรรมชาติ' ส่วนหนึ่งกลับไปพม่า อีกส่วนหนึ่งก็พยายามอพยพไปมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย มีบางส่วนที่อาจอยู่ในเมืองไทยหลบซ่อนตัวอยู่

ส่วนระลอกหลังที่ชาวโรฮิงญาเข้ามามากขึ้นอาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่นั่นยังคงรุนแรงต่อเนื่อง พวกเขาจำเป็นต้องหลบหนีออกจาพื้นที่ที่ไม่มีความปลอดภัย

นพ.นิรันดร์ ยังยืนยันเช่นเดียวกับทีมข่าวบีบีซีว่า  มีกระบวนการหาผลประโยชน์จากชาวโรฮิงญา ในลักษณะกระบวนการค้ามนุษย์ มีคนไทยในพื้นที่รวมถึงข้าราชการบางส่วนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ชาวโรฮิงญาเหล่านี้เมื่อไปประเทศต่างๆ ก็ไปรับจ้าง เป็นแรงงานก็มีค่าตัว จึงมีบริษัทนายหน้าหรือกลุ่มบุคคลที่เป็นนายหน้าได้ผลประโยชน์จากการเรียกร้องเอาค่าหัวจากการปล่อยตัวหรือการส่งไปประเทศที่สาม ซึ่งทางอนุกรรมการจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบเรื่องขบวนการค้ามนุษย์ ตลอดจนเรื่องมาตรการการช่วยเหลือระยะสั้น ระยะยาว โดยเฉพาะกับเด็กและสตรี ในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค. เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ

"มันจึงเป็นสภาพที่นอกจากจะไร้สัญชาติ ไร้ที่พักพิงแล้วยังกลายเป็นสินค้าซื้อขาย ถูกเอารัดเอาเปรียบมากขึ้น" นพ.นิรันดร์กล่าว

เขายังกล่าวถึงปัญหาเชิงโครงสร้างด้วยว่า นโยบายการจัดการผู้อพยพในประเทศไทยยังไม่ชัดเจน แต่ก็เป็นที่เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของประเทศไทยอย่างเดียว เป็นเรื่องระดับภูมิภาคอาเซียนที่ต้องทำความเข้าใจกัน รวมทั้งประเทศพม่าด้วย ต้องเปลี่ยนนโยบายในเรื่องชาตินิยม และทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากขึ้น ขณะเดียวกันองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติก็ต้องเข้ามามีบทบาท อาเซียนก็ควรเข้ามาประสานการพูดคุย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 56 ตัวแทนจากสมาคมโรฮิงญาประเทศไทย (บีอาร์เอที) ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการสิทธิฯ ช่วยเหลือชาวโรฮิงญาถูกจับกุมที่ จ.สงขลา เพื่อไม่ให้ส่งกลับประเทศพม่า ผ่าน นพ.นิรันดร์ และอนุกรรมการฯ เตรีมเสนอประเด็นและข้อมูลจากการลงพื้นที่เข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ในวันที่ 28 ม.ค. เวลา 13.00 น. พร้อมเชิญหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ารับฟังและหาทางออกในการแก้ปัญหา ร่วมกัน ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สภาความมั่นคง (สมช.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักจุฬาราชมนตรี สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

แดเนียล แรดคลิฟฟ์ แปลกใจสื่อตื่นเต้นเกินเหตุฉากรักเพศเดียวกัน

Posted: 21 Jan 2013 08:22 PM PST

นักแสดงชื่อดังผู้เคยรับบทแฮรี่ พอตเตอร์ หันมาแสดงเป็น อัลเลน กินสเบิร์ก กวีขบถยุค 'บีต' วัยหนุ่มที่ต้องเข้าฉากแสดงความรักกับเพศเดียวกัน ในภาพยนตร์เรื่อง Kill Your Darlings แต่ก็ถูกรุมถามเรื่องฉากดังกล่าวซึ่งแดเนียลเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นฉากรักของเพศไหนก็ไม่เห็นเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนก

ภาพจากเว็บไซต์เทศกาลซันแดนซ์

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2013 แดเนียล แรดคลีฟฟ์ นักแสดงผู้เคยมีบทบาทโด่งดังจากตัวละครแฮรี่ พอตเตอร์ แสดงความผิดหวังเมื่อเกิดกระแสความตื่นเต้นแปลกใจเกินเหตุ จากฉากภาพยนตร์ที่เขามีเพศสัมพันธ์กับเพศชายด้วยกันในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ฉายในเทศกาลซันแดนซ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังคงมีปัญหากับการแสดงความรักในเพศเดียวกันอยู่

