โพสต์แนะนำ

ประชาไท Prachatai.com

ประชาไท Prachatai.com พท.-ปชป จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ส่วนรัฐบาลคสช. เตรียมฉีดเงินตำบลละ 5 แสน คพศ. ขอ ตร.เรียกตั...

ซิตี้แบงก์ ให้คุณสมัครบัตรเครดิต citibank ออนไลน์ ด้วยวิธีสมัครบัตรเครดิตง่ายๆ รู้ผลอนุมัตทันใจภายใน 5 วัน อยากทำบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สมัครออนไลน์ได้ทันทีที่นี่.

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประชาไท | Prachatai3.info

ประชาไท | Prachatai3.info

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

เสื้อแดงจัด "ช็อปช่วยชาติ" เตรียมรำลึก 4 ปี "19 ก.ย." พร้อมกันหลายประเทศ

Posted: 29 Aug 2010 01:27 PM PDT

 
 

29 ส.ค.53 เวลา 17.00 น. ที่ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงจัดกิจกรรม “แดงเดินห้าง ช็อปช่วยชาติ” มีผู้มาร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ริเริ่มกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง กล่าวถึงการจัดกิจกรรมวันนี้ว่า ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดง เพราะเป็นที่ตั้งของสถานีพีเพิล ชาแนล และเป็นสถานที่ที่คนเสื้อแดงมักมาทำกิจกรรมร่วมกัน แต่หลังจากเหตุการณ์สลายการชมุนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.เป็นต้นมา คนเสื้อแดงจำนวนมากมีความกลัว และไม่กล้าใส่เสื้อสีแดง รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่บุกมารื้อค้นสถานีพีเพิล ชาแนล การกลับมาที่นี่ของคนเสื้อแดงจึงเป็นการทวงพื้นที่คืนทางสัญลักษณ์ และวันนี้คนเสื้อแดงมาทำกิจกรรมและช็อปปิ้งร่วมกัน

นายสมบัติแจ้งกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับงานครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.ว่า จะมีการจัดกิจกรรมพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งตนได้ประสานงานกับคนเสื้อแดงในหลายประเทศ เบื้องต้นจะมีการจัดกิจกรรมที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ชิคาโก และอีกหลายเมืองในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา และกำลังประสานให้มีการจัดกิจกรรมในประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส โดยทั้งนี้กิจกรรมจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบของคนเสื้อแดงในแต่ละประเทศ

สำหรับกิจกรรม 4 ปีรัฐประหารในประเทศไทยนั้น นายสมบัติกล่าวว่า จะมีการจัดแรลลี่กรุงเทพฯ-เชียงใหม่โดยกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และที่ จ.อุบลราชธานีจะมีขบวนแห่ทำบุญให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมทั่วทั้งจังหวัด ส่วนที่กรุงเทพฯ กิจกรรมจะจัดขึ้นที่ราชประสงค์ และอยากให้วันที่ 19 ก.ย.เป็นวันที่มีการใส่เสื้อสีแดงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย

นอกจากนี้ นายสมบัติกล่าวกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วยว่า อยากให้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ของประชาชน และแม้จะมีการจำคุกแกนนำไม่ว่าใครก็ตาม การต่อสู้ของคนเสื้อแดงก็จะดำเนินต่อไป และการทำกิจกรรมต่อไปนี้ควรออกแบบให้สามารถทำได้ภายใต้งบประมาณที่จำกัดและประหยัดที่สุด

“การต่อสู้ของเราต่อไปนี้ จะต้องต่อสู้โดยกลุ่มของประชาชนกลุ่มเล็กๆ ที่ออกแบบกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์และหลากหลายอย่างมหาศาล เรามาช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรได้บ้าง และกระจายอำนาจกัน” นายสมบัติกล่าว

 
 
 
 
 

เวลาประมาณ 17.40 น. กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงและผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้ทยอยลงบันไดเลื่อนมายังชั้น 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างบิ๊กซี เพื่อจับจ่ายซื้อสิ้นค้าตามแนวคิด “แดงเดินห้าง ช็อปช่วยชาติ” ระหว่างการช็อปปิ้งมีผู้มาให้กำลังใจนายสมบัติ และกิจกรรมได้รับความสนใจจากพนักงานและผู้ที่มาเลือกซื้อสินค้าของห้างบิ๊กซี

ส่วนกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดงครั้งต่อไป จะจัดขึ้นที่ในวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ย.ที่หาดจอมเทียน พัทยา ใช้ชื่อว่า “แดงลงทะเล” โดยนายสมบัติให้เหตุผลว่า เป็นการชวนคนเสื้อแดงไปเที่ยวทะเลเพื่อปลดปล่อยความโศกเศร้าและทิ้งความเคียดแค้นลงสู่ทะเลและกลับมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างสดใส และจะเป็นการเดินทางเพื่อไปให้กำลังใจกับคนเสื้อแดงที่พัทยาอีกด้วย

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เครือข่ายคนทำงานบ้านยื่น 4 ข้อเสนอต่อรัฐมนตรีแรงงานคุ้มครองสิทธิคนทำงานบ้าน

Posted: 29 Aug 2010 11:35 AM PDT

 
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.53 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักปลัดกระทรวงแรงงาน เครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ(ANM) เครือข่ายแรงงานทำงานบ้าน มูลนิธิร่วมมิตรไทยพม่า มูลนิธิ MAP มูลนิธิเพื่อนหญิง หน่วยพัฒนาและบรรเทาทุกข์แห่งประเทศไทย (ADRA) ร่วมกับโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานข้ามชาติและผู้มีปัญหาสถานะบุคคล (สสส.) ได้เข้ายื่นข้อเสนอในการคุ้มครองอาชีพคนทำงานในบ้านต่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยในการยื่นข้อเสนอในครั้งนี้มีตัวแทนคนทำงานบ้านทั้งคนไทยและแรงงานข้ามชาติกว่า 50 ชีวิต เข้าร่วมด้วย
 
นางสุจิน รุ่งสว่าง ประธานเครือข่ายแรงงานนอกระบบ ในฐานะตัวแทนยื่นข้อเสนอกล่าวว่า ที่ผ่านมามีแรงงานที่ทำงานในบ้านมากถึง 4 แสนคน สร้างเม็ดเงินสะพัดทั้งสิ้น 2 หมื่น 7 พันล้านบาทโดยมีอัตราค่าจ้างที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของนายจ้างในการกำหนดค่าจ้างให้กับตัวของแรงงานเอง ที่ผ่านมาแรงงานทำงานบ้านถูกมองในทางมิติเศรษฐศาสตร์ว่าเป็นแรงงานที่ไม่ก่อให้เกิดการสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ จึงส่งผลต่อการให้ความช่วยเหลือการคุ้มครองทางกฎหมายแรงงาน รวมถึงการเข้าถึงระบบสวัสดิการสังคมต่างๆที่ควรได้รับ จึงส่งผลให้แรงงานประสบปัญหาการถูกขูดรีดค่าจ้างแรงงานอย่างไม่เป็นธรรม การเอาเปรียบการทำงานที่มีชั่วโมงยาวนาน ไม่มีวันหยุดพักผ่อนที่แน่นอน ทำงานเพียงคนเดียวแต่ต้องรับใช้คนในบ้านหลายคน บางรายถูกควบคุมการตัดเสรีภาพในการสื่อสารต่อคนภายนอก และที่ยิ่งน่าเป็นห่วงคือกรณีคนทำงานบ้านที่เป็นผู้หญิงหลายรายต้องตกอยู่ในสภาวะความไม่ปลอดภัยในเนื้อตัวร่างกาย และบางรายต้องจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตกรรมโดยนายจ้างหรือโจรขโมย
 
ทั้งนี้ทางเครือข่ายได้ทำข้อเสนอเพื่อยื่นต่อรัฐบาล กระทรวงแรงงาน และคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร 4 ข้อ ดังต่อไปนี้ 1) ให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ออกประกาศกฎกระทรวงคุ้มครองคนทำงานบ้านให้เร็วที่สุด ซึ่งการยกร่างประกาศฯฉบับนี้เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ  2) ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้เร่งให้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการยกร่าง เพื่อให้เกิดข้อยุติและเร่งเสนอร่างกฎกระทรวงฯฉบับนี้ เพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในการประกาศใช้คุ้มครองแรงงานในภาคส่วนนี้ต่อไป  3) ในระยะยาวขอให้รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ได้แก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน โดยบัญญัติว่าจะต้องคุ้มครองแรงงานที่ทำงานบ้านอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกับแรงงานในภาคส่วนอื่นๆ 4) ขอให้รัฐบาลจัดทำนโยบายและแผนงบประมาณ เพื่อการส่งเสริม พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้กับลูกจ้างทำงานบ้าน เช่นการจัดทำหลักสูตรและการฝึกอบรม การให้บริการ การทำอาหารอย่างมืออาชีพ อีกทั้งเปิดโอกาสให้ได้รับการศึกษาทั้งในระบบ และนอกระบบ โดยการไปฝึกอบรมและการไปศึกษา นายจ้างต้องอนุญาตให้ไปตามคำร้องขอของลูกจ้าง และต้องจ่ายค่าจ้างเสมือนการมาทำงานให้กับนายจ้างตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้
 
ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการเรื่องประกาศกฎกระทรวงคนทำงานบ้านให้สำเร็จในระหว่างที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอย่างแน่นอน และสำหรับในประเด็นเรื่องสวัสดิการต่างๆที่เรียกร้องมานั้น ทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ดำเนินการดูแลอยู่ จึงขอให้ทุกฝ่ายมีความสบายใจได้ และคิดว่าคงจะใช้เวลาดำเนินการไม่นานนักในการออกกฎกระทรวงฉบับนี้ ซึ่งความจริงประเด็นที่เรียกร้องเหล่านี้แล้วล้วนเป็นนโยบายของรัฐบาลและเป็นนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น การที่ตนมาทำงานก็ถือว่าเป็นการมาทำงานให้นายกรัฐมนตรี แต่การจะออกกฎหมายอะไรนั้นจะต้องมีความรอบคอบและต้องศึกษาให้ดีในแต่ละประเด็น จึงควรจะต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะกฎหมายที่ออกมาในแต่ละฉบับย่อมส่งผลกระทบกับทุกคนและสังคม เพราะถ้าออกกฎหมายมาบางเรื่องที่คนทำงานบ้านยอมรับแต่ฝ่ายอื่นหรือส่วนอื่นๆไม่ยอมรับก็คงจะไม่ดีแน่ เพราะเนื่องจากกฎหมายคือสิ่งที่ทำให้คนอยู่ร่วมกันได้ และสำหรับในเรื่องสวัสดิการต่างๆคิดว่าทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพร้อมดำเนินการ ตนมั่นใจว่า 28 สิงหาคมในปีถัดไป ซึ่งตรงกับวันคนทำงานบ้านสากลจะทำให้เรื่องนี้เสร็จเรียบร้อย อะไรที่ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานอยู่แล้ว อย่างน้อยก็เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันเพราะอะไรที่เหมาะกับสภาพการณ์ปัจจุบันสามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้
 
 
รายงานโดย ปรเมศร์ บำรุงหนูไหม
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานข้ามชาติและผู้มีปัญหาสถานะบุคคล(สสส.)
ศูนย์ข่าวข้ามพรมแดน (Cross Border News Agency)
ฉบับที่ 90 (29 สิงหาคม 2553)
 
 
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

มาร์ค-เทพ แจง “ศิริโชค” พบ “วิคเตอร์ บูท” ไม่เกี่ยวกับพรรคและรัฐบาล

Posted: 29 Aug 2010 10:07 AM PDT

“อภิสิทธิ์” แจงศิริโชคเข้าพบ “วิคเตอร์ บูท” ในฐานะ ส.ส. ที่มีความสนใจเรื่องใดก็ไปเสาะแสวงหาข้อมูล แต่จะสนทนาอะไรต้องไปถามศิริโชคเอง ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ชี้มีความพยายามจุดประเด็นว่าไทยแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเท็จและทำให้ภาพประเทศเสียหาย ด้าน “สุเทพ” บอกไม่หนักใจ “ศิริโชค” เป็นเรื่องของศิริโชค และพรรคไม่รับผิดชอบด้วย "ป็นคนสนิทของนายกรัฐมนตรี หรือของตนหรือของใคร ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล"

มาร์คชี้คนจุดประเด็นไทยแทรกแซงยุติธรรม จะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย

วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางเอลล่า บูท ภรรยานายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องชาวรัสเชียคดีค้าอาวุธสงคราม ซึ่งออกมาแถลงข่าวเมื่อ 27 ส.ค. โดยปฏิเสธกรณีเทปลับการสนทนาระหว่างนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กับนายวิคเตอร์ บูท ในเรือนจำ ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงพูดแล้วไม่มีมูลความจริง แต่ที่เราให้ความสำคัญกว่าคือทำอย่างไรจะทำให้ทั้งคนไทยและประชาคมโลกเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยหรือแม้กระทั่งรัฐไทยทำนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ รวมไปถึงหลักสากลและให้ความสำคัญกับมิตรประเทศทุกประเทศ ซึ่งการพยายามจะจุดประเด็นเหมือนหนึ่งว่าในประเทศไทยมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น นอกจากจะเป็นเท็จแล้วยังสร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ประเทศไทยโดยไม่จำเป็น และไปสร้างความกระทบกระเทือนทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้วว่ามันไม่มีเรื่องใดๆ ที่รัฐบาลจะไปใช้ต่อรองในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่องคือกระบวนการ เพราะมีความซับซ้อนพอสมควร เนื่องจากยังมีคดีที่ 2 อยู่ที่เราก็ต้องการให้มันคลี่คลายไปก่อนแล้วถึงจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางทนายความของนายวิคเตอร์ บูท ได้ร้องขอให้รัฐบาลอย่าเพิ่งส่งตัวไปให้กับสหรัฐอเมริกาโดยอ้างเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของลูกความ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในชั้นนี้ต้องรอการพิจารณาของศาลว่าในกรณีที่สหรัฐอเมริกาได้ประสานมาเพื่อให้อัยการยื่นถอนคดีที่ 2 นั้นศาลจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะเข้าใจว่าฝ่ายจำเลยจะยื่นแก้คำฟ้องหรือการคัดค้านอย่างไรนั้นเรายังไม่ทราบ แต่ถ้าคดีนี้ยังอยู่ เราจะไม่สามารถส่งตัวตามคดีแรกได้

 

แจงศิริโชคทำในฐานะ ส.ส. มีความสนใจเรื่องใดก็ไปเสาะแสวงหาข้อมูล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภรรยานายวิคเตอร์ บูท ระบุว่านายศิริโชคอ้างตำแหน่งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี ในการสนทนากับนายวิคเตอร์ บูท นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) ผมได้สอบถามเจ้าตัวเขายืนยันว่าแนะนำตัวเองในฐานะ ส.ส. แต่รายละเอียดการพูดคุยก็ต้องให้คุณศิริโชค ชี้แจงเอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การอ้างตำแหน่งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีนั้นอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็เจ้าตัวเขาบอกว่าไม่ได้พูด”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจตุพร บอกว่าในฐานะ ส.ส.ก็ไม่ควรไปพบเพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เหรอครับ แล้วที่คุณจตุพร ทำอยู่นี้เป็นอำนาจหน้าที่ ส.ส.หรือเปล่าครับ ที่ไปทำมาทั้งหมด คุณศิริโชคก็ชี้แจงสภาฯ ไปแล้วว่าเขามีหน้าที่ในการหาข้อมูลมาประกอบการทำงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของบ้านเมืองครับ และไม่มีเรื่องประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีเรื่องต่อรอง ไม่มีเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของการทำหน้าที่ของแต่ละคน ส.ส.เขามีความสนใจปัญหาเรื่องใดก็ไปเสาะแสวงหาข้อมูล”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ใช่ ส.ส.แล้วทางกรมราชทัณฑ์จะให้เข้าพบผู้ต้องหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันนี้อยู่ที่ทางกรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้พิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายศิริโชค เป็นคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีนั้นจะเป็นปัญหากับเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็คงไม่มี เพราะจุดยืนของผมและรัฐบาลนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าเราพิจารณาทุกเรื่องเรายึดประโยชน์ประเทศและยึดกติกา ทั้งกติกาบ้านเราและกติกาสากล”

 

อยากรู้ว่าคุยเรื่องอะไรต้องให้ศิริโชคอธิบายเอง ยันรัฐบาลไม่เกี่ยว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แถลงการณ์ของนายบูทนั้นระบุชัดเจนว่าเป็นการพูดคุยเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุยกันเรื่องอะไรบ้างก็คงต้องถามนายศิริโชค ให้อธิบายเองว่าคุยกันอย่างไร เช่น การระบุว่านายศิริโชคไปถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ต้องระบุด้วยว่าตอนนั้นคุยกันเรื่องอะไร อยู่ดีๆ จะไปตั้งคำถามคำตอบกันคงไม่ได้ เพราะเป็นการสนทนากัน ตนไม่ทราบรายละเอียดการพูดคุยว่าเป็นอย่างไร แต่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในลักษณะที่พยายามจะกล่าวหาว่ามีการต่อรองเรื่องนั้นเรื่องนี้และมีความพยายามที่จะแทรกแซง แต่ตนสนใจที่สุดก็คือพวกเราทุกคนต้องยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมของไทย การทำหน้าที่ของอัยการและศาลนั้นเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจะได้อธิบายกับมิตรประเทศของเราทั้ง 2 ด้านได้อย่างเต็มที่

“คือจริงแล้วต้องยอมรับว่าการแถลงข่าว (ของภรรยานายวิคเตอร์ บูท) เมื่อวานนั้นต้องการที่จะมุ่งไปที่สหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งอันนี้ผมได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ มอบหมายไปว่าทำอย่างไรที่จะให้ 2 ประเทศนี้คุยกันเองได้บ้าง มิฉะนั้นแล้วก็จะกลายเป็นว่าความต้องการของแต่ละฝ่าย ก็จะมาบอกกับฝ่ายไทยอย่างเดียว ซึ่งความจริงเราอยู่ตรงกลาง และไม่ได้ไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องโดยตรงอะไรกับใคร” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

