โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com

Link to ประชาไท

ตัวแทนพรรครัฐบาลซิมบับเว หาเสียงเลือกตั้งเอาใจคนขาวเจ้าของที่ดินเกษตร

Posted: 22 Jul 2018 04:21 PM PDT

ซิมบับเวกำลังจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 30 ก.ค. ที่จะถึงนี้ หลังจากที่มีการโค่นล้มประธานาธิบดีคนเก่า โรเบิร์ต มูกาเบ มีการตั้งข้อสังเกตจากสื่ออัลจาซีราว่า หนึ่งในผู้ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี เอ็มเมอร์สัน มนังกากวา พยายามหาเสียงกับกลุ่มเกษตรกรคนขาวที่เป็นชนกลุ่มน้อยในซิมบับเว ที่มาภาพ: NewZimbabwe.com

อัลจาซีรารายงานว่า เอ็มเมอร์สัน มนังกากวา ผู้ที่เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันของซิมบับเวหาเสียงกับกลุ่มเกษตรกรคนขาวในซิมบับเวว่ายุคสมัยของการไล่ยึดครองที่ดินของเกษตรกรเหล่านี้จบลงแล้วและขอให้ชาวนาเหล่านี้ร่วมมือกับรัฐบาลในการเลทอกตั้งที่จะมีชึ้นในวันที่ 30 ก.ค. ที่จะถึงนี้

มนังกากวาขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทนที่โรเบิร์ต มูกาเบ ผู้ถูกรัฐประหารโค่นล้มเมื่อช่วงปลายปี 2560 ก่อนหน้านี้มนังกากวาเคยเป็นรองประธานาธิบดีผู้ใกล้ชิดกับมูกาเบมาก่อน อย่างไรก็ตามท่าทีล่าสุดที่เขานำเสนอตัวเองต่อเกษตรกรคนขาวก็เป็นท่าทีที่ต่างจากสมัยมูกาเบซึ่วมีการใช้ความรุนแรงไล่ยึดที่ดินเชิงพานิชยกรรมของคนขาวซึ่งเป็นประชากรราว 30,000 คน ในซิมบับเว โดยมูกาเบอ้างว่าเป็นการสร้างสมดุลให้กับการชดเชยยุคหลังอาณานิคม 

เรื่องนี้ทำให้กลุ่มคนขาวมีโอกาสลงคะแนนให้กับพรรคฝ่ายค้านคู่แข่งอย่างพรรคเอ็มดีซี นำโดย เนลสัน ชามิซา หรือพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ มากกว่า พรรคซานู พีเอฟ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลตั้งแต่สมัยมูกาเบและในปัจจุบันมนังกากวาก็สังกัดพรรคนี้

อย่างไรก็ตาม มนังกากวา ก็พยายามปราศรัยหาเสียงให้สัญญาว่าจะหยุดการรุกรานที่ดินทำกินของคนขาวและ "นำเกิดหลักนิติธรรมมาใช้" เขาปราศรัยเช่นนี้ต่อหน้ากลุ่มคนชาวซิมบับเวประมาณ 200 คน ในย่านบอร์โรวเดล ซึ่งเป็นย่านคนรวยของเมืองหลวงฮาราเร ในวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา

มนังกากวาปราศรัยอีกว่ารัฐบาลของเขาต้องการผู้เชี่ยวชาญโดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคนเชื้อชาติสีผิวแบบใด และขอให้หยุดมองว่าเจ้าของที่ดินการเกษตรจะเป็นคนสีผิวใด ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรคนดำหรือเกษตรกรคนขาวก็ถือว่าเป็นเกษตรกรของซิมบับเวทั้งสิ้น

การยึดครองที่ดินทำกินที่มาจากนโยบายของมูกาเบตั้งแต่ปี 2543 ทำให้เกิดภาวะผลผลิตทางการเกษตรขาดแคลน มีที่ดินการเกษตรหลายแห่งไปอยู่ในมือของนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ในมือของทหาร หรือในมือของผู้นำท้องถิ่น ทำให้ที่ดินเหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลรักษา ซึ่งมนังกากวาพูดถึงปัญหานี้ในการปราศรัยของเขาด้วย โดยบอกว่าผู้ทรงอิทธิพลเหล่านี้พอทำผืดดินหนึ่งเสื่อมโทรมก็ย้ายไปที่ใหม่และทำมันเสื่อมโทรมอีก

ในการปราศรัยของมนังกากวายังให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจของซิมบับเว และสัญญาว่าจะแก้ปัญหาการขาดแคลนเงินตรา แก้ปัญหาการว่างงาน โดยที่มนังกากวาเรียกร้องให้กลุ่มผู้บริจาคจากประเทศตะวันตกให้ความช่วยเหลือโดยเล็งเห็นประเด็นของเกษตรกรคนขาวในซิมบับเว

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านของซิมบับเวโต้กลับว่าการปราศรัยของมนังกากวาเป็นแค่การแสดงดึดดูดความสนใจประชาชนโดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองและการเงิน โดยแสดงความสงสัยที่มนังกากวาเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งและตั้งข้อสังเกตว่ามีการปราศรัยเรื่องนี้ในย่านคนรวยของเมืองหลวงที่มีกลุ่มคนขาวร่ำรวยและมีเส้นสายกับพรรคซานู

ผลโพลล์ในซิมบับเวระบุว่า 2 คู่แข่งการเลือกตั้งของซิมบับเวคือ มนังกากวา กับ ชามิซา มีคะแนนนิยมแบบแบบคู่คี่สูสีกันมากโดยการสำรวจจากประชากร 2,400 ราย พบว่ามีคะแนนความนิยมทิ้งห่างกันไม่มาก เพียงแค่ร้อยละ 3 เท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นการเลือกตั้งที่ประชาคมโลกจับตามองอย่างใกล้ชิดด้วย

เรียบเรียงจาก
Zimbabwe elections: Mnangagwa courts white voters ahead of vote, Aljazeera, 22-07-2018
https://www.aljazeera.com/news/2018/07/zimbabwe-elections-mnangagwa-courts-white-voters-vote-180721220731456.html
 

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

สันติศึกษาบนหอคอยชนชั้น

Posted: 22 Jul 2018 10:11 AM PDT

การที่ผู้สอนหรือผู้วางหลักสูตรสันติศึกษาในประเทศไทยวางท่าทีประหนึ่งว่า สังคมจะอยู่กันอย่างสันติ คนในสังคมนั้นๆ ต้องอยู่กันอย่างปราศจากความขัดแย้ง นอกจากกรอบความคิดดังกล่าวบิดเบี้ยวไม่ตรงตามธรรมชาติของมนุษย์แล้ว ความคิดดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับยุคสมัยอีกด้วย

เพราะความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมชาติและธรรมดาของมนุษย์ มนุษย์เกิดมาพร้อมความขัดแย้ง นั่นคือ ไม่มีใครเห็นไปทางเดียวกันสักคน แม้แต่บุคคลในครอบครัวเดียวกันซึ่งถือว่ามีความใกล้ชิดกันมากที่สุด

หากที่จริงตัวอย่างความขัดแย้งในครอบครัว คือตัวอย่างที่ผู้สอนสันติศึกษาควรนำมาเป็นกรณีศึกษามากที่สุดว่า เหตุใด ครอบครัวส่วนใหญ่ทั่วโลกจึงอยู่ด้วยกันได้ท่ามกลางความขัดแย้ง แม้ไม่ถึงขนาดสันติ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม

ถ้าตอบแบบตีขลุมก็คงสรุปสาเหตุได้ว่า คนในสังคมระดับครอบครัวเหล่านี้มีมนุษยธรรมหรือคุณธรรมความเป็นมนุษย์

ตอบแบบแม่ชีเทเรซ่า แห่งโกลกัลตา (อินเดีย) ก็คงสรุปแบบฟันธงไปเลยว่า "เป็นเพราะความรัก" ทำให้ครอบครัวอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

แล้วเชื่อหรือไม่ว่าในท่ามกลางความขัดแย้งนั้น มนุษย์ยังคงอยู่ร่วมกันได้ แสดงว่า ไม่เพียงแต่ความรักเป็นคุณธรรมสำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์แล้ว มันยังเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งเช่นกันของมนุษย์ด้วย ซึ่งในฝ่ายพุทธศาสนาน่าจะหมายถึงความมีเมตตา ความกรุณา เพราะความรักนั่นเองทำให้สังคมในระดับเล็กสุดอย่างครอบครัวอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ และที่ต้องย้ำให้มากก็คือ ความรักคือน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตในสังคมท่ามกลางความขัดแย้งอันแสนจะธรรมดา

เมื่อคิดได้ดังนี้ก็จะเห็นได้ทันทีว่า เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลยที่จะไปสลายความขัดแย้ง เราไม่ต้องไปเรียนสันติศึกษาที่ทำไปทำมาก็เป็นมายาเล่ห์กลของผู้สร้างหรือกำหนดหลักสูตรขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองได้มีงานทำ มีงานสอนและแน่นอนที่สุดคือ ได้ (หา)กินกับเงินงบประมาณ ซึ่งก็โอละพ่อเต็มแก่ เพราะคนไม่มีแผลแต่คนผู้หากินกับสันติศึกษาเหล่านี้ไปเกาหรือไปทำให้มันเกิดแผลขึ้นมา

ซึ่งที่ผ่านเราคงเห็นได้ว่า สันติศึกษามีคุณูปการอย่างไรบ้างต่อคนในสังคมไทย นอกเหนือไปจากงานวิจัยบนหอคอย และการสื่อสารทางเดียว (one way communication) ขณะที่โลกปัจจุบัน เลยไกลไปถึงขั้น two ways communication ไปตั้งนานแล้ว ทว่าสันติศึกษาของบางสถาบันในไทยก็ยังมิได้มีการปรับตัว โดยเฉพาะหลักสูตรสันติศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์ของไทยบางแห่ง ที่นับว่าสะท้อนความคิดล้าหลังเสียเต็มประดา หากมันคือการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างชัดเจน เมื่อมองถึงความคุ้มค่าของงบประมาณอันเป็นภาษีของประชาชนที่ลงไป โดยที่การเรียนของสถาบันดังกล่าวเองแทบไม่สัมพันธ์ใดๆ กับสังคมภายนอกมหาวิทยาลัยเอาเลย

มีหรือที่สันติศึกษาจะไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง?

มีหรือที่สันติศึกษาจะไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่หรือวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมในระดับต่างๆ

ผมเกรงว่า... ไม่เลย !!

