ประชาไท | Prachatai3.info |
- แผ่นดินไหวหลายระลอกในพม่า-รับรู้แรงสั่นสะเทือนถึงไทย
- 'เอกชัย' มาอีก แต่อดมอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตร - 'ศรีสุวรรณ' ส่งหลักฐานเพิ่มให้ ป.ป.ช.
- ศูนย์บริการสาธารณสุข 60 กทม. ต้นแบบดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงในเขตเมืองใหญ่
- สปสช.จัดสิทธิประโยชน์ดูแลสุขภาพเด็กไทย สร้างประชากรคุณภาพสู่การพัฒนาประเทศ
- วิพากษ์สื่อไม่ตั้งคำถามเชิงระบบ ปัจเจกรับผล แต่คนรับผิดชอบเชิงระบบลอยนวล
- เหล่าทัพประกาศ ‘เป็นกองหนุนรัฐบาล’ ไม่หวั่น ปลายปี ผบ.เหล่าทัพ เกษียณฯยกแผง
- บอร์ดค่าจ้างไร้มติเลื่อนเป็น 17 ม.ค. ยันขึ้นแน่ แต่ไม่เท่ากันทุกจังหวัด
- นิตยสารเดอะนิวยอร์กเกอร์: รัฐบาล 'ทรัมป์' จะทำให้จีน 'ยิ่งใหญ่อีกครั้ง' จริงหรือ?
- กสม.ออกระเบียบรับจดแจ้งองค์กรเอกชนด้านสิทธิฯ - เตรียมคัดเลือก กก.สรรหา กสม. ชุดใหม่
แผ่นดินไหวหลายระลอกในพม่า-รับรู้แรงสั่นสะเทือนถึงไทย Posted: 11 Jan 2018 11:26 AM PST สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุเมื่อเวลา 01.26 น. เกิดแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศพม่าขนาด 5.9 ห่างจาก อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 224 กิโลเมตร และมีผู้แจ้งเหตุรู้สึกสั่นไหวทั้งในภาคเหนือและอาคารสูงในกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหวว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 01.26 น. ตามเวลาประเทศไทย (00.56 น. ตามเวลาประเทศพม่า) เกิดแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศพม่า ที่ละติจูด 18.39 องศาเหนือ ลองจิจูด 96.06 องศาตะวันออก ขนาด 5.9 ความลึก 10 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 224 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ และ อาคารสูงในกรุงเทพมหานคร หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบโดยด่วนต่อไป โดยหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวมีประชาชนในภาคเหนือรวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารสูงที่กรุงเทพมหานครแจ้งเหตุรู้สึกสั่นไหวเป็นจำนวนมาก (อ่านรายละเอียด) ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าบริเวณศูนย์กลางแผ่นดินไหวดังกล่าว อยู่ในภาคพะโค ประเทศพม่า อยู่ห่างจากนครย่างกุ้งไปทางเหนือ 175 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองตองอู ในภาคพะโค ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 71 กิโลเมตร โดยหลังจากนั้นยังเกิดแผ่นดินไหวตามมาอีกหลายระลอก ศูนย์กลางอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวระลอกแรก โดยในเวลา 01.38.14 เกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.47 องศาเหนือ ลองติจูด 95.96 องศาตะวันออก ขนาด 5.2 ความลึก 10 กิโลเมตร เวลา 01.43.00 น. เกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.50 องศาเหนือ ลองติจูด 96.06 องศาตะวันออก ขนาด 5.1 ความลึก 10 กิโลเมตร และเวลา 01.43.59 น. เกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.28 องศาเหนือ ลองติจูด 95.94 องศาตะวันออก ขนาด 5.2 ลึก 10 กิโลเมตร ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
