ประชาไท | Prachatai3.info |
- พล.อ.เปรม อยากให้คนในชาติกลับมารักกันเหมือนเดิม
- 'ทวิตเตอร์' ใช้มาตรการบล็อคเฉพาะประเทศ เซ็นเซอร์ทวีต 'นีโอนาซี' ในเยอรมนี
- กระทรวงการคลังทำหนังสือ 'ด่วนที่สุด!' ถึง กสทช. ชี้ประมูล 3G ส่อฮั้ว
- มติบอร์ด กทค.รับรองประมูล 3G ด้วยเสียง 4-1
- Avaaz เผยชาวซีเรียอย่างน้อย 28,000 คนถูกรัฐบาลลักพาตัว
- สป. เสนอ ครม. เร่ง '2 เป้าหมาย 7 ยุทธศาสตร์' พัฒนาขนส่งทางอากาศสุวรรณภูมิ
- คำนำผู้เขียน: โลกใหม่ ทุนนิยมใหม่?
- การเสริมสร้างความเข้มแข็งภาษามลายูชายแดนใต้สู่ประชาคมอาเซียน
- จี้สภาสร้างรัฐสวัสดิการ เรียนฟรี หยุด ม.นอกระบบ เก็บภาษีก้าวหน้า
- 10 ปีศึกสิทธิบัตรยา ชำแหละปัญหาสิทธิบัตรไม่มีวันตาย-การต่อสู้ไม่มีวันจบ
พล.อ.เปรม อยากให้คนในชาติกลับมารักกันเหมือนเดิม Posted: 18 Oct 2012 02:44 PM PDT ประธานองคมนตรีวอนผู้ที่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายเป็นเสื้อสีต่างๆ นั้น ขอให้ทุกคนเอาชาติเป็นที่ตั้ง หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายงานว่า ในระหว่างที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นประธานเปิดโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" รุ่นที่ 18 ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ พล.อ.เปรม ได้ให้โอวาทต่อเยาวชนภาคใต้ จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งกล่าววว่า อยากให้คนในชาติมารักกันเหมือนเดิม ส่วนที่มีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นเสื้อสีต่างๆ นั้นก็ให้ทุกคนเอาชาติเป็นที่ตั้ง โดยการจัดโครงการเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีนั้น ตนมองว่ามีการดำเนินการกันทั่วประเทศ เพียงแต่เราอาจจะรู้บ้างไม่รู้บ้างซึ่งเรื่องความรักชาติเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกภาคส่วนตั้งใจทำอยู่ ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่าในพิธีดังกล่าว มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผบ.สส. พร้อมนายทหารระดับสูง และภาคเอกชนเข้าร่วมด้วย ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
'ทวิตเตอร์' ใช้มาตรการบล็อคเฉพาะประเทศ เซ็นเซอร์ทวีต 'นีโอนาซี' ในเยอรมนี Posted: 18 Oct 2012 01:15 PM PDT (18 ต.ค.55) ทวิตเตอร์ เว็บโซเชียลมีเดียชื่อดัง บล็อคข้อความของกลุ่มนีโอนาซี ไม่ให้ประชาชนในเยอรมนีเข้าถึง ตามการร้องขอของรัฐบาลเยอรมัน โดยนับเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์เซ็นเซอร์เนื้อหาเฉพาะในประเทศ ตามนโยบายที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
"ทวิตเตอร์เป็นบริษัทเอกชน และแม้ว่าจะมีประวัติที่น่านับถือในเรื่องเสรีภาพในการพูด แต่ก็คงไม่สามารถหวังว่าจะผ่านไปได้ทุกปัญหา ยิ่งกว่านั้น เยอรมนียังเป็นตลาดที่ใหญ่และมั่งคั่ง" Pádraig Reidy จาก Index on Censorship องค์กรรณรงค์ด้านเสรีภาพในการแสดงออก กล่าว เขากล่าวด้วยว่า ทวิตเตอร์ปฏิบัติตามกฎหมายและเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ปัญหาอยู่ที่กฎหมายเยอรมันเอง การแบนความเห็นขวาจัดและลัทธิแก้ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากนาซี เป็นเรื่องผิดสมัยสำหรับประชาธิปไตยเสรีนิยมใหม่ และกฎหมายเหล่านี้จะชี้และเยาะเย้ยความพยายามของสหภาพยุโรปในการพร่ำสอนชาวโลกเรื่องเสรีภาพในการพูด กลุ่ม Besseres Hannover ถูกแบนโดยรัฐบาลแห่งรัฐโลว์เออร์แซกโซนี (Lower Saxony) เมื่อเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวสนับสนุนอุดมการณ์นาซี ซึ่งถือเป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยเยอรมัน ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ประกาศเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (พฤ.) ว่า