และที่สำคัญ คือ มีหรือที่สันติศึกษาจะไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ตามคำพูดของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ที่ว่า สันติภาพจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อคนในสังคมปราศจากปัญหาปากท้องหรือปัญหาความหิวโหย นี่เองที่อดีตประธานาธิบดีอเมริกันมองว่า สันติภาพกับปากท้องคือเรื่องเดียวกัน หาใช่การดัดจริตมองกรอบปัญหาแคบๆแค่ด้านสงครามความคิด หรือแม้แต่สงครามจริงก็ตาม

เพราะผู้สอนและผู้เรียนสันติศึกษาไม่เคยเข้าถึงสภาวะความทุกข์ความเดือดร้อนจากพิษภัยเศรษฐกิจตะหากเล่า สันติศึกษาในประเทศไทยจึงไปไม่ถึงไหน แม้จะมีการเปิดหลักสูตรมาหลายปีดีดักก็ตาม หากแท้จริงแล้วเสมือนเป็นการต้มตุ๋นตบตาประชาชนมากกว่าอย่างอื่นเอาเลยด้วยซ้ำ

เป็นสถาบันสันติศึกษาเสียเองที่กลัวความขัดแย้ง กลัวที่จะขัดแย้งกับชนชั้นสูง (Elite Class) หากยังถึงขนาดเข้าไปสมาคมพัวพันประจบประแจงคนกลุ่มนี้อย่างออกหน้าออกหน้าชัดเจน ลอยแพ (ปัญหา) คนชั้นล่างหรือคนชั้นรากหญ้าอันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ   หากเป็นนักสันติศึกษาเสียเองที่ลอยตัวเหนือปัญหา โดยใช้คำว่า ธัมมาธิปไตยให้ดูเป็นปรัชญาการอันสูงส่ง ล้ำค่ากว่าคำว่า ประชาธิปไตย เหยียบย่ำดูถูกประชาธิปไตยกันเห็นๆ

ไม่มีใครปฏิเสธว่า ธัมมาธิปไตย สูงส่งจริง แต่ปัญหาคือธรรมะนั้น เป็นเรื่องคุณธรรมภายใน นอกจากเราพิสูจน์ไม่ได้ว่า ใครกะเทาะกิเลสออกได้มากเท่าไหร่แล้ว คนส่วนใหญ่ยังมีกิเลสหนาปัญญาทึบ มองไม่ออกว่าใครคนไหนมีคุณธรรมสูงส่งเพียงใด โลกนี้มิได้มีแค่ฝ่ายเทพ ฝ่ายมาร หากแต่ยังมีเทพผสมมารรวมอยู่ด้วยเป็นส่วนมาก

เพราะฉะนั้นจงอย่าโลกสวยนักเลย สันติศึกษา...!!!

ก็แท้จริงแล้วประชาธิปไตยหรือจริงๆ แล้วก็คือ โลกาธิปไตย นั่นแหละที่พิสูจน์ได้ พิสูจน์จากอะไร ถ้ามิใช่สัญชาตญาณความรักของมนุษย์ ดังที่ผมเคยบอกไปในคอลัมน์นี้มาก่อนแล้วว่า โลกาธิปไตยคือองค์ประกอบสำคัญของหลักอธิปไตย3  ในสัดส่วนเท่ากันกับอีก 2 ตัว คือ อัตตาธิปไตยและธัมมาธิปไตย ไม่ใช่ดัดจริตเน้นแค่ธัมมาธิปไตยอย่างเดียว

ก็หมายความว่า ท่านให้ตนเองต้องสอดส่องพิจารณา (อัตตาธิปไตย) ให้คนอื่นสอดส่องพิจารณา (โลกกาธิปไตย) และให้ธรรมะเป็นตัวสอดส่องพิจารณา (ธัมมาธิปไตย) เหมือนส่องกระจกนั่นแหละ ขาดคุณธรรมตัวใดตัวหนึ่งไปไม่ได้ ถ้าให้ดีต้องครบองค์ 3 ไม่ใช่ตั้งข้อรังเกียจชิงชังคุณธรรม 2 ข้อแรก อุตริชอบแต่ธัมมาธิปไตยอย่างเดียว ตรงนี้ก็น่าขำ เพราะมีผู้อธิบายว่าต้องธัมมาธิปไตยยาครอบจักรวาลเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาของโลกได้

แน่นอนว่า ท้ายสุดแล้วผลของการปฏิบัติตามคุณธรรมที่ว่า ย่อมสำแดงปฏิกิริยาเชิงบวกให้คนรอบข้างหรือคนทั่วไปเห็น แต่ทำไฉนเราจะทราบได้ว่ามนุษย์ผู้นั้นเข้าถึงคุณธรรมขั้นไหนแล้ว  

พิจารณาแล้วก็จะเห็นได้ตัวของท่านเองว่า สันติศึกษาของบางสถาบันการศึกษาในเวลานี้ พานักเรียนนักศึกษาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดินลงเหวกันมากน้อยขนาดไหน...

 

 

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

ใบตองแห้ง: สามานย์ล้มทักษิณ

Posted: 22 Jul 2018 10:02 AM PDT

คอลัมนิสต์ท่านหนึ่ง ซึ่งรู้กันว่าบูชาระบอบลุงตู่ เกลียดชังระบอบทักษิณ เพิ่งเขียนบทความชี้ชวนผู้อ่านให้ทำใจยอมรับกลุ่มสามมิตร ยอมรับความเป็นจริงของการเมืองไทย ลืมเรื่องปฏิรูปการเมืองไปก่อน ไม่มีทางเกิดในอนาคตอันใกล้ กลุ่มสามมิตรไม่ใช่ฮีโร่ คือนักการเมืองที่ร่วมสร้างตำนานโคตรโกงกับระบอบทักษิณ แต่วันนี้กำลังเป็นสาเหตุแห่งการล่มสลายของระบอบทักษิณ

ท่านช่างกล้าหาญเสียกระไร กล้าพูดแทนใจคนชั้นกลาง ในเมือง โดยไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน ว่าถ้าอยากล้ม "ระบอบทักษิณ" ต้องยอมรับวิธีการอะไรก็ได้ อุตส่าห์ขัดขวางเลือกตั้ง เรียกหารัฐประหาร ใช้อำนาจปิดกั้น มาถึงขั้นนี้แล้ว ใช้นักการเมืองที่เคยร้องยี้ ไปดูดไปกวาดต้อน ก็ไม่เห็นเป็นไร

ดีใจจัง ที่คนดีมีศีลธรรมยอมรับความจริง ว่าไม่มีดอกบัวผุด จากโคลนตม ถ้าอยากล้มทักษิณ ก็ต้องใช้วิธีต่ำตม อย่าเพ้อฝันปฏิรูป อย่าหวังตั้งพรรคคนดี กวาดต้อนส.ส.มารองมือรองตีน สืบทอดอำนาจก็พอ

คนดีทั้งหลาย หรือที่บอกว่าตัวเองดี ดูจะกระดี๊กระด๊ากับพลังดูด หาเหตุผลมาอ้างว่าพรรคไทยรักไทยก็ดูดเหมือนกัน แกล้งทำเป็นลืมว่าครั้งนี้มันดูดแบบสามัคคีธรรม ซ้ำยังลิงโลดข่าวแยกสลายแดงอีสาน ขบวนการไพร่หยาบต่ำบุกกรุงจะได้สาบสูญไป

ว่าที่จริง เห็นด้วยเลยนะ ถ้ามวลชนเสื้อแดงจะแยกตัวจากทักษิณ จากแกนนำ ตั้งพรรคของตัวเอง หรือไปอยู่พรรคอื่นที่มีจุดยืนประชาธิปไตย ลุกขึ้นชี้หน้าด่าทักษิณ ด่านิรโทษสุดซอย เพราะจุดยืนเสื้อแดง ยังไงก็ต้องทวงความยุติธรรมให้ 99 ศพกระสุนจริง พร้อมกับทวงอำนาจเลือกรัฐบาล ไม่ใช่มี ส.ว. แต่งตั้ง หรือองค์กรแต่งตั้งล้มรัฐบาลได้

แต่นี่ บอกเป็นเสื้อแดงแล้วไปร่วมสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ไม่พูดถึงคดีฆาตกรรมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ มันต่างจาก ไก่ถอดเสื้อที่ไหน

ไม่แปลกหรอก ที่ตอนนี้คนดีคนชั้นกลาง เตรียมตัวเตรียมใจ ไชโยรับรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่คาดหวังว่าลุงจะกลับมา ด้วยฐานเสียงพลังดูด บวก รปช.กปปส. หรือพรรคอะไรก็ช่าง กวาดต้อนมารวมกัน อาศัยส.ว.แต่งตั้ง กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มี 5 ผบ.เหล่าทัพเป็นเสาค้ำ แถมองค์กรอิสระที่แต่งตั้งไปจากยุคนี้ทั้งนั้น

ถามจริง เป็นประชาธิปไตยไหม ก็รู้แก่ใจว่าไม่ ได้ปฏิรูปการเมืองไหม ถอยหลังเสียด้วยซ้ำ เชื่อในความยุติธรรมความเป็นธรรมหรือเปล่า ก็เปล่าเลย แต่คนชั้นกลางในเมืองจะเอาอย่างนี้แหละ โดยเชื่อว่าบ้านเมืองจะเดินหน้า มีเลือกตั้งแล้วฝรั่งยอมรับ การลงทุนจะกลับมา EEC 4.0 รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ฯลฯ จะพาประเทศโชติช่วงชัชวาล

นี่เป็นระบอบที่คนชั้นกลางคนดีมีการศึกษาชอบอยู่แล้ว ไม่ได้ต้องการให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ หรือปฏิรูปอะไรหรอก ชอบระบอบที่มีอำนาจนำ มีทหารและรัฐราชการ เป็นแกนกลาง มีนักการเมืองกเฬวรากจากเลือกตั้งอยู่วงนอก เอาไว้ด่ามัน นี่แหละ ระบอบในฝันของคนชั้นกลางไทย เพราะยังไงก็มีสิทธิมีเสียง ผ่านสื่อผ่านสังคมออนไลน์ และยังไง ก็มีเส้นมีสาย เข้าถึงอำนาจราชการได้ง่าย

