โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท

กวีประชาไท: คิดถึงกันบ้างไหม

Posted: 28 May 2018 07:30 AM PDT

  • ถาม...ห่างไกล, คนเก่าเหงาบ้างไหม
    กุมภาพันธ์ หายไปไร้ความหมาย
    ห้องหอฝัน มืดสนิทเหมือนปิดตาย
    รอยกล้ำกราย ความทุกข์ที่รุกราน
     
  • โลกความฝัน บรรเลงเพลงหงอยเศร้า
    กลบท่วมทับ ทำนองเก่า แผ่วแว่วหวาน
    เสียงหัวใจปวดร้าวเกินทัดทาน
    ก้อนความเศร้าเหงาสะท้านบางห้วงตอน
     
  • จึงก่อเกิดเรื่องราวของ...หัวใจ
    ซึ่งสั่นถอนอ่อนไหว และล้ากร่อน
    ความห่วงหาเสียดแทงคอยบั่นทอน
    เงาสะท้อนโดดเดี่ยวอย่างเดียวดาย
     
  • สู้ลำพังโดดเดี่ยวบนเขี้ยวเข่น
    ในทางเถื่อนลำเค็ญไกลจุดหมาย
    ห้วงเวลานาทีมีความตาย
    บทสุดท้ายผู้กล้า...หาพรั่นพรึง
     
  • ถาม...อีกครั้งคิดถึงกันบ้างไหม
    ลมหายใจเข้าออกบอกคิดถึง
    แม้นเสรีภาพทางกายถูกมัดตรึง
    เถิด หัวใจดวงหนึ่ง ซึ่ง...เสรี




     

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ใบตองแห้ง: ซ้ำเติมคะแนนตก

Posted: 28 May 2018 06:58 AM PDT



คสช.แจ้ง ปอท.ดำเนินคดีเว็บไซต์ที่โพสต์ข้อความ "บิ๊กตู่ฟิวส์ขาด ด่ากราดประชาชน ไล่ให้เติมน้ำเปล่าแทนดีเซล อย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก"

ว่าที่จริง ก็ไม่น่าเชื่อถือสักนิด กลายเป็นพิษเป็นภัยได้ไงไม่ทราบ หรือเพราะชาวบ้านคุ้นเคยกับคำพูดแบบไล่ไปขายยางดาวอังคาร กระทั่งหลงเชื่อข้อมูลอันเป็นเท็จ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็กำชับหน่วยงานความมั่นคง ให้ติดตามเอาผิดการให้ข้อมูลเท็จบิดเบือน ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ส่อเสียด ปลุกอารมณ์โกรธเกลียดในโลกออนไลน์ ซึ่งไม่ใช่แค่พวกวิจารณ์รัฐบาล ปตท.ยังขู่เอาผิดพวกรณรงค์ไม่เติมน้ำมันที่บิดเบือนว่าฉ้อฉลปล้นคนไทย

4 ปี คสช. ไม่เพียง Anniversary ด้วยการขี่ช้างตื่นตูมจับคนอยากเลือกตั้ง ที่ปลุกกระแสต้าน สร้างความโกรธแค้นในหมู่ผู้รักประชาธิปไตย เรื่องใหญ่พอกันคือ น้ำมันขึ้นราคา ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสาร สินค้าต่าง ๆ ขยับขอปรับราคา แม้รัฐบาลยังไม่ให้ขึ้น และรีบออกมาตรการมาช่วยเหลือ แต่ชาวบ้านก็เสียความรู้สึกไปซะแล้ว จากเศรษฐกิจปากท้องแย่มา 4 ปี

เข้าใจตรงกันนะ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อาจคุยได้ว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงสุดในรอบกี่ปีกี่ชาติ แต่ในความรู้สึกชาวบ้านทั่วไป ยกเว้นคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ทำโพลล์ทีไรก็บอกฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากเหลือเกิน เสียงบ่นหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ จนสั่งสมเป็นความเบื่อ ยิ่งเมื่อรัฐบาลนี้อยู่ยาวเกินปกติ ในสภาพประชาชนไม่มีปากเสียง มีแต่ต้องอดทนอดกลั้น รับฟังคำสั่งสอน แนะนำ ก็ยิ่งทำให้เบื่อหน่าย เมื่อไหร่จะเลือกตั้งเสียที

พอน้ำมันขึ้นราคา คุณอธิบายด้วยทฤษฎีถูกต้องยังไง อารมณ์คนก็ไม่พอใจ ในโลกออนไลน์ ล้นไปด้วย quote ถ้อยคำ เช่นท่านผู้นำบอกให้รู้จักหน้าที่ เสียภาษี เสียสละ ช่วยตัวเอง ช่วยรัฐบาล น้ำมันขึ้นราคาตามตลาดโลก ฯลฯ ซึ่งก็ถูกนะครับ แต่มีคนไปค้นคำพูดท่านเมื่อปลายปี 57 ว่า "ตั้งแต่ คสช. เข้ามาบริหารประเทศ สามารถปรับลดราคาน้ำมันได้เกือบ 10 บาท …ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน"

บ้างก็เขียนภาพล้อ 4 ปีมีแต่จนลง บ้างก็ยกคำพูดขอขึ้น VAT 8% โฆษกไก่อูชี้แจงว่าเรื่องเก่าปีที่แล้ว เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็ยังมีคนแพร่ไปอีกว่าจะขึ้น 9%

แน่ละ เวลาชาวบ้านบ่นก็จะมีข้อมูลผิด ๆ ถูก ๆ มองแบบฝ่ายความมั่นคง ก็เชื่อว่ารัฐบาลถูกให้ร้าย แต่มองอย่างเข้าใจอารมณ์สังคม คือเวลาชาวบ้านเบื่อรัฐบาล เมื่อถึงจุดตกต่ำ มักไม่ต้องการเหตุผล เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าทักษิณ ยิ่งลักษณ์ อภิสิทธิ์ แม้แต่เรื่องไร้สติอย่างโจมตี ปตท. ก็อธิบายทางการเมืองได้ว่า พวกทวงคืน ปตท.ที่เคยไล่ทักษิณ ตอนนี้ไม่เอา คสช.เหมือนกัน

อำนาจขาลงเป็นเช่นนี้เอง ไม่ต้องสงสัยเลย ที่ขอล้านไลค์ให้ลุงตู่อยู่ต่อ มีคนโหวต 5 แสนกว่า ไม่หนุน 90% ปิดเพจเปิดโหวตใหม่ 2 แสนกว่าคน ก็ยังไม่หนุนเกิน 90%

น่าสนใจจริงๆ ว่า คสช.จะประคองตัวอย่างไรไปถึงเลือกตั้ง เมื่อกระทั่งสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังกลับลำ ไม่เคยบอกจะสนับสนุนลุงตุ่เป็นนายกฯ คนต่อไป แล้วชิ่งไปตั้งพรรคกับซินตึ๊งเอนก เหล่าธรรมทัศน์

แถมยังมีคดีอดีตพระพุทธอิสระ ซึ่งพอกองหนุนออกมาวิพากษ์วิธีปฏิบัติของตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิทย์ ก็ออกมาขอโทษ ทำให้เรื่องชุลมุนบานปลายเข้าไปอีก

ขาลง คะแนนตก ยังมีเรื่องซ้ำเติม ขณะที่เหลืออีกตั้ง 8 เดือนกว่าจะเลือกตั้ง เป็นห่วงจัง

 

ที่มา: www.kaohoon.com/content/233638

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

เปิดตัวเปิดใจ ‘โยชิ 300’ นักร้องเพลงแปลง ‘คุกกี้เสี่ยงคุก’

Posted: 28 May 2018 06:53 AM PDT

ประชาไทคุยกับ 'โยชิ 300' ถึงที่มาที่ไปของเพจ แรงบันดาลใจของการแปลงเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองที่เขาบอกว่า "ถ้าผมจะเข้าข้างใครสักคนหนึ่งผมเข้าข้างคนจนดีกว่า เพราะผมเคยจนมาก่อน จนมาก ทุกวันนี้ก็จน" และการเปรียบเทียบที่เขามองว่าตัวเองเป็นเหมือน "เม็ดพริกบนขอบชักโครก" และล่าสุดกำลังจะออกเพลงแปลงใหม่เร็วๆนี้