สุเทพไม่ขอวิจารณ์ประธานวุฒิสภาหลังให้สัมภาษณ์เรื่องวิคเตอร์ บูท

ล่าสุด วานนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประธานวุฒิสภาออกมาระบุว่าการที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเจรจาลับกับนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาชาวรัสเซียคดีค้าอาวุธสงครามเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและทำให้ปัญหาลุกลาม ว่า เป็นสิทธิของท่านที่จะแสดงความคิดเห็น บังเอิญท่านเป็นผู้ใหญ่ ตนก็เลยไม่กล้าวิพากษ์วิพากษ์วิจารณ์ท่าน ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะวิจารณ์ท่านได้ว่าเป็นประธานวุฒิสภาไม่ควรจะมาวิจารณ์ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะเป็นฝ่ายบริหารจะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายและประชาชนสบายใจได้ว่าประเทศไทยจะไม่ตกอยู่ในภาวะลำบากยุ่งยากจากเรื่องนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่มีความรู้สึกวุ่นวายสับสนหวั่นไหวไปกับกรณีเรื่องของนายวิคเตอร์ บูทเลย เพราะเราได้ตกลงตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราจะยึดหลักปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายของเราและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งมีตัวบทกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม และมีกระบวนการยุติธรรมของไทยที่เราภูมิใจมั่นใจว่าเป็นมาตรฐานเดียวกับคนอื่นในโลก จึงไม่มีอะไรต้องไปวุ่นวายสับสนคิดมาก จะเป็นสหรัฐอเมริกาหรือรัสเซียจะมาโวยวายกับเราไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเราทำตามกฎหมาย ส่วนที่เป็นข่าวอื่นๆ ที่เหลือใหม่ๆ คิดว่าคนพยายามไปสร้างให้เป็นสีสัน ถ้าเราไปติดยึดกับสีสันเหล่านั้นจนพลอยกลุ้มอกกลุ้มใจไปก็น่าเสียดาย

 

ไม่หนักใจกับ “ศิริโชค” เป็นเรื่องของศิริโชค พรรคไม่รับผิดชอบด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าประธานวุฒิสภาเองเห็นว่าการกระทำของนายศิริโชคทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายเอาประเทศไทยเข้าไปอยู่ใต้ความขัดแย้ง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ผมเรียนแล้วว่าไม่กล้าวิจารณ์ประธานวุฒิสภา แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไรเลย อยู่เฉย ๆ นายศิริโชคก็ไม่มีปัญญาที่จะทำให้ศาลเปลี่ยนคำพิพากษาได้ ศาลก็ไม่ฟังนายศิริโชคอยู่แล้ว แล้วนายศิริโชคก็ไม่เคยเอาสิ่งที่ไปพบกับนายวิคเตอร์ไปรายงานกับศาลหรือบวกเข้าไปในสำนวน ไม่มีอะไรเกี่ยวกันเลย อย่าไปโยงกัน ตนไม่หนักใจไม่กังวลว่ากรณีของนายศิริโชคจะนำรัฐบาลเข้าไปสู่ความยุ่งยาก ถ้ามีอะไรที่นายศิริโชคทำ ก็เป็นเรื่องที่นายศิริโชครับผิดชอบคนเดียว พรรคก็ไม่รับผิดชอบด้วย รัฐบาลก็ไม่พลอยเข้าไปหุ้นด้วยอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่นายศิริโชคเป็นคนสนิทของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงเป็นคนสนิทของนายกรัฐมนตรี หรือของตนหรือของใคร ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล

ผู้สื่อข่าวถามว่าระยะเวลากว่าจะถึงเดือนตุลาคม ที่ศาลจะพิจารณาคดีเสร็จสิ้นก่อนส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงกังวลเกรงจะมีการชิงตัวนายวิคเตอร์ จะต้องมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอประท้วงเล็ก ๆ ต่อสื่อมวลชนชอบเสนอข่าวที่ยังไม่เกิดเป็นข่าว แล้วทำให้คนวิตกกังวล ทำให้ตนเป็นห่วงสุขภาพจิตของคน

 

ที่มา: ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล [1] และ [2]

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

เลือกตั้งส.ก.-ส.ข.ปชป.กวาดที่นั่ง การเมืองใหม่ 0 พท.ฉะทหารคุมหน่วยเลือกตั้ง

Posted: 29 Aug 2010 10:04 AM PDT

 
29 ส.ค.53 ผลการนับคะแนน การเลือกตั้ง ส.ก. ใน 61 เขตเลือกตั้ง อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อเวลาประมาณ 24.00 น .ในเบื้องต้น ปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีคะแนนนำใน 46 เขต พรรคเพื่อไทย (พท.) 13 เขต กลุ่มอื่นๆ (อิสระ) 0 เขต พรรคการเมืองใหม่ (กมม.)ได้ 0 เขต ทั้งนี้ยังเหลืออีก 2 เขตที่มีปัญหานับคะแนนล่าช้า คือ เขตดินแดง และเขตหลักสี่
 
ส่วนการเลือกตั้งส.ข. ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีทั้งหมด 256 ที่นั่ง จาก 36 เขต  เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ปรากฏว่า ปชป.ได้ที่นั่งมากถึง 210 ที่นั่ง ขณะที่ พท.ได้เก้าอี้ สข. เพียง 39 ที่นั่ง อีก 7 ที่นั่ง เป็นของผู้สมัครอิสระ ส่วนพรรคการเมืองใหม่นั้นไม่ได้ที่นั่ง โดยปชป.ยกทีมใน 27 เขต พท.ยกทีม ใน 5 เขต อิสระ 1

 
นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) 36 เขต ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 925,697 คนจากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2,737,054 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 42.04 เขตที่มีผู้ออกไปใช้สิทธิมากที่สุด คือ เขตทุ่งครุ ร้อยละ 52.11

 
การเมืองใหม่ยอมรับพ่ายแพ้ ยันไม่กลับไปเป็นพธม.
เมื่อเวลา 19.40 น.  พรรคการเมืองใหม่ได้ ออกแถลงการณ์เรื่องผลการเลือกตั้ง ส.ก. ส.ข.โดย นายสำราญ รอดเพชร  โฆษกพรรคอ่านแถลงการณ์ระบุว่า พรรคการเมืองใหม่ขอขอบคุณประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งและพร้อมยอมรับการตัดสินใจของประชาชน โดยตั้งข้อสังเกตว่า ประชาชนออกมาใช้สิทธิครั้งนี้น้อยเกินคาด แสดงว่าพลังเงียบยังไม่ออกมาใช้สิทธิ์ และพรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคใหม่ยังไม่มีผลงานในพื้นที่เลือกตั้ง และยังต้องเผชิญกับการหาเสียงการเมืองแบบเก่าๆ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าพรรคจะไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้  แต่พรรคการเมืองใหมได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีการซื้อเสียง และได้ประกาศนโยบายหลายอย่างที่ทำให้พรรคคู่แข่งได้นำเสนอเชิงนโยบายด้วย ทั้งนี้ พรรคการเมืองใหม่จะได้สรุปและทบทวนการทำงานในทุกๆด้านต่อไป เพื่อทำงานการเมืองในทุกระดับให้มีประสิทธิภาพและเข้มแข็งต่อไป  ทั้งนี้พรรคได้เฟ้นหาผู้สมัครผู้ว่ากทม. และอีกไม่นานจะคัดสรรผู้ลงสมัครเลือกตั้งในการเลือกทั่วไปด้วย 

นายสำราญ ระบุว่า การที่คนออกมาน้อยทำให้การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเป็นการเลือกตั้งแบบคะแนนจัดตั้ง  ซึ่งสาเหตุที่คนออกมาน้อยต้องไปถามกทม.และ กกต.  แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นเพราะการเลือกตั้ง สก. และ สข.ยังไม่แรงพอ  ต่างกับการเลือกตั้งทั่วไปและ การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ซึ่งสะท้อนอารมณ์คนกรุงเทพฯได้มากกว่า  

อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองใหม่เดินหน้าจะทำงานการเมืองต่อไป  แม้จะมีหลายฝ่ายเห็นว่าควรกลับไปเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแบบเดิม เพราะพรรคเห็นว่าพันธมิตรฯซึ่งเป็นกลุ่มกดดันทางการเมืองมีอยู่แล้ว และพรรคการเมืองใหม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรฯที่จะทำงานควบคู่กันไป  ทั้งการเมืองภาคประชาชน และการเมืองในระบบ

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า  คะแนนเสียงที่ได้รับพรรคถือว่าได้รับชัยชนะแล้ว ยืนยันว่าการพ่ายแพ้ครั้งนี้จะไม่มีผลให้พรรคการเมืองใหม่กลับไปเป็นพันธมิตรฯ  เพราะพรรคการเมืองใหม่ต้องการสร้างการเมือง 2 ขา ที่ต้องการพัฒนาทั้งการเมืองภาคประชาชนและการเมืองในระบบ ซึ่งโจทย์นี้จะเป็นการบ้านที่ท้าทายพลังประชาธิปไตย ยืนยันว่าการตั้งพรรคการเมืองใหม่เดินมาถูกทางแล้ว และพรรคจะเดินหน้าทำงานการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับชาติต่อไป

ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่า พรรคการเมืองใหม่ ไม่สามารถคว้าชัยได้แม้แต่ที่นั่งเดียว
 
 
 "พท."ร้องหีบที่บางกะปิพิรุธส่งเขตช้า 1ชม.
เวลา 18.30 น. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ก.และส.ข. พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในเขตบางกะปิมีหีบเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่ 21 แฟลตบางกะปิใช้เวลาเดินทางเกือบ1ชั่วโมงจากการสอบถามปรากฎว่าหีบบัตรลงดังกล่าวมีลักษณะเทปกาวที่มีรอยหลุด ซึ่งขณะนี้ผู้อำนวยการเลือกตั้งเขตบางกะปิของพรรคพท.ได้ร้องเรียนไปยังกกต.ให้ตรวจสอบแล้ว