ในเยอรมนี จะมองไม่เห็นบัญชีผู้ใช้ดังกล่าว ขณะที่ที่อื่นๆ ในโลกนั้นเห็น Alex Macgillivray ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัททวิตเตอร์ ทวีตว่า "ไม่เคยต้องการจะระงับเนื้อหา ยังดีที่มีเครื่องมือในการทำในลักษะที่แคบลงและโปร่งใส" จากนั้น เขาทวีตต่อด้วยว่า ทวิตเตอร์ได้ประกาศมาตรการระงับการเข้าถึงเนื้อหาเมื่อเดือนมกราคม และกำลังใช้มันตอนนี้เป็นครั้งแรกกับกลุ่มซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายในเยอรมนี ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ระบุผ่านเว็บด้วยว่า หากมีการร้องขอที่ถูกต้องและอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมจากหน่วยงานที่มีอำนาจ ทวิตเตอร์ก็อาจจำเป็นต้องระงับการเข้าถึงเนื้อหาในบางประเทศเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบเปิดและเสรี จะส่งผลกระทบระดับโลกในเชิงบวก และย้ำว่าข้อความในทวิตเตอร์จะต้องไม่ถูกปิดกั้น (..."the Tweets must continue to flow.")
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
กระทรวงการคลังทำหนังสือ 'ด่วนที่สุด!' ถึง กสทช. ชี้ประมูล 3G ส่อฮั้ว Posted: 18 Oct 2012 11:42 AM PDT
เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า วันเดียวกัน คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ส่งหนังสือ "ด่วนที่สุด" ที่ กค (กพวอ) 0421.3/42301 ลงวันที่ 18 ต.ค.2555 ถึงประธาน กสทช. โดยระบุว่า การประมูลคลื่นความถี่ 3G เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีการแข่งขันราคากันอย่างแท้จริง รวมถึงอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว ซึ่งจะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้มหาศาล และ กสทช.อาจต้องรับผิดตามกฎหมายดังกล่าว โดยเนื้อหาหนังสือดังกล่าวระบุว่า การดำเนินการจัดประมูลคลื่นความถี่ 3G มีผู้ประมูล 3 ราย โดยมีการเสนอราคาเพิ่มขึ้นน้อยครั้งเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่กำหนดให้มีการประมูล และคลื่นความถี่ที่ประมูลมีจำนวนพอดีกับผู้เสนอราคาที่สามารถจัดสรรได้รายละ 3 สลอต กรณีจึงถือได้ว่าการประมูลดังกล่าวไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับผู้ชนะการประมูลจะได้รับประโยชน์จากการให้บริการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น หากการจัดสรรทรัพยากรคลื่นความถี่กรณีนี้เป็นไปอย่างไม่เหมาะสม หรืออาจมีลักษณะการสมยอมราคาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) จะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล และ กสทช.อาจอยู่ในข่ายต้องรับผิดตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าว ลงนามโดย น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่แทนปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 18 ต.ค.2555
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
มติบอร์ด กทค.รับรองประมูล 3G ด้วยเสียง 4-1 Posted: 18 Oct 2012 11:14 AM PDT มติที่ประชุม กทค. รับรองผลการประมูลใบอนุญาต 3G คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ 4-1 นพ.ประวิทย์ ไม่รับรอง เรียงหน้าตรวจสอบ "สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค"-ประชาชนห้าหมื่นกว่า ยื่นถอด กสทช.ส่อผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว ด้านสุริยะใสชะลอยื่นศาลปกครองไต่สวนเรื่อง 3G - รอฟังคำสั่งคดีก่อน ขณะที่ศาลปกครองไม่รับฟ้อง "สถาบันคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค-พล.ร.อ.ชัย"