'โยชิ 300' คือเพจที่มียอดคนติดตามกว่า 270,000 คน โด่งดังจากคลิปแปลงเพลง 'คุกกี้เสี่ยงคุก' ที่มาจากเพลง 'คุกกี้เสี่ยงทาย' ของวง BNK48 เป็นคลิปที่มียอดวิวในยูทูบกว่า 7,000,000 คนเข้าไปแล้ว ด้วยเอกลักษณ์และการประชดประชันเสียดสีอย่างมีอารมณ์ขัน ถ้อยคำและจังหวะที่ลงตัวกับเพลงต้นฉบับ และการทำ 'หน้าเด้ด' ไม่แสดงอารมณ์ ทำให้คนดูอดหัวเราะตาม (ทั้งน้ำตา) ไม่ได้ เมื่อเนื้อเพลงพูดถึงเหตุการณ์บ้านเมือง ตั้งแต่เรื่อง 'ปรับทัศนคติ' เรื่องนาฬิกาของบิ๊กป้อม กรณีเสือดำที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินคดีกับเสี่ยเปรมชัย หรือเพลงเกี่ยวกับการอยากเลือกตั้ง จนถึงเพลงล่าสุด 'ขึ้นราคา' ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับของแพงและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศ

ประชาไทคุยกับ 'โยชิ 300' ถึงที่มาที่ไปของเพจ แรงบันดาลใจของการแปลงเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองที่เขาบอกว่า "ถ้าผมจะเข้าข้างใครสักคนหนึ่งผมเข้าข้างคนจนดีกว่า เพราะผมเคยจนมาก่อน จนมาก ทุกวันนี้ก็จน" เขามองว่าตัวเองเป็นเหมือน "เม็ดพริกบนขอบชักโครก" ไปจนถึงเรื่องการเลือกตั้งที่เขาบอกว่า "ลุงตู่คือผู้สร้างอนาคต อนาคตที่ไม่มีปัจจุบัน" ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ที่แฝงอารมณ์ขันในแบบฉบับของเขา

จุดเริ่มต้นของเพจ

ตอนแรกเป็นเด็กติดเกมธรรมดา พอติดเกมมากๆ ก็รู้สึกเบื่อ อยากไปทำอะไรสักอย่าง เลยไปเต้นบีบอย พอแข่งได้สักพักหนึ่งเราอายุมากขึ้น ก็ต้องทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาซ้อม น้าชายผมเลยชวนไปทำงานเบื้องหลัง ทำฝ่ายพร็อบของพวกเอ็มวีกับละคร เป็นฟรีแลนซ์ก็มีเวลาว่าง เราก็นั่งทำคลิปเล่นไปเรื่อยเปื่อย ด้วยความที่เราชอบเอนเตอร์เทนคนอยู่แล้วด้วย เริ่มจากลิปซิงค์เพลง แล้วกระแสตอบรับมันดี เราก็เปิดเพจ จับตรงนี้มายาวๆ โฆษณาก็เริ่มเข้าแต่ยังไม่เยอะ

ก่อนหน้านี้ก็แปลงเพลงแต่เนื้อหาไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง เพลงแรกที่แปลงคือเพลง In the End ของ Linkin Park พอผ่านไปได้ 3 อาทิตย์นักร้องนำตาย ก็เลยกลายเป็นกระแสว่าผมเอาเพลงใครไปร้องเขาจะตาย คนก็เลยรู้จักผมมากขึ้น ผมก็เลยแปลงต่อไปเรื่อยๆ

หลังจากเพลง 'คุกกี้เสี่ยงคุก' ก็ดูจะแปลงเพลงที่มีเนื้อหาทางการเมืองหมดเลย?

ส่วนมากคนจะขอมาซะส่วนใหญ่ ว่าให้แปลงเพลงนี้หน่อย เพลงนั้นหน่อย แล้วคนก็จะจำว่าเราแปลงเพลงมาแนวนี้แล้วด้วย แล้วด้วยความที่เราก็เป็นชาวบ้านคนหนึ่ง เรารู้สึกเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ ที่เขาบ่นๆ กัน เช่น เรื่องของแพง เศรษฐกิจไม่ดี เรื่องคอรัปชั่น แล้วความคิดผมคือลุงตู่เขาเป็นทหาร เขาไม่ได้เรียนบริหารบ้านเมือง ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่  เราก็เลยแซวซะหน่อย แขวะซะหน่อย เหมือนเราพูดแทนเสียงชาวบ้านที่เขาเดือดร้อนแต่เขาไม่กล้าพูดกัน เพราะผมรู้สึกว่าถ้าเราพูดในสิ่งที่เป็นเรื่องจริง สิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง ถ้าเราพูดไม่ได้ก็อย่าไปมีเลยไหมประชาธิปไตย

ที่ทำมากลัวโดนไหม?

ผมรู้สึกว่าเขาน่าจะเอาเวลาไปทำเรื่องอื่นที่ใหญ่กว่านี้ดีกว่า ถ้าสิ่งที่ผมทำมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ร้ายแรงก็เอาเลย แต่ก็ต้องคิดด้วยว่ามันมีสิ่งที่ใหญ่กว่านี้ที่ต้องรับผิดชอบหรือสนใจหรือต้องทำอะไรสักอย่างกับมัน สิ่งที่ผมทำถ้าเปรียบเทียบบนผืนแผ่นดินนี้มันเหมือนเม็ดพริกบนขอบชักโครก มันเล็กน้อยมากเลยสิ่งที่ผมทำ ถ้ามันจะกลัวอะไรแบบนี้ผมว่ามันไม่ใช่ ผมก็เลยไม่กลัว แต่ก็แปลงให้มันออกแนวสนุกๆ เพราะคนไทยเราถูกสอนมาให้รู้จักกาลเทศะ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กแล้วลุงเขาอายุเยอะกว่า เราเคารพก็เพราะเขาเป็นคนอายุมากกว่า เราจะสื่อยังไงให้มันไม่เกินเลยเขาเกินไป

กระแสตอบรับของแฟนเพจมีด้านลบไหม?

มีคนเข้ามาถามว่า จะกินอะไรไหม ยังอยู่ดีรึเปล่า อะไรแบบนี้ ซึ่งผมก็เข้าใจว่าเป็นการแซว แต่ที่ด่าก็มี แต่ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจ ผมเฉยๆ มันไร้สาระ คนที่ด่าในชีวิตจริงก็น่าจะเป็นคนที่โดนกระทำมาเยอะพอสมควร เลยเป็นคนที่ด่าคนอื่นได้แต่ในเฟซบุ๊ค

บางทีก็ไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ เช่นบอกว่า "ทักษิณจ้างมึงมาใช่ไหม" แล้วก็มีอย่าง "ตอนยิ่งลักษณ์ทำไมมึงไม่ออกมาร้องบ้าง" ผมก็บอกว่า "ก็กูเพิ่งทำเพจ ถ้ามีตั้งนานกูก็ทำตั้งนานแล้ว" ถ้าเราเดือดร้อนตอนรัฐบาลไหนก็จะทำเหมือนกัน ผมก็เป็นคนบ้าที่ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ในประเทศไทย เพราะคนจะชอบบอกว่าผมเป็นคนบ้า ถ้าผมจะเข้าข้างใครสักคนหนึ่งผมเข้าข้างคนจนดีกว่า เพราะผมเคยจนมาก่อน จนมาก ทุกวันนี้ก็จน เราก็เข้าข้างคนที่เราเคยเป็นมาดีกว่า ผมคิดว่าคนเราทุกคนมันเห็นแก่ตัวกันหมด ผมก็เห็นแก่ตัว แต่เราจะเห็นแก่ตัวมากน้อยขนาดไหนมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา

มีพรรคการเมืองหรือแนวทางที่สนับสนุนไหม?

