ประชาไท | Prachatai3.info |
- รมว.ไอซีทีแจงไม่มีอำนาจปิดเว็บ ชี้อำนาจอยู่ที่ศาล
- ยิง 6 ศพปัตตานี: 'พฤติการณ์' ชวนสงสัยในสายตา 'ผู้สังเกตการณ์'
- คดี 'อานดี้ ฮอลล์' เลื่อนอีก นัดใหม่ 8 ก.ค.
- คนเสื้อแดงอุดรฯ พบอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ ทวงเงินเยียวยา - คาดได้เงิน พ.ค.นี้
- ‘พีมูฟ’ ปฏิบัติการยื่นปัญหารายคน - ผลเจรจา ‘เฉลิม’ รับ 4 ประเด็นเข้า ครม.
- ร้านซ่อมเสื้อผ้าตลาดเบตงคึกคักรับเปิดเทอมใหม่
- กสท.กำหนดราคาประมูลทีวีดิจิตอลแล้ว
- วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่าง กม.เก็บภาษีขายของออนไลน์
- รู้จักแธตเชอร์ รู้จักเสรีนิยมใหม่ ผ่านมุม พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์–วิโรจน์ อาลี
- ฝ่ายกบฏซีเรียปฏิเสธเรื่องใช้อาวุธเคมีหลังถูกกล่าวหาโดยคณะสืบสวนยูเอ็น
รมว.ไอซีทีแจงไม่มีอำนาจปิดเว็บ ชี้อำนาจอยู่ที่ศาล Posted: 07 May 2013 09:03 AM PDT
น.อ.อนุดิษฐ์ ชี้แจงใน 4 ประเด็น ได้แก่ 2. การใช้ช่องทางเว็บไซต์ และ Social network ในการแสดงความเห็นของพี่น้องประชาชนในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนทุกคนสามารถทำได้ และไม่มีใครหรืออำนาจใด ๆ มาก้าวล่วงได้ แต่อย่างไรก็ดี การใช้ช่องทางดังกล่าวกระทำผิดกฎหมายใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการคุกคาม กล่าวหา ให้ร้ายดูถูกดูแคลน หรือใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อบุคคลอื่น และทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 หรือเข้าข่ายการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว หากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องมีการดำเนินการ ให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจากกรณีนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจว่า การแสดงออกหรือความเห็นอย่างไรที่ไม่ควรกระทำ ผู้แสดงความเห็นเพียงคิดถึงสิทธิเสรีภาพของตัวเองหรือครอบครัว ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดล่วงละเมิด เฉพาะประเด็นนั้นๆ ก็ไม่ควรไปล่วงละเมิดบุคคลอื่นในเรื่องนั้นๆ เช่นเดียวกัน 3. กระทรวงไอซีทีไม่มีสิทธิในการเลือกปฏิบัติหรือกระทำการใดๆ แบบสองมาตรฐาน การกล่าวหาว่า กระทรวงไอซีทีที่ให้ความสำคัญเฉพาะกรณีของฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จึงเป็นเรื่องที่บิดเบือนและไม่เป็นความจริง ตลอดเวลาที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่ได้รับความเสียหาย ทุกคน ทุกกรณีอย่างเท่าเทียมกัน ตามอำนาจหน้าที่ ที่ได้รับตามกฎหมาย เพราะการดำเนินการใดๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าทำเกินอำนาจหน้าที่ หรือการดำเนินการใดๆ ที่ละเลยไม่ปฏิบัติ กระทรวงไอซีทีไม่สามารถดำเนินการได้ทั้ง 2 กรณี เพราะผู้เสียหายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับกระทรวงไอซีทีได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การกล่าวหาด้วยคำพูดว่ากระทรวงไอซีทีละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือจากอำนาจที่ได้รับจึงไม่เป็นความจริง 4. การดำเนินการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน เป็นการดำเนินการร่วมกันของทุกภาคส่วน ซึ่งกระทรวงไอซีทีเป็นองค์ประกอบหนึ่งในคณะกรรมการ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ที่ทุกคนที่รับผิดชอบให้ความสำคัญสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ผู้รับผิดชอบทุกคนเป็นข้าราชการประจำและข้าราชการการเมืองที่จงรักภักดีและเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น การกล่าวหาว่า ข้าราชการทั้งการเมือง และประจำที่รับผิดชอบเหล่านี้ ปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการกับเว็บหมิ่น จึงไม่เป็นความจริง และคงไม่มีใครผู้ใดสามารถบงการข้าราชการทุกคน ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้อย่างแน่นอน ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ยิง 6 ศพปัตตานี: 'พฤติการณ์' ชวนสงสัยในสายตา 'ผู้สังเกตการณ์' Posted: 07 May 2013 09:02 AM PDT