กรรมการ กทค. กล่าวต่อว่า การลงมติของบอร์ด กทค.เพื่อรับรองผลการประมูล 3G ครั้งนี้ ถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ส่วนเงินที่ได้จากการจัดประมูลคลื่นความถี่ 3G จะนำส่งเข้ารัฐให้เร็วที่สุด แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไร เพราะต้องรอให้เอกชน 3 ราย ส่งเงินเข้ามาทั้งหมดก่อน โดยคาดการณ์ว่าจากนั้นประมาณ 3 เดือน จะสามารถนำส่งเข้ารัฐได้ อย่างไรก็ตาม หากหักค่าใช้จ่ายในการจัดประมูลประมาณ 20 ล้านกว่าบาท ต่อข้อถามถึงการกำกับดูแลเอกชนนั้น กรรมการ กทค.กล่าวว่า ระยะแรกในการกำกับดูแล ต้องดูว่าผู้ประกอบการมีการแข่งขันกันมากหรือไม่ และต้องดูต้นทุนของผู้ประกอบการด้วย ซึ่งขณะนี้ มีต้นทุนการประกอบกิจการอยู่แล้ว ซึ่ง กสทช. ต้องเอามาดูว่าเป็นธรรมกับผู้บริโภคหรือไม่ โดยคาดว่าหลังจากนี้ 6 เดือน จะสามารถบอกความชัดเจนได้ พร้อมยืนยันว่า การกำกับดูแลต้องถูกลงกว่าเดิม สำหรับการประชุม กทค.ครั้งนี้ ประกอบด้วย 5 ราย ได้แก่ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธาน กทค. พล.อ. สุกิจ ขมะสุนทร กสทช.ด้านการศึกษา วัฒนธรรม และพัฒนาสังคม นายสุทธิพล ทวีชัยการ กสทช.ด้านกฎหมาย นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ ด้านเศรษฐศาสตร์ และ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม โดยการประชุมเริ่มตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. ใช้เวลารวม 4 ชั่วโมง โดยสำนักงาน กสทช. ได้ถ่ายทอดเสียงให้สื่อมวลชนรับฟัง ที่ชั้น 2 อาคารหอประชุม ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ มีการแจ้งว่าจะถ่ายทอดภาพด้วยแต่เกิดขัดข้องทางเทคนิค จึงได้แค่เสียงอย่างเดียว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กำลังถ่ายทอดสดเสียงการประชุมนั้น มีเนื้อหาที่ถกเถียงกันซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้บอร์ด กทค. 2 คน ประกอบด้วย นายประเสริฐ และ พล.อ.สุกิจ วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ทำให้ พ.อ.เศรษฐพงค์ ต้องตัดบทบอกให้ที่ประชุม กทค.ลงมติรับรองผลการประมูล 3G ของ กสทช. ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2555 ผลปรากฏว่า การลงมติรับรองผลการประมูลใบอนุญาต 3G ของ กทค. มีมติบอร์ด 4-1 โดย นพ.ประวิทย์ ไม่รับรองผล และขอดูเอกสารการเคาะราคาการประมูลทั้ง 7 ครั้งก่อน ส่งผลให้ที่ประชุมบอร์ดขอปิดเสียงถ่ายทอดสดเพื่อนำเอกสารมาอธิบายให้ นพ.ประวิทย์ ฟังประมาณ 5 นาที จึงได้เปิดเสียงถ่ายทอดสด และได้สรุปผลการลงมติรับรองการประมูล 3G ของบอร์ด กทค. สำหรับประเด็นที่ นพ.ประวิทย์ ตั้งข้อสังเกตนั้นมีหลายเรื่อง อาทิ เรื่องราคาตั้งต้ที่ต่ำเกินไป และการออกหลักเกณฑ์ประมูลที่ไม่ทำให้เกิดการแข่งขัน รวมถึงการออกประกาศเพื่อทำประชาพิจารณ์ไม่สอดคล้องตามเวลาที่กำหนด
บุญยืน กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังมาก เพราะเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหา กสทช. ในรอบ 44 คน เพื่อส่งต่อให้วุฒิสภาคัดเลือกเหลือ 11 คน ขณะที่เลือกเข้ามาแต่ละคน นับว่ามีประวัติหน้าที่การงานดี และแสดงวิสัยทัศน์ที่ดีมาก ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม แต่เมื่อเข้ามากลับเปลี่ยนไป พร้อมยืนยันว่า สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคจะไม่หยุดตรวจสอบ กสทช.แน่นอน นอกจากนี้ บุญยืนระบุว่า สิ่งที่รับไม่ได้คือ การทำหลักเกณฑ์ก่อนการประมูลจนสามารถเอื้อให้บริษัทที่มีอยู่ในตลาดเพียงแค่ 3 ราย ได้เข้ามาประมูล โดยมองว่า นี่ไม่ได้เรียกว่า การประมูล แต่คือการประเคน มากกว่า กสทช.กำลังเล่นลิเก หรือเล่นจำอวดหน้างานศพให้สังคมดู ด้านรสนา ประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตและธรรมาภิบาลฯ วุฒิสภา กล่าวว่า กรรมาธิการได้รับเรื่องจากสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคไว้ตรวจสอบ เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่ในความรับผิดชอบ ส่วนประเด็นที่ยื่นให้ตรวจสอบนั้น เป็นประเด็นเดียวกันกับที่สังคมเกิดข้อสงสัย โดยเฉพาะทำผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว หรือไม่ ซึ่งหากผลสอบออกมาพบว่าผิดปกติ จะต้องดูว่าจะส่งผลสอบไปให้หน่วยงานใดเอาผิดตามความรับผิดชอบ เหมือนเช่นที่เคยส่งให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาแล้ว