ผมไม่มี ผมไม่ค่อยยุ่งเรื่องการเมืองเลย เวลาเขาหาเสียงผมไม่ค่อยได้สนใจ ผมรู้สึกว่าคนพวกนี้ก็พูดๆไปอย่างงั้นแหละ ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะได้ดีกว่าหรือแย่กว่าเราก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นมา ผมเลยรู้สึกว่าตอนนี้เรายังไว้ใจใครไม่ค่อยได้ มันก็มีหลายคนแล้วที่ท่าดีทีเหลว ผมเลยไม่ค่อยสนใจคนพวกนี้เท่าไหร่ ตอนนี้ผมฟังเสียงชาวบ้านอย่างเดียว แล้วเราก็สามารถถ่ายทอดอะไรสักอย่างแทนชาวบ้านได้ โดยที่ใช้สื่อที่เร็วๆสุด และคนสามารถเข้าใจได้ง่ายสุดๆ

คุณยังมีความหวังในประเทศนี้อยู่ไหม?

ผมยังมีความหวังอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าผมจะตายก่อนรึเปล่า แต่ก็ยังหวังอยู่ลึกๆ ว่าอยากให้มันไปไกลกว่าอาเซียน ถ้าเปรียบเทียบผมอยากให้ประเทศเราคล้ายๆ ญี่ปุ่น แต่ถ้าเราอยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนเดียว มันก็ขึ้นอยู่กับทุกคน ญี่ปุ่นเขามีระเบียบกติกาเป๊ะมาก ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล แต่ประชาชนเขาก็เป็น ผมเลยหวังว่าไม่ต้องเท่าญี่ปุ่นก็ได้ เอาให้ได้เศษหนึ่งส่วนสี่ก็ยังดี ตอนนี้มันเละเทะไปหมดเท่าที่เห็นมา

ถ้าอย่างนั้นคุณก็เชื่อในระบอบประชาธิปไตย มีวัฒนธรรมทางการเมืองที่แข็งแรง มีการตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจ?

ใช่ครับ อย่างงั้นแหละ เคยมีคนมาแซะว่า "มึงร้องเพลงแซะนายกฯ ทำไมมึงไม่มาเป็นเองซะเลยล่ะ" ผมก็เลยบอกไปว่า "คือกูโง่ไง กูเลยไม่สามารถเป็นได้ แต่ก็ดีกว่าคนบางคนที่โง่แต่ยังเสือกเป็นอยู่" คือผมมีความคิดอยากให้ประเทศเป็นยังงี้ๆๆ แต่เราไม่สามารถวางแผนได้หรอกว่าควรจะต้องทำอะไรยังไง เพราะผมเรียนน้อยไง

แล้วมีตัวอย่างสัก 3 ข้อที่อยากให้ประเทศเป็นไหม?

ข้อแรกคงเป็นอย่าโกง อย่ากิน อย่าคอร์รัปชั่น ข้อสองคือประชาชนต้องเป็นใหญ่ที่สุด แล้วก็ข้อสาม (คิด) ผมไม่รู้อ่ะ ผมนึกไม่ค่อยออก อยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ก็พอ อยู่ดีกินดี สงบๆ จริงๆ ผมไม่ได้ชอบการชุมนุมใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามันเป็นม็อบเผาบ้านเผาเมืองผมก็ไม่เอาเหมือนกันนะ ยังไงเราก็คนไทยเหมือนกัน

แล้วอย่างชุมนุมคนอยากเลือกตั้งล่ะ?

อันนี้ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ผมดูข่าวอยู่ เขาก็ทำตามกฎเกณฑ์อยู่นะ ไม่มีความรุนแรง สันติวิธีอยู่ แล้วผมก็ยังสงสัยว่าทำไมเราถึงยังไม่ได้เลือกตั้งสักที แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันก็กลายเป็นเรื่องของอนาคตไปแล้ว ลุงตู่คือผู้สร้างอนาคต อนาคตที่ไม่มีปัจจุบัน

ศิลปินที่ชอบ?

ศิลปินที่ชอบตอนนี้ก็ Restrospect เพราะผมชอบแนวทาง ความคิดของพี่ๆ เขา เรื่องเสือดำอะไรพวกนี้ เขาเป็นชาวร็อคที่เจ๋งเหมือนกัน

แสดงว่าชอบฟังเพลงร็อก?

ผมก็ชอบฟังเพลงเมทัลนะ

ศิลปินตลกที่ชอบ?

น่าจะจิ้ม ชวนชื่น รุ่นเก่าหน่อยเพราะผมแก่แล้วครับ

ทำไมต้องทำหน้าตายเวลาร้องเพลง?

ถ้าผมหน้ายิ้มแย้มหรือเต้นไปด้วยผมจะลืมเนื้อ มีบางเพลงที่อ่านเนื้อ บางเพลงก็ไม่ได้อ่าน บางทีเราก็มองเพดานนึกเนื้อ ก็มองไปมองมา แต่ถ้าเต้นปุ๊บลืมเนื้อแล้วมันจะต้องถ่ายหลายรอบมาก มันก็เลยกลายเป็นกิมมิคไปแล้ว จริงๆ ปกติก็เป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักเราเขาก็จะกลัวเราไปเลย เพราะไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า ถ้าเราไม่รู้จักเราก็จะไม่คุย แต่เราชอบเอนเตอร์เทนกับคนที่เรารู้จัก ก็น่าจะเป็นคนตลก แต่โลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่คนเดียว

จะมีซิงเกิลออกอีกมั้ย?

มีครับ เพียบเลย เร็วๆ นี้ก็จะมีออกมาอีก

เลือกเพลงยังไง?

บอกไม่ถูก ปกติผมฟังเพลงเยอะอยู่แล้ว ฟังหลายแนว สมมติเราเจอข่าวสักอย่าง เราก็จะพยายามหาเพลงที่มันมีสำเนียงการร้องคล้ายๆ กับสิ่งที่เราพูดถึง อย่างสมมติเพลงของ Linkin Prak เขาร้องว่า "One thing I don't know why" เราก็จะมาแปลงเป็นว่า "ตามีกำลังโวยวาย" ให้มันคล้องจองสัมผัสกันให้มันเหมือนต้นฉบับแต่เป็นภาษาไทย แต่มันยากอยู่นะ เราต้องแปลงยังไงให้มันเข้ากับอันที่เป็นออริจินัลที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพลงอะไรที่แปลงยากที่สุด?

มันไม่มีเพลงไหนยากที่สุด ยากเกือบทุกเพลง แต่อยู่ที่ว่าเรากระตือรือร้นอยากทำไหม ถ้าเราอยากทำวันเดียวเสร็จ ถ้าไม่อยากทำ ขี้เกียจ ก็ช้าหน่อย 2-3 วัน มันขึ้นอยู่กับเรานั่นแหละ เพลงแปลงมันง่ายกว่าการทำเพลงใหม่ขึ้นมาเลย แต่ให้ผมไปร้องเพลงเองมีซิงเกิลเอง ผมไม่ค่อยกล้า ผมอายคนอื่น

แต่คุณก็ดูร้องมาเยอะแล้ว?

เวลาเราไปร้านนั่งดื่ม มีคนรู้จัก เชิญมาร้องเพลง หูย ไม่เอา ผมร้องไม่ได้ ผมก็บอกว่าติดลิขสิทธิ์อยู่ร้องไม่ได้ แต่จริงๆ เขิน ผมเป็นคนขี้อาย แต่อัดคลิปลงไม่อายเพราะอยู่คนเดียว

โยชิ 300 มาจากไหน?

จริงๆ ชื่อโย แต่ โยชิ มีไว้แข่งบีบอย บีบอยมันต้องมีชื่อแปลกๆ ให้คนจำ ซึ่งมันมาจาก 'โยชิมิสึ' ในเกม Taken เป็นตัวถือดาบหน้าตาอัปลักษณ์ๆ หน่อย มีคนบอกว่าตัวนี้หน้าตามันอัปลักษณ์แต่คนชอบเยอะ เพื่อนก็เลยเอาชื่อนี้มาให้ผมเพราะผมหน้าตาอัปลักษณ์ แต่คนชอบเยอะเหมือนกัน แล้ว 300 มันมาจากเพลงที่เราเอาของอีกเพจมาร้อง แล้วในเนื้อเพลงมันคือว่าเรามีแฟนแล้วเลิกกันไป แล้วผู้หญิงติดตังค์เราอยู่ 300 เราเลยอยากได้ 300 คืน เลยร้องเพลงทวง คนเลยจำว่า โยชิ ที่ร้องเพลง 300 เลยกลายเป็น โยชิ 300

ตอนนี้ยังเต้นบีบอยได้ไหม?

