ประชาไท | Prachatai3.info |
- คุยกับสุรชัย แซ่ด่าน : เห็นอะไรหลังสงครามในเมือง ในป่า และในคุก
- Free Write : ลิเกบทใหม่ ประชาธิปไตยสมบูรณ์
- แรงงานในร้านสะดวกซื้อ: ว่าที่ผู้ประกอบการหรือแรงงานทาสวัยเยาว์
- นปช.แดงเชียงใหม่-แดงเสรีชนลำพูน ชุมนุมค้านนิรโทษกรรมเหมาเข่ง
- ประชันวิสัยทัศน์โค้งสุดท้าย - ก่อนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเชียงใหม่ 3 พ.ย.
- นักสหภาพฯ ชี้คนงานต้องมีพรรคการเมือง เลือกตั้งในสถานประกอบการ
- ‘บก.ลายจุด’ นำผูกผ้าแดงต้านนิรโทษฯ เหมาเข่ง
- ทีมฟุตบอลฝรั่งเศสเตรียมหยุดเตะประท้วงนโยบายเก็บภาษีคนรวย
- ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ด้วยการฟ้องคดี เอากับ อดัมส์และอีฟ !!!???
- สมยศ พฤกษาเกษมสุข ชี้ ร่าง นิรโทษสุดซอย นำการเมืองไทยหายนะ
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับคำกล่าวของคุณสุนัย จุลพงศธรเรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศ
คุยกับสุรชัย แซ่ด่าน : เห็นอะไรหลังสงครามในเมือง ในป่า และในคุก Posted: 27 Oct 2013 10:42 AM PDT สรุปประวัติของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ พร้อมมุมมองการเมือง ทั้งต่อ รัฐบาล นปช. คนเสื้อแดง นำเสนอการเปลี่ยนผ่านสังคมอย่างสันติ รวมถึงไอเดีย "เวลาที่เหมาะสม" สำหรับการนิรโทษกรรมบุคคลต่างๆ วิดีโอสัมภาษณ์สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ตอบคำถามเรื่องสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำ คิดอย่างไรเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษกรรม ใครควรได้รับการนิรโทษกรรม ใครไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม มองสถานการณ์การเมืองในเวลานี้เป็นอย่างไร และชีวิตหลังได้รับอิสรภาพจะเป็นอย่างไร
สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือนามสกุลเก่าคือ แซ่ด่าน อายุอานาม 72 ปีแต่หน้าตายังสดใส เคลื่อนไหวกระฉับกระเฉง ดูแข็งแรง ในวันที่นัดคุยกันเขามากับภรรยา คือ ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ วัย 56 ปี หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า ป้าน้อย ภรรยาผู้คอยเยี่ยมสามีทุกวันตลอด 2 ปี 7 เดือนที่อยู่ในเรือนจำ พร้อมๆ กันนั้น ป้าน้อยยังคอยช่วยเหลือดูแล ประสานงานต่างๆ ให้นักโทษการเมืองคนอื่นๆ ด้วย จนเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน
มองสถานการณ์คดี 112 ยังไง ? ดารณีเคยพูดว่าอยากสร้างบรรทัดฐานคดีเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออก คิดยังไง ? เหมือนกันกับยุคนี้ไหม ? คุณสุรชัยมีบทเรียนทางการเมืองมาหนักหนาสาหัส ทำไมหลังรัฐประหารยังออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก ? ไม่คิดจะพักผ่อน ? ช่วยขยายความเรื่องการต่อสู้ในเชิงคุณภาพที่ว่า ยังเชื่อในคอมมิวนิสต์ ? มองขบวนเสื้อแดงยังไง ? แต่เพื่อนๆ คุณสุรชัยเลือกทุนเก่าเยอะเลย เพื่อนๆ ยุคนั้นคิดอีกแบบเพราะ ? มันเป็นปัญหาแค่เรื่องมองคู่ขัดแย้งหลักต่างกัน หรือมีปัจจัยอื่นด้วย ? คำอธิบายนี้เน้นโครงสร้างส่วนบนของอำนาจ คนทั่วๆ ไปอย่างคนเสื้อแดง ในสายตาคุณสุรชัยเป็นยังไง และอยู่ตรงไหนในคำอธิบายของคุณสุรชัย ? คุณวีระ (วีระกานต์ มุสิกพงศ์) ก็เคยโดนจับในคดีหมิ่นฯ คนที่โดนจับในคดีเขาจะมองไม่เห็นสิ่งที่คุณสุรชัยเห็นเลยหรือ ? นี่ก็ยังเป็นส่วนของแกนนำ ในส่วนของมวลชนเห็นยังไง ? ปัจจัยที่ทำให้เหตุการณ์ 53 ไม่เหมือน 14 ตุลาคืออะไร ? การวิเคราะห์สถานการณ์ของ นปช.ปี 53 ผิดหรือเปล่า ? เชื่อในพลังชนบทไหม หลายคนเห็นตรงกันว่าพลังชนบทก็เอาทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน และคุณสุรชัยจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นไหม ? อะไรคือคุณภาพใหม่ของการเปลี่ยนแปลง ? ฝ่ายแดงมีปัญหาขัดแย้งภายในไม่น้อย ระหว่างฝ่ายที่ปกป้องรัฐบาลกับฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คุณสุรชัยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่จุดแตกหักไหม และบทบาทรัฐบาลที่เป็นอยู่นี่มันเวิร์คไหม ? มองบทบาท นปช.ยังไง ? ไม่กังวลเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลผู้มีอำนาจ ผู้ที่ชนะในทางยุทธศาสตร์หรือ เครื่องมือในการเปลี่ยนผ่านสังคมอย่างสันติ คืออะไร? พูดถึงการเปลี่ยนผ่าน คงต้องพูดถึงนิรโทษกรรม ในฐานะที่เป็นนักโทษทางการเมืองคนหนึ่ง มองยังไงเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งมีข้อถกเถียงกันมาก แต่เกือบทุกคนเห็นเป็นทางเดียวกันคือ ไม่รวม มาตรา 112 คิดว่าใครควรได้นิรโทษ และใครไม่ควรได้?