กระทรวงการต่างประเทศจึงโต้นิตยสารไทม์ ไม่มีใครเรียกสฤษดิ์น้อย มีแต่เรียกลุงตู่ ระบอบลุงตู่ไม่ใช่เผด็จการโบราณ เป็นเผด็จการในฝันของคนชั้นกลาง แบบอยากขี่จักรยาน ก็สร้างเลนจักรยานทับถนนให้ ห่วงน้องหมาก็ออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ห่วงคุณภาพชีวิตก็ขึ้นภาษีน้ำตาล ห้ามไขมันทรานส์ นี่ยังจะออกกฎหมายคู่ชีวิตอีกต่างหาก

ความฝันของรัฐราชการและคนชั้นกลาง คืออยากรีสตาร์ต การเมืองไทย กลับไปคล้ายยุคป๋าเปรม ที่สามารถเอาชนะพรรคคอมมิวนิสต์ นักศึกษากลับออกจากป่า หันหน้าเข้าหากัน ให้สังคมลืมความอยุติธรรม ลืมการเข่นฆ่า 6 ตุลา สถาปนาประชาธิปไตยครึ่งใบ นำประเทศเดินหน้า พัฒนาทุนนิยม ก้าวกระโดด โชติช่วงชัชวาล 8 ปี

 

ซึ่งเป็นการมองประวัติศาสตร์อย่างผิวเผิน ข้ามขั้น ไม่เห็นปม สำคัญว่ายุคป๋าคือการเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการยาวนาน เผด็จการ สุดโต่ง มาเป็นระบอบผ่อนคลายอำนาจ จนเกิดฉันทามติที่สังคมอยู่ร่วมกันได้ แม้ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ

แต่ 40 ปีผ่านไป เรามาถึงยุคไหนไม่ทราบ ยังมองเสื้อแดงเหมือนคอมมิวนิสต์อยู่ ยังคิดสลายมวลชนด้วย กอ.รมน.ไทยนิยม ยังคิดล้มทักษิณด้วยการเมืองสามานย์ พาการเลือกตั้ง ย้อนสู่ยุคก่อนรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่สะสางความยุติธรรม แล้วยังวางระบอบกระชับอำนาจ รัฐราชการเป็นใหญ่ ภายใต้ลุงยืนหน้าเสาธง พร่ำบ่นสอนศีลธรรม

ไม่มีทางไปรอดหรอก เละแน่ แต่พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนข้อหาชังชาติ แช่ง ไม่ร่วมมือกัน

 

ที่มา: www.khaosod.co.th/hot-topics/news_1361066

 

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

ห้ามนำ 'กล่องโฟม-ถุงพลาสติก' เข้าพื้นที่ 154 อุทยาน เริ่ม 12 ส.ค. 2561

Posted: 22 Jul 2018 02:21 AM PDT

กรมอุทยานฯ ประกาศห้ามนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง เข้าไปในเขตอุทยานฯ ทั้ง 154 แห่ง ได้แก่ กล่องพลาสติกบรรจุอาหารหรือกล่องโฟม จานพลาสติก ถุงพลาสติกหูหิ้ว และขวดน้ำที่มีพลาสติกฝาหุ้มขวด และรณรงค์ลดการใช้แก้วน้ำ หลอด และช้อน-ส้อม ที่ทำจากพลาสติก เริ่ม 12 ส.ค. 2561 พร้อมกันทั่วประเทศ (แฟ้มภาพสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์)

มติชนออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2561 ว่านายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่าจากการที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรี ทส. ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินโครงการ "ทำดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม" ด้วยกิจกรรมการลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วและงดใช้โฟมบรรจุอาหารในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ทั้งนี้ อุทยานฯเป็นแหล่งทรัพยากรการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่รัฐบาลนำไปส่งเสริมเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยและมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวในอุทยานฯประมาณ 16 ล้านคน ปัญหาที่ตามมาจากกิจกรรมท่องเที่ยวคือ ขยะและน้ำเสีย โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางธรรมชาติของอุทยานฯโดยเฉพาะกับสัตว์น้ำและสัตว์ป่า ที่ปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งคือการพบเศษขยะและพลาสติกในกระเพาะสัตว์น้ำ ขณะที่อุทยานฯเขาใหญ่ พบปัญหาสัตว์ป่าตายจากสาเหตุระบบการย่อยอาหารล้มเหลว โดยพบเศษขยะพลาสติกในลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย นอกจากนี้เศษพลาสติกจากฝาขวดบรรจุภัณฑ์ มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้ปลิวกระจายไปกับลมและลอยไปตามกระแสน้ำ ส่งผลกระทบปะการัง สัตว์น้ำ และความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว

นายทรงธรรมกล่าวอีกว่า ทั้งนี้นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเข้าร่วมโครงการทำดีด้วยหัวใจฯ โดยออกประกาศกรมอุทยานฯ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2561 เพื่อห้ามบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง เข้าไปในเขตอุทยานฯ ทั้ง 154 แห่ง ได้แก่ กล่องพลาสติกบรรจุอาหาร หรือกล่องโฟม จานพลาสติก ถุงพลาสติกหูหิ้ว และขวดน้ำที่มีพลาสติกฝาหุ้มขวด และรณรงค์ลดการใช้แก้วน้ำ หลอด และช้อน-ส้อม ที่ทำจากพลาสติกในคราวเดียวกันด้วย และนำหลักการจัดการขยะแบบเหลือศูนย์มาใช้ เพื่อให้การจัดการขยะในอุทยานฯได้รับการจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม โดยจะเริ่มโครงการในวันที่ 12 ส.ค. 2561 พร้อมกันทั่วประเทศ

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

หมายเหตุประเพทไทย #219 พจน์ อานนท์ศาสตร์

Posted: 22 Jul 2018 02:05 AM PDT

ภาพยนตร์ผลงานกำกับของ "พจน์ อานนท์" ที่เน้นความบันเทิงในสูตร "ผี ตลก กระเทย"  (อาจจะเว้นไว้สักเรื่องสองเรื่องอย่าง "เพื่อน...กูรักมึงว่ะ"กับ "18 ฝน คนอันตราย") รวมทั้งตอบสนองต่อกระแสสังคมในห้วงนั้นๆ อย่างรวดเร็ว ในแง่หนึ่ง "หนังพจน์ อานันท์" ตอบสนองความบันเทิงแบบวัฒนธรรมมวลชน ขณะเดียวกันการผลิตซ้ำ ตีตรา สร้างภาพเหมารวม จะส่งเสริมการเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยในสังคมมากหรือน้อยเพียงใด

ทั้งหมดนี้ติดตามได้ใน "หมายเหตุประเพทไทย" สัปดาห์นี้ คำ ผกา และชานันท์ ยอดหงษ์ พูดคุยพบกับแขกรับเชิญ ภาวิน มาลัยวงศ์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ติดตามรายการหมายเหตุประเพทไทยย้อนหลังที่
เฟสบุ๊ค
https://www.facebook.com/maihetpraphetthai
หรือลงทะเบียนรับชมที่ https://youtube.com/prachatai

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ปัญหาหนี้สินครู-หนี้ครัวเรือน สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

Posted: 22 Jul 2018 01:25 AM PDT

ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา

22 ก.ค. 2561 ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่าปัญหาหนี้สินครูและหนี้ครัวเรือนสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรมมากกว่าปัญหาการขาดวินัยทางการเงิน การพักชำระหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่หนทางแห่งการแก้ปัญหาและเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น เสนอให้มีการปรับฐานและอัตราเงินเดือนครูใหม่ตามคุณวุฒิวิชาการ วิชาชีพและคุณภาพในการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งความรู้ความสามารถ สามารถจัดจ้างในลักษณะสัญญาจ้างที่มีโครงสร้างเงินเดือนมิได้ขึ้นอยู่กับบัญชีเงินเดือนข้าราชการ เพื่อให้สามารถเลือกครูที่เก่งเข้ามาสอนหรือเลือกผู้บริหารที่มีความสามารถเข้ามาบริหาร

การยกระดับคุณภาพการศึกษาและผลิตภาพการผลิต การแก้ไขปัญหาการกระจายรายได้ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและความสามารถในการหารายได้คือทางออก ปัญหาหนี้สินครูที่มีจำนวนมากนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง สภาพ "รวยกระจุก จนกระจาย" ยังเป็นสภาวะปรกติที่พบเห็นโดยทั่วไปในสังคม สภาวะดังกล่าวยังไม่ได้มีมาตรการแก้ไขอย่างจริงจังโดยยึดถือหลักความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายและการดำรงชีพทำให้ต้องก่อหนี้ นอกจากนี้ยังมีการก่อหนี้เพื่อผ่อนชำระบ้าน รถยนต์และสินค้าคงทนต่างๆ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบข้อเท็จจริงว่าค่าเฉลี่ยสัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ครัวเรือนที่มีหนี้ปรับเพิ่มขึ้นในภาพรวมและในทุกกลุ่มรายได้ค่าเฉลี่ยโดยรวมของกลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้เพิ่มขึ้นจาก 76% ในปี 2558 มาอยู่ที่ 89% ในปี 2560 ครัวเรือนส่วนใหญ่รวมทั้งครูชั้นผู้น้อยและไม่มีตำแหน่งบริหารไม่มีเงินออมสำหรับใช้ในยามฉุกเฉินและหลังเกษียณอย่างเพียงพอ

การเพิ่มขึ้นของหนี้สินนั้นเกิดขึ้นในเกือบทุกกลุ่มอาชีพที่จัดอยู่ในกลุ่มรายได้น้อยถึงปานกลาง โดยเป็นผลจากทั้งการเพิ่มขึ้นของหนี้และการลดลงของรายได้ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นในส่วนของผู้มีฐานรายได้สูงอยู่แล้ว ในภาพรวม หนี้สินของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 13-14% ขณะที่รายได้ลดลง 1-3% โดยมีกลุ่มครัวเรือนรายได้สูงที่มีรายได้มากกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือนเท่านั้นที่มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น ขณะที่ในกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือนล้วนมีรายได้เฉลี่ยน้อยลดลง อย่างไรก็ตามแนวโน้มนี้อาจปรับตัวดีขึ้นหากทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากกว่า 5% และมีการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยนโยบายหรือมาตรการแทรกแซงโดยรัฐ ไม่สามารถอาศัยกลไกตลาดในการจัดสรรความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วง 3-4 ปีภายใต้รัฐบาล คสช. ที่ผ่านมายังกระจายตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อยและปานกลาง เช่น กลุ่มเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติและราคาสินค้าเกษตรต่ำกว่าในอดีต หรือกลุ่มแรงงานที่รายได้จากทั้งค่าแรงและค่าจ้างล่วงเวลาลดลงซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างในภาคการผลิตโดยชั่วโมงการผลิตไม่ได้ลดลง เช่น การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ เทคโนโลยีหุ่นยนต์แทนแรงงานคน ทำให้ในแรงงานกลุ่มทักษะต่ำมีความจำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อการใช้จ่ายเพื่อชดเชยรายได้ค่าล่วงเวลาที่ลดลง รายได้ลดลงแต่รายจ่ายจำเป็นไม่สามารถลดลงได้ การจัดสวัสดิการพื้นฐานโดยรัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดรายจ่ายจึงไม่ควรปรับลดลงแม้นมีข้อจำกัดเรื่องฐานะการคลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสวัสดิการทางด้านสาธารณสุขและการศึกษา ควรปรับลดงบประมาณทางด้านการจัดซื้ออาวุธ เพิ่มบทบาทเอกชนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดภาระทางการคลังลง ลดการรั่วไหลจากการจัดซื้อจัดหาได้ของแพงคุณภาพต่ำ เป็นต้น 