เต้นได้แต่ไม่ค่อยไหวเท่าเมื่อก่อนแล้ว น้ำหนักเยอะ 90 โลได้แล้ว

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กวีประชาไท: ประชาชน!

Posted: 28 May 2018 06:43 AM PDT

 

"อนาคต" อนางอ รอลุ้นหวัง
ถ้าไม่พังเสียก่อนเดาเอาว่า
กระทบแน่กระทบใจพวกไก่กา
ที่ปากว่าตาขยิบเผด็จการ

โอ้ ประกาศจะคว่ำ "รัฐธรรมนูญ"
ที่พอกพูนอำนาจอยู่อีกนาน
คนรุ่นใหม่การเมืองใหม่เลิกดักดาน
กลัวเต่าคลานประหารก่อนระทึกใจ

"พลังประชาชน" เท่านั้นจะหยุดอยู่
ทหารสู้ประชาชนย่อมไม่ได้
ต้องช่วยกันรวมพลังรักษาไว้
"อนาคตใหม่" ความหวังใหม่อุดมการณ์

ต้องรอดขอให้รอดจะต้องรอด
ด้วยอ้อมกอดประชาชนป้อมปราการ
แม้จะยากแสนยากจะฝ่าด่าน
"เผด็จการ" กลัวคน ประชาชน ประชาชน.

 

 

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

จับตา 'วอยซ์ทีวี' กับ คำสั่ง คสช.บรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการทีวิดิจิทัล

Posted: 28 May 2018 05:28 AM PDT

มุมมองผู้บริหาร 'วอยซ์ทีวี' ต่อ คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 9/2561 บรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการทีวิดิจิทัล พร้อมโจทย์ที่ว่าหากไม่ได้รับการบรรเทาฯ จะเตรียมการอย่างไร

จากเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 9/2561 ที่ออกมาเพื่อบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล พร้อมอนุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์หาโฆษณาได้เท่าที่จำเป็น ซ่อนเงื่อนที่ต้องจับตา เมื่อคำสั่งดังกล่าวได้วางเงื่อนไขของผู้ที่จะได้รับการบรรเทากระทบ ไว้เปิดทางให้ กสทช. เข้ามาใช้อำนาจพิจารณาเนื้อหาโดยละเอียดซ้ำได้อีก ก่อนจะพิจารณาผ่อนผันการชำระหนี้และช่วยเหลือค่าเช่าโครงข่าย

สำหรับ คำสั่งหนัวหน้า คสช. ที่ 9/2561 นั้น มีสาระสำคัญ 3 ข้อ คือ

  1. "พักชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ" โดยให้กําหนดระยะเวลาการพักชําระค่าธรรมเนียม ไม่เกิน 3 ปี พร้อมกับมีเงื่อนไขว่า ผู้รับใบอนุญาตยังคงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นตามคําสั่งที่ 76/2559
  2. สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล (MUX) ให้กับผู้รับใบอนุญาตฯ เป็นจํานวนเงินในอัตราร้อยละ 50 ของค่าเช่าใช้โครงข่ายฯ เป็นระยะเวลา 24 เดือน นับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
  3. อนุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์อาจมีเงินรายได้จากการโฆษณาได้เท่าที่จําเป็นและเพียงพอต่อการผลิตรายการ ตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช. ประกาศกําหนด

อย่างไรก็ตาม การพักชำระค่าธรรมเนียมฯ และรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าโครงข่ายนั้น มาพร้อมเงื่อนไขสำคัญที่ปรากฏอยู่ในข้อ 9 ของคำสั่งฯ และ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. ให้สัมภาษณ์ย้ำคือ

"ใครที่ทำผิดเงื่อนไข ดำเนินการใดๆ ทีผิดเงื่อนไขต่างๆ สำนักงาน กสทช. เองจะเป็นผู้พิจารณษงว่าจะให้เป็นผู้พักชำระหนี้ในระยะเวลา 3 ปี และได้รับค่าสนับสนุนในการเช่าโครงข่ายหรือไม่ เดี๋ยวจะมีหนังสือแจ้งตอบ เมื่อมีหนังสือแจ้งตอบ จะมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมเป็นต้นไป แต่ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าเป็นผู้กระทำผิดเงื่อนไขบ่อยหรือมีเหตุอื่นในการดำเนินการ เราจะมีหนังสือแจ้งตอบไปว่าไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว จะต้องนำเงินมาชำระพร้อมอัตราดอกเบี้ย"

และ

"ในส่วนที่สอง เมื่อได้รับการพักชำระหนี้ไปแล้ว หากสำนักงาน กสทช. ยังตรวจพบภายหลังว่าการจัดทำผังรายการต่างๆ  หรือการดำเนินการประกอบกิจการ ไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนและมีสาระสำคัญต่างๆ ทางสำนักงานฯ มีสิทธิที่จะประกาศยกเลิกการพักชำระหนี้ และการสนับสนุนค่าเช่าโครงข่ายดังกล่าวได้ในภายหลังอีก"

ทีวีที่น่าจับตาคือ วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นสถานีที่ถูกเรียกเพื่อตักเตือนและลงโทษ ปิดรายงาน และปิดทั้งสถานีแล้วรวม 8 ครั้ง โดยถูกระงับการเผยแพร่ออกอากาศหลังการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เมื่อปี 2557 เป็นเวลา 26 วัน ระหว่างวันที่ 20 พ.ค. - 14 มิ.ย.2557

และอีกครั้งถูก กสทช. สั่งระงับการออกอากาศทั้งสถานีเป็นเวลา 7 วัน ระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 3 เม.ย. 2560

นอกเหนือจากการปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. ที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ได้แก่ คำสั่งที่ 14/2557 และ 18 /2557 และ 97/2557 กับ 103/2557 ตามลำดับ วอยซ์ทีวียังถูกควบคุมด้วยข้อตกลงร่วม – MOU กับ คสช. ด้วย

การบังคับใช้และตีความของ กสทช. ทีผ่านมาได้ก้าวเข้ามาตรวจสอบเนื้อหาของวอยซ์ทีวีอย่างละเอียดชนิดคำต่อคำ ประโยคต่อประโยค ขณะเดียวกัน ดุลพิจิจและคำสั่งของ กสทช. ถือเป็นที่สุด หากจะอุทธรณ์ต้องขออุทธรณ์ต่อศาลเท่านั้น อีกทั้ง กสทช. ก็ได้รับความคุ้มครองจาก ม. 44 ให้ กสทช. ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญาจากการทำหน้าที่ดังกล่าว

นี่จึงเป็นข้อที่น่าห่วงกังวลว่า ครั้งนี้ กสทช. ก็อาจจะตีความอย่างเข้มงวดว่า การที่วอยซ์ถูกเรียกชี้แจง และถูกลงโทษหลายครั้ง เข้าข่ายที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการที่ คสช. ออกคำสั่งมา

 

ถ้าวอยซ์ทีวีไม่ได้รับการบรรเทาผลกระทบดังที่ช่องดิจิทัลอื่นๆ ได้รับ จะเตรียมการอย่างไร

เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.วอยซ์ทีวี จำกัด ระบุว่า "ในทางเศรษฐกิจนั้นเสียหายแน่ อย่างไรก็ตาม วอยซ์ทีวีได้เตรียมวางแผนในแง่ของธุรกิจซึ่งเราชื่อมั่นว่าเราจะดำเนินการต่อไปได้  เราจะทำธุรกิจได้ แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของช่องซึ่งขึ้นอยู่ที่การตีความและขอบเขตอำนาจที่กว้างขวางของ กสทช. นั้นทำให้ลูกค้าเสียความเชื่อมั่น"

"เราจะปรับ ให้ความร่วมมือในกรอบที่ปฏิบัติได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าปิดรายการหรือปิดช่อง จะเดินหน้าสู่ศาลปกครองเพื่อให้เกิดการวินิจฉัยและวางหลักในการคุ้มครองเสรีภาพสื่อและผู้ประกอบการธุรกิจสื่อต่อไป"

