ประชาไท | Prachatai3.info |
- เพื่อนเที่ยว การอธิบายผ่านเศรษฐศาสตร์การเมือง
- 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์'ชะตากรรมที่ซ้อนทับกันระหว่าง พิน บางพูด และ วัฒน์ วรรลยางกูร
- ใบตองแห้ง: เลื่อนไม่เลื่อนก็เลอะ
- กวีประชาไท: จาก Barmouth ถึง ดอยสุเทพ
- สื่อเผยศาลนัดกลุ่มคัดค้านสร้างบ้านพักตุลาการดอยสุเทพ เจรจาที่ค่ายทหาร 2 เม.ย. นี้
- เครือข่ายกู๊ดอิเล็กทรอนิกส์เรียกร้องให้รับสมาชิกสหภาพแรงงาน GM เข้าทำงานหน้าที่เดิม
- 'อนุทิน' ระบุ 'ซิโนไทย' ไม่เคยใช้อิทธิพลขอขยายเวลาสร้างรัฐสภาใหม่
- เปิดชีวิตคนทำงานอุตสาหกรรมยานยนต์รัสเซีย ‘งานหนัก เสี่ยงเจ็บ-ตาย’
- เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส: ทหารเกณฑ์คือ อู่ข้าวอู่น้ำของกองทัพ
- ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แจ้งความกล่าวโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผู้เเพร่ภาพสามกษัตริย์สวมหน้ากากป้องกันมลพิษ
- เผยคณะเภสัชฯ ม.รังสิต ผลิต 'ยาพ่นกัญชาบรรเทาปวด' เตรียมขึ้นทะเบียน อย.
- โพลระบุคน กทม. ไม่ถึงครึ่งรู้ว่าวันที่ 2 เม.ย. เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย
- จะล้มเหลวสักอีกกี่ครา...จึงจะปรับปรุงขั้นตอนการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติ
- อดีตทหารเด็กพม่า ถูกสั่งจำคุกเพียงเพราะให้สัมภาษณ์เรื่องถูกบังคับเกณฑ์ทหารตอนเด็ก
เพื่อนเที่ยว การอธิบายผ่านเศรษฐศาสตร์การเมือง Posted: 31 Mar 2018 09:13 AM PDT | |
'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์'ชะตากรรมที่ซ้อนทับกันระหว่าง พิน บางพูด และ วัฒน์ วรรลยางกูร Posted: 31 Mar 2018 08:54 AM PDT ยิ่งกว่านิยาย แม้ว่า 'วัฒน์ วรรลยางกูร' จะได้เคยกล่าวถึง 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' (1981) นวนิยายเรื่องที่ 2 ของเขาว่า "...เป็นนิยาย เป็นเรื่องแต่ง เพียงแต่คนเขียนไม่เก่งมากขนาด ปั้นน้ำเป็นตัว หรือสร้างวิมานในอากาศ จึงอาศัยหยิบเหตุการณ์และตัวละครจริงส่วนหนึ่ง ประสมประเสวาดแต่งให้เป็นนิยายขึ้นมา ...นิยายก็คือนิยาย แม้อิงประวัติศาสตร์ ก็มิใช่บันทึกประวัติศาสตร์โดยตรง อยากรู้เบื้องลึกประวัติศาสตร์ ยังมีให้หาอ่านได้ แม้จะค่อนข้างบีบคั้นหวงห้าม…" และเมื่อได้กลับมาอ่าน 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' อีกครั้ง ประกอบกับติดตามความเป็นไปของนักเขียนผู้ผ่านวัยเกษียณอย่างเขาในห้วงปัจจุบัน (2018) กลับพบว่า บทบาทสมมติ อย่าง 'พิน บางพูด' ตัวละครหลักของ 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' ก็แทบจะแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับวิถี วัฒน์ วรรลยางกูร ตัวผู้เขียน ไม่ว่า พื้นเพชีวิต อาชีพการงาน ความคิดความอ่านและแน่นอนอุดมการณ์ของตัวละครและผู้เขียน 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์การเมืองว่าด้วยหนุ่มสาวนักอุดมคติที่มีความคิดฝันดีงามเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมบ้านเมืองจากเงื้อมมือเผด็จการศักดินาและบรรดาขุนศึกให้เป็นสังคมอุดมคติ ให้ประชาชนได้มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค แต่อำนาจที่พิน บางพูด ไม่อาจพูดถึงได้ต่างหากที่ชักใยอยู่เบื้องหลังให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 1973และจบลงด้วยโศกนาฏกรรมการล้อมฆ่านักศึกษาปัญญาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1976 ซึ่งวัฒน์ วรรลยางกูรเรียกว่า 'วันที่ 14 คือวันเตะหมูเข้าปากหมาป่า วันที่ 6 คือวันหมาป่าขย้ำลูกแกะ งานเขียนประเภทนวนิยายของวัฒน์ วรรลยางกูร ไม่ว่าเรื่อง 'ฉากและชีวิต l มนต์รักทรานซิสเตอร์ lจิ้งหรีดกับดวงดาว l บนเส้นลวด l คือรักและหวัง l ปลายนาฟ้าเขียว l สิงห์ สาโท และThe Pick-Up ขับชีวิตสุดขอบฟ้า เขามักสร้างตัวละครหลักที่มีพื้นเพเป็นหนุ่มปัญญาชนคนบ้านนอกที่ชีวิตรุ่มรวยด้วยความรักความผูกพันแต่กลับขาดตกบกพร่อง ขาดโอกาส ขาดทรัพย์สิน แต่ใฝ่ถวิลปีนป่ายไปให้ถึงดวงดาว ตัวละครหลักในนวนิยายของวัฒน์ วรรลยางกูรมักเป็นนักต่อสู้นักปีนป่ายที่ต้องทุ่มเททั้งชีวิตและหัวใจเพื่อไขว่คว้าให้ได้มาซึ่งโอกาสภายใต้โครงสร้างที่มีคนบางกลุ่มกุมบังเหียนเอาไว้มั่นไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ ทางสังคมและการเมือง ก็ไม่เคยเปิด ไม่เคยเอื้อให้และหากใครบังอาจแหยมหรือล้ำเส้นก็ต้องเซ่นสังเวยด้วยโศกนาฏกรรมทั้งในนามส่วนตัวและในนามของประเทศชาติ ฉากและชีวิตของนวนิยายของวัฒน์ วรรลยางกูรมันอบอวลด้วยกลิ่นสาบไอของคุ้งคลองท้องนาไปจนถึงบ้านเช่าซอมซ่อใจกลางกรุงของหนุ่มนักอุดมคติบ้านนอกผู้วิ่งไล่ไขว่ความฝันผู้มีวันเวลากลับไปเยี่ยมพ่อแก่ แม่และน้องเป็นครั้งคราวเมื่อยามอกหักหรืออยากพักจากเรื่องราวอันหม่นเศร้าในเมืองใหญ่ แม้ว่า 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' จะเป็นนวนิยายการเมืองเข้มข้นที่ส่งผลนำพาหนุ่มสาวนักศึกษา นักกิจกรรมหลายคนที่เคยอ่านให้ดั้นด้นค้นหาความหมายของชีวิตเหมือนพิน บางพูด ตัวละครเอกของเรื่อง แต่ความเป็นวัฒน์ วรรลยางกูร ผู้เป็นเหมือนตู้เพลงลูกทุ่งเคลื่อนที่ก็ไม่ละเลยที่จะหยอดเพลงลูกทุ่งคลาสสิคเข้าไปในเรื่องเล่าอันข้นคลั่กอย่างแยบคาย และใน'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์'นั้น พบว่า เพลงลูกทุ่งอย่าง สมัครรัก สมัครแฟน – ชาตรี ศรีชล l ฮักกันบ่ได้ดอก – สุชาติ เทียนทอง l ดอกรักบานแล้ว – ศรคีรี ศรีประจวบ l ผู้เสียสละ – สายัณห์ สัญญา l เหมือนข้าวคอยเคียว – เพลินพิศ พูลชนะ l บ้านนาสัญญารัก – นิยม มารยาท l คืนนั้นสวรรค์ล่ม/รังรักในจินตนาการ – ทูล ทองใจ l แหม่มปลาร้า – สายัณห์ สัญญา l น้องนางบ้านนา –ปอง ปรีดา ถูกหยอดถูกวางไว้ในที่ทางเพื่อสร้างอรรถรสของเรื่องเล่าให้มีเสียงเพลงคละเคล้าอย่างได้อารมณ์ ในวันที่ 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' นวนิยายที่เขาคิดพล็อตในห้วงเวลาลี้ภัยการเมืองในวัยหนุ่ม (1979) กลับมาตีพิมพ์อีกครั้งในวันนี้ (2018) เป็นวันที่วัฒน์ วรรลยางกูร ต้องลี้ภัยการเมืองการเมืองอีกครั้งนับแต่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2014 เป็นต้นมา ชะตากรรมของเขาในฐานะผู้เขียนกับพิน บางพูด ตัวละครที่เขาสร้างขึ้นจากจินตนาการดูไม่แปลกแตกต่างแม้ว่ากาลเวลาจะล่วงผ่านไปได้ 39 ปีแล้ว นั่นก็หมายความว่า ประเทศชาติในอุดมคติของเขา (แน่นอน- ของเราด้วยสิ) ยังอยู่ใต้อุ้งตีนและคมเขี้ยวของหมาป่าบ้าเลือด ชะตากรรมของวัฒน์ วรรลยางกูรในวัย 24 ปีที่เขาเริ่มคิดพล็อต 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' ยังคงมีชะตากรรมเดียวกันกับวัฒน์ วรรลยางกูรในวัย 63 ปี และซ้อนทับอย่างสนิทแนบเนียนกับชะตากรรมของ พิน บางพูด ตัวละครหลักของ'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์'ที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาเมื่อเกือบสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศชาติแบบไหนที่บีบคั้นกดดันให้นักคิด นักเขียน ปัญญาชนต้องหลบลี้หนีภัยการเมือง?