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
Free Write : ลิเกบทใหม่ ประชาธิปไตยสมบูรณ์ Posted: 27 Oct 2013 10:21 AM PDT ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
แรงงานในร้านสะดวกซื้อ: ว่าที่ผู้ประกอบการหรือแรงงานทาสวัยเยาว์ Posted: 27 Oct 2013 07:53 AM PDT หลายคนอาจจะชินตาภาพของเยาวชนรุ่นใหม่ให้การต้อนรับเชิญชวนเราซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ (ยอดนิยม) อย่างยิ้มแย้ม และเราอาจจะวาดภาพช่วยลุ้นว่าหากเติบใหญ่และมีประสบการณ์มากพอ แรงงานเหล่านี้คงจะได้เป็นผู้ประกอบการร่วมสร้างชาติ สร้างเศรษฐกิจ สร้างผู้ประกอบการรายย่อยหน้าใหม่ให้หลากหลาย ตามการประโคมข่าวสร้างภาพของหลักสูตรการเรียนการสอนของหน่วยธุรกิจในเครือบรรษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศแห่งหนึ่ง ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
นปช.แดงเชียงใหม่-แดงเสรีชนลำพูน ชุมนุมค้านนิรโทษกรรมเหมาเข่ง Posted: 27 Oct 2013 07:14 AM PDT คนเสื้อแดงกลุุ่ม นปช.แดงเชียงใหม่ และแดงเสรีชน จ.ลำพูน นัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และผูกผ้าแดงเพื่อคัดค้านร่างนิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง โดยผู้นำการชุมนุมระบุว่าต้องการให้คนธรรมดาได้รับการปล่อยตัว-เยียวยา ส่วนผู้สั่งสลายการชุมนุมต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และถูกดำเนินคดี 27 ต.ค.56 เวลา 10.00 น. บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มนปช.แดงเชียงใหม่ และกลุ่มเสื้อแดงเสรีชนจากจังหวัดลำพูน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมตัวและชุมนุมคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่ถูกกรรมาธิการวิสามัญแปรญัตติในวาระสอง หรือที่ถูกเรียกว่าฉบับ "เหมาเข่ง" หรือฉบับ "สุดซอย" โดยกิจกรรมที่จังหวัดเชียงใหม่มีคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมราว 100 คน กิจกรรมการชุมนุมในครั้งนี้มีทั้งการผูกผ้าสีแดงบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ การกล่าวปราศรัยถึงปัญหาของร่างนิรโทษกรรมฉบับนี้ การถ่ายภาพร่วมกัน และการเขียนป้ายและชูข้อความคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง โดยป้ายข้อความที่กลุ่มผู้ชุมนุมเขียน มีทั้งข้อความว่า "ไม่เอาเหมาเข่ง" "ไม่ลืมความเจ็บปวด" "ไม่ลืมรอยเลือดราชประสงค์" "เราไม่ลืม พี่น้องเราตาย" "จะนิรโทษเหมาเข่งต้อง + ม.112" "FREE SOMYOT" "เราอยากให้นายกฯ ทักษิณได้กลับบ้าน แต่เราไม่ลืม เราไม่เอา ไม่เหมาเข่ง" ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวลา 12.00 น. ทางกลุ่มเสื้อแดงจากจังหวัดลำพูนราว 50 คน ได้เดินทางมาสมทบ พร้อมกับมีการชูแผ่นป้ายข้อความคัดค้านการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง และกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนร่วมกันว่า "เราไม่ลืม ไม่เอา ไม่เหมาเข่ง" และ "เราไม่เอานิรโทษกรรมแบบยกเข่ง" รวมทั้งยังมีการนำจดหมายของอะลิซาเบตตา โพเลงกี น้องสาวของ ฟาบิโอ โพเลงกี ผู้นักข่าวชาวอิตาลีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 ที่มีถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาอ่านในระหว่างการชุมนุมด้วย ศรีวรรณ จันทร์ผง แกนนำกลุ่มนปช.แดงเชียงใหม่ กล่าวว่าการขึ้นคู่ขนานกับกิจกรรมที่ราชประสงค์ของกลุ่มบก.ลายจุด โดยการรวมตัวกันในวันนี้เกิดจากการที่หลายคนไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง ซึ่งจะมีการยกเว้นความผิดให้กับผู้ที่สั่งฆ่าประชาชน แต่หลายคนอยากเห็นผู้กระทำความผิดถูกลงโทษก่อน อีกส่วนหนึ่งอยากให้เน้นช่วยเหลือประชาชนที่เคลื่อนไหวที่ไม่ใช่แกนนำออกจากคุก และได้รับการเยียวยาด้วย อีกทั้งถ้าจะเหมาเข่งก็ต้องเหมารวมผู้ถูกกล่าวหาจากมาตรา 112 ไปด้วย เพราะผู้ที่โดนข้อหานี้ในช่วงหลัง ก็ล้วนเป็นคนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง คดีนี้เพิ่มมากขึ้นที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วงหลังรัฐประหาร 2549 คดี 112 จึงเป็นคดีทางการเมือง การนิรโทษกรรมจึงควรจะรวมถึงผู้ต้องหาในคดีนี้ด้วย พรศิลป์ บุญเรือง สมาชิกกลุ่มเสื้อแดงจากจังหวัดลำพูน กล่าวว่ากลุ่มของตนราว 50 คนนัดรวมตัวกันที่ลานเจ้าแม่จามเทวี ที่จังหวัดลำพูน ก่อนเดินทางมารวมสมทบกับกลุ่มเสื้อแดงในเชียงใหม่ โดยทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม แบบเหมาเข่ง เพราะต้องการให้ฆาตกรที่สั่งฆ่าประชาชนนั้นได้ถูกนำตัวมารับโทษ มากกว่าที่จะให้มีการนิรโทษกรรม โดยยังไม่มีการหาตัวผู้กระทำผิด การรวมตัวครั้งนี้จึงเป็นการแสดงพลังให้เห็นว่าพลังของคนเสื้อแดงยังมีอยู่ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ประชันวิสัยทัศน์โค้งสุดท้าย - ก่อนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเชียงใหม่ 3 พ.ย. Posted: 27 Oct 2013 06:45 AM PDT เวทีแสดงวิสัยทัศน์นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่โค้งสุดท้าย พรชัย จิตนวเสถียร ชูนโยบายขนส่งมวลชน จุดจอดรถส่วนตัวเพื่อเปลี่ยนมาใช้รถสาธารณะ - ทัศนัย บูรณุปกรณ์ เน้นนโบบายด้านสังคมและวัฒนธรรม - ธิดารัตน์ ศิริวิทยากร ระบุนโยบายใครจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าบริหารงบไม่โปร่งใส ปชช.จะลำบาก - วัลลภ แซ่เตี๋ยวเน้นเชียงใหม่เป็นเมืองดนตรี กีฬา และเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง 27 ต.