เมฆินทร์ ระบุด้วยว่า กรณีผ่อนผันนี้ไม่ใช่ทีวีดิจิทัลเอาเปรียบรัฐ เพราะเวลาที่พักหนี้ผู้ประกอบการก็จ่ายดอกเบี้ย ส่วนค่ามักซ์นั้นโครงข่ายมีปัญหามาแต่ต้น ฉะนั้นมันเป็นมาตรการกึ่งช่วยเหลือกึ่งคืนความเป็นธรรม ที่รัฐเองก็ได้ประโยชน์ จะเอามาต่อรองเพื่อเลือกปฏิบัติไม่ได้

ประการที่สอง มาตรการลงโทษต่างๆ กสทช.มีอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องการปฏิบัติตามหลักหรือการพิจารณาเนื้อหาที่ช่องฯ นำเสนอไม่ควรเอามาปนกับมาตรการนี้

ประการทีสาม สิ่งที่ ฐากร พูดเกินเลยยิ่งกว่าคำสั่งข้อ 9 และมีนัยขยายอำนาจ กสทช. และการทำเช่นนี้ไม่ใช่กระทบแค่ Voice แต่จะทำให้ทุกช่องหวาดกลัวไม่กล้าวิจารณ์หรือไม่กล้าเสนอข่าวแง่ลบ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'ประวิตร' ย้ำรู้จัก 'พุทธะอิสระ' เมื่อครั้งไปทำบุญเท่านั้น ''อนุพงษ์'' บอกแค่นุ่งผ้าเหลืองมาเชิญก็ไป

Posted: 28 May 2018 01:45 AM PDT

'ประยุทธ์-ประวิตร' ขอโทษกรณีจับกุม 'พุทธะอิสระ' ย้ำรู้จักเมื่อครั้งไปทำบุญเท่านั้น ''อนุพงษ์'' ระบุเคยร่วมงานในฐานะพุทธศาสนิกชน เมื่อนุ่งผ้าเหลืองมาเชิญก็ไป ขณะที่ 'ศรีสุวรรณ' ร้องสอบกบุกจับกุมเกินกว่าเหตุ

ภาพขณะจับกุม

28 พ.ค.2561 ภายหลังการจับกุม จับสึกและฝากขัง พระพุทธะอิสระ หรือ "พระสุวิทย์ ธมฺมธีโร" ที่วัดอ้อน้อย ตามหมายจับคดีปล้นทรัพย์ และเป็นหัวหน้าอั้งยี่ซ่องโจร รวมทั้งยังมีคดีแอบอ้างใช้พระปรมาภิไธย "ภปร" และ "สก" กรณีสร้างพระเครื่องพระนาคปรก รุ่นหนึ่งในปฐพีเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจาณ์ทั้งสนับสนุนและคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว

'ประยุทธ์-ประวิตร' ขอโทษ

ต่อมา วันที่ 26 พ.ค.61 มติชนสุดสัปดาห์ รายงานว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายกฯ ขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับผู้ปฏิบัติว่าอย่ากระทำการใดๆ ในลักษณะนี้อีก และขอโทษไปยังอดีตพระพุทธะอิสระด้วย โดยยืนยันว่าไม่ต้องเป็นห่วงจะให้ความเป็นธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนตัวตนไม่ 

เช่นเดียวกับ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กระทรวงกลาโหม ที่ออกมาระบุว่า  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตักเตือนการกระทำรุนแรงที่เกินกว่าเหตุ โดยพล.อ.ประวิตร รู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะไปกระทบต่อความรู้สึกของศิษย์ยานุศิษย์และประชาชน ดังนั้นฝ่ายความมั่นคงต้องขอโทษ พร้อมทั้งยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงพร้อมให้ความเป็นธรรมนายสุวิทย์ ตามกระบวนการยุติธรรม

"พล.อ.ประวิตร อยากขอโทษประชาชนแทนตำรวจ ต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมภายในเขตวัดและได้เน้นย้ำไปแล้วว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก" โฆษก กระทรวงกลาโหม กล่าว

'ประวิตร' ย้ำรู้จักเมื่อครั้งไปทำบุญเท่านั้น

อย่างไรก็ตามวันนี้ (28 พ.ค.61) สำนักข่าวไทย รายงานว่า กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 ปลดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีเข้าจับ พระพุทธะอิสระนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งส่วนตัวนั้นได้ออกมาขอโทษประชาชนไปแล้ว เพราะมีประชาชนบางส่วนไม่เข้าใจเลยต้องออกมาขอโทษ

สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการจับกุมที่ใช้ความรุนแรง เนื่องจากมีการ์ด กปปส.อาวุธครบมือในการอารักขาอดีตพระพุทธะอิสระอยู่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อมูลในเรื่องนี้ และเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล พร้อมย้ำว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่

ส่วนที่ถูกมองว่ารัฐบาลตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะทำให้เสียขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องดูให้ดีว่าปฏิบัติกับใครด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีภาพร่วมทำบุญกับอดีตพระพุทธะอิสระ ที่ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกันนั้น ว่า เป็นเหตุการณ์นานมาแล้วเมื่อ 6-7 ปี ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ตนรู้จักอดีตพระพุทธะอิสระเมื่อครั้งที่ไปทำบุญเท่านั้น ส่วนจะถือว่าเป็นลูกศิษย์หรือไม่ ตนไม่ขอตอบ

'อนุพงษ์' ระบุเคยร่วมงานในฐานะพุทธศาสนิกชน เมื่อนุ่งผ้าเหลืองมาเชิญก็ไป

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ปรากฏภาพตนเอง พล.อ.ประยุทธ์  และพล.อ.ประวิตร ถ่ายร่วมกับอดีตพระพุทธะอิสระ ว่า เป็นการเชิญอดีตผู้บัญชาการทหารบกไปร่วมงานหล่อพระ ซึ่งตนไปในฐานะพุทธศาสนิกชน เมื่อนุ่งผ้าเหลืองมาเชิญ ก็พร้อมจะไป และไปร่วมกับที่อื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะกับอดีตพระพุทธะอิสระ
 
ภาพ งานยกพระมหาพุทธพิมพ์ ปางพระนาคปรก 9 เศียร วันที่ 5 พ.ค.2555 ที่มาภาพ http://watonoi.blogspot.com/2012/05/5-5-2555.html
 
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร ออกมาขอโทษแทนตำรวจ ที่ใช้กำลังบุกจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระรุนแรงเกินไปนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า ทุกคนทำตามหน้าที่ จึงขอให้สังคมใช้สติในการตรึกตรอง อย่าใช้อารมณ์ ความรู้สึก ตำรวจมีหน้าที่ใช้กฎหมายก็บังคับใช้อย่างจริงจัง แต่เมื่อการปฎิบัติทำให้ประชาชนคิดว่ารุนแรงเกินไป นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร ก็ออกมาขอโทษตามปกติ  
 
"เชื่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ทำให้รัฐบาลเสียคะแนน เช่นเดียวกับกรณีที่โซเชียลมีเดียตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสนิทสนมส่วนตัวระหว่างผมและอดีตพระพุทธะอิสระ" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

'ศรีสุวรรณ' ร้องสอบกบุกจับกุมเกินกว่าเหตุ

ด้าน ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่าน ฐนภณ ธนวชิรนนท์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโสระดับสูง ขอให้ผู้ตรววจการแผ่นดินตรวจสอบการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการบุกจับพระพุทธะอิสระ โดยเห็นว่าการจับกุมดังกล่าวมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม และอาจเข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย  หรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่ มีลักษณะเหยียดหยามศาสนา ถือว่าเป็นการกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะการบุกทุบประตู จนทำให้สรัพย์สินของวัดเสียหาย

นอกจากนี้ ยังใช้เสียงที่มีลักษณะกระโชกโฮกฮาก ประหนึ่งเป็นการจับกุมอาชญากรร้ายแรง  ไม่ได้คำนึงว่าเป็นพระ  ทั้งที่ไม่ได้มีพฤติกรรมขัดขวาง หรือหลบหนีการจับกุม หากแต่พระยังนอนหลับอยู่ภายในมุ้ง ประกอบกับการควบคุมตัวโดยที่อดีตพระพุทธะอิสระยังไม่ได้ห่มจีวร มีเพียงการนุ่งห่มสบงและสังฆาฏิอยู่กับตัวเท่านั้น  และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อดีตพระพุทธะอิสระไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี และยังเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ในหลายกรณี รวมทั้ง ไปขึ้นศาลในคดีความต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจควรที่จะใช้วิธีการออกหมายเรียกผู้ต้องหามาสอบปากคำก็เพียงพอ 