- 1 - มันเป็นช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 ของวันที่ 30 เมษายน 2556 ที่เราถึงไปยังปัตตานี อากาศในวันนั้น แม้หลบอยู่ในร่มเงา ยังรู้สึกร้อนอ้าวราวมีไฟกองใหญ่สุมอยู่ใต้แผ่นดิน แต่การเคลื่อนไหวของสังคมปัตตานี ตรงข้ามกับสภาพอากาศและสถานการณ์ ชีวิตประจำวันของชาวบ้านดูดำเนินไปเป็นปกติดี ห้วงวันที่ 27-28 เมษายน 2556 ไม่มีรายงานเหตุร้ายรุนแรงในปัตตานี ครบรอบ 9 ปีเหตุการณ์กรือเซะ บรรยากาศทั่วไปไม่น่ากังวลใจอย่างที่คิด ขนาดวันที่ 27 เมษายน ก่อนถึงวันครบรอบเหตุการณ์กรือเซะ 1 วัน เวลาประมาณ 4 ทุ่ม จากดอนยางเข้าเมืองปัตตานีเราขับรถผ่านด่านทางเข้าตัวเมืองปัตตานี หน้าโรงงานปัตตานี คอนกรีต โดยไม่ต้องชะลอความเร็ว ลงกระจกรถ และแสดงบัตรประชาชน เพราะที่ด่านมีแต่ไฟ ไม่้มีใครอยู่ การไม่มาประจำด่านตรวจของตำรวจ ทำให้เราอุ่นใจว่าคืนนี้คงไม่มีเหตุร้ายใดๆ เจ้าหน้าที่จึงได้กลับไปพักผ่อน - 2 - ย้อนไปในเช้าวันที่ 28 เมษายน 2556 คลิปวีดีโอของแกนนำขบวนการ BRN ในยูทูป เป็นปฏิกิริยาช่วยเร่งอุณหภูมิของสภาพอากาศและสถานการณ์ ให้ร้อนขึ้นและดำเนินไปตลอดทั้งวัน การเคลื่อนไหวของสังคมปัตตานีรุ่มๆ อยู่ตั้งแต่เช้ายาวไปจนตะวันตกดิน "เช้ายันเย็นวันนี้เหตุการณ์ทั่วไปยังปกติดีนะ ถึงว่าทำไมตำรวจ ทหารไม่ค่อยตั้งด่านตรวจ" รายงานสถานการณ์ โดยนักสังเกตการณ์นี้ ลอยออกมาพร้อมควันบุหรี่ ตามหลังด้วยเสียงระบายลมหายใจและตลกร้าย "แบบนี้ถือว่าไม่ปกติ เพราะปกติ สถานการณ์มันไม่ปกติ" - 3 - เป็นบ่ายของวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ที่นักสังเกตการณ์เห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปจากปกติ ในเขตเมืองปัตตานี มีทหารพรานชุดดำเด่น วางกำลังตามจุดต่างๆ หลายจุด โดยเฉพาะพื้นที่ทางทิศตะวันออกของเมืองปัตตานี ที่เป็นเขตชุมชนเมือง นักสังเกตการณ์ประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านี้มีแต่ทหารชุดเขียว และตำรวจชุดสีกากี ไม่ค่อยเห็นทหารพรานชุดดำในตัวเมืองปัตตานี เมื่อออกตระเวนไปนอกเมือง เราพบใบปลิวฉบับหนึ่งตัวหนังสือไทยพิมพ์โดยโปรแกรมพิมพ์เอกสารในคอมพิวเตอร์ เนื้อหาโจมตีขบวนการ BRN ว่าเป็นอาชญากรเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่นักรบปลดปล่อย เพิ่มความประหลาดใจให้ผู้สังเกตการณ์ ที่เริ่มปะติดปะต่อปรากฏการณ์ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ 1.เมื่อวานซืน (29 เมษายน 2556) คณะสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางไปพูดคุยสันติภาพกับ BRN ที่มาเลเซีย 2.ถัดมาวันนี้ (1 พฤษภาคม 2556) มีใบปลิวโจมตี BRN คนที่จัดทำมีวัตถุประสงค์อะไร 3.ใครบ้างที่อยู่ตรงข้าม BRN 4.ทหารพรานมาวางกำลังหลายจุดทำไม ในตัวเมืองปัตตานี 5.ทำไมก่อนหน้านี้ ที่เป็นวันครบรอบ 9 ปีกรือเซะ ทำไมไม่มีทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตั้งด่านในเขตเมือง 6.สถานการณ์วันนี้น่าจะไม่ปกติ ถ้ามีเหตุร้ายอาจจะเชื่อมโยงกับประเด็นที่กล่าวข้างบนหรือไม่ - 4 - แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ชาวบ้าน 6 คนถูกยิงเสียชีวิต ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี นักสังเกตการณ์ บอกกับผู้สังเกตการณ์อีกคนหนึ่งว่า เจ้าหน้าที่ห้ามไม่ให้นักข่าวเข้าที่เกิดเหตุ ทั้งที่เก็บศพคนตายออกไปหมดแล้ว ปกติไม่เห็นจะห้าม จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากด่านตรวจ เพียงประมาณ 150 เมตร ส่วนผู้อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า "คนที่มายิงแต่งชุดเหมือนดำเหมือนๆ กับทหารพราน ใส่รองเท้าทหาร มีผ้าพันที่คอสีชมพู ชมพู เหมือนทหารพรานทั่วไป ฉันก็คิดว่าเขาเป็นทหารพราน แต่พอเขายิงคนถึงได้รู้ว่าเป็นโจร" ใช่ ชุดทหารพราน ตามที่เขาเล่าให้ฟัง เราเห็นมาบ้างแล้วเมื่อกลางวัน ทหารพรานมีผ้าพันคอสีดำขลิบฟ้า บางคนมีผ้าพันคอสีดำขลิบชมพู "จริงๆ วันนี้ทหารพรานอยู่กันเยอะ โจรมันยังหาช่องก่อเหตุจนได้ น่าสงสารชาวบ้านที่ตาย เด็กก็ถูกยิงไม่เว้น" - 5 - วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 มีใบปลิวออกมาอีกฉบับ พิมพ์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ภาษาไทย อ้างว่าเป็นนักรบฟาตอนี รบเพื่อ BRN และเป็นผู้ก่อเหตุกราดยิงไทยพุทธ (ความจริงมีมุสลิมด้วย) เพื่อล้างแค้นให้เพื่อนร่วมขบวนการที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงตายระหว่างการปะทะกัน นักสังเกตการณ์มองว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น BRN