หมายเหตุ หนึ่ง l ภาพ portrait โดย สุมาลี เอกชนนิยม หมายเหตุ สอง l หากต้องการซื้อหนังสือ "ด้วยรักแห่งอุดมการณ์" สามารถหาซื้อได้ที่บู๊ธอ่าน และไรเตอร์ซีเคร็ท S39 โซน C2 ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ หรือสั่งซื้อออนไลน์กับสำนักพิมพ์ลูกสมุน โดยคลิกเข้าไปตามลิงค์นี้ครับ https://www.facebook.com/looksamoon
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ใบตองแห้ง: เลื่อนไม่เลื่อนก็เลอะ Posted: 31 Mar 2018 08:27 AM PDT
บิ๊กป้อมยืนยันไม่เลื่อนเลือกตั้งเกินโรดแม็ป ก.พ. 62 เชื่อได้ไหม ต้องเชื่อสิ เมื่อท่านให้คำมั่น แต่ถ้าจำเป็นต้องเลื่อน ก็อย่าไปทวงท่านเชียวนะ เดี๋ยวจะโดนตรวจท่อน้ำเลี้ยง แบบคนอยากเลือกตั้งทวงคำมั่นเลือกตั้ง พ.ย.61 ลุงตู่ก็ยืนยัน จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิด แค่นักกฎหมายใน กรธ. สนช. ต่างคนต่างคิด ไม่มีใครผิด แต่เพราะคิดไม่สมคบกันก็เลยต้องส่งศาลตีความ หวังว่าประชาชนคงเชื่อท่าน ทีเรื่องอื่นสั่งได้ซ้ายหันขวาหัน ทีเรื่องนี้กลับให้เสรีภาพทางความคิด แบบ สนช.เลื่อนเลือกตั้ง 90 วัน ท่านก็บอกว่าสั่ง สนช.ไม่ได้ ชาวบ้านไม่งงได้ไง กรธ.ยกร่างกฎหมาย สนช.แก้ไข แล้วตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เสียงส่วนใหญ่ตกลงกันได้ เอากลับไปผ่าน สนช.ด้วยมติท่วมท้น จนจะส่งนายกฯ ทูลเกล้าฯ อยู่แล้ว จู่ๆ ปู่มีชัยกลับทักว่าขัดรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาทั้งกระบวนการ ปู่ไปนั่งหลับอยู่ไหน กรธ. สนช.ทำไมไม่ถกให้กระจ่าง นี่ถ้าศาลตีความไม่ขัด เสียเวลาฟรี ใครรับผิดชอบ ชาวบ้านก็จะชี้ลุงตู่นี่แหละ ไม่ชี้ปู่มีชัยหรอก อธิบายยังไง คนก็ไม่เชื่อ ว่ามือกฎหมายชั้นปรมาจารย์ใน คสช.กรธ.สนช. ร่วมด้วยช่วยกันวุ่น ไปคนละทิศละทาง หรือแม้ความจริงจะเป็นอย่างนั้น ลุงตู่ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน มีแต่คนที่พอเข้าใจหลักกฎหมาย และตามดูผลงาน กรธ.สนช.มาแต่ต้น จึงเห็นว่าเลอะกันเหลือเกิน อย่างองค์กรอิสระ เดี๋ยวก็รีเซ็ต เดี๋ยวเซ็ตซีโร่ เดี๋ยวอยู่ต่อ เดี๋ยวต่ออายุ นี่กฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันไหม ว่าตามเนื้อผ้า ประเด็นอนุญาตให้ช่วยเหลือคนพิการลงคะแนน ฟังเหมือนน่าตีความ แต่ไม่น่าถึงขั้นเลือกตั้งโมฆะ อย่างที่เอามาขู่กัน เพียงแต่บ้านนี้เมืองนี้ ล้มเลือกตั้งง่ายเหลือเกิน จนเป็นโรคหวาดผวา แล้วถ้ากลัวอย่างนั้น เขียนกฎหมายให้ภาษารัดกุมก็ป้องกันได้ แต่สายเสียแล้ว เมื่อยื่นตีความก็ต้องใช้เวลา กระนั้นถ้าไม่อยากถูกกล่าวหาจงใจเลื่อนเลือกตั้ง คสช.ก็ยังแก้ได้ เพราะสามารถเตรียมความพร้อมต่างๆ ระหว่างรอโปรดเกล้าฯ และรอกฎหมายมีผลบังคับใช้ 90 วัน ถ้าพร้อมทุกอย่างก็จัดเลือกตั้งได้ใน 60-90 วัน ไม่ต้องรอ 150 วัน ตรงนั้นจะวัดความจริงใจ ไม่ conspiracy ไม่ใช่มีเวลาเท่าไหร่ก็ใช้ซะเต็มเหยียดคำถามสำคัญคือ คสช.พร้อมเข้าสู่เลือกตั้งหรือยัง ลุงตู่จะเปิดเฟสบุ๊ค ก็ลองถามชาวบ้านดูสิ เชื่อหรือไม่ ท่านอยากเลือกตั้งเต็มทีแล้ว อยากลงจากเก้าอี้ ไปขี่ช็อปเปอร์กับเพื่อนรักฉัตรชัย (หรือไม่ลงจากเก้าอี้ เป็นนายกฯ คนนอกต่อ ก็ถามจริง พร้อมไหม) ประเทศไทยวันนี้เหมือนอยู่กันด้วยการแขวนเหยื่อล่อไว้ข้างหน้า ขอเวลาอีกไม่นาน จะมีเลือกตั้งๆๆ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ และไม่รู้มีเลือกตั้งแล้วจะเป็นอย่างไร ระบอบนายกฯ คนนอก ส.ว.แต่งตั้ง จะมั่นคงจริงไหม เราอยู่กับความเชื่อว่าเดี๋ยวจะมีเลือกตั้งๆๆ.. อดทนอดกลั้นกันหน่อย ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญบวรศักดิ์แล้วคว่ำ ผ่านประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ท่านผู้นำให้คำมั่น พ.ย.61 แต่ สนช.ยื้อบทเฉพาะกาล แล้วท่านก็ให้คำมั่นอีกที ก.พ.62 ถ้าบอกกันเสียแต่แรกว่าจะอยู่ 5 ปี ก็ยังมีความมั่นคงแน่นอน ไม่ต้องมาผัดผ่อน จนถูกทวงไม่หยุดหย่อน พูดอย่างนี้ไม่ใช่จะว่า คสช.แขวนเหยื่อล่อ หลอกให้รอเลือกตั้งไปเรื่อยๆ ลดแรงกดดัน จะไปแล้วนะ ไม่ต้องไล่ ฯลฯ แบบนั้นยังไม่เท่าไหร่ ที่น่าหนักใจคือ คสช.ก็ไม่รู้ไง ไม่แน่นอน ไม่แน่ใจ ตัวเองก็กำหนดไม่ได้จะลงจากอำนาจเมื่อไหร่ ลงแบบไหน ลงแล้วจะเป็นอย่างไร ฯลฯ ได้แต่อยู่ไปวันต่อวันเหมือนกัน
ที่มา: www.khaosod.co.th ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
กวีประชาไท: จาก Barmouth ถึง ดอยสุเทพ Posted: 31 Mar 2018 08:20 AM PDT
เมืองท่องเที่ยว ด้านหน้า ติดทะเล ด้านหลังพิง หินหนา ภูผาใหญ่ ร้านขายเนื้อ- ขนมปัง ครั้งปู่-พ่อ หลังตัวเมือง ตามเนิน เดินขึ้นเขา อากาศหนาว ลมแรง ไร้เเสงแดด ตามทางแคบ คดเคี้ยว เลี้ยวเลาะย่าง ถึงรั้วหิน ทอดยาว ราวหลักเขต ฟ้าค่ำมืด แต่หัวใจ ไม่มืดหม่น "ดอยสุเทพ: เชียงใหม่" ดอยสุเทพเทพจับจอง..เฮือนตุลาการครอง ละเลงละลายภาษี..สูเจ้าบ่อมี เบียดแป๋งข่มขืนดงดอย..หมู่สูสองฮ้อย พันล้านรุกไถไล่ถาง..กิ๋นป่าเตียนร้าง สูอยู่ค้ำหัวประชา..ดั่งเตวะดา ปู้คนกี่แสนกี่ล้าน...ขาดตี้คุ้มกะบาล ตำแหน่งสูเจ้าก่อมี..บ้านหลวงอยู่ฟรี "จริยธรรม" พร่ำสาธยาย..สูถ่มน้ำลาย
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
สื่อเผยศาลนัดกลุ่มคัดค้านสร้างบ้านพักตุลาการดอยสุเทพ เจรจาที่ค่ายทหาร 2 เม.ย. นี้ Posted: 31 Mar 2018 07:24 AM PDT 'เว็บไซต์แนวหน้า' รายงานข่าวระบุว่าตัวแทนศาลอุทธรณ์ภาค 5 นัดหมายเจรจากับตัวแทนภาคประชาชน จ.เชียงใหม่ ที่คัดค้านการสร้างบ้านพักตุลาการบริเวณดอยสุเทพ วันที่ 2 เม.ย. ที่มณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ 31 มี.ค. 2561 เว็บไซต์แนวหน้า รายงานว่าความคืบหน้ากรณีประชาชนจากภาคส่วนต่างๆ ใน จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการที่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กระทั่งมีการรวมตัวเป็นภาคีเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ขณะที่เลขาธิการศาลยุติธรรม ได้ออกมาประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าโครงการก่อสร้างดังกล่าวดำเนินการอย่างถูกต้องถามกฎหมาย และใช้งบประมาณค่อนข้างมาก โดยใกล้จะก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องเดินหน้าต่อไปนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่ากระแสการวิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านโครงการดังกล่าว ยังคงแพร่ลามไปอย่างกว้างขวางในกลุ่มประชาชน จ.เชียงใหม่ เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่โครงการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่อยู่ที่ความเหมาะสมในการเข้าไปใช้พื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ลาดเอียงในเขตกันชนไฟป่า และที่สำคัญก็มีการทักท้วงอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2558 แล้ว อย่างไรก็ตามจากกระแสที่คุกรุ่นดังกล่าว ทำให้ล่าสุดมีรายงานว่าตัวแทนศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการดังกล่าวได้ขอนัดหมายเจรจากับตัวแทนภาคประชาชนที่คัดค้านในวันที่ 2 เม.ย. 2561 เวลา 13.30 น. ที่ภายในมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เครือข่ายกู๊ดอิเล็กทรอนิกส์เรียกร้องให้รับสมาชิกสหภาพแรงงาน GM เข้าทำงานหน้าที่เดิม Posted: 31 Mar 2018 07:00 AM PDT เครือข่ายกู๊ดอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้บริษัท เจนเนอรัลมอเตอร์ส (ประเทศไทย) รับสมาชิกสหภาพแรงงานทุกคนกลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม สภาพการจ้างเดิมทุกประการ 31 มี.ค. 2561 เครือข่ายกู๊ดอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ "คืนเสรีภาพในการรวมกลุ่มและสภาพการจ้างเดิมให้แก่พนักงานที่ถูกเรียกกลับเข้าทำงานทุกคน" โดยระบุว่าเครือข่ายกู๊ดอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย (Good Electronics Thailand-GET) เป็นเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์การพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน นักกิจกรรมแรงงาน และสหภาพแรงงาน ที่มุ่งส่งเสริมปกป้องสิทธิแรงงานในอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์และที่เกี่ยวข้อง ติดตามความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมในด้านมาตรฐานแรงงาน จรรยาบรรณทางการค้า สุขภาพความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมและเชื่อมประสานกับองค์กรแรงงานระดับสากลเพื่อเฝ้าระวังการละเมิดสิทธิแรงงานตามหลักจรรยาบรรณทางการค้าของ EICC จากกรณีสหภาพแรงงานเจนเนอรัลมอเตอร์ส ประเทศไทยกับบริษัท เจนเนอรัลมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง มีปัญหาข้อพิพาทแรงงานที่ไม่สามารถตกลงกันได้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 และนายจ้างใช้สิทธิปิดงาน (งดจ่ายจ้าง) เฉพาะพนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานกว่า 300 คน จนเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 สมาชิกสหภาพแรงงานจำนวน 72 คน ทนต่อสภาวะเศรษฐกิจไม่ไหว จึงรับข้อเรียกร้องของนายจ้างทั้งหมดเพื่อขอกลับเข้าทำงาน แต่นายจ้างกลับไม่ให้สมาชิกสหภาพแรงงานเข้าทำงานแต่อย่างใด สมาชิกสหภาพแรงงาน พร้อมกับประธานและเลขาธิการสหภาพแรงงาน รวมทั้งหมด 72 คน จึงยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (ครส.) เรื่อง การกระทำอันไม่เป็นธรรม ซึ่งต่อมา ครส.