'เอกชัย' มาอีก แต่อดมอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตร - 'ศรีสุวรรณ' ส่งหลักฐานเพิ่มให้ ป.ป.ช. Posted: 11 Jan 2018 11:00 AM PST 'เอกชัย' มาอีก แต่ก็ไม่ได้มอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตร ที่ทำเนียบ ยันวันเด็กมาใหม่ แต่เอาปฏิทินมาแจกแทน 'ศรีสุวรรณ' ชี้แจงปมนาฬิกาหรูพล.อ.ประวิตร พร้อมยื่นข้อมูลเพิ่ม มั่นใจพยานหลักฐานแน่น ระบุมีพฤติการณ์ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน เอกชัย โพสต์ยืนยันผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว 11 ม.ค. 2561 มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อ เวลา 10.00 น.ที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางมามอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อีกครั้ง โดยได้เตรียมนาฬิกามาจำนวน 3 เรือน เพื่อมอบให้ พล.อ.ประวิตร เนื่องจากทราบว่า พล.อ.ประวิตร มีประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายเอกชัยไปพูดคุยที่ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดย เอกชัย กล่าวหลังมั่นใจว่าจะไม่ได้พบ พล.อ.ประวิตร จึง ว่า พล.อ.ประวิตรเป็นชายชาติทหาร แต่ไม่กล้ามาพบตน จึงไม่เข้าใจว่าเป็นชายชาติทหารประเภทใด หากเป็นรัฐบาลพลเรือนมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นคงอยู่ไม่ได้ คงต้องออกไปแล้ว ไม่ลาออกไปเอง ก็ถูกบีบให้ออก อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ม.ค. ซึ่งเป็นวันเด็กตนก็จะตามไปมอบนาฬิกาให้ พล.อ.ประวิตรต่อไป เอกชัย โพสต์ยืนยันผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวด้วยว่า ยังคงยืนยันที่จะมอบนาฬิกาเหล่านี้ให้ถึงมือ ประวิตร เท่านั้น ต่อมา เอกชัย โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กด้วยว่า จากการตรวจสอบกำหนดการไม่พบ มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า ภายหลัง พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการชี้แจงประเด็นนาฬิกาหรูต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "โอ๊ย" แล้วเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัวออกทำเนียบรัฐบาลไปทันที ศรีสุวรรณส่งหลักฐานปมนาฬิกาหรูเพิ่มให้ ป.ป.ช.สำนักข่าวไทย รายงานว่า ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การ พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเดินทางไปชี้แจงและยื่นหลักฐานเพิ่มเติม กรณียื่นคำร้องตรวจสอบที่มานาฬิกาหรูและแหวนเพชรของพล.อ.ประวิตร โดย ศรีสุวรรณ กล่าวก่อนเข้าให้คำชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ว่า มั่นใจในเอกสารและหลักฐานที่นำมาให้ป.ป.ช.เนื่องจากเห็นว่า พล.อ.ประวิตร มีพฤติการณ์ปกปิดบัญชีทรัพย์สินและร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ส่วนเอกสารที่นำมาให้ป.ป.ช.เพิ่มเติมคือ รูปภาพที่พล.อ.ประวิตรถ่ายในวันที่ 4 ธ.ค. 2560 และรวบรวมภาพนาฬิกาจากเว็บไซต์ต่างๆ "ป.ป.ช.จะต้องดำเนินการอย่างเที่ยงตรง เพราะผมทราบมาว่าประธานป.ป.ช.ชุดปัจจุบันสนิทกับพล.อ.ประวิตร เนื่องจากเคยเป็นรองเลขาฯ มาก่อน เพราะฉะนั้นการทำอะไรจะต้องอยู่ในสายตาของสาธารณชน ป.ป.ช.จึงต้องฉีกตัวเองออกมาจากจุดนั้น เพราะการทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐของข้าราชการระดับสูงจะเป็นผลงานของป.ป.ช. จึงต้องจริงจังกับการทำหน้าที่ กรณีนี้จึงเป็นการวัดใจป.ป.ช. รวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะเคยบอกว่าจะเอาจริงกับการปราบปรามการคอร์รัปชั่นและการทุจริตทุกรูปแบบ" ศรีสุวรรณ กล่าว ศรีสุวรรณ กล่าวว่า หากป.ป.ช.มีมติส่งฟ้องกรณีดังกล่าว บทบาทของป.ป.ช.จะโดดเด่นมากขึ้น แต่หากไม่ส่งฟ้องสาธารณชนจะพุ่งเป้า และป.ป.ช.จะสั่นสะเทือน และหากป.ป.ช.ไม่สั่งฟ้อง จะรวบรวมรายชื่อประชาชน 20, 000 รายชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำหน้าที่ของป.ป.ช. รายงานข่าวระบุด้วยว่า ภายหลังชี้แจง ศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงของป.ป.ช.สอบถามเกี่ยวกับหลักฐานที่นำมาเพิ่ม ซึ่งชี้แจงไปว่าครั้งก่อนได้ยื่นเอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 3-4 เรือน ครั้งนี้ยื่นเอกสารเพิ่มอีก 16 เรือน รวมเป็น 19 เรือน เพื่อให้ป.ป.ช.มีหลักฐานชัดเจนมากขึ้น และได้ขอให้ป.ป.ช.เชิญอธิบดีกรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลกับทาง ป.ป.ช. ว่าใครบ้างเป็นคนสั่งเข้ามา เนื่องจากนาฬิกามีมูลค่าหลายล้านบาท การนำเข้าประเทศมาจะต้องผ่านกรมศุลกากรเพื่อจ่ายภาษีก่อน และอยากให้ตรวจสอบนาฬิกาของพล.อ.ประวิตรด้วยว่าเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ศูนย์บริการสาธารณสุข 60 กทม. ต้นแบบดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงในเขตเมืองใหญ่ Posted: 11 Jan 2018 10:20 AM PST ศูนย์บริการสาธารณสุข 60 กทม.จับมือ สปสช. ดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิ
11 ม.ค. 2561 รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า กทม.เป็นพื้นที่มีความแตกต่ เลขาธิการ สปสช. ระบุว่า ที่ผ่านมากรุ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ศูนย์บริการสาธารณสุข 60 เป็นหนึ่งในศูนย์บริการสาธารณสุ เลขาธิการ สปสช. ระบุต่อว่า ในปี 2561 นี้ กรุงเทพมหานครยังเตรียมขับเคลื่ พญ.ดลจรัส ทิพย์มโนสิงห์ ผอ.ศูนย์บริการสาธารณสุข 60 รสสุคนธ์ มโนชญากร กล่าวว่า ศูนย์บริการสาธารณสุข60ฯ ในพื้นที่มีประชากรสูงอายุ 24,745 คน ในจำนวนเป็นผู้ที่มีอายุ 60-69 ปี ถึง 15,364 คน ในการดำเนินงาน LTC เป้าหมายสำคัญคือการดูแลผู้สู "จากกองทุน LTC ส่งผลให้ในปีนี้มีผู้สูงอายุที่ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
สปสช.จัดสิทธิประโยชน์ดูแลสุขภาพเด็กไทย สร้างประชากรคุณภาพสู่การพัฒนาประเทศ Posted: 11 Jan 2018 08:34 AM PST สปสช.จัดสิทธิประโยชน์บัตรทองดู 11 ม.ค. 2561 รายงานข่าวแจ้งว่า นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุ เลขาธิการ สปสช. ระบุว่า สิทธิประโยชน์เพื่อดูแลสุ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า เด็กในช่วงอายุ 1-18 เดือน เป็นช่วงที่สมองและร่างกายมีพั เลขาธิการ สปสช. กล่าวอีกว่า เมื่อเข้าสู่วัยเรียนเป็นการสนั "ด้วยผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซี "บอร์ด สปสช.ให้ความสำคัญในการดูแลสุ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