นับว่าเหิมเกริมและไม่จริงใจกับการพูดคุยสันติภาพ เพราะลงจากโต๊ะเจรจาวันเดียว ข้อเสนอที่รัฐไทยขอให้ยุติโจมตีเป้าหมายที่อ่อนแอก็ถูกปฏิเสธ สวนทางกับท่าทีบนเวทีพูดคุยที่บอกว่าจะรับไปพิจารณา และถ้า BRN ทำจริงๆ ก็เท่ากับว่าไม่อยากจะพูดคุยสันติภาพอีกต่อไป ซึ่งสวนทางกับคำบอกเล่าของทีมเจรจาที่ว่า BRN เห็นด้วยที่จะพูดคุยสันติภาพกันต่อไปจนกว่าจะได้ข้อยุติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ปรากฏข่าวว่า BRN ขอยุติการพูดคุย เพื่อจับอาวุธสู้รบต่อ แต่มองอีกมุมถ้า BRN ไม่ได้ทำทั้งใบปลิว และกราดยิงชาวบ้าน แล้วใครทำ? ฆาตกรในชุดคล้ายทหารพรานคืนนั้นเป็นคนของใคร แต่ตลอดทั้งวันนี้ (2 พ.ค.) กลับไม่มีทหารพรานแล้วในเขตเมืองปัตตานี - 6 - วันที่ 3 พฤษภาคม 2556 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีกลาโหม บินด่วนมาที่ยะลา นักข่าวนักสังเกตการณ์คิดว่าคงจะมาเพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย เพราะมีเด็กกับคนพิการถูกยิงตายด้วย แต่คาดการณ์ผิดหมด สนามหญ้าหน้ากองอำนวยการ ค่ายสิรินธร มีหน่วยทหารพรานมาตั้งแถวรอรับรัฐมนตรีกลาโหมพร้อมหน้าพร้อมตา รัฐมนตรีกลาโหม มาเพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังทหารพราน นักสังเกตการณ์บอกกับผู้สังเกตการณ์ว่า นับเป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีกลาโหม เดินทางมาพบทหารพรานโดยเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ และรัฐมนตรีกลาโหม หงุดหงิด ที่นักข่าวถามว่ารู้ตัวคนที่ทำใบปลิวหรือยัง? ทั้งที่คำถามนี้น่าจะตอบง่ายกว่าออกปากด่าทอสื่อมวลชน ในวันเสรีภาพสื่อมวลชน พอดี - 7 - ขณะที่ผลการตรวจสอบปลอกกระสุนของอาวุธปืน HK 33 ที่ใช้ก่อเหตุกราดยิงชาวบ้านไทยพุทธและมุสลิมเสียชีวิต 6 ศพ พบว่าเคยใช้ก่อเหตุมาแล้ว 19 คดี นับตั้งแต่ปี 2550 ได้ยิงทั้งประชาชน ตำรวจ ทหาร เช่น- ยิง ด.ต.มะรอซี สุหรง ที่ อ.เมืองปัตตานี เมื่อ 31 ส.ค.51 - ยิง จ.ส.อ.สุรชัย ก้าวประเสริฐ ภายในปั๊มเอสโซ่ เมืองปัตตานี เมื่อ 21 มี.ค. 52 ยิงนายยะโก๊ป หร่ายมณี โต๊ะอิหม่ามมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เมื่อ 11 ต.ค.53 - ยิง ทหารร้อย ร 1523 ถนนเลียบสะพานตะลุโบะ เมื่อ 4 ม.ค.2556 ส่วนปืนอีกกระบอกคือ AK102 หรืออาก้าร์เคยก่อเหตุมา 1 คดี คือ ยิงหม้อแปลงไฟฟ้า ต.ตาแกะ อ.ยะหริ่ง ปัตตานี เมื่อ 23 ก.พ.56 - 8 - ถึงแม้ว่าอาวุธปืนทั้ง 2 ชนิด จะมีใช้เฉพาะแต่ในหน่วยทหารพราน กับ กลุ่มก่อความไม่สงบ ก็ตาม ยังไม่อาจชี้ชัดว่าเหตุร้ายในครั้งนี้เป็นฝีมือของใคร สรุปได้แต่เพียงว่าผู้ก่อเหตุใส่ชุดคล้ายหรือเหมือนทหารพราน เท่านั้น
ที่มา: ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ deepsouthwatch ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
คดี 'อานดี้ ฮอลล์' เลื่อนอีก นัดใหม่ 8 ก.ค. Posted: 07 May 2013 05:46 AM PDT (7 พ.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีที่ บริษัท เนเชอรัล ฟรุต จำกัด บริษัทผลิตสับปะรดกระป๋องเป็นโจทก์ฟ้อง นายอานดี้ ฮอลล์ นักสิทธิมนุษยชนด้านแรงงานข้ามชาติ ฐานหมิ่นประมาททางอาญา ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง หลังอานดี้ ฮอลล์ เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนแรงงานข้ามชาติในกิจการผลิตสับปะรดกระป๋องและน้ำสับปะรดในประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 15-21 ม.ค. 56 โดยการเรียกค่าเสียหาย 300 ล้านบาท ซึ่งมีการนัดพิจารณาในวันนี้ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ปรากฏว่า สมศักดิ์ โตรักษา ทนายโจทก์ไม่มาศาล โดยส่งตัวแทนขอเลื่อนนัดเป็น 8 ก.ค.56 ซึ่งศาลอนุญาต ด้าน อานดี้ ฮอลล์ จำเลย ไม่ได้มาศาลเช่นกัน ก่อนหน้านี้ องค์กร เบอร์มา แคมเปญ ยูเค ได้เรียกร้องให้ร่วมสนับสนุน นายอานดี้ ฮอลล์ นักวิจัยแรงงานข้ามชาติที่ปกป้องสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย โดยระบุว่าการที่บริษัท เนเชอรัลฟรุต จำกัด ฟ้องร้อง อานดี้ ฮอลล์ เป็นทำลายเสรีภาพการเเสดงออกและคุกคามการทำงานเพื่อปรับปรุงสิทธิแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ซึ่งมีประมาณ 2-3 ล้านคน แรงงานข้ามชาติในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากประเทศพม่า ลาวและกัมพูชา เชื่อว่าผู้ย้ายถิ่น ราวร้อยละ 80 