นิคม กล่าวว่า ขณะนี้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว โดยหลังจากนี้จะนำไปตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อที่ยื่นมา จากนั้นจะส่งต่อให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามกระบวนการถอดถอน โดยอาจใช้เวลานานกว่า 2 เดือน นอกจากนี้ ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังมากในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการเลือก กสทช.ชุดนี้ โดยเฉพาะผลการจัดประมูลเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ราคาไม่เกิดการแข่งขันมากถึง 6 ใบ ขณะที่โดยรวมที่ได้เข้ารัฐนับว่าเป็นราคาที่ต่ำมาก
ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีประมูล 3G 2 คดี โดยเหตุที่ศาลไม่รับคำฟ้อง เพราะสมาคมฯ ไม่ใช่ผู้มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินการประมูล ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งโดยตรง จึงไม่มีผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ที่จะโต้แย้งขอให้ศาลเพิกถอนประกาศ กสทช.ดังกล่าว ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องโดยให้เหตุผลว่า เงินที่ได้จากการประมูลหลังหักค่าใช้จ่ายย่อมตกเป็นของแผ่นดิน กสทช.จึงหาได้เป็นเจ้าหนี้ของผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมดังกล่าวแต่อย่างใด และหากมีกรณีที่ กสทช.จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้ผู้ได้รับใบอนุญาตชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้เงินประมูลคลื่นความถี่ หรือหนี้อื่นใด ก็เป็นเพียงการดำเนินการแทนรัฐเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีกรณีที่ กสทช.จะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของผู้ได้รับใบอนุญาตอันเป็นผลเนื่องมาจากการออกประกาศของ กสทช.ตามที่ พล.ร.อ.ชัย กับพวก กล่าวอ้าง ดังนั้น ในกรณีนี้จึงหาได้มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นแก่ประโยชน์สาธารณะตามที่ พล.ร.อ.ชัย กับพวก เข้าใจแต่อย่างใด พล.ร.อ.ชัย กับพวกจึงไม่อาจอาศัยเหตุดังกล่าวนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
Avaaz เผยชาวซีเรียอย่างน้อย 28,000 คนถูกรัฐบาลลักพาตัว Posted: 18 Oct 2012 07:46 AM PDT
กลุ่มนักกิจกรรม Avaaz ในซีเรียเผยมีข้อมูลรายชื่อ ปชช. 18,000 คนที่สูญหายและทราบกรณีคนหายอื่ 18 ต.ค. 2012 - กลุ่มนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุ กลุ่ม Avaaz กล่าวอีกว่าพวกเขามีรายชื่ รัฐบาลซีเรียยังไม่ได้ Avaaz กล่าวว่าพวกเขารวบรวมข้อมู ตัวอย่างกรณีคนหาย กรณีตัวอย่างคือ เฟย์เซห์ อัล-มาสรี จากย่านชานเมืองฮอม บอกว่าลูกชายของเธอ อาหมัด กัสซัน อิบราฮิม อายุ 26 ปี หายตัวไปเมือ่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเล่าว่าขณะที่ลูกชายเธอกำลั ครอบครัวของเฟย์เซห์กล่าวอีกว่า เมื่อพวกเขาพยายามติดต่อกลั "พวกเราเชื่อว่าเขาจะไม่ทิ้ อีกกรณีหนึ่งคือ ฮุสเซน อีสโซ นักกิจกรรมชาวเคิร์ด-ซีเรีย อายุ 62 ปี ถูกลักพาตัวจากบ้านของเขาในช่ น้องชายของ ฮุสเซน บอกว่าพี่ของเขาถูกจับตัวนอกบ้ แผนสร้างความหวาดกลัวโดยรัฐบาล อลิซ เจย์ ผู้อำนวยการด้านการรณรงค์ของ Avaaz กล่าวว่า ชาวซีเรียถูกลักพาตัวตามท้ อลิส กล่าวอีกว่านี่เป็นยุทธศาสตร์ "ความตื่นตระหนกจากการไม่รู้ว่ กลุ่มสิทธิมนุษยชนกลุ่มอื่นกล่ มูฮันนาด อัล-ฮาซานี จากองค์กรสิทธิมนุษยชนสวัสยากล่ มูฮัมหมัด คาลิล ทนายด้านสิทธิมนุษยชนจากเมื Avaaz รวบรวมข้อมูลสถิติ แม้ว่าระดั ที่มา เรียบเรียงจาก Syria crisis: 28,000 disappeared, say rights groups, BBC, 18-10-2012 Syrian activists & lawyers fear at least 28,000 forced disappearances in Syria, AVAAZ.ORG, 18-10-2012 ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