วิพากษ์สื่อไม่ตั้งคำถามเชิงระบบ ปัจเจกรับผล แต่คนรับผิดชอบเชิงระบบลอยนวล Posted: 11 Jan 2018 03:39 AM PST วงเสวนา "เมื่อ 'สื่อ' ละเมิด 'สิทธิ'" ชี้ สื่อต้องตระหนักถึงสิทธิมนุษยชน เผยยังมีสื่อตีตราผลิตซ้ำ ความจริงด้านเดียว ตั้งตัวเป็นมาตรฐานศีลธรรมตัดสินดีชั่ว วิพากษ์ 'คำถามเชิงระบบ' ที่สื่อไม่เคยไปถึง ร่วมแชร์ประสบการณ์จริงของช่างภาพข่าว เหตุใดลงพื้นที่ทุกครั้งไม่อาจทำตามหลักการได้ 10 ม.ค. 2561 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มช่างภาพ Realframe และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดงานเสวนาในหัวข้อ "เมื่อ 'สื่อ' ละเมิด 'สิทธิ'" ร่วมแลกเปลี่ยนโดย สังกมา สารวัตร อาจารย์คณะ ICT มหาวิทยาลัยศิลปากร ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และปฏิภัทร จันทร์ทอง ช่างภาพบางกอกโพสต์ ดำเนินรายการโดย วิรดา แซ่ลิ่ม จากรายการ Backpack Journalist
สังกมา สารวัตร: สิทธิของสื่อกับความรับผิดชอบต่อสังคมอาจารย์คณะ ICT มหาวิทยาลัยศิลปากร เริ่มจากการอธิบายถึงคำว่า สิทธิมนุษยชน คือสิทธิที่คุณเกิดมาแล้วคุณได้รับทันที ซึ่งกินความหมายกว้างมาก ทั้งสิทธิในการเลือก สิทธิในการชุมนุม การเคลื่อนไหว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่ขณะเดียวกันสิทธิของสื่อ มันไม่ได้มาเอง สิทธิของสื่อคือคุณต้องมีหน้าที่เป็นสื่อก่อนแล้วคุณถึงได้รับสิทธิในการถ่าย การบันทึก ดังนั้น สิทธิของสื่อและสิทธิมนุษยชนจึงต่างกัน ทิชา ณ นคร: กรณีตัวอย่าง สื่อตั้งคำถามเพียงปัจเจก นำเสนอด้านเดียวทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก เล่าถึงกรณีตัวอย่างว่า คนที่เรานึกถึงเลยคือกรณีของ 'หมูหยอง' วัยรุ่นอายุไม่ถึง 18 ปีที่ฆ่าใครบางคนไป แล้วสื่อไปสัมภาษณ์เขา แต่สิ่งที่มันออกไปสู่สาธารณะเป็นด้านมืดด้านดิบของหมูหยอง ซึ่งเราคิดว่ามันมีกระบวนการบางอย่างที่สังคมยังต้องทำความเข้าใจกับมัน แค่ด้านมืดและด้านดิบที่ถูกหยิบออกมาไม่ถูกคัดกรองเลย ทั้งที่ผู้ก่ออาชญากรรมเขามีบาดแผลมาก่อน แต่หมูหยองก็ถูกส่งเข้าสถานพินิจได้คืนเดียวแล้วถูกส่งเข้าเรือนจำ ซึ่งการที่เขาถูกส่งเข้าเรือนจำมันเป็นผลมาจากประเด็น talk of the town ด้านมืดและด้านดิบของเขาที่สื่อลงก่อนหน้านั้นจนสถานพินิจไม่กล้ารับเขา ปฏิภัทร จันทร์ทอง: การทำงานจริงที่ไม่อาจทำตามหลักการได้ทุกครั้งปฏิภัทร จันทร์ทอง ช่างภาพบางกอกโพสต์ เล่าว่า ตอนทำงานเราไม่ได้ยึดหลักการซะทีเดียว แต่เราทำยังไงก็ได้ให้เรารู้สึกไม่ไปก้าวล่วงเขา มันอยู่ที่เจตนาและวิธีการสื่อสารของเรา สำหรับงานข่าว บางอย่างเราไม่สามารถไปขอเขาได้ ซึ่งอาจแตกต่างจากงานสารคดีนิดหน่อย งานข่าวมีเรื่องของเวลาเป็นตัวกำหนด เราอาจต้องรีบปิดต้นฉบับเพื่อตีพิมพ์ เพราะฉะนั้นบางเหตุการณ์เราไม่สามารถไปบอกหรือไปอธิบายทั้งหมดว่า ผมเข้ามาตรงนี้เพื่อแบบนี้ และขอถ่ายรูปคุณเพื่อแบบนี้ แล้วมันจะออกไปเป็นแบบนี้ บางเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาสั้นมาก บางอย่างเราต้องการธรรมชาติของมัน ถ้าเราเข้าไปคุยท่าที แอคชั่นก็จะเปลี่ยนไป ในขณะที่งานสารคดีใช้เวลาเยอะกว่า มีเวลาในการพูดคุยเยอะกว่า อีกส่วนหนึ่งคือเวลาเราลงพื้นที่ เราไม่มีเวลาจะอธิบายเขาทั้งหมดหรอกว่าเราจะนำเสนอยังไงแบบชัดๆ และสมมติตำรวจเดินไปค้นคนนี้ แล้วตำรวจเดินไปค้นอีกคน เราก็ต้องตามไปถ่ายแล้ว ไม่มีเวลาที่จะอธิบายทุกคนจริงๆ ยกเว้นบางเคสที่เรามีเวลา เราก็จะอธิบาย
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