ทั้งหมดในประเทศไทยมาจากประเทศพม่า มาร์ค ฟาร์มาเนอร์ ผู้อำนวยการ เบอร์มา แคมเปญ ยูเค กล่าวว่า "บริษัท เนเชอรัลฟรุต จำกัด ต้องถอนฟ้องอานดี้ ฮอลล์" "แทนที่ บริษัท เนเชอรัล ฟรุต จำกัด จะฟ้องร้อง อานดี้ ฮอลล์ รัฐบาลไทยควรจะดำเนินคดีเเละฟ้องบริษัท เนเชอรัล ฟรุตในข้อหาละเมิดกฎหมาย ถ้าบริษัท เนเชอรัล ฟรุตไม่ถอนฟ้องคดีที่ไม่สมเหตุผลนี้จะทำเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทมากขึ้น วิธีการแก้ปัญหาคือ บริษัท เนเชอรัล ฟรุต ต้องปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่ทำลายผู้ส่งสาร" ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
คนเสื้อแดงอุดรฯ พบอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ ทวงเงินเยียวยา - คาดได้เงิน พ.ค.นี้ Posted: 07 May 2013 05:26 AM PDT
(7 พ.ค.56) ปฐมาวดี วินิจจามร หรือ ดีเจรัตน์ ดีเจวิทยุชุมชน 101.75 เปิดเผยว่า วันนี้ คนเสื้อแดงจำนวน 13 คน ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีวางเพลิงเผาสถานที่ราชการจังหวัดอุดรฯ และถูกขังนาน 1 ปี 3 เดือน และต่อมาศาลจังหวัดอุดรธานีได้ยกฟ้องในที่สุด เดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อทวงถามถึงเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม ปฐมาวดี กล่าวถึงข่าวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ซึ่ง พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ให้ข่าวกับสื่อว่า ได้ขอชะลอเรื่องที่เสนอขอรับค่าเยียวยา ในส่วนผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกแต่ขังเกินกำหนดโทษจริงจำนวน 13 รายในพื้นที่อุดรธานีไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการพิจารณาว่า ที่ผ่านมา พวกตนได้ยื่นเอกสารไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและกรมฯ ก็ทำหนังสือแจ้งว่าได้รับเอกสารแล้ว หากเป็นเรื่องเอกสารไม่ครบก็ควรแจ้งมา ทั้งนี้ คดีของพวกตน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงสุดภาค 4 ก็แจ้งว่าไม่อุทธรณ์คดีถึงที่สุดแล้ว อยากถามว่ายังมีเงื่อนไขอะไรอีกที่ไม่ยอมจ่ายเงินเยียวยา ปฐมาวดี กล่าวว่า ที่ผ่านมา สังคมเข้าใจผิดว่าเราได้รับการเยียวยาแล้ว บอกเผาแล้วยังได้ตบรางวัล บ้างก็ว่าถูกหวย เราเจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งที่ก็ต่อสู้อย่างประชาชนคนหนึ่งและไม่เคยคิดว่าจะได้อะไรตอบแทน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 นั้น ตนเองนั้นเพียงแค่ขึ้นปราศรัยหน้าศาลากลางเพียงสิบนาที ก็ถูกตั้งข้อหาวางเพลิง ทั้งยังถูกจับขังเดี่ยวถึง 12 วัน ก่อนจะคุมขังอีกร่วมปี ธุรกิจที่เคยทำก็เสียหาย ที่ผ่านมาก็เงียบมาตลอด แต่เมื่อมีข่าวว่ามีการอนุมัติเงินเยียวยาแล้ว ก็อยากจะถามว่าตอนนี้เงินนั้นอยู่ที่ใคร ต่อมาในช่วงบ่าย ปฐมาวดี กล่าวว่า ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งได้รับการแจ้งว่า ขาดเพียงหนังสือรับรองการสิ้นสุดคดีเท่านั้น พวกตนจึงจะเดินทางกลับไปคัดหนังสือดังกล่าวจากศาลอุดร และส่งแฟกซ์มาที่กรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ อธิบดีฯ รับว่าภายในวันที่ 21 พ.ค. จะนำเรื่องเข้าอนุกรรมการเพื่ออนุมัติเงินเยียวยา จากนั้นในวันที่ 31 พ.ค. คาดว่าจะนำเช็คไปจ่ายให้ที่อุดรฯ ทั้งนี้ ปฐมาวดี ระบุด้วยว่า กังวลเหมือนกันว่าหากกลับไปแล้วจะเงียบไปอีก เพราะเรื่องที่เอกสารไม่ครบนั้นก็ไม่เคยมีการแจ้งพวกตนแต่อย่างใด ต้องมาติดตามเรื่องเองที่กรุงเทพฯ ก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
อนึ่ง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2554 ศาลจังหวัดอุดรธานีอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี ยื่นฟ้องผู้ต้องหากลุ่มคนเสื้อแดง เป็นจำเลย 22 คน ฐานความผิด ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บุกรุกสถานที่ราชการ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน เป็นผู้โฆษณาให้ผู้อื่นกระทำผิด และวางเพลิงเผาอาคารที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี อาคารเทศบาลนครอุดรธานี และศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 มีจำเลยทั้งสิ้น 22 คน โดยศาลตัดสินจำคุกจำเลยรวม 9 คน ในความผิดข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ 5 คน ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ 4 คน ส่วนจำเลยที่เหลือ 13 คน ศาลตัดสินให้มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมั่วสุม แต่ยกฟ้องข้อหาบุกรุก เผาสถานที่ราชการ ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 13 คนถูกขังมาแล้ว 1 ปี 3 เดือน รายละเอียดจำเลยที่ศาลยกฟ้องมีดังนี้ จำเลยที่ 1 นายวิทยา ชาวเวียง และจำเลยที่ 2 นางปฐมาวดี วินิจจามร มีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมั่วสุมเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำคุก 1 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ยกฟ้องข้อหาเป็นผู้โฆษณาให้ผู้อื่นกระทำผิด บุกรุก วางเพลิงทำให้เสียทรัพย์ ศาลากลางทรัพย์สินรถยนต์ที่จอดในศาลากลาง และจำเลยที่ 5 นายธนพล มาดีประเสริฐ มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มั่วสุม จำคุก 1 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ยกฟ้องข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ศาลากลาง วางเพลิงศาลากลางหลังเก่าหลังใหม่ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ยกฟ้องข้อหาร่วมกันพยายามวางเพลิงจวนผู้ว่าฯ ที่ว่าการอำเภอ จำเลยที่ 9-19 ได้แก่ นายสมศรี ไกลพล นายอุดร หลาบยองศรี นายแสงทอง ประจำเมือง นายสมจิตร อารีย์ นายคำพอง ทัดศรี นายเหมือนทอง สมบุญมี นายมงคล ชมคุณ นางแสงเดือน สุภาพล นางรัศมี ทองสีดำ นางปาริชาติ จวงจันทร์ มีความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมั่วสุม จำคุก 1 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ยกฟ้องข้อหาบุกรุกและพยายามวางเพลิงจวนผู้ว่าและที่ว่าการอำเภอ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
‘พีมูฟ’ ปฏิบัติการยื่นปัญหารายคน - ผลเจรจา ‘เฉลิม’ รับ 4 ประเด็นเข้า ครม. Posted: 07 May 2013 05:13 AM PDT 'เฉลิม' เปิดโต๊ะเจรจาตัวแทนพีมูฟ รับปากเอาประเด็น 'โฉนดชุมชน-ธนาคารที่ดิน-บ้านมั่นคง-เขื่อนปากมูล' เข้า ครม. 14 พ.ค.นี้ ด้านชาวบ้านปฏิบัติการดาวกระจาย ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เป็นรายบุคคล ภาพโดย: สดใส สร่างโศรก วันนี้ (7 พ.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ Pmove (พีมูฟ) ในการชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ว่า ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 07.00 น.ผู้ชุมนุมได้กระจายตัวกันเป็นเครือข่ายกรณีปัญหาและเดินขบวนเข้าไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามประเด็นปัญหาที่ประสบ ที่หน้าประตูต่างๆ เหลือเพียงแต่ประตูทางเข้าออกด้านสะพานอรทัย ผู้ชุมนุมให้เหตุผลว่า เนื่องจากที่ผ่านมาความเดือดร้อนของชาวบ้านไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม แม้ว่าจะเคยมีการยื่นเรื่องในนามเครือข่ายมาหลายครั้งแล้วก็ตาม จึงแบ่งกำลังคนในการเข้ายื่นหนังสือฯ ตามประเด็นปัญหาเพื่อให้เรื่องความเดือดร้อนถูกส่งถึงนายกรัฐมนตรีและทางรัฐบาล อีกทั้งประหยัดเวลาในการรับเรื่องและไม่ขัดขวางต่อการจราจร ภาพโดย: ฮาริ บัณฑิตา ประตู 5 กลุ่มผู้เดือดร้อนคือสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต ) เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด (คปบ.) เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล เกษตรพันธะสัญา แจงจุดประสงค์ในการมาทำเนียบรัฐบาลก็เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้ชวยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกรณีปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ผลกระทบจากการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลหนี้สินและความไม่เป็นธรรมจากระบบเกษตรพันธะสัญญา ประตู 1 ชาวบ้านสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูล ที่มาเข้าร่วมชุมนุมกับ Pmove ได้เดินจากประตู 5 ไปยังประตู 1 บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องรายบุคคล ให้คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล ตามมติของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส.ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงนั่งเป็นประธาน เมื่อวันที่ 22 ก.