มีคำสั่งให้บริษัทฯ รับสมาชิกสหภาพแรงงาน 70 คนกลับเข้าทำงานพร้อมจ่ายค่าเสียหายนั้น บริษัทฯ จึงเรียกพนักงานทุกคนให้ไปรายงานตัวเพื่อกลับเข้าทำงานที่สนามกอล์ฟ พัฒนากอล์ฟคลับ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2561 ทั้งยังยื่นชุดข้อเสนอให้พนักงานพิจารณา และยื่นหนังสือคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานที่คลังสินค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยปรับลดค่าจ้างเหลือเพียงค่าจ้างขั้นต่ำ 9,600 บาท ตัดสวัสดิการทั้งหมด และลดตำแหน่งความรับผิดชอบ โดยมอบหน้าที่ใหม่ให้ไปขูดสีตีเส้นบริเวณพื้นของคลังสินค้าดังกล่าว เป็นแรงงานไร้ฝีมือ โดยสั่งให้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2561 คำสั่งของนายจ้างข้างต้น ทำให้พนักงานหลายคนวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะต้องแยกกันอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดระยองและใกล้เคียง พนักงานส่วนใหญ่จึงตัดสินใจไม่เดินทางไปตามคำสั่งของนายจ้าง และต้องยอมลาออกไปเองเพราะไม่สามารถทนทำงานในสถานที่ทำงานแห่งใหม่และสภาพการจ้างานใหม่ได้ เหลือพนักงานที่สามารถเดินทางไปทำงานที่คลังสินค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพียง 9 คน ผลกระทบจากคำสั่งของนายจ้างถือเป็นการกลั่นแกล้งพนักงาน ให้ไม่สามารถทนทำงานต่อไปได้ เป็นการละเมิดกฎหมายแรงงาน สิทธิมนุษยชน และมีเจตนาทำลายสหภาพแรงงานอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ พนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานทั้ง 9 คนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากรายได้ลดลงและไม่สามารถดูแลลูกและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามฉุกเฉิน รวมทั้งมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ในจำนวนพนักงาน 9 คนมีพนักงานหญิง 1 คนที่ต้องเดินทางไปทำงานร่วมกับพนักงานชาย 8 คน ต้องเสาะหาที่พักเพียงลำพัง ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อแรงงานหญิง ทั้งยังเป็นการกดขี่ทางเพศอย่างรุนแรง จากการกระทำดังกล่าว บริษัท เจนเนอรัลมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ถือว่าไม่มีความจริงใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และละเมิดกฎหมายไทยในการลดตำแหน่งและลดค่าจ้างของพนักงาน รวมทั้งมาตรฐานแรงงานสากลและ GM Code of Conduct เครือข่ายกู๊ดอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้บริษัทฯ 1.รับสมาชิกสหภาพแรงงานทุกคนกลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม สภาพการจ้างเดิมทุกประการ ซึ่งไม่ทำให้พนักงานเดือดร้อนมากกว่านี้ 2.หยุดทำลายแกนนำและสหภาพแรงงานทันที และ 3.ปฏิบัติตามกฎหมายไทย มาตรฐานสากล และ GM Code of Conduct ในการเคารพสิทธิแรงงาน ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
'อนุทิน' ระบุ 'ซิโนไทย' ไม่เคยใช้อิทธิพลขอขยายเวลาสร้างรัฐสภาใหม่ Posted: 31 Mar 2018 06:45 AM PDT เสวนาตรวจสอบปัญหาการทุจริตประพฤติชอบกรณีรัฐสภาแห่งใหม่ 'อนุทิน ชาญวีรกูล' หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะบุตรชายของผู้บริหารบริษัท ซิโนไทย ระบุทุกครั้งที่ขยายสัญญาเพราะมีเหตุจำเป็นที่เกิดจากความผิดพลาดในการส่งมอบพื้นที่ ไม่ใช่ความผิดของบริษัทฯ และไม่เคยใช้อิทธิพลในการต่อสัญญา ส่วนงานระบบไอทีไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่บริษัทฯ ต้องรับผิดชอบ ภาพความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บางส่วน ณ วันที่ 29 มี.ค. 2561 ที่มาภาพประกอบ: โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ 31 มี.ค. 2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่าคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายตรวจสอบภาคประชาชน จัดเวทีประชาชนตรวจสอบคอร์รัปชั่น ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย หัวข้อ ตรวจสอบปัญหาการทุจริตประพฤติชอบ กรณีไอที-รัฐสภาแห่งใหม่ โดยมีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะบุตรชายของผู้บริหารบริษัท ซิโนไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ร่วมการเสวนา โดยนายวัชระ เริ่มเปิดประเด็นเรื่องการขยายเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่ามีการขยายเวลาการก่อสร้างออกไป 1,482 วัน จากเดิมในสัญญากำหนดไว้เพียง 900 วัน รวมต้องใช้เวลาการก่อสร้างถึง 2,382 วัน ซึ่งถือว่า บริษัทผู้รับเหมาเป็นบริษัทที่ได้รับความเมตตาจากรัฐมากที่สุด ที่ให้ขยายเวลาการก่อสร้างไปถึง 3 ปี จึงตั้งข้อสังเกตว่า การขยายเวลาครั้งแรกที่นายจเร พันธุ์เปรื่อง อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อนุมัติการขยายเวลาไม่ครบตามจำนวนที่บริษัท ซิโนไทยฯ ขอมา ทำให้นายจเรถูกคำสั่ง ม.44 ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามว่า ในเมื่อบริษัทรับเหมาก่อสร้างทราบอยู่แล้วว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะส่งมอบพื้นที่แต่ละส่วนไม่พร้อมกัน เหตุใดจึงไม่มีการวางแผนเพื่อรองรับเหตุการณ์เหล่านี้ และตั้งคำถามอีกว่า ทางบริษัทได้รับมอบพื้นที่ครบทั้งหมดในวันใด และแต่งเติมห้องโถงชั้นล่างของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่ออกแบบให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานที่รับลมจากธรรมชาติ แต่มีการปรับแก้ไขแบบให้มีเครื่องปรับอากาศ ขณะเดียวกันเตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เพราะมีความมั่นใจว่าการก่อสร้างรัฐสภาใหม่มีความผิดปกติ โดยหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะไปยื่นร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วย ซึ่งตนมีข้อมูลในเชิงลึกพอสมควร และจะนำเรื่องการทุจริตก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ไปส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบด้วย ขณะที่นายอนุทิน กล่าวว่าพ่อของตนได้ก่อตั้งบริษัท ซิโนไทยฯ มานาน 50 กว่าปีแล้ว และการที่ต้องมาชี้แจงในวันนี้ เพราะมีการพาดพิงว่าบริษัทซิโนไทยฯ ใช้อิทธิพลในการรับว่าจ้างและการต่อสัญญามาด้วย โดยยืนยันว่าทุกครั้งที่ขยายสัญญา เพราะมีเหตุจำเป็นที่เกิดจากความผิดพลาดในการส่งมอบพื้นที่ ไม่ใช่ความผิดของบริษัทซิโนไทยฯ และไม่เคยใช้อิทธิพลในการต่อสัญญา พร้อมยืนยันว่าการร่วมเสวนาในวันนี้ (31 มี.ค.) ไม่ได้มาในเรื่องของการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับการขยายเวลาการก่อสร้างตามที่นายวัชระตั้งข้อสังเกตนั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า สิ่งที่นายวัชระกล่าวหา ไม่มีความจริงทั้งสิ้น เป็นเพียงการคาดเดา อีกทั้งในช่วงการอนุมัติงบประมาณการก่อสร้าง เป็นช่วงที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่นายชัย ชิดชอบ แต่อย่างใด ส่วนกำหนดเวลาการก่อสร้าง 900 วัน ตามสัญญานั้น ทางบริษัทซิโนไทยฯ ไม่ได้เป็นผู้กำหนด และหากการส่งมอบพื้นที่เป็นไปตามกำหนด ทางบริษัทก็ต้องก่อสร้างให้เสร็จภายในเวลา 900 วันตามสัญญา ทั้งนี้ผู้รับจ้างไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ ไม่ใช่เจ้าของดิน ผู้รับจ้างเป็นผู้รอรับคำสั่ง บริษัทซิโนไทยฯ ไม่ได้รู้ล่วงหน้าได้ว่าจะส่งมอบพื้นที่ไม่ทันตามกำหนด รู้เพียงว่าหากส่งมอบพื้นที่เสร็จ บริษัทจะใช้เวลาก่อสร้าง 900 วัน แต่เมื่อการส่งมอบพื้นที่แล้วเสร็จเมื่อปี 2559 การก่อสร้างก็จะเสร็จในปี 2562 ตามสัญญา 900 วัน "ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการของบประมาณเพิ่มเติม เพื่อติดตั้งระบบไอทีของรัฐสภาแห่งใหม่นั้น งานระบบไอทีไม่ได้อยู่ในขอบเขตหรือเนื้องานที่บริษัทซิโนไทยฯ ต้องรับผิดชอบ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในการออกแบบ และเรื่องระบบงานไอทีก็ไม่เกี่ยวข้องกับการขอขยายเวลา ดังนั้นที่กล่าวหาว่าการขยายเวลาทำให้รัฐเกิดความเสียหายนั้นขอชี้แจงว่าบริษัทฯ ไม่ได้ทำผิดอะไร และไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเสียหายใดๆ จึงขออย่ากล่าวหาว่าบริษัทฯ ทำให้รัฐเสียหาย" นายอนุทิน กล่าว ด้านนายวิลาศ ระบุไม่เคยกล่าวอ้างบริษัทเอกชน เพราะเข้าใจการทำงานของบริษัทเอกชน แต่ส่วนตัวไม่เคยเห็นโครงการใดที่เละเท่าโครงการการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยเฉพาะการขยายเวลาการก่อสร้างที่สังคมยังไม่ทราบว่า เป็นเพราะการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจ้าง บริษัทเมอร์ลิน โซลูชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อออกแบบระบบไอทีด้วยวิธีพิเศษ ไม่ได้จัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคา โดยอ้างว่ามีเวลาจำกัด ทั้งที่ส่วนตัวเห็นว่าก่อนหน้านี้มีเวลามานานแล้ว เหตุใดจึงมาจ้างบริษัทดังกล่าวด้วยวิธีพิเศษในเวลานี้ และจากการชี้แจงของทีมสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรถึงงบประมาณการติดตั้งระบบไอทีที่เพิ่มขึ้นมาเมื่อวันพฤหัสบดี (29 มี.