สป. เสนอ ครม. เร่ง '2 เป้าหมาย 7 ยุทธศาสตร์' พัฒนาขนส่งทางอากาศสุวรรณภูมิ Posted: 18 Oct 2012 07:32 AM PDT
18 ต.ค.55 สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสั นางสุภาพรรณ์ ธนียวัน ที่ปรึกษาคณะทำงานเศรษฐกิ นางสุภาพรรณ์ฯ กล่าวต่อว่า นโยบายของรัฐบาลที่มุ่งให้ เป้าหมายที่ 1 สามารถกำหนดแผนยุทธศาสตร์ เป้าหมายที่ 2 เพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างความทันสมัยและความคล่องตั ยุทธศาสตร์ที่ 2 บูรณาการการสื่อสารและการปฏิบั ยุทธศาสตร์ที่ 3 เพิ่มกำลังการรองรับการขนส่งสิ ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ ยุทธศาสตร์ที่ 5 การประชาสัมพันธ์ให้ถึงกลุ่มเป้ ยุทธศาสตร์ที่ 6 ส่งเสริมและสนับสนุนให้เพิ่ ยุทธศาสตร์ที่ 7 พัฒนาระบบติดตามและประเมินผลที่ นางสุภาพรรณ์ฯ เสริมว่า ความเห็นและข้อเสนอแนะที่เสนอต่ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
คำนำผู้เขียน: โลกใหม่ ทุนนิยมใหม่? Posted: 18 Oct 2012 07:26 AM PDT
นอกจากความผิดพลาดด้านภาษาที่ปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ ในการพิมพ์ครั้งแรกและความตื้นเขินของการวิเคราะห์ที่เกิดจากความเร่งด่วนในการรีบส่งต้นฉบับบางตอนแล้ว ผู้เขียนคิดว่าการกลับไปอ่านบทความเหล่านี้ช่วยให้ตนเองได้พบข้อสังเกต 2-3 ประการ >> ดาวน์โหลดฟรีสำหรับไอแพดและแท็บเล็ตแอนดรอย << ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
การเสริมสร้างความเข้มแข็งภาษามลายูชายแดนใต้สู่ประชาคมอาเซียน Posted: 18 Oct 2012 07:25 AM PDT เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2555 ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมสัมมนานานาชาติในหัวข้อ การเสริมสร้างความเข้มแข็งภาษามลายูสู่ประชาคมอาเซียน โดยภาษามลายูจะใช้คำว่า "Seminar Antarabangsa Mematabakan Bahasa Melayu di Asean" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 ตุลาคม 2555 ณ โรงแรมปาร์ควิว อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี และมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี มีกิจกรรมที่สำคัญคือ การเสวนาทางวิชาการ การนำเสนอบทความทางวิชาการภาษามลายู การจัดนิทรรศการด้านภาษามลายู มีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และสถาบันด้านภาษาประเทศสิงคโปร์เข้าร่วมโดยมีนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมการสัมมนาและได้รับเกียรติจาก ดร.นลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด
นายอดินันท์ ปากบารา นายอดินันท์ ปากบารา กล่าวว่าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต. ) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และ University Pendidikan Sultan Idris, Malaysia ได้จัดโครงการสัมมนาครั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีนำเสนอผลงานวิชาการเกี่ยวกับภาษามลายูในมิติต่าง ๆ เช่น ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม ศึกษาศาสตร์ และมลายูศึกษา และยังจะเป็นเวทีเพื่อทำความรู้จักกันและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ของนักวิชาการในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนการสร้างเครือข่ายทางวิชาการในระดับอุดมศึกษา มัธยมศึกษา และภูมิปัญญาท้องถิ่นทางภาษามลายู ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในประชาคมอาเซียน อีกทั้งเป็นการสร้างความตระหนักรู้ของวงวิชาการไทยเกี่ยวกับโอกาสของสังคมไทยที่จะได้ประโยชน์จากการที่มีประชากรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สามารถสื่อสารภาษามลายูในชีวิตประจำวันเพื่อจะนำซึ่งประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติบ้านเมืองในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดูเพิ่มเติมใน https://www.facebook.com/#!