"แม้นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง จะออกมากล่าวขอโทษต่อประชาชน และศิษยานุศิตย์ของอดีตพระพุทธะอิสระแล้ว  แต่คำขอโทษก็เป็นเพียงแค่คำพูด ที่ไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานในทางกฎหมาย ถึงการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นๆ ในอนาคต  ดังนั้น สมาคมองค์การฯ จึงมาร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ เกี่ยวกับการดำเนินการจับกุมพระภิกษุสงฆ์ เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำที่ไม่สมควรแก่เหตุ รวมทั้ง ลงโทษเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทั้งหมด ตั้งแต่ผู้สั่งการไปจนถึงผู้ปฏิบัติ" ศรีสุวรรณ กล่าว

สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า ศรีสุวรรณ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ว่าเข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ทิศทางและบทบาทของขบวนการทางสังคมในกระแสก่อตั้งพรรคการเมือง [คลิป]

Posted: 28 May 2018 01:37 AM PDT

คลิปจากวงเสวนา "ทิศทางและบทบาทของขบวนการทางสังคมในกระแสก่อตั้งพรรคการเมือง" จัดเมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ห้องประชุม ศูนย์กลางนักเรียนคริสเตียน สะพานหัวช้าง

ร่วมเสวนาโดย 1. จอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) 2. อ.ดร.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3. กิตติชัย งามชัยพิสิฐ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัญชน 4. สรวิศ เหลาเกิ้มหุ่ง สมาชิก Group of Comrades ดำเนินรายการโดย โชติศักดิ์ อ่อนสูง

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'เครือข่ายขับเคลื่อนความเป็นธรรม' สานต่อ 'งานจัดตั้ง' ไม่มุ่งสร้าง 'ฮีโร่' แต่สร้างระบบถ่วงดุล-แนวระนาบ

Posted: 27 May 2018 10:35 PM PDT

โครงการศักยภาพผู้นำฯ ผนึกภาคีเครือข่ายสานต่อ 'งานจัดตั้ง' สร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพเน้นพัฒนาในแนวระนาบ เรียนรู้ขัดเกลาตัวเองไปกับชาวบ้าน ไม่มุ่งสร้างฮีโร่ สร้างระบบถ่วงดุล

25 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ศึกษาสยามคอมเพล็กช์ มหาวิยาลัยคริสเตียน โครงการศักยภาพผู้นำและกลไกเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนปฏิบัติการสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาวะ(นธส.) ได้จัดงานเสวนา ภายใต้หัวข้อ "งานจัดตั้งจากอดีตสู่ปัจจุบัน กับการสร้างอำนาจองค์กรประชาชนสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม" โดยมีภาคีเครือข่ายเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในงานด้วย อาทิ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ มูลนิธิชีววิถี(Biothai) เครือข่ายบางวกอกนี้ดีจัง เครือข่ายเกษตรฯ จ.สงขลา เป็นต้น 

ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวเปิดงานว่า หลังจากที่ตนถูกไล่ออกจากงานราชการมากว่า30 ปี ได้ตั้งคำถามกับตนเองว่า ถ้าย้อนไปช่วงเวลานั้นได้จะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตหรือไม่ คำตอบในใจคือไม่ เพราะการพบฉากชีวิตที่ยากลำบากจะกลายเป็นภูมิชีวิตของตนในระยะยาว และสิ่งนี้ได้เป็นต้นทุนให้ตกผลึกสู่งานในปัจจุบัน งานบ้านกาญจนาฯหัวใจหลักคือเรื่องของสิทธิ 10ปีที่ผ่านมาสังคมไม่ได้ให้คุณค่ากับคนที่เป็นนักโทษเด็ก ดังนั้นการเข้ามาดูแลงานในบ้านกาญจนฯถือเป็นงานที่ท้าทายมาก ตนได้นำกิจกรรมหลายอย่างไปถอดบทเรียนให้เด็กบ้านกาญจนาฯ เรียนรู้เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด  เพื่อใช้เป็นทักษะในการสื่อสารกับบุคคลภายนอก ที่สำคัญทักษะเหล่านี้นำไปต่อยอดการรณรงค์งานอื่นได้

"การทุ่มเทกับงานในเสกลเล็ก สามารถผลักดันไปสู่เสกลใหญ่กลายเป็นโมเมนตั้ม ที่ไปกดดันให้เกิดรูปแบบใหม่ จนสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่สังคมใหญ่ได้ ขอเพียงแค่เรามีจุดยืนที่ชัดเจน หากเราไม่มีจุดยืน เราจะไม่สามารถดูแลคนอื่นได้ซึ่งขณะนี้เราได้เอาสัญลักษณ์ความเป็นคุกและสัญลักษณ์แห่งอำนาจออกจากบ้านกาญจนาฯเกือบไปหมดแล้ว" นิชากล่าว

จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า สมัยก่อนมีความเชื่อว่างานจัดตั้งต้องสนับสนุนให้กรรกรเข้มแข็งเพื่อต่อรองกับนายจ้างระบบทุนนิยม ด้วยเพราะว่าตนเป็นปัญญาชนที่เหนือกว่าจึงมองว่าชาวบ้านหรือกลุ่มใช้แรงงานไม่มีความรู้ ในการต่อรองกับกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้นตนจึงต้องไปให้ความรู้ เพื่อช่วยให้ชาวบ้านเกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด พร้อมกับมีสำนึกทางด้านการเมือง โดยชี้ให้เห็นความไม่เป็นธรรมทางสังคม หรือความอยุติธรรมทางกฎหมาย ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังถูกโกง สิ่งนี้ทำให้เกิดการรวมกลุ่มอย่างรวดเร็ว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "งานจัดตั้งงานร้อน" พลังของการรวมกลุ่มก่อให้เกิดสหภาพแรงงาน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายหลายด้าน อาทิ สวัสดิการบัตรประกันสังคม เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ สิทธิลาคลอดบุตร เป็นต้น แต่เมื่อกลุ่มแรงงานได้สิ่งที่ต้องการแล้ว สหภาพกลับเหลืออยู่ไม่กี่คน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราไม่ไปจัดตั้งให้คนกลุ่มดังกล่าวเห็นศักยภาพของตนเอง จึงทำให้เกิดจุดอ่อนตามมา ส่งผลให้ไม่เกิดการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

จะเด็ด กล่าวต่อว่า งานจัดตั้งในสมัยก่อนเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงคนจะนำไปสู่องค์กรที่เข้มแข็งได้ เพราะกรรมกรส่วนใหญ่ต้องพึ่งที่ปรึกษา และใช้ปัญญาชนลงไปให้ความรู้ ซึ่งงานจัดตั้งแบบนี้จะได้ผลแค่ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากองค์กรเหล่านี้จะไม่เข้มแข็งพอ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องให้ความรู้ชาวบ้าน ถ้าเขาอยากเปลี่ยนแปลงสังคม เขาต้องเห็นคุณค่าของตนเองก่อน เปลี่ยนชีวิตตนเอง สู่การเปลี่ยนชีวิตคนอื่น และตัวนักพัฒนาหรือปัญญาชนต้องคิดว่างานที่ตัวเองไปทำงานจัดตั้ง เป็นงานที่เข้าไปเรียนรู้กับกรรมกรหรือคนยากคนจน มากกว่าคิดว่าตนเองมีอำนาจเหนือกว่า แต่ควรเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน  ปรับตัวเอง และมองว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน สุดท้ายต้องเสริมพลังซึ่งกันและกัน 