ค. 2556 - เวลา 18.00 น. วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ลานพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา ตรงข้ามอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีเวทีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. นี้ ทั้งนี้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ FM100 MHz และถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ตทาง http://www.livebox.me/ ด้วย โดยรอบแรกเป็นการแสดงนโยบายของผู้สมัคร ตามลำดับจากการจับฉลาก หมายเลข 4 พรชัย จิตนวเสถียร กล่าวว่า จะทำให้เชียงใหม่ท่องเที่ยวได้ทุกเดือน ให้มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้น ส่วนระบบขนส่งมวลชนนั้นจะสนับสนุนรถเมล์หลัก 10 สาย สำหรับเส้นทางหลัก และรถสองแถวสี่ล้อแดง ให้วิ่งบนนถนนสายรอง ให้มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 30 จุด และส่งเสริมมีจุดจอดรถยนต์ที่มาจากนอกเมืองหรือ Park and Ride บริเวณห้างสรรพสินค้าใหญ่ เพื่อส่งเสริมให้ใช้ระบบขนส่งมวลชนเข้ามาในเมือง จะทำครัวเรือนให้มีรายได้มากขึ้น โดยรายได้เพิ่มขึ้นมาจากการท่องเที่ยว ทำให้ครัวเรือนมีรายรับมากกว่ารายจ่าย ทำให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น ส่วนโครงการก่อสร้างจะไม่เน้นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องรองบประมาณจากส่วนกลาง แต่จะเป็นโครงการขนาดเล็กที่ใช้งบประมาณท้องถิ่นทำได้ทันที และปลอดคอมมิชชั่น หมายเลข 6 นนท์ หิรัญเชรษฐ์ กล่าวว่ามีนโยบายหลัก 5 ข้อ โดยจะ 1. ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ เทศบาลนครเชียงใหม่ตั้งมา 78 ปี และเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆ การท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลัก จึงอยากส่งเสริมการท่องเที่ยว 2. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะติดกล้อง CCTV ทุกมุม มีอาสาสมัครตรวจตราชุมชน 3. จัดการขยะ ปัจจุบันเทศบาลนครเชียงใหม่มีขยะ 300 ตัน จะแก้ปัญหาด้วยการจัดเก็บขยะสองเวลาเช้าเย็น หาแหล่งสร้างเตาเผาขยะ และพัฒนาพื้นที่ถมขยะ 4. การจราจร จะทำทางลัดแก้ปัญหารถติด เพื่อเป็นทางเลี่ยงในการเดินทาง และลดปริมาณรถยนต์บนถนนเส้นหลัก เพิ่มผิวการจราจรจากกวดขันผู้ประกอบการที่รุกล้ำถนน 5. เรื่องคลองแม่ข่า จะมีมาตรการจูงใจทางภาษี ให้ครัวเรือนหาวิธีบำบัดน้ำเสียก่อนลงคลองแม่ข่า โดยนโยบายทั้ง 5 สามารถทำได้เลยตามงบประมาณเทศบาล หมายเลข 3 ทัศนัย บูรณุปกรณ์ กล่าวว่าเทศบาลนครเชียงใหม่ต้องพัฒนา ด้วยการพัฒนาต้องรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตคนท้องถิ่น ครอบคลุมเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ผู้สมัครท่านอื่น อาจจะเน้นนโยบายเศรษฐกิจมากมาย แต่ตนจะเน้นทั้งนโยบายด้านสังคม และวัฒนธรรมด้วย โดยจะทำนโยบายดังนี้ 1.เพิ่มความปลอดภัย ด้วยการโซนนิ่งพื้นที่ และติดตั้งกล้องวงจรปิด 2.คุณภาพชีวิต สังคมเชียงใหม่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นจะต้องมีทุนตรวจสุขภาพทุกปี 3.สิ่งแวดล้อม สานต่อเชียงใหม่เมืองสะอาด ลดขยะเปลี่ยนเป็นพลังงาน เพิ่มคุณภาพคลองแม่ข่า 4.ส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ตอนนี้หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา ทำเสร็จแล้ว และจะทำนครเชียงใหม่ ตรงเขตเป็นเมืองเก่าเมืองมรดกโลก 4.โครงสร้างพื้นฐาน เน้นสายไฟฟ้าลงใต้ดินที่ ถ.ท่าแพ ถ.ช้างคลาน 5.แก้ปัญหาอุทกภัย ทั้งนี้พยากรณ์อากาศจะต้องคาดการณ์ได้เพื่อคุ้มครองเชียงใหม่จากอุทกภัย 6. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการชุมชน 7.เศรษฐกิจนครเชียงใหม่คือการท่องเที่ยว ยี่เป็ง เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ให้อยู่นานกว่าเดิม 8.ด้านการศึกษา ให้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียน เพิ่มการเรียนภาษาจีน นอกจากภาษาอังกฤษ และส่งเสริมประวัติศาสตร์ท้องถิ่น 9.ขนส่งมวลชน ถ้ารวมจำนวนยานยนต์ คนเชียงใหม่มีน้อยกว่ารถ เพิ่มความสะดวกของขนส่งมวลชน ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หมายเลข 1 ธิดารัตน์ ศิริวิทยากร กล่าวว่า จะสร้างเมืองให้รับใช้คน เราจะสร้างคนให้รับใช้เมือง ทำให้เมืองเชียงใหม่อำนวยความสะดวกประชาชน มีความพร้อมดูแลประชาชน ถนน หนทาง แก้ปัญหาน้ำไม่ไหล ไฟดับ ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาคุณภาพชีวิต เดี๋ยวนี้ถ้าทุกคนลองเดินไปตามซอกซอยจะเห็นว่าถนนไม่ดี ไฟถนนไม่ดี จากเติมเต็มสาธารณูปโภคพื้นฐานก่อน แล้วจะยกระดับคุณภาพชีวิตจากเสริมสร้างอาชีพให้กินดีอยู่ดี ที่ผ่านมาไปเดินไปหาเสียงมาเดือนหนึ่ง เดินเข้าไปในหลายชุมชน พบว่าชาวบ้านยังมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก ทั้งนี้จะสร้างคนให้รู้รักษาดูแลเมือง และกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่สังคมจะได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลนครเชียงใหม่ สตรี เยาวชน กลุ่มสังคมต่างๆ จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ด้วยกัน ทั้งนี้ปัญหาต่างๆ ประชาชนทราบดี โดยเมื่อได้รับตำแหน่งแล้วจะลงชุมชนทุกชุมชน ลงพื้นที่ทุกพื้นที่ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง อยากให้แก้ไขปัญหาสิ่งใดบ้าง จะทำให้อย่างเร็วที่สุด ทั้งนี้นโยบายต่างๆ ใครจะพูดอะไรก็ได้ แต่ถ้าบริหารงบประมาณไม่โปร่งใส ประชาชนจะยังลำบากอยู่ คนรวยก็รวยไป ใครจนก็จนอยู่อย่างนั้น หมายเลข 2 สัมพันธ์ ฉัตรมงคลพันธ์ กล่าวว่า ความรู้สึกตอนนี้เหมือนอายุ 35 เพราะมานั่งใกล้เบอร์ 1 ที่ผ่านมาเวลามีการแสดงวิสัยทัศน์ก็นั่งใกล้เบอร์ 1 มาตลอด มันเป็นความโชคดีมากกว่า ทั้งนี้ สิ่งที่เบอร์ 1 พูดมาก็ดีหมด เหมือนนโยบายของผมครับ คนอาวุโสย่อมรู้จักผมดี ส่วนคนรุ่นใหม่ก็มารู้จักผมไว้เสีย หนุ่มรูปหล่อสมัยก่อน ทั้งนี้ผมต้องการเปลี่ยนแปลง หลายคนอาจยังไม่รู้จักผม ป้ายโฆษณาผมอาจจะน้อย แต่ผมก็มานั่งที่นี่แล้วนะครับ ผู้สมัครหมายเลข 2 กล่าวด้วยว่า เขาไม่เคยเกลียดคนจน แต่เกลียดความยากจน อยากพัฒนาการศึกษาอันดับแรก ทั้งนี้คนในเขตเทศบาลไม่ได้มีโอกาสเรียนสูง ไม่มีครูบาอาจารย์ดีๆ ไม่ได้เรียนโรงเรียนมงฟอร์ต หรือยุพราช แต่โรงเรียนเทศบาลนั้นมีความพร้อม จึงขอเสนอนโยบายสร้างโรงเรียนเตรียมเทศบาล โดยคนรวยตัวเขาจะไม่เน้น จะเน้นช่วยการศึกษาของพี่น้องในเขตชุมชน และจะขยายโรงพยาบาลของเทศบาล หมายเลข 5 วัลลภ แซ่เตี๋ยว กล่าวว่าจะพัฒนา เชียงใหม่เป็นเมืองกีฬา พัฒนาสนามกีฬาเทศบาลให้รองรับการแข่งขันกีฬาระดับประเทศ และชุมชนใช้ประโยชน์ได้ อีกนโยบายคือ เชียงใหม่เมืองดนตรี ทั้งนี้เชียงใหม่เป็นเมืองวัฒนธรรมมา 700 กว่าปี และปัจจุบันเรามีบุคคลากรด้านดนตรีนี้เยอะ ถ้านำบุคลากรด้านดนตรีมาเสริม มาทำกิจกรรมการแสดง คิดว่าจะเป็นการรวมศูนย์ให้เชียงใหม่เป็นเมืองดนตรี นอกจากนี้จะดำเนินนโยบาย เชียงใหม่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้แต่ละเมืองใหญ่ทั่วโลก จะเริ่มเห็นว่าสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกับคน นอกจากนี้ก็จะดูแลสุนัขจรจัด ดูแลปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า และอีกนโยบายคือเมืองอนาคต โดยจะทำถนนการสื่อสาร ติดตั้งจุด Wifi แต่ละจุดบนนถนน ให้คนมีรายได้น้อยใช้ช่องทางนี้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ นอกจากนี้จะออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ คนพิการ ไม่ใช่เดินไปตรงไหนก็จะชนป้าย และขอให้สัตยาบรรณว่าไม่ซื้อเสียง จะใช้การหาเสียงเท่านั้น หวังว่าลูกๆ หลานๆ จะไม่เอาเงินมาซื้อประชาชน สำนึกรักบ้านเกิดนะครับ อนึ่ง ในตอนท้ายของการแสดงวิสัยทัศน์ ธิดารัตน์ ผู้สมัครหมายเลข 1 กล่าวถึงกรณีที่มีผู้โปรยใบปลิวโจมตีทางการเมืองว่า ขอยืนยันว่าข้อความในใบปลิวไม่ใช่ความเห็นของตัวเองแต่เกิดจากผู้ไม่ประสงค์ดีตัดต่อ โดยได้แจ้งความดำเนินคดีแล้วและจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และยังกล่าวด้วยว่ารู้ตัวคนกระทำความผิด และคนที่จ้างวานแล้ว สำหรับเทศบาลนครเชียงใหม่ มีพื้นที่ 40.216 ตารางกิโลเมตร ข้อมูลในปี 2551 มีประชากรในเขตเทศบาล 148,477 คน โดยยกฐานะเป็นเทศบาลนครแห่งแรกของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ปัจจุบันนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่คนปัจจุบันคือทัศนัย บูรณุปกรณ์ ซึ่งชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมื่อ 4 ต.ค. 52 หลังจากก่อนหน้านี้ ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมื่อ 24 มิ.ย. 52 ต่อมาทัศนัยได้ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระไม่กี่เดือนเมื่อ 6 ก.ย. 56 เพื่ออุปสมบทให้กับปกรณ์ บูรณุปกรณ์ อาของเขาซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 1 ก.ย. 56 โดยการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. นี้ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
นักสหภาพฯ ชี้คนงานต้องมีพรรคการเมือง เลือกตั้งในสถานประกอบการ Posted: 27 Oct 2013 03:17 AM PDT ผู้นำสหภาพแรงงานร่วมอภิปราย "เป้าหมายและยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปขบวนการแรงงานบนเส้นทางการปฏิรูปการเมืองและประเทศไทย" ชี้ประเด็นปฏิรูปบทบาทของขบวน สร้างความเข้มแข็งอำนาจการต่อรอง
27 ต.ค.2556 เวลา 9.00 น. ที่ ห้องประชุม ตึกกิจกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มูลนิธินิคม จันทรวิทุร ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต และ คณะกรรมการ 14 ตุลา เพื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์ จัดอภิปรายหัวข้อ "เป้าหมายและยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปขบวนการแรงงานบนเส้นทางการปฏิรูปการเมืองและประเทศไทย" เนื่องในวาระ 40 ปี 14 ตุลา โดยมี จิตรา คชเดช ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ, บรรจง บุญรัตน์ ประธานสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย, วัฒนะ เอี่ยมบำรุง อดีตประธานสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย, นภาพร อติวาณิชยพงศ์ กรรมการ มูลนิธิอารมณ์ พงศ์พงัน, โชคชัย สุทธาเวศ เลขาธิการ มูลนิธินิคม จันทรวิทุร, นิติรัฐ ทรัพย์สมบูรณ์ ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และพนมทวน ทองน้อย กรรมการบริหารสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ ร่วมอภิปราย จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานคณะกรรมการ 14 ตุลา เพื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์ นักศึกษากับกรรมกรในเหตุการณ์ 14 ตุลา ก่อนเริ่มอภิปราย จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานคณะกรรมการ 14 ตุลา เพื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์ กล่าวเปิดว่าหลัง 14 ตุลา 2516 ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้นส่งผลให้ลูกจ้างคนงานลุกขึ้นมานัดหยุดงานเรียกร้องค่าแรงสวัสดิการมากกว่าที่เคยเป็นก่อนหน้า และมีการเคลื่อนมาเรื่อยๆ ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2516 ก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 นั้น นักศึกษานำโดยกลุ่มสภาหน้าโดม ที่ ธรรมศาสตร์ มีการทำกิจกรรมร่วมกับกรรมกร เริ่มจากการสอนหนังสือให้ลูกจ้างในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล เข้าไปทำให้รู้จักผู้นำคนงานมากขึ้น ปลายปี 2515 มีประกาศอนุญาตให้คนงานจัดตั้งสมาคมได้ ทำให้พวกนักศึกษาสภาหน้าโดมเข้าไปช่วยแนะความรู้เช่นเรื่องบัญชี เรื่องอื่นๆ ให้กับกรรมกรจำนวนมาก และตอนนั้นก็เข้าไปด้วยความคิดเรื่องปฏิวัติ ไม่ได้ไปเรื่องความเห็นอกเห็นใจคนงานหรือสิทธิ จรัล กล่าวด้วยว่าในเหตุการณ์ 14 ตุลา มีลูกจ้างคนงานก็เข้ามาร่วมกับนักศึกษาจำนวนมาก และหลังจากนั้นนักศึกษาก็ทำงานกับคนงานกันต่อเนื่อง รวมทั้งบางกลุ่มก็เข้าไปอยู่เลยกับคนงาน ทำให้หลัง 14 ตุลา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กลายเป็ฯฐานที่มั่นของประชาชน คนงาน มีการชุมนุมที่สนามหลวง ที่นี่ก็เป็นที่ทำข้าวอาหาร กลายเป็นฐานที่มั่น กองเสนาธิการ จนกระทั่งเกิดเหตุ 6 ตุลา 2519 ขบวนการแรงงานขาดโฆษก จรัล มองว่าขบวนการผู้ใช้แรงงาน 20 ปีที่ผ่านมาในทั่วโลกเป็นช่วงขาลง เช่นเดียวกับประเทศไทย สาเหตุประการหนึ่ง คือ 30 กว่าปีมานี้ขบวนการผู้ช้แรงงานไม่มีโฆษก ซึ่งสมัยก่อนมีนักศึกษาและนักสังคมนิยม คอมมิวนิสต์เป็นโฆษก ดังนั้นตนจึงคิดว่าในวาระ 40 ปี 14 ตุลา นี้ก็อยากให้นักศึกษาไปเป็นโฆษกให้กับกรรมกรชาวนา อีกสาเหตุที่ทำห้ขบวนการแรงงานอ่อนแอเพราะมีจำนวนองค์การระดับชาติ มาก ซึ่งปัจจุบันมีถึง 13 สภาองค์กรระดับชาติ ทำให้ขาดความเป็นเอกภาพ บรรจง บุญรัตน์ ประธานสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย ระบบจ้างงานบีบสาเหตุสมาชิกสหภาพน้อย บรรจง บุญรัตน์ ประธานสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย อภิปรายว่า ปัญหาในขบวนการแรงงาน คือ ขาดความเป็นเอกภาพ แตกแยกเป็นหลายกลุ่ม ปัจจุบันเรามา 3-4 กลุ่มด้วยกัน รวมทั้งไม่มีผู้นำรุ่นใหม่เข้ามา และระบบไตรภาคีทำให้เกิดความแตกแยกในขบวนการ กฏหมายแรงงานที่ทำให้จัดตั้งสหภาพแรงงานเป็นเรื่องยาก อย่างกฏหมายแรงงานสัมพันธ์ ไม่ได้มีการแก้ไขให้เข้ากับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่รัฐเองขาดความเป็นกลาง ประธานสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย มองว่าขบวนการแรงงานขาดผู้นำหลักในการประสานงานให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีแกนกลางที่จะรวมกลุ่มกัน บรรจง กล่าวอีกว่า ระบบการจ้างงานเองก็เป็นตัวทำลายขบวนการไปในตัวเนื่องจากการจ้างแบบรับเหมาค่าแรง โรงงานหลายที่มีนิติบุคคลซ้อนอยู่ในหลายบริษัท มีลูกจ้างประจำลดลง ขณะที่ลูกจ้างแรงงานต่างด้าวมากขึ้น แต่ก็รวมตัวจัดตั้งก็ไม่ได้ อีกทั้งหลายที่ถ้าโรงงานไม่มีการทำงานล่วงเวลา ลูกจ้างเองก็จะเปลี่ยนงานทันที คนงานส่วนมากเข้าทำงานและออกจากงานเร็ว จากเหตุเพราะเงินไม่เพียงพอ จากค่าแรงงานที่น้อยจึงมักเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ส่งผลให้สหภาพยิ่งมีน้อย ในทางตรงกันข้ามสภาหรือองค์กรแรงงานระดับชาติกลับมีมาก อีกทั้งระบบการศึกษาเป็นปัญหา เนื่องจากนัศึกษาจบมาก็ไม่รู้เรื่องแรงงานแม้แต่นิดเดียว ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดความสนใจเรื่องสิทธิแรงงานด้วย แก้ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ให้จัดตั้งสหภาพง่าย ตั้งกรมส่งเสริมสหภาพฯ บรรจง กล่าวว่า ควรมีการแก้ไข พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ให้สามารถจัดตั้งสหภาพแรงงานง่ายขึ้น รวมทั้งในกระทรวง แรงงานยังขาดกรมส่งเสริมการมีสหภาพแรงงาน เพราะถ้าเราไม่มีสิ่งเหล่านี้เขาก็จะปัดไปแรงงานจังหวัดหมด รวมทั้งผู้นำแรงงานรุ่นใหม่ต้องศึกษาทางชนชั้น เพราะถ้าไม่มีอุดมการณ์เมื่อเข้ามาในขบวนการก็จะลำบาก หากไม่มีอุดมการณ์นั้นขาดช่วงแน่นอน วัฒนะ เอี่ยมบำรุง วัฒนธรรมองค์กร และเงินสนับสนุนจากองค์กรแรงงานระหว่างเทศ วัฒนะ เอี่ยมบำรุง อดีตประธานสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่าคนเป็นหัวใจหลักของขบวนการแรงงาน ภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรแรงงานระดับสหภาพแรงงานและสภาองค์กรแรงงานระดับชาติ มีตัวที่แฝงอยู่ คือตัววัฒนธรรมในการทำงานร่วมกัน องค์กรแรงงานนะดับชาติบางแห่งก็ได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ บางองค์กรได้รับความช่วยเหลือต่อปี 2 ล้านบาท มีการจัดสัมมนามากมาย แต่ไม่มีการพูดเรื่องการสร้างความเข้มแข็งของขบวนการแรงงงานเลย มีเพียงความเข้มแข็งภายใน ทำให้มีวัฒนธรรมแบบก็ต่างคนต่างอยู่ ความช่วยเหลือของแหล่งทุนเหล่านั้นไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้องค์กรแรงงานนั้นกำหนดว่าเพื่อสร้างขบวนการแรงงานที่มีความเข้มแข็งและเป็นปึกแผ่นและพร้อมรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำให้ผู้นำแรงงานเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องร่วมทำงานกับองค์กรอื่นเพราะเขาอยู่สุขสบายดี นภาพร อติวาณิชยพงศ์ การปฏิรูปบทบาทของขบวนการแรงงาน และการสร้างความเข้มแข็งอำนาจการต่อรอง นภาพร อติวาณิชยพงศ์ กรรมการ มูลนิธิอารมณ์ พงศ์พงัน มองว่า ปัจจุบันขบวนการแรงงานอยู่ในฐานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาคประชาชน ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้นำขบวน ต่างจากฐานะของผู้นำของขบวนการปฏิวัติสังคมอย่างแต่ก่อน อย่างไรก็ตามขบวนการแรงงานแม้ไม่ได้เป็นหัวขบวนแต่ก็มีอำนาจการต่อรองจำนวนหนึ่ง นภาพร กล่าวถึงข้อเสนอการปฏิรูปขบวนการแรงงาน 2 ประเด็น คือ การปฏิรูปบทบาทของขบวนการแรงงาน และการสร้างความเข้มแข็งอำนาจการต่อรอง 1. ปฏิรูปบทบาท เนื่องจากการจ้างงานเปลี่ยน มีการแทนที่ด้วยแรงงานนอกระบบและแรงงานข้ามชาติ ถ้าขบวนการรงงานเป็นตัวแทนในแรงงานเอกชนและรัฐวิสาหกิจในระบบอย่างเดียวก็จะไม่สามารถรักษาบทบาทเป็นแกนนำของแรงงานทั้งหมดได้ โดยคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยมีแผนปรับเปลี่ยนเพื่อนำแรงงานนอกระบบและแรงงานข้ามชาติเข้ามารวมอยู่ด้วย ในส่วนของการเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม คือขบวนการแรงงานจะต้องเป็นมากกว่ากลุ่มผลประโยชน์ ถ้าขบวนการแรงงานต้องการเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการทางสังคมที่ก้าวหน้าต้องมีมิติตรงนี้ด้วย เพื่อไม่ให้ขบวนการแรงานถูกโดดเดี่ยวหรือต้านจากสังคม 2. การสร้างความเข้มแข็งอำนาจการต่อรอง ในมิติด้านการบริหารนั้นจะทำอย่างไรให้คนงานข้ามชาติและนอกระบบเข้ามาร่วมได้ ส่วนการเติบโตเชิงคุณภาพต้องมองเรื่องการพึ่งตัวเองทางการเงิน ต้องมีปัญญาชนของขบวนการแรงงาน โดยการพึ่งตัวเองได้ทางการเงิน กลุ่มสหภาพแรงงานหลายองค์กรสามารถพึ่งตนเองได้ โดยเฉพาะกลุ่มรัฐวิสาหกิจ แต่องค์กรระดับชาติที่ต้องมานำขบวนการแรงงานนั้นยังไม่สามารถพึ่งตนเองได้ ผลักดันการเก็บค่าบำรุงของสมาชิก ซึ่งหลายที่ก็ทำไม่ได้ ส่วนที่มาทางการเงินต้องมีระบบที่จะระดมทุนจากสังคมด้วย นภาพร กล่าวว่า ปัจจุบันขบวนการแรงงานขาดมันสมองในการคิดเชิงนโยบายและการสื่อศารจากสังคม จึงต้องมีปัญญาชนของขบวนการแรงงาน ซึ่งมาได้ 2 ทาง คือจากการสร้างคนคนงานขึ้นมาเป็น และจากปัญญาชนภายนอก อย่างนักวิชาการ เอ็นจีโอ สื่อมวลชน และนักศึกษา ซึ่งบทบาทของปัญญาชน ต้องคิดเรื่องเชิงนโยบาย มีวิสัยทัศน์ที่มากกว่าเรื่องเฉพาะหน้า เรื่องของการบริหารจัดการขบวนการแรงงานอย่างไร พบว่ายังขาดเยอะ การสื่อสารต่อสังคมที่ไม่ใช่เพียงแค่การประชาสัมพันธ์ การเป็นโฆษกที่จะสื่อให้ประชาชนเข้าใจขบวนารแรงงาน ซึ่งนำมาซึ่งการสนับสนุนขบวนการแรงงาน จิตรา คชเดช สหภาพมักเกิดเมื่อเจอปัญหา จิตรา คชเดช ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ กล่าวว่าที่มาของสหภาพแรงงานมักมาภายใต้การเกิดปัญหาก่อนจึงคิดรวมตัวเป็นสหภาพแรงงงาน ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกว่าต้องการสิทธิ เช่นมีปัญหาเรื่องการลดค่าจ้างการตัดสวัสดิการ คนงานก็คิดเรื่องการรวมตัว คนก็เข้าไปจัดตั้งสหภาพแรงงาน ทำให้คนแรกๆที่เข้าไปจัดตั้งจะเป็นผู้มีพระคุณ และหากถ้าเป้าหมายสำเร็จก็ต่อเนื่อง แต่ถ้าไม่สำเร็จ อาจถูกเลิกจ้าง ก็จะเข็ดไม่กล้ายุ่งกับสหภาพอีก ทำให้คนงานรู้จักสหภาพฯ ก็เมื่อตอนเกิดปัญหา บรรจุเรื่องกฏหมายคุ้มครองแรงงานและสหภาพเข้าแบบรียน จิตรา เสนอด้วยว่า เรื่องแรกคือต้องการบรรจุเรื่องสหภาพแรงงาน กฏหมายพื้นฐานเกี่ยวกับแรงงาน เช่น การคุ้มครองแรงงาน รวมทั้งการรวมตัวต่อรอง เข้าสู่หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรมี สถาบันแรงงาน มีนักวิจัยที่สนับสนุนข้อมูล รองรับการต่อสู้เรียกร้องเจรจาต่อรองของคนงาน และต้องเป็นคนงานที่จ้างนักวิจัยทำงานข้อมูลเหล่านี้ เช่นเดียวกับฝ่ายนายจ้างที่มีการจ้างนักวิจัย ซึ่งในต่างประเทศในการเรียกร้องค่าจ้างนั้นนายจ้างกับลูกจ้างจะมีข้อมูลเท่าเท่ากัน รวมทั้งการรวมตัวจัดตั้งเป็นสหภาพประเภทอุตสาหกรรมมากขึ้น และพัฒนาไปเป็นพรรคการเมืองในอนาคต ปัญหาระบบไตรภาคีคือ 1 สหภาพ 1 เสียง และการให้รางวัล จิตรา กล่าวว่า ระบบไตรภาคี มีปัญหาคือ 1 สหภาพฯ 1 เสียง ทำให้สหภาพฯที่มีสมาชิกมากก็มีแค่ 1 เสียง รวมทั้งระบบดังกล่าวมีการให้รางวัล เช่น ให้เครื่องราช พระราชทานเพลิงศพ ซึ่งกรรมกรในภาวะปกติไม่สามารถหาได้ ด้วยวัฒนธรรมแบบนี้ทำให้รู้สึกตัวเองใหญ่โตและเพื่อให้ได้รางวัลดังกล่าวก็ต้องเป็นถึง 2 สมัย ทำให้เกิดการล็อบบี้เพื่อได้ตำแหน่งต่อ และไม่กล้าที่จะพูดมากในระบบ เนื่องจากจะไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น จิตรา เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เป็นข้อจำกัดในการออกนโยบายของพรรคที่มีอุดมารณ์ต่างออกไปจากกรอบแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ การบีบของการจ้างงานทำให้คนงานไม่สามารถออกมาเคลื่อนไหวได้ เช่น เมื่อสามีออกมาประชุมสัมมนาด้านแรงงานก็ถูกเมียก็ด่าว่าไม่ทำงานลูกจะไม่มีเงินกิน เพราะติดค่าจ้างและสวัสดิการที่ต่ำแม้ขึ้นเป็น 300 บาท แต่ค่าครองชีพก็ขึ้นตาม แนวคิดเรื่องนายจ้างเป็นผู้มีพระคุณ จิตรา กล่าวว่า หากคนงานอยู่ภายใต้กรอบวัฒนธรรมที่ยกให้นายจ้างเป็นผู้มีพระคุญ ก็ทำห้ไม่สามารถกล้าที่จะต่อรองได้ รวมทั้งการมาจากความล้มเหลวจขอภาคเกษตรที่ทำให้คนงานมีหนี้ติดตัวมาด้วย จึงต้องทำงานหนักใช้หนี้แทนพ่อแม่ เวลาในการเคลื่อนไหวด้านแรงงานก็น้อยลง กลุ่มศึกษาหัวใจของการต่อสู้ คนงานเข้าไปมีส่วนร่วมใน ก.แรงงานและประกันสังคม จิตรา กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตนเองและกรรมกรเรียนรู้ผ่านกลไกเรื่องกลุ่มศึกษา เช่น เรื่องคิดเลข เพราะถ้าไม่สามารถคิดเป็นก็ต่อรองยาก การดูงบดุล การทำความเข้าใจที่มาจของอำนาจในการกำหนดค่าจ้าง เป็นต้น จิตรา เสนอว่า ต้องยกระดับกระทรวงแรงงาน เป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่จะเข้ามาคุ้มครองชีวิตของคนงงาน และคนงานต้องเข้ามาตรวจสอบกระทรวงและระบบประกันสังคมได้ด้วย รวมไปถึงมีส่วนในการวางนโยบายขององค์กรเหล่านี้ รวมทั้งคนงานควรมีสิทธิการเลือกตั้งในสถานประกอบการโดยใช้บัญชีจากประกันสังคม จะทำให้คนงานหรือสหภาพที่มีจำนวนสมาชิกมาก็อาจได้รับการเลือกตั้งและสามารถผลักดันในเชิงนโยบายได้ เพราะปัจจับุนคนงานแทบไม่มีตัวตนทางการเมืองในที่ทำงานหรือในเมืองเลย สหภาพฯ ควรใช้ระบบจ้างเจ้าหน้าที่ทำงานมากกว่าขออาสาสมัครและเอ็นจีโอ จิตรา เสนอด้วยว่าสหภาพแรงงานควรจ้างเจ้าหน้าที่ในการทำงาน และเลิกใช้เอ็นจีโอและอาสาสมัครให้มาช่วยงานชั่วคราว เพราะการมีการจ้างงานมันมีความเป็นอาชีพ แต่การขอให้อาสาสมัครมาช่วยนั้นมันจะขัดแย้งกันกับการเรียกร้องค่าจ้างค่าตอบแทนต่อนายจ้าง ด้วยหลักการทำงานและจ้างงาน จิตรายังกล่าวว่านักสหภาพแรงงานต้องมองโลกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เช่นการณ์ที่ สมานฉันท์ที่จัดทำพระเครื่องนั้นไม่ถูกต้องเพราะเป็นการนำเอาความเชื่อแบบนี้มาเป็นตัวนำจะเกิดปัญหา เพราะจะทำให้คนงานขาความเชื่อมั่นในตัวเองและการรวมตัว โดยหันไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความคิดเรื่องกรรมเก่าเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาในชีวิตและการจ้างงาน อีกทั้งนักสหภาพแรงงานต้องไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงโดยรัฐไม่ว่าชุดไหน หากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้วถูกรัฐปราบปราม ก็ควรออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐ ไม่ว่าฝ่ายไหน ยุทธศาสตร์ 10 ของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย นิติรัฐ ทรัพย์สมบูรณ์ ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวถึงการจัดทำยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ มองถึงการเปลี่ยนภาวะวิสัยอย่างไร ให้เอื้อต่อขบวนการแรงงานใหม่ ที่มีทั้งเชิงประมาณและคุณภาพ โดยในปริมาณคือขยายครอบคลุมแรงงานนอกระบบและข้ามชาติ รวมทั้งการเป็นขบวนการทางสังคม สำหรับความเข้มแข็งเชิงคุณภาพนั้นมีการควบรวมปรับโครงสร้าง และการพึ่งตนอง ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวถึงยุทธศาสตร์ 10 ปีว่า ในปีที่ 1-2 คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ จะสร้างถกเถียงถึงแนวทาง ความเป็นไปได้ในการทำงานทางการเมืองของขบวนการแรงงาน และในปีที่ 3-5 ผลักดันในคนงานสามารถใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งผู้แทนฯในเขตพื้นที่ทำงานได้ การจำกัดสิทธิด้วยคุณสมบัติการศึกษาที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไข รวมไปถึงมีผู้แทนจากขบวนการแรงงานลงสมัครรับการเลือกตั้งในการเมืองระดับท้องถิ่น อย่างน้อย 5 คน และหลังจากนั้นในปีที่ 6-10 มีตัวแทนคนงานเป็นผ็แทนในสภาไม่น้อยกว่า 5 คนและมีผู้แทนคนงานได้รับเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกพื้นที่ รวมไปถึงตัวแทนพรรคการเมืองของผู้ใช้แรงงานได้รับการเลือกตั้ง1คน รื้อฟื้นการต่อสู้แนวสังคมนิยม นิติรัฐ เสนอว่า ช่วงการต่อสู้ปี 2475-2500 หรือ 2516-19 มีแนวคิดทางการเมืองที่สนับสนุนการต่อสู้ชนชั้นแรงงาน และมีมิติการมองเชิทฤษฏีการต่อสู้ ดังนั้นควรรื้อฟื้นการต่อสู้แนวสังคมนิยม และท้าทายวัฒนธรรมการต่อสู้ของขบวนการแรงงานที่เป็นระบบอุปถัมภ์ พนมทวน ทองน้อย เสนอผู้นำแรงงานนั่งปาร์ตี้ลิสต์รับเลือกตั้งเข้าสภา พนมทวน ทองน้อย กรรมการบริหารสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ กล่าวว่าที่ผ่านมาการต่อสู้ทุกครั้งไปจบที่ภาครัฐบาลทั้งนั้น แต่ที่นั่นไม่มีคนของแรงงานเข้าไปนั่งเลย ดังนั้นการเลือกตั้งที่ตอนนี้ มี 2 แบบ คือแบบแบ่งเขตกับปาร์ตี้ลิสต์ ในเขตชลบุรีมีนิคมอุตสาหกรรมอมตะอมตะ ในปทุมธานี มีนิคมฯนวนคร สมุทรปราการ ก็มีโรงงานมาก แต่เมื่อไปดูแล้วคนงานไม่มีสิทธิเลือกในสถานประกอบการ แล้ว ส.ส. ที่มาจาก ปาร์ตี้ลิสต์นั้นคะแนนมาจากทั่ว ประเทศดังนั้น เราสามารถมีคนของเราเข้ามาได้ เราหวังว่าผู้นำแรงงานไปนั่งในปาร์ตี้ลิสต์ 13 สภา 13 คน สามนฉันท์ฯ และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ อีก 2 คน รวมเป็น 15 คน ก็มีโอกาสที่ตัวแทนคนงานจะเข้าสู่ภาครัฐบ้าง โชคชัย สุทธาเวศ ข้อเสนอที่พูดซ้ำ โชคชัย สุทธาเวศ เลขาธิการ มูลนิธินิคม จันทรวิทุร กล่าวว่าในการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกนั้นการปฏิรูปเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และการปฏิวัติก็เข้ามาเสริมบ้าง ทำให้เปลี่ยนแปลงมาจนถึงทุกวันนี้ สหภาพฯ เป็นขบวนการประชาธิปไตย ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงสมาชิกทำให้การก้าวไปจะเร็วก็ไม่ได้ แต่การขับเคลื่อนการปฏิรูปนั้นก็ไม่ใช่ช้ามากเกินไป เลขาธิการ มูลนิธินิคม จันทรวิทุร เล่าว่าเคยตั้งพรรคสังคมประชาธิปไตยก็ยุบไปแล้ว ดังนั้นข้อเสนอเรื่องตั้งพรรคการเมืองเหล่านี้ก็เป็นการทำงานวนไปเวียนมา แต่อาจเป็นธรรมชาติของการปฏิรูปที่ต้องเป็นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการพูดถึงการพึ่งพาตนเองด้านการเงินของสหภาพฯ นั้นก็เป็นสิ่งที่พูดมากว่า 30 ปีแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงมีน้อยมาก โชคชัย กล่าว่า ในขณะที่ขบวนการของเสื้อแดงที่ผูกพันกับพรรคเพื่อไทยสูง อาจเป็นเพราะประชาธิปไตยยังไม่เรียบร้อยอาจจะต้องร่วมกับเพื่อไทยในการทำให้ประชาธิปไตยเรียบร้อย อย่างไรก็ตามเมื่อเรียบร้อยแล้วก็อาจมีพรรคใหม่ขึ้นมาเป็นทางเลือก นอกจากนี้ โชคชัย ยกกรณีสหกรณ์คนงาน TRY ARM ว่าเป็นกิจการที่คนงานเป็นเจ้าของโรงงานก็แสดงให้เห็นตัวแบบของประชาธิปไตยในโรงงาน เป้าหมายอยู่ที่คนงานเป็นเจ้าของกิจการ คนงานก็เป็นเจ้าของกำไรเอง ดังนั้นจะขยายการที่สถานประกอบการที่คนงานเป็นเจ้าของไปสู่อุตสาหกรรมอื่นเป็นเจ้าของอย่างไร น่าจะเป็ยุทธศาสตร์หนึ่งของขบวนการแรงงานด้วย อย่างไรก็ตาม โชคชัย ได้กล่าวถึงข้อเสนอจัดตั้งกรมส่งเสริมสหภาพแรงงานของ บรรจง ด้วยว่า ไม่แน่ใจว่าจะทำงานได้หรือไม่ ตัวอย่างกรณีกรมส่งเสริมสหกรณ์นั้น ความเป็นจริงก็กลายเป็นการควบคุมมากกว่าส่งเสริม ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
‘บก.ลายจุด’ นำผูกผ้าแดงต้านนิรโทษฯ เหมาเข่ง Posted: 27 Oct 2013 02:17 AM PDT กลุ่มคนเสื้อแดงราว 300 คน ผูกผ้าแดง-จัดกิจกรรมไม่ ที่มาภาพจาก: facebook บก.ลายจุด 27 ต.ค.2556 เวลา 12.00 น. กลุ่มวันอาทิตย์สีแดง นำโดยสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นำผู้ชุมนุมราว 300 คน ทำกิจกรรมผูกผ้าแดงต่อต้านการนิ บก.ลายจุดให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้จะให้เวลาพรรคเพื่ ในงานดังกล่าว ยังมีนักวิชาการ อาทิ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วรพล พรหมมิกบุตร อาจารย์ด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมกิจกรรรมด้วย ด้านวรพล พรหมมิกบุตร กล่าวว่า การผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ วรพลยังกล่าวด้วยว่า หากพรรคเพื่อไทยยืนยันจะผ่
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ทีมฟุตบอลฝรั่งเศสเตรียมหยุดเตะประท้วงนโยบายเก็บภาษีคนรวย Posted: 27 Oct 2013 12:49 AM PDT ทีมฟุตบอลในลีกฝรั่งเศส เตรียมสไตรค์ไม่ลงเตะในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ออกนโยบายรีดภาษีดารานักเตะ ประธานสหภาพทีมฟุตบอลอาชีพระบุเป็นการปกป้องวงการฟุตบอลฝรั่งเศส