ค.) ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ชัดเจนเรื่องเหตุผล ส่วนที่ตนเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีการทุจริตเกิดขึ้นเนื่องจากข้าราชการที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการมักจะมีความก้าวหน้ามากเป็นพิเศษ จากนั้นนายโชติจุฑา อาจสอน กรรมการบริหารที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ชี้แจงเรื่องการขยายระยะเวลาการก่อสร้าง 3 ครั้งว่า ที่ผ่านมาได้มีการชี้แจงออกมาเป็นระยะ เป็นข้อมูลที่เปิดเผยอยู่แล้ว ทั้งนี้การทำงานจะต้องมีการแก้ปัญหาและอุปสรรคมาตลอด ครั้งแรกที่มีการขอขยายเวลา เนื่องจากพบปัญหาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าและปัญหาการทิ้งดิน ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่จะส่งมอบพื้นที่และจัดหาสถานที่ทิ้งดินล่าช้า ส่วนการขยายเวลาครั้งที่สองก็มีปัญหาต่อเนื่องจากการขุดดินเพื่อสร้างห้องใต้ดิน เพราะหากนำดินออกไปจากพื้นที่ไม่ได้ ก็ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างชั้นใต้ดินได้ ซึ่งใช้เวลานานมาก และผู้บริหารของสภาฯ คนเก่าไม่กล้าตัดสินใจในการขายดินส่วนที่ขุดออกมา ขณะเดียวกันเวลานั้นก็ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ยังส่งมอบไม่เสร็จ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ต้องใช้ในการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนโครงเหล็กหลังคาห้องประชุม ส.ส.และห้องประชุม ส.ว.ด้วยการสไลด์ชิ้นส่วนผ่านพื้นที่ดังกล่าวเข้ามาในส่วนการก่อสร้างอาคาร พร้อมย้ำว่าการขยายเวลาทั้ง 3 ครั้งนั้น มีเหตุผลที่ชัดเจน สำหรับงบประมาณในส่วนของระบบไอทีนั้น ตั้งแต่ปี 2552 ได้ตั้งกรอบวงเงินงบประมาณในส่วนนี้ไว้ 3,200 ล้านบาท และเมื่อประกวดการออกแบบจนได้บริษัทออกแบบมาทำงาน กลับพบว่าการก่อสร้างทั้งหมดจะต้องใช้พื้นที่และงบประมาณเพิ่มขึ้น จึงได้แยกงานไอที สาธารณูปโภคและงานประกอบอาคารออกจากสัญญา เนื่องจากงบประมาณที่วางไว้ไม่พอ อีกทั้งงบประมาณดังกล่าวถูกนำไปใช้ในส่วนอื่น ต่อมาพบว่าการออกแบบระบบไอทีของบริษัทเดิมยังไม่ทันสมัยเพียงพอ จึงต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อมาศึกษาและใช้เวลาค่อนข้างนานในการศึกษา จากนั้นได้จัดจ้างบริษัทใหม่ที่ไม่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี จนได้บริษัท เมอร์ลินฯ เข้ามาดำเนินการออกแบบระบบไอที ซึ่งบริษัท เมอร์ลินฯ ได้ออกแบบระบบไอทีที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากขึ้นกว่าวงเงินเดิม จึงเป็นที่มาของการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวทีการเสวนาวันนี้ (31 มี.ค.) ได้มีผู้ร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก อาทิ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย, นายพีระ นาควิมล ผู้อำนวยการการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริษัทซิโน-ไทยฯ และนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นต้น ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เปิดชีวิตคนทำงานอุตสาหกรรมยานยนต์รัสเซีย ‘งานหนัก เสี่ยงเจ็บ-ตาย’ Posted: 31 Mar 2018 05:29 AM PDT เผยชีวิตคนทำงานอุตสาหกรรมยานยนต์ในเมืองโตลยาติ ประเทศรัสเซีย ต้องทำงานหนัก 12 ชั่วโมงต่อวัน ตลอด 6 วัน ทำงานเกินขีดจำกัด สถานที่ทำงานไม่ปลอดภัย คนทำงานเจ็บ-ตาย บ่อยครั้ง หลังจากมีข่าวการเสียชีวิตระหว่างทำงานของคนงานในเมืองโตลยาติ (Tolyatti) เมืองอุตสาหกรรมยานยนต์หลักของรัสเซีย เว็บไซต์ Socialist News ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับคนงานในโรงงานของโตลยาติ ที่ต้องทำงานเกินเวลา และเผชิญกับภาวะความไม่ปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ทำให้มีหลายคนได้รับบาดเจ็บหรือพิการ ไปจนถึงเสียชีวิต โตลยาติเมืองอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในเขตซามารา (Samara) ประเทศรัสเซีย ที่มาของชื่อเมืองเป็นการตั้งเพื่ออุทิศแก่พัลมิโร โตลยาติ ผู้นำคอมมิวนิสต์ชาวอิตาลีผู้ล่วงลับ เป็นฐานการผลิตยานยนต์หลักให้กับบริษัทรถยนต์หลายยี่ห้อ มีคนงานมากกว่า 7 แสนคน เดิมทีมีรัฐบาลกลางของสหภาพโซเวียตเป็นคนถือครองกิจการ ก่อนจะแปรรูปให้เอกชนมาถือครองในปี 2532 เมืองโตลยาติ (Tolyatti) เมืองอุตสาหกรรมยานยนต์หลักของรัสเซีย (ที่มาภาพ: wikimedia.org) เมื่อเดือน ต.ค. 2559 วาเลนติน นาโซนอฟ คนงานในโรงงาน 'AvtoVAZ' ที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถประจำทางเพื่อเดินทางกลับที่พักหลังเลิกงาน แต่ถูกคนคุมงานขอให้เขากลับไปทำงานต่ออีก 4 ชั่วโมง แม้ว่าเขาจะไม่สบาย หลังจากเลิกงานครั้งที่ 2 เขาหน้ามืดล้มลงกับพื้นขณะเดินออกจากโรงงาน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับชีวิตคนงานภายของโรงงานหลายแห่งของโตลยาติ แอนนา เปโรวา คนงานที่ในโรงงาน AvtoVAZ ให้สัมภาษณ์กับ Socialist News ถึงชีวิตคนงานในโรงงานที่ต้องเผชิญการทำงานเกินเวลา หลายคนต้องพิการไปจนถึงเสียชีวิต โดยปราศจากการชดเชยที่เพียงพอ โดยเธอเองก็เป็นผู้ที่ต้องเสียนิ้วมือ 3 นิ้ว เพราะเครื่องบีดอัดที่ขัดข้องระหว่างที่เธอกำลังปฏิบัติงานอยู่ แม้ผู้ตรวจสอบในโรงงานจะเผยออกมาว่าเครื่องกลที่เธอทำงานอยู่นั้นอยู่ในสภาพที่บกพร่อง แต่ทางโรงงานกลับไม่ได้ยอมรับความผิดพลาดดังกล่าว เมื่อเธอนำเรื่องฟ้องสู่ศาล คำตัดสินนิยามการสูญเสียนิ้วมือของเธอ ว่าเป็นการบาดเจ็บเล็กน้อย และสั่งให้ทางโรงงานจ่ายค่าเสียหายให้เธอเพียง 50,000 รูเบิลหรือราว 627 ยูโร ซึ่งเธอเห็นว่าถ้าหากกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นในยุโรปจะมีการจ่ายค่าเสียหายสูงถึง 50,000 ยูโร การสูญเสียนี้ทำให้เธอไม่สามารถทำงานได้ในภาคส่วนที่เคยทำมาได้อีกต่อ มือที่สูญเสียนิ้วไปของเปโรวา (ที่มาภาพ: Socialist.News) เปโรวายังเผยอีกว่ามีอีกหลายกรณี อย่างก่อนที่จะมีกรณีของเธอนั้นมีคนงานที่ต้องเสียแขนไปจากการทำงาน เพราะเครื่องจักรที่บกพร่องจากการใช้งานมาอย่างยาวนาน "คนที่นี้ต้องทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวัน ตลอด 6 วันต่อสัปดาห์ พวกเขาต้องทำงานเกินขีดจำกัด และสถานที่ทำงานก็ไม่ได้มีความปลอดภัย นำไปสู่ได้รับบาดเจ็บหรือตาย" เธอระบุ เปโรวายังยกตัวอย่างอีก เช่นกรณีมีหญิงสาวที่สะดุดล้มแล้วถูกท่อส่งน้ำทิ้งหล่นลงมาทับที่หลัง แต่เธอไม่กล้าที่จะบอกคนในโรงงาน หลังจากนั้นเธอเสียชีวิตจากการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง หรือคนงานชายเสียชีวิตจากการตกจากที่สูง เพราะขึ้นไปทำความสะอาดหน้าต่าง ทางโรงงานจ่ายเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพียง 3 แสนรูเบิล (ประมาณ 3,700 ยูโร) และไม่มีการสอบสวนหาสาเหตุการตายดังกล่าว "พวกเขากลัวผลที่จะตาม หากบอกเรื่องการบาดเจ็บออกไป กลัวที่โดยไล่ออก ลดตำแหน่งงานลง" เปโรวาอธิบายว่าการที่พนักงานถูกเลิกจ้างงานกะทันหันเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยครั้ง ทำให้คนงานไม่มีสถานการต่อรอง ถึงแม้จะมีการก่อตั้งสหภาพภายในโรงงานหลายแห่งในเมืองแต่ถูกสกัดกั้นโดยผู้ประกอบการมาโดยตลอด หลายคนโดยบีบให้ออกจากการเป็นแกนนำสหภาพ
ที่มาเรียบเรียงจาก
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส: ทหารเกณฑ์คือ อู่ข้าวอู่น้ำของกองทัพ Posted: 31 Mar 2018 03:09 AM PDT สัมภาษณ์พิเศษอดีต ผบ.ตร. หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ผู้ประกาศกร้าว "หากผมมีอำนาจจะยกเลิกทหารเกณฑ์" ตอบทุกคำถาม ทหารเกณฑ์มีไว้ทำไม ยอดเรียกทหารเข้ากรมกอง 1 แสน 4 พันมากเกินไปหรือไม่ ถ้าไม่อยากเป็นทหารไม่ใช่ลูกผู้ชายหรือเปล่า และองค์กรขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "กองทัพ" มีอะไรต้องปฏิรูปบ้าง นับได้ว่าตั้งแต่มีการเกณฑ์ทหารในประเทศไทยจากข้อมูลที่พอจะหาได้พบว่าในปี 2561 เป็นปีที่มียอดความต้องการทหารกองประจำการมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 104,734 คือตัวเลขล่าสุดที่กองทัพออกมาแถลงข่าวเรียกพลเรือนเข้ากรมกอง ข้อมูลที่ย้อนกลับไปได้ไกลที่สุดคือปี 2537 ในปีนั่นมีความต้องการทหารทั้งหมด 85,080 นาย และตลอดเวลา 24 ปีความต้องการทหารเกณฑ์น้อยที่สุดอยู่ในปี 2541 ตัวเลขอยู่ที่ 74,004 นาย ก่อนที่จะขยับกลับมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทำลายสถิติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คำถามเดียวกันดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศว่า ทำไมกองทัพจึงมีความต้องการทหารเกณฑ์เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ข้อมูลเชิงสถิติจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า อัตราการเกิดของประชากรชายไทยลงไปเรื่อยๆ ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงกับจำนวนทหารเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้น หรือเป็นได้ไหมว่าบ้านเมืองเรากำลังเผชิญหากับปัญหาสงคราม คำตอบก็คือ ไม่ ทหารเกณฑ์หลายคนที่เข้าไปอยู่ในกรมกองก็ส่งเสียงออกมาว่า งานของพวกเขาส่วนใหญ่คือ การเป็นฝูงบินต่ำ รบกับหญ้า