ผศ.ดร.อนุสรณ์ ในฐานะอดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษากล่าวอีกว่า หากครูมีภาระหนี้สินมากย่อมเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการยกระดับรายได้และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว คุณภาพครูมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุเป้าหมายตามแผนการศึกษาชาติ คุณภาพครูไม่อาจดีได้หากครูยังมีปัญหาทางการเงินและไม่มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพ ปัญหาหนี้สินครูเกิดขึ้นทั้งจากรายได้ไม่พอรายจ่าย ครูที่มาจากครอบครัวที่ยากจนมักมีภาระต้องดูแลสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆทางการเงินอีกด้วย นอกจากนี้ ครูบางส่วนอาจความรู้เรื่องการบริหารเงินออมและขาดวินัยทางการเงิน 
การสร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพต้องอาศัยบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพสูง การแก้ปัญหาหนี้สินครูจึงมีความสำคัญและเป็นเรื่องเร่งด่วนและไม่ควรใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการพักการชำระหนี้หรือการปรับโครงสร้างหนี้เท่านั้นเพราะจะสร้างวัฒนธรรมเบี้ยวหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาแบบไม่ยั่งยืน

เป้าหมายของการพัฒนาการศึกษา 5 ประการไม่อาจบรรลุได้หากไม่มีครูและผู้บริหารสถานศึกษาที่มีคุณภาพ เป้าหมาย 5 ประการ ได้แก่ 1) การเข้าถึง (Access) 2) ความเท่าเทียม (Equity) 3) คุณภาพ (Quality) 4) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และ 5) ตอบโจทย์บริบทที่เปลี่ยนแปลง (Relevancy) ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Growth) ที่พลเมืองส่วนใหญ่มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ภายใต้บริบทของการจัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและทั่วถึง (Inclusive Education) รวมทั้งการสร้างสังคมแห่งปัญญา (Wisdom – Based Society) การส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ (Lifelong Learning) และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ (Supportive Learning Environment) เพื่อให้พลเมืองสามารถเรียนรู้และแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต รวมทั้งสามารถยกฐานะและชนชั้นทางสังคม อันนำไปสู่การสร้างความผาสุขร่วมกันในสังคมของชนในชาติ และลดความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ของชนชั้นต่างๆ ในสังคมให้มีความทัดเทียมกันมากขึ้น 

ผศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่าการศึกษาเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน การพัฒนาการศึกษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 มิติใหญ่ๆ ได้แก่ 1. มิติด้านปริมาณ ซึ่งหมายรวมถึง การพัฒนาความสามารถในการเข้าถึงการศึกษา (Mankiw, Romer and Weil, 1992) และการเพิ่มจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยให้กับนักเรียน/นักศึกษา เพื่อที่จะได้รับความรู้ที่มากเพียงพอในการสนับสนุนการทำงานในอนาคต (Barro and Lee, 1993) 2. มิติด้านคุณภาพ ซึ่งหมายถึง คุณภาพการเรียน การสอน ที่ทำให้เด็กมีทักษะที่เข้มข้น และสอดคล้องกับการที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ในอนาคต (Hanushek and WoBmann, 2007) และ 3. มิติด้านความเหลื่อมล้ำ ซึ่งหมายถึง ความแตกต่าง ในผลลัพธ์ของการศึกษา ซึ่งเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆที่มากกว่าแค่คุณภาพของการเรียนการสอน แต่ครอบคลุมไปถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องทั้งหมดตั้งแต่ปัจจัยเฉพาะของนักเรียนแต่ละคน ปัจจัยทางด้านครอบครัว ไปจนถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา

แนวทางการแก้ไขปัญหาการศึกษาที่ดี ควรที่จะต้องมีการพัฒนาในทั้ง 3 มิติไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากการแก้ไขปัญหาในมิติเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว โดยไม่เน้นคุณภาพอาจจะได้แรงงานที่จบมาแล้วมีทักษะที่ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน การทุ่มทรัพยากรเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านความเหลื่อมล้ำเพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นการตัดโอกาสในการพัฒนากลุ่มเด็กที่มีศักยภาพที่สูง เช่นเดียวกันการพัฒนาในมิติเชิงคุณภาพโดยไม่ได้พิจารณาในมิติความเหลื่อมล้ำ เช่น การพัฒนาคุณภาพของแต่ละโรงเรียนอย่างเป็นเอกเทศ อาจจะทำให้เกิดความแตกต่างของผลการเรียนของแต่ละโรงเรียน ซึ่งทำให้คุณภาพของผลลัพธ์ทางการศึกษามีความแตกต่าง กันมากและนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมในที่สุด ซึ่งเมื่อย้อนกลับมาดูสถิติและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของไทย จะพบว่า ประเทศไทยยังคงมีปัญหาทั้ง 3 มิติ โดยข้อมูลสถิติจากธนาคารโลก บ่งชี้ถึงช่องว่างในการเข้าถึงการศึกษาในระดับชั้นปฐมศึกษา โดยมีเพียงร้อยละ 93 ของ เด็กในวัยเรียนที่เข้าถึงการศึกษาในระดับชั้นดังกล่าว งานวิจัยของ Prasartpornsirichoke and Takahashi (2013) บ่งชี้ถึงความสำคัญของการขยายการเข้าถึงการศึกษาให้ครอบคลุม ถึงระดับชั้นมัธยม ข้อมูลจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของประชากรของประเทศจากฐานข้อมูลของ Barro and Lee (2013) พบว่าประชากรวัยทำงานของไทยมีจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยอยู่ที่ 7.3 ปี ซึ่งยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (ซึ่งมีจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยอยู่ที่ 11.05 ปี) ถึง 3.75 ปี

ผศ.ดร.อนุสรณ์ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา กล่าวทิ้งท้ายว่าการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาควรเปลี่ยนมาเป็นระบบการสรรหาและคัดเลือกโดยกรรมการสถานศึกษา โดยผู้บริหารสถานศึกษาควรมีวาระในการดำรงตำแหน่งชัดเจน การกระจายอำนาจให้สถานการศึกษาเพิ่มขึ้นจะช่วยให้ระบบการศึกษาตอบสนองต่อท้องถิ่นและสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่มากขึ้น สามารถแก้ปัญหาเรื่องบุคลากรทางการศึกษาและปัญหาหนี้สินครูได้ดีขึ้นอีกด้วย 

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

'อย่าพรากเพื่อนเรา' นักเรียนเกาหลีใต้ประท้วงเรียกร้องขอสถานะผู้ลี้ภัยให้เพื่อนชาวอิหร่าน

Posted: 22 Jul 2018 12:24 AM PDT

ในเกาหลีใต้มีการรวมตัวประท้วงของนักเรียนประมาณ 50 คนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตซงปาของกรุงโซล พวกเขารวมกลุ่มกันประท้วงด้วยเหตุผลเดียวคือเพื่อให้เพื่อนของพวกเขาซึ่งเป็นนักเรียนร่วมชั้นอายุ 15 ปี จากประเทศอิหร่านรับสถานะผู้ลี้ภัยเพื่อให้อยู่ในประเทศเกาหลีใต้ต่อไปได้ ที่มาภาพ: The Hankyoreh

นักเรียน 50 คนจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตซงปาของกรุงโซล รวมตัวกันประท้วงหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา เรียกร้องให้ทางการให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่เพื่อนร่วมชั้นอายุ 15 ปี ที่มาจากอิหร่าน

พวกเขาพากันถือป้ายประท้วงกลางแดดช่วงกลางวัน โดยมีป้ายแฟ่นหนึ่งเขียนไว้ว่า "ขอให้มองข้ามอคติไปให้เห็นความเป็นจริง" อีกแผ่นหนึ่งเขียนว่าให้รู้จักคำนึงถึงเพื่อนของพวกเขาบ้าง

เด็กนักเรียนผู้ลี้ภัยที่มีเพื่อนช่วยเรียกร้องให้เขาคนนี้มีนามสมมุติในข่าวว่า "เอ" เขาเป็นคนสัญชาติอิหร่านที่เดินทางเข้าเกาหลีใต้พร้อมกับพ่อของเขาในปี 2553 ซึ่งในตอนนั้นพ่อของเขาเข้ามาที่เกาหลีด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ถึงแม้ว่าเดิมทีแล้วพวกเขาจะเป็นชาวมุสลิมแต่หลังจากที่พวกเขาตั้งใจจะตั้งรกรากในเกาหลีใต้พวกเขาก็เปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์ โดยเริ่มจากผู้เป็นลูกเปลี่ยนศาสนาไปในที่เรียนชั้น ป.2 แล้วเชื้อชวนให้พ่อเปลี่ยนตาม ซึ่งตามกฎหมายชะรีอะฮ์ในแบบของอิหร่านแล้วการเปลี่ยนศาสนาถือว่าเป็นการทรยศ

ในปี 2559 พ่อลูกชาวอิหร่านคู่นี้ได้ขอสถานะผู้ลี้ภัยจากรัฐบาลเกาหลีใต้ แต่ทางสำนักงานคนเข้าเมืองไม่ให้สถานะแก่พวกเขาโดยอ้างว่า "เอ" ซึ่งในตอนขอสถานะยังเป็นผู้น้อย (อายุ 14 ปี) อยู่ตามสถานะทางกฎหมายของเกาหลีใต้แสดงออกทางศาสนายังไม่ชัดเจน และอีกสาเหตุหนึ่งคืออ้างว่าทั้งสองคนมีโอกาสน้อยที่ถูกตัดสินลงโทษจากการที่พวกเขาเข้าโบสถ์คริสต์ในช่วงที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ ในเวลาต่อมาแม้ว่าศาลชั้นต้นจะตัดสินให้พ่อลูกคู่นี้ได้สถานะผู้ลี้ภัยแต่ศาลอุทธรณ์และศาลสูงสุดของเกาหลีใต้ก็กลับคำตัดสินนี้

หลังจากการตัดสินของศาลสูงสุดเกาหลีใต้เพื่อนๆ ของ "เอ" ก็เริ่มปฏิบัติการประท้วง เริ่มจากวันที่ 11 ก.ค. มีการนำคำร้องทุกข์ไปติดที่กระดานของทำเนียบประธานาธิบดี ระบุว่า "ช่วยเหลือเพื่อนของพวกเราได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมและได้รับสถานะผู้ลี้ภัยด้วย" ในใบคำร้องดังกล่าวมีการรวบรวมความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ของ "เอ" หนึ่งในความเห็นเหล่านี้ระบุว่า "ถ้าเพื่อนของเราจากไปอย่างไร้เหตุผลจำเป็นเช่นนี้ มันจะสร้างแผลใจอย่างใหญ่หลวง" เมื่อเรื่องนี้มีคนพูดต่อออกไปทำให้ผู้กำกับการของสำนักงานศึกษาธิการเทศบาลกรุงโซลเข้าเยี่ยม "เอ" ในวันที่ 19 ก.ค.