พ.56 ที่ผ่านมา เพราะจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามที่มีมติไว้ อีกทั้ง มีเป้าหมายให้มีการเปิดเขื่อนปากมูลถาวร เพราะกว่า 24 ปีที่ผ่านงานวิจัยหลายชิ้นและข้อเท็จจริงก็ได้ปรากฏให้เห็นชัดว่าการมีเขื่อนปากมูลส่งผลด้านลบมากกว่าสร้างประโยชน์ ภาพโดย: สดใส สร่างโศรก ประตู 6 เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) เครือข่ายสิทธิสถานะบุคคล เรียกร้องให้นายกฯ ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องความมั่นคงในที่ดิน ที่อยู่อาศัย ขาดสาธารณูปโภค เเละถูกเลือกปฏิบัติ ส่วนเครือข่ายชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ มาเพื่อยื่นร้องเรียนเพื่อให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาจากการทำเหมืองแร่ การระเบิด เสียงดัง สารพิษทำลายสุขภาพ บรรยากาศตึงเครียด เนื่องจากเวลา 9.00 น. ตำรวจนายหนึ่งได้อนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าไปแลกบัตร แต่กลับไม่มีผู้ใดมารับเรื่องที่หน้าประตู เมื่อหมดความอดทนชาวบ้านจึงพังประตูรั้วเข้าไป ประกาศให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปประสานงาน จึงทำให้มีเจ้าหน้าที่ออกมารับเรื่องร้องทุกข์ในทันที ต่อมา เมื่อเวลา 10.24 น. หน้าประตู 6 มีเจ้าหน้าที่ออกมารับเรื่องร้องเรียน ประตู 4 เครือข่ายสลัม 4 ภาค และสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เรียกร้องในเรื่องของที่ดินและที่อยู่อาศัยให้เป็นธรรมกับประชาชน เช่น เรื่องโฉนดชุมชน ของ สกน. จังหวัดน่าน เรื่องติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาความคืบหน้าการแก้ปัญหากรณีที่อยู่อาศัยและสินเชื่อของคนจนเมือง ผู้ชุมนุมรอ นายสมภาส นิลพันธ์ ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกฯ ซึ่งได้ออกมาพูดคุยกับผู้ชุมนุมในช่วงเช้าให้ออกมารับจดหมายร้องทุกข์ จนผ่านไป 3 ชั่วโมง นายสมภาสยังไม่ปรากฏตัว ความเฉยเมยดังกล่าวทำให้มีผู้ชุมนุมไม่พอใจพยายามเข้าไปเขย่ารั้วประตูจนได้รับบาดเจ็บ รั้วประตูบาดนิ้วหัวแม่โป้งขาดต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกฯ ได้เดินทางมาเจรจาในบริเวณ ประตู 4 โดยระบุว่าให้ผู้ชุมนุมรวบรวมเรื่องและส่งให้ตนทีเดียวเพราะไม่สามารถให้ทุกคนเข้าไปภายในได้ แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอม และเสนอว่าจะเข้าเป็นชุด ชุดละ 10 คน แต่นายสุภรณ์ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ และยื่นข้อเสนอใหม่ว่าตนจะออกไปรับหนังสือด้วยตัวเองจากทุกคน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังไม่ยอม สุดท้ายจึงได้ข้อยุติว่า ให้เจ้าหน้าที่นำโต๊ะมาตั้งรับเรื่องที่ด้านนอกประตู 4 จากนั้นในเวลา 10.50 น. แกนนำพีมูฟได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 20 แสดงท่าทีในการชุมนุม ที่ประตู 4 หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเปิดประชุมเพื่อพิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ และเป็นประธานการประชุมด้วยตนเอง ตามคำมั่นเมื่อวันที่ 2 ต.ค.255 เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงเป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งต้องการแก้ไขปัญหาของประชาชน แต่กลับถูกรัฐบาลเองแช่แข็งมาเกือบ 2 ปีแล้วโดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีรายละเอียด ดังนี้ ต่อมา เวลา 13.20 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าเจรจากับตัวแทนพีมูฟ โดยผลการประชุมในครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้รับปากจะนำประเด็นปัญหา 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การคุ้มครองพื้นที่โฉนดชุมชน 2.โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน 3.เรื่องการอนุญาตก่อสร้างบ้านมั่นคง 4.การตั้งคณะกรรมการการแก้ปัญหาชาวบ้านปากมูล เข้า ครม.ในวันอังคารที่ 14 พ.ค.นี้ ส่วนกรณีอื่นๆ จะทำการนัดวันเพื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาของพีมูฟที่มี ร.ต.อ.เฉลิมเป็นประธานต่อไป ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของพีมูฟแบ่งออกเป็น 7 กลุ่มปัญหา คือ 1.ปัญหานโยบายที่ไม่สำเร็จลุล่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายโฉนดชุมชน 2.ปัญหาคดีความคนจนที่ทั้งหมดอยู่ในกระบวนการพิจารณาแก้ไขปัญหาและเยียวยาจากรัฐบาล แต่กลับมีการเดินเนินคดีอย่างต่อเนื่อง 3.