เหล่าทัพประกาศ ‘เป็นกองหนุนรัฐบาล’ ไม่หวั่น ปลายปี ผบ.เหล่าทัพ เกษียณฯยกแผง Posted: 11 Jan 2018 01:58 AM PST ผู้บัญชาการทหารสูงสุดย้ำกองทัพหนุนรัฐบาล ทุกอย่างมีกฎหมาย ขั้นตอนอยู่แล้ว ระบุที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพไม่ได้ถกปมการเลือกตั้งในปีนี้ ยันไม่กังวลแม้ ผบ.เหล่าทัพจะเกษียณทั้งหมด ปลายปีนี้ เหตุมีระบบการทำงานอยู่แล้ว ย้ำทุกเหล่าทัพหนุนงาน "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" 8 ก.พ. - 11 มี.ค.นี้ ภาพจากเฟสบุ๊คแฟนเพจ 'Army PR Center' 11 ม.ค. 2561 ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า วานนี้ (10 ม.ค.61) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ถึงการเตรียมพร้อมดูแลสถานการณ์ที่จะมีการเลือกตั้งในปีนี้ว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว แต่กองทัพจะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล โดยทุกอย่างมีกฎหมาย รวมถึงขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว เช่น การปลดล็อกให้พรรคดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทางกองทัพก็ทำหน้าที่ตามปกติ ส่วนการดูแลความเคลื่อนไหวของนักการเมืองนั้น ยังมีกรอบกำหนดอยู่ เชื่อว่านักการเมืองยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ และเชื่อว่าไม่มีผลกระทบอะไร เมื่อถามว่าปีนี้ ผบ.เหล่าทัพจะเกษียณอายุราชการทั้งหมด จะสานงานต่ออย่างไร เพราะถือเป็นช่วงรอยต่อที่จะมีการเลือกตั้งช่วงปลายปี พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าวว่า กองทัพมีระบบการทำงาน ขั้นตอนและบุคลากรชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวล ต่อกรณีคำถามที่ว่าว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ประกาศตัวเป็นนักการเมืองแล้ว ทางกองทัพจะวางตัวอย่างไร พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าวว่า นายกฯได้ชี้แจงแล้วว่าความหมายนักการเมืองของท่านหมายความว่าอย่างไร ซึ่งเราได้รับทราบแล้ว ส่วนบทบาทกองทัพโดยเฉพาะหน้าที่และภารกิจยังดำเนินการตามปกติ ทั้งการสนับสนุนรัฐบาลและเป็นเครื่องมือให้กับคสช. เมื่อถามว่าที่ประชุมได้พูดคุยถึงกรณีมีการเผยแพร่ภาพ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในประเทศอังกฤษหรือไม่ พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดำเนินการ ในที่ประชุมไม่ได้พูดถึง เพียงแต่รับทราบและเห็นภาพจากสื่อเท่านั้น ส่วนจะประสานกับตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลหรือไม่นั้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำงานตามระเบียบและขั้นตอน เฟสบุ๊คแฟนเพจ 'Army PR Center' รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพดังกล่าว เน้นย้ำให้ทุกเหล่าทัพแล ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ประเด็น กองหนุน ของ คสช. นั้น เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์หลังจากเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา เมื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวตอนหนึ่งขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้นำเหล่าทัพ เข้าอวยพร ว่า "ตู่ (พล.อ.ประยุทธ์) ได้ใช้กองหนุนไปหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีของเราที่มีต่อประชาชนชาวไทย กองหนุนจะมาเอง" ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