 "ทางสำนักงานเขตบางกะปิยืนยันว่าจะเปิดหีบบัตรดังกล่าวให้ได้ ทำให้มีข้อสงสัยว่าหีบบัตรนั้นถ้าเปิดแล้วยังมานับรวมกันกับหีบบัตรที่ไม่มีปัญหาก็จะยุ่งได้ ดังนั้นขอให้ทางเขตแยกนับโดยนับเฉพาะหีบบัตรที่ไม่มีปัญหาได้หรือไม่ อีกทั้งเขตดังกล่าวผู้สมัครส.ก.จากพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยเป็นผู้อำนวยการเขตบางกะปิด้วย ทำให้พรรคไม่มั่นใจในพฤติกรรมดังกล่าวและขอให้กกต.ลงไปดูที่เขตด้วย"นายวิชาญกล่าว
 
นายวิชาญ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่เขตวังทองหลางภายหลังปิดหีบเลือกตั้งส.ก.ก็พบว่ามีการนำหีบบัตรแยกเป็น 2 กลุ่มคือไปที่ชั้น4 ห้างอิมพีเรียลและสำนักงานเขตวังทองหลาง ตนจึงสงสัยว่าผู้นำหีบบัตรไปห้างอิมพีเรียลไม่ทราบหรืออย่างไร เพราะจะต้องมีการนับคะแนนที่สำนักงานเขต อีกทั้งขณะนี้มีการแจ้งว่าหีบบัตรต่างๆที่จะเปิดเพื่อนับคะแนนที่มีการใส่กองละ 500 ใบมีหลายเขตแจ้งเข้ามาว่ามีการเทกองเพื่อนับคะแนนอยู่ในมุมอับเกรงว่าจะมีการนับคะแนนที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้นและขอให้สื่อและประชาชนช่วยกันสอดส่องการนับคะแนนเลือกตั้งส.ก.ด้วย
 
"พท."ชี้เลือกตั้งส.ก.ผิดปกติส่งทหารประจำหน่วยเลือกตั้ง
นายวิชาญกล่าวอีกว่า ได้รับแจ้งในแต่ละหน่วยเลือกตั้งส่วนใหญ่ที่มีความผิดปกติเนื่องจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่มีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาเป็นผู้ประจำหน่วยเลือกตั้งถือเป็นมิติใหม่หรือไม่ ที่กทม.ได้ขอพึ่งกำลังทหารแทบทุกเขต โดยเฉพาะเขตคันนายาว ดินแดง ห้วยขวาง ดอนเมือง และมีกำลังทหารส่วนหนึ่งที่อยู่ในหน่วยเลือกตั้งบางส่วนกำลังสังเกตการณ์ ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้บรรยากาศเลือกตั้งอยู่ในสภาวะปฏิวัติ ซึ่งเท่าที่สอบถามก็มีการแจ้งว่าเนื่องจากกำลังตำรวจไม่พอเพราะมีการโยกย้ายตำรวจ เช่นจากเขตบางรักไปเขตพระโขนง 48 นายซึ่งไม่ทราบว่าโยกย้ายเพื่ออะไร
 
"ทหารเหล่านี้ไม่อยู่กรมกอง เป็นเพราะตำรวจไม่พอหรือไงหรือเป็นกรณีพิเศษตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินผมไม่เคยเห็นว่าจะมีทหารเข้ามาประจำหน่วยเลือกตั้งก็คงต้องสอบถามไปยังกกต.ด้วย" นายวิชาญ กล่าว
 
 
 
 
ในการเลือกตั้งจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) 36 เขต

1. เขตคลองเตย มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
2. เขตคลองสาน มี ส.ข. ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
3. เขตจอมทอง มี ส.ข. ได้ 8 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ 7 คน และเพื่อไทย 1 คน
4. เขตดินแดง มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
5. เขตดุสิต มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
6. เขตตลิ่งชัน มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
7. เขตทวีวัฒนา มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
8. เขตทุ่งครุ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ 6 คน และเพื่อไทย 1 คน
9. เขตธนบุรี มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทั้งหมด7 คน
10. เขตบางกอกน้อย มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
11. เขตบางกอกใหญ่ มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
12.เขตบางขุนเทียน มี ส.ข.ได้ 8 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 8 คน
13.เขตบางคอแหลม มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
14. เขตบางแค มี ส.ข.ได้ 8 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 8 คน
15. เขตบางซื่อ มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
16. เขตบางนา มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
17. เขตบางบอน มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
18. เขตบางพลัด มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
19.เขตบางรัก มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
20. เขตปทุมวัน มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
21. เขตประเวศ มี ส.ข.ได้ 8 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 8 คน
22. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
23. เขตพญาไท มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
24. เขตพระโขนง มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
25. เขตพระนคร มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากอิสระ ทั้งหมด 7 คน
26. เขตภาษีเจริญ มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทั้งหมด 7 คน
27. เขตยานนาวา มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
28. เขตราชเทวี มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
29. เขตราษฎร์บูรณะ มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
30. เขตวัฒนา มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
31. เขตสวนหลวง มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
32. เขตสัมพันธวงศ์ มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
33. เขตสาทร มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 7 คน
34. เขตหนองแขม มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ทั้งหมด 7 คน
35. เขตหนองจอก มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทั้งหมด 7 คน
36. เขตห้วยขวาง มี ส.ข.ได้ 7 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ทั้งหมด 7 คน 
 
 
ผลการนับคะแนน ส.ก. ล่าสุด เมื่อเวลา 21.30 น.
 
เขตคลองเตย
นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ปชป. 9563
นายเจน หิมะทองคำ พท. 7043
พ.ต.ท.ขวัญชัย ชัยเวช กมม. 2275

คลองสาน
นายสมชาย เต็มไพบูลย์กุล ปชป. 9568
น.ส.สายรุ้ง ปิ่นโมรา กมม. 7747
นายโกสินทร์ สุทธิรัตน์ พท. 5601

คันนายาว
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ พท. 15648
นายโยธิน ปัชฌามุก ปชป. 9978
นายเกษม ทรัพย์เจริญ กมม. 706

เขตดินแดง
 (ยังไม่ได้นับคะแนน)

ดุสิต
นายศิริพงษ์ ลิมปิชัย พท. 11421
นางบุศกร คงอุดม ปชป. 9684
นายมนัส พงศ์วรินทร์ กมม. 1066

ตลิ่งชัน
พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง ปชป. 16583
นายสมคิด ชุ่มปลั่ง พท. 10035
นายเป็นเลิศ จิรังนิมิตสกุล กมม. 3338

ทวีวัฒนา
นายสุไหง แสวงสุข ปชป. 15627
พ.ต.ท.หญิงอรุณศรี โสขุมา พท. 6801

ทุ่งครุ
นายวันชัย เปี่ยมสวัสดิ์ ปชป. 9166
นายสุวรวิทย์ วรรณศิริกุล พท. 8444
นายวิโรจน์ ญาณพิชิต กมม. 4683
นายศิริพงษ์ เย็นอังกูร มภ. 2384

ธนบุรี
นายวิชัย หุตังคบดี พท. 7965
นายสมเกียรติ กันทรวรากร ปชป. 6485
นายสมชาย เอี่ยมมงคลสกุล กมม. 5467
นายสุวรรณ เอี่ยมสุขนันท์ อิสระ 2781

บางกอกน้อย
นายนภาพล จีระกุล ปชป. 12454
นายประสาร แก้วนิยม พท. 5364
นายสันติ ระฆังทอง กมม. 1796

บางกอกใหญ่
นายวิรัช คงคาเขตร ปชป. 14131
นางทิพย์ประภา ศุขบุญ พท. 7351
บางคอแหลม
นายอภิมุข ฉันทวานิช ปชป. 14354
นางจุฑาเพชร จินตโสภณ พท. 7649
นายสมเกียรติ อโนทัยสินทวี กมม. 4466

บางซื่อ
น.ส.พรพิมล คงอุดม ปชป. 11989
น.ส.ภัคภร ตั้งปณิธานสุข พท. 6469

บางนา
นายคำรณ บำรุงรักษ์ ปชป. 13552
นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร พท. 9980
นายพัสกร พุฒขาว กมม. 2440

บางบอน
นายณรงค์ศักดิ์ ม่วงศิริ ปชป. 7416
นายเชาว์ สังข์คุ้ม พท. 3988
นายสมพร คงโครัด กมม. 3760

บางพลัด
นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล ปชป. 12326
นายวัชรา พรหมเจริญ พท. 7463
นายศีลธรรม พัชรประกาย อิสระ 6274
นายมนูญ นกยูงทอง กมม. 2546

บางรัก
นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ปชป. 10241
นายอภิชาติ อุดม กมม. 2779
นายธานี บุปผเวส พท. 2650
 
บึงกุ่ม
นายแมน เจริญวัลย์ ปชป. 21043
นายกษิณ พุกรักษา พท. 16138
นายบุญส่ง ชเลธร กมม. 4685

ปทุมวัน
น.ส.อุไร อนันตสิน ปชป. 4263
น.ส.เมธาวี ธารดำรงค์ อิสระ 2907
นายวิเชียรโชติ ส่งอาภากรณ์รัตน์ พท. 2504
นายปฐม สุคนธชาติ กมม. 1130
นายสุวิทย์ ทรัพย์เกตโสภา อิสระ 69
นายภูมิพิชัย ธารดำรงค์ อิสระ 19

ป้อมปราบฯ
นายเอก จึงเลิศศิริ ปชป. 8742
นางมาลี อุ่นมงคลมิตร พท. 2791
นายธนภัทร ธาตวากร กมม. 2661

พญาไท
นายพีรพล กนกวลัย ปชป. 6393
นายกวี ณ ลำปาง พท. 4187
นายสุชาติ วิริยานุภาพพงศ์ กมม. 1005