ปัญหาที่ดินชุมชนทับซ้อนกับที่ดินรัฐ 4.ปัญหาที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค 5.ปัญหาผลกระทบจากเหมืองแร่ โรงไฟฟ้าและโรงโม่หิน 6.ปัญหาสัญชาติและชาติพันธุ์ และ 7.ปัญหาผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ร้านซ่อมเสื้อผ้าตลาดเบตงคึกคักรับเปิดเทอมใหม่ Posted: 07 May 2013 03:19 AM PDT ร้านซ่อมเสื้อผ้าที่ตลาดเทศบาลเบตงคึกคัก เนื่องจากผู้ปกครองนิยมนำชุด นร.เก่ามาซ่อมแซม แทนการซื้อใหม่ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานบรรยากาศช่วงใกล้เปิดเทอมใหม่ที่ตลาดเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลาว่า ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าและร้านซ่อมเสื้อผ้ามือสองที่ตั้งอยู่ริมถนนที่มีจำนวนหลายสิบร้าน มีผู้นำชุดนักเรียนเก่ามาใช้บริการซ่อมแซมกันอย่างคึกคักไม่แพ้ร้านจำหน่ายชุดนักเรียนใหม่ สาเหตเนื่องจากว่า ผู้ปกครองของนักเรียนจำนวนมากเลือกที่จะนำชุดนักเรียนเก่าของลูกหลานมาซ่อมแซม เพราะต้องการนำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆ และต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายเนื่องจากปัจจุบันค่าครองชีพมีราคาแพง ขณะที่นางฮามีด๊ะ ช่างซ่อมเสื้อผ้าในตลาดเทศบาลเมืองเบตงกล่าวว่า ช่วงนี้มีผู้ปกครองนำชุดนักเรียนมาให้แก้ไขเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่ต้องการซื้อใหม่เพราะมีราคาแพง และมีผู้ปกครองนำเสื้อผ้ามาให้แก้ไขนับสิบรายในแต่ละวัน ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
กสท.กำหนดราคาประมูลทีวีดิจิตอลแล้ว Posted: 07 May 2013 02:57 AM PDT วันนี้ ที่ประชุม กสท.มีมติกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำทีวีดิจิตอลช่องธุรกิจ 24 ช่อง รวมมูลค่า 15,190 ล้านบาท ช่อง HD แพงสุด 7 พ.ค.56 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสท.พิจารณามูลค่าประมูลคลื่นความถี่สำหรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นในระบบดิจิตอล (ทีวีดิจิตอล) โดยใช้การศึกษาของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กสท.มีมติเห็นชอบให้กำหนดราคาประมูลขั้นต่ำคลื่นความถี่สำหรับโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ราคาประมูลขั้นต่ำสำหรับ 24 ช่องธุรกิจ มูลค่า 15,190 ล้านบาท แบ่งเป็นช่อง HD รายการทั่วไป 1,510 ล้านบาท (7 ช่อง), ช่อง SD รายการทั่วไป 380 ล้านบาท (7 ช่อง), ช่อง SD ข่าวสารและสาระ 220 ล้านบาท (7 ช่อง) และ SD รายการเด็ก 140 ล้านบาท ( 3 ช่อง) โดยหลังจากนี้ กสท.จะนำข้อสรุปดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม กสทช. ก่อนจะเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อไป และคาดว่าจะสามารถประกาศประมูลคลื่นความถี่ได้ภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ ที่มา : สำนักข่าวไทย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่าง กม.เก็บภาษีขายของออนไลน์ Posted: 07 May 2013 02:17 AM PDT (7 พ.ค.56) สำนักข่าวไทย รายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาลงมติผ่านร่างกฎหมายเก็บภาษีจากสินค้าและบริการทางออนไลน์ด้วยคะแนน 69 ต่อ 27 เสียงในวันจันทร์ที่ผ่านมา และส่งมาพิจารณายังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งสมาชิกสภาบางส่วนคัดค้านเนื่องจากมองว่าเป็นการขึ้นภาษี ร่างกฎหมายดังกล่าวระบุให้รัฐสามารถเรียกเก็บภาษีสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้เกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ต ทั้งการจำหน่ายตามรายการสินค้า หรือผ่านโฆษณาทางวิทยุและโทรทัศน์ ตามร่างกฎหมายดังกล่าวระบุว่ารายได้จากภาษีขายจะนำส่งแต่ละรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของผู้ขายสินค้าและบริการ ซึ่งตามกฎหมายปัจจุบันการจำหน่ายสินค้าและบริการทางออนไลน์ส่วนใหญ่มักปลอดภาษี ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
รู้จักแธตเชอร์ รู้จักเสรีนิยมใหม่ ผ่านมุม พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์–วิโรจน์ อาลี Posted: 07 May 2013 12:34 AM PDT