ฆ่ากับมด คุณภาพชีวิตตามมีตามเกิด เรียกร้องสิทธิมากก็โดน "แดก" ชนชั้นนายว่า ชนชั้นที่ถูกมองเป็นข้าขี้ก็ต้องทำตาม พวกที่สมัครใจไปเป็นทหารก็พอมี แต่คนที่ไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์แต่ต้องจากบ้าน จากงาน จากเมียไปเพราะใบแดงก็มีเยอะ ข่าวคราวทหารเกณฑ์ถูกซ่อม ถูกซ้อม ตายคาค่ายก็มีให้เห็นมาตลอด แต่ก็นั่นแหละได้แต่อ่าน นั่งทำตาปริบๆ แล้วก็คิดในใจ เราทำอะไรกันได้บ้าง ความคิด ข้อเสนอ เรื่องการยกเลิกระบบเกณฑ์ทหาร มีการพูดถึงอยู่หลายครั้ง งานวิจัยที่ทหารเป็นคนศึกษาวิธีการทดแทนการเรียกเกณฑ์ทหารแบบบังคับก็มีให้เห็น แต่ก็ลอยอยู่ในอินเทอร์เน็ตรอใครสักคนโหลดไปอ่าน หรือไม่ก็ถูกวางให้ฝุ่นเกาะอยู่เงียบๆ ในชั้นวางหนังสือของกองทัพ จะกี่ปีต่อกี่ปีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ท่ามกลางความหดหู่ ความอดทนอดกลั้นของชายไทยผู้มีอายุถึงวัยเกณฑ์ทหาร ชายผู้หนึ่งมีไอดีติดตัวเป็นถึง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หน้านิ่ง ตาแข็ง น้ำเสียงหนักแน่น อัพโหลดคลิปสัมภาษณ์ลงช่องยูทูป "เสียงเสรี SEREE VOICE" ประกาศกร้าวว่า "หากผมมีอำนาจจะยกเลิกทหารเกณฑ์" ทหารเกณฑ์มีไว้ทำไม ทำไมถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเป็นทหารเท่ากับไม่รักชาติ ไม่ใช่ลูกผู้ชายใช่ไหม และองค์กรขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "กองทัพ" มีอะไรต้องปฎิรูปบ้าง ประชาไทสัมภาษณ์พิเศษชายที่ชื่อว่า เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หนึ่งในอีกหลายคนที่กล้าพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจใยดีว่ายุคนี้ใครใหญ่ ใครคุม หรือจริงๆ แล้วมีใครที่ใหญ่กว่า คสช. 000000
รัฐที่ไม่มีสงคราม แต่ยังเรียกเกณฑ์ทหารจำนวนมาก เป็นรัฐที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสรีพิศุทธ์ เริ่มต้นด้วยการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมจำนวนทหารเกณฑ์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกปี ในขณะที่อัตราการเกิดของประชากรไทยชายกลับไม่ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีต อีกทั้งสถานการณ์ในประเทศไทยก็ไม่ได้เผชิญหน้ากับสภาวะสงคราม เขาชี้ให้เห็นว่าเหตุผลที่แท้จริงอาจมีบางสิ่งแฝงเร้นอยู่ "ก่อนหน้านี้เราก็รู้ว่าทหารเกณฑ์ไปก็เพื่อทุจริตกัน ทุจริตกันตั้งแต่ก่อนเข้า ใครเกณฑ์ ใครไม่เกณฑ์ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ หรือแม้กระทั่งจะอ้างป่วยเอาใบรับรองแพทย์ก็มีราคา เมื่อเกณฑ์ไปแล้ว เสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม หมวก กางกุ้งกางเกง เบี้ยเลี้ยง ค่ายารักษาโรค งบการฝึกเขามีให้หมด คุณโกงเขาหรือเปล่า คุณทำตามระเบียบหรือเปล่า มีเสียงที่บ่นมาเยอะแยะ บอกถูกโกงกันทั้งนั้น" อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สรุปให้เห็นภาพชัดว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนทหารเกณฑ์นั้น มีความเกี่ยวข้องกับการหาผลประโยชน์ของกองทัพ จากภาษีของประชาชน โดยอาศัยกฎหมายที่บังคับชายไทยอายุ 20 ปีจะต้องเข้ารับการตรวจคัดเลือกเป็นทหารกองประจำการ แม้บางคนที่เรียนอยู่ หรือประกอบอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวจะสามารถผ่อนผันได้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเกณฑ์ทหารอยู่ดี ไม่เว้นแม้แต่คนบวชเป็นพระที่ต้องห่มจีวรมาเข้ารับการตรวจคัดเลือก สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเกณฑ์ทหารถูกมองว่าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับประเทศไทย เสรีพิศุทธ์ หยิบข้อมูลขึ้นมาชี้ให้เห็นต่อไปว่า ในขณะที่ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับการเกณฑ์ทหาร แต่มีอีกหลายประเทศที่ยกเลิกกการเกณฑ์ทหารไปแล้ว เช่น มาเลเชีย ญี่ปุ่น ออสเตเรีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ปากีสถาน อังกฤษ ฝรังเศส เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา "ออสเตรเลียยกเลิกตั้งแต่ปี 2512 เลิกมา 50 ปีแล้ว เบลเยียมยกเลิกตั้งแต่ปี 2537 บัลแกเรีย กับโครเอเซียยกเลิกเมื่อปี 2551 ฝรั่งเศสยกเลิกในปี 2554 เลบานนอนยกเลิกในปี 2550 โรมาเนียยกเลิกเมื่อปี 2550 แต่ไทยยังไม่ยอมยกเลิก ทั้งๆ ที่องค์การสหประชาชาติมีการประชุมปรึกษาหารือกัน สรุปว่า การเกณฑ์ทหารขัดกับปฎิญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งที่ประชุมใหญ่สมัชชาแห่งประชาชาติให้การรับรองเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2491 70 ปีมาแล้ว แต่ไทยไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิทธิ ประเทศอื่นๆ ที่ยังเกณฑ์ทหารกันก็มี แต่เกณฑ์แล้วมีการทุจริตแบบไทยหรือเปล่า เขาเอาไปเป็นแรงงานทาสหรือเปล่า" เสรีพิศุทธ์ ยกคำพูดของของมหาตมา คานธี ที่เคยกล่าวว่า รัฐที่คิดว่าสามารถบังคนประชาชนให้ไปร่วมสงครามได้ตามใจชอบ ย่อมไม่มีวันที่จะคิดถึงคุณค่าและความสุขของประชาชนในยามสงบ พูดให้ง่ายคือรัฐใดที่เกณฑ์ทหารแม้ในยามศึกสงครามก็ยังถือเป็นรัฐที่มองไม่เห็นคุณค่าและความสุขของประชาชน แต่ในประเทศที่ไม่มีสภาวะสงครามแต่ยังเกณฑ์ทหาร และเรียกเกณฑ์จำนวนมาก เสรีพิศุทธ์ เห็นว่าเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความสุขของคนในชาติมากยิ่งกว่า มากไปกว่านั้นเขาเห็นว่า การเกณฑ์ทหาร นำมาซึ่งความสูญเสียและสิ้นเปลืองในทางเศรษฐกิจ ผลตอบแทนที่ได้ เมื่อเทียบกับต้นทุนที่รัฐต้องจ่าย และประชาชนต้องจ่ายกับการเกณฑ์ทหารนั้นอยู่ในระดับต่ำ และเป็นการใช้แรงงานของชาติจำนวนมากไม่ในทางที่ไม่ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของผลิตมวลรวมของประเทศ "สรุปแล้วเนี่ยมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยเรื่องการเกณฑ์ทหาร ผมเองเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ไม่ได้ลิ้มรสในเรื่องของทหารเกณฑ์หรอก แต่ก็รู้ว่ารุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลานที่มันไปเกณฑ์ทหารมันเป็นอย่างไร ทหารเนี่ยใช้ช่องทางนี้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำส่วนหนึ่ง ถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของหน่วยเลย มีทั้งโกงก่อนจะเข้า ไม่เกณฑ์จ่ายเท่าไหร่ เอาใบรับรองแพทย์จ่ายเท่าไหร่ แล้วให้สัสดีอีกเท่าไหร่ หรือพอเข้าไปแล้วไปเป็นทหารเขาก็ตัดงบจากเสื้อผ้า เครื่องแบบ หมวก อุปกรณ์การฝึก ถุงเท้า รองเท้า ค่าอาหาร เงินเดือน ทหารเกณฑ์ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างตามนี้ไหม มันเป็นช่องทางการทุจริต เราถึงได้ข่าวกันมาตลอดเวลาว่ามีการปล่อยทหารกลับบ้านแล้วให้นายรับเบี้ยเลี้ยงแทน หรือถ้าไม่กลับบ้านก็ไปอยู่บ้านนายทหารไปรับใช้ ตัดหญ้า ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาด ขับรถทำนู่นทำนี่ แม้กระทั่งซักกางเกงในให้เมียนายก็มี หรือเอาไปเป็นเด็กเสริฟร้านอาหารก็มีเป็นข่าวอยู่ เอาไปใช้แต่เรื่องส่วนตัวทั้งสิ้น เกษียณไปกี่ปีก็ยังมีทหารรับใช้ ในขณะที่งบการฝึกเบิกเต็มแต่ไม่ได้ใช้จริง แล้วงบมันหายไปไหนหมด" เสรีพิสุทธ์ ชี้ให้เห็นว่าในความเป็นจริงแล้วทหารเกณฑ์ของไทยแทบจะไม่ได้มีการฝึกมากนัก หลังจากฝึกช่วง 10 สัปดาห์เสร็จแล้วมีการแยกเหล่าทหาร ทหารใหม่แต่ละคนจะไปอยู่สังกัดตามกรม หรือกองพันต่างๆ หลังจากนั้นจะมีเพียงการฝึกเบื้องต้นเท่านั้นเช่น การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า และบุคคลประกอบอาวุธ แต่มีน้อยที่จะได้จับปืน หรือฝึกการใช้อาวุธ ในขณะที่งบการฝึกมักจะมีการบังคับให้เซ็นเบิกเต็มจำนวน หัวอกทหารเกณฑ์เป็นรั้วของชาติ/ชาตินักรบ หรือเป็นแค่ขี้ข้านายทหารก่อนหน้านี้นี้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊คพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้โพสต์คลิปสัมภาษณ์เรื่องข้อเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร หลังจากนั้นมีหลายคนที่เป็นทหารเกณฑ์ หรือเคยเป็นทหารเกณฑ์เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น เสรีพิศุทธ์ รวบรวมข้อมูบทั้งหมดมาเพื่อชี้ให้เห็นว่า การเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ และเป็นไปเพื่อการทุจริตของกองทัพ และเป็นสิ่งที่ทำลายอนาคตของคนวัยหนุ่ม