พระโขนง
นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ ปชป. 12197
นายสมศักดิ์ รัตนกังวานวงศ์ พท. 7181

พระนคร
น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ปชป. 9283
นายบดินทร์ วัชโรบล พท. 3549
นายรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี กมม. 2877
นายพงษ์พจน์ พิมพ์สมฤดี อิสระ 55

ภาษีเจริญ
นายสุธา นิติภานนท์ ปชป. 14407
นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา พท. 14181
น.ส.เพ็ญพิมล วิภาคทรัพย์ กมม. 1915

มีนบุรี
นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ พท. 20532
นายสุนันท์ มีนมณี ปชป. 15794
นายธนาวุฒิ วงษ์เสน กมม. 895
นายสุรชัย นิวาสพันธุ์ อิสระ 183

ยานนาวา
นายอมรเทพ เศตะพราหมณ์ ปชป. 11045
นายณรงค์ กองปัญญา พท. 4802

ราชเทวี
นางผุสดี วงศ์กำแหง ปชป. 8568
นายเอกกฤษ อุณหกานต์ พท. 5619
นายปรเมษฐ์ ภู่โต กมม. 2657

ราษฎร์บูรณะ
นายไสว โชติกะสุภา ปชป. 18057
นายสุเมธี วรรณศิริกุล พท. 7766
นายสมพงษ์ สุวรรณคู กมม. 2201

ลาดพร้าว
น.ส.บุณฑริกา ประสงค์ดี พท. 7878
นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ปชป. 5867
นายปรีดา พักงาน กมม. 1389
 
 
ผลการนับคะแนน ส.ก. ล่าสุด เมื่อเวลา 22.30 น.

วังทองหลาง
นายบำรุง รัตนะ ปชป. 13960
นายสิงห์ทอง บัวชุม พท. 9743
นายนัสเซอร์ ยีหมะ กมม. 1660

วัฒนา
นายประสิทธิ์ รักสลาม ปชป. 11301
นายธนินท์พล ปิคิธนภูมิพัฒน์ พท. 3135
ว่าที่ร.ต.นภดล เดชาฤทธิ์ กมม. 2216

สวนหลวง
นายณัทวุฒิ หมัดนุรักษ์ ปชป. 19005
นายคงเจษฏร์ พุ่มม่วง พท. 8877
นายเนติราษฎร์ นาคโฉม อิสระ 646

สะพานสูง
นายประสิทธิ์ มะหะหมัด พท. 10983
นายสามารถ หว้าพิทักษ์ ปชป. 9893
นายปราโมทย์ บุญชู อิสระ 2149
นายชเขษม ป จันทไทย กมม. 1526

สัมพันธวงศ์
นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ ปชป. 6311
นายสมหมาย ศรีสุทธิยางกูร กมม. 1465
นายปรีดา ปรัตถจริยา พท. 1338

สาทร
นายธวัชชัย ปิยนนทยา ปชป. 14073
นายไพรัชต์ พรรณรายน์ พท. 4708
นางกรรณิกา วิชชุลตา กมม. 3836

หนองแขม
นายนวรัตน์ อยู่บำรุง พท. 22804
นายอภิเดช ศรัทธาพิริยะพงศ์ ปชป. 12898
นายฮารูน มูหมัดอาลี กมม. 4976

หนองจอก
นายไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์ พท. 20787
น.ส.เบญญาภา เกษประดิษฐ ปชป. 19233
นายวรรณภูมิ คำอ้อ กมม. 735

หลักสี่
น.ส.เรณุมาศ อิศรภักดี อิสระ 3731
นายตกานต์ สุนนทวุฒิ พท. 3544
นายรังสรรค์ กียปัจจ์ ปชป. 1883
นายศุภชัย เจียมสกุล กมม. 644
ว่าที่ร.ต.อมรวิวัฒน์ พิกุลงาม มภ. 373

ห้วยขวาง
นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ พท. 13621
นายประวิทย์ พรหมทอง ปชป. 8759
 
 
ผลการนับคะแนน ส.ก. ล่าสุด เมื่อเวลา 23.00 น.

จตุจักร 1
นายประพนธ์ เนตรรังษี พท. 9849
นายโยธิน เปาอินทร์ ปชป. 8207
นายถนอม พิมพ์ใจชน กมม. 1312

จตุจักร 2
นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ ปชป. 11534
น.ส.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ พท. 11011
นายประกิต จันทร์สมวงศ์ กมม. 2488

จอมทอง 1
นายพิรกร วีรกุลสุนทร ปชป. 11229
นายธวัชชัย ทองสิมา พท. 10435

จอมทอง 2
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ปชป. 13253
นายธนวัฒน์ จันทร์เศรษฐ พท. 7096

สายไหม 1
น.ส.รัตติกาล แก้วเกิดมี ปชป. 13218
นายเอกภาพ หงสกุล พท. 13034
นายวัชรินทร์ อนันหน่อ อิสระ 810

สายไหม 2
นายสมชาย เวสารัชตระกูล ปชป. 13287
นายอำนวย ชัยพรประเสริฐ พท. 6850

บางเขน 1
นายสายัณต์ จันทร์เหมือนเผือก พท. 13979
นายฐิติโชค กาญจนภักดี ปชป. 11033
สิบเอกอำพันธ์ เฉลิมบุญ ปชท. 1120

บางเขน 2
น.ส.ปราณี เชื้อเกตุ ปชป. 12285
นายณกรณ์ ทองศรี พท. 8463

บางแค 1
นายสุพิน คล้ายนก ปชป. 14245
พันตำรวจเอกสมชาย พงษ์ธานี พท. 6915
นายพัลลภ นางจีนวงศ์ กมม. 1441

บางแค 2
นายเพทาย จั่นเผื่อน ปชป. 15793
นายนิรันด์ พรมจีน พท. 10467
นายวิศิษฐ์ ดีเป็นธรรม กมม. 1772

บางกะปิ 1
นายประเสริฐ ทองนุ่น ปชป. 7547
นายชัยวุฒิ จริยวิโรจน์สกุล พท. 6809

บางกะปิ 2
นางนฤมล รัตนาภิบาล ปชป. 8581
นายเฉลิมชัย ฉิมหิรัญ พท. 5707
นายภูโมกข์ นุ่นจันทร์ กมม. 1493

บางขุนเทียน 1
นายสารัช ม่วงศิริ ปชป. 11272
นายสมศักดิ์ ลีลาสถาพรกูล พท. 6919
นายสุพจน์ ภูมิใจตรง อิสระ 872

บางขุนเทียน 2
นายสาทร ม่วงศิริ ปชป. 3842
นายสมชาติ รัตนเรืองกิต พท. 2196
นายนพดล อิศรเสนา ณ อยุธยา อิสระ 286

ประเวศ 1
นายธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล ปชป. 10202
นายธีระวุฒิ สัมมาทรัพย์ พท. 5065

ประเวศ 2
นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ปชป. 11858
นายพารวย จันทรสกุล พท. 6117
นายธวัช กีรติอิสริยะกุล อิสระ 738

คลองสามวา 1
นายวิรัช อินช่วย ปชป. 10525
นายสุวิทย์ บุญมา พท. 9331
นายวิบูลย์ศักดิ์ หนันดี อิสระ 494

คลองสามวา 2
นายชูชาติ ประเสริฐกรรณ ปชป. 11801
นายลี่จั๊ว แซ่เฮ้ง พท. 11368

ดอนเมือง 1
นายสุริยา โหสกุล พท. 11187
นายพฤกพงษ์ เปรมศิริ ปชป. 6750
นางปภาวรินทร์ กลิ่นฟุ้ง อิสระ 1324
นายธนัชพงศ์ เกิดนาค กมม. 925
นายธนกร พูลมี อิสระ 369

ดอนเมือง 2
นางพิมพ์ชนา โหสกุล พท. 10172
นางกนกนุช นากสุวรรณ ปชป. 8363
นายชุติเดช สุวรรณเกิด กมม. 1118
นางอัมพร โสภณดิเรกรัตน์ อิสระ 823
นายศิวาวิทย์ สำเร็จผล อิสระ 477

ลาดกระบัง 1
นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ พท. 10085
นายสมโภชน์ ชยุติแสงไพศาล ปชป. 7672
นายธนยศ เกษประดิษฐ อิสระ 5088

ลาดกระบัง 2
นายณัฐ สำเร็จวาณิชย์ พท. 10432
นายเจริญณรัฐ ศิริรัตนสุวรรณ ปชป. 7219
นายอำนวย นวลทอง กมม. 1817
  
 

 

ที่มา: มติชนออนไลน์

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

กวีประชาไท:ภู กระดาษ กับบทกวี"ฝนตกฟ้าฮ้อง"

Posted: 29 Aug 2010 09:56 AM PDT

ท่านท่านชี้หน้าว่า พวกผู้ข่าละถิ่นฐาน
พวกคนอีสาน ชอบขายแรงงานซื้อข้าว
สิเด๋อสิด๋า ว่าเป็นเสี่ยวว่าเป็นลาว
หนังสือบ่หัน โง่เง่าต่างด้าวดงดิน

ปล่อยคนแก่เฒ่า ให้อยู่เฝ้าเลี้ยงหลานหลาน
แล้วละทิ้งบ้าน กระเซซานพลัดลำเนาสิ้น
ไลลืมรากเหง้า แต่ก่อนเก่าบ่เหลือกลิ่น
วิถีชุมชนบ่ถวิล ฟุ้งเฟ้อกันสิ้นรนดิ้นละลา

แล้วสร้างปัญหา ให้ถ้วนหน้าได้ประสบ
สุมเร้าเท่าทบ สูงท่วมกลบขื่อคานฝา
สืบเนื่องกร่อนกัด สารพัดอยู่นานมา
ทุกเรื่องทั้งมวลปัญหา ก็เพราะพวกผู้ข่าทั้งนั้น

ฯลฯ

พวกผู้ข่าค้อมรับ สิ้นเสร็จสรรพทุกความว่า
เพราะอำนาจผูกขาดนานา พวกผู้ข่าล้วนจัดสรร
ทรัพยากรถลุง สนานสนุกอยู่ทุกคืนวัน
บริหารจัดการกันมันส์ ถ้วนประเทศเขตคาเม!