เพื่อนๆ ของ "เอ" บอกว่า "เอ" เป็นคนร่าเริงและเป็นเพื่อนสนิทของเด็กอีกคนหนึ่งที่ชื่อฮันตลอด 7 ปีที่อยู่ในเกาหลี ฮันเล่าว่า "เอ" เป็นคนที่เริ่มคุยกับเขาก่อนในตอนที่เขาเพิ่งย้ายโรงเรียนมาใหม่และไม่คุ้นเคยกับใครอีกทั้ง "เอ" ยังเป็นคนที่เก่งกีฬา เข้ากับคนอื่นได้ดี และเคยเป็นหัวหน้าห้อง 2 ครั้ง สิ่งที่ฮันต้องการคืออยากให้ "เอ" ได้ไปโรงเรียนกับเพื่อนคนอื่นๆ อย่างปลอดภัยต่อไปและได้เล่นเกมเล่นฟุตบอลด้วยกันอีก

ในตอนที่ "เอ" เข้าไปยื่นเอกสารขอสถานะผู้ลี้ภัยในเกาหลีใต้อีกครั้ง ก็มีเพื่อนๆ ร้องเพลงประสานเสียงเพื่อแสดงการสนับสนุน สำหรับ "เอ" เองเขาบอกว่าถ้าหากเขาได้อยู่ในเกาหลีใต้เขาก็อยากเป็นนายแบบโดยมีบุคคลที่เป็นแบบอย่างคือ ฮันฮยุนมิน หรือ "โฮเวิร์ด ฮัน" ผู้ที่เป็นนายแบบลูกครึ่งชาวไนจีเรีย-เกาหลี

เรียบเรียงจาก
Middle schoolers petition for refugee status of Iranian classmate, Hankyoreh, 20-07-2018
http://english.hani.co.kr/arti/english_edition/e_international/854192.html

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 16-22 ก.ค. 2561

Posted: 22 Jul 2018 12:08 AM PDT

กสร. พอใจซ้อมหนีไฟศาลากลางทั่วประเทศใกล้ครบ 100%

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยผลการดำเนินงานตามโครงการสร้างความปลอดภัยขั้นพื้นฐานในองค์กรภาครัฐที่ได้กำหนดเป้าหมายให้มีการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ ณ ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ว่า ผลการดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย โดยสามารถดำเนินการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟเรียบร้อยแล้ว 74 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 97 ทั้งนี้ยังคงเหลืออีก 2 จังหวัด คือ จังหวัดสระแก้ว ได้กำหนดจะฝึกซ้อมให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2561 และจังหวัดพังงา จะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนสิงหาคม 2561 เนื่องจากมีการก่อสร้างศาลากลางหลังใหม่ จากผลการฝึกซ้อมดังกล่าวถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจที่หน่วยงานราชการทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยและมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ในการทำงานให้เกิดขึ้น ตลอดจนจัดให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และการดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2555

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ ประจำปี 2561 ในวันพุธที่ 1 สิงหาคม 2561 นี้ ณ กระทรวงแรงงาน ดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยจะมี การจำลองสถานการณ์จริงเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดับเพลิง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟให้แก่บุคลากรของกระทรวงแรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ อีกทั้งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่องค์กรเอกชน รัฐวิสาหกิจและหน่วยราชการอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการดำเนินการดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบาย Safety Thailand

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 22/7/2561

รมว.แรงงานลุยติวประกันสังคม 10 จังหวัดอีสาน

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาฯสำนักงานประกันสังคม เดินทางมาร่วมงานเสวนาโครงการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ งานประกันสังคมที่ห้องประชุมโรงแรมบลู เขตเทศบาลเมืองนครพนม จ.นครพนม เพื่อประสานความสัมพันธ์ ระหว่าง นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้แทนสถานพยาบาล และสื่อมวลชนท้องถิ่น จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ เลย สกลนคร ขอนแก่น หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อุดรธานี และนครพนม เพื่อถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจสิทธิประกันสังคม ให้กับผู้ประกันตนได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว มีการเสวนา ในหัวข้อ "ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเพื่อพัฒนาประกันตนสู่โอกาส และสร้างอาชีพใหม่" พร้อมจำลองบทบาทสมมุติว่าเป็นลูกจ้างผู้สูญเสียอวัยวะ เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ ข้อจำกัดจากสภาพพิการ มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะด้านประกันสังคม ด้านการแพทย์ และกรรมการประกันสังคม ให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ รมว.แรงงาน ได้มอบแนวทางของโครงการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคม และ หลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับประกันสังคม นำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่อย่างถูกต้อง

พล.ต.อ.อดุลย์เปิดเผยว่า ทางกระทรวงแรงงานได้เปิดโอกาสให้อดีตลูกจ้างสถานประกอบการที่ขาดส่งเงินประกันสังคมมานานหลายปี กลับเข้ามาใช้สิทธิ์ขอประกันตนได้ในมาตรา 39 และยังเปิดช่องทางให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงหลักประกันสังคมในมาตรา 40 อีกด้วย ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ เช่น กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ก็จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 300 บาท เป็นต้น

ที่มา: แนวหน้า, 21/7/2561

ยธ.รุกให้ความคุ้มครองคนไทยในเกาหลีใต้กรณีตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม เน้นเฉพาะ 5 หมื่นรายที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย

น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยความคืบหน้าในการทำบันทึกข้อตกลงการให้ความคุ้มครองสิทธิประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อในคดีอาญากับกรมสิทธิมนุษยชน กระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐเกาหลีใต้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเนื้อหารายละเอียดข้อกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ ว่ามีประเด็นและเนื้อหาที่สอดคล้องกันอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะขั้นตอนการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในคดีอาญา การให้ความช่วยเหลือตามกระบวนการยุติธรรม เบื้องต้นมีข้อมูลว่า คนไทยที่เข้าไปใช้แรงงานและพำนักอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมายกว่า 50,000 คนและอีกกว่า 100,000 คนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา ไทยกับเกาหลีใต้ยังไม่เคยมีข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในคดีอาญาแต่อย่างใด ยกเว้นในกรณีที่มีชาวต่างชาติ ตกเป็นเหยื่อในคดีอาญา ซึ่งจะได้รับความช่วยเหลือตามพ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และพ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนฯแก่จำเลยในคดีอาญาตามกฎหมายของไทย        

น.ส.ปิติกาญจน์. กล่าวอีกว่า ภายในเดือนก.ค.นี้จะเสนอ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้พิจารณาเพื่อลงนามความตกลงระดับกระทรวงต่อไป โดยกรมฯจะพยายามผลักดันให้มีการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เนื่องจากครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ หากทำเอ็มโอยูเสร็จเร็ว คนไทยที่อยู่ในประเทศเกาหลีก็จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มมากขึ้น และคนเกาหลีใต้ก็จะได้รับการดูแลตามกฎหมายไทยเช่นกัน เนื่องจากเป็นกฎหมายในลักษณะต่างตอบแทนของทั้ง 2 ประเทศ

อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากรมฯได้มีการทำบันทึกข้อตกลงฯกับมหาวิทยาลัย 20 แห่งที่มีการเปิดสอนสาขานิติศาสตร์ในประเทศมาเลเซียและได้มีการส่งนักศึกษาในสาขาวิชาดังกล่าวมาแลกเปลี่ยนความรู้อย่างต่อเนื่อง มีการบูรณาการความช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมายผ่านสภาเนติบัญฑิต ด้วยการจัดหาทนายความให้ความช่วยหากต้องมีการขึ้นศาล นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องดังกล่าวกับประทศอื่นๆในกลุ่มอาเซียนเพื่อขยายความคุ้มครองประชาชนไทยในกลุ่มประเทศเหล่านี้ให้ได้รับความช่วยเหลือตามกฎหมาย กรณีที่ตกเป็นเหยื่อในคดีอาญา และการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวจะประโยชน์ต่อคนไทยและคนต่างชาติในกรณีที่ประสบปัญหาถูกทำร้ายหรือถูกฆาตกรรมในประเทศนั้นๆ

ที่มา: คมชัดลึก, 20/7/2561

ประกันสังคมไฟเขียวแรงงานต่างด้าวใช้บัตรคนไม่มีสัญชาติไทยยื่นรักษาได้

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร สาระความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันสังคมและสิทธิประโยชน์ที่นายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน พึงมีสิทธิได้รับจาก 2 กองทุน คือกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่งร่าง พ.ร.บ.เงินทดแทนไปวันที่ 19 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา

สำหรับการประชาสัมพันธ์นั้น สปส.ดำเนินการทางสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ในลักษณะต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สปส.ได้มีการพัฒนาระบบการให้บริการและปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กองทุนเงินทดแทน กองทุนประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งหวังให้นายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน ได้รับความรู้ สร้างความเข้าใจ และมีทัศนคติที่ดี รวมถึงได้รับประโยชน์สูงสุดจากการประกันสังคม โดยทำการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวความเคลื่อนไหวของ สปส.ผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ แต่เนื่องจากกลุ่มนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน มีระดับความรู้ที่แตกต่างกันและมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้การประชาสัมพันธ์ยังไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