/page.sbpac?fref=ts ความสำคัญภาษามลายูในประชาคมอาเซี่ยน ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซี่ยนให้ทัศนะว่า ประชาคมอาเซียนซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกของสมาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นประชาคมที่มีความหลากหลายทางภาษาและชาติพันธุ์ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประชาคมอื่นในองค์การระหว่างประเทศด้วยกันที่มีอยู่ขณะนี้ แม้ว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการของประชาคมอาเซียนในการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการก็ตาม ประชากรส่วนใหญ่ของประชาคมก็เป็นกลุ่มประชากรที่มีภาษามลายูเป็นภาษาที่หนึ่งอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไนดารุสสลาม ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและพูดภาษามลายูเป็นภาษาที่หนึ่ง และบางส่วนในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ พม่า กัมปงจามในเขมร และจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยซึ่งมีการใช้ภาษามลายูในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ภาษามลายูมีความสำคัญในประชาคมอาเซียนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในมิติของประชาคมสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ากลุ่มประชากรที่ใช้ภาษามลายูในการสื่อสารในชีวิตประจำวันเหล่านี้มีรากเหง้าเดียวกันทางภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตอันจะส่งผลต่อการเสริมสร้าง หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคมของอาเซียน ให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป ในขณะนักวิชาการจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไนดารุสสลาม สิงคโปร์รวมทั้งไทยมีความคิดเห็นสอดคล้องกับเลขาธิการอาเซี่ยนแต่การเสริมสร้างความเข้มแข็งภาษามลายูแต่ละประเทศถึงแม้สำเนียงจะแตกต่างกันจะต้องมีหน่วยงานกลางจากรัฐหรือภาคประชาชนด้านภาษามลายูโดยเฉพาะในการเสริมสร้างความเข้มแข็งดังกล่าวพร้อมทั้งสามารถประสานระหว่างกันโดยเฉพาะในประเด็นวิชาการและการวิจัย การศึกษามลายูในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายนิสิต ชายภักตร์ ผอ.สพป.สตูล นายนิสิต ชายภักตร์ ผู้อำนวยการสำนักเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดสตูล(ผอ.สพป.สตูล) ได้เปิด เผยว่า จังหวัดสตูล จัดทำหลักสูตรการสอนภาษามลายูกลางหรือรูมี นำร่องใช้ในโรงเรียน 7 แห่งรับประชาคมอาเซียน ชี้ผลงานน่าพอใจ นักเรียนสามารถสื่อสารกับชาวมาเลเซียได้... ประชาชนใน จังหวัดสตูล หลายอำเภอ มีจุดแข็งตรงที่สามารถพูดภาษามลายูท้องถิ่นได้ การเตรียมความพร้อมด้านภาษาให้แก่นักเรียนที่จะรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษามลายูก็มีความสำคัญเช่นกัน จึงมอบหมายให้ศึกษานิเทศก์ครู ร่วมกันจัดทำหลักสูตรการสอนภาษามลายูกลาง (รูมี) ลงในหลักสูตรท้องถิ่น ปีการศึกษา 2550 และให้ใช้นำร่องใน 7 โรง คือ โรงเรียนบ้านควน โรงเรียนบ้านเจ๊ะบิลัง โรงเรียนบ้านทุ่งมะปรัง โรงเรียนบ้านแป-ระเหนือ โรงเรียนบ้านสนกลาง โรงเรียนบ้านปากบารา และโรงเรียนปากละงู ทั้งนี้ โดยเฉพาะ ร.ร.บ้านควน นับว่าเป็นโรงเรียนที่มีผลการจัดการเรียนการสอนภาษามลายูกลาง (รูมี) ที่มีความก้าวหน้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง นักเรียนสามารถใช้ภาษามลายูกลาง (รูมี) ในการทำกิจกรรมการเรียนแลกเปลี่ยนกับนักเรียนโรงเรียนคู่แฝด และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ ประเทศมาเลเซียได้อย่างมีคุณภาพ ขณะนี้ สพป.