แดเนียล ได้ผันบทบาทจากพ่อมดน้อยในวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ มาเป็นกวีขบถยุค 'บีต' ที่ชื่ออัลเลน กินสเบิร์ก ในภาพยนตร์เรื่อง Kill Your Darlings ซึ่งได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ เทศกาลภาพยนตร์นอกกระแสที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสหรัฐฯ

ภาพยนตร์เรื่อง Kill Your Darlings กำกับโดย จอห์น โครคิดาส นำเสนอเรื่องราวชีวิตจองอัลเลน กินสเบิร์ก ในปี 1944 เมื่อเขาได้พบเจอและรู้สึกประทับใจชายหนุ่มรูปงามที่ชื่อลูเซียน คาร์ จนนำให้เขาไปพบกับกลุ่มเพื่อนขบถอีกสองคนคือ แจ็ค เคอรูแอก และวิลเลี่ยม เบอโรห์ส ซึ่งทั้งสามคนนี้รวมถึงกินสเบิร์กได้กลายเป็นผู้ให้กำเนิดขบวนการ 'บีต' ในเวลาต่อมา

ในภาพยนตร์มีฉากของอัลเลน กินสเบิร์กในวัยหนุ่มทดลองยาเสพติดและแอลกอฮอล์ รวมถึงมีฉากร่วมรักด้วยปากในห้องสมุด ตัวของแดเนียลเองมีฉากหนึ่งที่ได้แสดงการจูบกับผู้ชายและร่วมรักกับกะลาสีเรือในอีกฉาก โดยแหล่งข่าวบอกว่าตัวแดเนียลเองเป็นคนรักเพศตรงข้าม (straight) แต่ก็เป็นผู้ที่ประกาศตัวสนับสนุนสิทธิของชาวเกย์

แดเนียลกล่าวว่า เขารู้สึกงงหลังจากที่เดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ในงานเทศกาลแล้วเจอคำถามส่วนมากที่เน้นถามเรื่องฉากรักเพศเดียวกันในภาพยนตร์

"ผมไม่รู้ว่าทำไมฉากมีเพศสัมพันธ์ของคนรักเพศเดียวกันถึงสร้างความตื่นตะลึงมากกว่าฉากมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม ซึ่งทั้งสองแบบต่างก็ไม่มีอะไรน่าตื่นตะลึงเท่าๆ กัน" แดเนียลกล่าว

แดเนียลกล่าวอีกว่า เขาแปลกใจที่มีบางคนตื่นตะลึงกับฉากรักเพศเดียวกันมากกว่าบทบาทก่อนหน้านี้ของเขาในละครเวทีเรื่อง Equus ซึ่งเขาแสดงเป็นตัวละครที่หลงรักม้าในแบบชู้สาวเสียอีก

แดเนียลยังได้เล่าประสบการณ์ในการถ่ายทำฉากเพศสัมพันธ์อีกว่า "มันเป็นสิ่งใหม่สำหรับผม คุณรู้ไหมว่าพวกเขาถ่ายฉากทั้งหมดเป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง มันจึงรวดเร็วมาก จนผมไม่มีเวลาพอจะหยุดคิดหรือกังวลกับมัน"

ในเรื่อง Kill Your Darlings แดเนียลต้องประชันบทบาทกับ อลิซาเบธ โอลเซน และไมเคิล ซี ฮอลล์  ภาพยนตร์ได้รับเสียงวิจารณ์ในทางบวก

แดเนียลเปิดเผยว่าผู้กำกับภาพยนตร์ จอห์น โครคิดาส คอยช่วยเหลือเขาในเรื่องรายละเอียดของภาพว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง และยังได้เลือกเพื่อนของเขามารับบทกะลาสีเรือซึ่งทำให้แดเนียลมีโอกาสทำความรู้จักกันก่อนเล็กน้อย เพราะฉากที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดควรจะทำให้ผู้เล่น 'อิน' ไปกับมันทั้งคู่

นักแสดงหนุ่มบอกเล่าเพิ่มเติมว่า มีเพื่อนผู้หญิงซึ่งมีรสนิยมรักคนต่างเพศคนหนึ่งบอกกับเขาว่าฉากเพศสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้เธอรู้สึก 'มีอารมณ์' ได้

Kill Your Darlings ไม่ใช่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีนักแสดงหนุ่มรับบทบาทของกวีขบถอัลเลน กินสเบิร์ก ก่อนหน้านี้ก็มีภาพยนตร์เกี่ยวกับยุค 'บีต เจเนอเรชั่น' ในชื่อ Howl เมื่อปี 2010 ซึ่งในเรื่องนี้ได้ เจมส์ ฟรังโก มาเป็นผู้รับบทอัลเลน กินสเบิร์ก


เรียบเรียงจาก

Radcliffe 'weirded out' by media focus on gay sex scenes in new film, The Independent, 20-01-2013

รายละเอียดภาพยนตร์จากเว็บไซต์เทศกาลซันแดนซ์
 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น