ด้านนายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการ สปส. กล่าวว่า คณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา (ชุดที่ 13) มีมติเห็นชอบให้แก้ไขระเบียบ สปส. ว่าด้วยการกำหนดสิทธิในการรับบริการทางการแพทย์ ให้แรงงานต่างด้าว สามารถใช้บัตรประจำตัว คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ที่ออกโดยทางราชการ (กรมการปกครอง) เป็นหลักฐานในการขอรับบริการทางการแพทย์ ที่สถานพยาบาลที่ สปส.กำหนดแทนการใช้บัตรประกันสังคม เพื่ออำนวยความสะดวกและให้ความคุ้มครองในระบบประกันสังคมแก่แรงงานต่างด้าว  ที่ ครม.มีมติผ่อนผันให้ทำงานในประเทศไทยและขึ้นทะเบียนทำประวัติทางศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ

เลขาธิการ สปส. กล่าวอีกว่า แรงงานต่างด้าว ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนจำนวนกว่า 7 แสนคน ที่ได้รับแจ้งจาก สปส. สามารถใช้บัตรประจำตัวคน ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ยื่นขอเข้ารับการรักษาพยาบาลหรือขอรับประโยชน์ตามสิทธิในระบบประกันสังคมได้ทันที และในส่วนแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีหลักฐานการขึ้นทะเบียนโดยใช้หนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานนั้น ยังสามารถใช้บัตรประกันสังคม เป็นหลักฐานในการแสดงตนในการขอรับบริการทางการแพทย์ ที่สถานพยาบาลที่กำหนดได้เช่นเดิม

ที่มา: MGR Online, 20/7/2561

LINE JOBS เปิดตัวไม่ทันครบปี คนติดตามเกินล้าน มีงานมากกว่าแสนอัตราให้เลือกสมัคร

LINE JOBS แพลตฟอร์มหางานจากทาง LINE โชว์สถิติล่าสุดหลังจากเปิดทดลองให้ใช้งานมา 8 เดือน พบว่ายอดผู้ติดตามทะลุล้านเป็นที่เรียบร้อย เล็งขึ้นชิงเป็นแพลตฟอร์มหางานอันดับ 1 ในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้จับมือกับทางกระทรวงแรงงานทำให้มีงานในระบบเพิ่มขึ้นไปสูงถึง 140,000 อัตรา ดึงดูดให้มีคนเริ่มหันไปหางานจากบริการนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันมีนักเรียน นักศึกษาหางานจากบริการนี้กว่า 500,000 รายเข้าไปแล้ว

LINE JOBS เป็นแพลตฟอร์มช่วยหางานที่จะเชื่อมคนหางานและคนว่าจ้างให้มาเจอกันตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง, ประสบการณ์, ทักษะ เป็นต้น โดยเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในช่วงแรกจะเน้นหมวดงานด้านบริการ (งานโรงแรม, ร้านอาหาร เป็นต้น) เพราะงานด้านบริการจะมีอัตราเข้าออกเปลี่ยนงานค่อนข้างสูง ล่าสุดมียอดคนติดตามใน Official Account ของ LINE JOBS ทะลุล้านแล้ว พร้อมตำแหน่งงานบริการที่เปิดรับมากกว่า 140,000 อัตราจากกว่า 400 แบรนด์ชั้นนำทั่วประเทศไทย

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการประกาศลงนามความร่วมมือ "ประชารัฐรวมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ"กับกระทรวงแรงงาน เพื่อช่วยคนไทยให้หางานผ่าน LINE JOBS และเพื่อเพิ่มฐานผู้ว่าจ้างสู่ตลาด SME

โดยสถิติผู้ใช้งาน LINE JOBS แบบ ที่น่าสนใจมีดังนี้ มีตำแหน่งงานมากกว่า 140,000 อัตรา, งานที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ งานบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม, รายได้ Part-time เฉลี่ย 350 บาท/วัน, รายได้ Full-time เฉลี่ย  13,500 บาท/เดือน, อาชีพที่เงินเดือนสูงที่สุดคอ หัวหน้าเชฟ 50,000 บาท/เดือน, เงินเดือนเฉลี่ยของงานใน LINE JOB 14,500 บาท/เดือน, ผู้ใช้งานเป็นผู้หญิงอยู่ที่ 69% และผู้ชาย 31%, มีนักศึกษาใช้งาน LINE JOB ถึง 500,000 คน และใช้งานมากที่สุดในภาคกลาง

ที่มา: Droidsans.com, 19/7/2561

ไฟไหม้โรงงานตุ๊กตา พนักงานกว่า 200 วิ่งหนีตาย

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ต.ท.ชินวัชร์ ธิศาลา สารวัตรเวร สภ.เมืองชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเพลิงลุกไหม้ในบริษัท PARKS TOY จำกัด ตั้งอยู่ที่ 3/3 หมู่ 3 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตตุ๊กตาของชาวเกาหลี เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ มีพนักงานทำงานกว่า 200 คน จึงรุดไปที่เกิดเหตุพบรถดับเพลิงจากองค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี กำลังดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ที่บริเวณเพดานห้องเก็บสินค้า ใช้เวลาดับเพลิงนานประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยมีพนักงานของบริษัทฯ ช่วยกันขนย้ายตุ๊กตาออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ เพราะเกรงว่าอาจถูกสะเก็ดไฟ ทำให้ลุกลามต่อไปอีกนอกจากนี้ยังพบว่ามีพนักงานสำลักควันไฟ จึงได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวต่อไป

จากการสอบถามนายไกรสร บุญธรรม อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทฯกล่าวว่า เพลิงลุกไหม้บริเวณเพดานคลังเก็บสินค้า หลังจากนั้นพนักงานได้วิ่งหนีออกมาจำนวนมาก จึงได้ใช้ถังดับเพลิงช่วยกันดับเพลิงเบื้องต้น ก่อนที่รถดับเพลิงจะมาดับเพลิงได้ทันท่วงทีก่อนที่จะลุกลามไปยังส่วนอื่นๆของโรงงานส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ตำรวจจะได้ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

ที่มา: เนชั่นทีวี, 19/7/2561

ผู้ประกันตนเจ็บป่วยโรคมะเร็ง มีสิทธิได้รับการรักษากรณีปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือการปลูกถ่ายไขกระดูก

นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงสิทธิผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง ต้องได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือการปลูกถ่ายไขกระดูก ว่า สำนักงานประกันสังคมได้ให้ความคุ้มครองกรณีผู้ประกันตนเจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ  โดยผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับการรักษาและทานยาตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา การรักษามะเร็งแต่ละชนิดมีแนวทางการรักษาแตกต่างกัน สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็ง และมีสิทธิได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดนั้น ผู้ประกันตนจะต้องเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมัยอีลอยด์ชนิดเรื้อรัง/มะเร็งเม็ดเลือดขาว มัลอีลอยด์ชนิดเฉียบพลัน/มะเร็งเม็ดเลือดขาวลิมโฟบลาสชนิดเฉียบพลัน/มะเร็งต่อมน้ำเหลือง/ไขกระดูกฝ่อชนิดรุนแรง/ ไขกระดูกผิดปกติ ระยะก่อนเป็นมะเร็ง/ มะเร็งไขกระดูกชนิดมัยอีโลม่า  และไขกระดูกผิดปกติชนิดเป็นพังผืด ซึ่งในการขอรับสิทธิผู้ประกันตนสามารถยื่นเรื่องได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก  ในกรณีได้รับการอนุมัติแล้ว สำนักงานประกันสังคมจะส่งผู้ประกันตนปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา ของสำนักงานประกันสังคมเพื่อพิจารณาการรักษากรณีปลูกถ่ายไขกระดูก หากระยะของโรคเป็นไป  ตามหลักเกณฑ์การอนุมัติสิทธิ ปลูกถ่ายไขกระดูกของสำนักงานประกันสังคม  โดยผู้ประกันตนไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยเมื่อปี 2560 มีผู้ประกันตนที่ได้รับการอนุมัติสิทธิกรณีการปลูกถ่ายไขกระดูกแล้วจำนวน 131 ราย ล่าสุดเดือนมกราคม – มิถุนายน 2561 มีผู้ประกันตนได้รับการอนุมัติสิทธิเพิ่มอีก 74 ราย สำนักงานประกันสังคม  ได้จัดสถานพยาบาลในบันทึกข้อตกลงเพื่อทำการรักษาผู้ประกันตนปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือการปลูกถ่ายไขกระดูก จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และโรงพยาบาลหาดใหญ่ ทั้งนี้ โรงพยาบาลที่ให้การรักษาปลูกถ่ายไขกระดูกจะได้รับค่าบริการทางการแพทย์จากสำนักงานประกันสังคมโดยตรง ถ้าเป็นเนื้อเยื่อของตนเองจ่ายให้ในอัตรา 750,000 บาทต่อรายแต่ถ้าเป็นเนื้อเยื่อของคนอื่นจ่ายให้ในอัตรา 1,300,000 บาทต่อราย

นายสุรเดช กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงานประกันสังคม ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิต และเดินหน้าพัฒนาสิทธิประโยชน์ รวมถึงการพัฒนาการให้บริการแก่ผู้ประกันตนอย่าง ไม่หยุดนิ่ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ประกันตนให้ได้รับประโยชน์สูงสุดต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร.1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา: โลกวันนี้, 18/7/2561

เตือนครูเบี้ยวหนี้ ช.พ.ค. เจอ 3 เด้ง 'ล้มละลาย-ขาดคุณสมบัติ ขรก.-ให้ออก'

นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม ระบุถึงกรณีกลุ่มวิชาชีพครู รวมตัวกว่า 100 คน ประกาศปฏิญญามหาสารคาม เรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารออมสิน พักหนี้ โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ช.พ.ค. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป พร้อมชักชวนลูกหนี้ ช.พ.ค. ทั่วประเทศ 450,000 คน ร่วมกันยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ ว่า จงรับสภาพการเป็นบุคคลล้มละลายหากกรณีเป็นบุคคลธรรมดาที่มีหนี้สินเกิน 1 ล้านบาท และที่สำคัญมันจะโยงพาบุคคลที่มาค้ำประกันเราเป็นบุคคลล้มละลายไปด้วย เนื่องจากหนี้เกิดโดยนิติกรรมสัญญา เมื่อมีการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้น ก็ย่อมเกิดความเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ขึ้น โดยปกติเมื่อเกิดหนี้ ลูกหนี้จะหลุดพ้นจากเคราะห์แห่งหนี้ได้ด้วยการชำระหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้อง กระทำโดยสุจริต