บอร์ดค่าจ้างไร้มติเลื่อนเป็น 17 ม.ค. ยันขึ้นแน่ แต่ไม่เท่ากันทุกจังหวัด Posted: 11 Jan 2018 12:21 AM PST บอร์ดค่าจ้างไร้มติ เลื่อนไปเป็น 17 ม.ค.นี้ ประธานบอร์ดค่าจ้าง ยันขึ้นแน่แต่ไม่เท่ากันทุกจังหวัด ขณะที่รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ชงยกเลิกอนุ คกก.ค่าจ้างจังหวัด แนะ ประยุทธ์ ใช้ม.44 ปรับค่าจ้าง ยันตัวเลข 360 บาททั่วประเทศ แฟ้มภาพ 11 ม.ค.2561 ความคืบหน้าการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 ของคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) วานนี้ (10 ม.ค.61) คมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่า จรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้าง กล่าวว่า การประชุมบอร์ดค่าจ้างทั้ง 3 ฝ่าย เข้าร่วมประชุมพิจารณาการปรับค่าจ้าง ซึ่งมาประชุมครบทุกคน แต่พบกว่าตัวเลขที่อนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดเสนอมาแต่ละพื้นที่ มีความแตกต่างกันมาก บางจังหวัดอัตราค่าจ้างต่ำ บางจังหวัดอัตราค่าจ้างสูงเกินไป บางจังหวัดไม่มีตัวแทนลูกจ้าง "บอร์ดค่าจ้างจึงไม่สามารถสรุปอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 ได้ ขอให้คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดกลับไปทบทวนอัตราค้าจ้าง ก่อนเสนอมาอีกครั้งในการประชุมบอร์ดค่าจ้างนัดต่อไปวันที่ 17 มกราคม 2561" จรินทร์ กล่าว จรินทร์ กล่าวยืนยัน ปี 2561 จะมีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน แต่ต้องทำให้เกิดความสมดุลทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ต้องอยู่ได้ ส่วนจะปรับขึ้นค่าจ้าง 15 บาท นั้นเป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น อาจจะมากหรือน้อยกว่าก็ได้ ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาคณะกรรมการค่าจ้างตามระบบไตรภาคี ที่จะพิจารณาจากข้อมูลที่อนุกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัดเสนอตัวเลขเข้ามา "ส่วนจะมีการปรับขึ้นเท่าไหร่ ต้องดูจากหลายปัจจัยประกอบ อาทิ ดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ความสามารถในการผลิต ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ รวมถึงศึกษาเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหลังจากมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ไม่มีการปรับขึ้นมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2559 เพิ่งจะปรับ ในปีที่ผ่านมา สูงสุด 310 บาท" ประธาน บอร์ดค่าจ้าง กล่าว ไทยพีบีเอส รายงานดวยว่า ประธาน บอร์ดค่าจ้าง ยืนยันว่าจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำทุกจังหวัด แต่ไม่เท่ากัน ส่วนตัวเลขอยู่ที่ 2-15 บาทหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับบอร์ดค่าจ้างทั้ง 3 ฝ่าย ที่จะพิจารณาจากข้อมูลที่อนุกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัดเสนอตัวเลขเข้ามา คมชัดลึกออนไลน์ รายงานความเห็นของ ชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ด้วย โดย ชาลี กล่าวว่า การประชุมบอร์ดค่าจ้างวันนี้แม้ครบองค์ประชุม แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดค้าจ้างแล้ว กลับมีข้อท้วงติงจากส่วนกลางมากมาย