"นี่คือความเห็นของพวกเขา ฉะนั้นเกณฑ์ไปทหารแสนคน เพิ่มยอดไปทำไม ก็เพิ่มยอดเพื่อการนี้แหละ เอาไปเป็นประโยชน์ของพวกทหาร ตอนเกณฑ์ก็เป็นผลประโยชน์ของพวกสัสดี แต่พอเกณฑ์แล้วส่งไปอยู่กองพัน กองร้อยต่างๆ ก็จะเป็นพวกทหารที่จะไปกินงบประมาณ แล้วมันทำลายประเทศชาติขนาดไหน เพราะการที่ประชาชนไม่ได้ประกอบอาชีพของตน แล้วต้องไปเป็นทหารมันไม่ทำให้ GDP เพิ่ม เป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล" "คนวัยนี้อายุ 20 กว่า เป็นแรงงานของชาติที่จะต้องทำนู่น ทำนี่ แต่แทนที่จะได้เข้าไปเกณฑ์ทหารและเป็นทหารรับใช้ชาติจริงๆ อย่างสง่าผ่าเผยแบบลูกผู้ชายจริงๆ กลับกลายเป็นการทุจริตกัน ก็ให้ทหารตอบมาละกันว่าไม่มีทุจริต ผมไม่ได้มาฟังแค่ที่คอมเม้นกันมานะ ผมมีเพื่อน 4 เหล่า มันก็คุยกันมาตลอด 40 ปี ก็รู้กันหมดข้อเท็จจริงต่างๆ เหล่านี้ปฏิเสธไม่ได้เลย" ทหารไม่ต้องเกณฑ์ ใช้ระบบสมัครใจ สร้างสวัสดิการที่ดี ทำให้เป็นทหารมืออาชีพ ไม่ใช่ขี้ข้ารองมือรองตีนเสรีพิศุทธ์ พูดถึงข้อเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารเพราะเห็นว่า เป็นการบังคบคนโดยไม่มีความสมัคร หากประเทศชาติที่ความจำเป็นต้องสู้รบ ประสิทธิภาพในการสงครามจะไม่สามารถสู้ใครได้เลยเพราะคนที่ถูกเกณฑ์ไปรบคือคนที่ไม่สมัครใจ ฉะนั้นทางแก้คือ การยกเลิกทหารเกณฑ์และรับเฉพาะคนที่สมัครใจเท่านั้น "ถ้าบอกว่าประเทศมีศึกสงคราม จะต้องเอาทหารไปสู้รบ คุณอ้างแบบนั้น แต่คุณเอาคนที่ไม่ได้ตั้งใจไปรบ แล้วมันจะชนะเขาไหม นี่ยังไม่ต้องพูดถึงระบบระยำๆ ที่กันมาตลอด ถึงคุณเอาเขามาฝึกแต่เขาไม่อยากรบ ก็ไม่ชนะใครเขาหรอก จริงๆ มันควรงดเลิกทหารเกณฑ์แล้วแก้ไขด้วยวิธีการรับสมัครบุคคลที่ที่อยากเป็นทหารจริงๆ มารับใช้ชาติ มันมีลูกชาวบ้านที่มีงานทำเยอะไป ต้องเปิดรับสมัครมีเงินเดือนมีสวัสดิการที่ดี ใครก็อยากเข้ามาเป็น แต่ถ้าเป็นคนที่เขามีรายได้ทางอื่นอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง ดารา นักร้องค่าตัวเขาวันละเท่าไหร่ ไปออกงานที่ค่าตัวเขา 2-3 แสนต่อวัน แล้วมาจับเขาเกณฑ์ทหาร พอมาเป็นทหาร 2 ปีออกไปหมดละงาน ไม่มีใครจ้างก็เสียอนาคตหมด" "เขาทำมาหากิน เขาเสียภาษีก็ถือว่าเขาช่วยชาติแล้ว อย่างน้องทำงาน ทำอาชีพอิสระน้องเสียภาษีเปล่า ก็เสีย ก็ช่วยชาติแล้ว การช่วยชาติก็คือการเสียภาษี สำคัญที่สุด ไม่ใช่ว่าช่วยชาติต้องไปเป็นทหาร ไม่ใช่ ไม่มีความจำเป็น" เสรีพิศุทธ์ เห็นการยกเลิกระบบเกณฑ์ทหารเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตในกองทัพได้ แต่ต้องเปลี่ยนกระบวนการในการฝึกทหารทั้งหมด โดยต้องมีการฝึกอบรบอย่างจริงจัง ให้เรียนรู้วิชาการของทหาร แล้วเปิดโอกาสให้มีสิทธิสอบเป็นนายสิบ หรือมีการฝึกอาชีพให้เพื่อให้พลทหารสามารถออกไปประกอบอาชีพได้ ไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์ไม่ใช่ลูกผู้ชาย คุณเอาอะไรมาคิดอ่ะเมื่อถามว่าส่วนใหญ่แล้วครหาของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหารมักถูกประณามคือ คุณไม่ใช่ลูกผู้ชาย เสรีพิศุทธ์โต้กลับอย่างฉับพลัน "ถ้าไม่เกณฑ์ทหารไม่ใช่ลูกผู้ชายเหรอ คุณเอาอะไรมาคิดอ่ะ แล้วคนเป็นทหารเนี่ยนะ จบโรงเรียนเตรียมทหารด้วยนะ จบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าด้วยนะ ไอ้นาฬิกา 26 เรือนยังไม่ยอมรับมึงลูกผู้ชายเหรอ ฮ่ะ มึงลูกผู้ชายเหรอ ตอนแรกบอกแหวนแม่ พอผมบอกแหวนแม่ได้ไง แม่นิ้วแค่นี้ไปใส่นิ้วคุณได้ไงนิ้วไง นิ้วอย่างกับควาย ไปใส่ได้ได้ไง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแหวนพ่อ ส่วนนาฬิกาไปยัดเยียดคนตาย 26 เรือน อย่างนี้ลูกผู้ชายเหรอ เพราะฉะนั้นมันไม่เกี่ยว เกี่ยวมั้ย คุณเรียนสถาบันนี้ หลักของชาติเลย คุณลูกผู้ชายเปล่า" สั้นกระชับ ได้ใจความ...... แทบจะไม่เหลืออะไรให้พูดอีก เมื่อถามต่อว่า เห็นมีหลายคนเคยพูดเรื่องทหารเกณฑ์มาเยอะ แต่ในทางปฏิบัติเคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่ เสรีพิศุทธ์ให้ความเห็นว่า เป็นไม่ได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะทหารเกณฑ์คือ อู่ข้าวอู่น้ำ ของกองทัพ "ไม่มีเหรอ ทหารจะไปยอมได้ไง ก็นี่มันอู่ข้าวอู่น้ำเขา มันทจุริตไปตั้งแต่ก่อนเข้า แล้วก็เข้าไปก็ช่วยทหารในระบบราชการไปจนถึงทหารเกษียณ บางคนเกษียณไป 15 ปียังมีทหารรับใช้อยู่เลย แล้วมีทหารไว้ทำไมอ่ะ เอาไว้รับใช้พวกทหารเกณฑ์เนี่ยเหรอ มันต้องเลิกดิ ตำรวจมีไหมละ พวกเป็นนายพลเขาก็ไม่อยู่บ้านหลวงกันแล้ว นี่ทหารเป็น ผบ.เหล่าทัพ มีบ้านไม่รู้กี่หลังต่อกี่หลัง ปลูกกันอยู่ในค่ายทหารนั่นแหละ น้ำหลวง ไฟหลวง คนรับใช้ฟรีหมด ของผมบ้านก็ปลูกเองอยู่มาตั้งแต่เป็นรองผู้การ บ้านตัวเอง น้ำไฟตัวเอง ตำรวจรับใช้ก็ไม่มี แล้วทำไมทหารต้องพิเศษว่า ข้าราชการอื่นละ" เมื่อถามต่อว่า ในเมื่อทหารก็มีอำนาจมากในปัจจุบัน และก็ไม่ยอมเปลี่ยนเปลี่ยนอะไรสักอย่าง จะต้องทำอย่างไรถึงจะมีการเปลี่ยนแปลง เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า "คุณถามว่าต้องทำไง คุณเอาคนไม่มีปัญหาไปทำมันก็ทำไม่ได้หรอก คุณต้องเอาผมไปทำ ผมถึงจะทำได้ เข้าใจไหม เอาใครละ ไม่อย่างพูดแค่เห็นหน้าทหารก็กลัวแล้ว ของผมมันจะมีอะไร ประยุทธ์มันก็รุ่นน้องผม เลือกตั้งเมื่อไหร่เอาผมไปดิ เดี๋ยวผมไปจัดการ" เมื่อถามต่อว่า สรุปว่า ยกเลิกทหารเกณฑ์คือ นโยบาย ของพรรคเสรีรวมไทย เสรีพิศุทธ์ตอบว่า "นี่มันส่วนนิดหน่อย ผมคิดจะปฏิรูปทหารทั้งกองทัพ ไอ้เรื่องทหารเกณฑ์มันนิดเดียวจิ๊บจ๊อย...." 000000 โปรดติดตามต่อไป ว่าด้วยความคิดเรื่องการปฏิรูปกองทัพของ เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เร็วๆ นี้ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แจ้งความกล่าวโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผู้เเพร่ภาพสามกษัตริย์สวมหน้ากากป้องกันมลพิษ Posted: 31 Mar 2018 02:22 AM PDT ผู้ว่าราชการ จ. เชียงใหม่ มอบอำนาจให้ป้องกันจังหวัด นำหลักฐานเข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีมีผู้เผยแพร่ภาพวาดสามกษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ สวมใส่หน้ากากอนามัย ชี้เป็นการลบหลู่ ไม่เคารพ และกระทบต่อจิตใจคนเชียงใหม่ ด้านเจ้าของ 'City Life Chiang Mai' แจงที่มาภาพ 3 กษัตริย์สวมหน้ากาก ขอโทษหากไม่เหมาะสม สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่ รายงานเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมาว่าที่ สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายศิริพงษ์ นำภา ป้องกันจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับมอบอำนาจ จากนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้นำหลักฐานเข้าดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กรณีที่ปรากฏภาพในสื่อโซเชียล ใช้ชื่อว่า "City Life Chiang Mai" ได้เผยแพร่ภาพ เกี่ยวกับ อดีตพระมหากษัตริย์ไทยสามพระองค์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ โดยมีหน้ากากสวมปิดพระพักตร์ทั้งสามพระองค์ และมีข้อความเป็นภาษาไทยว่า "มาร่วมกันเอาอากาศของเราคืนมา" และข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า "Powerful painting by student at Prem,Piyapan Thiamthakorn,who pained this as part of grade 12 IB Diploma" ลงในเฟสบุ๊ค โดยการเข้าแจ้งความกล่าวโทษในครั้งนี้ เนื่องจากพิจารณาเห็นแล้วว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอดีตพระมหากษัตริย์ทั้งสามพระองค์ เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่ และทรงเป็นผู้ร่วมกันก่อตั้งเมืองเชียงใหม่จนถึงทุกวันนี้ การนำภาพที่มีหน้ากาก สวมปิดพระพักตร์ ทั้งสามพระองค์ จึงเป็นการกระทำที่ลบหลู่ ไม่เคารพ และส่งผลกระทบต่อจิตใจ ของประชาชนชาวเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และเกิดความไม่มั่นคงในเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ อาจเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ. ศ. 2550 และจากข้อความ "Powerful painting by student at Prem, Piyapan Thiamthakorn, who pained this as part of grade 12 IB Diploma" จึงสันนิฐานว่า ภาพวาด ดังกล่าวเป็นฝีมือของ Piyapan Thiamthakorn การที่ผู้ใช้นามว่า City Life Chiang Mai ได้เผยแพร่ภาพ ซึ่งไม่ใช่ภาพของตน จึงอาจเป็นความผิดมาตรา 16 แห่งกฎหมายฉบับเดียวกันได้ จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ทำการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป เจ้าของ 'City Life Chiang Mai' แจงที่มาภาพ 3 กษัตริย์สวมหน้ากาก ขอโทษหากไม่เหมาะสม วันนี้ (31 มี.ค.) ว๊อยซ์ทีวี รายงานว่าภิมทร์ เขมะสิงคิ เจ้าของนิตยสาร Citylife Chiang Mai ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากเจ้าหน้าที่ สำหรับรูปดังกล่าว เป็นฝีมือการวาดของเด็กนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตนเคยเห็นภาพนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว ภายหลังจากที่มีการรวมตัวทำกิจกรรมเรื่องมลพิษทางอากาศ คุณครูของน้องนักเรียนก็ส่งภาพนี้มาให้ ตนเห็นว่ามีพลัง และเจ้าของผลงานก็อนุญาตให้เผยแพร่ได้ จึงโพสต์ภาพนี้ไปโดยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร แต่เมื่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จึงได้ลบภาพนี้ออกไปทันที ภิมทร์ กล่าวยืนยันว่า เจตนาที่แท้จริงคือการพูดคุยเรื่องสุขภาพเท่านั้น ตนทราบดีว่าเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ที่จะแก้ปัญหาได้อย่างทันทีทันใด แต่ประเด็นของเราไม่ได้ต้องการจะกล่าวหาหรือว่าใครว่าไม่ทำงาน เราเพียงแค่อยากให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่เท่านั้น ด้านศิลปินที่อยู่เบื้อหลังผลงานชิ้นดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ musicsgallery เป็นภาษาอังกฤษระบุว่าเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่มีการคุกคามให้ City Life Chiang Mai ปลดภาพดังกล่าวออก "มันเป็นเรื่องน่าอายที่มีคนเจ็บปวดกับภาพแต่ไม่เจ็บปวดกับมลพิษในอากาศที่พวกเขาสูดหายใจเข้าไป" ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