"การที่เรามีหนี้สินมากและไม่สามารถชำระคืนกับเจ้าหนี้ได้ จึงถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย ผลที่ตามมาคือ กรณีของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหากถูกพิพากษาให้ล้มละลาย จะขาดคุณสมบัติในการเป็นข้าราชการตามมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และเมื่อคุณสมบัติไม่ถูกต้องแล้ว มาตรา 110 ก็กำหนดให้ผู้มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้น ออกจากราชการ ไม่สามารถทำนิติกรรมสัญญา ใดๆ ทั้งสิ้นได้ รวมถึงธุรกรรมการเงินต่างๆ ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปจริงๆ ก็ต้องขออนุญาตจากพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดีก่อน หากได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศจะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย ส่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ทุกๆ 6 เดือน พร้อมทั้งส่งรายได้ตามที่เจ้าพนักงานจะอายัดเข้ากองทรัพย์สินด้วย" รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุ

นายธวัชชัย กล่าวด้วยว่าการถูกสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายจะมีระยะเวลา 3 ปี เมื่อครบกำหนดก็จะถูกปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลาย ยกเว้นกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหนี้ ก็อาจจะมีการขยายเวลาเป็น 5 หรือ 10 ปีก็ได้โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 3 ปี ก็ให้บุคคลล้มละลายติดต่อกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์สินเพื่อขอปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อได้ปลดจากการเป็นบุคคลล้มลายแล้ว ก็จะสามารถทำงานและทำธุรกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 17/7/2561

ประกันสังคมเร่งเช็กบิล "นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบ" เผยปี 2560 อายัดทรัพย์ไปแล้ว 413 ราย

นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงการดำเนินงานติดตามกรณีนายจ้างติดค้างชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ว่า ส่วนใหญ่เหตุเกิดจากนายจ้างหักเงินสมทบในส่วนของ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน แต่ไม่ยอมนำส่งสำนักงานประกันสังคม เมื่อลูกจ้าง ผู้ประกันตน ไปขอรับประโยชน์ทดแทนจากสำนักงานประกันสังคม กลับไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคม ได้มีแนวทางมาตรการดำเนินการกับนายจ้างที่ติดค้างชำระหนี้ ตามขั้นตอน คือ แจ้งเตือนและเชิญพบกรณีนายจ้างมาพบจะได้รับหนังสือรับสภาพหนี้โดยมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน หากผิดนัดไม่ชำระจะดำเนินการกับบุคคลหรือหลักทรัพย์ทันที

นพ.สุรเดช กล่าวว่า หากในกรณีนายจ้างไม่มาพบตามหนังสือเชิญ สำนักงานประกันสังคมจะดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ จะจัดส่งรายชื่อนายจ้างชำระหนี้และประวัติไม่ดีให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยกัน ในกรณีที่นายจ้างต้องการความช่วยเหลือทางด้านที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน ทางสำนักงานประกันสังคมจะจัดส่งคณะทำงานเข้าช่วยเหลือ สำหรับนายจ้างที่มีเจตนาไม่ชำระเงิน หรือไม่ใส่ใจในข้อกฎหมายใดๆ เลยจะใช้มาตรการดำเนินการยึด อายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน และหากมีมูลหนี้สูงจะทำการฟ้องล้มละลาย สำหรับนายจ้างที่ปิดกิจการไปแล้ว สำนักงานประกันสังคมก็มีมาตรการเร่งติดตามนายจ้างเพื่อจะดำเนินการเช่นเดียวกับสถานประกอบการสถานะยังดำเนินกิจการอยู่เช่นกัน

นพ.สุรเดช กล่าวว่า ในปี 2560 (ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม) สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของสถานประกอบการที่ค้างชำระกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน โดยอายัดทรัพย์สินจำนวน 413 ราย ถอนยึดอายัดทรัพย์ 113 ราย ยื่นคำขอรับชำระหนี้ 125 ราย แบ่งเป็น กรณีพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด 122 ราย กรณีฟื้นฟูกิจการ 3 ราย มีจำนวนหนี้ที่สำนักงานประกันสังคมติดตามมาได้ทั้ง 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน รวมเป็นจำนวนเงิน 45,316,280.04 ล้านบาท จึงขอฝากนายจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม อย่าปิดบังซ่อนเร้น ไม่ยอมจ่ายเงินสมทบให้ลูกจ้าง หากสำนักงานประกันสังคมตรวจพบ นายจ้างจะต้องจ่ายทั้งเงินสมทบพร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของเงินสมทบที่ยังไม่นำส่ง หรือส่วนที่ขาดอยู่จนครบ และถูกดำเนินคดีทางกฎหมายยังส่งผลกระทบต่อ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน เพราะอาจขอรับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขในการเกิดสิทธิประโยชน์ ในแต่ละกรณีล่าช้า อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือไปยัง ลูกจ้าง/ผู้ประกันตน หรือผู้ที่พบเห็นการกระทำดังกล่าว แจ้งข้อมูลเบาะแส ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก

ที่มา: MGR Online, 16/7/2561

ชง ครม.ต่ออายุแรงงานกว่าแสนคนแก้ปัญหาขาดแคลน ประสานประเทศต้นทางนำเข้าแรงงานอีก 4 หมื่นคน

ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 โดยมี พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเรื่องของการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก

เรากำลังแก้กฎหมายให้คุ้มครอง ดูแลการประกอบกิจการประมง ให้สอดรับกับกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ไทยได้ลงนามในพันธะสัญญาไว้เช่น ประเทศที่เราจะเริ่มดำเนินการ ในขณะนี้ก็คือเรื่องของเรือประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำตั้งแต่ 30 ตันกรอสขึ้นไป ต่อไปนี้ต้องมีการติด VMS หรือเครื่องหาพิกัด และแจ้งการเข้าออก ในศูนย์ปีโป้หรือศูนย์แจ้งการเข้าออกของเรือประมงจากท่าเรืออย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้มีการปรับหลักเกณฑ์วิธีการกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือประมง เช่น เรื่องของการเปลี่ยนแปลงประเภทเรือซึ่งต้องแจ้งการขอดัดแปลงเรือหรือการขอโอนกรรมสิทธิ์หรือการแยกชิ้นส่วนหรือทำลายเรือก็ต้องแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่รับทราบ ในเรื่องของการบริหารจัดการเรือทั้งหมด ขณะนี้ ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2561 มีเรือจดทะเบียนทั้งหมดเป็นเรือประมงทั้งหมด 17,221 ลำ

โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของเรือทั้งหมด จากกรมเจ้าท่าและศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและจะติดตามเรื่องการควบคุมการเฝ้าระวังการเข้าออกการติดตามเรือตำแหน่งเรือตรวจการใช้แรงงานที่ถูกต้อง แรงงานจะต้องไม่ถูกกดขี่ และมีการประเมินความเสี่ยงด้วยโดยเฉพาะเรือที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีการบังคับใช้กฎหมายโดยจะเร่งใช้บังคับกฎหมาย ขณะนี้ได้เร่งผลคดีอาญาผู้กระทำผิดแล้วคดีถึงที่สุดแล้ว 4,000 กว่าคดีคิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็จะเร่งรัดมาตรการทางการปกครองควบคู่กันไป ซึ่งเราหวังว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมประมงและกรมเจ้าท่าต้องขับเคลื่อนการทำงานอย่างหนักในการแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศในเรื่องของการประมงให้ได้ โดยสหภาพยุโรป (อียู)จะเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ คาดว่าสิ่งที่ไทยกำลังพยายามทำอยู่ในขณะนี้และร่วมมือกันขณะนี้จะช่วยยกระดับการประมงของไทยให้ถูกต้องได้มาตรฐานสากลและช่วยรักษาทรัพยากรทางทะเลให้มีความยั่งยืนรวมทั้งสร้างความเชื่อมั่น

ในผลผลิตการประมงและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในทางเศรษฐกิจในเรื่องของผลกระทบอุตสาหกรรมการประมง ทั้งระบบ เรื่องที่3 ความคืบหน้าในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์หลังจากที่เราปรับpenta 2 Watch List มาเป็นเมีย 2 แล้วเราก็ไม่หยุดเรายังคงแก้ปัญหาในเรื่องของการค้ามนุษย์ต่อไปและเรื่องของการแรงงานผิดกฎหมาย  

ส่วนการขาดแคลนแรงงานประมง ประมาณ 40,000 กว่าคน ขณะนี้กำลังเสนอครม.ในการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเห็นชอบต่ออายุทำงานให้กับคนต่างด้าว ตามมาตรา 83 แห่ง พระราชกำหนดประมง กับผู้ที่ผ่านสัญชาติแล้ว ประมาณ 1.1 แสน ในวันที่ 1 มิ.ย.2562 ส่วนในระยะยาวอยู่ในระหว่างแร่งรัดพิจารณาประเทศต้นทาง เพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าวอีก 4 หมื่นกว่าคน ที่ยังขาดแคลน อย่างไรก็ตาม ผลการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว ที่ศูนย์ วันสตอป เซอร์วิช และการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวแล้ว จำนวน 1,187,803 คน

"คาดว่าผลที่เราได้ดำเนินการจะสามารถควบคุมแรงงานต่างด้าวนอกระบบได้ พร้อมดูแลสวัสดิการให้เป็นสากล ไม่ถูกเอาเปรียบและผลักดันแรงงานที่ไม่ถูกต้องกลับประเทศต้นทาง ถือเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่เกิดในประเทศด้วย" พล.ท.คงชีพ ระบุ