เหมือนไม่เชื่อใจอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด 76 จังหวัด ที่เสนอตัวเลขมามีความแตกต่างกัน จึงถูกตีตกไป ทำให้เสียเวลาในการปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 ออกไปอีก "ผมมองว่าบอร์ดค้าจ้าง ยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ อาศัยอนุกรรมค่าจ้างจังหวัดเป็นเกราะกำบัง หรือเป็นข้ออ้างในการเตะถ่วงไม่ยอมปรับค่าจ้างขั้นต่ำเสียที ผมขอเสนอให้ยกเลิกอนุกรรมการต่าจ้างจังหวัด เพราะเสนอตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำมาแต่ละครั้งก็ถูกส่วนกลางตำหนิหรือตีตกไปทุกครั้ง ทำให้เสียเวลาเสียโอกาส" ชาลี กล่าว ชาลี กล่าวอีกว่า ควรจะมีหน่วยงานกลางหรือคนกลาง เช่น สถาบันทีดีอาร์ไอ หรือมหาวิทยาลัยทำการศึกษาวิจัยค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสมกับประเทศไทย ที่นายจ้าง ลูกจ้างอยู่ได้ ทั้งนี้ในส่วนของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ยังยืนยันตัวเลขเดิม ค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศที่ 360 บาท ส่วนข้อเสนอให้ปรับ2-15 บาทนั้น ในสภาพความจริงเป็นไปไม่ได้ เพราะเงิน 2 บาทแทบจะทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย "ผมไม่มั่นใจว่า 17 ม.ค. 2561 บอร์ดค่าจ้างจะสามารถเคาะค่าจ้างขั้นต่ำปี2561ได้หรือไม่ ผมขอเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ใช้ม.44 ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ จะดีกว่า" รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุม ครม. ถึงกรณีการปรับค่าแรงขั้นต่ำว่า เป็นเรื่องการพิจารณาหารือของคณะกรรมการ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายการพิจารณาหารือในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาแล้ว โดยการพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำนั้น ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรจะให้ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ถ้าหากมีการปรับขึ้นค่าแรงจะขึ้นเท่าไหร่ โดยจะมีการพิจารณาและดำเนินการอย่างเป็นธรรม ขอให้รอฟังผลการพิจารณาหารือ ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอความร่วมมือภาคเอกชนให้ทำความเข้าใจ หากผู้ประกอบการมีความเดือนร้อน รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือหาวิธีการดูแล โดยเฉพาะมาตราการเงินและการคลัง
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
นิตยสารเดอะนิวยอร์กเกอร์: รัฐบาล 'ทรัมป์' จะทำให้จีน 'ยิ่งใหญ่อีกครั้ง' จริงหรือ? Posted: 10 Jan 2018 11:10 PM PST นักข่าวอีวาน ออสนอส ผู้มีประสบการณ์ในจีน ตามสัมภาษณ์ผู้ศึกษาจีน-สหรัฐฯ และเรียบเรียงข้อมูลเกี่ยวกับการที่จีนพยายามผงาดขึ้นมาในเวทีโลกช่วงที่สหรัฐฯ ล่าถอยในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ดูเหมือนว่าหลายคนยังประเมินว่าจีนจะเพลี่ยงพล้ำถ้าพยายามฉวยโอกาสเร็วเกินไป อีกทั้งการที่จีนไม่เคารพในเสรีภาพและประชาสังคมของตัวเองทำให้จีนไม่เป็นที่นับถือในสายตาของชาวโลกทั่วไป ขณะที่สหรัฐฯ ถ้ารัฐบาลเปลี่ยนยังอาจจะสำรวจตัวเองและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ในรายงานของนิตยสารเดอะนิวยอร์กเกอร์ฉบับวันที่ 8 ม.