***********

หมายเหตุ: พวกผู้ข่า, ข่า : ชนพื้นเมือง หรือข้า, ข้าน้อย ผู้เป็นบ่าวรับใช้
                สิเด๋อสิด๋า : เด๋อๆ ด๋าๆ น่าหัวร่อ
                ไลลืม, ลืมไล : หลงลืม หลงเลือนไป

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล:วิพากษ์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ กรณีรับเป็น“กรรมการปฏิรูปประเทศ”

Posted: 29 Aug 2010 09:10 AM PDT

ชื่อบทความเดิม: การรับเป็น "กรรมการปฏิรูปประเทศ" ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อน ไม่มีคุณธรรม

 

โปรดพิจารณา “เรื่องสมมุติ” ต่อไปนี้:

 
เพื่อนบ้านครอบครัวหนึ่ง เพิ่งสูญเสียพ่อบ้าน หรือลูกชายหรือลูกสาว จากการถูกฆ่าอย่างน่าอนาถเมื่อไม่กี่วันมานี้ และสมาชิกที่เหลืออยู่ของครอบครัวนั้นยังอยู่ในช่วงเศร้าโศกอย่างหนัก พยายาม “ทำใจ” กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฯลฯ
 
ไม่ว่าที่ผ่านมา เราจะมีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านครอบครัวนี้อย่างไร อาจจะไม่ถึงสนิทสนมใกล้ชิด อาจจะมีความ “หมั่นไส้” ไม่ชอบบางคนในครอบครัวนั้น รวมถึงแม้แต่ตัวผู้ตายเอง และไม่ว่าสถานการณ์ของการถูกฆ่านั้น เราจะคิดอย่างไร (สมควรหรือไม่ หลีกเลี่ยงได้หรือไม่ ฯลฯ) แต่โดยสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า decency พื้นๆของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน (basic human decency)[decency คำนี้ ผมขออภัยที่ใช้ทับศัพท์ เพราะนึกคำไทยที่เหมาะสมไม่ได้จริงๆ จะแปลว่า “มารยาท” “ความเหมาะสม” หรือ “ความสุภาพ” แม้อาจจะให้ความหมายที่ใกล้เคียง ก็รู้สึกยังไม่ตรงนัก จะใช้ว่า “ความดีงามในจิตใจ” ก็อาจจะหนักเกินไป จึงขออนุญาตเขียนเช่นนี้โดยตลอดบทความ] เราย่อมพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้ครอบครัวนั้นรู้สึกเป็นการ “ซ้ำเติม” ความเศร้าโศกของพวกเขา เช่น เราคงไม่ไปแสดงอาการดีอกดีใจ รื่นเริงบันเทิง ต่อหน้าเขา ไม่ไปพูดคุยโอ้อวดถึงความดีใจของเรา ที่ลูกชายลูกสาวเราเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือเพิ่งเรียนจบ ได้งานทำ มีเงินเดือนสูง ฯลฯ ต่อให้เราไม่ถึงกับต้องไปช่วยเหลืองานศพของคนตาย หรือกระทั่งไปพูดจาปลอบประโลม (เพราะไม่สนิทกัน) ฯลฯ
 
การหลีกเลี่ยงไม่กระทำอะไรในลักษณะ “ซ้ำเติม” เพื่อนบ้านดังกล่าว ไม่จำเป็นว่าเพราะเราเป็นผู้มีการศึกษา หรือมีคุณธรรมสูงส่งอะไรเลย เป็นเพียงการมี decency พื้นๆ ของความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น ในทางตรงข้าม หากเราทำอะไรอย่างที่ว่า (รื่นเริงบันเทิง ดีอกดีใจ ในความสุขความสำเร็จของครอบครัวเราเองในขณะนั้น ต่อหน้าต่อตาเพื่อนบ้านที่กำลังโศกเศร้า ฯลฯ) ก็ต้องจัดว่า เราเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม (cruel) ป่าเถื่อน (babaric) ไม่มีคุณธรรมพื้นๆอย่างยิ่ง
 
. . . . . . . . . . . .
 
การที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ เข้ารับตำแหน่งเป็น “กรรมการปฏิรูปประเทศ” ที่ตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อการปราบปรามที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อย บาดเจ็บพิการนับพัน (และถูกจับกุมคุมขังอีกกว่าร้อยคน) โดยที่ผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อน ของคนตาย คนบาดเจ็บพิการ เหล่านั้น ยังรู้สึกกันได้อย่างรุนแรง (ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบต่อ “สังคม” วงกว้างออกไป) เปรียบเสมือนการกระทำในลักษณะ “ซ้ำเติม” เพื่อนบ้าน ที่กล่าวไว้ใน “เรื่องสมมุติ” ข้างต้น นี่เป็นการกระทำที่มาจากจิตใจที่เหี้ยมโหด (creul) ป่าเถื่อน (babaric) ขาดคุณธรรมอย่างถึงที่สุด
 
ทั้งนี้ ไม่ว่านิธิจะคิดหรือให้เหตุผลใดๆก็ตาม กับการเข้าร่วมนั้น (ประเภท “เข้าไปเป็นกรรมการเพื่อผลักดันวาระและกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชน” ฯลฯ) ไม่ว่าเขาจะมีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ หรือตัวกรรมการนั้นเอง (“อ้อมกอดอำมหิต”, “ประชาชนต้องอย่าไว้ใจกรรมการที่ตั้งขึ้นมา” ฯลฯ)
 
แต่ตัวการกระทำนั้นเอง (การเข้าเป็นกรรมการ) เป็นสิ่งที่อุจาด (indecent) และเหี้ยมโหดป่าเถื่อน (cruel, babaric) ซึ่งคนที่มี decency พื้นๆของความเป็นคน ไม่ทำกัน
 
ผมเองโดยส่วนตัว เห็นว่า การตายและสูญเสียอย่างมหาศาลของ “คนเสื้อแดง” เป็นสิ่งซึ่งความจริงสามารถหลีกเลี่ยงได้ เห็นว่า การกระทำหลายอย่างของ “คนเสื้อแดง” ซึ่งอาจจะรวมทั้งคนที่ตายไปนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ผมเห็น – และผมเชื่อ/หวังว่า ทุกคนที่มี decency ของความเป็นมนุษย์อย่างพื้นๆ คงจะคิดเช่นนี้ด้วย – ว่า ปัญญาชนระดับนำสูงสุดของประเทศอย่างนิธิ(หรือคนอื่นๆ) ไม่สมควรที่จะทำอะไรในลักษณะ “ซ้ำเติม” พวกเขาและญาติมิตรของเขา (หรือ “สังคม” โดยรวม) ด้วยการไปรับตำแหน่งที่รัฐบาล ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญในการฆ่าพวกเขา ตั้งขึ้นมา ด้วยสาเหตุที่ชัดเจนว่าต้องการทำให้การฆ่าที่ตัวเองมีส่วนรับผิดชอบนั้น เป็นเรื่อง “เบา”ลงไป
 
ยิ่งนิธิ เอียวศรีวงศ์ ยังคงพูดและเขียนในเชิงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนี้เท่าไร ยิ่งทำให้การที่เขาไปร่วมเป็นกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นเป็นการกระทำที่ไร้ความ decency พื้นๆของความเป็นมนุษย์มากขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น ปัญญาชน นัก นสพ. จำนวนหนึ่ง ที่อาจจะ “ไม่สบายใจ” กับการที่นิธิไปร่วมเป็นกรรมการ พยายาม “ปลอบใจตัวเอง” หรือให้ “คำอธิบาย” ทำนองนี้ ด้วยการยกเอาการที่นิธิยังคงพูดและเขียนในลักษณะ “ไม่ขึ้นต่อรัฐบาล” หรือกระทั่ง “วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล” มาอ้าง หาได้คิดว่า ความจริง ยิ่งนิธิยังคงเขียนเชิงวิพากษ์รัฐบาลเท่าไร ยิ่งเป็นการประจานความไม่มี decency ของตัวเองมากขึ้นเพียงนั้น ในแง่นี้ บรรดา “ปัญญาชนบริกร” อย่าง อานันท์, อมร, สมบัติ ฯลฯ ที่เขียนเชียร์รัฐบาลนี้อยู่เสมออยู่แล้ว กลับมีลักษณะ “ซื่อตรง” (honesty) ยิ่งกว่านิธิ เพราะอย่างน้อย พวกนี้เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร (เขียนเชียร์รัฐบาล กับไปเป็นกรรมการให้รัฐบาลเป็นอะไรที่ไปด้วยกันได้สนิทอยู่แล้ว) แต่สิ่งที่นิธิทำ กลับเป็นการแสดงความไม่ซื่อตรง (dishonesty) หน้าไหว้หลังหลอก ปากว่าตาขยิบ (hypocritical) อย่างขาดความละอายชัดๆ
 