เผยคณะเภสัชฯ ม.รังสิต ผลิต 'ยาพ่นกัญชาบรรเทาปวด' เตรียมขึ้นทะเบียน อย. Posted: 30 Mar 2018 09:56 PM PDT 'อาทิตย์ อุไรรัตน์' อธิการบดี ม.รังสิต โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวว่าคณะเภสัชศาสตร์ ได้ผลิตยาพ่นกัญชาบรรเทารักษาอาการเจ็บปวดจากการรักษาทางเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งได้สำเร็จแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขอจดทะเบียน อย. ให้ใช้สำหรับผู้ป่วยได้ต่อไป ด้านรองเลขาธิการ อย. ระบุต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน ยิ่งเป็นกัญชาก็ต้องผ่านคณะกรรมการยาเสพติด กว่าจะขึ้นทะเบียนก็ต้องใช้เวลานาน เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์รูปภาพและข้อความผ่าน เฟสบุ๊ส่วนตัว ว่า "คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผลิตยาพ่นกัญชาบรรเทารักษามะเร็งสำเร็จแล้ว คณบดีและคณาจารย์นักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้นำยาสเปรย์ Cannabis กัญชา บรรเทารักษาอาการเจ็บปวดและอาเจียรจากการรักษาทางเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งได้สำเร็จแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขอจดทะเบียน อย.ให้ใช้สำหรับผู้ป่วยได้ต่อไป" ด้าน MGR Online รายงานว่า นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่ามหาวิทยาลัยรังสิต ได้ขออนุญาตศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อพัฒนาเป็นยารักษาโรค ตั้งแต่ปี 2560 ต่อเนื่องถึงปี 2561 ซึ่งข้อมูลที่นำมาเผยแพร่นั้น ยังเป็นเพียงการพัฒนาเท่านั้น ยังไม่สามารถนำมาขอจดจดทะเบียนจาก อย. ได้ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน เนื่องจากแค่การขึ้นทะเบียนยาปกติก็ใช้เวลาเป็นปี ยิ่งเป็นกัญชาก็ต้องผ่านคณะกรรมการยาเสพติด กว่าจะขึ้นทะเบียนก็ต้องใช้เวลา ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
โพลระบุคน กทม. ไม่ถึงครึ่งรู้ว่าวันที่ 2 เม.ย. เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย Posted: 30 Mar 2018 09:25 PM PDT บ้านสมเด็จโพลระบุ คน กทม. ไม่ถึงครึ่งรู้ว่าวันที่ 2 เม.ย. เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย อยากให้มีกิจกรรมแต่งชุดไทย และชุดไทยช่วยส่งเสริมสินค้าของชุมชนและการท่องเที่ยว 31 มี.ค. 2561 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพล สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทย โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,195 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 27 - 30 มี.ค. 2561 ซึ่งกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่าประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง ผู้ช่วยศาสตราจารย์สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยว่ากระแสละครบุพเพสันนิวาส ออเจ้า ตัวละครอย่างแม่หญิงการะเกดและพ่อหมื่นเดช ที่ทำให้เกิดกระแสคนไทยทั้งประเทศมีการแต่งกายชุดไทยหรือผ้าไทยไปทั้งประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านั้นการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยไปร่วมงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว ที่ส่งเสริมให้ผู้มาเที่ยวชมแต่งกายด้วยชุดไทย เพื่อให้เกิดการรักษาและสืบสานวัฒนธรรมไทย ซึ่งในอดีตกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องในการปลุกกระแสให้คนไทยมีการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ที่นำผ้าไหมไทยมาทำเป็นชุดให้ผู้นำนานาชาติสวมใส่ และรัฐบาลประกาศให้เจ้าหน้าที่รัฐแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยทุกวันศุกร์ แต่ไม่สามารถให้ประชาชนคนไทยร่วมกันแต่งกายชุดไทยหรือผ้าไทยได้เท่ากับในปัจจุบัน ซึ่งทุกวันที่ 2 เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวง ในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ รัฐบาลจึงกำหนดให้เป็น วันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อรณรงค์ให้มีการสงวนรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติอย่างถูกวิธี เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและภาคเอกชนได้มีความรู้สึกร่วมในความเป็นเจ้าของโบราณสถาน โบราณวัตถุและร่วมรับผิดชอบดูแลทะนุบำรุงรักษาได้เป็นมรดกไทยประจำถิ่น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น และเพื่อลดอัตราการสูญเสีย และการถูกทำลายของโบราณสถานโบราณวัตถุให้น้อยลง ความคิดเห็นของประชาชนต่อการแต่งกายชุดไทยหรือผ้าไทย โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทราบว่าวันที่ 2 เมษายน ของทุกปีเป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย ร้อยละ 45.9 อันดับที่สองคือไม่ใช่ ร้อยละ 39.3 และอันดับที่สามคือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 14.8 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เคยแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยในรอบ 1 ปี ร้อยละ 52.7 อันดับที่สองคือไม่ใช่ ร้อยละ 32.6 อันดับที่สามคือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 14.7 และอยากให้ประชาชนมีการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 58.2 อันดับที่สองคือไม่อยาก ร้อยละ 23.7 และอันดับที่สามคือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 18.1 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่าการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยจะช่วยกระตุ้นจิตสำนึกในการร่วมอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยอันดีงาม ร้อยละ 68.2 อันดับที่สองคือไม่ใช่ ร้อยละ 19.7 และอันดับที่สามคือไม่แน่ใจ ร้อยละ 12.1 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่าการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยจะช่วยส่งเสริมสินค้าของชุมชน ร้อยละ 63.8 อันดับที่สองคือไม่ใช่ ร้อยละ 17.5 อันดับที่สามคือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 18.7 และคิดว่าการแต่งกายชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทยจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ร้อยละ 64.3 อันดับที่สองคือไม่ใช่ ร้อยละ 17.7 และอันดับที่สามคือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 18.0 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยากให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชนมีกิจกรรมส่งเสริมการแต่งชุดไทยหรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทย ร้อยละ 61.2 อันดับที่สองคือไม่อยาก ร้อยละ 21.6 อันดับที่สามคือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 17.2 และอยากให้หน่วยงานที่ท่านทำงานหรือศึกษาอยู่กำหนดให้มีชุดยูนิฟอร์มเป็นชุดไทยหรือชุดยูนิฟอร์มที่ตัดเย็บจากผ้าไทย ร้อยละ 58.4 อันดับที่สองคือไม่อยาก ร้อยละ 24.9 และอันดับที่สามคือ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 16.7 ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
จะล้มเหลวสักอีกกี่ครา...จึงจะปรับปรุงขั้นตอนการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติ Posted: 30 Mar 2018 09:09 PM PDT "ปีนี้มันยุ่งยากกว่าทุกปี โดยเฉพาะจุดแสตมป์วีซ่าและขอใบอนุญาตทำงาน" เขาบอกว่าใช้ได้สองปี ผมกังวลว่า จะใช้ได้ถึงสองปีเต็มหรือเปล่า เดี๋ยวก็เลือกตั้งแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่านโยบายจะเปลี่ยนอีกไหม กำลังเก็บเงินได้ ก็ต้องมาเสียค่าต่อบัตรอีกแล้ว" ผมเพิ่งมาวันนี้ตอนตี 4 เพิ่งทำเสร็จจุดเดียวคือตรวจเอกสาร พรุ่งนี้ตอนห้าทุ่ม (ห้าทุ่มของวันที่ 29 มีนาคม) เจ้าหน้าที่ให้มาใหม่ ผมได้คิว 380 กว่ารอแสตมป์วีซ่า มันเป็นตามคิวครับ ผมได้คิวช่วงวันนี้ และคนอื่นๆ ก็ได้คิวตรงกัน คนมันก็เลยเยอะ" "น้องมา 5 วันนี้หละมาจากแม่แจ่ม พ่อกับแม่ไม่ให้นอนที่นี่มันอันตราย เช่าห้องอยู่ที่กาดหลวงคืนละ 250 บาท น้องรอจ่ายเงินค่าบัตรสุขภาพ...ไม่รู้ว่าจะนัดมาตรวจเลือดวันไหน" "ค่าใช้จ่ายประมาณ 6,100 บาท และน้องต้องจ่ายค่ากรอกเอกสารอีก 1,000 บาท....โน้น..เขานั่งอยู่ด้านหลังนั้น ป่านนี้กลับล่ะมั้ง (ขณะนั้นเวลา 20.25 น.)" ไหนจะต้องเสียค่ารถ ค่าที่พัก ค่ากินอีก เยอะอยู่ค่ะ.. "ผมมาจากฝางครับ มานอนที่นี่ 3 คืนครับ ไป - กลับ ไม่ไหว มันไกล ...