ค. 2561 โดยนักข่าวอีวาน ออสนอส นำเสนอเรื่องเกี่ยวกับการพยายามขึ้นมาเป็นผู้นำบนเวทีโลกในยุคสมัยที่สหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามปิดตัวเองด้วยคำขวัญว่า "อเมริกามาก่อน" ส่วนจีนพยายามสร้างภาพให้ตัวเองดูเป็นผู้ให้ผลประโยชน์กับประเทศอื่นในเวทีโลก ออสนอสยกตัวอย่างการนำเสนอภาพตัวเองในเวทีโลกของจีนผ่านทางภาพยนตร์ "กองพันหมาป่า" หรือ "Wolf Warrior II" ซึ่งเป็นภาพยนตร์แอคชั่นที่รายได้ถล่มทลายในจีนช่วงสองสัปดาห์แรก เรื่องราวเกี่ยวกับหน่วยรบพิเศษของกองทัพจีนที่เข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนจีนที่ประเทศสมมติแห่งหนึ่งในแอฟริกาและมีตัวร้ายเป็นกลุ่มกบฏที่มีตะวันตกหนุนหลัง มีการพยายามสร้างภาพว่าจีนและแอฟริกา "เราเป็นเพื่อนกัน" และมีตัวร้ายเป็นนักแสดงชาวอเมริกันที่พยายามพูดดูถูกตัวเอกชาวจีนแต่ตัวร้ายก็ถูกซ้อมจนเสียชีวิตแล้วตัวเอกก็บอกว่า "นั่นเป็นอดีตไปแล้ว" ออสนอสเคยย้ายเข้าไปอาศัยในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2548 เขาบอกว่าเรื่องเหล่านี้สะท้อนความพยายามเข้าไปมีบทบาทในเวทีโลกด้วยปฏิบัติการทางทหารในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เช่น การส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือพลเรือนในสงครามเยเมน รวมถึงการเข้าไปตั้งฐานทัพในประเทศจิบูตี มีการตั้งข้อสังเกตว่าจากที่ก่อนหน้านี้ชาตินิยมของจีนตั้งอยู่บนแนวคิดแบบทำให้ตัวเองดูเป็นเหยื่อทั้งจากการรุกรานและจากจักรวรรดินิยม แต่การนำเสนอภาพยนตร์เรื่องกองพันหมาป่าเป็นการพยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็งของจีนด้วยการเล่าในแบบของตัวเองไม่ต่างจากภาพยนตร์แอคชั่นในช่วงสมัยประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ ออสนอสยังเคยพูดคุยกับอู๋จิง นักแสดงนำและผู้กำกับ Wolf Warrior II ช่วงที่เขาเดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์เพื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ อู๋จิงบอกว่าก่อนหน้านี้ภาพยนตร์ในจีนเน้นแต่เรื่องสงครามฝิ่น เน้นแต่เรื่องที่ว่าประเทศอื่นทำสงครามกับจีนอย่างไร แต่ในตอนนี้จีนจะเล่าเรื่องในทำนองที่ว่าพวกเขาจะเป็นประเทศที่ปกป้องสันติภาพของโลกได้ อย่างไรก็ตามอู๋จิงถือเป็น "เด็กปั้น" ของรัฐบาลจีนเขาจึงไม่พูดถึงเรื่องการเซ็นเซอร์และการโฆษณาชวนเชื่อที่เกิดขึ้นในประเทศตัวเองเลย |
กสม.ออกระเบียบรับจดแจ้งองค์กรเอกชนด้านสิทธิฯ - เตรียมคัดเลือก กก.สรรหา กสม. ชุดใหม่ Posted: 10 Jan 2018 10:34 PM PST กสม. ออกระเบียบรับจดแจ้งองค์ 11 ม.ค. 2561 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สนง.กสม.) แจ้งว่า สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติ โดยมาตรา 61 (1) (2) และ (3) กำหนดให้จัดทำระเบียบและดำเนิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จึงมีมติเมื่อวันที่ 9 ม.คที่ผ่านมา เห็นชอบ "ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุ สนง.กสม. ระบุด้วยว่า ระเบียบดังกล่าวอยู่ระหว่
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท. To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google, 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, CA 94043, United States |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น