เรื่องพวกนี้ ไม่ต้องอาศัยอุดมคติหรือทฤษฎีที่สูงส่งลึกซึ้งอะไรเลย แค่สามัญสำนึกของความ decency ของความเป็นมนุษย์ ที่จะไม่เหี้ยมโหดป่าเถื่อน ทำร้ายซ้ำเติมผู้ที่อยู่ในความทุกข์โศกสูญเสียอย่างใหญ่หลวงอยู่แล้วเท่านั้น
 
 
 

 

สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

รายงาน: ร้อยวันแห่งการสูญเสียของ ครอบครัวศรีหนองบัว

Posted: 29 Aug 2010 04:28 AM PDT

 
 
 
 
ทรงศักดิ์ ศรีหนองบัว (ป๋อง) เกิดวันที่ 28 มีนาคม 2520 ปัจจุบันอายุ 33 ปี เป็นคนบ้านดอนธาตุ ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทฯติดตามหนี้ อยู่ในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น
 
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์นายเจียง ศรีหนองบัว อายุ 59 ปี พ่อของทรงศักดิ์ ทราบว่า ทรงศักดิ์เป็นลูกชายคนโต จากพี่น้องทั้งหมด 4 คน มีน้องชาย 2 คน และน้องสาว 1 คน น้องชายคนรองมีครอบครัวแล้วอยู่หมู่บ้านใกล้ๆกัน คนรองลงมาทำงานอยู่ในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นเช่นกันแต่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ส่วนน้องสาวคนสุดท้องมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งหนึ่ง มีเพียงทรงศักดิ์ที่อยู่อาศัยที่บ้านเป็นประจำ และช่วยเหลือดูแลงานทั้งหมดภายในบ้าน เช้าไปทำงานเย็นประมาณ 5 โมงก็กลับถึงบ้าน กินข้าวฟังวิทยุพักผ่อน เป็นคนไม่เที่ยวเตร่ ขยันทำงาน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งไปขยายสาขาที่จังหวัดอุดรธานี และกำลังมีแผนจะแต่งงานแต่ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน
 
พ่อเจียงเล่าต่อว่า ในวันเกิดเหตุ วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทรงศักดิ์ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปทำงานตอนเช้าตามปกติ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น โรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งว่า ทรงศักดิ์ป่วยอยู่โรงพยาบาลไม่บอกว่าป่วยเป็นอะไร บอกเพียงแต่บอกว่าป่วยให้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลด่วน พ่อจึงให้ลูกชายอีกคนโทรศัพท์กลับไปสอบถามให้แน่ชัดจึงทราบว่าถูกยิง เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอบอกว่าถูกกระสุนยิงที่ต้นแขน 6 นัด ไปโดนที่เส้นเลือดแดง และต้องผ่าตัด วันนั้นมีประกาศเคอร์ฟิว พ่อต้องรีบกลับบ้าน กลัวไม่ทันเวลา ให้ลูกชายอีกคนเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล กลับมายังไม่ถึงหมู่บ้านประมาณ 3 ทุ่ม ลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่าทรงศักดิ์เสียชีวิตแล้ว
 
พ่อเจียงเล่าว่าไม่คิดเลยว่าลูกชายต้องมาเสียชีวิตเช่นนี้ เพราะตอนเช้ายังแต่งตัวออกไปทำงานตามปกติ และที่ผ่านมาแม้ลูกชายจะเคยเข้าร่วมการชุมนุมกับ นปช. ทั้งที่ขอนแก่นและกรุงเทพฯบ้าง แต่แค่เข้าร่วมฟังปราศรัยเพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงเท่านั้น แล้วก็กลับบ้าน ตอนเช้าก็ไปทำงานตามปกติ เคยมาเข้าร่วมการชุมนุมที่กรุงเทพฯ 3 ครั้ง มาวันสองวันก็กลับบ้านไปทำงานตามปกติ คนที่เห็นเหตุการณ์ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หน้าบ้านนายประจักษ์เล่าให้พ่อฟังว่า ทรงศักดิ์ยืนอยู่บนฟุตบาทฝั่งตรงข้ามบ้านนายประจักษ์ แล้วมีคนยิงปืนลูกซองออกมาจากบ้านนายประจักษ์ สองถึงสามนัดมีคนโดนลูกกระสุนบาดเจ็บหลายคน
 
พ่อเจียงบอกว่า พ่อไม่คิดเอาเรื่อง ไม่คิดฟ้องกลับ ไม่อยากมีเรื่องมีราวขึ้นโรงขึ้นศาล เรามันคนจนต่อสู้กับเขาลำบาก ลูกชายก็ตายไปแล้ว อย่างไรก็ไม่ฟื้น แต่อยากให้ทางนายประจักษ์แสดงความรับผิดชอบบ้าง มาถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบ มาร่วมทำบุญให้ลูกชายบ้าง ตอนนี้พ่อเรียกร้องค่าชดเชยไปกับตัวแทนเขาสามแสนบาท ตัวแทนเขาบอกว่ามากเกินไป เขาเสนอให้หนึ่งแสนบาท พ่อคิดว่ามันจะมากไปได้อย่างไร ชีวิตคนหนึ่งชีวิต ถ้าลองเป็นลูกชายเขาบ้างเขาจะยอมไหม จนวันนี้ครบรอบทำบุญร้อยวันแล้ว พ่อยังไม่ได้รับค่าชดเชยแต่อย่างใด
 
สำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมา พ่อเจียงบอกว่าได้รับการช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทยเป็นเงินหนึ่งแสนสามหมื่นบาท จากสำนักพระราชวังเป็นเงินห้าหมื่นบาท จากสำนักงานประกันสังคมเป็นเงินหนึ่งแสนบาท จากกระทรวงพัฒนาสังคมฯเป็นเงินสี่แสนบาท และได้มีการยื่นเรื่องไว้ที่กระทรวงยุติธรรมฯ ซึ่งทราบมาว่าจะมีการช่วยเหลือเป็นตัวเงิน ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
 
พ่อเล่าต่อว่าได้เงินมาเท่าไร มันก็ไม่คุ้มกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ปีนี้พ่อต้องทำนาคนเดียว คิดถึงทรงศักดิ์มาก ปกติเขาจะเป็นคนจัดการดูแลทุกอย่าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ช่วงดำนาที่ผ่านมา คิดถึงทรงศักดิ์มาก ฝนตกลงมา น้ำตาพ่อก็ไหล
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ทำบุญ100วัน‘น้องเกด’ แม่เตรียมรวมกลุ่มญาติวีรชน53-ช่างภาพเนชั่นจ่อฟ้องรัฐเป็นคดีตัวอย่าง

Posted: 29 Aug 2010 01:09 AM PDT

ทำบุญ 100 วันเกดกมน อัคฮาด คนร่วมหนาแน่น แม่น้องเกดลั่นพร้อมร่วมมือจตุพรฟ้องดีเอสไอ แจ้งเท็จใส่ร้ายคนตาย และเตรียมรวมกลุ่มญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ขณะที่ช่างภาพเนชั่นที่ถูกยิงชี้เตรียมฟ้องรัฐเป็นคดีตัวอย่างฐานใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ด้านดีเอสไอยันชันสูตรทำตามขั้นตอน ขีดเส้น 60 วันรู้ใครยิง

 
27 ส.ค.53 มีการจัดงานทำบุญครบ 100 วันของ นางสาวกมนเกด อัคฮาด ที่หมู่บ้านพูลสิน1 ร่มเกล้า โดยมีแกนนำ นปช.หลายคนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีญาติผู้เสียชีวิตรายอื่นร่วมงานด้วย เช่น ครอบครัวของนายมานะ แสนประเสริฐศรี อาสาสมัครที่ถูกยิงที่ย่านบ่อนไก่เมื่อ 15 พ.ค. ภายในงานมีการทำบุญเลี้ยงพระ แจกซีดีที่ระลึกราว 2,000 แผ่น และกล่าวไว้อาลัยผู้เสียชีวิต
นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของน.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด อดีตอาสาพยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ เตรียมให้ญาติผู้เสียชีวิตลูกเมียจากเหตุการณ์การชุมนุมยื่นฟ้องเอาผิดดีเอสไอ ในข้อหาฟ้องเท็จ ใส่ร้ายคนเป็นให้ร้ายคนตายต่อศาลฎีกา ว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับนายจตุพร เพราะผ่านมานาน 3 เดือนแล้วดีเอสไอก็ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีใดๆ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครยิงประชาชน จึงขอแนะนำว่าหากว่ารัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศเมื่อใดหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงประชาชนนี้ก็จะออกมาและทุกอย่างก็จะจบ
นางพะเยาว์ กล่าวด้วยว่า หลังจากเสร็จสิ้นงานทําบุญ 100 วันของลูกสาววันนี้แล้ว ตนมีแนวคิดจะรวมตัวของกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค. ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายรายที่แจ้งความประสงค์มาเพื่อเดินหน้าเรียกร้องหาความเป็นธรรม โดยจะไปกันเองในภาคประชาชนในฐานะที่เป็นผู้เสียหายโดยตรง มีความรู้สึกว่าหากเรารวมตัวได้อย่างนี้จะสามารถไปยื่นเรื่องกับองค์กรต่างๆ ได้ดีกว่า และจะได้ไม่ให้รัฐบาลทําแกล้งเฉย ทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผ่านแล้วผ่านเลยเป็นเรื่องเก่า ไม่ใช่ เราจะพยายามทําให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 91 ศพ นั้นไม่ให้ใครลืมเขาได้ และผู้เสียชีวิตทุกรายจะต้องได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาลนี้ รัฐบาลจะต้องจัดการให้ได้ผลพิสูจน์ให้เร็วที่สุดว่าใครเป็นคนสั่งฆ่า ใครเป็นคนทํา จะเป็นคนชุดดํา หรือทหาร ทำก็ต้องชี้แจงมาเลย
 
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวไว้อาลัยภายในงานทำบุญ 100 วันว่า การเสียชีวิตของน้องเกดก็เหมือนคดีอื่นๆ ที่ไม่คืบหน้าแม้มีพยานเห็นคนยิงชัดเจนก็ตาม การเสียสละของน้องเกดและคนอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญ เวลานี้ผู้มีชีวิตอยู่มีหน้าที่คือการทำความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิตที่ถูกปราบปรามอย่างอยุติธรรมที่สุด ความทรงจำของพวกเราต้องอยู่ต่อไป ไม่หยุดที่ 100 วัน วันหนึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล เราต้องสร้างอนุเสาวรีย์วีรชนให้กับผู้บาดเจ็บล้มตาย และรัฐบาลจากการเลือกตั้งต้องดูแลผู้อยู่เบื้องหลัง ขณะที่คนที่เป็นฆาตรกรก็ต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสมที่สุด
“วันนี้ก็ให้กำลังใจกัน ทุกวันนี้เรามีหน้าที่คือการรักษาหัวใจในระยะผ่าน เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและเอาฆาตกรมาลงโทษ บ้านเมืองมันยังจะต้องแก้ไขปัญหาอะไรอีกมากมาย และกรณีการเสียชีวิตจะไม่มีคนรับผิดชอบไม่ได้ ตราบใดที่ฆาตกรยังไม่ถูกลงโทษเราก็จะต้องต่อสู้กันต่อไปจนกว่าบ้านเมืองของเราจะได้ใช้กฎหมายที่ยุติธรรม ไม่ใช่สองมาตรฐานแบบปัจจุบันนี้” นายจตุพรกล่าว

แดงไซเบอร์จัดทำบุญ100 วันผู้เสียชีวิตที่วัดหัวลำโพง หลังพลาดจากวัดปทุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันสมาชิกคนเสื้อแดงทางเว็บไซต์จากหลายกลุ่ม ร่วมกันทำบุญ 100 วัน ให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมีการทำบุญเลี้ยงเพลพระที่วัดหัวลำโพง หลังจากทางวัดปทุมวนารามปฏิเสธการขอใช้พื้นที่เนื่องจากถูกกดดันหนัก
กลุ่มคนเสื้อแดงทยอยมาร่วมจัดอาหาร เพื่อเลี้ยงเพลพระตั้งแต่ช่วงเช้า โดยการทำบุญครั้งนี้นอกจากเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา ยังมีการรวบรวมเงินบริจาคเพื่อทำบุญร่วมกันและส่วนหนึ่งนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การชุมนุมและยอดผู้เสียชีวิต ส่วนการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลบริเวณโดยรอบวัดและสมาชิกคนเสื้อแดงบางส่วน ได้มีการตั้งแผงวางขายของที่ระลึกของคนเสื้อแดงหน้าวัดด้วย อาทิ เสื้อโปโล ผ้าโพกศีรษะ ภาพเหตุการณ์การชุมนุม เป็นต้น
 
ช่างภาพเนชั่นเตรียมฟ้องรัฐบาล

ด้านนายชัยวัฒน์ พุ่มพวง ช่างภาพสำนักข่าวเนชั่น เหยื่อกระสุนปืนในเหตุ การณ์สลายม็อบเสื้อแดงวันที่ 15 พ.ค. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและแยกราช ปรารภ กล่าวว่า เตรียมฟ้องร้องรัฐบาลทั้งทางอาญาและแพ่ง เพื่อเป็นคดีตัวอย่าง กรณีใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามประชาชนและกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณดังกล่าว จนทําให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจํานวนมาก รวมทั้งตัวเองก็ถูกกระสุนเจ้าหน้าที่ยิงใส่ที่ต้นขาอาการสาหัสด้วย การฟ้องร้องดังกล่าวขณะนี้เตรียมทนายความไว้แล้ว โดยนัดหารือกันเพื่อรวบรวมข้อมูลในวันที่ 1 ก.ย.นี้

"การฟ้องร้องผมต้องการให้เป็นคดีตัวอย่าง ให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบ และเป็นการฟ้องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับสํานักพิมพ์ ส่วนจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเท่าใดขอปรึกษาทนายก่อน" ช่างภาพที่ถูกยิงกล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงอาการบาดเจ็บว่า นับตั้งแต่ถูกยิงเมื่อวันที่ 15 พ.ค. อาการดังกล่าวก็ยังไม่ค่อยดี ยังคงต้องทํากายภาพ บำบัดทุกวัน เนื่องจากกระสุนที่ยิงมานั้นไม่ทะลุ แต่ไปทําลายระบบเส้นเลือด และกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาขวาทําให้ขาไม่มีแรง และมีสีดํา เนื่องจากเลือดไม่สามารถลงไปหล่อเลี้ยงได้ 

 
 
ธาริตแจงศอฉ.พิสูจน์ 91 ศพ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกฯ ในฐานะผอ.ศอฉ. เป็นประธานการประชุมศอฉ. มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธรพุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ผบ.ทอ. และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ว่าที่ผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ.พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผบ.ทบ.พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ.พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิตสาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 นายธาริต เพ็งดิษฐ์อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช. เข้าร่วมประชุม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ.กล่าวภายหลังการประชุมว่า นายธาริตได้รายงานในที่ประชุมถึงเสียงวิจารณ์การพิสูจน์ศพประชาชนที่เสียชีวิต 91 ศพ จากเหตุการณ์เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษยืนยันว่าได้ปฏิบัติทุกอย่างตามขั้นตอน โดยประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งผลสรุปที่ออกมาได้ดำเนินการอย่างถูกต้องทุกอย่างโดยเฉพาะการพิสูจน์ศพได้ดำเนินการธรรมดาไม่มีกรรมวิธีพิเศษใดๆ ถือว่าทำอย่างดีที่สุดแล้วอย่างไรก็ตามนายสุเทพกำชับว่า ให้อธิบดีดีเอสไอไปชี้แจงถึงผลการพิสูจน์ศพให้ประชาชนเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน
"ขอให้ยึดเหตุที่เกิดเป็นตัวตั้ง ไม่ต้องคำนึงผลว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเราต้องการทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏต่อสาธารณชน และขอให้เจ้าหน้าที่แบ่งกลุ่มงานไปรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้มากที่สุด ถูกต้องที่สุด จากบุคคลที่มาเป็นพยานได้ในขณะนี้ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง หากใครมารื้อฟื้นคดีจะได้มีข้อมูลหลักฐานที่เพียงพอชี้แจงได้" พ.อ.สรรเสริญกล่าว
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า คณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.ได้ให้หน่วยงานความมั่นคงประเมินการทำงานทุกหน่วยงานทั่วประเทศ ในการป้องกันการทุจริตและนำข้อมูลทั้งหมดเข้าที่ประชุมเพื่อหาแนวทางต่อต้านการทุจริต ที่ป.ป.ช.จะจัดประชุมในวันที่ 10-13 พ.ย.นี้
 
สั่ง 60 วันพิสูจน์ให้เสร็จ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบผู้เสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ในเดือนเม.ย.-พ.ค.ว่า วันนี้ดีเอสไอได้รับหนังสือลงนามคำสั่งอย่างเป็นทางการจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศอฉ. ให้ดีเอสไอดำเนินการเป็นพิเศษเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง การเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 89 ราย ให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน โดยจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ทั้งในส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ลักษณะบาดแผล พยานแวดล้อมพยานบุคคล พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ วิถีกระสุน ระเบิด ตลอดจนใครเป็นผู้กระทำให้เสียชีวิต ซึ่งตนมอบหมายให้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์คชรักษ์ ในฐานะหัวพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย จัดทีมทำงานเฉพาะรายไป โดยดีเอสไอจะรายงานความคืบหน้าต่อศอฉ.เป็นระยะ
นายธาริตกล่าวว่า เบื้องต้นดีเอสไอรับสำนวนการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต จากตำรวจนครบาลมาครบถ้วนแล้วทั้ง 89 ราย มีเพียงบางส่วนที่ส่งกลับไปแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลสมบูรณ์ที่สุดยืนยันว่าจะพยายามทำงานให้เสร็จสิ้นภายใต้กรอบเวลาที่ศอฉ.กำหนด และมีการทยอยเปิดเผยผลการชันสูตรออกมาเป็นระยะ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าด้วย
ส่วนการเสียชีวิตของช่างภาพชาวญี่ปุ่นและอิตาลีนั้น ดีเอสไอต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามขอยืนยันดีเอสไอไม่ได้ละเลยการทำงานในเรื่องดังกล่าว แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาแสวงหาข้อเท็จจริงจำนวนมาก ดังนั้นขอให้ผู้สื่อข่าวรวมทั้งผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ที่มีภาพถ่ายหรือข้อมูลอื่นๆ นำมาให้ดีเอสไอด้วยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีการตรวจสอบการเสียชีวิต 89 ศพนั้น ดีเอสไอยึดตามสำนวนของพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลและกองปราบปราม เป็นหลักส่วนจำนวน 91 ศพนั้น เป็นตัวเลขจากการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุข
 
ที่มาบางส่วนจากเว็บไซต์ข่าวสด
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น