โดยนโยบายเก็บภาษีคนรวย 75% นี้จะส่งผลกระทบต่อคนในวงการฟุตบอลฝรั่งเศส (ผู้เล่น, โค้ช และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ) ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านยูโรต่อปี ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ด้วยการฟ้องคดี เอากับ อดัมส์และอีฟ !!!??? Posted: 26 Oct 2013 10:24 PM PDT [1] ทฤษฎีทางกฎหมายเรื่องหนึ่ง ที่ไม่มีนักกฎหมายคนใดไม่รู้จัก คือ "ทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล" ที่ใช้กันในทางกฎหมาย แพ่ง (ละเมิด) และอาญา หรือที่เรียกว่า "Causation" มีหลักสากลในการวินิจฉัยความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผลของการกระทำในทางอาญา คือ "ทฤษฎีผลโดยตรง/ทฤษฎีเงื่อนไข/ทฤษฎีความเท่ากันแห่งเหตุ" แล้วแต่จะเรียกขาน
รัฐธรรมนูญ 2534 มาตรา 222
"มาตรา 222 รสช. นิรโทษฯ ตัวเอง" กับ "มาตรา 309 คมช. นิรโทษฯตัวเอง" ทั้งสองมาตรา จากรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ มีผลเหมือนกัน เพียงแต่ มาตรา 309 เขียนให้ดูหล่อและดูเป็นผู้ดีกว่า มาตรา 222 เท่านั้นเอง ถ้อยคำว่า "ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ" ใน 309 กับถ้อยคำว่า "นำไปเป็นเหตุฟ้องร้องในทางใดๆมิได้" ใน 222 / ถ้อยคำแรก ดูเป็นผู้ดีมีสกุล เขียนกฎหมายแบบนักวิชาการ ส่วนถ้อยคำหลัง ดูเป็นนักเลงโต ไม่เคารพกฎหมาย)
หมายความว่า การกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวทั้งก่อน และหลัง วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย หากยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 309 และทำให้ผลพวงของการรัฐประหารเป็น "โมฆะ" ฯลฯ คำว่า "ผลพวง" หมายถึง "ผลทั้งหมด" ซึ่งหมายความว่า ผลทางกฎหมายที่เกิดจากการรัฐประหาร คมช.49 ทั้งหมด แต่หาก "นิติราษฎร์" แย้งว่า "ไม่ทั้งหมด เอาเฉพาะแค่ แนวทางของนิติราษฎร์ 5 ข้อ ข้างต้น" ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
สมยศ พฤกษาเกษมสุข ชี้ ร่าง นิรโทษสุดซอย นำการเมืองไทยหายนะ Posted: 26 Oct 2013 10:06 PM PDT บรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin นักโทษทางความคิด คดี112 วิพากษ์พรรคเพื่อไทยกำลังก้าวเข้าสู่หายนะทางการเมือง ยืนยันมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ไม่ได้มาต่อสู้เพื่อความเมตตา เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 25 ต.ค.56 - นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กล่าวถึงการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม "สุดซอย" ของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุด เพราะนอกจากคนที่จะได้ประโยชน์จริงๆ เป็นฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พังไปด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้ ส.ส. 42 คน ที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ "วรชัย เหมะ" ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถผลักดันร่างที่นำเสนอให้สำเร็จได้ และเนื้อหายังถูกปรับเปลี่ยนไปอีกด้วย โดยนายสมยศ ได้เปรียบเทียบว่าเหมือนเสนอกฎหมายแมว แต่ได้กฎหมายหมา นายสมยศ ได้กล่าวเรียกร้องให้แกนนำเสื้อแดงรักษาสัญญาต่อประชาชนในการปราศรัยที่ โบนันซ่าว่าจะเร่งผลักดันให้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และผลักดันให้รัฐบาลลงนามในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) รวมทั้งการประกาศจะต่อสู้เพื่อเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีจุดยืนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน นายสมยศ ได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หาก ส.ส.เสื้อแดงปล่อยให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม "สุดซอย" ผ่าน ก็จะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ เหมือนคนไม่มีสัจจะ พร้อมทั้งเน้นย้ำหากต้องการเดินหน้า ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศจริง ต้องรักษาสัจจะที่ให้ไว้ต่อประชาชน หากทำได้เช่นนั้นก็จะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล นอกจากนั้น นายสมยศ ยังได้ตั้งคำถามถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าหากผลักดันจนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม "สุดซอย" ผ่าน จะมองหน้าญาติพี่น้องคนตาย จะมองหน้าประชาชนได้อย่างไร ทั้งนี้ นายสมยศ ยังกล่าวอีกว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม "สุดซอย" ขัดกับหลักแห่งความเสมอภาค เพราะนิรโทษกรรมให้ทุกฝ่ายแต่ยกเว้นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งความผิดที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากแนวคิดทางการเมืองเช่นเดียวกัน ซึ่งในที่สุดก็ขัดกับรัฐธรรมนูญนั่นเอง อย่างไรก็ตาม นายสมยศ กล่าวว่า ขณะนี้ขอสู้ต่อ หากไม่ไหวก็พร้อมตาย และยังเน้นย้ำถึงอุดมการณ์ในการต่อสู้ว่าเป็นการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ไม่ได้ต่อสู้เพื่อความเมตตา และกล่าวเพิ่มเติมว่าการต่อสู้ครั้งนี้มีความหมายต่อสังคมไทย เป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ และพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย ได้รับสิทธิประกันตัวเหมือนผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รายอื่น และยังยอมรับว่าการท้าทาย การต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ต้องลำบาก ทรมาน แต่ก็พร้อมยืนหยัดต่อสู้โดยไม่หวั่นไหว.
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
ข้อสังเกตเกี่ยวกับคำกล่าวของคุณสุนัย จุลพงศธรเรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศ Posted: 26 Oct 2013 07:24 PM PDT ผมฟังคลิปที่คุณสุนัย จุลพงศธรพูดเรื่องร่างกฎหมายนิรโทษกรรมกับเรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมมีข้อสังเกตดังนี้
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น