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ มูลนิธิชีววิถี(Biothai) กล่าวว่า นิยามคำว่างานจัดตั้งของตน คือการจัดกระบวนการเรียนรู้ ที่นำไปสู่การปฏิบัติการในสถานการณ์นั้นๆ โดยเอื้ออำนวยให้เกิดการนำไปใช้จริงได้ เช่น การนำคนไปอยู่ในสถานการณ์ เพื่อสัมผัสกับปัญหาที่เกิดขึ้น จนเกิดการเรียนรู้ที่รวดเร็ว และสามารถนำความรู้นั้นไปใช้แก้ไขปัญหาได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงสังคมอยู่ที่รากฐานที่สำคัญขององค์กร โดยอาศัยความเชื่อมโยงขบวนความรู้ เพื่อไปต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม   งานจัดตั้งหัวใจคือ การผลักดันให้ชาวบ้านที่อยู่ในองค์กรผุดศักยภาพของตนเองออกมาและแสดงออกอย่างเต็มที่ ทั้งนี้จะพบว่างานจัดตั้งในระดับหมู่บ้าน ก็นำไปสู่นโยบายที่เข้มแข็งจำนวนมากได้

ชูวิทย์ จันทรส เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า การผ่านงานในพรรคการเมืองนักศึกษา ม.รามคำแหง  ช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภา ปี 35 ทำให้ตนถูกปลูกฝังให้ทำงานมวลชนและเปลี่ยนแปลงสังคม ผ่านกระบวนงานจัดตั้งจากรุ่นพี่ที่มีความคิดอ่านเพื่อสังคม  เราถูกให้ไปกินไปนอนกับชาวบ้าน  อยู่กับม๊อบต่าง ๆ  จนเป็นเรื่องปกติ  เราถูกสอนให้รู้จักยุทธวิธี "ปรับทุกข์ ผูกมิตร เกาะติดจัดตั้ง ฝังแกน"  ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงใช้เป็นแนวทางในการทำงานอยู่  ซึ่งจะใช่งานจัดตั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ปลายทางที่เราคือเห็นคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ คนที่ติดเหล้าเมายาจนใครๆก็คิดว่าชาตินี้เอาดีไม่ได้  เขาเหล่านั้นลุกขึ้นมาขัดเกลาเปลี่ยนแปลงตัวเอง  และสูงสุดของมันคือการไปช่วยเหลือผู้อื่น  กล้าลุกขึ้นสู้กับความไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม ไม่ใช่เอาแค่ตัวเองรอด การทำงานแบบร่วมทุกร่วมสุขเป็นสิ่งสำคัญ งานเยาวชนที่ทำอยู่จะให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่สัมผัสของจริง  เราแทบไม่เคยบอกให้น้องเลิกเหล้า  แต่เมื่อสัมผัสความจริงเขาจะคิดได้เองซึ่งตรงนี่ยั่งยืนกว่า  อย่างไรก็ตามคำว่างานจัดตั้ง เด็กรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยยอมรับ เพราะมองว่าเป็นคำที่ดูคลอบงำ และอาจถูกปฏิเสธ  อาจจะใช้คำว่าเสริมพลัง  หรือ empowerment  น่าจะดูซอฟ กว่า  เป็นการเรียนรู้ไปด้วยกัน  

สามารถ สระกวี เครือข่ายเกษตรฯ จ.สงขลา กล่าวด้วยว่า ตนไม่สามารถให้คำนิยามได้ว่างานจัดตั้งคืออะไร สมัยก่อนตนอยู่รอยต่อระหว่างแนวคิดแบบทุนนิยมไปสู่สังคมนิยม ในขณะนั้นเรื่องแบ่งชนชั้น มีบทบาทส่งผลให้นายทุนเอาเปรียบชาวนา ดังนั้นเมื่อตนได้เข้าไปในหมู่บ้านจึงมีแนวคิดให้ชาวบ้านติดอาวุธสู้กับนายทุน โดยการรวมกลุ่มกันรณรงค์เรียกร้องสวัสดิการต่างๆ จนกลายเป็นกลุ่มออมทรัพย์ แต่ผลที่เกิดขึ้นพบคนจนโกงกันเอง ต้องต่อสู้กันเองภายในองค์กรและยังต้องสู้กับการจัดการตนเองด้วย ทั้งนี้จึงจำเป็นต้องค้นหากระบวนการ หรือรูปแบบอื่นที่ทำให้องค์กรเดินไปได้ด้วยการมีส่วนร่วม หรือการทำงานเป็นทีม ภายใต้แนวคิดจะทำอย่างไรให้กลุ่มของตนอยู่ได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันตนมีแนวคิดว่าองค์กรชาวบ้านต้องมีลักษณะแบบถ่วงดุลเชิงอำนาจ ผู้บริหาร และสมาชิก ต้องมีกระบวนการให้ความเห็นร่วมกัน โดยสร้างวัฒนธรรมให้ชาวบ้านมีสิทธิเท่าเทียมกันในการสร้างอำนาจ เพื่อยกระดับการเรียนรู้ไปทีละชั้นนำไปสู่โครงสร้างที่กว้างขึ้น มีการเลือกตั้งกันเป็นวาระป้องกันการผูกขาดผู้นำในองค์ และยกระดับผู้นำเดิมเป็นที่ปรึกษา จะทำให้เกิดองค์กรที่ยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ จากการระดมความคิดในที่ประชุม ภาคีเครือข่ายได้ข้อสรุปตรงกันว่า งานจัดตั้งนั้นมีความสำคัญอยู่มาก สามารถทำให้ประชาชน คนยากจน ผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมได้รวมกลุ่มกันต่อรองและเรียกร้องกับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม จากนายทุน รัฐราชการ และอิทธิพลต่างๆ ในสังคมไทย แม้คนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยยอมรับงานจัดตั้ง เพราะมองว่าองค์กรที่จัดตั้งมานั้นมีผู้นำที่ชอบนำเดี่ยวไม่ทำงานเป็นทีม  แต่ในที่ประชุมยังยืนยันที่จะต้องทำงานจัดตั้งต่อไป เพื่อทำให้ภาคประชาชนเข้มแข็งและสามารถต่อรองกับอำนาจ  สร้างความเป็นธรรมในมิติสุขภาพและอื่นได้ 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่เอาโรงงานน้ำตาลชาวบ้านกว่าร้อยคนเผาหุ่นสาปแช่ง

Posted: 27 May 2018 09:13 PM PDT

กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายกว่าร้อยคน เผาหุ่นสาปแช่งโรงงานน้ำตาล หลังพบว่ามีการเริ่มต้นถากถางพื้นที่เตรียมตอกเสาเข็มแล้ว ขณะที่ชาวบ้านยังคาใจกับ EIA

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2561เวลา 11.00  น. กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร กว่า 100 คน รวมตัวกันเผาหุ่นโรงงาน พร้อทใช้เข็มและตะปูจิ้มสาปแช่งโรงงานน้ำตาล หลังทราบข่าวบริษัทฯ เริ่มเข้าถากถางพื้นที่เตรียมตอกเสาเข็ม ทั้งๆ ที่ชาวบ้านยังไม่เห็นใบ รง.4 อีกทั้งชาวบ้านยังเห็นว่า EIA ขัดแย้งกับข้อมูลความเป็นจริงในพื้นที่หลายประเด็น  พร้อมอ่านแถลงการณ์ให้พิจารณาทบทวนยกเลิกการขอใบอนุญาตโรงงาน  ของโครงการโรงงานน้ำตาลทราย ขนาด 20,000 ตันอ้อย/วัน ของบริษัท น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำปลีก อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ

นวพร เนินทราย กล่าวว่า ตามที่บริษัท น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำปลีก อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ได้เสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคโครงการโรงงานน้ำตาลของบริษัทฯ ซึ่งจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยบริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยีจำกัด เสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ดำเนินการตามขั้นตอนการพิจารณารายงานฯ โดยมีขนาดโครงการทั้งหมด 716 ไร่ 2 งาน 37 ตารางวา มีกำลังการผลิต 20,000 ตันอ้อย/วัน ผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นน้ำตาลดิบ ปริมาณ 302,520 ตัน/ปี คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ และเจ้าหน้าที่ สผ. ได้ลงตรวจสอบพื้นที่เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2560 และเสนอให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ในการประชุมครั้งที่ 26/2560 เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2560 มีมติไม่ให้ความเห็นชอบรายงานฯ โดยให้โครงการแก้ไขเพิ่มเติมตามแนวทางหรือรายละเอียดที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ กำหนด