ที่มา: คมชัดลึก, 16/7/2561

เล็งเพิ่มประสิทธิภาพกองทุนผู้ใช้แรงงาน

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานเป็นกองทุนภายใต้การกำกับดูแลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มีภารกิจในการให้บริการเงินกู้แก่ผู้ใช้แรงงานโดยผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำไปให้ลูกจ้าง พนักงานกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำเมื่อมีความจำเป็น หรือเดือดร้อนทางการเงิน เพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กสร. ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวนแผนยุทธศาสตร์ และแผนพัฒนาประสิทธิภาพกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน เมื่อวันที่ 13-14 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา โดยเชิญคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดที่มีสหกรณ์ออมทรัพย์ผู้ใช้บริการเงินกู้กองทุนฯ ผู้แทนสหกรณ์ออมทรัพย์/สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนผู้ใช้บริการเงินกู้กองทุนฯ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง มาร่วมกันพิจารณาทบทวน วิเคราะห์ผลการดำเนินงานและความต้องการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และกำหนดเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินงาน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถได้รับประโยชน์จากการให้บริการของกองทุนฯได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อธิบดีกสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ เป็นสวัสดิการนอกเหนือกฎหมาย ช่วยส่งเสริมวินัยการออม และช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของลูกจ้างกรณีมีความจำเป็นโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ จึงขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจที่สนใจจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการ และหากมีทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอในการดำเนินงานก็สามารถใช้บริการเงินกู้จากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้ ซึ่งขณะนี้มีวงเงินจำนวน 390 ล้านบาท ให้บริการแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจกู้ยืมเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่กองสวัสดิการแรงงาน โทรศัพท์ 0 2245 6774 หรือ 0 2246 0383 หรือที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทั่วประเทศ

ที่มา: Spring News, 16/7/2561

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

'กอบศักดิ์ ชุติกุล' ลาออกจากคณะที่ปรึกษานานาชาติเรื่องโรฮิงญาแล้ว

Posted: 21 Jul 2018 11:48 PM PDT

ดร.กอบศักดิ์ ชุติกุล อดีต ส.ส.ของไทยลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการคณะที่ปรึกษานานาชาติว่าด้วยโรฮิงญาในพม่าแล้ว

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2561 ว่า ดร.กอบศักดิ์ ชุติกุล อดีต ส.ส.ของไทยลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการคณะที่ปรึกษานานาชาติว่าด้วยโรฮิงญาในพม่าแล้ว โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศทางโทรศัพท์ขณะอยู่ในกรุงเทพฯ ว่าไม่สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ ก่อนที่จะมีการประชุมเต็มคณะครั้งที่สองที่กรุงเนปิดอว์ในสัปดาห์นี้ เพราะได้แจ้งลาออกด้วยวาจาต่อที่ประชุมคณะทำงานไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. คณะที่ปรึกษานานาชาติที่นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศพม่าเป็นผู้แต่งตั้งนั้นเสี่ยงจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเสียเอง เพราะหลอกให้เจ้าหน้าที่พม่าเชื่อว่าพม่าได้ตอบสนองความกังวลของนานาชาติมากพอแล้ว การทำเรื่องไร้สาระในช่วงเวลาคับขันเป็นสิ่งที่อันตรายมาก 

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวด้วยว่าคณะที่ปรึกษานี้มีปัญหาการจัดโครงสร้างและการจัดหาทุนที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานอย่างยิ่ง ขอให้นานาชาติสนับสนุนนางคริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษเรื่องพม่าคนใหม่ของเลขาธิการสหประชาชาติ เพราะเป็นความหวังที่ดีที่สุดในเวลานี้

ด้านสำนักงานของนายบิล ริชาร์ดสัน อดีตผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐที่ลาออกจากคณะที่ปรึกษานี้ไปเมื่อเดือน ม.ค. 2561 หลังจากมีปากเสียงกับนางซู จี ที่เคยสนิทกันมาก่อนแถลงว่าการลาออกของ ดร.กอบศักดิ์ ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่เขาเคยบอกไว้ว่าลาออกเพราะกลัวว่าคณะที่ปรึกษาจะกลายเป็นผู้ล้างบาปให้แก่วิกฤตโรฮิงญา ซึ่งรัฐบาลพม่าอ้างในครั้งนั้นว่าเป็นฝ่ายให้นายริชาร์ดสันยุติบทบาท

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

เสนอ สปสช. ปลดล็อคจำกัดจำนวนปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต

Posted: 21 Jul 2018 11:25 PM PDT

22 ก.ค. 2561 ศ.พญ.แสงสุรีย์ จูฑา อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยานานาชาติ อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย และอดีตหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงการผลักดันสิทธิประโยชน์การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตอนหนึ่งว่าในอดีต สปสช.มีแนวคิดที่จะทำเป็นโครงการนำร่องการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตให้กับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานโครงการปลูกถ่ายไขกระดูกที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อราวๆ 20 ปีที่แล้ว จึงได้มีโอกาสมาร่วมประชุมพูดคุยเพื่อกำหนดเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ตั้งแต่ต้น เช่น ควรให้แก่ผู้ป่วยในกรณีใดบ้าง และควรมีข้อบ่งชี้อย่างไรบ้าง

ศ.พญ.แสงสุรีย์ กล่าวต่อว่า ในอดีตการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตยังไม่ได้รับการบรรจุลงในชุดสิทธิประโยชน์ผู้ป่วยบัตรทอง เป็นเพียงโครงการนำร่อง โดยในช่วงแรกนั้นทาง สปสช.ได้จำกัดจำนวนการรักษาอยู่ที่ประมาณ 20-30 รายเท่านั้น แต่จากนั้นมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง สปสช.ได้ผลักดันมาเป็นชุดสิทธิประโยชน์ แต่ก็ยังมีการจำกัดเพดานจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอยู่เช่นเดิม เพียงแต่เพิ่มจำนวนให้มากขึ้น

"ตามหลักความจริงคือเมื่อกลายเป็นชุดสิทธิประโยชน์แล้ว คนไข้ทุกคนก็ควรจะได้รับอย่างเสมอหน้ากัน แต่สิทธิประโยชน์ในเรื่องนี้กลับยังมีการจำกัดจำนวนคนไข้อยู่ เช่น ให้ได้ 60-70 รายต่อปี ส่วนตัวคิดว่าถ้าได้รับบรรจุเป็นชุดสิทธิประโยชน์แล้วก็ไม่ควรได้รับการจำกัดจำนวนการรักษา แต่ก็เข้าใจว่าการรักษาใช้งบประมาณสูง เฉลี่ยแล้วประมาณรายละ 8 แสนบาท จึงจำเป็นต้องมีการจำกัดอยู่ จึงหวังว่าในอนาคต สปสช.จะให้กับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นได้โดยไม่มีการจำกัดจำนวนคน" ศ.พญ.แสงสุรีย์ กล่าว

อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยานานาชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ของผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาวเข้าถึงการรักษามากขึ้นกว่าในอดีต แต่ก็ยังมีประเด็นเรื่องของความครอบคลุมอยู่ ยกตัวอย่างเช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท และแต่ละประเภทก็จะแบ่งออกเป็นหลายชนิด โดยมีอยู่หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับ B-cell ซึ่งปัจจุบันมียาที่จะเข้าไปทำลาย B-cell โดยตรงแล้ว และ สปสช.กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ก็ได้อนุมัติให้ผู้ป่วยใช้ยาชนิดดังกล่าวได้แล้ว แต่ประเด็นก็คือใช้ได้เฉพาะกับชนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดอื่นๆ อีกหลายชนิดก็มี B-cell อยู่ด้วยเช่นกัน แต่การให้ยากลับยังไม่ครอบคลุมมะเร็งเหล่านั้น

"ในโรคมะเร็งทางโลหิตวิทยานั้น พบว่าสิทธิประโยชน์ในหลายโรคของ สปสช.ดีกว่าของประกันสังคม ยกตัวอย่างคนไข้มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ (Chronic Myeloid Leukemia) ซึ่งในอดีตการปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คนไข้หายขาดได้ แต่นับจากปี 2544-2545 เป็นต้นมา พบว่ามียาที่ใช้ได้ดีมาก จากเดิมที่คนไข้จะอยู่ได้ราวๆ 7-8 ปี หากได้รับยาตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 30 ปี สบายๆ แต่ยาในกลุ่มนี้ค่อนข้างมีราคาแพง ซึ่งตนเองได้ผลักดันจนมีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติ (GIPAP) ขึ้น และทำให้ผู้ป่วยบัตรทองได้รับยานี้ทั้ง 400 มิลลิกรัม 600 มิลลิกรัม และ 800 มิลลิกรัม ตามระดับความรุนแรงของโรค ซึ่งเทียบแล้วดีกว่าสวัสดิการข้าราชการที่ให้เพียง 400 มิลลิกรัม และประกันสังคมที่เพิ่งมาให้สิทธิในปี 2555 ทั้งที่ยาเข้าสู่บัญชี จ.2 ตั้งแต่ปี 2551 โดยให้เพียง 400 มิลลิกรัมเท่านั้น" ศ.พญ.แสงสุรีย์ กล่าวและว่า แต่เป็นที่น่ายินดีว่า ขณะนี้ได้มีการปรับปรุงข้อบ่งชี้เมื่อต้นปีนี้ ทำให้ผู้ป่วยทั้ง 3 สิทธิ สามารถได้รับยาทั้ง  3 ขนาดได้แล้ว

ศ.พญ.แสงสุรีย์ กล่าวต่อว่าปัญหาอีกอย่างของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตคือการหาผู้บริจาคที่เหมาะสม เนื่องจากพี่น้องพ่อแม่เดียวกันมีโอกาศที่จะมีเนื้อเยื่อ (HLA) เข้ากันได้มีเพียงรอยละ 25 เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องหาผู้บริจาคจากแหล่งอื่น ซึ่งทางศูนย์บริการโลหิตสภากาชาดไทย มีบริการหาผู้บริจาคที่เหมาะสมได้ ขณะนี้ทางสปสช.อนุมัติให้ทำได้เฉพาะผู้บริจาคที่เป็นพี่น้องกันเท่านั้น ในอนาคตหวังว่าทาง สปสช.จะขยายให้ทำได้ในกรณีที่ไม่ใช่พี่น้องกันได้ (Matched Unrelated Donor, MUD)

ศ.พญ.แสงสุรีย์ กล่าวต่อไปว่า อยากขอบคุณ สปสช.ที่ทำให้ผู้ป่วยซึ่งปกติแล้วเข้าไม่ถึงวิธีการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่ผู้ป่วยจะแบกรับไหว ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะทำให้ผู้ป่วยในประเทศไทยที่อยู่ในระบบบัตรทองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงอยากขอขอบคุณ สปสช.แทนผู้ป่วยทุกรายได้ที่รับผลประโยชน์นี้ด้วย

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น