สตูล กำลังอยู่ระหว่างการประเมินผลการจัดกิจกรรมการสอนภาษามลายูกลาง (รูมี) ใน 7 โรงเรียนดังกล่าว โดยจะนำผลการประเมินสู่การพัฒนาและขยายผลต่อไปในโรงเรียนอื่นๆ (โปรดดู http://app.eduzones.com/portal/alledunews/article.php?contentid=1480) ในขณะที่ระดับอุดมศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยของรัฐไม่ว่าจะเป็นหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา มหาวิทยาลัยทักษิณ และมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวอย่างมหาวิทยาลัยยะลา ก็เป็นสอนภาษามลายูเช่นกัน ศอ.บต. ควรเป็นหน่วยงานหนุนเสริมพัฒนาศักยภาพภาษามลายูในปัจจุบัน พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง ได้ให้ทัศนะว่า การประชาสัมพันธ์เป็นภาษามลายู เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ เน้นใช้จุดเด่นด้านความหลากหลายของภาษาและชาติพันธุ์ให้เกิดประโยชน์ โดยได้เห็นชอบยุทธศาสตร์ที่จะให้โรงเรียนของรัฐมีการเรียนการสอนเป็นภาษามลายู ควบคู่ไปกับการสอนภาษาไทย จากเดิมที่มีการเรียนการสอนภาษามลายูเฉพาะในโรงเรียนสอนภาษา และโรงเรียนปอเนาะ ในขณะเดียวกันมีการประชาสัมพันธ์เป็นภาษามลายูผ่านรายการวิทยุผ่านคลื่นเอฟเอ็ม พร้อมทั้งได้เตรียมการจัดทำรายการโทรทัศน์เป็นภาษามลายู เพื่อให้เป็นรายการโทรทัศน์ท้องถิ่นในพื้นที่ ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดยะลา ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่ง ศอ.บต. พยายามที่จะทำให้เป็นรายการโทรทัศน์ของประชาชนในพื้นที่ ด้วยการเชิญประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมกับการกำหนดรูปแบบรายการอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ศอ.บต. เตรียมความพร้อมเพื่อไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ทั้งเรื่องบุคลากร ความรู้เรื่องภาษาและประชาคมอาเซียน รวมทั้งเรื่องสถานที่ โดยการทำป้ายชื่อและสัญลักษณ์ถนนและสถานที่สำคัญในพื้นที่เป็น 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และ ภาษามลายู
ชมประมวลภาพการประชุมได้ที่
[i] กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้, ฝ่ายวิชาการโครงการพัฒนาเครือข่ายตำบลสุขภาวะจังหวัดชายแดนใต้, อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ, ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา Shukur2003@yahoo.co.uk
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
จี้สภาสร้างรัฐสวัสดิการ เรียนฟรี หยุด ม.นอกระบบ เก็บภาษีก้าวหน้า Posted: 18 Oct 2012 04:27 AM PDT แนวร่วมนิสิตนักศึกษาคัดค้าน ม.นอกระบบและแนวร่วมจัดกิจกรรม "การศึกษาต้องฟรี! ทั่วโลก" หน้ารัฐสภา ด้านโฆษก ปธ.สภา ยินดีที่ นศ.ตื่นตัวสนใจตรวจสอบนโยบายของรัฐ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย วันนี้(18 ต.ค.55)เวลาประมาณ 11.00 น. นักกิจกรรมและนักศึกษาประมาณ 50 คน นำโดย แนวร่วมนิสิตนักศึกษาคัดค้านมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ กลุ่มเสรีนนทรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และแนวร่วม ได้รวมตัวที่บริเวณหน้ารัฐสภา ถนนอู่ทองใน เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐไทยเป็นรัฐสวัสดิการ เรียนหนังสือฟรีถึงปริญญาตรี คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ พร้อมเก็บภาษีทางตรงในอัตราก้าวหน้า เนื่องใน "วัน International Student Strike Day การศึกษาต้องฟรี! ทั่วโลก" โดยมีนายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ประธานกรรมาธิการการศึกษาวุฒิสภา และนายประกอบ รัตนพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ออกมารับหนังสือ นายอนุชา ตาดี กลุ่มเสรีนนทรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้ประสานงานกิจกรรม กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่จัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อต้องการสื่อให้เห็นว่าระบบการศึกษาปัจจุบันมีปัญหาและแสดงให้เห็นว่ายังมีนักศึกษาที่เห็นปัญหาที่ต้องการเรียกร้องการศึกษาที่เป็นธรรม รวมทั้งประเด็นเรื่องการศึกษาไม่ใช่เฉพาะเรื่องของนักศึกษา แต่ประชาชนทั่วไปก็มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย ผู้ประสานงานกิจกรรมขยายความถึงปัญหาของระบบการศึกษาว่ามีการจ่ายค่าเทอมที่แพงขึ้นเพื่อให้ได้รับการศึกษาที่ดี แต่คนที่ไม่มีเงินจ่ายนั้น คนที่มีโอกาสน้อยนั้น จะได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ระดับต่ำกว่า ซึ่งถือว่าเป็นการปิดกันทั้งการศึกษา อยากเสนอให้รัฐบาลจัดรัฐสวัสดิการทางการศึกษา เรียนฟรีถึงปริญญาตรี เพื่อให้นักศึกษาทุกคนได้เข้าถึงการศึกษามากที่สุด เพราะการศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาประเทศ นายอนุชา ตาดี กล่าวด้วยว่าว่าหลังจากนี้ทางกลุ่มจะมีการขับเคลื่อนกิจกรรมต่อเนื่องในวันที่ 14 – 22 พ.ย.55 ต่อเป็นเพื่อสื่อให้กับนักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้รู้ว่ามีนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ขับเคลื่อนรัฐสวัสดิการด้านการศึกษา เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้และร่วมผลักดันให้ประเทศไทยมีรัฐสวัสดิการด้านการศึกษา ส่วนกลุ่มที่มารวมตัวกันในวันนี้เป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนประเด็นคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบมาก่อน และมีการมองประเด็นที่ขยายออกไปเพราะเรื่องการค้านมหาวิทยาลัยนอกระบบเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ดังนั้นควรขับเคลื่อนที่ต้นเหตุคือจัดรัฐสวัสดิการด้านการศึกษา ให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา ขณะที่นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวขอบคุณผู้ชุมนุมขณะที่ออกมารับหนังสือว่า ยินดีที่ทุกคนที่มีความตื่นตัวและรวมตัวกันเพื่อสะท้อนความต้องการ โดยตนเองจะรับหนังสือไปและจะสะท้อนไปถึงประธานสภาเพื่อให้เห็นว่าระบบการศึกษาในขณะนี้จำเป็นต้องได้รับการปฏิรูป รวมทั้งเรียกร้องให้ทุกคนเฝ้าติดตามและหากมีความผิดปกติอะไรก็มาที่สภา เรายินดีและอยากเห็นบรรยากาศการเรียกร้องแบบนี้มากขึ้นด้วย เพราะการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยความเห็นต่างต้องมากและหลากหลาย มีการถกเถียงกัน โดยปราศจากความรุนแรง อยากให้นักศึกษาตื่นตัวมากๆและสนใจตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลมากๆ เพราะเป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตย และอยากให้นักศึกษาเชื่อมั่นในระบบนี้ วีดีโอคลิปขณะยื่นหนังสือต่อ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ ภาพบรรยากาศ :
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : ประเทศนี้ต้องเป็นรัฐสวัสดิการ การศึกษาต้องเรียนฟรี! ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
10 ปีศึกสิทธิบัตรยา ชำแหละปัญหาสิทธิบัตรไม่มีวันตาย-การต่อสู้ไม่มีวันจบ Posted: 18 Oct 2012 03:47 AM PDT
1 ตุลาคม 2555 ถือเป็นวันครบรอบ 10 ปี ของการสถาปนาสิทธิในการเข้าถึงยา
* เรียบเรียงจากการประชุมเชิงวิชาการ 'ครบรอบ 10 ปี คดีเพิกถอนสิทธิบัตรยาดีดีไอ วันที่ 17 ตุลาคม 2555 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดโดย แผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะรัฐศาสตร์ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น