ผมก็นอนแถว ๆ นี่แหละครับ เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 6,500 บาทครับ วันนี้ของผมเสร็จแล้ว แต่เพื่อนบางคนที่มาด้วยกันยังไม่เสร็จ มันตามคิวครับ" "น้องอายุเพิ่ง 7 เดือน (ลูก) ต้องเอามาด้วย ไม่มีใครดูแลให้ มา 3 วันล่ะ นี่ก็รอจ่ายเงินค่าบัตรสุขภาพ" "เสร็จแล้วค่ะ จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เขานัดอีกทีวันที่ 5 เมษายน ได้คิวที่ 300 กว่า" นั่นเป็นคำบอกเล่าของแรงงานข้ามชาติที่มาทำการขึ้นทะเบียนและต่อใบอนุญาตทำงานที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ เชียงใหม่ เพื่อทำให้ตนเองอยู่ในประเทศไทยและทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย ประมาณ 3-5 วันที่พวกเขาต้องมาอยู่ที่ หรือ มาที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ จากการพูดคุยกับคนงาน พร้อมกับทางเครือข่ายแรงงานภาคเหนือที่ได้นำน้ำไปให้กับพี่น้องคนงานเพื่อช่วยดับกระหาย ช่วงย่ำเย็นของวันที่ 27 มีนาคม 2561 3-5 วัน นั้นเป็นระยะเวลาที่ไม่น้อยสำหรับคนต้องทำมาหากิน ทำงานจึงจะได้ค่าจ้างที่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ นอกจากขาดรายได้ ต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,100 บาท โดยมีค่าแสตมป์ วีซ่า 500 บาท คำขอ 100 บาท + ใบอนุญาตทำงาน 2 ปี 1,800 บาท ตรวจสุขภาพ 500 บาท และบัตรสุขภาพ 3200 บาท ซึ่งไม่รวมกับค่ากรอกเอกสาร 1,000 บาท ค่าถ่ายรูป 80 บาท และ ถ่ายเอกสาร ซึ่งไม่ทราบว่าเสียอีกกี่สิบบาท ไหนจะค่าเดินทาง ค่ากินและอื่นๆ นี่เป็นค่าใช้จ่ายคร่าวๆ สำหรับแรงงานที่มายื่นด้วยตนเอง โดยไม่มีนายหน้า หากมีนายหน้าพวกเขาบอกว่าจะต้องจ่ายเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 2,000 บาทต่อคน อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะทำให้ตนนั้นอยู่และทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็ยอมที่จะต้องเสียทั้งเวลาและเงินทอง แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขารู้สึกกังวลค่อนข้างมากคือการต่อใบอนุญาตทำงานครั้งนี้มีอายุสองปี แต่พวกเขาจะสามารถใช้ได้ถึงสองปีเต็มหรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐไทยมีนโยบายออกมาใหม่ ๆ เสมอสำหรับการขึ้นทะเบียนและต่อใบอนุญาตทำงาน ความไม่มั่นคงของนโยบายได้สร้างปัญหาให้กับคนงานทั้งด้านจิตใจและรายได้ของครอบครัว สิ่งที่ไม่เห็นว่ามีการปรับปรุงของหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการขึ้นทะเบียนและต่อใบอนุญาตทำงานของแรงงานข้ามชาติคือ ขั้นตอนที่มีมากมายหลายขั้นตอน เอกสารที่ต้องตระเตรียมจำนวนมาก เอกสารที่ต้องกรอกมีเพียงภาษาไทย แรงงานไม่สามารถอ่านและเขียน ไม่มีบริการให้ความช่วยเหลือ นั้นหมายถึงคนงานต้องหาทางออกเองโดยยอมที่จะเสียเงินเพิ่มอีกหนึ่งพันบาทเพื่อให้คนในเงามืดจัดการกรอกและเรียงเอกสารให้ ถามว่าคนในเงามืดอยู่ที่ใด ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้านหลังอาคารทำการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จนั้นแหละ เสียงสะท้อนจากคนทำงานด้านสิทธิแรงงานข้ามชาติ หลังจากที่ได้เข้าไปสังเกตการณ์และนำน้ำไปแจก เธอบอกว่าทำกับคนเหล่านี้ยิ่งกว่าสัตว์ หมา แมวที่เลี้ยงไว้ในบ้านยังได้รับการดูแลดีกว่าคนงานเหล่านี้เสียอีก ทำไมนั้นนะหรือ นอกจากค่าใช้จ่ายและขั้นตอนมากมายในการต่อบัตรที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้นแล้ว นั้นก็คือสถานที่ ที่ไม่เอื้อต่อการนั่งรอระยะยาว ๆ ที่มีอากาศร้อนจัดในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิบางวันแตะที่ 36 องศาเซลเซียส มีเต็นท์เพียงไม่กี่หลัง คนทะลักออกนอกเต็นท์ โชคดีที่ฝนไม่ตก..ชีวิตนี้ต้องพึ่งโชคด้วยนะ ถึงจะมีชีวิตรอด ห้องน้ำมีอยู่สองแห่ง แห่งแรกอยู่ใกล้ ๆ กับอาคารที่ทำการ มีประมาณ 4 ห้อง เสียค่าบริการ 3 บาท ห้องน้ำไม่ต้องพูดถึงสกปรกมาก น้ำใช้ล้างก็ไม่มี แล้วจะเข้าอย่างไรล่ะ ก็ตอนจะเข้าไม่รู้นี่ว่าไม่มีน้ำ จ่ายแล้วก็ต้องเข้า ไม่ฉี่ไม่อึที่นี้แล้วจะไปปล่อยที่ไหน แห่งที่สองอยู่ไกลจากอาคารทำการประมาณ 600 -800 เมตร มีประมาณ 4 ห้องเช่นเดียวกัน ค่าบริการ 3 บาท ถามว่าพอไหม กับจำนวนคนที่หมุนเวียนอย่างช้าๆ ประมาณการไม่ต่ำกว่า 2000 – 3000 คนต่อวัน ....คำถามแรกที่เกิดขึ้น เพราะอะไรทางหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ขอความร่วมมือกับเทศบาลต่างๆ นำห้องน้ำเคลื่อนที่มาให้บริการกับคนเหล่านี้....เขาก็คน เราก็คน จะสัญชาติ เผ่าพันธุ์ใดก็ตาม ฟ้ามืดหลอดไฟในภายในอาคารก็พร้อมเพรียงกันติดพรึบ ส่องแสงสว่างทั่วบริเวณด้านในอาคาร ซึ่งมันก็จำเป็นอย่างมากนั้นแหละ เพราะ ต้องทำเอกสาร หากมืดๆ มัวๆ ก็คงได้เขียนผิด พิมพ์ผิดกันบ้าง แต่พอพ้นอาคารมา มีติดไฟบ้างที่เต็นท์ด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้ให้ความสว่างมากนัก พ้นเต็นท์หลังนั้นออกมาก็มืดแล้ว เต็นท์ด้านข้างไม่มีไฟแม้แต่ดวงเดียว คนงานนั่งรอด้วยความหวัง ที่มีความมืดเป็นเพื่อน ซึ่งต่างจากร้านค้าที่มาขายอาหารที่มีแสงสว่างซึ่งก็ไม่ทราบเช่นเดียวกันว่าเขาดำเนินการเองหรืออย่างไร เราจะถามหาความปลอดภัยและสุขภาพของคนงานในระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนและต่อใบอนุญาตทำงาน และกลุ่มที่ต้องนอนพักเอาแรง เพื่อดำเนินการต่อในวันรุ่งขึ้นได้อย่างไร ถามว่าเขาอยากนอนไหม คงไม่มีใครปรารถนาจะนอนที่นั้นหรอก อยากกลับที่พักไหม ทุกคนคงอยากกลับ แต่ก็กลับไม่ได้ เพราะมันไกล กลับไปแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินทางมาใหม่ หรือบางพื้นที่ไปถึงที่แล้วก็ต้องวกรถกลับกันเลยเชียว ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้นไม่ใช่น้อย ยอมที่จะต้องอยู่กันแบบมืด แบบเสี่ยงๆ ชีวิตของพวกเขามีทางเลือกมากไปกว่านี้หรือไม่? การขึ้นทะเบียนและการต่อใบอนุญาตทำงานในครั้งและที่ผ่านมา ได้สร้างความลำบากมากมายให้กับทั้งเจ้าหน้าที่ และแรงงาน หากมีความจริงใจ รัฐไทยควรออกนโยบายที่สอดคล้องกับความเป็นจริง และมีการปรับปรุงขั้นตอนให้เอื้ออำนวยความสะดวกต่อทุกฝ่าย...
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai | |
อดีตทหารเด็กพม่า ถูกสั่งจำคุกเพียงเพราะให้สัมภาษณ์เรื่องถูกบังคับเกณฑ์ทหารตอนเด็ก Posted: 30 Mar 2018 08:43 PM PDT อดีตทหารเด็กอองโคทวีเคยถูกบังคับเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพพม่าแม้ว่าเขายังเป็นผู้เยาว์ เมื่อเขาให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ต่อสื่อเรดิโอฟรีเอเชียกลับถูกจับกุมและดำเนินคดีข้อหายุยงให้เกิดความแตกตื่น และเพิ่งถูกตัดสินโดยศาลเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ตัวเขาเองพยายามแสดงออกประท้วงการตัดสินที่ดูไม่เป็นธรรมนี้มาโดยตลอด 30 มี.ค. 2561 สื่อดีวีบีรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมาศาลกรุงย่างกุ้งตัดสินลงโทษอดีตทหารเด็ก อองโคทวี (Aung Ko Htwe) ให้จำคุกและใช้แรงงานหนักเป็นเวลา 2 ปี เพียงเพราะอองโคทวีเคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อเรดิโอฟรีเอเชียภาคภาษาพม่าเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถูกบังคับเกณฑ์ทหารตั้งแต่ยังเป็นผู้เยาว์ ผู้พิพากษาจิตโคโค (Chit Ko Ko) ตัดสินลงโทษอองโคทวีโดยอ้างกฎหมายอาญามาตรา 505(b) ว่าด้วยการยุยงให้เกิดความแตกตื่นในหมู่ประชาชน โดยอองโคทวีถูกตัดสินลงโทษสูงสุดตามกฎหมายมาตรานี้ อองโคทวีถูกจับกุมหนึ่งสัปดาห์หลังจากในเรดิโอฟรีเอเชียเผยแพร่บทสัมภาษณ์เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยที่ในระหว่างการพิจารณาคดีอองโคทวีปฏิเสธจะให้ความร่วมมือในการดำเนินคดีกับเขา การดื้อแพ่งของเขาทำให้เขาถูกตัดสินว่าหมื่นศาลและถูกสั่งลงโทษจำคุก 6 เดือนไปก่อนหน้านี้ นอกจากคดีก่อนหน้านี้แล้วหลังการตัดสินคดีล่าสุดสถานีตำรวจในท้องที่ก็ฟ้องร้องอองโคทวีเพิ่มด้วยกฎหมายตราสหภาพมาตรา 7 จากการที่อองโคทวีเคยแสดงการประท้วงศาลด้วยการเหยียบฉบับคัดลอกของรัฐธรรมนูญพม่าปี 2551 ในการพิจารณาคดีเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้โจกท์ฟ้องร้องโดยอ้างว่าเขากระทำผิดโดยการแสดงออกลบหลู่ตราสหภาพ และถ้าหากพบว่ามีความผิดจริงกฎอาจจะถูกจำคุกเพิ่มสูงสุด 3 ปี ทนายความของอองโคทวี โรเบิร์ต ซาน ออง กล่าวว่าข้อกล่าวหาล่าสุดไม่มีมูลเพราะการเหยียบรัฐธรรมนูญไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นการทำลายตราสหภาพ ขณะที่ตัวอองโคทวีเองให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่าการตัดสินเขาในครั้งนี้เป็นความพยายามร่วมกันของอัยการและผู้พิพากษาที่พยายามยัดเยียดข้อหามาตรา 505(b) ใส่เขาให้ได้ อองโคทวีบอกว่ากองทัพไม่ใช่รัฐบาลหรือภาครัฐ ศาลจึงไม่สามารถตั้งข้อหาตามกฎหมายมาตรา 505(b) กับเขาได้ กฎหมายอาญา 505(b) ของพม่าระบุห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อความที่ "มีเจตนาสร้างหรือมีโอกาสสร้างความหวาดผวาหรือสร้างความแตกตื่นต่อประชาชน หรือต่อภาคส่วนใดก็ตามของสาธารณะ โดยอาจจะทำให้บุคคลใดๆ ก็ตามถูกกระตุ้นให้ก่อเหตุล่วงละเมิดต่อรัฐหรือต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม" เรียบเรียงจาก Ex-child soldier gets two years in prison for telling of forced conscription, DVB, 28-03-2018 http://www.dvb.no/news/ex-child-soldier-sentenced-two-years-prison-telling-forced-conscription/80350 ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai |
You are subscribed to email updates from ประชาไท. To stop receiving these emails, you may unsubscribe now. | Email delivery powered by Google |
Google, 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, CA 94043, United States |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น