ช่วงต่อมา สผ. ได้รับรายงานฉบับชี้แจงเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2560 และคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ในการประชุมครั้งที่ 42/2560 เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2560 ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ มีมติไม่เห็นชอบรายงานฯ และให้แก้ไขเพิ่มเติมตามแนวทางหรือรายละเอียดที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ กำหนด นับว่าสิ้นสุดกระบวนการพิจารณารายงานฯ ต่อมาโครงการได้เสนอรายงานฯ ฉบับเดือนก.พ. เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2561 โดยมีเนื้อหาขอลดขนาดพื้นที่โครงการ เป็น 702 ไร่ 2 งาน 53.77 ตารางวา คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ เจ้าที่ สผ. ได้ตรวจสอบพื้นที่เมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2561 ซึ่งฝ่ายเลขานุการได้พิจารณารายงานดังกล่าวแล้วมีความเห็นเบื้องต้นให้แก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นการจัดการน้ำ รายละเอียดของโครงการและการใช้ประโยชน์ที่ดิน การคมนาคม การมีส่วนร่วมของประชาชน พื้นที่สีเขียว และมาตรการฯ กระทั่งวันที่ 14 มี.ค. 2561 ทางคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ได้มีการพิจารณา และมีมติเห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(ครั้งที่ 11/2561) ตลอดจนเปิดโอกาสให้ทางบริษัทที่ปรึกษากลับไปทำรายงานฉบับสมบูรณ์ และในปัจจุบันทางบริษัทกำลังดำเนินขั้นตอนในการขอใบอนุญาต รง.4

ทางกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ซึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีพื้นที่อยู่อาศัยภายในรัศมี 5 กิโลเมตรและชุมชนอื่นๆ อีกมากมายที่พึ่งพิงลำเซบายเป็นหลัก ถือว่าใกล้พื้นที่จะเกิดโรงงานน้ำตาล  การมีวิถีชีวิตที่พึ่งพิงทรัพยากรจากดิน ลำน้ำเซบาย ป่าชุมชน ป่าบุ่งป่าทาม ทำให้ชุมชนเกิดความตระหนักที่จะมีโรงงานใกล้ชุมชนและทรัพยากรที่ชุมชนได้อาศัยอันจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีของชุมชน ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจฐานรากที่หาได้จากทรัพยากร วัฒนธรรมและอื่นๆ

ด้ามะลิจิตร เอกตาแสง กรรมการกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย กล่าวว่า วันนี้ทางกลุ่มพอทราบข่าวการถากถางพื้นที่และการตอกเสาเข็ม ก็ได้ทำพิธีกรรมความเชื่อโดยการเผาหุ่น และนำเข็มมาปักหุ่น และสาปแช่งกลุ่มคนไม่หวังดีต่อทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชน ยิ่งชาวบ้านทราบข่าวการถากถางพื้นที่และตอกเสาเข็มยิ่งทำให้ชาวบ้านมาร่วมกันมากขึ้นและพยายามตั้งคำถามถึง EIA ที่ขัดแย้งกับข้อมูลความเป็นจริงในพื้นที่ และชาวบ้านยังยืนหยัดในการคัดค้านโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ผ่านมาทางกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย ได้ทำหนังสือคัดค้านมติให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมดังกล่าวของ คชก.แล้ว และทางกลุ่มขอเรียนยืนยันตามข้อมูลข้อเท็จจริงและเหตุผล รวมถึงข้อคิดเห็นท้วงติงและข้อคัดค้านของหน่วยงานองค์กรและนักวิชาการต่างๆ เกี่ยวกับเหตุความไม่ถูกต้องเหมาะสมของโครงการ ซึ่งได้เคยยื่นส่งเป็นเอกสารและส่งตัวแทนเข้าร่วมชี้แจงในการประชุมพิจารณารายงาน EIA ของ คชก. แล้ว  โดยกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย ขอเรียนเน้นย้ำถึงเหตุผลข้อคัดค้านอันเป็นสาระสำคัญถึงความไม่ถูกต้องเหมาะสมของโครงการและยังมีข้อขัดแย้งทางข้อมูลต่อพื้นที่ ดังนี้

1.กระบวนการไม่มีส่วนร่วมของชุมชน พวกเราอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรเป็นพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบแต่เราไม่ได้มีส่วนร่วมก่อนการดำเนินโครงการเลย

2.ไม่มีการทำความตกลงกับชุมชนให้ชัดเจนถึงการกำหนดระดับน้ำในการผันน้ำให้อยู่ในระดับที่หน่วยงานอนุญาตหรือที่ชุมชนยอมรับร่วมกันทั้งกลางน้ำ ปลายน้ำ และยังไม่มีการจัดประชุมประชาคมกลุ่มผู้ใช้น้ำและทรัพยากรในลำน้ำเซบายในประเด็นเรื่องการผันน้ำเข้าไปใช้ในโครงการ 2 ล้าน ลบ.ม./ปี ซึ่งโครงการจะมีแผนในการผันน้ำจากลำเบายเข้าพื้นที่โรงงานน้ำตาลในช่วงฤดูน้ำหลากเดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน 2 ล้าน ลบ.เมตร/ปี การกำหนดปริมาณน้ำที่ต้องผันจากลำน้ำเซบายนั้นกำหนดโดยบริษัทเพียงฝ่ายเดียวไม่มีการปรึกษาหารือหรือรับฟังความเห็นของชุมชนในเรื่องนี้โดยซึ่งหน้า และไม่มีการพิจารณาประเมินผลกระทบต่อทรัพยากรชีวภาพในบริเวณจุดผันน้ำลำเซบาย

3.ประเด็นที่ 3 การดำเนินการโครงการโรงงานน้ำตาลขนาด 20,000 ตันอ้อย/วัน และโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 61 เมกะวัตต์ ถือว่าเป็นโครงการที่ขัดแย้งกับนโยบายแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ พ.ศ.2560 – 2564  การขยายพื้นที่ปลูกอ้อยของบริษัท น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะ ใน จ.อำนาจเจริญ และจังหวัดใกล้เคียงตามที่บริษัทได้พิจารณาทางเลือกของโครงการนั้นยังมีข้อขัดแย้งกับแนวคิดนโยบายและยุทธศาสตร์แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ พ.ศ.2560 – 2564 ของจังหวัดยโสธร และอำนาจเจริญ ที่กำลังดำเนินการขยายพื้นที่ปลูกพืชอินทรีย์  และการปฎิบัติของชุมชน โดยเฉพาะการปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ซึ่งเป็นนโยบายของจังหวัดยโสธรเป็นเมืองแห่งวิถีอีสาน เกษตรอินทรีย์ก้าวไกลสู่สากล และจังหวัดอำนาจเจริญเมืองธรรมเกษตรอินทรีย์ ดังนั้นทางกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนยกเลิกการขอใบอนุญาตโรงงาน  ของโครงการโรงงานน้ำตาลทราย ขนาด 20,000 ตันอ้อย/วัน ของบริษัท น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำปลีก อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ

ด้านสิริศักดิ์ สะดวก ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย กล่าวว่า กระบวนการจัดทำ EIA ยังมีข้อขัดแย้งกับข้อมูลพื้นที่ เนื่องจากในรัศมี 5 กิโลเมตรพื้นที่คาบเกี่ยวกัน 2 จังหวัด คือ จ.อำนาจเจริญ และ จ.ยโสธร โดยในส่วนของจังหวัดยโสธรไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจตั้งแต่เริ่มต้น แต่จะเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโรงงาน ดังนั้นกระบวนการมีส่วนร่วมที่ผ่านผมมองว่าไม่ได้ทำตามกระบวนการการมีส่วนร่วมที่แท้จริง เพราะกระบวนการมีส่วนร่วมจะต้องทำตั้งแต่การให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงซึ่งจะต้องให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้น จึงต้องการให้ยกเลิกอีไอเอโรงงานน้ำตาล ที่ผู้มีส่วนเสียไม่ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้น และให้ยกเลิกใบ รง.4

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น