ปลายเดือนเดียวกันนั้น The Reading room จัดเสวนา Thatcher Is Dead! Long Live Thatcherism! ทำความเข้าใจอิทธิพลและมรดกของอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษในทศวรรษ 1970-1980 คนนี้ โดยร่วมสนทนากับ อ.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อ.วิโรจน์ อาลี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ผ่านนโยบายต่างๆ ของแธตเชอร์ โดยเฉพาะเรื่องการกำเนิดและล่มสลายของระบบรัฐสวัสดิการซึ่งเกิดที่อังกฤษเป็นที่แรก |
ฝ่ายกบฏซีเรียปฏิเสธเรื่องใช้อาวุธเคมีหลังถูกกล่าวหาโดยคณะสืบสวนยูเอ็น Posted: 06 May 2013 11:13 PM PDT คณะสืบสวนด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเผยหลังการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีการใช้แก็สซารีนจากฝ่ายกบฏอย่างค่อนข้างแน่ชัด แต่ฝ่ายกบฏในซีเรียปฏิเสธข้อกล่าวหาบอกว่าไม่เป็นธรรมและเป็นการท้าทายประชาชนชาวซีเรีย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2013 กองกำลังกบฏปลดปล่อยซีเรีย (FSA) ปฏิเสธข้อกล่าวหาของคณะสืบสวนของสหประชาชาติที่บอกว่ากองกำลังฝ่ายกบฏเป็นฝ่ายที่ใช้อาวุธเคมี คาร์ตา เดล พอนเต หัวหน้าคณะสืบสวนด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติกล่าวเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า จากการไต่สวนของคณะกรรมการ รวมถึงการรวบรวมหลักฐานจากผู้เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองและจากหน่วยแพทย์ชี้ให้เห็นว่ากองกำลังฝ่ายกบฏเป็นผู้ใช้แก็สซาริน ที่มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาท ทางด้านเสนาธิการกองกำลังฝ่ายกบฏ ซาลีม เอดริส กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัลจาซีร่าต่อเรื่องดังกล่าวว่า การกล่าวหาของทางสหประชาชาติเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมอย่างมาก และเป็นการท้าทายประชาชนชาวซีเรีย เดล พอนเต กล่าวอีกว่า จากการไต่สวนพวกเขายังไม่พบหลักฐานว่ารัฐบาลซีเรียเป็นผู้ใช้อาวุธเคมี ซึ่งเป็นอาวุธที่ถูกสั่งห้ามตามกฏนานาชาติ "คณะสืบสวนของพวกเราลงพื้นที่ไปยังประเทศใกล้เคียง มีการสัมภาษณ์เหยื่อ, แพทย์ กับหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่ และจากข้อมูลรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องวิธีการรักษาเหยื่อ ก็พบว่ามีข้อน่าสงสัยอย่างมากซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามีการใช้แก็สซารีน แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่โต้แย้งได้" เดล พอนเต กล่าวให้สัมภาษณ์ "อาวุธดังกล่าวถูกใช้จากฝ่ายของกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาล ไม่ได้มาจากฝั่งรัฐบาล" เดล พอนเตกล่าว สำนักข่าวอัลจาซีร่าเปิดเผยว่า คาร์ตา เดล พอนเต เป็นอดีตอัยการสูงสุดของสวิสเซอแลนด์ เคยทำงานเป็นพนักงานอัยการในศาลปกครองระหว่างประเทศของอดีตยูโกสลาเวีย (ICTY) โดยเดล พอนเต ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีอาวุธเคมีในซีเรีย ทางด้านกลุ่ม SNC ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียอีกกลุ่มหนึ่งที่มีฐานที่มั่นอยู่ในตุรกีบอกว่าพวกเขาจะจัดให้มีการประชุมอภิปรายเรื่องการใช้อาวุธเคมีในวันอังคารที่อิสตันบูลโดยมีทนายความและแพทย์ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมอภิปราย รวมถึง อัดนัน ซิลโล อดีตทหารซีเรียผู้เคยทำงานอยู่ในหน่วยสงครามเคมี คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติพยายามเข้าไปในประเทศซีเรีย 2 ปีมาแล้วแต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ พวกเขามักจะใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยในการประกอบรายงาน ทางยูเอ็นยังได้ฟ้องร้องทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลโทษฐานอาชญากรรมสงคราม ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐฯ ก็เคยประกาศว่าการใช้อาวุธเคมีในซีเรียถือเป็นการ 'ล้ำเส้น' แต่ก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ จากสหรัฐฯ ซารินเป็นสารที่มีพิศต่อระบบประสาทคิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์นาซีในช่วงปี 1930s ในญี่ปุ่นเคยมีเหตุการณ์ที่กลุ่มลัทธินำมาใช้สังหารผู้คนสองครั้งในช่วงปี 1990s ในช่วงปี 1988 ก็มีการนำมาใช้สังหารชาวเคิร์ดในหมู่บ้านฮาลาบยาทางตอนเหนือของประเทศอิรัก
Syria rebels reject UN chemical weapons claim, Aljazeera, 06-05-2013
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น